[SF]We are... (Super Junior) - [SF]We are... (Super Junior) นิยาย [SF]We are... (Super Junior) : Dek-D.com - Writer

[SF]We are... (Super Junior)

โดย NiTRoGeN14

ผู้เข้าชมรวม

2,087

ผู้เข้าชมเดือนนี้

7

ผู้เข้าชมรวม


2.08K

ความคิดเห็น


15

คนติดตาม


4
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  7 ก.พ. 53 / 09:28 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น มิใช่ความจริงแต่อย่างใด
ขอความกรุณาอย่าคอมเม้นต์เกี่ยวกับการด่าทอทั้งต้นสังกัด หรือ ตัวบุคคลอื่น
เนื่องจากฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากอารมณ์ที่เห็นภาพๆหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต้องการก่อกระแสใดๆทั้งสิ้น!!!

หากพบเห็นคอมเม้นต์ไม่สุภาพ จะขออนุญาตลบทิ้งนะคะ
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    We are... (Super Junior)

     

    เมื่อตอนที่เรื่องเกิดขึ้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเรา ซูเปอร์ จูเนียร์... ไม่มีใครคิด... แม้กระทั่งพี่ฮีชอลคนที่สนิทกับพี่ฮันคยองมากที่สุด ไม่แม้แต่คยูฮยอนคนที่เป็นน้องรักของพี่ฮันคยอง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลย...

     

    .

    .

    .

     

    ผมยังจำได้ดีว่าวันนั้นเป็นวันที่เหมือนว่าฟ้าผ่าลงมาท่ามกลางวงล้อมของพวกเราที่นั่งเล่นกันอยู่ในห้องพักส่วนตัว พี่ซึงฮวานเดินมาหาเราพร้อมกับบอกว่าต่อไปนี้พี่ฮันคยองจะไม่สามารถทำกิจกรรมกับเราได้สักพักเพราะพี่ฮันคยองตัดสินใจฟ้องต้นสังกัด

     

    ผมจดจำใบหน้าที่ตึงเครียดของพี่ซึงฮวานได้แม่นยำ จำอาการตกใจของเพื่อนร่วมยูนิตเอ็มคนอื่นๆได้ และก็พอจะคาดได้ว่าเพื่อนร่วมวงที่อยู่ทางฝั่งนู้นจะเป็นยังไงกันบ้าง

     

    โจ คยูฮยอนโวยวายออกมาเป็นแรก เขาเอาแต่ถามพี่ซึงฮวานว่ามันไม่จริงใช่ไหม เป็นแค่เรื่องโกหกในอินเตอร์เน็ทเท่านั้นใช่ไหม แต่คำตอบที่ตอบกลับมาก็ทำให้ทุกคนแย่กว่าเดิมเมื่อคำตอบก็คือการยืนยันว่าใช่พร้อมกับเอกสารบางฉบับที่ถูกส่งมาให้อ่าน

     

    เฮนรี่กับโจวหมี่มองหน้ากันด้วยสายตาอึดอัด บรรยากาศในห้องเริ่มแย่เมื่อน้องเล็กอย่างคยูฮยอนเริ่มโวยวาย เขาหน้าแดงจัดด้วยความโกรธตาสองตาแดงกล่ำเมื่อคนจะร้องไห้และเอาแต่ตะโกนอาละวาดพร้อมกับพร่ำคำว่าโกหก หักหลัง แล้วก็ ทำไม...

     

    ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของคยูฮยอนนะ ในเมื่อผมเองก็สนิทกับพี่ฮันคยองไม่ต่างกันกับเขา เขาคือคนที่เราพึ่งพิงและไว้ใจ แต่ในเมื่อการที่เขาทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการหันหลังให้พวกเรา... แถมเป็นการหันหลังหนีในแบบที่ไม่เคยมีลางอะไรบอกล่วงหน้ายิ่งทำให้อาการรับรู้และตอบสนองย่อมจะรุนแรง

     

    คยูฮยอนวิ่งหนีเข้าห้องนอนเมื่อพี่ซึงฮวานตวาดให้ใจเย็นๆพร้อมกับสั่งให้เขาหุบปากซะ เด็กที่ไม่เคยแม้แต่จะมีใครกล้าแตะต้องจึงเกิดอาการเหวี่ยงขั้นรุนแรง ซึ่งก่อนจะเข้าห้องไปเขาก็กวาดข้าวของบนโต๊ะลงพื้นไปหมดแล้ว

     

    รยออุคที่นั่งอยู่เงียบๆก็เริ่มร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นของเขาฟังดูน่าสงสารจนเฮนรี่เริ่มร้องไห้ตามและมันก็ลามไปถึงทงเฮที่ขี้แย ผมมองหน้าพี่ซึงฮวานสลับกับโจวหมี่ก่อนจะตัดสินใจให้โจวหมี่เป็นฝ่ายดูแลคนขี้แยสามคนนั้นแล้วผมก็ออกไปคุยกับพี่ซึงฮวานข้างนอก

     

    พี่ซึงฮวานเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นสูบเมื่อเราออกมานั่งกันตรงระเบียงด้านใน ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดีได้แต่รอจนกว่าพี่ซึงฮวานจะเอ่ยปากออกมาก่อน จนในที่สุดเมื่อบุหรี่ใกล้จะหมดมวนเขาก็เริ่มเอ่ยปาก

     

    เขาบอกว่าสาเหตุที่พี่ฮันคยองฟ้องต้นสังกัดเป็นเพราะเขาอยากได้การพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งมันดูไม่น่าเลวร้ายอะไรหากไม่มีคนนอกเข้ามายุ่ง คนนอกพวกนั้นที่ว่าก็คือค่ายใหญ่ๆจากทางจีน พวกนั้นต้องการดึงตัวพี่ฮันคยองไปอยู่ด้วยเพราะกระแสความดังของพี่ฮันคยองในเมืองจีนมันไม่ใช่น้อยๆเลย พวกนั้นเกลี่ยกล่อมอีท่าไหนไม่รู้จนพี่ฮันคยองเริ่มคล้อยตามแล้วก็กลายเป็นอย่างที่เห็น เรื่องมันก็เกิดขึ้นจนได้ตามรอยของเพื่อนร่วมค่ายอย่างทงบังชินกิ

     

    ผมยืนฟังเงียบๆ ในใจก็นึกห่วงไปถึงอีกคนที่อยู่อีกแผ่นดินหนึ่ง พี่ฮีชอล... พี่เขาจะเป็นยังไงบ้างนะถ้าได้รู้เรื่องนี้ เพราะพี่ฮีชอลสนิทกับพี่ฮันคยองยิ่งกว่าใครๆ

     

    พอผมแยกออกมาจากพี่ซึงฮวานที่ขอสูบบุหรี่ต่อ ผมก็ต่อสายหาพี่ฮีชอลทันที เสียงสัญญาณดังอยู่สี่ห้าครั้งได้ถึงมีคนกดรับ เสียงของพี่ฮีชอลดูอู้อี้อยู่ในลำคอและค่อนข้างจะติดขัดตอนเราคุยกัน ผมพูดออกไปว่าพี่ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ร้องไห้นะ พี่ฮีชอลก็เลยหัวเราะเสียงดังมาตามสายแล้วบอกว่า "จะบ้าหรือไงชเว ซีวอน ฉันร้องไห้ไม่เป็นหรอก"

     

    พอผมถามถึงเรื่องพี่ฮันคยอง พี่ฮีชอลก็เงียบเสียงลงไปในทันทีแล้วเขาก็ตอบกลบมาว่าเขารู้แล้วพี่ฮันคยองโทรมาบอกเมื่อเช้าก่อนจะยื่นเรื่องต่อศาล ผมเลยอดถามไม่ได้ว่าพี่ฮีชอลไม่ได้ห้ามเขาเลยหรือไง คยูฮยอนอาละวาดเหมือนคนบ้าตอนที่รู้ข่าว พี่ฮีชอลถึงกลับมาหัวเราะได้อีกครั้งก่อนจะเงียบไปอีกที เขาตอบผมด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบาและฟังดูหวิวๆคล้ายคนจะเป็นลม "ฉันห้ามเขาไม่ได้หรอก ฉันเคารพความคิดของเขา ในเมื่อเขาคิดดีแล้วฉันจะไปห้ามเขาได้ยังไงกัน"

     

    ผมอดพยักหน้ารับไม่ได้ ผมพอเข้าใจความรู้สึกของพี่ฮีชอลนะแต่ก็... คงไม่รู้สึกลึกถึงขนาดเจ็บจนร้องไห้ออกมาเจียนตาย เป็นเวลาอยู่นานที่พี่ฮีชอลร้องไห้ จนในที่สุดสายก็ตัดไป คงมีใครบ้างคนเดินเข้ามาปลอบพี่ฮีชอลแล้วละมัง

     

    ผมเดินกลับเข้าหอมาอีกที ทงเฮกับโจวหมี่ก็ไม่อยู่แล้ว เฮนรี่ที่เพิ่งหายร้องไห้บอกกลับมาพร้อมเสียงสะอื้นว่าทงเฮเข้าไปคุยกับคยูฮยอนในห้องส่วนพี่ซึงฮวานก็เพิ่งลากโจวหมี่ออกไปคุยที่ระเบียง ผมเลยตัดสินใจเดินตามเข้าห้องไปหาคยูฮยอนด้วยอีกคน

     

    พอเปิดประตูห้องเข้าไปผมก็เจอคยูฮยอนนอนร้องไห้อยู่บนเตียง เขาคลุมโปงจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายผม ส่วนทงเฮก็นั่งอยู่ที่ข้างเตียงและก็คอยเรียกคยูฮยอนอยู่ไม่ขาด แต่น้องเล็กที่แสนดื้อดึงก็ไม่ตอบสนองยังคงนิ่งเหมือนหินสลัก

     

    ทงเฮเรียกอีกสองสามครั้งก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายแล้วหันมามองหน้าผม เขายักไหล่คล้ายจะขอความเห็น ผมเลยบอกให้เขาออกไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะดูคยูฮยอนเอง พอทงเฮออกไปผมก็เริ่มพูดออกมา ผมบอกคยูฮยอนไปว่าพี่ฮันคยองเขาคงคิดดีแล้วที่เขาทำแบบนี้ แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นแต่ผมก็รู้ว่าคยูฮยอนต้องฟังอยู่

     

    เสียงสะอื้นไห้ราวกับคนกำลังขาดใจค่อยๆดังขึ้นในห้อง ผมจึงรั้งตัวคยูฮยอนขึ้นมาทั้งผ้าห่มแล้วกอดน้องแน่น "ไม่เป็นไรนะ เชื่อพี่เถอะ... เดี๋ยวทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"

     

    .

    .

    .

     

    พอไม่มีพี่ฮันคยอง การโปรโมตในจีนก็ถูกระงับกระทันหัน พวกเราได้กลับมาที่เกาหลีกันทุกคน พอถึงหอพัก พี่ฮีชอลก็วิ่งเข้ามากอดคยูฮยอนเสียแน่น ไม่ไกลกันนักผมเห็นพี่จองซูยืนยิ้มอ่อนๆอยู่ด้านหลัง

     

    เสียงพูดคุยดังสนั่น ทั้งเสียงตะโกนและก็เสียงพูดคุยเบาๆของคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน ไม่นานนักพี่จองซูก็พอให้พวกผมที่เพิ่งกลับมาไปพักผ่อน พี่ฮีชอลเลยลากคยูฮยอนไปคุยกันในห้องนอน ส่วนผมก็ขอตัวจะกลับบ้านหากแต่พี่จองซูบอกให้คืนนี้ผมพักที่นี่ก่อนเพราะมีเรื่องจะคุย ผมเลยลากกระเป๋าเดินทางของผมกับน้องเล็กไปเก็บไว้ที่ห้องชั้นล่างแล้วก็ขออาบน้ำและงีบหลับเอาแรงสักพัก

     

    ตื่นมาอีกทีด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนเกือบจะตีสาม พี่จองซูโทรมาตามบอกว่ามีเรื่องจะคุย ผมเลยพบว่าที่ห้องชั้นล่างไม่มีใครนอกจากผมคนเดียว ผมเดินขึ้นไปหาพวกที่อยู่ข้างบนก็พบว่าสมาชิกที่เหลือนั่งกันอยู่ครบเต็มห้อง

     

    ไม่มีพี่ยองอุน ไม่มีคิม คิบอม และก็ไม่มีพี่ฮันคยอง...

     

    พอพี่จองซูเห็นหน้าผมก็เรียกให้ผมรีบมานั่ง ผมนั่งลงข้างๆพี่ฮีชอลที่ดวงตาสองข้างแดงก่ำไม่ต่างจากน้องเล็กที่ตาบวมแดงจมูกแดงเป็นกวางเรนเดียร์

     

    พี่จองซูบอกให้พวกเราเงียบกันก่อนจะโทรศัพท์ สักพักเสียงที่คุ้นเคยก็ดังตอบมา เป็นพี่ยองอุนนั่นเอง... พี่ยองอุนบอกว่าอีกไม่นานเขาจะกลับมา ขอเวลาให้เขาจัดการตัวเองอีกสักหน่อยแล้วเขาจะรีบกลับมา และก่อนจะวางสายไปพี่ยองอุนยังบอกอีกว่า พวกเราคือ ซูเปอร์ จูเนียร์ ตลอดกาล

     

    ผมสังเกตเห็นว่าพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องต่างก็อมยิ้มเล็กๆ สักพักพี่จองซูก็ต่อสายโทรศัพท์หาอีกคน คิม คิบอมรับสายด้วยร้ำเสียงงัวเงียก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อพี่ชินดงตะโกนว่าแม่แกร้องไห้แน่ะ ให้มาปลอบเร็ว พอหยุดหัวเราะคิบอมก็บอกพี่ฮีชอลว่าไม่ต้องห่วงนะ ยังไงพี่ก็ยังมีผมอยู่ อย่าลืมมาเชียร์หนังที่ผมเล่นด้วยล่ะ คราวนี้พี่ฮีชอลเลยได้หัวเราะออกมาดังๆ ก่อนจะวางสายไปคิบอมก็สำทับมาว่าแล้วเจอกัน

     

    เมื่อทั้งห้องกลับมาอยู่ในความเงียบอีกครั้ง พี่จองซูก็เริ่มพูด "ไม่ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าใส่ใจ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไป ตอนนี้พวกเราคือ ซูเปอร์ จูเนียร์ ที่เป็นที่รักของเอลฟ์ทุกคน เพราะฉะนั้นจะมามัวร้องไห้เศร้าซึมอยู่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแฟนคลับเหล่านั้นก็ต้องเศร้าไปกับพวกเราด้วย จึงขอให้ทุกคนยังคงยิ้มแย้มและมีรอยยิ้มเสมอ ถึงต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตามแต่ที่เลวร้ายมากกว่านี้แต่พวกเราก็จะยังคงเป็น ซูเปอร์ จูเนียร์ ตลอดไป ไม่มีวันใดและสิ่งใดที่จะทำให้ ซูเปอร์ จูเนียร์ของเราหายไปได้ แม้ว่านี่จะเป็นแค่คำพูดลมๆแล้งๆของคนแก่คนหนึ่งก็ตาม แต่ก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นตลอดไป ทำได้ไหม ซูเปอร์ จูเนียร์"

     

    พวกเราหัวเราะกันลั่นกับคนพูดติดตลกของพี่จองซูก่อนจะพร้อมใจกันตะโกนตอบกลับไปเสียงดัง "ได้!!! ซูเปอร์ จูเนียร์ ตลอดไป"

     

    พอจบการประชุมผมก็เดินตามพี่ฮีชอลและคยูฮยอนเข้าห้องนอน พี่ฮีชอลดูมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย ผมเลยพอวางใจได้ ส่วนคยูฮยอนก็นอนแผ่บนเตียงแล้วหลับตาคล้ายว่าเขากำลังเพลียจัด

     

    พี่ฮีชอลใช้เท้าเขี่ยให้คยูฮยอนเว้นที่ให้ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆแล้วดึงผ้าขึ้นมาห่มโดยผมก็คอยช่วยดึงผ้าให้ห่มสองร่างนั้นได้ พี่ฮีชอลกล่าวขอบคุณเบาๆ คำขอบคุณที่ผมพอจะเข้าใจว่าหมายถึงเรื่องอะไร

     

    สักพักเสียงงัวเงียของคยูฮยอนก็ดังขึ้นมา "ฮยอง กอดผมหน่อย"

     

    ผมและพี่ฮีชอลจึงหลุดหัวเราะออกมา พี่ฮีชอลหันตัวไปกอดน้องเล็กไว้ อีกมือก็ดึงให้ผมนอนทับคยูฮยอน บนเตียงขนาดควีนไซส์ไม่สามารถทำให้ผู้ชายตัวโตสามคนนอนร่วมกันได้เลย คยูฮยอนร้องโอดโอยเมื่อผมนอนทับเขาเต็มๆ ผมเลยต้องดึงให้คยูฮยอนขึ้นมานอนบนตัวผมแทนเพราะผมตัวใหญ่ที่สุด สักพักพี่ฮีชอลก็เขยิบที่ให้ว่างพอจะให้คยูฮยอนนอนตะแคงได้ น้องเล็กเลยคลานลงจากตัวผมไปนอนตะแคงข้างหาพี่ฮีชอล

     

    คยูฮยอนบ่นออกมาเบาๆว่าแคบ แล้วก็อึดอัดผมเลยต้องตะแคงข้างกอดคยูฮยอนจากข้างหลังแทนพวกเราสามคนเลยกลายเป็นแซนด์วิชสามชั้นแต่นอนไม่เบียดกันเท่าไหร่

     

    "พี่โทรหาพี่ฮันคยองติดไหม?" คยูฮยอนถามเบาๆ เมื่อตอนที่ผมเคลิ้มใกล้จะหลับแล้ว

     

    เสียงพี่ฮีชอลตอบกลับมาแผ่วเบา "ไม่... ถ้าฉันโทรติด ป่านนี้พวกเราก็คงได้คุยกับเขาแล้วล่ะ"

     

    "แล้วพี่ฮันคยองจะกลับมาไหม"

     

    เสียงเงียบไปนานจนผมคิดว่าสองคนนั้นหลับไปแล้ว แต่แล้วเสียงพี่ฮีชอลก็ดังขึ้น

     

    "ไม่รู้สิ..."

     

    "ผมคิดถึงพี่ฮันจังเลย"

     

    "แล้วคิดว่าฉันไม่คิดถึงมันหรือไง... ไอ้คนจีนบ้า ถ้าเจอตัวนะจะจับมาจูบโชว์เลยนิ"

     

    เสียงหัวเราะดังแผ่วๆก่อนจะหายไปพร้อมเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอของทั้งสองคนบอกว่าสองคนนั้นได้หลับลงไปแล้ว ผมขยับตัวให้กอดคยูฮยอนได้ถนัดขึ้นแล้วหลับตาลง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมก็ได้แต่เฝ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าขอให้เรากลับมาครบสมบูรณ์เหมือนเดิม กลับมาเป็นครอบครัวของเราเหมือนเดิม

     

     

     

     

     

     

    ผมหลับตาลงและคิดอยู่ในใจ... บางทีมันอาจจะเป็นแค่ฝันไป พอเมื่อตื่นขึ้นมาก็จะเห็นพวกเราครบสมบูรณ์เหมือนเดิม

     

     

     

     

     

    END

     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×