คะแนนรีวิวจากนักอ่าน
Human's Empire ::: ดารา สายพาน ธารหมอก
"ตามหาความหมายของชีวิตซะ ไปที่ๆเห็นดวงตะวันบนท้องฟ้า เห็นดาวเดือนตอนกลางคืน ไปให้พ้นที่นี่ ไม่งั้นเธอจะตาย!เขาหนีจากห้องทดลองสู่โลกที่แตกต่าง จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์ที่เรียกตนเองว่า'มนุษย์'
ผู้เข้าชมรวม
77,328
ผู้เข้าชมเดือนนี้
15
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รีวิวจากนักอ่าน
คะแนนรีวิวจากนักอ่าน
รีวิวถึงตอนที่ 10
Human’s Empire ดารา สายพาน ธารหมอก
เรื่องย่อ
เนเวิส เด็กชายที่เกิดมาเพื่อเป็นตัวทดลองกำลังถูกกำจัดในไม่ช้า เมื่องานวิจัยสิ้นสุดลง หากแต่ลิเลียผู้ดูแลและรักเขาดั่งแม่ไม่อาจยอมให้เด็กหนุ่มต้องเผชิญกับความตายเช่นตัวทดลองอื่น เธอจึงสั่งให้เนเวิสหนีจากห้องทดลองเพื่อใช้ชีวิตที่แท้จริงอย่างที่เธอปรารถนาให้เด็กหนุ่มเป็น
เนเวิสทำตามสัญญาโดยไม่ลังเล แต่การหนีไม่ใช่เรื่องง่าย เขาต้องพบกับอุปสรรคมากมาย ผู้ล่านับสิบที่ไล่กวดเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็รอดพ้นจากอันตรายนั้น หากแต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้เมื่อเขาเผชิญหน้ากับมนุษย์หน้าใหม่ที่ไม่เคยเห็น พวกเขาต้องการประโยชน์จากเนเวิสและเขาก็สู้สุดกำลังแต่มันก็ไม่อาจทำให้เขารอดพ้นจากกลุ่มคนเหล่านั้นได้ แต่เหตุการณ์ก็ดูเปลี่ยนใหม่เมื่อกลุ่มคนที่เขาคิดว่าเป็นฝ่ายทำร้ายกลับช่วยเหลือเขาไว้และนั่นทำให้เนเวิสได้พบกับครอบครัวใหม่ ครอบครัวที่ทำให้เนเวิสเริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างที่เขาควรจะเป็นเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลิเลีย
โครงเรื่อง (30/40)
การลำดับ (15/20) ในช่วงบทนำ – บทที่ 3 เป็นการเปิดเรื่องที่ดูเป็นนิยายแฟนตาซีไซไฟดีค่ะ อ่านแล้วจิตนาการตามและเห็นถึงโลกในอนาคตที่มีแต่ฝุ่นแดงๆ และวิวัฒนาการที่ดูล้ำหน้ามาก แต่หลังจากนั้น(บทที่4-7)ไซไฟก็ดูเป็นแค่ฉากแบกกราวน์ของเรื่องมากกว่าจะเป็นโทนหลัก เพราะผู้เขียนเน้นชีวิตของเนเวิสที่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมนุษย์ทั่วไปในดาวนั้นค่ะ มันทำให้ความเป็นไซไฟดูซาลงไปเลยและกลายเป็นเรื่องเล่าของเด็กผู้ชายคนหนึ่งไป
สำหรับมุมมองของผู้วิจารณ์แล้วคิดว่าการใส่รายละเอียดปลีกย่อยของชีวิตเนเวิสมากไปอาจทำให้ประเด็นของเรื่องในตอนแรกยืดเยื้อ ประเด็นที่ว่าก็คือเนเวิสเป็นตัวทดลองของใคร และงานทดลองที่ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรในอนาคตแล้วลิเลียจะเป็นอย่างไรต่อไป ผู้วิจารณ์อยากรู้ในส่วนนี้มากกว่าจะเป็นการใช้ชีวิตของเนเวิสในแต่ละวันค่ะ แต่เมื่ออ่านไปถึงตอน 7-8 แล้วประเด็นหลักที่คิดไว้ว่าจะพบก็ยังไม่เห็น มันทำให้ความน่าสนใจและอยากติดตามตอนต่อไปน้อยลงหรือบางทีอาจจะข้ามไปหาจุดที่ผู้วิจารณ์อยากจะรู้โดยไม่อ่านรายละเอียดในตอนต่างๆ ก็ได้ค่ะ ซึ่งจุดนี้อยากให้ลองพิจาณาปรับดู
การย้อนอดีตที่เกิดขึ้นระหว่างบท การย้อนอดีตบางครั้งก็ทำได้ดีค่ะ เช่น ช่วงต้นในบทที่ 4-5 เป็นการย้อนอดีตที่สามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ทำให้อ่านแล้วเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ แต่บางครั้งมันก็ดูไม่มีเหตุผล เช่นในบทที่สอง มีฉากต่อสู้กับหมาป่าโผล่มากลางบทโดยไม่มีการเชื่อมโยงกับเนื้อหาถัดไป จุดนี้อาจตัดไปเลยหรือปรับเปลี่ยนให้เนื้อหาคล้อยตามกันได้ค่ะ เช่น ให้ระบุไปว่าเนเวิสกำลังคิดเหม่อลอยไปถึงเรื่องเก่าๆ ก่อนจะเลิกคิดเพราะมีคนเดินเข้ามาหาเขาให้ห้องนั้นแล้ว เป็นต้น
ความสนุก (15/20) เท่าที่อ่านมาจุดความสนุกจะอยู่ในช่วงแรกๆ มากกว่าค่ะ ผู้วิจารณ์มองว่าในช่วงนั้นดูเหมาะกับการเป็นนิยายแนวไซไฟมากกว่า เพราะหลังจากตอนนั้น 4-8 ดูเป็นแนวดราม่าของเนเวิสซึ่งเป็นรายละเอียดที่ทำให้นิยายดูเรื่อยๆ และยังหาจุดพีคที่ดึงให้น่าติดตามในแต่ละบทไม่พบ ซึ่งระหว่างที่อ่านในบทนี้จะเห็นจุดที่น่าจะดึงดูดแฟนคลับได้คือ ฉากจิ้นของตัวละครมากกว่า เช่น เนเวิสกับม่าน หรือบางทีอาจเป็นเนเวิสกับเมฆเสียด้วยซ้ำ
ถ้าในมุมมองของผู้วิจารณ์ก็อยากเห็นจุดพีคแรงๆ ในช่วงบทที่ 6-7แล้ว เพราะด้วยแต่ละบทมันก็ยาวนะคะ ไม่ได้สั้น มันก็น่าจะไปถึงจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องบ้างสักที และถ้ามันไปโผล่ในบทอื่นที่ไกลกว่านั้น บทที่ผ่านมาก็ดูยืดไปเยอะทีเดียวทำให้ไม่อยากรออ่านแล้วค่ะ
ตัวละคร (18/20)
เนเวิส เป็นตัวละครทีทำให้ผู้วิจารณ์นึกถึงหนังเรื่องแชปปี้ จักรกลเปลี่ยนโลกค่ะ เป็นตัวละครที่ดูใสซื่อและอ่อนต่อโลกใบนี้มากๆ แต่ว่าโลกก็สอนให้เจอแต่สิ่งเลวร้ายที่เปลี่ยนให้ความใสซื่อกลายเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันได้ซึ่งเนเวิสก็คล้ายๆ กับแชปปี้ในจุดเริ่มต้นและการดำเนินชีวิต แต่ต่างกันตรงที่แชปปี้จะดูหม่นหมองและรันทดมากกว่า ส่วนเนเวิสยังโชคดีกว่ามากที่ได้พบกับครอบครัวของตะวันทำให้ชีวิตของเขาดูไม่โหดร้ายนัก ต้องยอมรับว่าผู้เขียนสะท้อนความไร้เดียงสาของเนเวิสได้ดีมากค่ะ อ่านแล้วรู้เลยว่าเนเวิสไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบบริสุทธิ์ใจจริงๆ ทำให้ผู้วิจารณ์อยากเห็นพัฒนาการของเนเวิสว่าจะสามารถไปได้มากกว่านี้ไหม หรือมีจุดหักเหให้เนเวิสเปลี่ยนไปยังไง โดยสรุปแล้วเนเวิสก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ
การใช้ภาษา (34/40)
การบรรยาย (17/20) รู้สึกว่าช่วงแรกๆ จะมีปัญหากับการบรรยายอยู่บ้างค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลื่นไหลตามลำดับ การบรรยายใช้ภาษาที่สวยงามมากขึ้น แต่บางทีก็ดูไม่สมดุลกับแนวเรื่องเท่าไหร่ เช่น ในบทที่สี่ ฉากในห้องน้ำที่ม่านกำลังอาบน้ำให้เนเวิสและเมฆเข้ามาเห็น รู้สึกว่าสำนวนการบรรยายกลายเป็นนิยายแนวผู้ใหญ่ไปหน่อยค่ะ ซึ่งไม่สอดคล้องกับอายุของตัวละครที่ไม่น่าจะเกิน 18 ปีและมีโทนเรื่องเป็นแนวไซไฟ ถ้าหากปรับให้การบรรยายเป็นภาษากลางๆ ก็อาจจะทำให้มุกที่ใส่ไปมันอินมากกว่านี้ก็ได้ค่ะ และเมื่อผ่านฉากนี้ไปสำนวนการบรรยายก็ดูอ่านง่ายขึ้นและกลับมาอยู่ในบรรยากาศของนิยายไซไฟ
ความถูกต้องของหลักภาษา (17/20) ตามจริงแล้วโดยส่วนใหญ่ผู้เขียนก็ทำได้ดีอยู่แล้วเพียงแต่อยากชี้ให้เห็นจุดเล็กๆ ที่นำไปพัฒนาได้
จุดไข่เปล่า เช่น “...ต่อด้วยข้อความ” อันนี้ผู้วิจารณ์ได้รับคำแนะนำจากกองบก. ท่านหนึ่งบอกว่าโดยหลักภาษาไทย การใช้จุดไข่ปลามักจะใช้ท้ายประโยคที่มีการอธิบายยืดยาวและย่นประโยคให้สั้นลง หรือถ้าใส่หน้าข้อความแล้วก็ต้องใส่หลังข้อความในกรณีที่ยกข้อความมาจากที่อื่น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใส่จุดไข่ปลา ให้ผู้แต่งบรรยายไปว่าตัวละครเว้นระยะการพูด หรือหยุดเงียบชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อไปแทนน่าจะดีกว่าค่ะ เช่นเดี๋ยวกับการใส่ “...” มันหมายถึงการเงียบไม่ตอบโต้อะไร ก็ให้บรรยายใส่ไปเลยจะดีกว่าค่ะ และจุดไข่ปลาควรมีแค่สามจุดเท่านั้นค่ะ อยากให้ผู้แต่งใส่ใจกับหลักการใช้เครื่องหมายให้มากกว่านี้นะคะ
ปรัศนี ? ตามความเป็นจริงหลักภาษาไทยไม่มีการใช้ค่ะ เพราะในภาษาไทยมีคำไทยที่เป็นคำถามในตัวมันเองแล้ว เช่น หรือ เหรอ หรือไม่ อะไร ที่ไหน อย่างไร แต่นอกเหนือจากนั้นก็สามารถใช้ได้ในกรณีที่ต้องการว่านี่คือการเน้นเพื่อตั้งคำถามเช่น แน่ใจว่านี่คือเค้ก? หืม? ห๊ะ? เป็นต้น
การเลือกใช้คำ ผู้แต่งยังพลาดกับการสะกดคำและใช้คำให้ตรงกับความหมายที่จะสื่ออยู่บ้างและมีคำฟุ่มเฟือยที่จะยกมาให้เห็นในตัวอย่าง ดังนี้
บทนำ ร่างหนึ่งโผล่ออกมาจนเด็กชายที่วิ่งไม่ลืมหูลืมตามาพักใหญ่เบี่ยงหลบไม่ทัน ต้องเบียดกระแทกอีกฝ่ายจนเด้งกลับเข้าไปทางเดิมที่ออกมา ปรับให้มีความลื่นไหลมากขึ้นเช่น
ฉับพลันร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาประจันหน้ากับเด็กชายที่วิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา เนเวิสชะงักเล็กน้อยก่อนใช้ไหวพริบเบียดกระแทกอีกฝ่ายจนกระเด็นกลับเข้าไปยังทางเดิม ราวกับว่าประสาทสัมผัสของเนเวิสตื่นตัวเต็มที่ เขารู้ว่าต่อจากนี้หากมีตัวอะไรโผล่มาอีกก็พร้อมใช้สัญชาตญาณที่มีหลบหลีกได้ทันการ เป็นต้น
เสียงกรีดร้องโวยวายไล่หลังชวนให้ตื่นตระหนกจนเด็กชายเผลอเพิ่มความเร็วโดยไม่รู้ตัว และเมื่อระยะทางยาวไกลเท่าไหร่ เขายิ่งอยู่ท่ามกลางสิ่งประหลาดมากยิ่งขึ้น เนเวิสสะกดความรู้สึกหวั่นไหวไว้ภายในใจ เขาวิ่งอย่างไรทิศทาง สัญชาตญาณบอกว่าไม่มีเวลาให้หยุดคิดหรือตัดสินใจใดทั้งนั้น เขาต้องหนี หนีไปให้พ้น ปรับเป็น
เสียงกรีดร้องไล่หลังชวนให้ตื่นตระหนก ฝีเท้าของเขาก็พลันก้าวเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อระยะทางยาวไกลเท่าไหร่ โดยรอบก็ดูแปลกประหลาดในสายตาของเขาไปหมด เนเวิสสะกดความหวั่นวิตกเอาไว้ เขาวิ่งไปโดยไร้ทิศทางที่แน่ชัดและสัญาตญาณของเขาก็ร้องเตือนอยู่ตลอด ไม่มีเวลาให้หยุดคิดหรือตัดสินใจทั้งนั้น เขาต้องหนี หนีไปให้พ้น
“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าขยับ” เสียงต่ำๆ ดังขึ้น ปรับเป็นว่า เสียงคำรามต่ำดังขึ้น หรือเสียงขู่ดังขึ้น
“ด...ดีมาก! ตัวทดลองทีนี้ก็ถอยหลังเข้าไปในห้องซะ” ร่างในชุดดำลายม่วงส่งเสียงเข้ม คำที่ขีดเส้นใต้มีความขัดแย้งกัน ต้นประโยคแสดงอาการหวาดกลัว ไม่มั่นใจ ในขณะที่คำบรรยายตามหลังเป็นเสียงเข้ม
ชายคนนั้นผงะ สำลักออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ประโยคนี้ดูขาดๆ งงๆ ปรับเป็น ชายคนนั้นผงะ พลันตอบอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “อะ...อะไรนะ”
ก่อนทางเข้ามันจะเปิดออกพร้อมทิ้งเชือกเส้นหนึ่งลงมา มนุษย์คนหนึ่งโผล่ออกมากวักมือเรียก พลางตะโกนบางสิ่งที่ถูกความวุ่นวายกลืนกินไปจนหมด ปรับเป็น
ก่อนทางเข้าจะเปิดออกพร้อมทิ้งเชือกเส้นหนึ่งลงมาแล้วมนุษย์อีกคนที่โผล่หน้าและกวักมือเรียก พลางตะโกนบางสิ่งที่ถูกกลืนไปกับความวุ่นวายตรงหน้า
ธงสีเขียวผืนเท่าข้างแขน ปรับ ธงสีเขียวเท่าแขน
เขาก็ออกวิ่งไปคว้าเชือกเส้นนั้นไว้หมับ... แสดงว่าจับเชือกไว้แล้ว แต่เหตุการณ์ต่อมาเครื่องบินตก น่าจะแสดงอาการที่ชี้ให้เห็นว่าเนเวิสยังจับเชือกอยู่ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะตก เช่น ในชั่วพริบตายานติดธงเขียวก็ถูกระเบิดย่อยยับ นาทีนั้นเองเขาก็รีบสลัดเชือกออกและทิ้งตัวลงกับพื้น กลิ้งหลุนๆ อยู่สักครู่ก่อนจะนอนราบกับพื้นได้ทันการ
หนึ่งในนั้นตะคอกเสียงเข้ม “กลับเข้ามา...” น่าจะเลือกใช้อัศเจรีย์มากกว่าจุดไข่ปลา เพื่อแสดงให้เห็นว่าประโยคดังกล่าวเป็นคำสั่ง
บทที่ 1 ชะงัด – ชะงัก, ลูบหัวป้อยๆ – ลูบหัวปอยๆ, กัดฟันรอด – กัดฟันกรอด เป็นต้น
สำหรับคนที่กำลังจะเข้าไปอย่างพวกเขา เห็นคนออกมาในสภาพเช่นนี้แล้วจึงอดกลืนน้ำลายอย่างเสียวสันหลังวาบไม่ได้ กล่าวพร้อมหัวเราะเสียงแห้ง ปรับให้มีความลื่นไหล
สำหรับคนที่กำลังจะเข้าไปอย่างพวกเขาเมื่อเห็นคนออกมาในสภาพเช่นนี้แล้วก็อดกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่นไม่ได้ หนึ่งในนั้นกล่าวพร้อมหัวเราะแห้งๆ อย่างไม่แน่ใจในความคิด
พวกเขาอาจเป็นทหารรับจ้างก็จริง ผ่านสนามรบมาโชกโชนพอประมาณก็จริง แต่ในกรณีที่เพื่อนคนหนึ่งถูกแทงจนทะลุ นอนหายใจรวยริวอยู่ข้างถนน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อารมณ์ก็ยิ่งปะทุ น่าจะปรับเป็นว่า
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาก็ลดน้อยถอยลงก็เพราะว่าพวกเขากำลังขาดสติ เพื่อเชื่อมโยงกับประโยคในย่อหน้าถัดไป
เนเวิสที่กำลังพัวพันกับชายอีกคนหนึ่งได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว นึกค้านอยู่ในใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนกระทำเสียหน่อย คนพูดเองไม่ใช่หรือไงที่เอามีดเสียบเข้าไปในอกเพื่อนของเขาเอง นั่นทำให้เด็กหนุ่มได้รู้จักมนุษย์เพิ่มอีกหนึ่งข้อ ปรับเป็นว่า
เนเวิสที่กำลังติดพันอยู่กับชายอีกคน ได้ยินก็นึกค้านใจใจ เขาไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย คนพวกนั้นเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนเอามีดแทงเพื่อนพ้องเสียเองและนั่นทำให้เนเวิสรู้จักอีกด้านของมนุษย์...
หากเด็กหนุ่มคนสุดท้ายผู้เป็นเป้าหมายทำลายล้างแท้จริงกลับไม่โดนสัมผัสแม้แต่ปลายเส้นผม ปรับเป็นว่า หากแต่เด็กหนุ่มที่เป็นเป้าหมายกลับไม่โดนทำร้ายแม้แต่ปลายเล็บ
แต่นั่นในกรณีที่ร่างกายของเขายังสมบูรณ์ สมบูรณ์กว่าสภาพปัจจุบัน น่าจะเพิ่มคำนิดหน่อย แต่นั่นในกรณีที่ร่างกายของเขายังสมบูรณ์ เขาหมายถึงสมบูรณ์กว่าสภาพปัจจุบัน
บทที่2 เสียงของเหลวจำนวนมากเร่งร้อนไหลผ่านท่อเล็กๆ จำนวนมากดังรอบตัว มีคำฟุ่มเฟือย ตัดออกไปสักจุด
ดวงตาสีน้ำเงินเปิดขึ้นฉับพลันและพบว่าตัวเขากลับมาอยู่ในห้องสีขาวอีกแล้ว ปรับเป็น เบิกโพลง
ร่างเรียวขยับแขนขามากขึ้น จนพอกำหนดขอบเขตการกักขังตน ปรับเป็น กะ หรือ คาดคะเน น่าจะดีกว่า
บทที่ 3 ปราณี – ปรานี
เสียงร้องตื่นตระหนกของธานทิพย์เรียกความสนใจของหนุ่มน้อยกลับไปได้ ปรับเป็น เสียงร้องตื่นตระหนกของธารทิพย์เรียกความสนใจของหนุ่มน้อยให้หันกลับไป
บทที่ 4 เสียงใสๆ ของเด็กหญิงฟังแล้วสดใสไม่น่าเบื่อ ปรับเป็น เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงฟังแล้วรู้สึกสดใสและไม่น่าเบื่อ
นั่นคือมุมมองของหนุ่มน้อยที่อยู่ท่ามกลางที่โล่งกว้างมานานอย่างไม่เคยพบเจอโลกภายนอกสักเท่าไหร่ ปรับเป็น นั่นคือมุมมองของหนุ่มน้อยที่อยู่ท่ามกลางสถานที่โล่งกว้างมานาน ซ้ำไม่เคยพบเจอโลกภายนอก
Homo sapiens sapiens น่าจะเขียนแปลงเป็นภาษาไทยไปเลย เพราะตอนหลังๆ เห็นผู้เขียนก็ทำนะคะ จริงๆ แล้วการเขียนทับศัพท์จะเป็นการเขียนที่อยู่ในรูปของบทความวิชาการมากกว่าในนิยาย หากช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้อ่านอ่านง่ายขึ้นก็น่าจะดีค่ะ
บทที่ 6 โดยภาพรวมตามมาตรฐานปกติแล้ว เนเวิสเดาว่าอีกฝ่ายคงหล่อเหลามาก...แม้ว่าเขาขะมองไม่ออกก็ตามที
ประโยคขีดเส้นใต้ทำให้เกิดความสับสนค่ะ น่าจะปรับทำนองว่าถ้ามองโดยมาตรฐานของคนทั่วไปแล้ว จัสตินคงหล่อ แต่ในความคิดของเนเวิสเขาก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป น่าจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นนะคะ
รวม 82/100 คะแนน
ทั้งนี้ผู้วิจารณ์หยิบยกแค่บางกรณีมาพูดอาจไม่ได้แก้ไขหรือเสนอแนะได้ทั้งหมด แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้แต่งจะนำสิ่งที่เสนอแนะไปปรับปรุงพัฒนางานของท่านให้ดียิ่งขึ้นและหากมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยไว้ด้วยค่ะ
รีวิวถึงตอนที่ 0
รีวิวถึงตอนที่ 0
ผลงานอื่นๆ ของ Lucia & ลูเซีย / ไหน้อยลูเซีย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Lucia & ลูเซีย / ไหน้อยลูเซีย
"ทำให้คนอ่านมองหาคุณค่าของตัวเอง"
(แจ้งลบ)คนจะเป็นคนไม่ใช่เมื่อมีใครบอกว่า เราเป็นคน แต่เมื่อเรารู้ตัวว่า เราเป็นคนครับ นิยายเรื่องนี้ทำให้เรามองดูตัวเอกที่พยายามแสวงหาคุณค่าความเป็นคนของตัวเอง จนเราต้องย้อนมาดูว่าตัวเราที่มีสิ่งที่เนเวิสมีทุกอย่างอยู่แล้ว เราเข้าใจและเห็นคุณค่าเท่ากับที่เนเวิสมีหรือยัง ดูลครแล้วย้อนมาดูตัว อ่านนิยายก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองด้วยเหมือนกัน แต่นิยายที่ทำให้เ ... อ่านเพิ่มเติม
คนจะเป็นคนไม่ใช่เมื่อมีใครบอกว่า เราเป็นคน แต่เมื่อเรารู้ตัวว่า เราเป็นคนครับ นิยายเรื่องนี้ทำให้เรามองดูตัวเอกที่พยายามแสวงหาคุณค่าความเป็นคนของตัวเอง จนเราต้องย้อนมาดูว่าตัวเราที่มีสิ่งที่เนเวิสมีทุกอย่างอยู่แล้ว เราเข้าใจและเห็นคุณค่าเท่ากับที่เนเวิสมีหรือยัง ดูลครแล้วย้อนมาดูตัว อ่านนิยายก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองด้วยเหมือนกัน แต่นิยายที่ทำให้เราต้องนึกย้อนกลับมามองคุณค่าชีวิตอย่างจริงจังแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ และขอบคุณที่ไรเตอร์ทำให้ผมมองชีวิตสดใสขึ้นกว่าเดิมเยอะ ขอบคุณมากครับ อ่านน้อยลง
Conshoo | 16 มี.ค. 55
22
1
"ร่างกาย+จิตใจ = ชีวิต"
(แจ้งลบ)Human’s Empire ดารา สายพาน ธารหมอก ผู้เขียน: Lucia คำเตือน สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นข้อคิดเห็นของคนเพียงคนเดียว อย่าเพิ่งนำไปตัดสินเรื่องทั้งหมดนะเออ ขออภัยที่ SD อู้ไปนาน เหตุผลเป็นเพราะอะไร SD กำลังคลั่งละครเกาหลี อยากซุกอกพระเอก ฮุฮุ SD อ่านนิยายเรื่องนี้ค้างไว้นานมาก ซึ่งเปิดเรื่องได้อย่างน่าสนใจ มน ... อ่านเพิ่มเติม
Human’s Empire ดารา สายพาน ธารหมอก ผู้เขียน: Lucia คำเตือน สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นข้อคิดเห็นของคนเพียงคนเดียว อย่าเพิ่งนำไปตัดสินเรื่องทั้งหมดนะเออ ขออภัยที่ SD อู้ไปนาน เหตุผลเป็นเพราะอะไร SD กำลังคลั่งละครเกาหลี อยากซุกอกพระเอก ฮุฮุ SD อ่านนิยายเรื่องนี้ค้างไว้นานมาก ซึ่งเปิดเรื่องได้อย่างน่าสนใจ มนุษย์ในยุคดาราภิวัฒน์ท้าทายพระเจ้าด้วยการทดลองสร้าง “มนุษย์” ขึ้นมาเอง แม้จะสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบเพียงใดก็ยังมีข้อบกพร่อง คำสั่งทำลายทิ้งจึงส่งลงมา ทว่านักวิทยาศาสตร์หญิงคนหนึ่งก็มีความผูกพันกับมนุษย์เทียมคนนั้น เธอจึงแอบช่วยเหลือให้เขาหลุดพ้นออกสู่โลกภายนอก เธอเองก็เปรียบดั่งแม่ที่ช่วยให้เนเวิสหลุดออกจากรกอันอึดอัดคับแคบ และถึงแม้ว่าการทดลองนี้จะโหดเหี้ยมเพียงใด สุดท้ายแล้วผู้เขียนก็เลือกให้ผู้หญิงเป็นผู้ใจอ่อน เธอกระซิบบอกให้เนเวิสค้นหาโลกที่มีดวงดาว แต่ก้าวแรกที่เขาพบ กลับเจอเพียงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยควันขมุกขมัวและตึกแปลกประหลาด มีคนจากองค์กรและสัตว์กลายพันธุ์ไล่ฆ่า จนกระทั่งมาถึงเขตปลอดภัย และได้พบครอบครัวที่แสนอบอุ่น นิยายแฝงแง่คิดนิด ๆ เอาสิ มาเลย บอกกันตรง ๆ ว่า SD ง่วงเลย ไม่ใช่ว่าพล๊อตไม่ดี เนเวิสเกิดมาได้สองเดือน มีสรีระเท่ากับคนอายุ 15 แล้วอายุสมองล่ะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าเนเวิสคือหุ่นยนต์ที่ต้องป้อนคำสั่งให้ สิ่งที่ทำให้ SD สะดุดกึกเลยก็คือการที่เนเวิสมักจะทวนกับตัวเองและคนอื่นบ่อย ๆ ว่า คำนู่นแปลว่าอะไร คำนี้แปลว่าอะไร และที่หนักคือ “แม่คืออะไร” เมื่อได้คำตอบแล้ว เนเวิสก็ไม่ได้คิดถามว่าแล้วตัวเองล่ะ เกิดมาจากไหน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ใช้ประโยชน์จากการถามนี้ โยงว่าความรู้พื้นเพเดิมที่เนเวิสได้รับจากห้องทดลองมีอะไรบ้างก็ยังดี รูปภาพที่ถูกอัดให้ดูในห้องทดลองมันก็น่าจะทำให้เขาคุ้นเคยโลกในระดับหนึ่ง รวมทั้งตามปกติแล้วเมื่อคุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่มาตั้งแต่เกิด มันก็ย่อมเป็นนิสัยชอบไม่ชอบของเนเวิสไปโดยอัตโนมัติ และหญิงนักทดลองคนนั้นคือคนที่เขาผูกพันด้วยมากที่สุด ถึงแม้ว่าเนเวิสจะไม่รู้ความหมายของคำว่าแม่ แต่ความรู้สึกย่อมมี แต่เท่าที่อ่าน แต่ละบทเป็นการพาเนเวิสเที่ยว พาเนเวิสชิม พาเนเวิสเข้าเรียน และ SD ก็กดปิด ขี้เกียจอ่านแล้ว การบรรยายว่าโลกในยุคดาราภิวัฒน์จะเปลี่ยนแปลงอะไรไปอย่างไรบ้างก็สำคัญไม่แพ้ปมของเรื่องนะคะ ทิ้งปมไว้นานพาลลืม พวกนักทดลองอุตส่าห์สร้างมนุษย์พันธุ์อึดอย่างเนเวิสได้แต่ฆ่าทิ้งซะงั้น แล้วสเปกสุดหรูหรือข้อบกพร่องของนายเนเวิสคืออะไรกันแน่ ถ้าจู่ ๆ ได้รู้คงดราม่ากันน่าดู จากนายเนเวิสที่ไร้อารมณ์ ไม่รู้จักโลกภายนอก หวาดระแวง เขาคงจะค่อย ๆ เรียนรู้ว่าคนเราไม่ได้ต้องการแค่กินอิ่มนอนหลับในห้องที่ปลอดภัย แต่ยังต้องการความรัก มิตรภาพ ความใกล้ชิดและเป็นที่ยอมรับของคนสักคนนึง ลองให้เนเวิสหยุดคิดตามลำพังหลังจากวิ่งวุ่นตามคนอื่นไปทั่ว เมื่อนั้นดวงดาวก็ส่องสว่างเอง อ่านน้อยลง
sweet dreamer | 30 ม.ค. 55
15
1
ดูทั้งหมด
"เพราะอ่านจบแล้วจึงอยากบอกคุณ"
(แจ้งลบ)ส่งมาเป็นคำนิยมตามคำขอนะคะ สวัสดีค่ะ เรารู้จักคุณมานานมากแล้ว แต่คุณคงไม่รู้จักเราหรอกนะ เพราเราเป็นนักอ่านที่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่เคยให้กำลังใจเลย และไอดีนี้ก็ไม่ได้แอดนิยายคุณเป็นแฟนคลับด้วยน่าเกลียดจริงๆ 55555 เราตามอ่านนิยายของคุณตั้งแต่คุณยังไม่รีไรท์ รีไรท์รอบแรก และคุณหนีไปเขียนเรื่องรักๆ แทน ก่อนจะกลับมารีไรท์เรื่องนี้เป็นรอบที่ ... อ่านเพิ่มเติม
ส่งมาเป็นคำนิยมตามคำขอนะคะ สวัสดีค่ะ เรารู้จักคุณมานานมากแล้ว แต่คุณคงไม่รู้จักเราหรอกนะ เพราเราเป็นนักอ่านที่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่เคยให้กำลังใจเลย และไอดีนี้ก็ไม่ได้แอดนิยายคุณเป็นแฟนคลับด้วยน่าเกลียดจริงๆ 55555 เราตามอ่านนิยายของคุณตั้งแต่คุณยังไม่รีไรท์ รีไรท์รอบแรก และคุณหนีไปเขียนเรื่องรักๆ แทน ก่อนจะกลับมารีไรท์เรื่องนี้เป็นรอบที่สาม เรื่องของหนุ่มจากหลอดทดลอง หนุ่มน้อยเนเวิสค่ะ น่าจะรอบที่สามใช่ไหมคะ? เพราะเราเองก็ไม่ได้เข้ามาอ่านนานมาแล้วต้องขอโทษด้วย แล้วเรากลับมาอ่านเรื่องนี้แบบจริงจัง รอบล่าสุดนี้เป็นรอบที่สาม สิ่งที่เขียนต่อไปคุณอาจจะไม่ชอบใจนัก และโมโหพาลลบไปเลยก็ได้ค่ะ เราไม่ว่า แต่เพราะเห็นคุณมานานจริงๆ ทำให้เรานึกไปเองรู้สึกเหมือนเพื่อนกันที่รู้จักมานาน เลยอยากจะเตือนด้วยความหวังดีที่อาจจะระคายตาไปนิดนึงนะคะ การรีไรท์หลายครั้ง ในบางทีก็ไม่ได้ทำให้เรื่องมันดีขึ้นเสมอไปค่ะ ว่ากันตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม คุณโอ๋ๆ ตัวละครเพื่อให้มีสปอตไลท์ส่งผ่านทุกคนอย่างทั่วถึง และพยายามจะเปิดประเด็นเพื่อเก็บสิ่งที่อยากจะสื่อเอาไว้ทุกเม็ดมากเกินไปค่ะ เราจะมาพูดในส่วนของตัวละครกันก่อนค่ะ คุณอาจจะเถียงว่าตัวละครฉันเจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะเรียกว่าโอ๋อีกหรอ? ในความเข้าใจของเราการทำร้ายร่างกายตัวละครก็ไม่ได้หมายความว่าทำลายแก่นตัวละครค่ะ คุณไม่เคยดึงตัวละครให้ต่ำสุดๆ ให้คนอ่านสงสารเลยอาจจะมีบ้างที่ดึงลง แต่ก็ดึงไม่สุด เหมือนกลัวตัวละครจะมีแผลใจที่รักษาไม่หาย แล้วคุณก็กลบๆ แผลให้หายไปจากสายตา จนแบบอ้าว? นึกว่ามันจะเจ็บ มันจะปวดทำให้เกิดแรงขับการกระทำมากกว่านี้ ตัวละครบางตัวเองก็มีการปรับบุคลิก อย่างเห็นได้ชัดก็ไอคาว่ามั้งคะ? คาแรคเตอร์ของเขาไม่นิ่ง เหวี่ยงมาก ไม่ได้นิสัยเหวี่ยงนะคะหมายถึงแบบจริงๆ แล้วแกเป็นคนยังไงวะคะ ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแล้วดีไหม แต่ก็ให้เขาจืดลงเยอะเลยค่ะ และครั้งนี้ตัวละครเยอะขึ้นมากค่ะ มากจนงง มากจนคุณเกลี่ยน้ำหนักตัวละครเท่ากันไปหมด ตัวประกอบ ตัวเด่น ใครเป็นใครไม่รู้ ไม่มีใครเด่นขึ้นมาเลย งงไปหมดแล้วว่าใครมาจากก๊กไหน ยังดีที่ตาหนูเนเวิสเป็นตัวละครที่ค่อนข้างซู(ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะคะ เราชอบความจำไมและความขัดแย้งในตัวตาหนูที่ต้องการจะสื่อพอสมควร) ที่เสียใจนิดหน่อยก็คงเป็นพี่หมอกที่จืดลงอย่างน่าใจหายเลยทีเดียว เราชอบตัวละครตัวนี้ค่ะ สารภาพจากใจ ความสัมพันธ์ระหว่างตาหนูกับพี่สาวเลยอ่อนลงเยอะเลยค่ะ ผิดกับน้องม่านที่ดูเหมือนจะขึ้นแท่นนางเอกกลายๆ เป็นความสัมพันธ์ที่กำกึ่งแม่เป็ดลูกเป็ดและคนรักได้อย่างประหลาดอันนี้ต้องชื่นชมนะคะ เราชอบใจตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านแล้วค่ะ อีกส่วนนึงนะคะส่วนของโทนเรื่อง ที่ผิดหวังในนิยายเรื่องนี้จนต้องเขียนมาหาคุณก็คงเป็นโทนเรื่องเนี่ยแหละค่ะ ทำให้คุณคุมโทนเรื่องไม่อยู่ สเกลเรื่องมันใหญ่ค่ะเข้าใจ แต่การเขียนคือการจัดมุมกล้องที่ทำให้รู้ว่าเราสมควรจะโฟกัสจุดไหน แต่นี่เหมือนกำลังดูหนังที่แพนกล้องเหวี่ยงไปมา แถมบางทีก็ย้อมสีแบบคอนทราสจัด บางทีก็ปรับภาพซะเบลอ มีโบเก้ลอยข้างหลัง ทำให้แนวเรื่องเสริมจากแนวแฟนตาซีของคุณมันสวิงมากเลยค่ะ จะดราม่าครอบครัว จะเอาตัวรอด จะแอคชั่น จะเฉือนคมการเมือง จะค้นฟ้าคว้าดาว จะเอายังไงก็ไม่รู้ เพราะคุณพยายามตามเก็บเนื้อเรื่องที่อุตส่าห์คิดมากเกินไป มันฟุ้งค่ะ มันตัดอารมณ์ไปมามากเกิน เราเองก็รู้สึกถึงสถานการณ์นั้นไม่เท่าไหร่ก็โดนตบมาทางนั้นทีทางนี้ที ในความคิดของเรา(ที่ไม่รู้ว่าถูกไหม) บางครั้งนิยายเรื่องหนึ่งจะต้องมีแก่นว่าต้องการจะเล่าอะไรหลักๆ ก็แค่อย่างมากสองแก่นก็พอมั้งคะ คุณจะผลักทุกอย่างเป็นแก่นเรื่องไม่ได้นะคะ หรือไม่อยากตัดจริงๆ การเล่าเรื่องก็ต้องเกลี่ยให้มันเด้งทีละอันนะคะ คุณดูเสียดายสิ่งที่คิดมามากเกินไป รักโลกในนิยายมากเกินไป เหมือนลูก เหมือนน้อง (ไม่ต้องห่วงอาการนี้ว่าแปลกไหม เป็นทุกคนค่ะเราก็เป็น) เพราะคุณอยากจะเก็บทุกอย่างไว้ เลยต้องเล่าเร็วๆ ทำให้คนอ่านมองเห็นเหตุผลในการกระทำน้อยอย่างน่าใจหายเลยค่ะ ทุกตัวละครมีการกระทำดูเลื่อนลอยไม่หมด ตรงนั้นทำไปทำไม? ตรงนี้ทำไมเค้าถึงทำ? ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพิมอะไรแบบนี้ไปทำไม แต่พอคิดๆ ดูแล้วในฐานะนักเขียนแล้ว คุณก็อาจจะอยากจะเห็นอะไรแบบนี้มั้งคะ? ก็ประมาณนี้ค่ะ สิ่งที่ความรู้สึกระหว่างการอ่านและหลังอ่านจบ ตอนแรกว่าจะพิมสองสามประโยคแต่กลายเป็นบทความได้ยังไงก็ไม่รู้ จะรออ่านนิยายแฟนตาซีจากคุณต่อไปนะคะ ในฐานะแฟนคลับนิสัยไม่ดีค่ะ อ่านน้อยลง
Daze-dazzle | 16 มี.ค. 59
6
0
"เขียนดีค่ะ"
(แจ้งลบ)ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้มาก่อน(ไซไฟแฟนตาซี) เคยแต่อ่าน เรื่องสั้นแนววิทยาศสตร์ กับ นิยายแฟนตาซีเพียวๆไปเลย เปิดเรื่องได้น่าติดตามมากเลยค่ะ เพราะว่าเป็นเรื่องที่เปิดด้วยปริศนา ตัวเด่นหนีออกมาจากการช่วยเหลือของคนๆหนึ่ง ตอนแรกอ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่านการ์ตูนเรื่อง Dogs เลย (อันนี้ไม่เกี่ยว แต่รู้สึกจริงๆนะคะ) ด้วยการที่ตัวเอกใสซื่อ ... อ่านเพิ่มเติม
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้มาก่อน(ไซไฟแฟนตาซี) เคยแต่อ่าน เรื่องสั้นแนววิทยาศสตร์ กับ นิยายแฟนตาซีเพียวๆไปเลย เปิดเรื่องได้น่าติดตามมากเลยค่ะ เพราะว่าเป็นเรื่องที่เปิดด้วยปริศนา ตัวเด่นหนีออกมาจากการช่วยเหลือของคนๆหนึ่ง ตอนแรกอ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่านการ์ตูนเรื่อง Dogs เลย (อันนี้ไม่เกี่ยว แต่รู้สึกจริงๆนะคะ) ด้วยการที่ตัวเอกใสซื่อ หนีมาจากที่อื่น ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่ที่มาอยู่ ภูมิหลังก็ยังเป็นปริศนาก็เลยน่าติดตามดูต่อเรื่อยๆว่าจะเป็นอย่างไร ตัวละครหลายตัวก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แล้วก็อาจจะเป็นเพราะวัยของตัวละครแตกต่างกันก็เลยทำให้แยกลักษณะคำพูดและนิสัยได้ง่ายด้วย โครงเรื่องปูมาด้วยปริศนาแล้วค่อยๆเฉลยทีละนิด ทำให้ดูน่าติดตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใช้ภาษาได้ลื่นไหลมากค่ะ ภาษาสวย เขียนได้อารมณ์แล้วก็เห็นภาพ เหมือนเรากำลังมองเห็นการผ่านตัวอักษรอยู่ คอยลุ้นความคิดและการกระทำของตัวเด่นๆ ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป (ซึ่งความคิดหลายอย่างของเนเวิสก็ไม่เหมือนเราเท่าไหร่ ถ้าเป็นเราเราอาจจะไม่คิดช่วยเหลือใครขนาดนั้น เพราะเราคงไม่ไว้ใจมนุษย์หรือไม่พร้อมที่จะช่วยเหลือใคร) เรื่องนี้เป็นไซไฟแฟนตาซีที่ดีเลยค่ะ คืออ่านแล้วรู้ว่ามีไซไฟเจือๆอยู่ในเรื่อง มันมีสเหน่ในแบบของไซไฟ ปล. เหมือนเรื่องนี้แล้วเหมือนได้กลิ่นดราม่าหน่อยๆ ขอโทษที่อ่านได้ไม่กี่ตอน แล้วก็ขอโทษที่เขียนได้ไม่ดีเท่าไหร่ วิจารณ์ไม่เก่ง แหะๆ อ่านน้อยลง
Mochock | 22 ธ.ค. 56
4
3
ดูทั้งหมด
1,533ความคิดเห็น