ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JANGFIC :D [2PM !!]

    ลำดับตอนที่ #1 : Khunwoo - Ending

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 682
      2
      7 ก.พ. 55

     ENDING

     

    .

    .

              “พี่คุณ ไม่ไหวแล้วววว ว” เสียงหวานตะโกนเรียกผมมาจากชั้นบน อะไรอีกละเนี่ย ผมรีบปิดเตาแก๊สที่กะลังต้มข้าวต้มให้ภรรยาสุดที่รักทานแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความเร็วเหนือแสง(เอิ่ม?) เปิดประตูเข้าไปก็เจอเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้ไม่ค่อยน้อยเท่าไหร่นั่งอยู่ริมขอบเตียง

              “ว่าไงจ๊ะ?”

              “ลูกถีบอ่ะ อูยองเจ็บ T^T” จมูกโด่งเล็กยู่ลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเจ้าตัวเล็กอีกคนที่อยู่ในท้อง นี่มันก็แปดเดือนแล้วนี่เนอะ จะไม่ให้ลูกดิ้นได้ไงกัน เจ้าเด็กนี่ ผมจัดการเคาะหัวทุยสวยไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้

              “ลูกถีบแสดงว่าลูกแข็งแรงไง ไม่ดีเหรอ ?” ผมจัดการโอบคนขี้แยแล้วโยกเบาๆ เหมือนเด็กน้อย อีกเดือนนึงก็จะเป็นแม่คนเต็มตัวแล้ว ยังร้องไห้เหมือนเด็กไปได้ ถ้าลูกคลอดออกมา สงสัยผมต้องเลี้ยงเด็กสองคนมากกว่าเด็กคนเดียวล่ะฮะ

              “แข็งแรงแบบนี้ไม่เอาดีกว่า เจ้าเด็กใจร้าย” เจ้าตัวเล็กก้มลงไปมองท้องป่องของตัวเอง แล้วดุเบาๆ แต่อยู่ดีๆ กว่าทำหน้าเหมือนเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว

              “อ๊ะ อีกแล้ว แง TT” เจ้าตัวแสบเอ้ย

              “ก็อย่าไปดุลูกสิ ลูกงอนแล้วเห็นมั้ย ?”

              “โอ๋ๆ ง้อก็ได้ แต่อย่าถีบแรงนักสิ แม่เจ็บนะ” อูยองของผมลูบเบาๆ ตรงท้องที่นับวันมันจะโตขึ้นเรื่อยๆ บนหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ ผมมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม น่ารักจริงๆ ภรรยาใครเนี่ย

               อันที่จริงอูยองไม่ได้อยากจะมีลูกหรอก ด้วยความที่ยังเด็ก (ผมสามสิบ เจ้าเด็กนี่ยี่สิบห้า ==’[เสี่ยกินเด็กอีกและ]) ยังอยากที่จะเที่ยวไปให้รอบโลก แต่ดูท่าฝันจะสลายเมื่อแต่งงานกันมาไม่ถึงหกเดือน เราก็ได้ข่าวดีว่าเจ้าเด็กนี่ท้องอ่อนๆ ถึงแม้ตอนแรกอูยองจะร้องไห้จนบ้านแทบแตกแต่สุดท้ายสัญชาตญาณความเป็นแม่ก็พุ่งปรี๊ด ท้องได้ไม่ถึงสามเดือนเจ้าเด็กนี่ก็หลงลูกอย่างกับอะไร ถึงแม้จะมีแอบบ่นบ้างก็เถอะ แต่ขอโทษด้วยนะจ้ะป่องน้อย พอดีเชื้อพี่มันแรง(?)

              “งั้นพี่ลงไปทำข้าวต้มต่อนะ เดี๋ยวจะขึ้นมาเรียก” ผมจัดการให้เด็กแสบที่พุงโตเกินกว่าจะเดินเหินไปไหนมาไหนได้สะดวกนอนลงบนเตียง จัดหมอนให้ร่างเล็กได้นอนสบายๆ แล้วเดินออกมา ตั้งแต่ช่วงห้าเดือนแล้วที่ท้องอูยองป่องเกินกว่าปกติ จนมีข้อสันนิฐานของเพื่อนๆ ขึ้นมาว่าอูยองคงท้องลูกแฝด ผมกับอูยองเราตกลงกันว่าจะไม่อัลตราซาวด์ เหตุผลคืออยากลุ้นตอนลูกคลอด มันตื่นเต้นดี ผมจัดการเปิดแก๊สแล้วทำกับข้าวที่ทำค้างไว้เมื่อกี้จนเสร็จ จัดแจงตักใส่ถ้วยแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ก่อนที่จะขึ้นไปแบกเจ้าเด็กแสบพุงโตออกมาจากห้อง ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ยกข้าวต้มขึ้นไปให้ซะเอง อันที่จริงผมก็อยากทำ แต่เจ้าอูยองน้อยของผมดันเถียงบวกอ้อน ทำตาปริบๆ ใส่จนผมใจอ่อนบอกว่าถ้าอยู่แต่ข้างบนคงเป็นง่อยไม่ใช่ท้องแล้วล่ะ อูยองก็เดินได้เหมือนคนปกตินั่นแหละแต่อาจจะลำบากสักหน่อย อีกอย่างผมก็เป็นห่วงด้วย กลัวจะหกล้มขึ้นมาจะได้ร้องไห้กันบ้านแตกอีก อีกอย่างยังมีเจ้าเด็กแสบที่อยู่ในท้องคนน่ารักอีก(คาดว่า)สองคน ผมพยุงเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดเข้าไปในครัว จัดที่นั่งให้นั่งได้สบาย สักพักหนึ่งแล้วที่อูยองบ่นว่าปวดหลังอาจเพราะน้ำหนักที่มากเกินไป ทำให้อูยองลำบาก คิดไปคิดมาผมก็สงสารเจ้าเด็กนี่เหมือนกันนะเนี่ย

             “พี่ไม่ไปทำงานเหรอฮะ” หลังจากกินข้าวไปได้สามคำ อูยองก็เริ่มเปิดปากพูดอีกแล้ว เงียบได้ไม่นานจริงๆ

             “พี่จะไปได้ไงล่ะจ๊ะ มีเด็กอ้วนให้ดูแลอยู่ทั้งคน” ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นหน้างอง้ำของคนตรงหน้า อันที่จริงผมก็มีงานต้องทำ แต่ขอลาออกมาทำที่บ้านช่วงระยะหลังมานี่เพื่อดูแลภรรยาสุดที่รัก ผมทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ของบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ส่วนอูยองตัวน้อยก็ทำงานแปลหนังสือภาษาอังกฤษ อูยองมีชื่อเสียงในด้านงานแปลมาก อูยองรักหนังสือ ชอบอ่านและเขียนนิยาย วรรณกรรมต่างๆ บ้านรวยฮะเจ้าเด็กนี่ พ่อแม่พี่น้องเลยตามใจกันสุดฤทธิ์สุดเดชเพราะมีแก้มย้อยๆ ไว้อ้อนถูไปกับอกไปมาพาลให้ทุกคนยอมกันไปหมด ผมก็โดนฮะ เลยไปไหนไม่รอดอย่างตอนนี้ไง อ่า เริ่มออกทะเล อูยองถูกส่งไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ตัวน้อยๆ ภาษาอังกฤษเลยระดับโปร จบอักษรศาสตร์มาจากมหาลัยดังในอเมริกา เจอผมตอนอูยองอายุยี่สิบ ตอนนั้นจำได้ว่าอูยองไปบริษัทที่ผมมารู้ทีหลังว่าเป็นบริษัทของพี่ชายอูยอง(บริษัทที่ผมทำงานนั้นแหละ) เจ้าเด็กแก้มย้อยวิ่งไปวิ่งมาในสตูดิโออย่างตื่นเต้น ตั้งแต่นั้นเจ้าเด็กนี่ก็มาวิ่งเล่นไปมาในหัวใจผมเหมือนกัน เราคบกันตอนอูยองอายุยี่สิบเอ็ด(จีบตั้งเกือบปี) และแต่งงานกันตอนอูยองอายุยี่สิบสี่(กว่าจะฝ่าด่านพี่ชายน้องชายจอมขี้หวงมาได้) เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าไปหอมหน้าผากเด็กตัวหอมไปหนึ่งที อูยองเงยหน้ามองผมงงๆ ปากแดงๆ นั้น อดไม่ได้อีกแล้วที่จะก้มลงไปงับปากล่างเบาๆ อีกหนึ่งที

             “โอ้ยย สวีทกันอีกแล้ว” สะ..เสียงนี้ ไอ้เด็กแสบข้างบ้าน ฮึ่ม ผมถลึงตาใส่ไอ้เด็กแสบตูดโด่งอีจุนโฮที่เข้ามาพร้อมโจควอน(ตัวป่วนอันดับหนึ่ง)และจุนซู(ตัวป่วนอันดับหนึ่งเหมือนกัน)? ได้เวลาปวดม้ามอีกแล้วผม สามคนนี้เป็นมือวางอันดับต้นๆ(นอกจากพี่ชายน้องชายของอูยอง)ในการแกล้งให้ผมปวดม้ามและตับสลับกันเป็นระยะๆ ถึงผมจะทำเหมือนเกลียดสามแสบนี้ แต่ใจจริงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ขำๆ ด้วยซ้ำ พวกนี้เลยเข้าบ้านผมได้โดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะเรียกตำรวจมาจับข้อหาบุกรุก

              “ว่าไง?” ผมทักด้วยเสียงทะมึนนิดๆ อันที่จริงก็อยากเข้าโหมดดาร์กคุณอยู่หรอก แต่ด้วยสายตาของภรรยาสุดที่รักแล้วก็ทำไม่ลง ผมไม่ได้กลัวเมียนะฮะ ก็แค่เกรงใจ อีจุนโฮเป็นเพื่อนภรรยาที่แสบไม่น้อยไปกว่าอูยอง จุนซูเป็นพี่ชายต่างแม่ของจุนโฮที่ถึงจะหน้าสวยแต่ห่ามได้อีก โจควอน เจ้าแสบที่ถึงจะมีแฟนสาวสุดสวยเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ไม่วายเข้ามายุ่งกับอูยองสุดที่รักของผมร่ำไป ผมก็ไม่เข้าใจนะ เพื่อนผู้หญิงมีเยอะแยะทำไมอูยองไม่คบ ดันมาคบเจ้าสามแสบนี่ได้ เหมือนสตรอเบอร์รี่กลางกองขี้หมาแห้ง(?)ยังไงไม่รู้

    #อูยองเป็นผู้หญิงนะแจ้ะ ไม่งั้นจะท้องได้ไง ส่วนสามแสบที่พูดถึงคือผู้ชายหมด

              “ผมมาหาอูยอง” เริ่มด้วยอีจุนโฮจอมแสบก้นโด่ง จุนผู้น้องเข้ามานั่งข้างอูยองแล้วจัดการหอมแก้มเมียชาวบ้านจนแก้มยุบไปหนึ่งที ผมกำหมัดแน่นด้วยความหวงที่ปะทุขึ้นมาหน่อยๆ แต่เมื่อเห็นสายตาอูยองแล้วก็รีบคลายมือแทบไม่ทัน ท่องไว้ เพื่อนสนิทอูยอง เพื่อนรักอูยอง เพื่อน เพื่อน เพื่อน เพื่อนอะไรทำแบบนี้ละว้อย ไม่ไหวแล้ว!!!

              “กลับบ้านไปได้แล้วไป” ผมเอ่ยปากไล่สามแสบที่นั่งดูทีวีสบายใจเฉิบ มีอูยองนั่งอยู่ตรงกลาง ส่วนผมก็ต้องระเห็จระหกระเหิน(?)มานั่งคนเดียวที่โซฟาเดี่ยว

              “ตาแก่ขี้บ่นอีกและ” ขีดเซ็งป่อยสามเส้นร่วงลงมาใส่หัวเหม่งๆ ของผมเต็มๆ รู้ครับว่าแก่ไม่ต้องมาย้ำ ชิ ผมทำปากยื่นน้อยๆ และมั่นใจว่ามันต้องน่ารักแน่นอน แต่ทำแบบไม่ให้พวกนี้เห็นนะไม่งั้นโดนล้ออีกตามเคย

              “กลับเถอะ มันจะเที่ยงแล้ว ไม่ไปกินข้าวเหรอ” อูยองคงจะสงสารผมแล้วล่ะฮะ ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น เฮ้อ ดี ไอ้พวกนี้จะได้กลับๆ ไปสักที

              “กินที่นี้ก็ได้” ควอนที่ยังไม่มีบท พูดออกมาด้วยความสดใสประหนึ่งโลกนี้เป็นโลกของมันคนเดียวอย่างนั้นแหละ ใครเชิญไม่ทราบ(ว่ะ)ครับ มากินบ้านคนอื่นเนี่ย

             “ยังไม่ได้ทำ!!” อูยองถลึงตาใส่ผมนิดหน่อย แล้วเริ่มใช้ท่าไม้ตายประจำตัวที่ใครเห็นต้องยอมศิโรราบทุกราย มือเล็กคว้าหมับเข้าที่แขนแห้งๆของจุนซู พองลมเต็มแก้มแล้วถูไปถูมาตรงไหล่ซ้าย

             “อูยองง่วงนอนแล้วอ่ะ” จุนซู ไม่สิ ทั้งสาบแสบที่เห็นท่าทางแบบนั้นถึงกับใจอ่อนยวบ ผมเห็นจากตาที่พวกนั้นมองเมียผมน่ะนะ อ่อนยวบยาบเชียว

              “กลับก็ได้ พักผ่อนเยอะๆ นะจ้ะ” จุนโฮพูดแล้วลูบหัวอูยองเบาๆ เพื่อนกัน เพื่อนกัน นับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนสามแสบจะไปก็ไม่วายหอมแก้มเมียสุดที่รักผมอีกคนละสองที ผมสัญญากับตัวเองไว้ในใจว่าจะต้องสอนให้ลูกผมป่วนทั้งสามคนนั้นให้ได้เลย เมื่อสามคนนั้นไปแล้ว ผมก็ได้แต่นั่งอยู่ที่เดิมเนี่ยแหละ งอนฮะงอน

              “พี่คุณ” ไม่หันครับไม่หัน ถึงแม้ใจจะอ่อนยวบตั้งแต่ได้ยินเสียงออดอ้อนนั้นแล้ว

              “...”

              “พี่คุณค่ะ” โอ๊ย ไม่ได้อยากจะเมินเลยให้ตายเหอะ เสียงแค่ลอยแต่ตัวไม่มาฮะ ผมรู้อูยองเหนื่อยเกินกว่าจะลุกมาได้ คิดถึงตอนที่อูยองยังไม่ท้องแล้วต้องมาง้อให้ผมหายงอน มันถึงใจจริงๆ ครับ(?)

              “...”

              “คุณโอปป้า ? หันมาหาอูยองหน่อย” อ่า ท่าไม้ตายพิเศษอีกแล้ว โอปป้า ซึ้งใจจัง น้ำตาจะไหล T^T

              “ก็ได้จ้ะ ยอมแพ้” ผมยกธงขาวเล็กๆ ที่อยู่ในมือเบาๆ(?) ยิ่งหันไปแล้ว เจอรอยยิ้มหวานพิเศษเข้าไป มันพาลทำให้ใจสั่นจริงๆ รู้สึกปวดหนึบตรงช่วงกลางลำตัวยังไงก็ไม่รู้ ห่างหายจากกิจกรรมสำคัญไปนาน คลอดเมื่อไหร่ล่ะอูยองเอ้ย ผมลิสต์ไว้ในใจเสร็จสรรพแล้วฮะ สิ่งที่ต้องทำหลังอูยองคลอด

              “ง่วงนอนแล้วอ่ะ มาให้หนุนหน่อย” อูยองยกแขนป้อมๆ สองข้างนั้นมาทางผม ผมไม่รอช้าเข้าไปกอดน้องทันทีทันใด ช่วงนี้สิ่งที่อูยองทำก็มีไม่กี่อย่าง นอน อ่านหนังสือ กินข้าว และก็นอน บางวันอารมณ์ดีก็นั่งฮัมเพลงแปลนิยายส่งสำนักพิมพ์ไป ซึ่งอันที่จริงงานที่อูยองทำตอนนี้ก็ถือว่าไม่รีบร้อนเท่าไหร่ แถมทางสำนักพิมพ์ก็ไม่กล้าเร่งลูกสาวคนเดียวของท่านทูตอีกต่างหาก ตอนนี้ท้องอยู่ด้วย ยิ่งไม่มีใครกล้าทำอะไรเข้าไปใหญ่ อูยองเลื่อนตัวลงไปนอนหนุนตักผม ขยับนิดหน่อยให้หลับในท่าที่สบายขึ้น ส่วนผมก็เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อทันที เข้าใจคำว่าหัวถึงหมอนแล้วหลับเป็นตายไหมฮะ มาดูอูยองได้ แต่สำหรับคนนี้หลุดประเด็นไปนิด หัวถึงตักแล้วหลับสบายเชียว ได้ยินเสียงฟี้เบาๆ ดังมาด้วย น่ารักน่าชัง มือข้างหนึ่งของผมวางไว้ตรงท้องป่องๆ ของอูยอง ความรู้สึกอุ่นวาบเหมือนครั้งแรกที่สัมผัสว่าในนั้นมีสายเลือดผมอยู่แผ่กระจายจากปลายนิ้วซาบซ่านไปถึงหัวใจ รู้สึกดีจริงๆ

     

    .

    .

     

             ครืด ครืด ครืด (จินตนาการว่าโทรศัพท์สั่น)

                 ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก้มลงมองอูยองที่ยังหลับตาพริ้มแล้วก็ต้องยิ้มกับตัวเองเบาๆ มือทั้งสองข้างของอูยองกอดแขนผมไว้แน่น น่ารักเชียว ผมพยายามขยับตัวเบาๆ เพื่อเอื้อมไปหยิบมือถือที่สั่นครืดอยู่บนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วน้อยๆ

               [ไอ้คุณณณณณณณ] ไอ้แทคนั้นเอง พี่ชายอูยองที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของผม

               “ว่าไง?”

              [มีเรื่องให้ช่วย] ว่าแล้วเชียว ตัวป่วนหนึ่งในอันดับหนึ่ง (?) มาแล้วครับ

              “ว่ามา?”

              [ไปบอสตันเป็นเพื่อนหน่อยดิ]

             “หา !? ใช้อะไรคิดว่ะแทค น้องสาวแกกำลังท้องแก่ใกล้คลอด จะให้ฉันทิ้งไปได้ไง”

             [เอามาทิ้งไว้บ้านแม่ ที่นี้มีไอ้ชาน แม่บ้านก็พรึ่บ ไม่ไกลหูไกลตาแน่นอน]

             “แล้วทำไมไม่ไปกับไอ้ชาน?” สงสัยจริงๆ นะเนี่ย

             [ฉันจะไปหาคุยกับแม่เรื่องแต่งงาน แกก็รู้ไอ้ชานมันกำลังงอนแม่ ที่แม่ไม่ยอมให้มันไปอยู่อิตาลี]

             “งอนมาสามเดือนแล้ว ยังไม่หายเหรอว่ะ” ชานซองมันสนใจจะไปเรียนถ่ายภาพที่อิตาลีแต่แม่ไม่ให้ไป สาเหตุเพราะอยากให้ดูแลพี่สาวที่กำลังท้อง ส่วนไอ้แทคก็ตัดสินใจจะแต่งงานกับสาวหน้าหมวยแต่หมัดหนักคนหนึ่งที่ตอนนี้อยู่ซีแอทเทิล

             [โอ้ย บอกไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ว่าพออูยองคลอดก็จะได้ไปมันก็ไม่ฟัง ไม่รู้อยากไปเรียนหรือไปหาสาว]

             “แกจะไปวันไหน?”

             [พรุ่งนี้!!]

    .

    .

               ตอนนี้ผมกำลังอยู่บนเครื่องบิน ความใจดีของผมทำพิษอีกแล้ว หันไปมองไอ้ดำที่นอนหลับตาพริ้มไปสนใจสิ่งรอบข้าง ปากบอกหวงน้องรักน้องนักหนา แต่พอเรื่องสาวก็ไม่เว้นเหมือนกัน หลังจากที่บอกอูยองไปก็งอนกันแทบเป็นแทบตาย แต่พอบอกว่าต้องพาแทคไปสู่ขอสาว ก็แทบจะประเคนผมใส่พานถวายให้ไอ้แทคดำ มันถูกเก็บมาเลี้ยงรึเปล่าผมก็สงสัย น้องสาวมันขาว ขาวจั๊วะเลยล่ะ น้องชายมันก็ขาว แต่ทำไมมันดำก็ไม่รู้ อ่า หลุดประเด็นอีกและ ตอนแรกอูยองบอกว่าจะอยู่ที่บ้าน(บ้านผม) แล้วให้จุนโฮนอนเป็นเพื่อน ซึ้งผมเห็นว่ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดเลยว่าจะทำ ผมจัดการส่งอูยองไปอยู่ที่บ้าน(บ้านอูยอง) ที่พอไปถึงไอ้แทคก็ถลาเข้ามากอดน้องสาวมันอย่างแนบแน่นจนเกือบทำให้อูยองเป็นลม รู้ครับว่าไม่ได้เจอกันตั้งเดือนก็ช่วยใส่ใจนิดหนึ่งว่าน้องกำลังท้องอยู่ ไอ้ชานที่ตามหลังมาติดๆ ก็เข้ามาหอมแก้มซ้ายแก้มขวาพี่สาวมันไปจนแก้มงี้แดกเถือก สมใจมันแล้วล่ะครับ ชีวิตมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง พี่สาวสุดที่รักของมัน เงิน อิตาลีและสาวๆ

               อีกสองสามชั่วโมงคงถึงบอสตัน งั้นของีบสักพักแล้วกัน ผมจัดการเก็บหนังสือที่อูยองแนะนำว่ามันสนุกมากไว้ในกระเป๋าข้างตัว เอนตัวช้าๆ แล้วหลับไป

    .

    .

             “อูยองเป็นไงบ้างคุณ” คุณแม่ของอูยองครับ ท่านน่ารักมากๆ ชอบส่งของบำรุงร่างกายมาให้จนตอนนี้เต็มตู้ที่บ้านไปหมดแล้ว เข้าใจครับว่าลูกสาวคนเดียวท้องแต่ของมันเยอะมากจริงๆ เดือนนึงก็บินลงไปเยี่ยมที เป็นแม่ยายที่ดีมาก

             “ท้องป่องจนเดินไม่ค่อยไหวแล้วครับ บ่นๆ ว่าปวดหลังด้วย นอกเหนือจากนี้ก็สบายดี”

             “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าน้องสาวปวดหลัง โธ่ ไม่น่าท้องก่อนวัยอันควร” ไอ้แทคที่ได้ยินว่าน้องสาวมันปวดหลัง หันมาเขย่าหัวผมซะเกือบหลุดจากบ่า

             “เว่อร์น่าแทค คนท้องก็ปวดหลังทั้งนั้นแหละ เป็นแฝดรึเปล่าลูก?” ประโยคแรกหันไปด่าไอ้แทคแล้วเคาะหัวด้วยความรักไปหนึ่งที ส่วนประโยคหลังก็หันมาถามผมด้วยความตื่นเต้น พ่ออูยองยังไม่กลับจากสถานทูตครับ ตอนนี้ก็มีแต่แม่อูยอง ผมและไอ้ลูกนอกคอก ไอ้แทค

             “น่าจะใช่ฮะ ผมไม่อยากอัลตราซาวด์ ไว้ลุ้นน่ะฮะ”

             “ท้องน้องป่องมากอ่ะแม่ ตัวเล็กๆ ขนาดนั้น น่ากลัวหลังจะหัก” ไอ้แทคสอดขึ้นมาอีกแล้วครับ คุณแม่หันไปมองนิดหนึ่งแต่ก็ไม่สนใจ หันกลับมาฝอยกับผมต่อไม่สนลูกชายตัวเอง เริ่มคิดว่าที่ตัวเองเข้าใจมันถูกล่ะฮะ ไอ้แทคมันคงโดนเก็บมาเลี้ยงจริงๆ ฮ่าๆ

             ประมาณหกโมงเย็น คุณพ่อก็กลับมาจากสถานทูต เรากินข้าวด้วยกัน คุยกันสักพักผมก็ขอตัวออกมา ปล่อยให้พ่อแม่ลูกเขาคุยกัน ผมเดินเข้าไปในห้องใส้เสื้อตัวหนาและหยิบผ้าพันคอสีแดงสดขึ้นพันคอไว้เตรียมออกไปข้างนอก แต่ไม่ทันจะพ้นประตูออกไป ไอ้แทคก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้อง

             “ไอ้คุณ แห่กๆ”

             “ใจเย็นๆ แทค มีอะไร?”

              “อะ...อูยอง อูยองตกบันไดตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”

    .

    .

              ผม ไอ้แทค คุณพ่อและคุณแม่รีบขึ้นเครื่องบิน เที่ยวบินที่เร็วที่สุดเมื่อได้รับข่าวนั้น แอบใช้อิทธิพลของท่านทูตนิดหน่อย ใจผมบีบรัดด้วยหลายอารมณ์ ทั้งกลัว ตกใจ เสียใจ ผสมปนเปกันไปหมด อูยอง แล้วลูกล่ะ ลูกจะเป็นยังไงบ้าง

             “ใจเย็นๆ นะคุณ อูยองจะต้องไม่เป็นอะไร” ไอ้แทคบีบมือผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ถึงแม้ผมจะแอบเห็นก็เถอะว่าหางตาย่นๆ ของมันมีคราบน้ำตาอยู่บางเบา คุณนายอ๊คร้องไห้จนสลบไปแล้ว แม้แต่คุณพ่อก็ยังหน้าซีดเผือด ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้ง ถ้าอูยองเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง ทั้งชีวิตผมก็มีแค่เขา มีแค่เขาและลูกของเรา

     

    .

     

              สามชั่วโมงที่ยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ เราขึ้นรถแท็กซี่จากสนามบินไปโรงพยาบาลที่ชานบอก เราถึงในครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องฉุกเฉิน พยายามควบคุมสติตัวเองอย่างถึงที่สุด หน้าห้องฉุกเฉินมีชานซองที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่บนพื้นข้างประตู และสามแสบที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี้ก็ยืนหน้าเสียนั่งไม่ติด จุนโฮน้ำตาซึมออกมาน้อยๆ ผมเข้าใจแล้วว่าเด็กคนนี้รักเพื่อนตัวเองแค่ไหน ผมเดินเข้าไปอย่างเลื่อนลอย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่วิ่งเข้าไปกระชากประตูเปิดออก ชานซองเงยหน้ามามองผม แล้ววิ่งมากอดผมพร้อมพร่ำพูดขอโทษไม่ยอมหยุด

             “ไม่เป็นไรชาน พี่ไม่โทษเราหรอก” ผมไม่รู้ตัวเลยว่า เสียงที่เอ่ยออกไปนั้นแหบแห้งแค่ไหน มันสั่นสะท้านจนคนที่ได้ยินถึงกับวาบลึกในอก

             “ผมขอโทษ ขอโทษ ผมทิ้งให้พี่อยู่คนเดียว ผมไม่น่าออกไปข้างนอก ไม่น่าทิ้งให้พี่อยู่คนเดียว” แทคเล่าให้ฟังแล้วว่าอูยองนอนอยู่ข้างบนจนถึงดึก ตอนนั้นแม่บ้านก็หลับหมดแล้ว คนเป็นพี่เป็นห่วงน้องเลยอาจเดินลงมาดู ความไม่ทันระวังเลยทำให้อูยองพลัดตกบันได ยังดีแค่ไหนที่ชานซองกลับบ้านพอดี “เลือด ผมเห็นเลือดเต็มไปหมด ฮึก พี่ ผมสงสารพี่” ชานซองเหมือนคนเสียสติ กอดผมแน่น ร้องไห้เสียงสั่น คุณแม่มาดึงให้ลูกชายตัวเองออกห่างจากผม ดึงไปนั่งตรงโซฟาหน้าห้องฉุกเฉิน ผมยังยืนมองบานประตูนิ่งไม่สนว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่สนใจมือที่บีบให้กำลังใจของทุกคน ไม่สนใจเสียงที่ดังอยู่รอบกาย สนใจแต่คนที่อยู่ข้างใน กับความทรมานที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ หัวใจที่บีบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก

    ตอนนี้ ผม อาจจะตายไปแล้วก็ได้

     

    .

    .

     

     

     

             ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พร้อมกับหมอและพยาบาลส่วนหนึ่ง ผมปรี่เข้าไปถามหมอด้วยความละล่ำละลัก “อูยอง เมียผมเป็นไงบ้างฮะหมอ”  หมอท่านนั้นมองผมด้วยสายตาสงสาร สายตาที่ผมเห็นแล้วแทบทรุด แต่ก็พยายามที่จะหลอกตัวเอง

            “หมอพยายามเต็มที่แล้ว เด็กทั้งคู่ปลอดภัยดี แต่แม่ของเด็กเสียเลือดมาก” ผมได้ยินเสียงคุณแม่สะอื้นฮัก “หมอเสียใจด้วยครับ”

            หมอเดินออกไปแล้ว แต่ผมก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ ประสาทหูได้ยินเสียงร้องไห้ของคนที่อยู่ตรงนั้น เสียงหวีดร้องของคุณแม่ดังก้องก่อนจะล้มพับไป น้ำตาผมไหลเป็นทางยาว อูยอง อูยองไปแล้ว ทิ้งลูกไว้ให้ผมถึงสองคน อะ...อูยอง อูยองทิ้งพี่ไปไม่ได้นะ ทิ้งพี่ไปแบบนี้ไม่ได้ !!!!

            ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองหวีดร้องชื่อคนรักออกมาด้วยความสั่นสะท้าน ไม่รู้ตัวสักนิดว่าทำให้โลกหม่นหมองด้วยเสียงร้องไห้ ไม่รู้ตัวแม้สักนิด

    โลกของผมหยุดหมุนลงแล้ว

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

              “หมอ หมอค่ะ คนไข้หายใจแล้วค่ะ พยาบาลคนนั้น เรียกหมอเร็วเข้า” เสียงตวาดของพยาบาลรุ่นใหญ่คนหนึ่งที่ดังมาจากหน้าห้องฉุกเฉิน เรียกสติผมให้กลับคืนมา หมอคนเดิมรีบวิ่งมาแล้วหายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม สวรรค์กำลังจะมอบเด็กน่ารักของผมให้กลับคืนมา หันไปมองทุกคนที่ยิ้มอย่างโล่งอกแล้วใจชื้นขึ้นมาอีกนิด ยืนยันว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้ผิดไป

                หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านไปอย่างมีความหวัง หมอคนเดิมเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน รอยยิ้มอบอุ่นที่ผมเห็นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบไปแม้มันจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตามที “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ ปาฏิหาริย์แท้ๆ”

               พยาบาลบอกพวกเราว่าอูยองจำเป็นต้องพักผ่อนในห้องฉุกเฉินเพื่อดูอาการอีกหนึ่งคืน เราถึงจะเข้าไปเยี่ยมได้ แถมยังบอกด้วยว่าลูกของเราไม่ยอมให้พาออกจากห้อง ต้องการที่จะนอนกับแม่ของเขา เมื่อใดที่พยาบาลพยายามจะเข็นรถเด็กไปจากห้องเสียงร้องไห้จ้าก็ดังลั่นขึ้นแทบจะทันที ลูกของเรา ผมได้ลูกแฝดจริงๆ ครับ แถมเป็นแฝดชายซะด้วย เป็นไง ความสามารถนะนั้น (ดูพี่คุณจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว) สามแสบขอตัวกลับบ้านและสัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ แทคเห็นว่ามันเกือบจะเช้าแล้วจึงอาสาไปส่ง แอบกระซิบบอกผมว่าสะใภ้ใหญ่กำลังจะตามมาดูหน้าหลาน พ่อแม่อูยองเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจผม แล้วเดินออกไป ชานซองเข้ามากอดผมแล้วขอโทษผมอีกสองสามทีแล้วเดินจากไป เหลือผมคนเดียวที่ยืนตรงนี้ แต่มันไม่อ้างว้างที่ต่อไป ข้างในนั้นยังมีภรรยาที่แสนน่ารักและลูกชายที่รักแม่ตั้งแต่ยังเด็กอีกสองคน

    .

    .

             ลูกผมน่ารักมากครับ ใครๆ ก็พูดแบบนั้น พ่อแม่ผมที่อยู่ที่ไทยก็รีบบินมารับขวัญหลานตัวน้อยเป็นการใหญ่ ทุกคนมีความสุขดี ลูกผมที่ถึงแม้จะคลอดก่อนกำหนดก็ดูจะแข็งแรง แต่มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ผมพยายามหลอกตัวเองมาสองวันแล้ว แต่อูยองก็ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงสีขาวของโรงพยาบาล ตัวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าปากบางน่าจุ๊บนั้นจะเริ่มเป็นสีส้มสดแล้วก็ตาม พยาบาลเอาเลือดถุงที่สามมาเปลี่ยนให้เมื่อเช้า บอกว่าอูยองเสียเลือดไปมากและยังต้องการเลือดอีกหลายถุง(คล้ายจะหลุดประเด็นไปเป็นแวมไพร์) สามแสบก็ยังทำให้ผมปวดม้ามได้เหมือนเดิม แต่ผมพอจะรู้ว่าพวกเขาต้องการให้ผมยิ้ม แทคและชานเดินไปวนๆ แถวเตียงอูยองเป็นรอบที่ร้อยของวัน รอคอยให้สุดที่รักตื่นขึ้นมา ส่วนผมก็ไม่ไปไหนไกล นั่งมันอยู่ตรงข้างเตียงนี่แหละ

             “พี่!

             “น้องสาวฉัน!” ไอ้แทค ==; หา? ว่าไงนะ?!(รู้ตัวช้าอีกผม)

             “เมียสุดที่รัก!!” ผมเอง - - อูยองลืมตากระพริบตาปริบๆ สองสามที แล้วมองหน้าผม สลับกับไอ้แทค ไอ้ชาน มือที่ถูกผมกุมอยู่ขยับยุกยิกเบาๆ คนอื่นๆ ไม่คิดจะวิ่งมาดูหรอกฮะ เพราะความตื่นตูมของไอ้ชานบวกไอ้แทค เอ่อ ยอมรับก็ได้ว่ามีผมด้วย พอเห็นอูยองกระดิกนิ้วแค่นิดเดียวก็ร้องลั่นใหญ่โต

             “หิวน้ำ” อูยองพูดเสียงแหบ ผมรีบจัดการประคองเมียที่ตอนนี้กลับมาตัวเล็กแต่แก้มยังเท่าเดิม ให้นั่งในท่าที่สบาย ส่วนไอ้ชานก็รีบรินน้ำใส่แก้ว เสียบหลอดแล้วยื่นให้อูยองกิน ตอนนี้เองที่ทุกคนหยุดทำสิ่งที่อยู่ในมือแล้วรีบวิ่งมาดูด้วยความตื่นเต้น

             “อูยองน้อยของแม่”

             “แม่!!” ทั้งคู่กอดกันเบาๆ แสดงความคิดถึง พ่ออูยองก้มลงไปหอมแก้มลูกสาวเบาๆ ตามด้วย(ว่าที่)พี่สะใภ้ของอูยองที่ตามเข้ามากอดเบาๆ (ผมลืมบอกไปใช่มั้ย ว่าคนๆ นั้นคือพี่เจย์) พอทั้งสามผละออกมาได้ก็ถึงตาพ่อแม่ผมแล้วละครับ ที่ใจใหญ่เหลือเกินซื้อกำไลทองคำมารับขวัญหลานคนละคู่(สองคนก็สี่อัน โดนไปหลายบาทเลยฮะ) แถมยังซื้อสร้อยข้อมือทองคำขาวเส้นเล็กมารับขวัญลูกสะใภ้อีกต่างหาก เอิ่ม ผมไม่อยากจะแฉหรอกนะ ว่าตอนผมไปบอกแม่ว่าจะแต่งงานน่ะ แม่คัดค้านแทบตาย ว่าไม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นคนต่างชาติ แต่สุดท้ายก็ยกขันหมาก(?)มาสู่ขอลูกสาวเขาให้ผม แต่ว่าผมอยากจะบอก ค่าสินสอดสักแดงเดียวแม่ก็ไม่ให้ ผมเกือบกินแกรบไปหลายเดือน ดีที่เงินเก็บผมเยอะพอ แต่ตั้งแต่อูยองท้องแม่ก็ประคบประหงมลูกสะใภ้ราวกับลูกตัวเอง ไม่สนใจผมสักติ๊ด พอหลานคลอดก็ซื้อทองราคาหลายตังค์มารับขวัญอีกต่างหาก รู้ครับว่านั่นน่ะลูกผม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจขึ้นมาตะหงิดๆ พูดคุยกันสักพัก ทุกคนก็ลงไปกินข้าวข้างล่างทิ้งให้ผมอยู่กับภรรยาสุดที่รักแค่สองคน

             “ลูกล่ะ?” แหม ไม่ถามถึงพ่อมันบ้างเหรอจ้ะ

            “ลูกเราคลอดก่อนกำหนด หมอเลยพาไปเข้าตู้อบน่ะจ้ะ” ตู้อบที่ว่าไม่ใช่ตู้ไมโครเวฟนะอย่าเข้าใจผิด “เจ็บตรงไหนบ้างไหม?” ผมถามด้วยความเป็นห่วง อูยองที่ได้ยินอย่างนั้นจึงได้ยู่หน้านิดหนึ่ง คิ้วงี้ขมวดกันแน่นเชียว ผมเอื้อมมือไปคลายคิ้วให้ออกจากกัน

            “เจ็บตรงนี้” ยืนแขนมาให้ดู “ต้องโดนแทงอีกกี่เข็มกัน” ทำหน้าจะร้องไห้อีกแล้ว ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยปากแซว

            “ไม่เจ็บเท่าพี่แทงหรอกจ้ะ” อูยองหน้าแดงแปร๊ดแล้วตีแขนผมเบาๆ อุบอิบๆ หาว่าผมทะลึ่ง ฮ่าๆ ได้ทะลึ่งมากกว่านี้แน่จ้ะ ไม่ต้องห่วง

            “ลูกเราชื่ออะไรอ่ะ?” อ่ะแหน่ะ เปลี่ยนเรื่อง ผมหัวเราะเบาๆ กับแก้มที่ยังไม่หายแดง จนอูยองหันมาค้อนใส่

            “คนหนึ่งชื่อคุณยอง ส่วนอีกคนชื่อนิกยอง เป็นไง?” ผมหัวเราะเบาๆ(อีกแล้ว) เมื่อเห็นหน้ามู่ทู่ของอูยอง

            “ใช้หัวคิดมั้ยเนี่ย?” ฮ่าๆๆ ขำก๊ากเลยที่นี่

             “เอ้า ไม่ดีหรือไง มีชื่อพวกเราในนั้น”

             “พี่คุณณณณณ” ฮ่าๆๆ

             “คนโตชื่อแจซัง ส่วนอีกคนชื่อแจซอง เป็นไง?” อันที่จริงพวกเราก็ตั้งเล่นๆ ไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าถามว่าทำไมไม่ตั้งชื่อไทยบ้าง คือไรเตอร์มันคิดไม่ออกจริงๆ

             “ดีขึ้นมาหน่อย” อูยองเอนหลังลงนอนแล้วหลับตาพริ้ม เฮ้ย มีเรื่องจะถามเยอะแยะ ตื่นขึ้นมาก่อน ผมดึงแขนอูยองให้กลับมานั่งเหมือนเดิม อูยองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

             “ทำอะไรทำไมไม่ระวัง?” ผมถามด้วยความโมโหนิดๆ ก็จริงนี่ รู้ว่าตัวเองเดินไม่ค่อยสะดวกยังจะเดินลงบันไดมาอีก

             “ก็จะมานั่งรอชาน” นั่นไง ว่าแล้ว สามคนนี้รักกันมากครับ ตั้งแต่ไหนแต่ไรที่พวกเขาไม่เคยคิดจะทอดทิ้งใครคนหนึ่งไว้เพียงลำพัง ถึงแม้อูยองจะเป็นผู้หญิงแต่พวกเขาก็สนิทกันมากจนพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

             “น้องมันไม่เด็กแล้วนะ มันดูแลตัวเองได้!!

             “อูยองก็ไม่เด็กแล้ว!!!” อูยองเถียงไม่ยอมแพ้ “ก็ตอนนั้นมันดึกแล้วนี่นา” บ่นอุบอิบเบาๆ เมื่อเห็นสายตาของคนพี่ งือ น่ากลัว

             “ทำอะไรไม่ระวัง ไม่เป็นห่วงตัวเองเลยใช่มั้ย แล้วลูกล่ะ? แล้วพี่ล่ะ? รู้มั้ยว่าตัวเองหยุดหายใจไปแล้วน่ะ” ประโยคหลังพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ยังจำช่วงเวลาเหมือนตายทั้งเป็นได้เป็นอย่างดี “พี่เกือบจะตายตามอูยองไปแล้ว”

              “ขอโทษ อูยองขอโทษ” อูยองพูด “อูยองรู้ มันน่ากลัวมากเลย มันขาวโพลนไปหมด แถมยังหนาวมากๆ ด้วย สักพักอูยองก็เห็นทุกคนร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินแต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย” อูยองเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แล้ววางไว้บนตัก “แค่เพียงแปปเดียวก็เหมือนมีคนมาดึงให้อูยองออกห่างจากตรงนั้น แล้วบังคับให้เดินตามไป อูยองเห็นแค่ปลายทางที่มีแสงสีสวยเต็มไปหมด แล้วอูยองก็ได้ยินเสียง” อูยองบีบมือผมแน่นขึ้น หันมามองผมด้วยตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า “เสียงนิกคุณโอปป้าเรียกอูยอง เสียงดังมากเลย บอกอูยองว่าห้ามไป แล้วอูยองก็ได้กลับมา กลับมาหานิกคุณโอปป้า”

             นานแค่ไหนแล้วที่อูยองไม่ได้เรียกผมด้วยชื่อจริง ถึงจะแปล่งๆ เพราะพูดสำเนียงไทยไม่ชัด(แน่ล่ะ เขาเป็นคนเกาหลีนิ) มือเล็กบีบมือผมแน่นขึ้นไปอีก ปากบางก้มลงจุ๊บเบาๆ ที่ปากผม ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำให้มันกลายเป็นจูบที่ลึกซึ้ง เพียงเพื่อใช้สัมผัสเอ่ยคำว่ารัก ผมเอียงคอหาองศาที่เหมาะสม กัดปากล่างของอูยองเบาๆ ออกแรงดูดดุนจนปากบางเผยอออก ผมจัดการไล้ลิ้นเลียไปที่มุมปากเป็นการขออนุญาต ก่อนที่จะสอดลิ้นเข้าไปในโพลงปากหอมหวาน ดูดดุนรั้งลิ้นที่ตอบสนองเป็นอย่างดี ผมไล้ลิ้นไปตามไรฟันอย่างย่ามใจ มือหนาเริ่มอยู่ไม่สุข เลื่อยไปมาตรงเอวเปล่าเปลือยของร่างบาง อูยองดันลิ้นกลับเขามาในปากผมอย่างยั่วยวน “อื้อ” เสียงครางครึมในลำคอดังขึ้นมาอย่างพอใจ รู้สึกถึงน้ำใสๆ ที่ไหลตรงขอบปากก่อนมือเล็กจะทุบไหล่ผมเบาๆ ว่าให้พอ อูยองถอนลิ้นออกจากปากผม เราทั้งคู่หอบหายใจเล็กน้อยแล้วยิ้มให้กัน ผมอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียขอบปากคนตรงหน้า ดูดริมฝีปากล่างของอูยองอีกสองสามที

              “พี่รักอูยองนะ สุดที่รักของพี่”

    .

    .

              “อูยองก็รักพี่ สุดที่รักของอูยอง”

     

    END.

    ปล. ถ้าอยากให้มีภาคสอง แหน่ะๆ พยายามจะแต่งเอ็นซีอยู่?
    จบแค่นี้ไปก่อนละกัน จะได้ไม่ค้างเนอะ
    เรื่องแรก ได้แค่นี้แหละ :D

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×