เรื่องของน้องสาว ตอนชื่อ - เรื่องของน้องสาว ตอนชื่อ นิยาย เรื่องของน้องสาว ตอนชื่อ : Dek-D.com - Writer

    เรื่องของน้องสาว ตอนชื่อ

    เป็นเรื่องของน้องสาวที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องราวขำๆที่แกเป็นกังวลอย่างยิ่ง

    ผู้เข้าชมรวม

    102

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    102

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ม.ค. 52 / 08:50 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ชื่อ

    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้าอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆองแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    รถรับจ้างจะมารับเด็กๆประมาณ 7 โมงเช้าแล้วก็วนไปรับเด็กคนอื่นๆอีก แต่แค่เด็กแถวนั้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 7-8 คนแล้ว
    ออดเข้าเรียนดังขึ้น โรงเรียนเป็นโรงเรียนคริสเตียนซึ่งคนแถวนั้นเรียกว่า โรงเรียนคนคริส แล้วก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนรวยส่งเข้าไปเรียนซะส่วนใหญ่ด้วย เรียกได้เลยว่า 90%ก็ว่าได้
    นี่นู๋ เราได้ยินมาว่ามีเด็กรุ่นน้องชื่อ นู๋เล็ก ที่สูงๆหมวยๆ คนนั้นเป็นญาติเธอหรือ เพื่อนในคนนึงเริ่มเรื่องขึ้นมา
    เออ ใช่ มีอะไรหรือ นู๋ใหญ่สงสัย มีอะไรอีกวะ แต่แค่คิดในใจ
    เปล่าหรอก เราแค่สงสัยว่าว่าทำไมน้องเขาชื่อ นู๋เล็ก แล้วเธอก็ชื่อ นู่ใหญ่น่ะ แบบว่า อะไรใหญ่หรือเปล่า เพื่อนเริ่มเข้าเรื่องแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เอาด้วย พระนางของเราก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อยากจะด่าเพื่อนแต่ก็กลัวเสียเพื่อน
    หลังเลิกเรียน ก็จะมีรถมารอรับเด็กที่โรงเรียนแล้วก็พากลับมาส่งที่บ้านของแต่ละคน นางเอกของเราเจอหน้าคุณแม่ก็ดี่เข้าไปถามเลย
    แม่ ทำไมต้องตั้งชื่อนู๋ว่า นู๋ใหญ่ ด้วย เพื่อนๆล้อกันใหญ่เลย รู้มั้ย นู๋เริ่มบ่นให้แม่งามงอนฟัง
    แม่งามงอนพูด ก็ตอนน้องเกิด พ่อแม่เขาอยากตั้งชื่อให้มันดูเป็นพี่น้องกันเลยชื่อ นู๋ และน้องเกิดหลังนู๋ก็เลยชื่อ นู๋เล็ก แต่ชื่อ นู๋ใหญ๋ก็น่ารักดีนี่ เรามีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า และสั่งสอนนิดหน่อย
    แล้วทำไมกู๋นิเค้าต้องตั้งชื่อตามนี้ด้วยเล่า นู๋ใหญ่เราไม่ยอมแพ้
    ก็พี่น้องกัน แล้วทำไมเขาถึงตั้งไม่ได้ล่ะ นู๋ลองคิดดูซิ แม่งามงอนเตือน
    เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ไม่เข้าใจตัวเองก็เลยเงียบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ นู๋ใหญ่ก็ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจนี้ไว้
    พี่สาวข้างบ้าน ผู้ที่ย้ายบ้านมาอยู่แถวนั้นได้ไม่นาน แม่งามงอนเราพึ่งเริ่มเข้าไปตีสนิทด้วยไม่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากรู้จักบ้านนี้นัก บางครั้งแม่เราก็พาพี่เขามักจะมาเล่นที่บ้านบ้างล่ะ กินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ ตอนหลังๆมามาแบบครบสูตร กิน เล่น นอนเสร็จ แต่ตอนแรกพี่แกก็เล่นแบบไม่เกรงใจแล้วล่ะ
    พี่ก้อย พี่ก้อยว่าชื่อ นู๋ใหญ่เป็นงัยบ้าง นู๋ใหญ่ลองถามพี่สาวข้างบ้านดู
    พี่สาวกลับตอบ เป็นงัยหรือ ก็แปลกดี แต่มีอะไรล่ะซิถึงมาถามพี่ก้อย
    นางเอกผู้เก็บสีหน้าไม่เป็น ก็เพื่อนที่โรงเรียนเขาล้อกันใหญ่เลย อย่างชื่อนู๋เล็กฟังดูแล้วมันน่ารัก ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อนู๋ใหญ่ เพื่อนมันก็ล้อว่า อะไรใหญ่ บ้างล่ะ
    อ้าว แล้วแกตอบเพื่อนว่ายังงัยล่ะ พี่สาวถาม
    ก็ไม่กล้าตอบ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กลัวเสียเพื่อนด้วย น้องนู๋ตอบ
    มีทีนึง มันก็ต้องมีทีที่2แหละ แต่ก็เอาเถอะ ทีหลังพอถูกเพื่อนถามนะ ก็กวนกลับไปบ้าง เพื่อนกันน่ะแค่นี้ไม่เสียเพื่อน อย่างเช่น ที่บ้านเขาเห็นว่าใหญ่กว่าลูกสาวชาวบ้านเลยตั้งชื่อว่า นู๋ใหญ่ พี่ก้อยพูด
    แล้วถ้ามันถามว่า อะไรใหญ่ล่ะ จะตอบมันว่าอย่างไร นู๋น้อยเรายังสงสัยอยู่
    ก็ตอบว่า นิ้วหัวแม่โป้ง งัย พี่ก้อยตอบกวน (เป็นตัวอย่าง)
    อารีรัตน์นะ แกลองคิดอีกแบบนึงนะ ถ้าแกชื่อง่ายๆอย่างพี่ก้อยก็ได้ ชื่อ ก้อย น่ะ แบบโหลสุดๆแล้ว ไปไหนมาไหน ชาวบ้านเขาเรียกกันที ก็ตองหันเพราะไม่รู้ว่าเค้าเรียกเราหรือเปล่า แกชื่อ นู๋ใหญ่นะ ก้อยรับรองเลยว่าเพื่อนๆของแกเองจำแกได้ต่อให้เรียนจบกันแล้ว ตรงนี้ก็เพราะชื่อแกด้วยนะ แต่ขอบอกไว้ว่า แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้ายังมัวแต่ทำตัวแบบหงิ๋มๆไม่ค่อยกล้าแบบนี้ รับรอบเพื่อนลืมแน่นอน ลองเอาไปคิดดู เพราะมัวแต่คิดอะไรๆที่เป็นแง่ร้ายๆอยู่มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เสียอารมณ์ด้วย เสียเวลาอีกต่างหาก พี่ก้อยผู้เข้าข้างน้องนู๋สั่งสอน
    น้องเงียบไปพักนึง แล้วก็คุยเรื่องอื่นแทน แต่หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยหงุดหงิดเรื่องชื่อให้เห็นอีก อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงมักจะชอบอะไรกุ๊กกิ๊ก ชอบให้คนชมก็ได้นะ
     
    ชื่อ
    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นแม่ต้องรีบปลุกลูกๆขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียน ส่วนป๊าผู้ถ่ายทอดนิสัยความขี้เกียจให้แก่ลูกๆ ถึงแม้จะตื่นก่อนลูกแล้ว ป๊าก็ยังเดินลอยชายไปมาอยู่ทั่วบ้าน
    แม่งามงอน ตื่นได้แล้ว ปุ๊ หนู ต้องไปโรงเรียน
    และแล้วหนูน้อยทั้งหลายก็เริ่มต่อรองเหมือนไปซื้อของที่ตลาด
    ขออีกซัก 5 นาทีน่ะแม่ นะคร้าบ ป.ปุ๊ต่อรอง
    ปกติแล้วถ้าเป็นบ้านอื่นๆคนที่เป็นแม่คงรีบแจ้นขึ้นข้างบน แล้วคงด่าซักยก2ยกแล้ว แต่แม่งามงอนผู้แสนดีคนนี้ก็ตามใจลูกๆ ปล่อยซัก 5 นาที คงไม่เป็นไรน่า แม่งามงอนคิด
    นู๋ใหญ่ นางเอกของเรื่องเห็นแม่ไม่ขึ้นมาตามก็ตามน้ำ แบบตัวเองก็ไม่อยากตื่นด้วย
    จนเข้านาทีที่10แล้วเด็กๆก็ยังไม่ตื่น ปะป๊าทนไม่ไหวเลยลงมือเอง ทีนี้บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านคนอื่นที่เด็กๆมักจะกลัวผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่ รีบอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน
    ข้าวเช้าไม่กินนะแม่ เดี๋ยวไปซื้อกินที่โรงเรียนเอา นู๋ใหญ่ พูดทุกเช้าที่ไปสาย ปุ๊ด้วยผู้เป็นน้องพูดตาม เพราะกับข้าวตอนเช้าของบ้านนี้เสิร์ฟแกงกะทิตั้งแต่เช้าเลย
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×