[SF HSJ]...............Precious One.............. [NakaYama]
มันคงจะดีนะ ถ้ามีครูสอนเรื่องความรัก... เพราะว่าผมไม่เข้าใจมันซะเลย อีกนานแค่ไหนกันนะ ผมถึงจะพบกับคนที่เป็น Precious one
ผู้เข้าชมรวม
1,122
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
Cast : Nakajima Yuto x Yamada Ryosuke
Author : I-PrA
Rate : อนุบาล
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Precious One
มันคงจะดีนะ ถ้ามีครูสอนเรื่องความรัก... เพราะว่าผมไม่เข้าใจมันซะเลย
จะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนคือคนที่ผมรักจริงๆ ไม่ใช่แค่ชอบ ปลื้ม หรือหลงใหลแค่ชั่วขณะใดขณะหนึ่ง
ประสบการณ์ที่ผ่านมาผมเคยคิดว่ามันคือความรัก ... แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่
มันก็เหมือนเปลวไฟที่ลุกโชนแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ต้องดับมอดลงไปเท่านั้น
อีกนานแค่ไหนกันนะ ผมถึงจะพบกับคนที่เป็น Precious one
ผมนั่งมองเพื่อนตัวสูงที่มันนั่งนิ่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ขยับเคลื่อนไหว แม้ว่ากริ่งจะดังบอกถึงเวลาพักแล้วก็ตาม ..... ปกติมันจะต้องแร่ดไปหาแฟนตั้งแต่ออดยังไม่ทันดังแล้วนี่นา
“เฮ้อ~”
นั่นไง... ถอนหายใจมาอีกระลอก สีหน้าเหนื่อยใจหนักหนา แต่ก็ไม่ยอมง้างปากพูดออกมาสักคำ แถมยังแอบเหลือบตามองผมเหมือนอยากจะให้ผมเป็นคนถามมันเองเสียอีก
โอเคๆ ถ้าจะมานั่งเรียกร้องความสนใจกันแบบนี้ล่ะ ผมยอมถามมันก็ได้
“ยูโตะ เป็นอะไรของนาย... มานั่งถอนหายใจเป็นคนแก่ไปได้ วันนี้มินามิไม่ทำข้าวกล่องมาให้กินรึไง”
“เลิกกันแล้ว” ....นี่สินะที่อยากจะพูด
“เฮ่ย พูดเป็นเล่น นายยังคบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์เลยนะ”
“อืม.. ก็นั่นแหละ เลิกแล้ว”
“เมื่อไหร่”
“เมื่อวานเย็น”
“ทำไมล่ะ”
“นี่นายจะซักประวัติฉันทำไม ยามะจัง”
....แหนะ พอถามมากๆเข้าก็มาทำเป็นไม่พอใจอีกนะคนเรา เอาใจยากจริง
“ก็อยากรู้นี่หว่า...ว่าเหตุผลจะต่างจาก 9 คนที่แล้วไหม”
“เออ ไม่ต่าง... ชัดเจนยัง”
ในเมื่อท่านตอบกลับมาแบบนี้แล้ว ผมไม่ได้ติดใจถามซักไซ้อะไรต่อ ....เพราะรู้ดีว่ายูโตะน่ะ เป็นคนขี้เกรงใจ.... ไม่เคยปฏิเสธใครก็ตามที่เข้ามาขอคบไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง.... แต่เจ้านี่น่ะคบแฟนเปลืองยิ่งกว่าทิชชู่ ตอนใครมาขอคบก็คบแบบง่ายๆ ถึงเวลาเลิกกันยูโตะมันก็สลัดทิ้งไปอย่างง่ายๆเหมือนสั่งขี้มูกตามไปด้วย
ผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไรนัก หยิบกล่องข้าวออกมาเตรียมสำหรับมื้อกลางวันตามปกติ
“พรุ่งนี้ทำข้าวกล่องมาเผื่อฉันด้วยดิ ยามะจัง”
ไอ้ตัวสูงมันละทิ้งจากอารมณ์คนเพิ่งเลิกกับแฟนอย่างรวดเร็ว แล้วถลามาเกาะโต๊ะเอาคางเกยส่งเสียงแง้วๆมาอ้อนขอตั้งแต่ตอนที่ผมแกะผ้าห่อกล่องข้าวแล้วได้กลิ่นอาหารโชยไปนั่นแหละ
“แฟนกันก็ไม่ใช่ จะให้ฉันตื่นแต่เช้ามานั่งทำข้าวกล่องให้ บ้าหรือเปล่า” ผมรีบคว้าช้อนส้อมมาถือไว้ในมือทันทีเพราะกลัวว่าจะถูกบุกยึดอาวุธ
“ทำไม ทำให้เพื่อนกินไม่ได้เลยรึไง เมื่อก่อนนายก็เคยทำเผื่อฉันนี่”
“เหอะ... แล้วพอนายได้แฟนคนใหม่ ข้าวกล่องฉันก็เป็นม่าย เผลอทำเหลือเผื่อหมาทุกที” ประสบการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้ผมจำฝังใจนัก
“เอาน่าๆ ไม่มีอีกแล้ว ... ฉันอยู่กับยามะจังดีกว่า สบายใจกว่าเยอะเลย” เจ้าโย่งมันลากเก้าอี้มานั่งข้างๆพลางส่งยิ้มหวาน.... เหอะ รู้หรอกน่าว่าคิดอะไรอยู่ พูดแบบนี้หวังผลเป็นข้าวกล่องผมน่ะสิ
“วันนี้ทำอะไรมากิน”
“กุ้งทอด”
“อ้ะ ของโปรดฉันเลย ขอบคุณนะ” โดยไม่รอให้ได้รับคำอนุญาต ยูโตะก็คว้าเอากุ้งทอดของผมเข้าปากไปแล้วเรียบร้อย ...แถมยังมีหน้ามายิ้มทำตาใสใส่อีกนะ
“ไอ้ยูโตะ!!!o#%$^@^*&^~@” ผมด่าเป็นภาษาต่างด้าวไปซะแล้ว
“อื้อ อร่อยจัง... ฉันชอบอาหารที่ยามะจังทำที่สุดเลย”
“ไม่ต้องมายอ ฉันไม่มีทางยกกุ้งตัวสุดท้ายให้นายหรอก ยูโตะ”
“ใจร้ายยยย แล้วฉันจะกินอะไรล่ะ”
“ไปซื้อมากินเอง ไม่ก็ไปขอแบ่งจากสาวๆซักคนสิ”
“น้อยใจๆ...ถ้าฉันไปจริงๆแล้วนายจะรู้สึก”
“รู้สึกดีน่ะสิ เจ้าบ้า!!”
.
.
ผมได้รับจดหมายเรียกตัวไปพบหลังเลิกเรียนในวันหนึ่ง ...แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นที่นิยมจากบรรดาสาวๆเท่ายูโตะมัน แต่ก็นับว่ามีจดหมายประเภทนี้ส่งมาถึงผมได้เรื่อยๆเหมือนกัน ...ทั้งๆที่รู้กันอยู่แล้วว่าผมไม่เคยตกลงคบกับใคร และมักจะปฏิเสธทุกๆคนไปอย่างเฉยชา
“คือว่า ฉันชอบยามาดะคุงมากเลยค่ะ”
“.......”
“กรุณาคบกับฉันด้วยเถอะค่ะ”
“........ ขอโทษนะ แต่ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะ”
......ผมอมยิ้มออกมา เมื่อนึกไพล่หลังไปหาคนที่ผมกำลังพูดถึง ......
“เอ๋.. แต่ฉันไม่เห็นว่ายามาดะคุงจะสนใจใคร”
......ผมจะไปสนใจใครที่ไหนได้ ก็ในเมื่อคนที่ผมชอบมันอยู่ใกล้ตัวซะจน ผมไม่สามารถพูดออกไปได้ง่ายๆน่ะสิ.....
“สิ่งที่ไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีนี่ครับ... เพราะฉะนั้น ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกดีๆได้” ผมโค้งหัวให้อย่างรู้สึกผิด.... ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้จริงๆลย ให้ตายสิ
.....ถ้าเลี่ยงได้ ผมก็ไม่อยากเป็นคนชอบหักอกใครต่อใครหรอกนะ....
ยังดีที่ว่าสาวน้อยคนนั้นยอมเข้าใจ แม้จะมีสีหน้าเศร้าสร้อย แต่ก็เดินจากไปอย่างแต่โดยดี ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายหรือโวยวายให้น่ารำคาญ
....ผมจะลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถึงมองไม่เห็น ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี... ถามจริง อันนี้เรียกว่ารักหรือว่าผีน่ะยามะจัง”
น้ำเสียงทะเล้นที่คุ้นหูส่งเสียงนำมาก่อนเจ้าตัวที่โผล่หน้าตาเจ้าเล่ห์ออกมาจากมุมตึกใกล้ๆ ก่อนจะใช้ขายาวๆตัวยาวๆของมันเดินเข้ามาถึงตัวผมพร้อมกับส่งเสียงแซวไม่หยุดหย่อน
“พูดมากน่ายูโตะ...นี่เสียมารยาทมาแอบฟังฉันยังไม่ทันได้ว่าอะไรสักคำ”
“แหม..ก็มันน่าสนใจดีนี่นา ...นี่ๆแล้วนายไปแอบชอบใครเข้าล่ะ” ไม่พูดเปล่า เจ้านั่นยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้กับหน้าผมด้วยความใคร่รู้ .... คงไม่ได้คิดหรอกว่า การกระทำแบบนั้นมันทำให้ผมเขินจนแก้มจะระเบิด >o<
“ฉันก็พูดไปเรื่อยน่ะแหละ อย่าสนใจเลย” ผมหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตามัน ....อีกอย่างหนึ่งก็คือ กลัวว่าถ้าได้สบตากันตรงๆตอนนี้แล้ว....มันจะล่วงรู้ถึงความในใจผมที่เก็บซ่อนมาตลอด
“โธ่...เซ็งเลย ว่าแต่คนอื่นเค้าเจ้าชู้ นายเองก็หักอกสาวเป็นว่าเล่นเหมือนกันนั่นแหละน่า”
“ฉันก็แค่รู้สึกว่าไม่ใช่ ....ใครจะไปคบผู้หญิงเรื่อยเปื่อยเหมือนนาย
“ถ้าไม่ลองคบดูแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าไม่ใช่”
“แต่มันเป็นการให้ความหวังกับผู้หญิงเค้า ถ้านายไม่ได้นึกรักก็ไม่น่าจะคบกับเค้าตั้งแต่แรกนี่นา”
“แต่การบอกปฏิเสธไปทันทีมันก็ทำร้ายจิตใจเหมือนกันล่ะน่า”
“พอแล้วๆ... สรุปว่าเลวทั้งสองฝ่าย ทั้งฉันและนาย จบไหม” ผมเป็นฝ่ายตัดบทขึ้นมาเอง เพราะเกรงว่า ถ้ายังคงเถียงกันต่อไป เราสองคนคงได้ยืนโต้วาทีกันแบบไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ
ยูโตะหันมาจ้องหน้าผมแล้วก็ขำ... คงเห็นว่าผมค่อนข้างซีเรียสและจริงจังกับเรื่องนี้มากละมั้ง
“ฮะฮะ ทำไมเราต้องมาเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ด้วยนะ”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวเลยนะที่ความคิดเราสองคนไม่ตรงกัน”
“แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าแบบไหนถูกกันแน่”
“ถ้ามีตำราเรียนเรื่องความรักก็คงดีสิเนอะ” เผื่อมันจะมีบทไหนที่สอนว่า เวลาแอบรักเพื่อนสนิทต้องทำยังไงถึงจะดีกับทั้งสองฝ่ายบ้าง
“ฉันคงสอบตกวิชานี้แน่ๆ” ยูโตะทำหน้าแหย แล้วก็ส่ายหน้าดิ๊ก เขาไม่ถนัดเรื่องทฤษฎี ขานี้สนใจแต่ภาคปฏิบัติเท่านั้น
ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดอันมหัศจรรย์พันลึกของใครของมัน แล้วพอได้มาประสานสายตากันอีกที ก็เลยหลุดหัวเราะกันออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
.
.
.
“หน้าตาเบิกบานมาขนาดนั้น มีอะไรดีๆหรือไง” ผมอดใจถามขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเห็นยูโตะที่เดินโปรยยิ้มหวานเรี่ยราดมาตลอดทางจนถึงห้องเรียนในเช้าวันหนึ่ง
“ดีสิ..” ยูโตะตอบแล้วก็แหกยิ้มกว้างกว่าเดิม นัยน์ตาดำขลับวิบวับเป็นประกายแห่งความสุข
“ต้องถามใช่ไหมว่าดีใจเรื่องอะไร”
“ถึงนายจะไม่อยากรู้ แต่ฉันอยากเล่า.... ยูริยอมคบกับฉันแล้ว”
“เห.. นายไปขอเค้าเป็นแฟนเองน่ะเหรอ” ผมเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ เพราะนับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับยูโตะ ที่จะฝ่ายไปขอคบใครก่อน
“อื้อ... ใช่น่ะสิ คนนี้ฉันจริงจังมากเลยนะ คิดว่าต้องใช่แน่ๆเลย คนที่เกิดมาเพื่อฉัน” ร่างสูงเพ้อออกมา เป็นอารมณ์ของคนที่ตกอยู่ในห้วงรัก
“งั้นวันนี้ฉันก็ทำข้าวเหลือเผื่อหมาอีกแล้วสิ” ผมแค่นยิ้มกลบเกลื่อนความในใจ ยูโตะทำหน้าเจื่อนไปนิดก่อนจะเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาอ้อนเสียงอ่อยๆ
“ขอโทษจริงๆน้า”
ตั้งแต่วันนั้นมา พอถึงเวลาพักกลางวันปุ๊บ ยูโตะก็แทบจะหายตัวไปหาแฟนเขาแทบจะทันที แม้ว่าก่อนไปมันจะยกมือไหว้ผมปลกๆ ขอโทษขอโพยที่มันทิ้งให้ผมกินข้าวคนเดียวทุกๆวัน
ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย เพราะคิดว่าไม่ช้าก็เร็ว ก็คงไม่แคล้วเลิกกันอีกนั่นแหละ
ยูโตะเป็นคนขี้เบื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบความท้าทายด้วย ... ดังนั้นอะไรก็ตามที่ได้มายากๆเจ้านั่นก็จะพยายามจนได้ในที่สุด แต่เมื่อได้มาแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองตามหา สุดท้ายก็จะเลิกไปอย่างง่ายๆด้วย
ผมเชื่อมาตลอด เชื่อว่ายูโตะเป็นคนประเภทนั้นมาตลอดจนถึงตอนนี้ ผมก็เลยไม่ได้คิดเตรียมใจว่า ถ้าวันหนึ่ง ยูโตะเดินมาบอกกับผมว่าเขาพบคนที่คิดว่าใช่ คนที่เขาเฝ้าตามหามาตลอดแล้ว
แล้วผม.........จะทำยังไง
อย่างเช่นในตอนนี้ .....ตอนที่ยูโตะโทรมาหาผมแล้วพร่ำพรรณนาบอกว่าเขารักแฟนเขามากมายขนาดไหน
/////ฉันคิดว่าฉันรักเค้าน่ะ เค้าเป็นคนที่ฉันตามหามาตลอด//////
ผมควรจะตอบยูโตะไปว่ายังไงดี
ผมควรจะยิ้ม และยินดีไปกับเขาด้วยรึเปล่า
ผมควรจะทำยังไง ในเมื่อผมก็รักยูโตะมาโดยตลอดเหมือนกัน
ผมไม่สามารถยิ้ม หรือยินดีไปกับเพื่อนด้วยความจริงใจได้เลย
“อือ ยินดีด้วยนะ”
แม้ว่าผมจะประคองเสียงไม่ให้สั่นมากนักจนอีกฝ่ายจับได้ แต่ผมไม่สามารถห้ามน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาให้หยุดได้เลย
////ยามะจัง... เป็นอะไรรึเปล่า เสียงไม่ค่อยดีเลย//////
“เปล่า ฉันแค่...เป็นหวัดนิดหน่อย ....งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
ถึงเวลาที่ต้องตัดใจแล้วสินะ
.
.
.
แต่ทำไม หลังจากนั้นไม่นาน ยูโตะถึงเดินเข้ามาหาผมด้วยหน้าตาเงื่องหงอยเหมือนหมาโดนยาเบื่อซะอย่างนั้นล่ะ
“ยูริขอเลิกกับฉันเมื่อคืน บอกว่ามีคนใหม่แล้ว”
“.........” แม้ว่าผมจะไม่ได้ส่งเสียงถามออกไป แต่สีหน้าผมมันคงแสดงออกเป็นคำถามชัดเจนเลยว่า
........ทำไม????........
“แต่แปลกนะ.... ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจมากอย่างที่คิดไว้”
“..............”
“ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่รักใช่ไหม”
“อือ..” ผมจะเป็นเพื่อนที่แย่มากมั้ย ถ้าจะบอกว่า ผมรู้สึกดีใจ.....
“คนอย่างฉันจะมีโอกาสมีรักแท้กับใครสักคนไหมนะ”
“มีสิ....ต้องมีแน่ๆ”
ผมจะเรียกอาการที่ผมกำลังเป็นอย่างนี้ว่าอะไรดีนะ
....รอดตายอย่างหวุดหวิด??
....เหมือนยกภูเขาออกจากอก???
แต่จะอะไรก็ช่าง .... ณ ตอนนี้ไม่มีอะไรทำให้ผมอารมณ์ดีไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
.
.
.
“ยามะจัง... เสาร์นี้ว่างป่ะ”
จู่ๆยูโตะก็หันหน้าที่ตั้งท้าวศอกเอาไว้กับโต๊ะมาถามผมอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในระหว่างเปลี่ยนคาบของเช้าวันหนึ่งที่อากาศสดใส..... ฮิฮิ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฝนจะตั้งเค้า หมอกลงหนาจัด หรือแม้แต่หิมะตกหนักราวกับพายุ ผมก็จะเห็นว่ามันสดใสอยู่เสมอ
เพราะอะไรน่ะหรือ?
ตั้งแต่วันที่เลิกกับแฟนคนล่าสุดมา ....ยูโตะก็ครองตัวโสดมาได้ร่วมสองอาทิตย์แบบนี้จะไม่ให้ผมอารมณ์ดีได้ยังไง^^
“ว่างก็ได้ ไม่ว่างก็ได้” ....ก็มีเล่นตัวบ้างอะไรบ้าง ให้มันรู้ซะบ้างว่าผมไม่ใช่ของตาย ฮ่าๆๆ
“ถ้าอย่างนั้นฉันบังคับให้นายว่างเสาร์นี้ ... ไปดูหนังกัน”
“ไม่เอา จะนอนอยู่บ้าน”
แสร้งทำหน้าขี้เกียจ แถมด้วยการเอาตัวพาดกับโต๊ะอย่างเกียจคร้านด้วยเอ้า... จงง้อซะ นากาจิม่า ยูโตะ!
“เฮ้ย ออกไปพบเจอแสงสีซะบ้างเหอะ คราวนี้ฉันเลี้ยงเอง”
อื้ม...ให้มันรู้ฟังแบบนี้สิ พูดง่ายๆจะได้โตไวๆ
“ถ้าเลี้ยงก็ไป”
“โอ้ย ไอ้ขี้งก”
ด่าเข้าไปเถอะ ยูโตะ ด่าเข้าไป.....ต่อให้มันด่าประณามมากกว่านี้กี่สิบเท่า ผมก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะว่าตอนนี้ผมอารมณ์ดีม๊ากมากก
.
.
.
“นี่...ถ้าฉันรู้ว่าต้องมานั่งดูหนังผีด้วยเก้าอี้คู่ชู้ชื่นกับนายเนี่ยนะ ฉันขอนอนอยู่บ้านดีกว่า”
ทำไมเป็นคนแบบนี้นะเรียวสุเกะ ....ที่พูดไปน่ะ ตรงข้ามกับสิ่งที่คิดทั้งนั้น .... ผมน่ะเหรอ ลิงโลดแทบตายตอนที่เห็นเก้าอี้ฮันนีมูนซี๊ดที่ตั้งห่างออกมาจากผู้คนเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวสมราคาที่ต่างจากเก้าอี้ธรรมดาเป็นเท่าตัว
“เออน่า เสียดายของ.. ก็จองไว้ดูกับยูรินั่นแหละ ดันมาเลิกกันไปซะก่อนได้ใช้”
“แล้วใครใช้ให้เลิกเล่า!” ใครสั่งใครสอนให้พูดเรื่องของคนอื่น ตอนอยู่ด้วยกันเห้อะ!!
“เอ้า ไม่ดีหรือไง มีฉันอยู่ ยามะจังจะได้ไม่เหงาไง”
“ทำไมฉันต้องเหงา”
“แหม.. เวลานาย
“ทำเป็นรู้ดี”
“แล้วมันจริงไหมเล่า”
“เออ! เหงาเป็นบ้า”
“ตั้งแต่นี้ต่อไป นายก็จะไม่มีเวลาว่างให้เหงาเลยล่ะ”
“พูดอย่างกับนายจะไม่คิดมีแฟนอีกแล้วอย่างนั้นแหละ”
“อาจจะเป็นอย่างนั้น” ยูโตะหันมายักคิ้วหลิ่วตาในองศาที่หล่อจัด ปากบางวาดเป็นรอยยิ้มน้อยๆแล้วก็คว้ามือผมลากไปนั่งที่ทันที ...ผมที่มัวเมาชื่นชมในความหล่อของมัน รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ข้างมันบนเก้าอี้สวีทเสียแล้ว
“นี่ยามะจัง...จะบอกอะไรให้” ยูโตะจับมือผมไว้แน่น
“หืม...” ผมก็เลยต้องหันไปมองหน้ามันทั้งๆที่เขิน
“จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะตามหาความรักด้วยวิธีไหน... แต่ที่ฉันรู้ตอนนี้ก็คือ...สิ่งสำคัญที่ฉันต้องรักษาเพียงหนึ่งเดียวของฉันคือนาย ...เรียวสุเกะ ...”
โชคดีจริงๆที่โรงหนังปิดไฟมืดและเตรียมฉายหนังตัวอย่างแล้ว ผมจึงได้อาศัยพลางแก้มแดงๆไปกับความมืดได้แบบนี้
“อะฮึ่ม ฉันว่าจะถามนายมาสักพักแล้ว ตกลงเรามาดูหนังเรื่องอะไรกัน”
“อ๋อ แม่นาค”
“ห้ะ.... ไอ้!!!!!” ผมผุดลุกขึ้นทันที.... ความโรแมนซ์เมื่อกี้แทบจะกระเด็นหายไปหมดเมื่อได้ยินชื่อหนัง .... ไอ้หมอนี่! ทั้งๆที่มันเองก็รู้ดีว่าผมไม่ถูกกับสิ่งลี้ลับประเภทนี้ซักเท่าไหร่
“น่า...มีฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคนจะกลัวอะไร” มือใหญ่ฉุดให้ผมลงไปนั่งที่ว่างระหว่างขายาวๆของมัน แล้วก็ใช้สองมือโอบไว้เสร็จสรรพ
....ถ้าจะทำกันถึงขนาดนี้แล้ว ผมจะทำอะไรได้นอกจากยอมนั่งนิ่งๆซุกอกมันไปทั้งอย่างนั้นจนจบเรื่องล่ะครับ
^___________________The End_________________________^
Talk : ไม่ถนัด..ขอบอกว่าไม่ถนัดกับคู่เบสิกนากะยามะเลยจริงๆ (ไอประถนัดคู่ที่หาฟิกอ่านยาก55+)
แรกเริ่มเดิมทีฟิกนากายามะนี้ ประตั้งใจแต่งให้เป็นของขวัญวันเกิดน้องพลอย[Jumper Rider] เป็นการส่วนตัวเฉยๆ...แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยเอามาลงที่นี่ด้วย ...ถือซะว่าเป็นอีกหนึ่งฟิกทางเลือกสำหรับสภาวะขาดแคลนฟิกละกันนะ(ฮา)
......นากายามะเรื่องแรก อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง แวะบอกกันด้วยน๊ะ ถ้าไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องสุดท้ายด้วย^^ .......
ผลงานอื่นๆ ของ I-PrA ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ I-PrA
ความคิดเห็น