ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Shortcut::ทางลัด

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter Three ทางลัดเส้นที่สาม

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 57


     





    วันธรรมดาเช่นทุกวัน...แต่การเริ่มต้นวันนี้มันกลับไม่ธรรมดา!!!

     

    ผมยืนอยู่หน้าตึกสูงระฟ้าที่ผมเคยเดินเข้าไปฝากกระดาษหนึ่งใบพร้อมรูปถ่ายและประวัติส่วนตัวของผม จนวันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนผมลืมไปเสียสนิทว่าผมเคยยื่นใบสมัครเอาไว้กับที่นี่

     

    บริษัท P.Ent.

    ตัวอักษรที่ทำจากวัสดุแวววาวสีทองประจักษ์ตรงหน้า มันวาวจนผมสามารถใช้ส่องความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมได้แทนกระจกเงา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

     

    การที่แบคฮยอนได้รับสายจากเอเจนซี่ของบริษัทว่ามีงานที่ตรงกับคอนเซปของเขา คนตัวเล็กไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดซักนิดว่าจะตกลงหรือปฏิเสธ เขาไม่มีทางเลือกมากถึงขั้นปฏิเสธบริษัทที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมายาวนานอย่างพี.เอนเตอร์เทนเมนท์

     

    ร่างบางเดินตรงเข้าไปบริเวณประชาสัมพันธ์ที่เป็นศูนย์กลางของชั้นหนึ่ง แล้วแจ้งชื่อตนเองแก่พนักงาน ก่อนพนักงานประชาสัมพันธ์จะยกหูโทรศัพท์ขึ้นคุยเพียงไม่กี่ประโยคแล้วหันมาบอกให้เขานั่งรอบริเวณล็อบบี้ของบริษัท

     

    แบคฮยอนเดินตรงไปนั่งริมในสุดเพราะวิวจากภายนอกที่ดูสวยงามน่าจะช่วยบรรเทาอาการตื่นเต้นที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ได้ดี บริเวณทั้งหมดของล็อบบี้ถูกล้อมกรอบด้วยกระจกทั้งหมด ทำให้เห็นภายนอกซึ่งเป็นวิวอีกฝั่งของบริษัท วิวที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่บัดนี้กำลังผลัดใบ

     

    สวนสวยที่คาดว่าน่าจะได้รับการออกแบบจากนักจัดสวนที่มีชื่อเสียง นอกจากต้นไม้สีเขียวธรรมชาติแล้ว ยังมีสวนดอกไม้สีสวยที่ทนต่อทุกฤดูกาลปลูกเอาไว้รอบๆ ม้านั่งสองสามตัวกระจายอยู่เป็นจุดๆ อากาศวันนี้มีแสงแดดอ่อนสาดลงมายังพื้นดิน ยิ่งทำให้สวนแห่งนี้ยิ่งดูก็ยิ่งสบายตา

     

    แบคฮยอนนั่งมองสวนนั้นอย่างสบายใจจนลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองกำลังจะเข้าพบเอเจนซี่ของบริษัทเพื่อฟังข้อเสนอของงานที่เขาได้รับมอบหมาย และไม่ทันสังเกตสายตาปริศนาที่ถูกส่งมาจากอีกมุมของล็อบบี้

     

    แบคฮยอนมองนาฬิกาข้อมือสลับกับนาฬิกาดิจิทัลที่ติดอยู่ในส่วนล็อบบี้แล้วก็ถอนหายใจ นี่เขานั่งรอมา 20 นาทีได้แล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววของตัวแทนที่นัดเขามา ร่างบางเริ่มสอดส่ายสายตามองไปรอบตัว สังเกตผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกบริษัท มีทั้งพนักงานทั่วไปของบริษัท รวมไปถึงบรรดาคนดังที่อยู่ในสังกัดบริษัทนี้

     

    “โห นั่นใช่ อีมินจองป้ะวะ? ยิ้มน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงอ่ะ” แบคฮยอนตาลุกวาวทันทีที่เห็นว่าใครกำลังย่างกรายเข้ามาในบริเวณล็อบบี้พร้อมด้วยถ้วยกาแฟยี่ห้อดังในมือ

     

    ดาราสาวสวยที่กำลังคุยโทรศัพท์หันมายิ้มน้อยๆให้แบคฮยอนเมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องเธอด้วยสายตาตื่นเต้น แบคฮยอนแทบเป็นลมไปกับรอยยิ้มนั้นทันที ก็เพราะเขาชอบดาราสาวคนนี้น่ะสิ J อีมินจองคนนี้ แบคฮยอนไม่เคยพลาดละครซักเรื่องที่เธอเล่น รอยยิ้มของเธอทำให้เด็กหนุ่มอย่างแบคฮยอนเพ้อไปนานนับจากวันที่เขาได้เห็นเธอในโทรทัศน์

     

    “อ่า ตอนนี้ล็อบบี้น่านั่งขึ้นเยอะเลยเว้ย” แบคฮยอนคิดแล้วก็มีความสุขกับตัวเองเงียบๆคอยแอบลอบมองใบหน้าของดาราสาวเป็นระยะๆเพื่อให้หัวใจกระชุ่มกระชวย คิดแล้วก็เสียดายโทรศัพท์มือถือของเขามันเก่ามาก เรื่องกล้องถ่ายรูปไม่ต้องไปพูดถึงเลย

     

    คิดแล้วก็ยิ่งเสียดาย ถ้าตอนนี้เขาได้แอบถ่ายรูปดาราสาวเก็บไว้ดูเองมันจะดีแค่ไหนนะ คิดแล้วก็ประเมินในใจว่าควรจะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ดีไหม? เงินในบัญชีมีมากพอที่จะซื้อมือถือใหม่ซักเครื่อง อีกอย่างเครื่องมันก็เก่ามาก เขาเองยื่นใบสมัครเอาไว้หลายที่ แถมยังมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ

     

    หลายเหตุผลรองรับทำให้แบคฮยอนตัดสินใจว่าเสร็จจากการคุยงานกับตัวแทนในวันนี้แล้วเขาจะตรงไปที่ห้างสรรพสินค้า ซื้อมือถือดีๆเอาไว้ใช้ซักเครื่องคงไม่มีปัญหาอะไร

     

    ร่างบางมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองอีกครั้งแล้วก็ถอนหายใจ ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วที่เขานั่งรอ แต่เขาเองก็ไม่มีทางเลือก หากเขาไม่รอคิดหรือว่าบริษัทยักษ์ใหญ่จะง้อคนอย่างแบคฮยอน คนที่ไม่มีแม้แต่ประสบการณ์ในงานสายบันเทิงเสียด้วยซ้ำ

     

    คิดได้ดังนั้นก็นั่งรอต่อไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น ดาราสาวคนสวยลุกเดินออกจากล็อบบี้ไปได้ซักพักแบคฮยอนจึงเบนสายตากลับมาหาวิวจากสวนสวยอีกครั้งหนึ่ง เพราะความสวยงามของวิวต้นไม้ทำให้แบคฮยอนเริ่มไหลลงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟารับแขกตัวนิ่ม

     

    หากแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน แบคฮยอนมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง ชื่อที่เขาบันทึกเอาไว้ให้อีกคนอย่างพิเศษ ปรากฏขึ้นวาบๆตามแสงไฟที่กระพริบ

     

    อย่ารับ!!!’

     

     

    “มีอะไร?” แบคฮยอนรับสายด้วยคำถามแทนที่จะใช้การทักทายแบบสากลโลก

     

    “เดี๋ยวนี้เขารับสายกันด้วยคำว่า มีอะไร? แทน สวัสดี แล้วหรอคุณ” อีกฝ่ายก็ต้องการหยอกล้อในทีถึงได้กวนประสาทกลับมาทันควัน แล้วก็ได้ผลเมื่ออีกคนยุขึ้น

     

    “นี่ รีบๆพูดธุระของนายมา แล้วจะไปตายที่ไหนก็ไป!” ร่างบางไม่ได้กำลังโมโหจริงจังอย่างที่แสร้งทำน้ำเสียงออกไป แค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ใจไปมากกว่านี้

     

    “โอเคๆ ผมยอมแพ้คุณแล้ว ผมจะถามว่าอยู่ที่ไหน? ผมอยู่หน้าห้องคุณแต่คุณไม่อยู่”

     

    “ฉันอยู่ข้างนอก ออกมาทำธุระ นายมีอะไรหรือเปล่า?”

     

    “ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่...คิดถึงน่ะ” แบคฮยอนใจกระตุกวูบทันทีที่ได้ยินคำว่าคิดถึงจากอีกคน

     

    คำสั้นๆที่มีอำนาจทำลายล้างหัวใจของคนที่ไม่เคยสัมผัสความรักจริงๆ...

     

    “นี่!ยังอยู่ในสายหรือเปล่า? แบคฮยอนๆ” อี้ฟานเอ่ยเรียกอีกคนเบาๆเมื่อเห็นว่าไม่ได้รับการตอบรับก็ยิ่งเรียกซ้ำๆ

     

    “อืม ฟังอยู่” แบคฮยอนเองก็หมดคำพูดจะต่อล้อต่อเถียงทันที เมื่ออีกฝ่ายหลุดมาว่าคิดถึงเขา

     

    “แล้วธุระของคุณจะเสร็จเมื่อไรอ่ะ? ผมจะรอกินข้าวเย็นด้วย” แบคฮยอนวูบไปกับประโยคท้ายสุด

     

    เขาเคยแต่กินข้าวคนเดียว หรือไม่ก็นั่งกินข้าวกับพ่อแม่เงียบๆ...

     

    เขาไม่เคยรอใครกินข้าว เพราะเขาคิดเสมอว่า ท้องใครก็ท้องมัน จะไปอดทนหิวทรมานตัวเองเพื่อใครอีกคนทำไม!!!

     

    แต่เวลานี้...กลับมีใครอีกคนอยากรอให้เขากลับไปกินข้าวด้วยกัน

     

    “อืม คงอีกซักสองสามชั่วโมงน่ะ นี่มันก็สี่โมงแล้ว นายไม่ต้องรอหรอก กลับไปเถอะ” แม้แบคฮยอนจะแอบรู้สึกดีที่อีกคนห่วงใย แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธความห่วงใยทั้งหมดนั้นให้ออกห่างจากตัว

     

    เพราะเขารู้สึกผิด...

     

    ผิดที่ให้อี้ฟานเป็นเพียง ทางลัด

     

    “ไม่เอาหรอก ผมรอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟหน้าหอพักคุณก็แล้วกัน มาถึงเมื่อไรก็เข้ามานะ ผมจะรอ” อี้ฟานไม่ปล่อยให้อีกคนปฏิเสธ เมื่อเอ่ยความต้องการจบเขาก็กดตัดสายทิ้งทันที

     

    แบคฮยอนจึงไม่ทันได้เอ่ยรั้งอีกคนเอาไว้...

     

    แบคฮยอนกลับมาให้ความสนใจกับคนรอบๆตัวอีกครั้ง คราวนี้แบคฮยอนมองไปรอบๆเพื่อมองหาคนที่คิดว่าอาจจะเป็นตัวแทนที่นัดเขามา ในเมื่อเขานั่งรอที่ล็อบบี้นี้มาชั่วโมงนึงได้แล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว ร่างบางจึงตัดสินใจเดินกลับไปรบกวนงานของสองสาวประชาสัมพันธ์อีกครั้ง

     

    “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณจองจุนยองที่นัดผมเมื่อตอนสามโมงยังไม่มาหรอครับ?”แบคฮยอนถามพนักงานหนึ่งในสองคนอย่างสุภาพ

     

    “รอซักครู่นะคะ” พนักงานสาวยกหูโทรศัพท์ที่เขาคาดว่าน่าจะต่อสายตรงถามหาบุคคลที่นัดเขามา ไม่นานสาวเจ้าก็วางสายแล้วหันมายิ้มให้กับเขา

     

    “คุณจุนยองพึ่งคุยงานเสร็จเมื่อครู่นี้เองค่ะ เขากำลังจะลงมาแล้วก็ฝากขอโทษคุณด้วยที่ทำให้ต้องรอนาน” แบคฮยอนยิ้มแล้วกล่าวคำขอบคุณแก่พนักงานสาวที่ทำหน้าที่ได้อย่างดี

     

    แล้วเดินกลับมายังบริเวณล็อบบี้แต่คราวนี้แบคฮยอนเลือกที่นั่งในบริเวณกลางๆเพื่อให้อีกฝ่ายมองหาเขาได้ไม่ยากจนเกินไป เมื่อกำลังจะได้พบตัวแทนแบคฮยอนก็เริ่มกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ในท้องมันมวนเหมือนมีอะไรปั่นป่วนอยู่ข้างใน เริ่มรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้

     

    “สวัสดีครับ คุณบยอนแบคฮยอนใช่ไหมครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายคนที่เขานัดมาก่อนจะได้รับรอยยิ้มของอีกฝ่ายเขาจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที

     

    “สวัสดีครับ ผมบยอนแบคฮยอนครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างนอบน้อมก่อนจะลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นตบท้ายด้วยการโค้งงามๆอีกหนึ่งรอบ

     

    “สวัสดีครับ นั่งก่อนแล้วเรามาคุยเรื่องงานกันนะครับ” คุณจุนยองหัวเราะน้อยๆที่เห็นท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่าย อดชื่นชมแววตามุ่งมั่นคู่นั้นไม่ได้

     

    “ขอโทษที่ปล่อยให้รอเสียนานนะครับ นี่เป็นแบบงานคร่าวๆที่ผมสามารถนำมาให้คุณศึกษาได้ งานนี้เป็นแค่งานถ่ายภาพนิ่งให้กับนิตยสารแฟชั่นธรรมดาครับ ภาพของคุณจะอยู่ท้ายเล่ม” แบคฮยอนรับแบบงานมาศึกษาเงียบๆ

     

    สายตาเรียวไล่อ่านทุกบรรทัดอย่างชัดเจน งานนี้เป็นแค่งานถ่ายแบบภาพนิ่งทั่วๆไป คอลเลคชั่นของเสื้อผ้าก็เป็นเพียงเสื้อผ้าที่ใส่แล้วดูสบาย แบรนด์เสื้อผ้าไม่ได้หรูหราหรือน่าจับตามอง

     

    แต่โอกาสแบบนี้สำหรับแบคฮยอนนั้นถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ในการโลดเล่นอยู่ในวงการบันเทิงอย่างที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด

     

    “งานนี้หากคุณทำได้ดี ทางบริษัทจะรับพิจารณาแล้วป้อนงานให้คุณเรื่อยๆครับ หากคุณมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้น ผมหวังว่าเราจะได้เซ็นสัญญารับคุณเข้าเป็นเด็กในสังกัด” คุณจุนยองพูดเปรยขึ้นมาเพียงเท่านั้น ก็ทำเอาร่างบางที่นั่งอยู่อีกฝั่งดีใจจนเนื้อเต้นทันที

     

    “เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ” แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างให้คุณจุนยองก่อนจะจับมืออีกฝ่ายเขย่าแรงๆด้วยความรู้สึกขอบคุณ

     

    “ให้คิดเสียว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี งานนี้เป็นเพียงการทดลองงานของคุณ ผมเอาใจช่วยนะครับคุณแบคฮยอน” คุณจุนยองเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนเจ้าตัวจะขอไปทำงานของตัวเองต่อ

     

    สายตาปริศนาคู่เดิมยังคงจ้องมองไปข้างหน้า จุดโฟกัสเดิมที่เขานั่งมองมาร่วมสองชั่วโมง!!!

     

    “คุณหนูครับ ผมจัดการเรื่องที่สั่งให้เรียบร้อยแล้วนะครับ” พนักงานในความดูแลเดินเข้ามาโค้งทำความเคารพคนที่อายุน้อยกว่าแต่มีศักดิ์เป็นเจ้านาย

     

    คุณหนูคนดังกล่าวพยักหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ละสายตาจากคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กอดกระดาษแบบงานเอาไว้แนบอก

     

    “ฉันไม่ให้ของฟรีง่ายๆหรอก มันต้องมีอะไรและเปลี่ยนมันถึงจะสมเหตุสมผล ฮึ!” เสียงทุ้มเอ่ยกับตัวเองพร้อมทั้งมองตามหลังอีกคนที่กำลังเดินออกจากบริษัท

     

     

    แบคฮยอนที่เมื่อคุยงานเสร็จแล้วก็ตัดสินใจโทรหาใครบางคนที่ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ เพราะเขาเองตั้งใจจะแวะไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่ห้างสรรพสินค้า แล้วคงจะหาข้าวเย็นทานแถวนั้น

     

    “นี่นาย!ยังรออยู่ไหม?” เช่นเคยที่พออีกฝ่ายกดรับสายแบคฮยอนก็กรอกคำถามไปตามสายแทนการทักทายทั่วไป

     

    “ยังรออยู่แหละ ซัดกาแฟไปสองแก้ว กับเค้กอีกสามชิ้น คุณอยู่ไหนเนี่ย?”

     

    “ผมอยู่บนรถประจำทางน่ะ คุณมาที่ห้าง XX ได้ไหม? ผมจะแวะซื้อของหน่อย แต่คุณจะกลับไปเลยก็ได้ ไม่ต้องรอหรอกเพราะผมคงหาข้าวกินแถวนี้”

     

    “ห้างใช่ไหม? รออยู่หน้าห้างนั่นแหละ ผมกำลังจะไป รอนะ อย่าไปไหนนะ” คนปลายสายออกคำสั่งเสียงเข้ม แบคฮยอนจึงทำได้แค่ตอบตกลงแล้วอี้ฟานก็วางสายไป

     

    รอไม่ถึงสิบห้านทีรถสปอร์ตสีดำก็เลี้ยวโฉบเข้ามาด้วยความรวดเร็ว จนคนที่เดินสวนไปมาบริเวณหน้าห้างต้องรีบกระโดดขึ้นไปยืนบนทางเท้าเพราะกลัวจะโดนรถคันงามเสยร่างเอา

     

    แล้วอู๋อี้ฟานก็เดินอย่างสง่าผ่าเผยลงมาจากรถยนต์คันสวย เรียกสายตาจากสาวๆหลายคนให้ต้องมองเหลียวหลัง แม้ผู้หญิงพวกนั้นจะกำลังเดินจูงมือกับแฟนของพวกเธออยู่ก็ตาม

     

    “รอนานไหม?” อี้ฟานถามทันทีที่เห็นแบคฮยอนนั่งรอตนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า

     

    “ไม่อ่ะ ฉันสิต้องถามนายว่าที่นั่งรอฉันที่หน้าบ้านกับร้านกาแฟน่ะ นานไหม?” แล้วคำถามเจือความห่วงใยในประโยคก็ทำให้อี้ฟานรู้สึกดีขึ้นมา

     

    “ไม่นานหรอก ว่าแต่คุณมาซื้ออะไร?”

    “มือถือน่ะ มันดูเก่าจริงๆอย่างที่นายว่า ฉันเลยว่าจะซื้อเครื่องใหม่ ฉันคิดแล้วว่ามันจำเป็น” แบคฮยอนเดินนำหน้าร่างสูงเข้าไปในห้างสรรพสินค้า

     

    สายตาก็มองไปรอบๆเพื่อหาโซนอิเล็กทรอนิกส์ อี้ฟานเห็นแบคฮยอนหยุดยืนนิ่งแล้วมองไปรอบๆตัวเหมือนไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน คนตัวสูงกว่าก็ยิ้มน้อยๆแล้วดึงข้อมือบางไปทางขวามือ

     

    “เอารุ่นเดียวกันกับผมละกัน เดี๋ยวสอนใช้เอง” อี้ฟานลากแบคฮยอนมาหยุดยืนหน้าตู้กระจกที่ภายในติดไฟสว่างสวยงามเพื่อประดับโทรศัพท์มือถือสีขาวสวยที่อยู่ภายใน

     

    “อืม ราคาประมาณนี้ก็ได้อยู่ ฉันคงใช้มันไปอีกนาน” แบคฮยอนมองราคาแล้วก็พยักหน้า ราคาเท่านี้หากเขาใช้มันไปได้นานๆก็ถือว่าคุ้มค่า ร่างบางเรียกพนักงานเพื่อขอดูตัวเครื่อง

     

    “เอาเครื่องนี้ครับ รบกวนเปลี่ยนเป็นเบอร์นี้ให้ทีนะครับ” แบคฮยอนคิดไม่นานก็ตัดสินใจซื้อมือถือรุ่นเดียวกันกับที่อี้ฟานบอก

     

    ของแบคฮยอนสีขาว...

     

    ของอี้ฟานสีดำ...

     

    พนักงานแจ้งราคาที่ต้องชำระให้แบคฮยอนรับทราบก่อนจะเดินหยิบอุปกรณ์มากมายออกมาวางเพื่อสาธิตการใช้งานตามหน้าที่

     

    “นี่คุณอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมไปจัดการเรื่องจ่ายเงินให้” อี้ฟานบอกกับคนตัวเล็กข้างกาย แต่แบคฮยอนกลับส่ายหน้า

     

    “ไม่ต้อง เครื่องนี้ผมใช้เอง ผมก็จะจ่ายเอง”

     

    “เปล่า ผมจะบอกว่าให้คุณอยู่ดูพนักงานสาธิตการใช้งานซะ แล้วเอาบัตรของคุณมาผมจะไปชำระเงินให้ ใครเขาจะจ่ายให้คุณ”

     

    อี้ฟานดึงการ์ดออกจากมือเล็กแล้วสะบัดหน้าเดินไปอีกทาง เสียงของพนักงานเรียกให้แบคฮยอนหันกลับไปสนใจการสาธิตใช้งานมือถือ

     

    “นี่ครับ” อี้ฟานยื่นการ์ดสีดำที่หยิบออกมาจากกระเป๋าเงินตัวเองส่งให้พนักงานเพื่อชำระเงิน พร้อมทั้งส่งมือถือของตัวเองให้กับพนักงานแล้วบอกให้เปลี่ยนเอาเครื่องสีขาวมาแทนเครื่องสีดำเครื่องเดิม

     

    สุดท้าย...อี้ฟานก็จ่ายเงินทั้งส่วนมือถือของตัวเองกับแบคฮยอน

     

    ก่อนร่างสูงจะเดินกลับเข้ามาสมทบฟังพนักงานอธิบายถึงการใช้งานคร่าวๆข้างแบคฮยอน คนตัวเล็กดูสนใจมากเป็นพิเศษ คริสเองที่ใช้มือถือรุ่นนี้อยู่แล้วจึงไม่ได้สนใจฟังมากนัก เดินรอบๆร้านก็เห็นเคสโทรศัพท์มากมายวางเรียงรายกันอย่างสวยงาม

     

    ก่อนเคสคู่ลายยีราฟจะดึงความสนใจของเขาไป เคสสีเหลืองพาสเทลพิมพ์ลายยีราฟน่ารัก เมื่อเอาเคสทั้งสองอันมาวางคู่กันมันก็เหมือนกับว่ายีราฟทั้งสองตัวได้จูบกัน บนหัวของยีราฟเป็นรูปหัวใจที่เมื่อเคสวางติดกันจากหัวใจครึ่งดวงก็กลายเป็นหัวใจเต็มดวงสมบูรณ์

     

    เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสนใจของพวกนี้ จนมาวันนี้ เขากวักมือเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆให้เข้ามาหยิบเคสทั้งสองอันออกมาชำระเงิน อี้ฟานยิ้มมีความสุขกับตัวเองที่เวลานี้เขามีทั้งมือถือคู่ แล้วไหนจะเคสคู่ที่ดูน่ารักนี่อีก

     

    “เสร็จแล้ว ไป หิวข้าวมาก” แบคฮยอนเดินถือถุงโทรศัพท์เข้ามาหาร่างสูงก่อนจะเห็นว่าอีกคนก็ถือถุงยี่ห้อเดียวกันในมือ

     

    “ซื้ออะไรอ่ะ?” แบคฮยอนเอ่ยถามสายตาก็พยายามมองเข้าไปในถุงเหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น

     

    อี้ฟานคว้ามือถือสีขาวจากมือแบคฮยอนมาวางคู่กับตัวเอง แล้วเอาเคสที่พึ่งซื้อมาใส่มือถือทั้งสองเครื่อง ก่อนจะวางคว่ำลงแล้วหันหน้าให้เคสทั้งสองชนกัน ปรากฏเป็นยีราฟสองตัวกำลังจูบกับ พร้อมหัวใจเต็มดวงสีแดงเหนือหัวยีราฟ

     

    “อ่ะ เรียบร้อย” อี้ฟานส่งมือถือคืนให้แบคฮยอนที่ยืนนิ่งแต่หน้าแดงอยู่ใกล้ๆ

     

    “ขอบคุณ” แบคฮยอนเอ่ยแค่นั้นก่อนจะรีบเดินหนีเพราะแก้มทั้งสองข้างกำลังแดงระเรื่อ แล้วริมฝีปากสวยก็กำลังยกยิ้มกับเคสมือถือที่ตัวเองพึ่งจะได้มา

     

    ยีราฟตัวนี้กำลังทำให้เขา...ใจเต้น


     

    [Talk]

    อะโลฮ่าค่ะ คิคิ หายไปนาน แต่กลับมาอัพให้หลายๆตอนเลย
    บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันลื่น

    แต่ยิ่งลื่นก็ยิ่งเสี่ยงล้มก้นกระแทก บาย...

    #shortcutCB

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×