[Fic HSJ] ....Michishirube... [Takaki Yuya x Arioka Daiki]
ใครว่าผมไม่แมน ผมน่ะ แมนทั้งตัวและหัวใจต่างหาก ......................... อาริโอกะ ไดกิ
ผู้เข้าชมรวม
1,089
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
Title: Michishirube
Paring: Takaki Yuya x Arioka Daiki
Type: Short Fic , Romantic Comedy
Rate: PG 13 ล่ะมั้งนะ
Author: I-PrA
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
......................ใครว่าผมไม่แมน ผมน่ะ แมนทั้งตัวและหัวใจต่างหาก .........................
อาริโอกะ ไดกิ
“นายคบกับจิเน็นอยู่ใช่รึเปล่าไดจัง”
วันดีคืนดี โอคาโมโตะ เคโตะ ผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น จู่ๆก็ถามขึ้นมาขณะที่เตรียมตัวซ้อมเต้นกันอยู่ในห้อง
“อื้ม.....ได้ 2 อาทิตย์ล่ะ” ถึงจะแปลกใจในคำถามกับตัวคนถาม แต่ผมก็ยิ้มกว้าง ตอบคำถามด้วยความภาคภูมิใจ .. หึหึ .. แฟนผมน่ารักครับ
“คิดดีแล้วหรือ”
สีหน้าเคโตะแสดงถึงความยุ่งยากใจเหลือกำลัง แต่ก็ยังพูดออกมาจนได้ คล้ายกับห้ามไว้ไม่อยู่
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงเคโตะ” รู้สึกเหมือนถูกกระตุกหนวด ไดกิเริ่มขมวดคิ้วเป็นปม.... ลองว่าให้เหตุผลซัพพอร์ตไม่เข้าท่าล่ะก็ได้มีเรื่องกันแน่
“เปล่าๆไม่ได้จะหาเรื่อง... แต่คิดดีแล้วจริงๆนะ” หน้าซื่อๆตาใสๆของเคโตะ เหมือนจะบอกว่าไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝงอย่างที่พูดจริงๆ จึงได้ย้อนถามกลับไป
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสร้างความร้าวฉานนะ แต่ฉันแค่คิดว่านายไม่ค่อยเหมาะกับจิเน็นน่ะ” สิ้นคำนั้น ไดกิถึงกับโมโห ถลกแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับทำหน้าที่คิดว่าเอาเรื่องที่สุดในชีวิต
“แล้วนายคิดว่าฉันเหมาะกับใคร?!!!”
เคโตะ ขยับถอยห่างออกไป 3 ช่วงตัว ก่อนจะพูดในสิ่งที่คิดออกมา แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการเจ็บตัวมากก็ตาม
“ฉันคิดว่านายไม่เหมาะที่จะเป็นเซเมะน่ะ”
“เห~!”
ผมก็รู้ตัวอยู่บ้างแหละว่ารูปร่างผมน่ะ มันดูไม่แมน ไม่ว่าจะพยายามยังไง ไปฟิตเนตบ่อยแค่ไหน ..ก็ไม่ได้ทำให้หุ่นบางๆ ร่างเล็กๆของผมพัฒนาไปบนเส้นทางของมาตรฐานชายหนุ่มมาดแมนบ้างเลย ... อีกทั้งความสูงที่ดูเหมือนจะไม่เพิ่มไปมากกว่านี้แล้ว (ร้องไห้)
....แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังยืนยันว่า ผมน่ะ แมนจริงๆ!! ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ... ไม่เคยเลยที่จะเหลียวมองผู้ชายร่างใหญ่ที่ไหน .. แล้วทำไม? ถึงมาตัดสินชีวิตผมด้วยรูปร่างหน้าตากันอย่างนี้ล่ะ
..............................
.....................
.............
“ไดจัง เราเลิกกันเถอะ”
อะไรนะ .. คุณได้ยินเสียงอะไรแว่วๆไหมครับ
“นี่ ได้ยินหรือเปล่า ไดจัง~”
จิเน็น ยูริ เขย่ามือผม ขณะที่เรากำลังอยู่ในระหว่างการเดท .....อาหารมากมายที่ผมชอบวางอยู่เต็มโต๊ะ และรวมถึงในจานผมที่พูนกว่าปกติด้วยความเอาใจใส่ของยูริ
ในขณะที่จานของยูริ ดูเหมือนว่าจะพร่องลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ... ผมเคยชินกับการได้รับความดูแล เอาใจใส่เสียจนเสียนิสัยซะแล้ว เคยชินกับการเป็นผู้รับจนละเลยการใส่ใจในยูริ
........................ทำไม ผมเพิ่งรู้ตัวนะ .. คล้ายๆว่าผมจะรู้ตัวช้าไป..ใช่ไหม............................
“ทะ...ทำไมล่ะ” ผมมองหน้ายูริกลับด้วยความไม่เข้าใจ
“เราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่า ผมว่า ไดจังน่าจะมีใครสักคนมาดูแลมากกว่านะ”
ผมรู้สึกตัวชา อึ้งไปชั่วขณะ ..คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดนี้มาก่อน
อาหารมากมายที่ผมชอบวางอยู่บนโต๊ะ แต่ผมรู้สึกกินไม่ลง ..
เสียงของยูริดังก้องสะท้อนกลับไปมาด้วยประโยคเดิมๆ
///ไดจังน่าจะมีใครสักคนมาดูแลมากกว่านะ///
///ไดจังน่าจะมีใครสักคนมาดูแลมากกว่านะ///
///ไดจังน่าจะมีใครสักคนมาดูแลมากกว่านะ///
ผมเดินตัวเอียงไปที่สถานีหลังจากที่แยกกันกับยูริที่ร้านแล้ว ผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งข้างทางอย่างหมดอาลัยตายอยาก มือที่ถือถุงขนมจากร้านโปรดของผมที่ยูริมักจะเอามาฝากเสมอนั้นไร้เรี่ยวแรง ...ผมนั่งนิ่งๆมองมันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ แน่นอนว่าแม้แต่จะยกแขนขึ้นมาดูเวลา ผมยังไม่อยากจะคิดทำ
... การโดนทิ้งมันรู้สึกอย่างนี้เองเหรอ .... ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เคยมีแฟน ตอนเด็กๆผมก็มีแต่เรียนๆๆๆ เรียนยังไม่ทันจบแล้วแม่ก็ส่งมาเข้าจอห์นนี่ สุดท้ายก็มาพบรักกันกับเพื่อนในวง .. ทั้งที่เราก็คบกันมาดีๆแท้ๆ .. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ......
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ดึกๆดื่นๆ... ไม่กลัวโดนฉุดหรือไง”
ทำไมเสียงมันแลดูคุ้นๆแฮะ.... ผมค่อยๆไล่สายตาไปยังผู้มาเยือน....จากรองเท้าบู๊ทหนังกลับสีดำ กางเกงยีนส์สีซีด เสื้อแจ็คเก็ตสีดำเท่ห์ๆเข้ากันได้ดีกับรองเท้า เรื่อยไปจนถึงใบหน้าอ่อนโยนที่คุ้นเคย
“ทาคาคิคุง?” ออกจะแปลกใจไม่ใช่น้อย ที่เงยหน้าขึ้นไปเจอกับพี่ชายลำดับสองของจัมพ์ ทาคาคิ ยูยะ ...ซึ่งเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันโดยบังเอิญในสถานที่แบบนี้ และโดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว .....ไม่น่าเป็นไปได้เลย
“เป็นอะไร .... มีปัญหาอะไรรึเปล่า ทำไมไม่กลับบ้าน?” ยูยะยิ้มอ่อนโยนเดินตรงเข้ามาหาผม... และทรุดตัวลงนั่งข้างกัน
“มีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า?”
“ได้เหรอ?”
“ถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน มานั่งเล่นที่ห้องฉันก่อนก็ได้” ร่างสูงเชิญชวนด้วยรอยยิ้มใจดี ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำให้รู้สึกดีมากๆอย่างบอกไม่ถูก
......ทาคาคิคุงนี่เป็นพี่ชายที่พึ่งพาได้เสมอเลยน้า......
“จะดีเหรอ รบกวนนายเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยู่คนเดียว และก็กำลังอยากได้เพื่อนกินข้าวอยู่พอดี” เปิดทางให้เสร็จสรรพสำหรับคนที่ยังลังเล
“เอาอย่างนั้นก็ได้” ผมได้ยินอย่างนั้นก็เลยเปิดยิ้มตอบรับไป.....
....... ผมคิดอะไรอยู่นะ .... ทั้งๆเพิ่งออกจากร้านอาหารมาแท้ๆ .....
“งั้นเราแวะซื้ออะไรไปกินกันดี นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
ก็ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
ผมคิดอะไรไม่ออก
สติสัมปชัญญะที่มี ก็เหมือนมันจะขาดๆหายๆไป
คืนนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้างนะ?
.
.
“เอาน้ำอะไรดี ชาหรือน้ำผลไม้”
“อ่า อะไรก็ได้”
ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องของทาคาคิคุงครับ ห้องของเขาเป็นห้องขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ ..ภายในก็เหมือนห้องของชายหนุ่มธรรมดาๆ ผมที่นั่งจ๋องอยู่บนโซฟาพลางกวาดสายตาไปรอบๆอย่างใคร่รู้
ตั้งแต่ที่ผมได้เดบิวต์ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาบ้านเมมเบอร์ของคนอื่น นอกจากบ้านของยูริ.....อ่า พูดถึงยูริ ในหัวผมก็คิดไปถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว ..... เฮ้อ มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกดีถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะนะ .....ร่างสูงของยูยะเดินหายเข้าไปห้องไหนสักห้อง ผมก็ไม่ทันได้สังเกต..เพราะมัวแต่นั่งเหม่อๆคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“เอ้า น้ำผลไม้ กินซะหน่อยจะได้สดชื่นขึ้น” สัมผัสเย็นเฉียบที่ข้างแก้ม ทำให้ผมสะดุ้งถอยตัวเองไปจนสุดโซฟา ยูยะมองผมแล้วยิ้มขำๆ แววตาเอ็นดูเหมือนกำลังยืนมองเด็กซนๆคนหนึ่ง
“ใจลอยไปถึงไหน แค่นี้ก็ตกใจด้วย” ยูยะจัดการเปิดฝากระป๋องน้ำผลไม้พร้อมดื่มยื่นให้ผมเสร็จสรรพ ... อืม เจนท์ดีนะ เพราะอย่างนี้พวกผู้หญิงถึงได้ปลื้มกันนัก><
ด้วยความกระหาย ผมจึงจัดการยกมันขึ้นดื่มอึ้กๆ ...สังเกตได้จากปลายหางตาว่าผมกำลังถูกจ้องอยู่ จึงละออกจากปากกระป๋อง ปาดเช็ดหยดน้ำที่หลงเหลืออยู่บนริมฝีปาก ก่อนจะยื่นน้ำผลไม้กระป๋องเดิมให้อีกคนที่นั่งอยู่
“เอ้า หิวน้ำเหมือนกันก็ไม่บอก” ผมกระแทกกระป๋องลงกลางหน้าท้องเขาดังปึ้ก... เอ้ะ จากที่มือผมสัมผัสได้ ...กล้ามเนื้อนุ่มนิ่มทั้งนั้นนี่นา~
ยูยะมองปากกระป๋องแล้วยิ้มๆ คล้ายกำลังสมใจกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะยกมันขึ้นซดบ้าง แต่ต้องชะงักกับสายตาแป๋วๆที่กำลังให้ความสนใจกับบางอย่างในตัวเขาอยู่
“นายมองอะไรน่ะ”
“ขอผมดูหน่อยได้ไหม?” ตากลมโตพยายามส่งสายตาวิงวอน
“หา~!” ร่างสูงมองคนตรงหน้าอย่างเลิ่กลั่ก... นึกครื้มอะไรขึ้นมาเนี่ย
“นะ....” ร่างเล็กอ้อนเอาอีกที ก่อนจะรุดหน้าแกะกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายไม่เบานัก
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน จะทำอะไรน่ะไดจัง...”
ดวงตาซุกซนที่เปี่ยมไปด้วยอยากรู้อยากเห็น ตากลมๆใสแป๋วที่กำลังร้องขอเหมือนลูกแมวขออาหารนั่นที่ทำให้ร่างสูงเกิดความรู้สึกที่ว่า.....ยากจะต้านทาน มือไม้ที่เคยแข็งแกร่งก็เหมือนจะไร้เรี่ยวแรง ไม่กล้าใช้กำลังต่อต้านจริงจังนัก เพราะกลัวว่าจะทำให้ผิวบางๆนั้นช้ำเป็นรอย
สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับตาแป๋วๆในที่สุด
“แหม ซ่อนรูปนะเรา” ได้ทีก็แซวร่างสูงที่เขินจนหน้าแดงแต่ยังเก็กทำเป็นดุที่โดนน้องลามปามถึงเนื้อถึงตัวเข้าให้
ร่างแบบบางนั่งทับขาตัวเองบนโซฟา หันหน้าเข้าหาร่างสูงเต็มตัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายแห่งความสนุกสนาน
“พูดมากน่ะ ” พูดแก้เขินพลางติดกระดุมเสื้อเข้าที่แบบผิดๆถูกๆ “อย่างน้อยฉันก็สูงกว่านายล่ะกัน”
...... ใครสั่งใครสอนให้มันเอาจุดอ่อนของชาวบ้านมาตอกย้ำฟะ....
ร่างเล็กหุบยิ้มฉับ แล้วเหล่มองด้วยความหมันไส้..เหอะ ไม่ต้องใช้ความพยายามสักนิด.. เกิดมาก็ตัวสูงใหญ่แบบนี้ น่าอิจฉาชะมัด ... คิดน้อยเนื้อต่ำใจในชะตาชีวิตของตัวเอง .. ยิ่งนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้วสะท้อนใจ ..พอสะท้อนในใจแล้วมันก็กระเด้งไปแสดงออกบนสีหน้าอย่างรวดเร็ว
ท่าทางเซื่องๆซืมๆ เหี่ยวๆเหมือนไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไร เหมือนตอนที่เจอกันไม่มีผิด ดวงตาที่เปล่งประกายสดใสอยู่เมื่อครู่ หม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด .....ดวงหน้าหวานที่มักมีรอยยิ้มสดใส รอยยิ้มที่ทำให้เขาเผลอแอบมองอยู่บ่อยๆ ฉายแววเศร้าออกมาไม่ปิดบัง
........................ ใครนะ ที่ทำให้รอยยิ้มนี้หายไป .............................
หลังจากที่จัดการกับอาหารเย็นรอบที่สองของผมเสียจนราบคาบแล้ว ยูยะก็หายเข้าครัวไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าตัวออกมาพร้อมกับถุงขนมร้านดังที่ยูริซื้อให้เป็นของฝากผมเป็นครั้งสุดท้าย
“กินนี่ได้ใช่มั้ย เห็นนายถือติดมือมาด้วย”
“อื้ม กินสิ”
“ว้าว นายชอบร้านเดียวกับฉันเลยนะเนี่ย อ้ะ ช็อคโกแลตนี่อร่อยมากๆเลยนะ”
“...............”
.....เงียบ.... ไร้ซึ่งเสียงตอบรับอย่างทุกครั้ง ร่างสูงจับได้ถึงคลื่นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจึงเงยหน้าจากขนมของโปรด ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆร่างเล็กที่นั่งทำตาเศร้า กอดหมอนซุกร่างแทบจะจมหายไปกับโซฟา
“เอ้า~ มีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังไม่ใช่เหรอ ว่ามาสิ”
รอยยิ้มสบายๆ กอปรกับการขยับย้ายร่างกายให้ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น แขนยาวพาดไปแนวยาวของโซฟาอย่างเงียบเชียบ แนบเนียนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ... แต่ในใจที่เต้นระรัวอยู่ในอกนี่ล่ะ..จะปฏิเสธได้หรือว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นนี่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากคนตัวบางๆคนนี้
ร่างเล็กมองกล่องช็อคโกแลตของฝากที่เหมือนมันจะคอยตอกย้ำอยู่เสมอว่า เรื่องของเขากับยูริจบไปแล้ว เขาควรจะทำให้มันหายไป จะได้ไม่ต้องคิดถึงมันอีก ..... คิดได้ดังนั้นก็ลงมือแกะห่อพลาสติก แล้วก้มหน้าก้มตาหยิบช็อคโกแลตเข้าปากกินแบบคำต่อคำ ไม่ให้ได้หยุดพัก จนร่างสูงต้องออกปากปราม
“กินเข้าไปมากขนาดนั้น เดี๋ยวก็เมาหรอก มันผสมแอลกอฮอล์ด้วยนะ” แต่ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนไม่ได้ตั้งใจดุจริงจังนัก ดังนั้น คำเตือนของผู้ใหญ่วัยยี่สิบหมาดๆจึงถูกเพิกเฉยจากเด็กสิบเก้าไปอย่างง่ายดาย
ร่างสูงลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำเปล่ามา 2 ขวด ตั้งไว้บนโต๊ะ เพราะคาดการณ์ว่าจะได้ใช้ในไม่ช้า
..................................... ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนานนัก .........................................
“ทาคาคิคุง~ ผมโดนทิ้งแล้วล่ะ”
ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีสด หลังจากที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างช้าๆอยู่พักใหญ่ .....ดวงตากลมโตทอดมองเหม่อไปด้วยความสะเทือนใจ ก่อนจะหันกลับมาจ้องร่างสูงที่นั่งข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะ... ทำไมจิเน็นถึงทิ้งผม.. เค้าไม่รักผมแล้วเหรอ”
“เค้าบอกนายหรือ?”
“จู่ๆเค้าก็ขอเลิกกับผม... แล้วรู้ไหม ว่าเหตุผลที่เค้าไม่เลือกผมเพราะอะไร?”
ร่างสูงทำเพียงนั่งเงียบๆปล่อยให้อีกฝ่ายระบายออกมา ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี
“เค้าบอกว่าผมน่าจะมีใครสักคนมาดูแลมากกว่า” ร่างเล็กเงียบไปอึดใจ
“ทำไมล่ะ ผมก็เป็นผู้ชายนะ...ผู้ชายทั้งแท่งด้วย ทำไมผมถึงจะดูแลใครสักคนไม่ได้” ไดกิพรั่งพรูความอัดอั้นในอกพร้อมกับเขย่าตัวร่างสูงด้วยแรงไม่มากนัก แต่ร่างสูงก็รู้ด้วยสัญชาตญาณว่า ประโยคนี้เขาควรจะเพิ่มคอมเมนต์ลงไป เพื่อที่จะได้กลายเป็นที่ปรึกษาที่ดี ไม่ได้เป็นเพียงแค่สากกะเบือที่ทำได้แค่รับฟัง
“จิเน็นอาจจะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกมั้ง”
ร่างสูงก็ปลอบไปตามเรื่อง ทั้งที่ในใจจะแอบเห็นด้วยอยู่ก็ตาม ..... นายน่าจะถูกใครดูแลมากกว่าจริงๆนั่นแหละ ไดจัง .....
“ฉันเป็นผู้ชายนะ... ถึงยังไง ผมก็ผู้ชายคนหนึ่ง... ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วย”
“อืม เอาเถอะ...เราเป็นยังไง เรารู้ดีอยู่แก่ใจ... เพราะอย่างนั้นอย่าไปแคร์คำพูดของคนอื่นเลยนะ~!”
“แต่ผมแคร์นะ~!”
“แคร์แล้วทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเราแคร์อยู่ฝ่ายเดียวนี่นา...ทางที่ดีนะ นายลืมเรื่องนี้ไปซะ แล้วเริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่ๆดีกว่า” ฝ่ามือหนาเลื่อนมาแตะที่บ่า ตบเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจประสาพี่น้อง... แต่ที่น่าแปลกก็คือ มือนั้นกลับวางนิ่งแหมะอยู่บนไหล่บางนั้นอย่างไม่ยอมไปไหน~!
“ทาคาคิคุง...” ร่างสูงสะดุ้ง ชักมือกลับแทบไม่ทัน...กำลังคิดหาข้อแก้ตัวดีๆให้ตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้ขยับปากพูด หัวทุยๆของไดกิก็เอนอิงลงมาบนไหล่เขา ... ประโยคสั้นๆที่ติดจะอู้อี้นิดๆจับใจความได้แค่ว่า
“ผมขออยู่แบบนี้ซักพักนะ”
ทำให้ร่างสูงแอบยิ้มให้กับตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ ... ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่า ร่างบางๆของไดกิห่อตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง หัวทุยๆนั้นก็อิงพิงอยู่กับไหล่หนาอย่างสบายใจ..
ร่างสูงที่นั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก มองเห็นช็อคโกแลตที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นในกล่อง ก็คว้ามาเข้าปากตัวเองจนหมด แล้วก็กรอกน้ำเปล่าลงคอที่เหมือนจะกำลังแห้งผากตาม
...........................ย้อมใจ... หักห้ามใจตัวเองกับสิ่งที่คิดจะทำ.........................
ร่างสูงเหลือบตามองกลุ่มผมน้ำตาลเข้มที่เลื้อยเคลียอยู่บนไหล่
.......................อยากสัมผัส ... ว่าเส้นผมเล็กบางนั่นจะนุ่มลื่นมืออย่างที่ตาเห็นหรือไม่.....................
แต่ร่างกายนั้นซื่อตรงต่อความรู้สึกนัก ฝ่ามือใหญ่ลูบไปบนกลุ่มผมนั้นดังใจนึก........ อ้า~ หวังว่าจะยังไม่รู้สึกตัวนะ ... อย่าเพิ่งนะ อย่าเพิ่งเลย อย่าเพิ่งลืมตาขึ้นมาตอนนี้เลย .....
ดวงตากลมโตช้อนตาแหงนขึ้นมอง คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ติดจะขุ่นเคืองน้อยๆ ที่อาจหาญมาขัดความสุขสบาย ...แม้ว่าตอนแรกร่างเล็กจะมีอาการเกร็งๆและเกรงใจเขาอยู่บ้าง แต่บรรยากาศอุ่นๆ เบาสบาย ที่ล้อมรอบนั้นก็ทำให้ไดกิหายเกร็งและเริ่มให้ความไว้วางใจเขามากขึ้น ....และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
“ไม่มีอะไรหรอก... นอนต่อเถอะ” ตอบคำถามจากสีหน้านั้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอบคุณครับ” ตาปรือๆเยิ้มนิดๆ ไม่รู้ว่าด้วยความง่วงหรือฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เป็นผลข้างเคียงจากการกินช็อคโกแลตเจ้าปัญหานั่นอย่างบ้าคลั่งกันแน่
แต่.. หน้าหวานๆ ตาฉ่ำๆ ปากอิ่มๆ ที่ระเรื่อยั่วตาอยู่ตรงหน้านี้ มันยากจะหักห้ามใจมิใช่หรือ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง .. เป็นคนเดียวกับคนที่ดึงดูดสายตาของใครหลายๆคนไว้เพียงแค่ขยับปากยิ้มอย่างไดกิแล้วด้วย .. ความยับยั้งชั่งใจที่เคยมี ก็พลันสลายหายไปเสียหมด .... แรงดึงดูดอะไรบางอย่าง ฉุดรั้งให้ร่างสูงเคลื่อนริมฝีปากลงไปหาความอุ่นนุ่มจากกลีบปากอิ่มชื้นนั่น
..... ไม่มีอาการขัดขืน ...... อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทำให้ไดกิยอมตามใจโอนอ่อนให้รสสัมผัสหวานๆนั้น หวานยิ่งขึ้นไปอีก ... แต่ขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่า .. ท่าทีที่ร่างเล็กแสดงออกมานั้น จะมาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ
..................จะเป็นไปได้ไหมนะ ที่ร่างเล็กนี้จะมีเขาอยู่ในหัวใจบ้าง...................
...............................................
............................
............
“อรุณสวัสดิ์ ไดจัง.. มาสายนะวันนี้”
ยามาดะ เรียวสุเกะทักผมทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องซ้อม ... ผมเองก็ส่งยิ้มกลับไปให้อย่างเป็นปกติ
“อ้าว ยูยะ ไดจัง ไปไงมาไง ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะวันนี้”
ผมเห็นยาบุส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้กับคนที่เดินตามหลังผมมาอย่างจงใจ .. แล้วก็เหมือนจะเห็นว่าร่างสูงหันไปทำปากจึ่กจั่กใส่เป็นการโต้ตอบเสียด้วย
......... อืม ก็เป็นการทักทายแปลกๆของ 2 คนนี้ นับเป็นเรื่องที่เห็นจนชินตาล่ะนะ ......
ผมตรงไปวางกระเป๋าสัมภาระที่โต๊ะมุมห้อง แล้วทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนเพลีย
“เฮ้อ~”
แฮ้งค์ครับ .. แฮ้งค์อย่างแรง ... ด้วยความที่ไม่เคยลิ้มรสของแอลกอฮอล์มาก่อนในชีวิต .... ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหนักหัว ปวดเนื้อปวดตัว แถมยังเจ็บหน่วงๆบริเวณสะโพกซะด้วย ... แต่ผมคิดว่าทั้งหมดนั่นน่ะ .. เป็นอาการข้างเคียงของการแฮ้งค์
ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในคืนนั้น แล้วทำไมผมถึงได้ไปนอนอยู่ที่ห้องของยูยะ ...... ผมคิดว่าพอแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด สติผมก็คงจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก .....สภาพห้องที่ผมเห็นเมื่อเช้านั้นเละเทะเหมือนผ่านสมรภูมิรบอะไรซักอย่าง ถุงขนม ของกินที่ซื้อกันขึ้นมาระเกะระกะเกลื่อนที่นั่งเล่นตรงหน้าโซฟา... แต่สภาพผมก็ไม่ได้ต่างไปจากห้องนั้นเลย แค่ประคองตัวเองมาที่บริษัทได้ก็ดีถมแล้ว .. ซ้อมไหวรึเปล่านั่นก็อีกเรื่องนึง
ระหว่างที่ผมทบทวนความจำบนโต๊ะที่ผมเอาตัวไปพาดไว้นั้น ผมรู้สึกได้ถึงรังสีแปลกๆพุ่งตรงมาจากด้านหลัง .. พอหันไปมองก็พบกับ ยามาดะที่มองมาที่ผมอย่างเอ๋อๆ กับยูยะที่รีบหลุบตาลงต่ำ แล้วหยิบของว่างที่วางอยู่บนโต๊ะกลางกินอย่างเอาเป็นเอาตาย
...น่าสงสัยไม่ใช่หรือ ไม่ใช่วิสัยแน่ๆล่ะ ที่จู่ๆทาคาคิ ยูยะจะกินของว่างเป็นข้าวเช้าราวกับตายอดตายอยากมาจากไหน ......พูดถึงยูยะ ถ้าไม่ได้เขา เมื่อเช้านี้ผมคงแย่ ผมกำลังคิดว่าควรจะไปขอบคุณเขา ... แต่ตอนนี้ผมลุกไปไหนไม่ไหวแล้ว.. ขอผมนอนฟื้นพลังก่อนนะ แล้วผมจะไปหาเขา
“ยูยะ.... เมื่อคืนหนักไปหรือเปล่า เล่นเอาลุกไม่ขึ้นเลยนะเนี่ย ...ระวังอย่าให้มันส่งผลกระทบกับงานสิ” โคตะ ยาบุ ลากเก้าอี้เข้ามานั่งชิดกับยูยะที่นั่งก้มหน้า แก้มแดง (ที่มองเห็นได้ยากซักนิดหนึ่ง) กระซิบกระซาบกัน ในขณะที่ตามองไปที่ร่างเล็กอย่างระวังภัย
“พูดมากน่ะ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ” ตอบปัดๆ พยายามเลี่ยงเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น
“บ้าน่า อยู่กันสองต่อสองทั้งคืนขนาดนั้น ไม่มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือวะ” ยาโอโทเมะ ฮิคารุ ลากเก้าอี้เข้ามานั่งล้อมวงด้วยอีกคน จากนั้นทุกคนที่อยู่ในห้อง ยกเว้นยูริกับริวทาโร่ ที่ยังมาไม่ถึง กับไดกิที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง ก็ล้วนเดินมาล้อมวงให้วามสนใจกับเรื่องของชาวบ้านทันที
....ช่วยไม่ได้นะ ...ในเมื่อความสงสัยใครรู้ในเรื่องของคนอื่นนั้น มันเหมือนกับเป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกคนล้วนอยากมีส่วนร่วมกันทั้งนั้น...
“มันจำเป็นที่พวกนายจะต้องรู้ทุกอย่างเลยหรือ” ตอบประชดแกมก่นด่าว่าสู่รู้ แต่เจ้าพวกกามเทพจำแลงก็ยังทำตาใส รอฟังเรื่องเล่าจากปากผมอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เฮ้อ~” ผมเห็นพวกมันแล้วก็จำนนในความตั้งใจมั่นของมัน... แต่แค่ตั้งท่าว่าจะเล่าเท่านั้นแหละ เจ้าฮิคารุก็ทำท่าดีอกดีใจราวกับได้เงินล้าน
“เขาอกหัก... ฉันเลยชวนมาบ้าน... ก็กินข้าวกันปกติ... จากนั้นก็..”
“ได้กันมั้ย?” ฮิคารุโพล่งคำถามได้ตรงประเด็นจัด จนอิโนโอะ เคย์เผลอฟาดมือเรียวๆเข้าเต็มเหม่ง
“ห่าน... คิดให้มันพ้นจากเรื่องนั้นไม่ได้เลยหรือไง” แถมโดนเจ้าของเรื่องด่าเข้าให้อีก
ฮิคารุร้องโอดโอยคร่ำครวญเสียงดัง แต่ก็ไม่พ้นโดนลีดเดอร์ของวงดุให้เงียบเสียงอีก ฮิคารุจึงมีสภาพที่น่าเอน็จอนาจพอสมควร มือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงร้อง ส่วนมืออีกข้างก็ลูบเหม่งที่เพิ่งโดนตบป้อยๆ
“..ก็อยากรู้เรื่องนี้อะ” ยังไม่วายส่งเสียงหงุงหงิงๆลอดผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมาอีก
“เฮ้อ~!” ยูยะถอนหายใจให้ได้ลุ้นกันอีกรอบ ฮิคารุตาวาวขึ้นอีกเท่าตัว เนื้อตัวสั่นริกด้วยความอยากรู้.... พอเป็นเรื่องของคนอื่นล่ะไม่มีเขินไม่มีอายไปเสียทุกที แต่อย่าให้ถึงทีคราวของตัวเองนะ ไม่รู้จะเขินไปถึงดาวอังคารเลยมั้ย ถึงไม่มีอะไรคืบหน้าซักทีน่ะ
“ไม่บอก!”
“เฮ่ย..ทำงี้ได้ไงอะ”
“ชู่วว์ .. อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวไดจังก็ตื่นพอดี”
......................................
..........................
...............
หลังจากที่ผมหลับไปอย่างเต็มอิ่ม ก็ตื่นขึ้นมาอย่างสดใส พร้อมที่จะซ้อมเต้นต่อในช่วงบ่ายแล้ว~
เสียงโทนต่ำน่าฟัง งุ้งงิ้งเพลงเด็กๆออกมาเบาๆเคล้ากับเสียงกีต้าร์โปร่ง ... เอ นี่หรือเปล่า สิ่งที่ทำให้ผมนอนหลับสบายเต็มอิ่มขนาดนี้
“ทาคาคิ...คุง”
“เอ้า ขอโทษๆ ตื่นเลย... กวนหรือเปล่า?”
“เปล่า ก็เพลินๆดี... เล่นได้แล้วหรือ” บุ้ยใบ้ไปที่เครื่องดนตรีที่ไม่เข้ากับหน้าของผู้เล่นเท่าไรนัก.... แต่ถ้าสนใจเฉพาะใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความพยายามและมุ่งมั่นตั้งใจของยูยะแล้ว .... มันก็ ดูดีไม่หยอกเหมือนกันนะ
“อื้ม ก็กำลังฝึกๆอยู่.... หิวหรือยัง ไปกินข้าวกันไหม?”
ผมกำลังจะส่ายหน้าปฎิเสธอย่างทุกครั้ง..เพราะเดี๋ยวจิเน็นจะชวนผมไปหาอะไรกินตามร้านน่ารักๆที่เค้าอยากไป .. แต่มันก็กลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว ... ตอนนี้ผมเหลือแค่ตัวคนเดียว นึกแล้วมันก็ ..สะเทือนใจ ..อะฮือ
“เอาน่ะ อย่าซึมไปเลย ไปหาอะไรอร่อยๆข้างนอกกินกัน..... ฉันพาไปเอง”
... แต่โชคร้ายก็ไม่ได้อยู่กับผมนานนักหรอก ..ในเมื่อผมมีพี่ชายใจดีๆแบบนี้ทั้งคน เค้าถึงว่า.. คนหน้าตาดีมักมีโชค .. มันก็แบบเนี้ยล่ะน้า^^
......................................................
.....................................
......................
เหตุการณ์ดำเนินไปในรูปนี้จนเป็นเรื่องปกติ .. หลังจากพักซ้อม หรือหลังเลิกซ้อม ยูยะมักจะชวนผมไปหาอะไรกินตามร้านอาหารชื่อแปลกๆที่เขาแนะนำ ซึ่งแต่ละที่ล้วนเป็นที่ๆผมไม่เคยรู้จัก แล้วมันก็อร่อยล้ำสมคำคุยเสียด้วย ... จะว่าไปเขาก็เป็นคนที่รู้เรื่องร้านอาหารดีๆเยอะเหมือนกันนะ
“วันนี้ไปกินที่ไหนกันดี”
“อืมม อยากไปลองร้าน Yasui Umai chotto Osoi ที่โคยาม่าคุงแนะนำมาล่ะ”
“น่าสนใจดีนะ”
“แต่ว่าไกลหน่อยนะ ทนหิวไหวไหม”
“อื้อ ไปกันเถอะ”
ไม่รู้เหมือนกับว่าผมกับยูยะสนิทกันขนาดนี้ได้อย่างไร .. แต่ที่รู้ๆก็คือตอนนี้เห็นผมที่ไหน เป็นต้องเห็นร่างสูงด้วยที่นั่น ... ถึงตอนแรกผมจะยังไม่คุ้นชินกับการเข้ามาวนเวียนและมีตัวตนอยู่ในชีวิตผม .. แต่ความจริงที่ต้องยอมรับในตอนนี้คือ.. ถ้าขาดเขาไปสักคน ...ผมคงไม่สามารถมีความสุขได้ถึงขนาดนี้
..............ถ้าขาดเขาไปแล้ว จะเหงาขนาดไหนนะ?..............
“ไดจัง” เสียงที่แสนจะคุ้นในความรู้สึก ดึงให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิด ... สำเนียงเสียงยามที่เอ่ยขานชื่อของผมจากปากบางๆสีชมพูนั่น... ช่างหวานนัก
ผมจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร แม้จะไม่ได้หันไปมอง .. ผมไม่ได้คุยกับยูริมานานแค่ไหนแล้วนะ แม้จะทำงานอยู่ด้วยกันทุกวัน.... แต่ตั้งแต่วันนั้นผมก็หลบๆเลี่ยงๆมาตลอด โดยที่มียูยะและเมมเบอร์คนอื่นๆคอยช่วยเหลืออยู่ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเห็นว่าเขาอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูกอยู่เหมือนกัน ...
...................เห็นทีว่าผมจะต้องทดสอบความรู้สึกตัวเองให้มันชัดเจนเสียที ......................
ผมตัดสินใจคว้ากระเป๋าที่วางกองรวมกันอยู่บนโต๊ะมาสะพายโดยที่ไม่สื่อความรู้สึกใดๆผ่านทางหน้าตา .. ไม่มีใครรู้ว่าผมจะทำอะไร
“ออกไปรอข้างนอกนะ... ยูยัง^^” ผมหันไปคุยเสียงหวานกับยูยะที่ดูจะอึ้งๆไปกับชื่อเล่นแบบฉับพลัน แล้วจึงหันกลับมา... เดินเฉียดผ่านจิเน็นไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เหมือนว่ามองไม่เห็น... ไม่มีตัวตน
.........ผมไม่รู้หรอก ....ว่าหลังจากที่ผมเดินผ่านมาแล้วนั้น ..จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ...........
......................................................
.....................................
.......................
หลายวันต่อมา ณ ห้องซ้อม
“ยูยะ เฮ่ย ยูยะเว้ย” โคตะกับฮิคารุวิ่งถลาเข้ามาหาผมแบบติดจรวดแล้วก็มานั่งปุข้างๆ ส่งยิ้มหวานที่น่าขนลุกให้ผม
“มีอะไร” ผมเหลือบตามองมันด้วยความรำคาญ
......ถ้าให้ทาย.. มันคงไม่พ้นมาถามเรื่องนั้นอีกนั่นแหละ~!
เมมเบอร์คนอื่นเจอมุกเงียบ รึไม่ก็เฉไฉไปเรื่อยเปื่อยของผมเข้าไปหลายๆทีก็ถอดใจ ไม่ตามตื้อถามอีก
จะมีก็แต่ สองคนนี้นี่แหละ ที่ยังมีความอดทนสูงเสียจนผมนับถือ...
“นายจะไม่บอกพวกฉันจริงๆหรือ ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ลูกตาวิบวาวเป็นประกายอยากรู้แกมวิงวอนของทั้งสองคนนั้น... น่าหมันไส้จริงๆให้ตายสิ
“ถ้าฉันไม่บอก...พวกนายจะตื้อฉันอีกนานไหม”
“ก็จนกว่าจะคายออกมานั่นล่ะ... หรือจะให้ฉันไปถามเอาจากไดจัง~” ลีดเดอร์เริ่มอารมณ์เสียกับความท่ามากของผม เริ่มโจมตีที่จุดอ่อนผมแล้ว
“เฮ้ย ไม่ได้นะ”
“งั้นก็จงเล่ามาซิ” โดนมันข่มขู่ด้วยสงครามจิตวิทยา บีบบังคับซะขนาดนี้แล้ว
..............ต้องเล่าจริงๆเหรอเนี่ย................
.
.
.
10 นาทีผ่านไป
“ยูยัง!!”
“เฮ่ย~!!”
“ตกใจอะไรกันขนาดนั้น โอ้ ขวัญเอ้ยขวัญมา”
ไม่ตกใจได้ไงล่ะครับ ผมกำลังรีพอร์ตเหตุการณ์น่าสงสัยเมื่อคืนนั้นให้โคตะและฮิคารุที่เที่ยวตามตื้ออยู่ทุกวันให้ฟังแบบช็อตต่อช็อต แถมunsenser เสียด้วย ... แล้วจู่ๆเจ้าตัวก็โผล่เข้ามากลางวงแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง
.........แล้ว .. มาตั้งแต่นาทีไหนล่ะนี่ ........
“มานานหรือยัง?”
“ก็... แป๊บนึง คุยอะไรกันอยู่หรือ น่าสนุกดี”
โคตะและฮิคารุหันไปสบตากันแล้วแอบอมยิ้ม มองสองคนที่คุยกันกระหนุงกระหนิง(ในสายตาของทั้งคู่) แล้วค่อยๆถอยความมีตัวตนของตัวเองออกมา ปล่อยให้เขาอยู่กัน 2 คนแล้วกัน .... แต่ก็ยังไม่วาย ทำเป็นจัดนู่นจัดนี่บนโต๊ะ คอยเงี่ยหูฟังอยู่ใกล้ๆ
“ก็เรื่อยๆน่ะล่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก^^ ไดจัง มีอะไรหรือเปล่า?” ยิ้มให้ ทั้งๆที่เหงื่อแตกพลั่กอย่างผิดสังเกต
“จะมาถามว่า..เย็นนี้ไปที่ห้องได้ไหม?”
ตุ๊บบบ~!!!!
เสียงปึกตารางงานตกลงบนพื้นเสียงดังดึงความสนใจคนทั้งคู่ให้หันไปมอง ..และก็พบว่าเป็นฮิคารุนั่นเองที่เป็นคนทำเสียงดัง.. เจ้าตัวได้แต่ยิ้มแฮะๆด้วยความสำนึกผิด ก่อนจะวิ่งเอาแก้มแดงๆหนีไปรวมกลุ่มกับพวกเด็กๆเซเว่นที่จับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง โคตะเห็นอย่างนั้นก็หันมายิ้มหวานใส่บ้างแล้วก็วิ่งตามไปด้วยอีกคน
....... สองคนนั้นเข้าใจไปถึงไหนแล้วนั่น ......
ร่างสูงจึงได้หันไปถามเรื่องที่คุยค้างกันต่อ .. เขาเองก็สงสัยไม่ต่างจากเจ้าสองคนนั้นหรอกน่า
“ฉันซื้อดีวีดีหนังมา...อยากหาเพื่อนดูอ่ะ” ร่างเล็กบอกจุดประสงค์ด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์เต็มแก้ม.... เห็นแล้วมันก็พาลให้ใจอ่อนยวบแบบไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ ให้ตายสิ
“โอเคๆ เดี๋ยวแวะซื้ออะไรเข้าไปกินตอนเลิกซ้อมล่ะกัน”
“เอาป๊อปคอร์นด้วยนะ”
“ก็ได้”
“ซื้อโค้กไปด้วยนะ”
“อย่าเลย มันไม่ดีต่อสุขภาพ เอาน้ำผลไม้แล้วกัน”
“งั้นขอขนมเยอะๆนะ”
“ตามใจสิ^^”
“ใจดีชะมัดเลย ...อย่างนี้ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีแย่”
.......... อยากเป็นกับนายน่ะ ได้หรือเปล่าล่ะ? ..........
ผมคิดในใจ แล้วก็ยิ้มออกมาคนเดียว ...
“แอ่ะ.. ยิ้มอะไรอ่า”
“เปล่านี่”
“โกหก ยิ้มเห็นๆ.. หน้าแบบนี้แอบไปมีแฟนแล้วใช่ไหมล่า~”
“ฉันยังไม่มีแฟน”
“ไม่เชื่อร๊อกกก”
“วันๆก็ขลุกอยู่กับนายแบบนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปมีล่ะบอกมาซิ”โดนจู่โจมคำถามเข้าเนื้อเข้าตัวแบบนี้ คนปากเก่งก็ไม่เป็นเหมือนกันนะ ......แก้มขาวๆขึ้นสีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตากลมๆกลอกไปมาเลิ่กลั่ก... ไม่รู้จะวางจุดโฟกัสไว้ที่ไหน
“ก็................ไม่รู้ด้วยแล้ว”
สุดท้ายก็ทิ้งไว้เพียงคำพูดไร้ความรับผิดชอบ แล้วเดินหนีไปซะอย่างนั้น
.............อีกไม่นานหรอกนะไดกิ .. แล้วฉันจะบอกนายเอง ...........
..............................................
..............................
...............
“จะค้างหรือเปล่า?”
“ไม่ดีกว่า รบกวนยูยังเกินไป”
“ไม่เป็นไรหรอก...ยังไงฉันก็อยู่คนเดียว”
“พูดเหมือนเหงาเลย... เหงาหรือเปล่า? อยู่คนเดียวแบบนี้”
“นายจะมาอยู่ด้วยไหมล่ะ?”หลุดปากพูดออกไปแล้วสิ...
.....ร่างเล็กนิ่งไปชั่วอึดใจ เหมือนกับว่าตั้งตัวไม่ทัน
“ทะ...ทำไมล่ะ ... มีฉันอยู่ด้วย วุ่นวายจะตาย... เอะอะเสียงดัง ทำอะไรก็ไม่เป็น”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอก”
ร่างสูงส่งรอยยิ้มอบอุ่นนำทัพไปก่อน ค่อยๆทำลายระยะห่างระหว่างกันทีละน้อยๆ .... จนไปหยุดคุกเข่าอยู่ตรงหน้าร่างบางที่นั่งก้มหน้างุด แก้มแดงเรื่ออยู่บนโซฟา
“แค่นาย... แค่นายก็พอ”
“ฉัน... ฉันเป็นผู้ชาย”
“แล้วนายรังเกียจฉันหรือเปล่าล่ะ?”
“แต่แบบนี้มันไม่ถูกต้อง” ด้วยความคิดฝังใจที่เกิดขึ้นมาหลังจากพบกับประสบการณ์ตรงที่เลวร้าย ทำให้ร่างเล็กมีความคิดว่าไม่ควรมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งใดๆกับเพื่อนร่วมวงเป็นอันขาด เพราะยังต้องทำงานร่วมกันอีกนาน ถ้าวันใดเลิกร้างกันไปแล้ว จะเข้าหน้ากันไม่ติด เหมือนเขากับยูริในตอนนี้
“ตอบไม่ตรงคำถาม... นายรังเกียจฉันหรือเปล่า... บอกมาเถอะ ถึงสุดท้ายมันจะกลายเป็นว่าฉันคิดไปเองคนเดียวฉันจะได้ทำใจ... ขอให้ตอบตามความจริงเท่านั้น” ร่างสูงส่งสายตาตัดพ้อกันสุดชีวิต ทำให้ไดกิต้องกัดฟันข่มความเขินอาย ตอบคำถามด้วยแก้มสีระเรื่อ
“ก็.....ไม่ได้รังเกียจนะ ... แต่ไม่รู้ว่า จะ..จะชอบได้หรือเปล่า .. แล้วมัน....” ไดกิพูดยังไม่ทันจบดี ก็ถูกร่างสูงรวบตัวเข้ามากอดแนบอก
“ขอบคุณนะ แค่รู้ว่านายไม่รังเกียจ ฉันก็ดีใจแล้ว”
“ยูยัง..” ร่างเล็กส่งเสียงออกมาเบาๆ ทั้งๆที่ยังไม่เลิกก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆกับบ่าของร่างสูง
“ครับ?” แน่นอนว่ามันไม่รอดพ้นหูทิพย์ของคนที่ใจจดใจจ่อรอฟังคำตอบอยู่หรอก ... ร่างเล็กเงียบไปอีกอึดใจ
“ฉัน... อยากรักนายนะ”
รู้อะไรไหมครับคนดี ..ประโยคนี้มันตีความได้หลายแง่มุมนะ ..
“จะไม่ทิ้งกันใช่ไหม?” ไดกิช้อนตากลมใสแป๋วขึ้นถาม แม้ว่าแก้มขาวจะยังแดงระเรื่อด้วยความเขินอายก็ตาม ซึ่งร่างสูงก็ตอบกลับด้วยการขยี้หัวทุยๆนุ่มมือนั้นด้วยความรักใคร่
“อื้ม แน่นอน .. ใครจะไปทิ้งลงล่ะ” ก็น่ารักซะขนาดนี้น้า.....
“หล่อขนาดนี้ก็ยังเคยโดนทิ้งมาแล้วละกัน”
“ลืมมันเสียเถอะ... มันจะไม่มีอีกแล้วล่ะ ฉันสัญญา” ยูยะยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าร่างเล็กแบบเขินๆปนกับความขี้เก็ก ที่แม้จะยังทำอะไรแบบเด็กๆแต่ก็ยังดื้อไม่ยอมเสียมาดเท่ห์ๆไป
ไดกิเห็นแบบนั้นก็ยิ้มหวานออกมา แม้จะหมันไส้กับท่าทางของร่างสูงจนอยากแกล้งเล่นตัวใส่ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นนิ้วไปเกี่ยวกับร่างสูงไว้จนได้
“อื้มมม สัญญาแล้วนะ”
บทส่งท้าย
“ยูยัง .. ฉันสงสัยมานานล่ะ ..วันนั้นน่ะ วันแรกที่ฉันไปที่ห้องนาย แล้วก็กินช็อคโกแลตผสมแอลกอฮอล์จนเมาด้วยน่ะ วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างเหรอ”
ร่างสูงสะอึกทันที ... ยังไม่ลืมอีกเรอะ! .... นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้วนะ มาติดใจสงสัยอะไรกันตอนนี้ล่ะ!
“วันไหน ไม่เห็นจำได้” เนียนครับ.... เนียนไปก่อน
“ก็วันแรกไง... ที่ฉันโดนจิเน็นบอกเลิกแล้วมาเจอนายน่ะ .. เอ้ะ แต่จะว่าไป บ้านนายไม่ได้ผ่านสถานีนั้นนี่นา .. แล้ววันนั้นนายไปทำอะไรล่ะ”
จึ้ก~! ดอกที่สอง ...ร่างสูงเริ่มหน้าซีดเซียว เหงื่อไคลพากันไหลพลั่กๆเหมือนเขื่อนแตก
“เงียบแบบนี้.. มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?”
“อยากรู้...จริงๆเหรอ”
“อื้ม”
“เฮ้อ~”
ถอนหายใจยาวอีกครั้ง เหมือนเมื่อตอนที่โดนเจ้าโคตะกับฮิคารุตามตื้อจนต้องคายความลับให้มันฟัง .... แต่ครั้งนี้น่ะ... คายความลับกับเจ้าตัวเองเลยนะ .... ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าลืมฌาปนกิจให้ผมส่งท้ายด้วยนะคุณ
.
.
“วันนั้น ฉันแอบตามนายไปเองอ่ะ” แค่เกริ่นนำเรื่องมา ร่างเล็กก็ขมวดคิ้วใส่ทันที
“เล่ามาให้หมด” หนำซ้ำยังใช้สายตาขู่บังคับ.... ทำให้คำสารภาพบาปไหลออกมาเป็นฉากๆ
“อ่า.. นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ... ที่ห้องนาย”
“ก็ๆ ฉันเอาช็อคโกแลตนั่นให้กิน.. แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจจะมอมนะ บริสุทธิ์ใจจริงๆ สาบานได้”
“แล้วไงต่อ” สายตาจิกเค้นความจริงกันสุดฤทธิ์ .... น่ากลัวง่า~
“นายก็เมาไง”
“แล้วนายล่ะ ..เมาหรือเปล่า?”
........... ไม่เลย กินไปแค่ชิ้นสองชิ้นจะไปเมาได้ยังไง ...สติสัมปชัญญะเต็มร้อย รับรู้ได้ทุกเรื่องราว......... แต่จะให้ตอบไปแบบนั้นก็กระไรอยู่ หัวจะขาดเอาซะเปล่าๆ
“ก็..นิดหน่อยเท่านั้น”
“หลังจากนั้นล่ะ”
“อยากรู้จริงอะ” .... เพราะว่าต่อจากนี้น่ะ มันเรท ฉ.ฉิ่ง แล้วนะยาหยี
“ยูยัง!!”
“ก็เราเมาทั้งคู่ แล้วนายคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ... ฉันเป็นผู้ชายยนะ!”
“ฉันก็ผู้ชาย~!”
.
.
“ฉัน...กับนาย ..... แล้วใช่ไหม?” ทำไมคำพูดธรรมดา ทำให้รู้สึกกดดันกันได้ขนาดนี้ว้า~
“...จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ก็เลยตอบรับพร้อมยิ้มแหยๆ
“แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน! ฉันก็หลงคิดว่านายเป็นคนดี เป็นสุภาษบุรุษ ... ไม่คิดเลยว่าจะ..” ร่างเล็กเริ่มโวยวายเสียงดังไปตามเรื่อง มือเล็กก็ฟาดเข้ากับส่วนใดส่วนนึงของร่างสูงให้ได้พอหายแค้น .... แต่อาละวาดได้ไม่นานก็โดนมือดีจับรวบข้อมือไว้จนได้
“ไดจัง... กับคนที่เรารักน่ะ บางที ความรู้สึกมันก็อยู่เหนือการควบคุมนะ” เหอะ.... ทำมาเป็นจ้องตา พูดอะไรซึ้งๆ อย่าคิดว่าจะยกโทษให้กันง่ายๆนะ
“แล้ววันนั้น ..ฉันก็จำได้ ว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวแน่ๆ ที่ทำแบบนั้นน่ะ”
...................เอ๋~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!................
“ฉัน?????”
“อื้อ^^”
“ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย! อย่ามาโมเมนะ” แก้มขาวๆกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ด้วยความคิดที่ยังสับสน ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องความเท็จจริงของข้อมูลที่ได้รับเท่าไรนัก
“อยากรู้เรื่องหรือเปล่าล่ะ... ทั้งนาย
“ไม่เอา~!!!!!!!!”
เอวัง
ผลงานอื่นๆ ของ I-PrA ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ I-PrA
ความคิดเห็น