[Fic HSJ]............. เราสามคน ......... [Yuya Part] - [Fic HSJ]............. เราสามคน ......... [Yuya Part] นิยาย [Fic HSJ]............. เราสามคน ......... [Yuya Part] : Dek-D.com - Writer

    [Fic HSJ]............. เราสามคน ......... [Yuya Part]

    Pairing : Yuya x Kei x Daiki

    ผู้เข้าชมรวม

    516

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    516

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ส.ค. 54 / 14:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
      

    Title
    : เราสามคน

    Pairing : Yuya x Kei x Daiki

    Author : I-PrA

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       /////////////////YUYA PART/////////////////

       

       

                  ใครยังไม่ได้ฉลากบ้าง .... ได้ครบกันหมดทุกคนแล้วนะ

                      เอาล่ะ เปิดฉลากแล้วหาบัดดี้ของตัวเองได้เลย

       

                      ฉันได้เบอร์ 19”

                      ใครได้เบอร์ 3 บ้าง

                      เฮ้ย นายเองเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย

                      ฉันเบื่อขี้หน้าแกว่ะ ทำไมต้องมาเป็นบัดดี้กันอีกเนี่ย  พี่ครับ เปลี่ยนได้ไหมครับ

       

      ผมมองความชุลมุนวุ่นวายของเพื่อนร่วมคณะแล้วได้แต่ส่ายหัว จะตื่นเต้นอะไรกันขนาดนั้นน้า ... คณะเราก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ผมกวาดสายตามองเลขตัวเดียวบนฉลากในมือ

       

      .... เลขห้า .....

       

      เลขประหยัดพลังงานซะด้วย

       

       

      สำหรับผมแล้ว ไม่สนใจหรอกว่าจะได้บัดดี้หน้าตาเป็นยังไง ก็แค่คุยกันรู้เรื่อง ไม่ขวางหูขวางตาผมนักก็พอจะไปกันรอดอยู่แล้ว อีกอย่างนึงผมก็เพิ่งจะย้ายมาอยู่โตเกียวไม่นานนัก ผูกมิตรกันไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องดี

       

       

      ท่ามกลางความชุลมุนเล็กๆรอบๆตัวผม เพื่อนๆท่าทางจะตื่นเต้น เที่ยววิ่งหาบัดดี้กันให้วุ่น พลันสายตาที่กำลังกวาดตามความเคลื่อนไหวรอบตัวก็ไปปะทะเอากับเจ้าของรอยยิ้มสวย นัยน์ตาคม

       

      คนๆเดียวที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่เช่นเดียวกับผม เขายืนห่างจากผมเพียงไม่กี่ช่วงตัวเท่านั้น  

       

      แต่ท่าทางที่พยายามกางนิ้วทั้งห้าไว้เหนือหัว ก็บ่งบอกเจตนาได้แล้วว่า พร้อมจะยิ้มให้กับทุกคนที่เดินเข้ามา แต่จะไม่เป็นคนออกไปตามหาเองอย่างแน่นอน

       

       

      ..... ฉลากในมือผม .....

       

      .........เลขห้าบนหัวของเขา ........

       

       

      งั้นก็ต้องเป็นผมสินะ ที่ต้องเป็นคนเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งนี้

       

       

      นายได้เลขห้าใช่ไหม

       

      นั่นเป็นประโยคแรกที่ผมพูดกับเขา

      แต่รอยยิ้มหวานพร้อมกับการพยักหน้าน้อยๆตอบรับนั้นเป็นความประทับใจแรกที่ผมลืมไม่ลงเลย

       

      งั้นก็... ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นบัดดี้นายผมก้มลงอ่านป้ายชื่อที่เขียนเป็นตัวคาตาคานะง่ายๆที่รุ่นพี่ให้ห้อยคอไว้ตลอดเวลาทำกิจกรรมรับน้อง อิโนโอะ เคย์

       

      ฝากตัวด้วยสี่ปีนะ เขาก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วอ่านชื่อบนป้ายห้อยคอของผมเช่นกัน ทาคาคิ ยูยะ

       

      อื้ม นายจะเรียกฉันว่ายูยะก็ได้ ไหนๆเราก็เป็นบัดดี้กันแล้วนี่

       

      ถ้าอย่างงั้นนายก็ต้องเรียกฉันว่าเคย์ด้วยนะ ร่างโปร่งบางพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

       

       

      ......ให้ตายเหอะ ผมเขินจนเก็กหน้านิ่งเฉยแทบจะไม่อยู่แล้ว ท่าทางจะโดนพิษร้ายจากรอยยิ้มนั้นเต็มๆ

       

      .

      .

       

       

      หลังจากนั้น การดูแลเล็กๆน้อยๆประจำวันก็เริ่มต้นขึ้น

       

      อ่ะ ซื้อมาฝาก ผมวางแก้วชาเขียวลงตรงหน้าเขา

      เอาอีกล่ะยูยะ..... ตั้งแต่กินข้าวกับนายฉันแทบไม่เคยได้ซื้อน้ำกินเองเลยนะเนี่ย

      แล้วไม่ดีหรือไง

      ก็เล่นซื้อเลี้ยงทุกๆวัน ฉันก็เกรงใจเป็นเหมือนกันนะ

      นิดหน่อยน่า ไม่ต้องคิดมากหรอก

      แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ รู้ได้ไงว่าฉันกำลังอยากกินชาเขียว

      เดาเอามั้ง ผมตอบส่งๆแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน ก่อนจะจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยความเร็วสูง

       

      ฉันว่าฉันเป็นคนกินเร็วแล้วนะ แต่มาเจอยูยะ ฉันขอยอมแพ้เลย เคย์มองจานข้าวของตัวเองที่ยังเหลืออีกร่วมครึ่งจาน กับของยูยะที่กวาดข้าวทุกเม็ดลงท้องจนเหลือแต่จานเปล่าๆใสวิ๊งวับราวกับว่าไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน และตอนนี้ยูยะก็กำลังดูดนมเย็นสีชมพูหวานแหววไม่เข้ากับหน้าตาจนเหลือแต่น้ำแข็งดังฟืดๆ

       

      นายกินช้าเองต่างหาก ฉันกินปกติจะตาย ผมวางแก้วน้ำที่เหลือแต่น้ำแข็งลงบนโต๊ะ ใช้เวลาในการกินข้าวเบ็ดเสร็จตั้งแต่หย่อนก้นนั่งจนถึงเมื่อกี้หักลบแล้วไม่น่าเกินห้านาที

       

      ทีหลังเคี้ยวนานๆกว่านี้หน่อยก็ได้นะ เดี๋ยวก็อาหารไม่ย่อยหรอก เล่นกินอย่างกับกลืนเอาแบบนั้น

      เคย์บ่นด้วยเสียงหงุงหงิงๆราวกับลูกแมว ผมฟังแล้วรู้สึกเอ็นดูแทนที่จะเป็นคำขู่หรือคำเตือนที่ชวนให้ปฏิบัติตาม

       

      ...... ถ้าถามว่าทำไมผมถึงต้องกินข้าวแบบฮาร์ดคอร์ขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องรีบไปไหน เหตุผลของทุกสิ่งก็นั่งอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

       

       ......นั่นก็เป็นเพราะผมจะได้ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดในการมองเขาไงล่ะ ....

       

      อากัปกิริยาของเคย์เวลากินน่ะน่ารักจะตาย แก้มขาวๆของเขาจะพองจนกลมป๊อก ปากบางๆสีชมพูนั่นก็น่าหลงไหล

      และอีกอย่างนึงก็คือ ผมอยากได้ยินคำพูดที่แสดงออกว่าเขาเป็นห่วงผม หรือจะเรียกว่าผมเรียกร้องความสนใจจากเขาก็คงได้มั้ง

       

      “ตัวเองกินช้าเอง อย่ามาบ่นน่า”

       

      .

      .

                     

                      ห้องเรียน

       

                      วันนี้อาจารย์งดสอน จริงๆแล้วพวกผมควรจะได้ไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี หากอาจารย์ไม่ได้สั่งงานไว้บนกระดานให้ดูต่างหน้าแบบนี้

       

      เฮ้ อิโนะจังย้ายที่หน่อยสิ ขอคุยกับยูยะมันหน่อย

      หนุ่มผมทองสว่างเป็นประกายวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามาทางเคย์ แต่ต้องการที่จะคุยกับผม จึงต้องร้องขอให้เขาสลับที่นั่ง เนื่องจากโต๊ะเลกเชอร์ของห้องนี้มีลักษณะเป็นสโลปที่มีโต๊ะเลกเชอร์ยาวๆเป็นแถว ซึ่งสามารถเข้าออกได้แค่สองทางตรงแถวริมสุดของโต๊ะทั้งสองข้างเท่านั้น ...แต่สำหรับผมกับเคย์ที่เข้ามานั่งอยู่ตรงกลางแถวแบบนี้ ฮิคารุอาจจะต้องลำบากสักหน่อย

       

                      ไม่เอา เค้าจะนั่งกับบัดดี้เค้านี่

      ไม่รู้ว่าวันนี้เคย์อารมณ์ดีมาจากไหน ถึงได้แกล้งตอบฮิคารุไปด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดแบบนั้น

       

                      นี่เห็นว่าอิโนะจังทำแล้วน่ารักหรอกนะ ไม่งั้นโดนถีบไปแล้วแน่ๆ    

                      ฮิคารุจะถีบเราเหรอ

                      ใครจะไปทำได้ลงคอเล่า ฉันพูดเล่น... เฮ้ยแต่เรื่องยูยะฉันพูดจริง จะคุยงานโว้ย

       

                      โต๊ะอีกข้างฉันก็ว่างอยู่นี่ นายจะไปไล่ที่ชาวบ้านเค้าทำไมผมเห็นว่าหากปล่อยให้เคย์เล่นลิ้นยั่วโมโหฮิคารุต่อไป อาจจะมีโอกาสได้โมโหเคย์เข้าจริงๆ จึงออกปากตัดปัญหาไปในที่สุด

       

                      เออๆ ก็ได้

                      สุดท้ายแล้วฮิคารุก็ต้องยอมเดินอ้อมโลกมานั่งข้างผมอีกฟากหนึ่งจนได้ ดูเขาจะเคืองๆอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่ต้องลำบากลำบนมาหาผมถึงขนาดนี้

                     

                      แกสองคนนี่อยู่ห่างกันหน่อยไม่ได้เลยรึไงวะ สนิทกันขนาดนี้ทำไมไม่เป็นแฟนกันไปเลยล่ะ

                     

                      ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆให้กับคำพูดนั้น .... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราถูกทักเรื่องความสัมพันธ์แบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ในงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่เขาก็เพิ่งถูกเพื่อนๆร่วมคณะก็พากันบอกว่า

       

      พวกแกสองคนนี่เปิงกันจริงๆว่ะ

      อะไรวะเปิงกันผมเลิกคิ้วถาม

      ก็แบบ เหมาะสมอะ เข้ากั๊นเข้ากัน น่าจะเป็นแฟนกันไปจริงๆเลยนะ

       

      บรรยากาศนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ....

      แน่นอนว่าเคย์ที่นั่งอยู่ข้างผม เขาจะต้องได้ยินสิ่งที่เพื่อนคนนี้พูดอย่างชัดเจน

       

      ฉัน..กับเคย์...น่ะเหรอผมตัดสินใจถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเสียงสั่นๆ

      อื้อ ก็ใช่น่ะสิ ขนาดนั่งล้อมวงกินข้าวกันโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ พวกนายยังคุยกันเหมือนโลกนี้มีกันสองคนไปได้

       

      พอโดนเพื่อนแซวราวกับว่าล่วงรู้ไปถึงความในใจ ผมก็ยิ้มเขินๆ ไม่ได้ตอบรับหรือว่ากล่าวอะไร พลางเหลือบตามองปฏิกิริยาของคนข้างๆ

      บอกตรงๆว่าผมกลัว ...... กลัวปฏิกิริยาตอบกลับของเขา

      .....กลัวที่จะถูกรังเกียจ

       

       

       

      แต่เคย์กลับยิ้มน้อยๆ และไม่พูดอะไรเป็นการทักท้วง หรือแสดงท่าทีรังเกียจอย่างที่ผมนึกกลัว

       

      ......หัวใจผมพองโตคับอกทันที......

       

      .

      .

      .

       

       

       

      ระหว่างผมกับเขา

      เราเข้ากันได้ดีไม่ว่าเรื่องอะไร

       

       

       

      บางอย่างที่กำลังเติบโตช้าๆในใจผม

      บางอย่างที่ผมเชื่อว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิด

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

                      คนที่อยู่ตรงหน้าผม... คือคนที่ผมรัก

       

                      แต่ตรงหน้าคนที่ผมรัก ก็คือคนรักของเขา....

       

                     

       

                      ผมกำลังใช้เวลาไปกับการนอนซบแขนตัวเอง แอบมองคนที่ผมรักกำลังพิมพ์ข้อความต้อกแต้กในโปรแกรมแชทยอดนิยมบนหน้าจอแลปท็อปที่เปิดค้างอยู่พร้อมกับพูดคุยเสียงหวานกับผ่านโทรศัพท์ที่เสียบสายสมอล์ทอล์ก ....ไม่ต้องเดาก็ทายออกได้ง่ายๆว่าปลายสายน่ะแฟนแหงมๆ เพราะด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มกับสภาพจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน อารมณ์ดีมีความสุข .... จนผมอดจะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

       

                      ใช่แล้ว คนที่ผมรักกำลังมีความสุขกับคนที่เขารัก

                      แล้วคนที่แอบฮักเมาข้างเดียวแบบผมล่ะ

       

       

       

       

                      บอกตรงๆเลยว่า......

       

       

       

       

       

                      จะเอาความคิดฝ่ายสวรรค์รึนรกดีล่ะ

       

       

       

                      ถ้าแบบพ่อพระผมก็รู้สึกดีที่เขามีความสุข แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว

                      แต่ถ้าแบบมารร้าย ผมล่ะโคตรอิจฉาเลย อยากเป็นคนที่ทำให้เขายิ้มได้แบบนั้นบ้าง

       

       

                      ยูยะ..

                      หืม

                      จ้องอะไรนักหนา

                      มองไม่ได้รึไง

                      ก็เปล่า แต่อยู่ๆมานอนจ้องกันแบบนี้ ขนลุกน่ะ

       

       

                      จบข่าว... ไอ้ผมที่กำลังนอนมองตาเยิ้มก็เป็นอันตาค้างไป

                      แหม ไม่เข้าใจจริงๆ มีคนหน้าตาดีราวกับรูปสลักมานอนจ้องดันบอกขนลุก ... คำๆนี้มันสะท้านสะเทือนไปถึงต่อมพิทูอิทารี่เลยนะเหอะ

       

                      ฉันจะไปซื้อขนม จะฝากซื้ออะไรไหม

       

                      เจ้าตัวเพียงส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ แล้วก็หันกลับไปสร้างโลกส่วนตัวเหมือนเดิม

       

       

       

      เคย์ไม่ได้ปิดบัง แต่ก็ไม่ได้บอกผมตรงๆเหมือนกัน.... เรื่องที่เขามีแฟน

       

      แฟนของเคย์ชื่อ อาริโอกะ ไดกิ อายุน้อยกว่าผมกับเคย์ปีนึงเห็นจะได้ เป็นเด็กมอปลายธรรมดา ที่หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ตาโต ปากอิ่ม ตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม

       

       

       

      .....ไม่แปลกที่เคย์จะมีแฟนน่ารักๆแบบนั้น

       

      ......ไม่แปลกที่เคย์ดูจะรักและทุ่มเทเวลาว่างทั้งหมดให้กับเด็กคนนั้นเอามากๆ

       

       

       

      ..... ที่แปลกคือตัวผมเองหรือเปล่า

      ....แปลกที่ไปมองว่าเขาน่ารัก

      ....แปลกที่เห็นว่าเขาควรที่ถูกปกป้องมากกว่าเป็นคนปกป้องใคร

       

       

      และที่แปลกใจที่สุด

      เพราะผมเพิ่งรู้เรื่องพวกนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง

       

       

      .......ผมที่อยู่กับเขาแทบจะตลอดเวลาในมหาลัย

       

                       

       

       

       

      ถ้าก่อนหน้านี้ผมตระหนักถึงเรื่องนี้สักนิด

      ความรู้สึกของผม คงจะไม่ลุกลามมาถึงตอนนี้

       

       

       

      หากผมได้มีโอกาสรู้จักเคย์มาก่อนหน้านี้

      ผมคงไม่มีวันปล่อยมือจากเขาให้ใครอย่างแน่นอน

       

      จะโทษอะไรดีล่ะ ที่ทำให้ผมมารู้จักเขาในวันที่สายไป

       

       

       

      ระหว่างผมกับเขา

      เราเข้ากันได้ดีไม่ว่าเรื่องอะไร

      .

      .

      .

      แต่ผมพลาดไปอย่างเดียว

      อย่างเดียวจริงๆ

      .

      .

      .

      ผมมาช้าเกินไป

       

       

       

       

      ////////////THE END////////////////

       

       

      I-PrA Talk :

      ในที่สุดประก็แต่งคู่นี้จนได้นะ ทาคาเคย์^^ (แม้จะไม่สมหวัง)

      แต่ก็นะ... ความรักมันมีหลายรูปแบบ สุขบ้าง ดิบบ้าง แบบสเต็กแบบมีเดียม (พูดเรื่องของของกินทำไม!?)

      เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นคอนเซปของเราสามคนเหมือนเดิม โยงใยรักสามเส้าสี่เส้าไปเป็นทอดๆ..... และกำลังคิดว่าประควรจะต่อให้เห็นห้าเส้าหกเส้ายาวเป็นขบวนรถไฟไปเลยดีมั้ย 5555+ 

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×