[SF HSJ]........ เราสามคน ........ [Ryosuke Part] - [SF HSJ]........ เราสามคน ........ [Ryosuke Part] นิยาย [SF HSJ]........ เราสามคน ........ [Ryosuke Part] : Dek-D.com - Writer

    [SF HSJ]........ เราสามคน ........ [Ryosuke Part]

    Pairing : Kei x Daiki x Ryosuke

    ผู้เข้าชมรวม

    641

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    641

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ส.ค. 54 / 14:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    [Fic HSJ]...................... เราสามคน ........................... by::I-PrA

     

      

    Title : เราสามคน

    Pairing : Kei x Daiki x Ryosuke

    Author : I-PrA

    Rate : PG 13
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

       

      //////////////RYOSUKE PART/////////////////

       

       

       

      ฉันคนหนึ่ง.......

       

      เธอคนหนึ่ง.......

       

      เขาคนหนึ่ง........

       

      .......................เราสามคน

       

       

       

       

       

      เลขสาม....

      แต่ก่อนผมก็ไม่เคยรู้สึกอะไรกับตัวเลขนี้นักหรอก

      ก็แค่เป็นจำนวนๆหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์...

      เป็นเลขจำนวนเต็มบวก....

      เป็นเลขคี่....

      เป็นเลข....ที่ไม่มีคู่

       

       

      แต่ตอนนี้ เลขสามเนี่ย ผมว่ามันเป็นกาลกิณีกับชีวิตผมโดยแท้

       

      .

      .

       

       

      ยามะจัง เย็นนี้ไปกินโอโคโนมิยากิที่ร้านนั้นกันไหม ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว

       

      อาริโอกะ ไดกิ ... เป็นเพื่อนสนิทของผมที่โรงเรียน  เรามักจะไปไหนด้วยกันอยู่เสมอ จนเพื่อนๆค่อนว่า เป็นคู่หูปาท่องโก๋  ก็คือเมื่อเห็นคนหนึ่งก็จะต้องเห็นอีกคนหนึ่งด้วยเสมอ ถ้าใครคนหนึ่งถูกเรียกให้ไปช่วยงาน อีกคนก็จะตามไปเป็นของแถมทันที เรียกได้ว่าไม่มีแยกจากกันเลยทีเดียว

       

      แต่นั่น มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นแหละ

       

      ในเมื่อเขา..ไม่ใช่ของผม

       

       

       

      นายอยากได้แฟนแบบไหนกันล่ะยามะจัง ระหว่างคนที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนเพื่อนสนิท กับผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ อ้อนได้ แล้วก็อบอุ่นน่ะฮึ

       

      ไดกิเปิดประเด็นถามผมขึ้นมาในวันหนึ่ง ในขณะที่เรากำลังเดินกลับบ้านพร้อมกัน ...ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสน้อยนักที่จะเกิดขึ้นกับผม เพราะโดยปกติแค่ได้ยินเสียงกริ่งเลิกเรียนไม่ทันไร ที่หน้าตึกเรียนก็จะปรากฏร่างสูงผิวขาวจัดพร้อมกับรถคู่ใจ ยืนยิ้มรอรับกลับอยู่ทุกวัน จะมีบ้างที่นานๆครั้งหมอนั่นจะติดธุระจนมารับไม่ได้ อย่างเช่นวันนี้ เคย์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นเดือนคณะ จะต้องไปทำงานให้มหาวิทยาลัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไดกิถึงได้กลับมาเดินถนนอยู่เคียงข้างผมอีกครั้งหนึ่ง

       

      ไม่รู้สิ ยังไงก็ได้มั้ง ถ้าเป็นคนที่เรารักแล้วล่ะก็ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ

      เหรอ แต่ฉันนะ อยากได้แฟนที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท จะได้คุยไร้สาระได้ ไม่ต้องกลัวเบื่อผมมองหน้าไดกิอย่างงุนงง

       

      .....ถ้าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ประโยคที่พูดมาเมือกี้นั่นหมายถึงผมรึเปล่าน่ะ

       

      ........แล้วถ้าไดกิต้องการแบบนั้น ทำไมคนที่เขาเลือกถึงไม่เป็นผม?.......

       

       

      แต่แฟนนายก็อายุมากกว่าไม่ใช่หรือ

       

      อื้อ ก็ใช่นะ.. ไม่เคยได้ยินหรือ ชอบแบบไหนมักไม่ได้แบบนั้น แต่กลับตรงกันข้ามอย่างน่าตกใจน่ะ

       

      แล้วไม่ชอบหรือ

       

      มันก็ดีไปอีกแบบนะ เคย์จังใจดีจะตาย น่ารัก อบอุ่น แล้วก็ชอบตามใจฉันจนแทบเสียคนเลยล่ะ^^”

      สีหน้าของไดกิเวลาที่พูดถึงผู้ชายคนนั้นช่างดูสดใสจนดูเหมือนเปล่งประกายออกมาจากตัวได้ตลอดเวลา..... มันทำให้ผมรู้ ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน

       

      “แต่ยังไงฉันรักยามะจังนะ”

      “เอ้ะ?

      “เพราะยามะจังเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดยังไงล่ะ”

       

       

      สำหรับผม .... จะเพื่อนรัก หรือ คนรัก ก็หมายถึงแค่คนเดียวเท่านั้น

      แต่สำหรับไดกิ .... มันไม่ใช่

       

       

      ......ผมเป็นเพื่อนรักสำหรับไดกิ

       

      ......ในขณะที่เขาคนนั้นเป็นคนรักของคนที่ผมรัก

       

       

      แบ่งแยกสถานะ ความสำคัญกันอย่างชัดเจน จนน่าใจหาย

       

       

      วันนี้ว่างหรือไง

                      โธ่ ยามะจัง พูดเหมือนงอนไปได้ ... อยากไปกินกับเพื่อนบ้างไม่ได้หรือไง

                      ก็ไม่ได้ว่าอะไร.. ว่าแต่หมอนั่นน่ะ ยอมปล่อยตัวมาด้วยหรือ

       

       

      หมอนั่นที่ผมพูดถึงก็คือ เจ้าตัวการมารร้ายในชีวิตรักของผม อิโนโอะ เคย์  ผมจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจโดยที่ไม่ต้องท่องจำให้เปลืองเมมสมองเลยล่ะ

       

       

                      วันนี้เคย์จังมีงานที่คณะ ทางสะดวกๆ ไดกิยิ้มทะเล้นน่ารักน่าเอ็นดู

       

      ...นี่ล่ะน้า ถึงจะพยายามตัดใจแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ลงซักที

       

       

                      ทางสะดวกก็เลยหันมาหาชู้อย่างฉันงั้นสิ ประชดเข้าไป ... ไหนๆก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้วนี่ ขอเหน็บแนมแดกดันให้หายเจ็บหน่วงๆที่ใจหน่อยเห้อะ!

       

                      อือ ใช่ รู้ได้ไงเนี่ย ไดกิเอานิ้วจิ้มแก้มผมเล่นขำๆ

       

       

      .....ผมยังจำได้ เมื่อก่อนเขาเคยบอกว่าชอบคนแก้มป่องๆ บอกว่าเห็นแล้วอยากเข้าไปฟัดให้หายหมันเขี้ยว ... นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็เริ่มเลี้ยงแก้มตัวเองทันที  ถึงขนาดว่ายอมโดนล้อเป็นไอ้แก้มแตกจนถึงทุกวันนี้เลยทีเดียวเชียว

       

       

                      ล้อเล่นให้มันจริงจังหน่อยก็ไม่ได้ เอาซะเหมือนเชียวนะ... นี่ถ้าเกิดว่าเคย์จังของนายมาได้ยินเข้าจะว่ายังไงเนี่ย

      ผมรู้ว่าหมอนั่นจะไม่เข้ามาทำร้ายร่างกายผมหรอก แต่มันจะทำร้ายจิตใจผมอย่างแสนสาหัสด้วยฉากง้องอนของคู่รักน่ะสิ

       

       

      ก็ซวยน่ะสิ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ... ก็มันไม่ใช่เรื่องจริงซักหน่อยนี่เนอะไดกิเอียงหัวซบไหล่ผม

       

      ....เขาเป็นพวกติดสัมผัส คือเวลาที่จะพูดจะคุยกันแต่ละทีเป็นต้องมีมือไม้หรือไม่ก็ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเข้ามาเกาะแกะ จับมือ กอดแขน ซบไหล่ แล้วแต่อารมณ์ของเขา ....แต่เขาจะเป็นเฉพาะกับคนที่เขารักและไว้ใจเท่านั้นแหละ

       

                                                                                                               

      อื้อ มันไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอก

       

       

       ฉันรู้... ฉันรู้ซึ้งถึงข้อนี้ดีอย่างที่นายคิดไม่ถึงเชียวล่ะ ไดกิ

      ถึงมันจะกลายเป็นเรื่องจริง แต่ถ้านายไม่ต้องการให้เป็นจริง ฉันก็ทำได้ ...

       

      .

      .

      .

       

      ช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนน่ะ เป็นเวลาของผม

       

      แต่เวลาตั้งแต่หลังเลิกเรียนเป็นต้นไปน่ะ มันจะไม่ใช่ของผมอีกต่อไป .....แต่เป็นเวลาของเขาคนนั้น คนที่ได้เป็นเจ้าของไดกิอย่างแท้จริง

       

      นั่นไง .. ยืนส่งยิ้มเป็นมิตรไม่มีพิษไม่มีภัยอยู่หน้าตึกคณะ ... แต่ท่าทางไดกิจะยังไม่เห็นถึงได้ยังไม่ปล่อยมือจากผม

       

                  “ไดจัง..นั่น” ผมชี้ให้เขาเห็นว่ามีใครกำลังรอเขาอยู่ที่หน้าตึกเรียน ไดกิหันมองตามแล้วทำสีหน้าประหลาดใจมากกว่าจะตกใจ

       

      ......เขาปล่อยมือจากผมแล้ววิ่งเข้าไปหาหนุ่มมหาลัยตัวสูง ผิวขาวจัด ท่าทางดีมีชาติตระกูลที่พ่วงด้วยตำแหน่งแฟนในทันที

      ผมก้มมองมือตัวเองที่ว่างเปล่า หลงเหลือไว้แต่รอยสัมผัสอุ่นๆยังไม่ทันจางหายไป

      เงยหน้ามองอีกที ไดกิก็ผลุบไปยืนอยู่ข้างๆร่างสูงนั่นซะแล้ว

       

                      “เคย์จัง ไหนว่าวันนี้มีงานที่มหาลัยไง” ไดกิเงยหน้า ช้อนตากลมๆถามอย่างอ่อนหวาน

       

      .....ผมรู้สึกอิจฉาทุกครั้งที่ไดกิทำแบบนั้นกับเคย์ ....ผมชอบดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์ของเขา ผมไม่อยากให้เขาไปทำตาแบบนั้นใส่ใคร...นอกจากผมคนเดียว

       

                      “อื้อ ฉันก็เลยมารับไดจังไปด้วยกันนี่แหละ ฉันถามอาจารย์แล้ว งานนี้อนุญาตให้คนนอกคณะเข้างานได้ไม่เป็นไร ไดจังอยากไปกับฉันไหมล่ะ”

       

                  “แต่ว่า...ฉันมีนัดกับยามะจังไปแล้ว” ไดกิมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมา

       

      “อ่า งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ไดจังไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้” ถึงปากจะบอกว่าได้ แต่สีหน้าเศร้าสร้อยที่หมอนั่นแสดงออกมาอย่างชัดแจ้งบนใบหน้านั่นน่ะ

      ....ไม่ต้องพูดออกมาซะตั้งแต่แรกว่าให้ไปจะดีกว่ามั้ย!?

       

                  .... เพราะผมรู้ ไดกิเป็นคนใจดี ... บางครั้งบางคราวก็ใจดีมากเกินไป

       

       

       

                      ไดกิหันมามองหน้าผมที่ยืนรออยู่ห่างๆและหน้าเศร้าๆอ้อนๆของแฟนเขาสลับกันไปมา เขามีสีหน้าลังเลใจ หัวคิ้วขมวดชนกันอย่างคิดไม่ตก

       

                      และแล้วนาทีตัดสินใจก็มาถึง เขาพ่นลมหายใจออกเฮือกใหญ่แล้วเดินมาหาผมด้วยใบหน้าที่....

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ผมควรจะเตรียมทำใจสินะ

       

       

       

       

       

      ขอโทษจริงๆนะยามะจัง แล้ววันหลังสัญญาว่าจะไปกินกับนายนะ

      ไดกิเขย่ามือผมพูดด้วยใบหน้าหงอยๆ คงกลัวว่าผมจะโกรธล่ะมั้ง

       

      ... ผมไม่ได้โกรธหรอก ไม่มีคำนั้นอยู่ในสมองเลยสักนิดเดียว

       

       

       

      ..... แต่บอกตามตรงว่าผมโคตรเสียใจเลย

       

       

      ถ้าคำว่าวันหลังของนายมันไม่มีจริง .....ก็ไม่จำเป็นต้องพูดปลอบใจฉันก็ได้นะ

       

       

      ไม่เป็นไร ปากบอกไม่เป็นไร แต่หน้านี่บอกบุญไม่รับได้อีกเหอะผม

       

      โกรธหรือเปล่า ไดจังถามคำถามที่เขาเองก็รู้ ....ผมไม่มีวันตอบคำตอบอื่นไปได้หรอก

       

      ....ผมจะมีสิทธิ์ไปโกรธอะไรเค้า

       

      ...ก็เราเป็นแค่เพื่อนกันนี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาแคร์ความรู้สึกกันมากมาย

       

       

      จะโกรธทำไม นายไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย

      ผิดสิ ฉันยกเลิกนัด ทั้งๆที่เป็นคนชวนแท้ๆ

       

      ผมตัดสินใจเดินหนีออกมาจากตรงนั้น.... แต่ไดกิก็ยังเดินตามผมมาอีก

       

      เราเดินกันมาจนถึงหน้าตึก ผมยกริมฝีปากขึ้นให้ดูเป็นมิตรมากที่สุดให้เจ้าของหัวใจตัวจริง แล้วเอ่ยเอื้อนประโยคที่ผมไม่อยากจะพูดมากที่สุด

       

      ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจดี นายไปกับแฟนเถอะ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ผมไม่ใช่คนดี

       

      ผมไม่ใช่พ่อพระผู้เสียสละ

       

      ในใจของผมร่ำร้องอยากจะกลับไปดึงตัวไดกิออกมาจากอ้อมแขนของหมอนั่น

       

      แต่จะมีประโยชน์อะไร

       

      ในเมื่อคำว่ารักของเราของสองคน ...ยังคงเป็นคนละความหมายกัน

       

       

      ////////////THE END////////////////

       

       

      I-PrA Talk

      เหมือนจะสั้น....และ ค้างป่ะทุกคน...

      ประอยากลองของ แต่งฟิกมาม่าบ้างไรบ้าง แต่ไม่รู้สิ อาจจะบรรยายออกมาไม่ค่อยดี ขอโทษด้วยน้า(โค้งๆ)

      อันนี้เป็นพาร์ตของยามาดะ จะเป็นมุมมองความรู้สึกนึกคิดของยามาดะทั้งหมด ....อ่านรู้เรื่องกันมั้ย

      รู้สึกยังไงก็เม้นบอกกันนะ อยากให้มีภาคต่อกันรึเปล่าเอ่ย (หาเรื่องสร้างงานให้ตัวเองอี๊กก)

       

       

       

       


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×