คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Lovely Complex 05 [End]
05
“ไอ้หมอนั่น มันคิดไม่ซื่อกับโชริ!!”
“ตรงไหนพี่..ก็แค่เข้าบ้านผีสิง” ยูมะแย้ง
“โอ้ย เข้าบ้านผีสิง!! ไอ้หมอนั่นมันจะต้องถือโอกาสลวนลามโชริน่ะสิ คิดดูนะ มันจะต้องมีทั้งโอบทั้งกอด เผลอๆมีกอดจูบลูบคลำในความมืดโดยที่โชริไม่ทันรู้เรื่องรู้ราวแน่นอนเลย! ....ไม่ได้นะ พี่ไม่ยอม!!!”
“พี่ก็เห็นอยู่ว่าโชริเป็นคนชวนเข้าไป” ยูมะแย้งตามที่เห็น ถ้ามองด้วยสายตาที่เป็นกลางแล้วล่ะก็ชัดเจนอยู่ว่าน้องชายของพวกเขาเป็นคนชวนอีกฝ่ายเข้าไป
“ไม่รู้ล่ะ พี่ต้องตามเข้าไปปกป้องโชริ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
“ตามใจพี่ละกัน …ว่าแต่พี่ยูยะไม่เป็นไรแน่เหรอ” ยูมะถามด้วยความเป็นห่วง ...เขารู้ดีว่าพี่ชายที่ชอบทำมาดเท่ห์ๆเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นน่ะ ...ขี้กลัวแค่ไหนเวลาอยู่ที่บ้าน
“ใครบอกว่าฉันจะเข้าไปคนเดียว แกด้วย ยูมะ!”
“ห้ะ!! ไม่เอาอ่ะ น้องไม่ถูกกับที่มืดๆ”
“แกคิดว่าฉันชอบงั้นเรอะ!”
สองหนุ่มถกเถียงกันอยู่เป็นนาน จนแล้วจนรอดยูยะก็จับแขนยูมะบังคับลากเข้า Haunted Mansion ไปด้วยกันโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจจนได้
.
.
“โชริ กลัวหรือเปล่า”
เคนโตะถามร่างบางที่กำลังมองพวกของตกแต่งภายในอย่างสนอกสนใจ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวกับสิ่งลี้ลับหรือแม้แต่ความมืดเลยแม้แต่น้อย.... ผิดกับร่างสูงที่บัดนี้มือเย็น เท้าเย็น หน้าซีดเป็นไก่ต้มสุกไปแล้วเรียบร้อย...เคราะห์ยังดีที่ความมืดช่วยพลางไม่ให้เห็นด้านที่ไม่เท่ห์เอาเสียเลยของเจ้าชายชัดเจนนัก ไม่งั้นล่ะอับอายขายขี้หน้าน่าดู
“จริงๆแล้วผมก็กลัวนะฮะ แต่ว่า..ก็อยากลองเข้ามาดูสักครั้ง”
“ถ้ากลัวก็จับเอาไว้สิ” ....หรือคำที่ถูกต้องคือ ฉันกลัว ช่วยจับมือฉันหน่อยเถอะ! …..
ร่างสูงยื่นมือไปตรงหน้าโชริในแบบฉบับพระเอกการ์ตูนตาหวานสุดเท่ห์ ร่างบางที่ไม่รู้อะไรก็หลงเป็นปลื้ม ยิ้มกว้างแล้วส่งมือบางไปจับกับฝ่ามือใหญ่ที่รออยู่แล้ว
“มือเคนโตะคุงเย็นจังนะครับ”
“แอร์ในนี้มันเย็นน่ะ”
เคนโตะจูงมือร่างเล็กไปตามเส้นทางบังคับไปเรื่อยๆ ระหว่างทางนั้นก็จะมีจุดสะดุ้ง ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาผีนานาชาติที่ห้อยย้อยมาจากทุกทิศทุกทาง หรือแม้แต่คนแต่งตัวเป็นผีที่ผลัดกันโผล่ออกมาเขย่าขวัญให้ระยะห่างของทั้งสองคนค่อยๆลดลงจนไม่เหลือช่องว่างใดๆ ... เคนโตะใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบบ่าเล็กในขณะที่โชริเองก็กอดแขนแข็งแรงของร่างสูงเอาไว้แน่น ใบหน้าหวานเอียงหลบซบที่ไหล่กว้าง ตาใสก็หลุกหลิกมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง ....ถึงโชริจะไม่ได้ส่งเสียงร้องโวยวายหรือกรีดร้องแบบพวกผู้หญิง แต่การที่ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าใกล้ร่างสูงเหมือนหาที่พึ่งพิงก็เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง
....เคนโตะอมยิ้มอย่างพึงใจ ความหวาดกลัวที่เคยมีได้มลายหายสิ้นไปหมดแล้วเมื่อเกิดความรู้สึกที่อยากจะปกป้องคนที่ตัวเองรักเข้ามาทดแทน ....ฝ่ามือใหญ่ลูบหลังลูบไหล่เล็กอย่างอ่อนโยนพลางก้มลงไปพูดปลอบเบาๆแบบใกล้ชิด
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”
แบร่~!!!!!!!
“ว๊ากกกกกกกกกกกก”
แล้วเจ้าชายก็แหกปากร้องออกมาเสียงดังอย่างหลุดมาดอีกครั้ง ขณะที่พาโชริวิ่งฝ่าคุณผีๆและบรรดาเอฟเฟ็กต์แสงสีเสียงทั้งหลายไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
อีกด้านหนึ่งของ Haunted House
“พี่ยูย๊ะ!!!~ เดินไปซักทีสิ”
“น้องนั่นแหละเดินไปก่อน พี่จะระวังหลังให้เอง”
“นี่อะไรน่ะ...”
“อย่า! อย่าไปหยุดทักมันนนน”
“อ๊ากกกกกกกกกก”
สองพี่น้องยูยะยูมะที่อาจหาญเข้าบ้านผีมาด้วยกัน ทั้งๆที่รู้กันอยู่แก่ใจว่าคนพี่ก็กลัวผี คนน้องก็กลัวความมืด สภาพก็เลยกลายเป็นว่าทั้งคู่กอดกันกลมดิ้กอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ เพราะไม่จำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีให้ใครเห็น ...สองหนุ่มส่งเสียงกรีดร้อง โวยวาย โหยหวน ครวญครางแทบไม่เป็นภาษากันแบบสุดตัว ....ในหัวขาวโพลนเหมือนสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าจุดประสงค์ของการเข้ามาที่นี่คืออะไร
.
.
.
“โชรินี่วิ่งเร็วจังเลยนะ”
เคนโตะยืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้าประตูทางออกของบ้านผีสิง หลังจากที่ทั้งคู่ใช้เวลาเดินวนอยู่ในนั้นสักครู่ใหญ่ๆ ข้างกันนั้นเป็นโชริที่ยังยิ้มร่าเริงอยู่แบบไม่เดือดร้อนอะไรทั้งๆที่เพิ่งวิ่งหนีผีกันออกมาพร้อมกัน
....Physical body ของเขากับโชริต่างกันแค่ไม่กี่ปีไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมมีแค่เขาที่เหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนาม....
.....เขาเป็นนักกีฬานะ แม้ตำแหน่งที่เล่นมันจะไม่ค่อยได้วิ่งไปไหนเท่าไหร่ก็เถอะ....
.....หรือมันเป็นสัญญาณบอกว่าเขาเริ่มจะแก่แล้วจริงๆ....
“ผมชอบกีฬาประเภทกรีฑานะฮะ โดยเฉพาะวิ่งมาราธอน”
“จริงดิ มิน่าละวิ่งเร็วชะมัด” ....เด็กคนนี้มักมีอะไรมาให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อยๆจริงๆ....
พอร่างกายฟื้นฟูพลังกลับคืนมาอย่างรวดเร็วตามประสานักกีฬาแล้ว เคนโตะก็จูงมือร่างบางออกเดินเที่ยวต่อ
“นี่..นายรู้เรื่องความเชื่อของที่นี่มั้ย”
“อะไรเหรอครับ” ร่างสูงทำท่าป้องปาก เหมือนกับว่าเป็นความลับสุดยอดทำให้โชริต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ด้วยความอยากรู้
“เค้าบอกว่า...ถ้าได้จูบกันโดยไม่มีใครเห็นที่บ้านผีสิงในโตเกียวดิสนีย์แลนด์แล้วจะไม่เลิก ไม่พรากจากกันล่ะ”
เคนโตะอมยิ้มกับปฏิกิริยาที่คาดเดาได้ง่ายของโชริ ...แก้มขาวนวลของร่างบางสูบฉีดเลือดอย่างรุนแรงจนมันแดงแจ๋ไปทั้งหน้า ตาใสๆกลมแบ้วกระพริบปริบๆมองเขาอย่างอึ้งๆกอปรความเขินอายอย่างน่ารัก
“น่าเสียดายที่วันนี้คนเยอะไปหน่อยน้า~”
.....ก็แค่อยากแกล้งแหย่โชริเท่านั้นแหละน่า เขาชอบดูปฏิกิริยาของร่างบางที่มักจะอึ้ง พูดไม่ออก เขินและทำอะไรไม่ถูกทุกครั้งที่เขาพูดแบบนี้ใส่..... เขารู้ว่าโชริยังไม่พร้อม เด็กคนนี้ใส และขาวสะอาดเกินไปจนเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำตามใจตัวเอง......
.....แม้ว่าใจจริงจะอยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัสมากกว่านี้ให้สมเป็นคนรักกันก็ตามเถอะ......
…………………………..
………………….
………..
“ห้า...สี่...สาม..สอง...หนึ่ง.... หกโมงแล้วล่ะพี่ยูยะ”
สองหนุ่มที่คลาดสายตาจากโชริตั้งแต่เจอเหตุการณ์นรกแตกที่บ้านผีสิง ทำให้พวกเขาต้องวิ่งพล่านตามหาน้องชายไปทั่ว จนสุดท้ายมาเจอน้องกำลังยืนดูขบวนพาเหรดก็เย็นย่ำสายัญดวงตะวันเลี่ยงหลบแล้ว
“โชรี๊~~~! ทำไมถึงทำกับพี่ได้”
“เอาน่าๆ ก็ขบวนพาเหรดกับพลุไคลแม็กซ์มันมาตอนหัวค่ำนี่นา พี่ก็หยวนๆให้โชริหน่อยสิ” ยูมะทำหน้าที่ลูบหลังลูบไหล่ให้กำลังใจพี่ชายที่กำลังเสียใจอย่างหนัก
“แต่น้องสัญญาว่าจะกลับบ้านให้ทันหกโมง ..นี่ยังไม่ทันไรก็เริ่มขัดคำสั่งพี่แล้วเหรอเนี่ย อะฮือ~” ยูยะซบหน้ากับต้นไม้ที่ใช้เป็นที่พรางตัวแล้วเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ
ยูมะมองไปทางโชริที่กำลังยิ้มกว้างอย่างมีความสุขขณะที่โบกไม้โบกมือให้กับตัวการ์ตูนดิสนี่ย์ชื่อดังทั้งหลายในขบวนพาเหรด บ้างก็ชี้ชวนให้ร่างสูงที่ยืนข้างๆดูนู่นนี่ที่น่าตื่นตาตื่นใจในสายตาของน้อง ซึ่งดูท่าว่าจะสนุกเพลินจนลืมดูเวลา
........โชริไม่ได้เที่ยวเล่นในสวนสนุกแบบเด็กทั่วไปมานานเท่าไหร่แล้วนะ..........
“กลับไปรอน้องที่บ้านดีกว่าน่า” ยูมะติดสินใจชวนพี่ชายกลับบ้าน เพราะเขาไม่อยากทำลายใบหน้าที่มีความสุขของน้อง
“ไม่เอา...พี่ไม่กลับ อะฮือ~” แต่ยูยะไม่ยอมรับรู้อะไร เอาแต่ซบหน้าร้องไห้ลูกเดียว
“...พี่ยูยะอย่างอแงแบบนี้สิ นี่ไม่ใช่ที่บ้านเรานะ!”
“โชริไม่รักพี่แล้ว อะฮือ~” ความง้องแง้งไร้สาระของพี่ชายคนโตทำให้พี่คนรองอย่างยูมะชักจะเดือดขึ้นมาบ้างแล้ว
“พี่ยูยะ!! กลับบ้าน!!!!” ยูมะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดันและหน้าตาจริงจังกว่าทุกครั้ง
“....กลับก็ได้” ยูยะถึงกับสะดุ้งและรีบทำตัวเรียบร้อยว่าง่ายขึ้นมาหน้าจ๋อยๆ
......................................
............................
..............
“พี่ยูมะ...พี่ยูยะล่ะ”
โชริวิ่งกระหืดกระหอบเข้าบ้านมาเจอยูมะกำลังดึงพลาสติกแรปจานข้าวในส่วนของยูยะที่ดูเหมือนยังไม่ได้รับการแตะต้องแม้แต่น้อยอยู่ในครัว
“งอน....ไม่ยอมกินข้าวกินปลา นอนคลุมโปงอยู่ในห้องโน่นแน่ะ” ยูมะพูดแบบเอือมกับพี่ชายที่โตแต่ตัว นิสัยจริงๆแล้วเด็กยิ่งกว่าเขา ยิ่งกว่าโชริเสียอีก ....ด้วยความรับผิดชอบหลายอย่างๆทำให้ยูยะต้องเป็นผู้ใหญ่เกินตัวตั้งแต่ยังเด็ก แล้วมันก็กลายเป็นเอฟเฟ็กต์ เป็นปมของพี่ยูยะที่อยากแสดงออกแบบเด็กๆบ้างในบางเวลา และเฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้น
การเจรจาขอคืนดีกับพี่ชายของโชริเป็นไปด้วยดี เมื่อมีอาหาร(ที่ยูมะทำไว้)เข้าไปร่วมด้วย... เขารู้ดีว่าพี่ยูยะแพ้ทางให้กับของกินและความขี้อ้อนของโชริมากแค่ไหน
แต่เรื่องเดียวที่พี่ยูยะไม่ยอมลงให้ก็คือ การเพิ่มเคอร์ฟิวกลับบ้านตอน5โมงเย็นซึ่งเป็นบทลงโทษสำหรับโชริ ก็คือต้องตรงดิ่งกลับบ้านทันทีที่เลิกชมรม.... นั่นก็หมายความว่าร่างบางจะไม่มีเวลาแวะเถลไถลไปไหนกับใครได้เลย
อาทิตย์ต่อมานั้นเป็นช่วงใกล้การแข่งฟุตบอลครั้งสำคัญ เหล่าหนุ่มๆนักกีฬาตัวจริงของชมรมฟุตบอลก็ต้องซ้อมกันอย่างหนักหนาสาหัสจนแทบไม่มีเวลามายืนขายขนมจีบหรือทำตัวตลกบริโภค เกาะขอบหน้าต่างชมรมคหกรรมเหมือนปกติ
เว้นเสียแต่ว่า
คนๆนั้นจะไม่ใช่คนธรรมดา
คนที่กล้าๆเดินปลีกตัวออกมาจากทุกคนทั้งๆที่โค้ชเรียกรวมตัวหลังจากซ้อมในสนาม
คนที่ใครๆก็เรียกเค้าว่า เจ้าชาย
“เคนโตะคุงออกมาแบบนี้จะดีเหรอ โค๊ชเรียกอยู่นี่ครับ”
“ฉันมีธุระที่ต้องรีบมาบอกนายก่อน วันนี้ฉันคงเลิกซ้อมช้า คงไม่ทันเจอโชริแน่ ช่วงนี้นายรีบกลับใช่มั้ยล่ะ”
“อ่า ผมมีเคอร์ฟิวกลับบ้านน่ะฮะ แล้วเคนโตะคุงมีอะไรหรือครับ”
“มันอาจจะเป็นคำขอที่ดูแปลกๆ....แต่นายช่วยทำเครื่องรางให้ฉันหน่อยสิ”
“เอ๋???” ราวกับเห็นเครื่องหมายเควชชั่นมาร์คอยู่บนหน้าของโชริ ร่างสูงก็เลยหลุดหัวเราะออกมาแล้วยกมือขึ้นมายีหัวร่างบางเบาๆ
...... เป็นเด็กที่แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนจริงๆ.....
“ก็นายชื่อโชริใช่มั้ยล่ะ โชริที่แปลว่าชัยชนะ เพราะงั้นของที่ได้จากโชริก็จะนำพาชัยชนะมาให้กับการแข่งนัดนี้ด้วยสิ” พออธิบายถึงที่มาที่ไป ร่างบางก็พยักหน้าเหมือนกับว่าเข้าใจ
“อะไรก็ได้เหรอครับ” .....แต่ก็ไม่วายส่งคำถามมาอีกจนได้
“อื้อ แล้วแต่นาย” ขอเสร็จแล้วก็ยืนยิ้มไปยิ้มมาเกาะขอบหน้าต่างที่ประจำอย่างรื่นเริง
......โชริชอบเวลาที่เจ้าชายยิ้ม เคนโตะคุงเวลายิ้มจะน่ารักมากๆเลย ....ดวงตาเรียวหยีโค้ง ยิ้มไปทั้งปากทั้งตา ทำให้คนที่มองรู้สึกมีความสุขไปด้วย เพราะฉะนั้นเวลาที่เจ้าชายที่มายิ้มหวานแล้วขอร้องให้ทำอะไรสักอย่างมักจะไม่ได้รับคำปฏิเสธจากอีกฝ่ายนักหรอก.... เคลิ้มไปกับรอยยิ้มนั่นทุกทีแหละ
“งั้นผมจะทำให้แล้วกัน” อย่างเช่นครั้งนี้เป็นต้น.... โชริไม่สามารถปฏิเสธคำขอพร้อมกับยิ้มแบบนั้นได้สักที
“แล้ววันนี้ทำอะไรกินน่ะ หอมจัง~” เจ้าชายทำจมูกฟุดฟิดๆดมกลิ่นอาหารหอมๆที่ลอยโชยออกมาตามลม
“French Toast ฮะ แต่ไม่มีของเคนโตะคุงหรอกนะ”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ โชริใจร้าย”
“ก็เคนโตะคุงบอกว่าซ้อมหนักไม่ใช่เหรอฮะ...ผมก็เลยไม่ได้ทำเผื่อไว้ให้ แล้วพอดีเครื่องเคียงของวันนี้เป็นไอศกรีมน่ะ ผมก็เลยกินเองคนเดียวหมดแล้ว อร่อยด้วยล่ะ^^”
พอพูดยั่วน้ำลาย ยั่วน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของเจ้าชายที่เสียเหงื่อให้กับกีฬามาร่วมหลายชั่วโมงอิจฉาเล่นๆไปแล้ว เจ้าชายก็งอแงอ้อนจะให้เขาทำให้กินอีก
“เอาไว้ให้ทีมของเคนโตะคุงชนะการแข่ง แล้วผมจะทำแบบสเปเชี่ยลให้กินแทนละกัน”
“พูดแล้วนะ...นายเตรียมทำให้ฉันกินได้เลย!!”
ถึงจะรับปากไปแบบนั้นก็เถอะ.....
แม้ว่าเรื่องเฟรนซ์โทสเขาจะพอทำเอาตัวรอดไปได้
แต่ตอนนี้ในหัวของโชริยังไม่มีไอเดียว่าจะทำอะไรให้เป็นเครื่องรางก่อนแข่งของเจ้าชายดี
สิ่งที่เขาพอทำได้เหรอ
......อาหาร....
นั่นตัดทิ้งไปได้เลย ....เขาไม่ควรเสี่ยงกับเรื่องท้องไส้ในวันแข่งจริง ถ้าเกิดอาหารที่เขาทำมันผิดสำแดงขึ้นมาแล้วทำให้เจ้าชายต้องวิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำทั้งวัน หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้นต้องส่งเข้าโรงพยาบาล .....เขาจะไปหาเจ้าชายที่ไหนมารับผิดชอบเป็นผู้รักษาประตูแทนกันล่ะ
คงจะโดนโค้ชตามมากุดหัว แถมคนทั้งชมรมฟุตบอลฝากอาฆาตไว้เป็นของแถมเสียอีก
แค่คิดก็ขนลุกไปทั่วทั้งไขสันหลังแล้ว
..................................................
.................................
................
“โชริ รู้ข่าวของชมรมหนังสือพิมพ์นี่หรือยัง”
ยูตะที่นั่งเล่นมือถือหลังมื้ออาหารเที่ยงอยู่ดีๆ จู่ๆก็ทำหน้าตาตื่นแล้วยื่นสมาร์ทโฟนในมือมาให้โชริที่เพิ่งจะกินข้าวหมดและกำลังปิดฝากล่องข้าว.... ข่าวในชมรมหนังสือพิมพ์ที่ว่า เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้วจะพิมพ์ขายเป็นเล่มแบบทั่วไปอยู่หรอก ....แต่ยุคนี้พัฒนามาขายข่าวทางมือถือแทน แบบที่ให้จ่ายเงินค่าสมัครสมาชิกแบบรายเดือนแล้วจะมีข่าวส่งตรงถึงมือถือท่าน ซึ่งยูตะก็เป็นสมาชิกอยู่ด้วย
“ไหน..ข่าวอะไร”
ลองว่ายูตะหน้าตาตื่นแบบนี้มันต้องน่าสนใจแน่ โชริเลยยื่นหน้าไปดูบ้าง
“นี่ไง เจ้าชายแอบไปเดทสวีทหวานที่สวนสนุก มีรูปด้วยล่ะ....ท่าทางจะเป็นเรื่องจริงแฮะ”
“...........” ไม่มีเสียงใดๆหลุดออกมาจากปากเล็กที่เผยอออกค้าง ตากลมใสจ้องที่รูปภาพประกอบ เพ่งมองมันอย่างไม่ลดละ
...... ไม่ผิดแน่ ในรูปนั่นคือเขาและเคนโตะคุงในวันที่ไปดิสนี่แลนด์.....
….แม้จะถูกถ่ายจากข้างหลัง แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นเจ้าชายจริงๆ.....
“หรือว่าคนในรูปนั่นคือนาย”
นี่ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ยูตะจะสามารถอ่านสถานการณ์และสรุปผลออกมาได้อย่างถูกต้องหรือใกล้เคียงความเป็นจริง
“โชริ บอกฉันมาตามจริงนะ...นายกับเจ้าชายเป็นแฟนกันรึยัง” ยูตะถามเองก็ลุ้นเองจนตัวโก่ง .... พอร่างเล็กเริ่มมีปฏิกิริยา เริ่มก้มหน้า แก้มแดงก็เริ่มใจหาย สุดท้ายเมื่อโชริพยักหน้ายอมรับเบาๆพร้อมด้วยอมยิ้มแบบอายๆ ยูตะก็อยากจะหงายหลังจากเก้าอี้เอาหัวโหม่งโลกซะเดี๋ยวนั้น
....ช่างเป็นความน่ารักที่ทำให้ผู้ชายอกไม่ถึงสามศอกอย่างจินกูจิ ยูตะรู้สึกใจสลายได้อีก
“ทำไมล่ะโชริ.. ทำไมต้องเป็นเจ้าชายด้วย”
...เพราะเจ้าชายเป็นคนที่เขาไม่มีอะไรไปสู้ได้เลยสักอย่างเดียว....
“อืม..เพราะใจดีล่ะมั้ง”
“แล้วฉันล่ะ”
... ความรัก ความห่วงใย ความใจดีของฉันมันไม่เคยเข้าถึงหัวใจนายเลยสินะ
“จินจัง?....... ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด”
“ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ….เดี๋ยวฉันมานะ” ยูตะผุดลุกขึ้นกะทันหันและหันหลังวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
.....ต้องรีบไปก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาประจานความอ่อนแอของเขามากกว่านี้…..
โชริกำลังจะลุกตามไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน …ทว่าบรรยากาศในห้องมันกดดันให้ร่างบางต้องนั่งลงตามเดิม
“โชริคุง รู้เรื่องข่าวนี้บ้างมั้ยจ้ะ”
รอยยิ้มที่น่าขนลุกของสาวๆนับสิบ ค่อยๆเดินย่างสามขุมเข้ามาล้อมที่โต๊ะของร่างบาง ...ในมือของทุกคนมีมือถือที่เปิดหน้าข่าวของหนังสือพิมพ์โรงเรียนเหมือนกับที่ยูตะเอาให้เขาดูเมื่อครู่นี้
.
.
//อะแฮ่มๆ ผมมิยาจิกะ ไคโตะ ดีเจหนุ่มหล่อเสียงดีประจำห้องกระจายเสียงคร้าบบบบ ....เที่ยงนี้ เราจะมีการสัมภาษณ์สดเกาะติดชายเสื้อคนดัง ซึ่งวันนี้เราได้รับเกียรติ์จากเจ้าชายที่หาตัวจับยากและไม่เคยให้สัมภาษณ์ใครมาก่อน..... นากาจิม่า เคนโตะซังคร้าบบบ//
“วันนี้ก็ไม่ได้เต็มใจ..” เคนโตะกำลังจะประกาศออกสื่อถึงที่มาว่าเขาถูกสถานการณ์บังคับมาอย่างไร ก็ถูกหนุ่มมือไวไคโตะแย่งไมค์กลับคืนไปได้เสียก่อน
//อ่า ก่อนอื่นผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่นักข่าวหัวเห็ดของเราดันไปแช้ะเอาช็อตเด็ดของเจ้าชายกลางสวนสนุกจนกลายเป็นข่าวใหญ่ที่คนทั้งโรงเรียนกำลังแตกตื่นกันอยู่เวลานี้... เข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมคิดว่าทุกคนคงอยากรู้แล้ว...ขอถามตรงนี้เลยว่า นากาจิม่าซังกำลังอินเลิฟอยู่จริงๆใช่มั้ยครับ//
“ใช่”
//ว้าว ช่างเป็นคำตอบที่ไม่กลัวดินฟ้าสมกับเป็นคำพูดที่ออกจากปากของเจ้าชายจริงๆ ตอนนี้สาวๆหลายคนคงใจสลายไปตามๆกัน.... แล้วนากาจิม่าซังกำลังคบกับคนที่อยู่ในรูปรึเปล่าครับ ...บอกได้ไหมเอ่ยว่าใครกันเป็นผู้โชคดีคนนั้น//
“จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่จะให้ประกาศไปทางเสียงตามสายแบบนี้มันก็มากไปนะ....ผมอยากให้เป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่า” เคนโตะตอบด้วยเสียงนุ่มๆตามคาแรคเตอร์ ...แต่นัยของประโยคที่พูดออกไปนั้นถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้านอาจจะแปลได้ว่า กรุณาอย่าสู่รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นเลยครับ
//แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน นากาจิม่าซังเป็นเจ้าชายของโรงเรียนเรา การที่เจ้าชายจะมีแฟนหรือคนรักนั้นไม่กลัวแฟนคลับหายหรือเรตติ้งตกบ้างหรือครับ//
“ผมก็ไม่รู้นะว่าไอ้ตำแหน่งเจ้าชายของผมเนี่ยมันมาจากไหน...แต่ว่าผมไม่ได้เป็นเจ้าชายในอุดมคติของทุกคนหรอกครับ ถ้าจะให้ผมเป็นเจ้าชายน่ะ เจ้าหญิงของผมมีคนเดียวเท่านั้น... แน่นอนว่าคือคนรักของผม”
//หวาๆ ถ้าเจ้าหญิงของนากาจิม่าซังเป็นเด็กในโรงเรียนนี้ ผมว่าป่านนี้คงนั่งอายม้วนอยู่แน่ๆเลยครับ//
ครืดดดดดดดดดด ปัง!!!!!
เสียงประตูห้องกระจายเสียงถูกเปิดออกอย่างแรงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..... เบื้องหลังประตูบานนั้นหรือผู้บุกรุกอย่างอุกอาจนั้นก็คือยูมะ พี่ชายคนรองของโชรินั่นเอง ....ร่างสูงเพรียวยืนจังก้าด้วยสีหน้าและอารมณ์ขุ่นเคืองใจแบบสุด
“ไอ้เจ้าชายขี้เก๊กเอ้ย!! เพราะนาย!โชริกำลังโดนพวกผู้หญิงทั้งโรงเรียนรุม เพราะน้องฉันไม่ยอมปริปากบอกเรื่องความสัมพันธ์กับนาย รู้บ้างมั้ยเนี่ย ห๊า!!! ยังมามีอารมณ์ทำตัวเป็นเซเลปให้สัมภาษณ์บ้าบออะไรอยู่ได้!!!”
เคนโตะได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้.... กำลังจะก้าวขาออกวิ่ง ก็ฉุกคิดได้ว่าคงไม่ทันการ อีกอย่างยูมะ หลังจากที่พ่นใส่เขาเป็นไฟแล้วก็วิ่งบ้าดีเดือดไปแล้วด้วย เคนโตะเลยตัดสินใจคว้าเอาไมค์ห้องกระจายเสียงจากมือของหนุ่มน้อยหน้าลูกครึ่งวิ่งติดมือไปด้วยขณะที่คิดแผนการในใจ
เคนโตะใช้ขายาวๆวิ่งเบรกแตกพาตัวเองไปที่ตึกม.ต้น.....แต่ถึงแม้เขาจะฝีเท้าดีเหมือนม้าแข่งแค่ไหน ก็ยังไม่เร็วทันใจตัวเองอยู่ดี ...เขาอยากจะส่งเทเลพอร์ตไปหาแล้ววาปตัวเองไปอยู่ตรงหน้าโชริเสียเดี๋ยวนี้!!
///ถึงทุกๆคนที่กำลังเข้าใกล้เด็กปีหนึ่งที่ชื่อโชริเกิน
...อีก 100 เมตรข้างหน้าจะถึงห้องโชริแล้ว....
///แล้วถ้าใครทำเด็กคนนั้นร้องไห้หรือเสียใจ ....ฉันจะทำให้พวกเธอสะเทือนใจยิ่งกว่า!!///
ครืดดดดดดดดดดด
“โชริ!!!!!!~ เอ๋?”
เคนโตะเปิดประตูเข้ามาในห้องของโชริด้วยความรีบร้อน ในมือยังกำไมค์ที่ใช้ประกาศศักดาไปเมื่อครู่ไว้แน่นคามือ........แต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบห้องแล้ว ไม่พบว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ตรงไหน ห้องเรียนก็ดูเงียบสงบไม่มีอะไรผิดปกติ
จะมีก็แต่.... เด็กหนุ่มคนเดียวที่นั่งก้มหน้าแก้มแดงเป็นมะเขือเทศอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสาวๆนับสิบ แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าคุกคามอย่างที่คิด
“เจ้าชายจะมาทำอะไรให้พวกเราสะเทือนใจอีก แค่นี้ก็สะเทือนใจกันจะแย่อยู่แล้ว”
สาวนางหนึ่งที่อยู่ใกล้กับโชริที่สุดพูดทำลายความเงียบขึ้นมา โดยที่หลายๆคนพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย ใบหน้าของพวกเธอนั้นต่างมีร่องรอยคราบน้ำตากันอย่างถ้วนหน้า ....ซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิด พวกผู้หญิงกลุ่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับเจ้าชาย
ร่างสูงไม่ได้ให้ความสนใจต่อคนรอบข้างแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกร้อนวาบบริเวณใบหน้าแบบฉับพลัน ....เขาพุ่งตรงไปหาคนสำคัญเพียงคนเดียวของเขา ช้อนใบหน้านวลขึ้นมาสบตาแล้วส่งคำถามที่เขาไม่ต้องการให้คนตรงหน้าโกหก หรือต่อให้เป็นการโกหกเพื่อปกป้องอะไรบางอย่างเขาก็จะเค้นความจริงออกมาให้ได้
“ไม่ได้โดนทำอะไรใช่มั้ย”
เคนโตะมักจะชอบมองตาของคนที่เขากำลังพูดด้วยเสมอ เขาอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ว่าการมองตาของอีกฝ่ายแสดงถึงความจริงใจและไม่โกหกกัน .....แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มักประสบปัญหาเรื่องที่น้อยคนนักจะสามารถมองสบตากับเขาได้อย่างตลอดรอดฝั่ง โดยเฉพาะพวกผู้หญิงมักจะพูดว่าสายตาเค้ามันหวานเกินไป มองนานๆแล้วเขิน เดี๋ยวจะพาลหลงรักเข้าจนได้ แล้วไปเพิ่มประชากรแฟนคลับเจ้าชายที่มีมากอยู่แล้วให้มากเข้าไปอีกจนชักจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
นอกเหนือจากเพื่อนสนิทอย่างฟูมะแล้ว ก็เห็นจะมีเด็กที่กำลังทำตาใสแจ๋วมองตอบเขาอยู่นี่แหละ
“ฮะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
.....กล้าที่จะสบตายังพอว่า...นี่เล่นใช้ตาแป๋วๆจ้องมานิ่งๆจนเขาต้องเป็นฝ่ายหลบตาไปด้วยความเขินเสียเอง....
“แล้วพวกเธอมากันทำไมเยอะแยะ”
พอรู้ตัวว่าเริ่มจะเสียมาดเจ้าชายต่อหน้าธารกำนัลมากมายก็เลยเบือนหน้าหนีเปลี่ยนเรื่องไปหน้าตาเฉย
“ก็เราอยากรู้ว่าคนในข่าวคือโชริคุงจริงๆรึเปล่า เพราะถ้าไปถามเจ้าชายล่ะก็คงไม่ได้คำตอบแน่”
“แล้วเราก็อยากเห็นหน้าเด็กปีหนึ่งที่เค้าร่ำลือกันว่าเจ้าชายกำลังให้ความสนใจอยู่ด้วย”
“แล้วฉันก็ได้ข่าวมาว่าโชริคุงน่ะ คบผู้ชายทีเดียวหลายคน เดี๋ยวก็คนนั้นที คนนี้ที เรากลัวเจ้าชายจะโดนหน้าใสๆหลอกเอา ก็เลยมาถามให้รู้ชัดๆ”
“คนนั้นคนนี้นี่มันใครกัน” เคนโตะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...ขนาดเขาไปทำตัวเป็นสโตรกเกอร์มายังไม่เคยเห็นว่าโชริจะสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษนอกจากจินกูจิ ยูตะที่ร่างเล็กเล่าว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็กเลย
“นี่ไง ตอนเช้าก็มาโรงเรียนพร้อมกับรุ่นพี่คนนั้นทุกวัน ตอนกลางวันก็ขลุกอยู่กับจินกูจิคุง แล้วตอนเย็นก็ยังไปหาเจ้าชายอีก”
“รวมฉันด้วยเหรอ” ยูมะที่ยืนเงียบแฝงตัวเป็นวอลเปเปอร์ห้องร้องออกมาพร้อมกับชี้หน้าตัวเอง “ฉันเป็นพี่ชายแท้ๆของโชรินะ ดูสิ หน้าเหมือนกันออกขนาดนี้” ยืนยันคำพูดด้วยการเดินออกมาเทียบหน้ากับน้องให้ดูอีกด้วย
“ไม่เห็นจะเหมือนเลย”
ได้รับคำตอบแบบพร้อมเพรียงจนแทบจะเป็นเสียงเดียวกันขนาดนี้ ยูมะก็เสียอกเสียใจเบะปากแสร้งทำเป็นร้องไห้ซบลงกับบ่าเล็กของน้องชาย ให้โชริปลอบ
เคนโตะเหลือบตามองเพื่อนร่วมห้องหรือว่าที่พี่เขยในอนาคตอย่างระอาใจ ปกติที่ผ่านมาเขาก็เห็นยูมะเป็นคนมาดดี รักษาภาพพจน์หนุ่มหล่อมาโดยตลอดละนะ แต่พอได้มาเห็นเวลาอยู่กับพี่น้องแบบนี้แล้ว ท่าทางจะขี้อ้อนแล้วก็นิสัยเด็กกันทั้งบ้านจริงๆ
......เอาเถอะ เขาเข้าใจ ....เพราะบางทีเขาเองก็อยากอ้อนให้โชริตามใจเหมือนกันล่ะ.........
“แล้วตอนนี้รู้แล้วรึยัง” เคนโตะเลิกสนใจยูมะแล้วหันมาถามเอากับกลุ่มสาวๆแทน
“ค่า...โชริเพิ่งตอบคำถามของพวกเราเสร็จ แล้วเจ้าชายก็เปิดประตูทำหน้าดุดันเข้ามา... เท่ห์มากเลย^^ ไม่เคยเห็นเจ้าชายในมาดดิบเถื่อนแบบนี้เลย อร๊ายๆๆๆ” สาวๆพากันร้องวิ้ดว้ายพลางโจษจันเรื่องที่เจ้าชายพูดปกป้องคนรักของตัวเองออกสื่อกันต่อหน้าต่อตา จนเคนโตะต้องทำหน้าดุใส่....แต่ก็ดูไม่ได้ผลนัก
///ครับ ก็แฮปปี้เอนดิ้ง ไม่มีใครเสียเลือดเนื้อนะครับ ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดเวลาพักแล้ว ผมว่าทุกคนรีบกลับเข้าห้องตัวเองกันจะดีกว่า ...แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้า เราจะมาสัมภาษณ์คู่รักคู่นี้กัน///
เคนโตะล่ะอยากจะตามไปทุบหัวหนุ่มหน้าลูกครึ่งจากห้องกระจายเสียง ที่ชอบโมเมใช้ความชุลมุนหาเรื่องสัมภาษณ์ทำข่าวเรื่องของเขาอยู่เรื่อย แต่ไคโตะก็ไวกว่านักที่ใช้ความตัวเล็กของตัวเองเล็ดลอดเผ่นหายไปก่อนจะถูกประทุษร้าย
“ไหนว่าโชริกำลังถูกรุมไงล่ะคุณพี่ชาย” เคนโตะแกล้งถามยูมะลอยๆ
“ไม่รู้ ก็ไอ้บ้าจินกูจิวิ่งหน้าตั้งมาบอกฉันแบบนั้น”
สองหนุ่มหล่อพร้อมใจกันหรี่ตาใส่ยูตะที่ทำหน้าตกใจเพราะอยู่ดีๆก็กลายเป็นเป้าสายตา แถมเป็นสายตาแบบไม่ประสงค์ดีจากผู้มีอิทธิพลมืดทั้งสองคนเสียอีก
“อย่ามาทำสายตาแบบนั้นน่ะ คนกำลังอกหักเสียใจเรื่องโชริกับเจ้าชายอยู่แท้ๆ กลับเข้าห้องมาเจอโชริกำลังโดนล้อมก็เลยรีบวิ่งไปบอกพี่ยูมะน่ะสิ!” ยูตะพูดปกป้องตัวเองเต็มที่ แถมยังก้าวถอยไปหลบหลังโชริเพื่อความปลอดภัยในชีวิตอีกต่างหาก
สองหนุ่มยูมะ เคนโตะไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับยูตะนัก… อย่างน้อยก็วางใจได้ล่ะว่าเขามีม้าเร็วคอยส่งข่าวโชริให้ตลอด....
“ส่วนนาย
“แล้วนาย
“ฉันเหรอ... ก็ถ้าโชริมีความสุขดีฉันก็ไม่ว่าอะไร” ยูมะตอบลอยๆ เหมือนไม่สนใจเท่าไหร่.... แต่เคนโตะก็รู้ ว่ายูมะเองก็หวงน้องไม่ต่างจากพี่ชายคนโตหรอก
“งั้นฉันจะบอกอะไรดีๆให้”
เคนโตะยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กับความคิดที่ผุดขึ้นในหัว
“ยามาดะ เรียวสุเกะน่ะ...บ้านอยู่ข้างๆบ้านฉันเอง”
THE END Lovely Complex
To be con =>=> SUPER STAR
I-PrA Talk : จบจนได้........เคนโชริ แต่ยังค้างอยู่นิดๆล่ะสิ .......รอวันที่ยูยะจะยอมรับเจ้าชายเป็นน้องเขยในช็อตฟิกเรื่องต่อๆไป ฮ่าๆๆ .......
เป็นไงบ้างเคนโชริเรื่องแรกของประ สนุกบ้างมั้ยคะทุกคน ..จบแล้วมาเม้นมาฟินมาบ่นให้ฟังกันบ้างน้า คนแต่งเหงาใจ555+ ยินดีรับฟังคำติชมจากทุกช่องทางที่เราจะสื่อสารกันได้นะคะ^^
เรื่องต่อไปก็คงจะเป็น Super Star ล่ะนะ ตามรีเควส^^ ...... มีคนบอกให้เรียงคิวตามอายุด้วย โอเค ยูยะเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องก่อนเนอะ♥
ความคิดเห็น