คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter One ทางลัดเส้นที่หนึ่ง
แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดลงแล้วถูกแทนที่ด้วยผืนนภาที่มืดสนิท ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดความสูงหากประมาณด้วยสายตายังไงก็ไม่เกิน 175 เซนติเมตรแน่นอน ผิวขาวสว่างที่ดูอมชมพูแบบคนสุขภาพดี บัดนี้กลับกลายเป็นซีดเผือดจนดูเหมือนวิญญาณกำลังจะหลุดจากร่าง
สองขาก้าวสั้นๆอย่างไม่มีจุดหมาย แววตาสอดส่ายมองไปรอบๆตัวอย่างเลิ่กลั่กคล้ายคนหวาดระแวงไปเสียทุกสิ่ง ในหัวมีเพียงประโยคเดียวที่ผุดขึ้นในสมอง ‘นี่เขามาทำอะไรที่นี่?’
เขามาจากบ้านนอกเพียงเพื่อต้องการทำตามความฝัน ฝันของเขาคือการได้ยืนอยู่ในวงการมายา จะนักแสดง จะนักร้อง จะนายแบบหรืออะไรก็ตาม ขอเพียงแค่ให้โอกาสเขาได้แสดงฝีมือ เขาก็พร้อมจะทำมันทุกอย่าง
เขาเข้ามาโซลด้วยเงินหนึ่งล้านวอน เงินก้อนใหญ่ที่พ่อและแม่ของเขาเก็บมาทั้งชีวิต เงินก้อนใหญ่สำหรับคนชนบทอย่างพ่อและแม่ เงินที่บุพการีตั้งใจเก็บหอมรอมริบเพื่อเอาไว้เป็นทุนการศึกษาขั้นสูงให้ลูกชาย
แต่สุดท้าย...เขาก็ขโมยมันมา แบคฮยอนไม่เพียงขโมยเงินที่พ่อแม่บรรจงเก็บเพื่อเขา เขายังขโมยเอาความเชื่อใจจากบิดามารดามาด้วย เขาขโมยความหวังและที่พึ่งสุดท้ายของพ่อแม่แล้วจากมาอย่างไม่ใยดี
แบคฮยอนบอกกับตัวเองว่า เขาเพียงแค่ยืมมันมาเท่านั้น เขาไม่ได้ขโมย!!! และเมื่อเขามีชื่อเสียงมากพอ จนเงินเพียงแค่ล้านวอนเป็นเรื่องเล็กน้อย วันนั้นเขาจะกลับมาหาพ่อกับแม่และชดใช้มันให้ครบ!!!
แต่นั่นก็แค่เรื่องที่เจ้าตัวปั้นแต่งขึ้นมาเอาไว้หลอกตัวเองว่าสิ่งที่ตนทำนั้น...ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มันไม่ผิดเสียหน่อยกับการที่เขาจะเอาเงินของพ่อแม่ที่เก็บไว้ให้เขามาใช้
มันอาจจะผิดจุดประสงค์ไปบ้าง แต่แล้วมันยังไงกัน? เขาเอามาเพื่อเดินตามความฝัน เขาหวังลึกๆว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจในทุกสิ่งที่ลูกคนนี้ทำลงไป
วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนจึงเสียเวลาไปกับการเดินเข้าออกเพื่อหาตัวแทนและเอเจนซี่ที่อาจจะเห็นแววหรือความสามารถในตัวเขา แต่ไม่เลย...เขาโดนปฏิเสธจากทุกที่ ด้วยเหตุผลไม่ต่างกันเลย
คือ...เขาไม่มีคุณสมบัติมากพอ
คนพวกนั้นมองเขาแค่เพียงผิวเผินแล้วตัดสินว่าเขาไร้ความสามารถ ใช่!!!เขาไม่ได้รูปหล่อ เขาไม่ได้สูงชะลูดแบบที่วงการมายาต้องการ เขาไม่ได้หุ่นดีมีกล้ามท้องเป็นลอน เขาเกิดมาจนและสวมเสื้อผ้าที่โคตรจะธรรมดา
สิ่งที่บยอนแบคฮยอนเป็นคือ...
เด็กหนุ่มวัย 24 ปีที่เลือกทางเดินชีวิตครั้งใหญ่ เก็บกระเป๋าและบอกลาบ้านเกิดเข้ามาเมืองหลวงที่ไม่มีซักคนที่เขารู้จักและสามารถพึ่งพา เขาไม่หล่อ แต่เขามั่นใจว่าเขาน่ารัก ผิวขาวอมชมพูระเรื่อแบบที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน เขามีมัน
ส่วนสูงที่ไม่มากมันเลยทำให้เขาดูตัวเล็กเมื่อเทียบกับผู้ชายด้วยกัน เขาออกอวบนิดๆ แขน ขา มีเนื้อหนัง แต่สิ่งที่เขามีอย่างเต็มเปี่ยมคือ ความฝัน
ฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ หากเขาต้องกลับบ้านมือเปล่า ทั้งที่ยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่ออะไรที่เรียกว่า ‘ความฝัน’ มันคงน่าขันมาก ถ้าหากเขายังคงเป็นบยอนแบคฮยอนเด็กบ้านนอกคนเดิม
“มีห้องว่างไหมครับ?” แบคฮยอนเดินมาหยุดอยู่หน้าโรงแรมหลังหนึ่งที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากเชื้อชาติ เขาวางกระเป๋าเดินทางใบเขื่องลงกับพื้นกระเบื้อง ภาวนาลำพังในใจ ขอให้พนักงานเอ่ยสั้นๆว่า
“ว่างค่ะ” แบคฮยอนพยักหน้าพลางยิ้มอย่างโล่งใจ เขาเหนื่อยมาทั้งวัน หากที่พักไม่ว่างสำหรับเขาในคืนนี้ เขาคงได้นอนข้างถนนเป็นแน่!!!
เมื่อได้ห้องพักแบคฮยอนก็ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นมาตามชั้นของห้องพัก โรงแรมที่นี่ค่อนข้างเรียบง่าย สไตล์แบบเกาหลีประยุกต์ แบคฮยอนมองเลขห้องทั้งซ้ายและขวาสลับกันไปมาเพื่อหาห้องพักของตน
เมื่อเจอเลขหน้าประตูที่ตรงกับหมายเลขที่ประทับบนคีย์การ์ด เขาก็ไม่รีรอที่จะเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่แบคฮยอนวิ่งเข้าใส่คือเตียงคู่ขนาดพอดีที่ตั้งอยู่ในสุดของห้องติดกับระเบียง
แบคฮยอนนอนคว่ำอุดใบหน้าตัวเองกับหมอนนิ่ม ก่อนจะปล่อยให้น้ำใสๆไหลจากดวงตาสองข้าง ไม่ว่าจะด้วยความอัดอั้นหรือความเหนื่อยล้า แบคฮยอนระบายมันออกมาด้วยการใช้หมอนสองใบซ้อนกัน เจ้าตัวกดใบหน้ากับหมอนก่อนจะส่งเสียงร้องสุดกำลังออกมา
หวังอย่างน้อยว่ามันจะช่วยทำให้เขาอึดอัดน้อยลง หวังว่ามันคงบรรเทาความรู้สึกเทาหม่นในใจเขาได้ เมื่อระบายอารมณ์จนหนำใจ คนตัวเล็กก็เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
แบคฮยอนก็เหมือนผู้ชายทั่วไปที่ใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่กี่อึดใจก็เสร็จกระบวนการทุกอย่าง พอได้ชำระร่างกาย สิ่งต่อไปที่ตามมาคือ เขาต้องกินข้าว
เมื่อคิดได้ก็ยกหูโทรศัพท์ในห้องพัก มองไล่หาเบอร์ติดต่อก่อนจะคว้าเมนูในห้องมาเลือก แต่สุดท้ายเขาก็วางหูโทรศัพท์และเก็บเมนูเข้าที่เดิม ก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือออกจากห้อง
ผมมีเงินมาหนึ่งล้านวอนก็จริง...แต่ผมต้องใช้เงินจำนวนนั้นในการดำรงชีวิตในโซล ซึ่งผมให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าชีวิตหลังจากนี้มันจะเป็นอย่างไร
ผมจะไม่เอาเงินจำนวนนั้นมากินของราคาแพงแบบนั้นแน่!!! ตอนที่ผมกำลังกินอาหารดีๆ นั่งบนเตียงนุ่มๆ เปิดแอร์เย็นสบาย พ่อกับแม่ผมอาจจะกำลังนั่งกินข้าวกับซุปเต้าเจี้ยวและกิมจิ นอนหลับบนที่นอนเก่าๆ เป่าพัดลมรุ่นเดอะที่ซื้อมาตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่พึ่งอยู่ด้วยกันใหม่ๆ
ผมจึงตัดสินใจจะลงไปหาร้านสะดวกซื้อ เพื่อทานรามยอนซักถ้วย ดื่มนมซักแก้วแล้วค่อยกลับมานอนพักเอาแรง
วิถีชีวิตในเมืองหลวงขนาดใหญ่อย่างโซล ทำให้ผมตื่นเต้น ผมเห็นคนมากมายเดินสวนกันขวักไขว่ แสงไฟจากห้างร้านยังคงประดับแม้จะเป็นเวลาสี่ทุ่ม เสียงพูดคุยดังจอแจจนระงมไปทั่วบริเวณ
ทุกสิ่งที่นี่แปลกใหม่ หากเอาไปเทียบกับบ้านเกิดที่เขาจากมา หนึ่งทุ่มคือเวลาที่เงียบสงัด ผู้คนพากันนอนหลับพักผ่อนเพื่อรอต้อนรับวันใหม่ในเวลาตีห้า ชนบทเป็นเช่นนั้น
ผมจัดการมื้ออาหารเล็กๆนี้อย่างรวดเร็ว เพราะร่างกายผมในเวลานี้ กำลังส่งเสียงเรียกให้ผมกลับไปห้องพักเพื่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม
ผมเดินออกจากร้านสะดวกซื้อก็ตอนเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ผมกอดกระเป๋าเงินเอาไว้แน่นตลอดทางที่ออกจากร้านสะดวกซื้อ เงินจำนวนมากที่มันจะต่อชีวิตผมกับการวิ่งตามความฝัน
“ผู้กำกับคะ ที่ฉันขอไปว่าอยากจะเล่นบทเพื่อนนางเอกนั่น คุณจะช่วยฉันใช่ไหม?” แบคฮยอนที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือไม่ได้ให้ความสนใจกับคนสองคนที่โดยสารลิฟต์มากับเขาเท่าไร หากสรรพนามที่ได้ยินไม่ใช่
ผู้กำกับ!!!
“เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกหลังจากดูของขวัญที่คุณเตรียมมาให้ก็แล้วกัน” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและเย็นชา แต่กลับทรงเสน่ห์และน่าฟัง
ทำให้คนที่กำลังก้มหน้ากดโทรศัพท์ต้องเงยขึ้นมา ก่อนจะพบว่าตนเองก็ถูกอีกฝ่ายจ้องอยู่เช่นกัน แบคฮยอนหลบสายตาเย็นชานั้น แล้วเสียงลิฟต์ก็เตือนเขาว่าเขามาถึงชั้นห้องพักตัวเองแล้ว
ชายหญิงสองคนเดินออกจากลิฟต์มาที่ชั้นเดียวกันกับเขา ฝ่ายหญิงควงลำแขนแกร่งแน่น ฝ่ายชายเองก็ไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงแค่หยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกจากซอง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็จุดไฟให้เขาอย่างรู้หน้าที่
แบคฮยอนเดินตามหลังคนทั้งคู่มาเรื่อยๆก่อนจะเห็นว่าทั้งสองหยุดอยู่ที่ห้องพักฝั่งตรงข้ามของเขา เขามั่นใจว่าเขารู้ว่าคนคู่นี้จะทำอะไรกัน แล้วเขาก็หวังว่าห้องพักของที่นี่มันจะมีผนังที่เก็บเสียงได้อย่างสุดยอด!!!
แบคฮยอนเสียบคีย์การ์ดห้องตัวเองก่อนจะรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเขาอยู่ เขากลับหลังหันตามสัญชาติญาณเมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังถูกเพ่งมองจากทิศไหน
แล้วเขาก็พบกับสายตาอ่านยากของผู้ชายคนนั้นที่กำลังยืนสูบบุหรี่ ริมฝีปากพ่นควันสีเทาออกมาเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงยืนพิงกำแพง รอคอยฝ่ายหญิงที่ซึ่งกำลังค้นคีย์การ์ดในกระเป๋าถือ
สายตาของอีกฝ่ายไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆออกมา หากใครจะบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เพราะเราสามารถมองเห็นตัวตนของคนๆนั้นผ่านแววตา แบฮยอนจะขอค้านว่ามันไม่ใช่สำหรับผู้ชายคนนี้!!!
สายตาเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม สายตาที่มีทั้งความเย็นชาแต่กลับดูน่าค้นหาอย่างประหลาดสุดท้ายความตั้งใจที่ว่าจะจ้องตาเอาคืนอีกฝ่ายเป็นอันต้องพับเก็บไป เพราะแบคฮยอนเองไม่มีอานุภาพพอจะทนจ้องตากับอีกฝ่ายได้เลย
สุดท้ายแบคฮยอนก็วิ่งหนีเข้าห้องพักของตัวเองอย่างรวดเร็ว พลันคิดถึงแววตาคู่นั้นแล้วก็สะท้านไปทั้งกาย แววตาที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆแต่กลับทำให้คนมองเผลอใจเต้นไปชั่วขณะ
“คนอะไรน่ากลัวชะมัด? แค่มองตาเฉยๆยังทำให้เป็นขนาดนี้” แบคฮยอนว่าก่อนจะวางมือทาบลงที่หน้าอกข้างซ้าย สำรวจอัตราการเต้นของหัวใจที่หากเขาติดเครื่องวัดชีพจรอยู่ล่ะก็มันคงส่งเสียงร้องเตือนตี๊ดๆไม่หยุดเป็นแน่!
เสียงเคาะประตูกระจกระเบียงที่อยู่ติดกับเตียงนอนทำให้แบคฮยอนสะดุ้งตื่นกลางดึก ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา ตีสาม!!! ไอ้บ้าที่ไหนมันมายุ่งกับเวลานอนของเขาตอนนี้!!!
แบคฮยอนเปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วง เขารู้ดีว่าโซลสวยงาม แต่ความสวยงามมันมักจะมาพร้อมกับอันตรายนานัปการเสมอ แล้วการที่เขามีเงินอยู่กับตัวจำนวนมาก มันทำให้เขาคว้ามีดพกในกระเป๋าติดมือมาด้วย
แบคฮยอนทำใจกล้าเดินไปที่ประตูระเบียง ก่อนจะแง้มผ้าม่านสีทึบริมสุดหวังไม่ให้บุคคลด้านนอกรู้ว่าเขากำลังแอบมอง ใจเต้นโครมครามกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะเกิดอันตราย
แบคฮยอนเห็นผู้ชายตัวสูง ย้อมผมสีทองสว่างอยู่บริเวณระเบียงห้องของเขา ชายคนนั้นนั่งยองๆอยู่กับพื้นหันรีหันขวางมองซ้ายขวาเหมือนกลัวว่าจะมีใครเห็นเข้า พลางรัวกำปั้นกับประตูระเบียงห้องผมไม่หยุด
ผมสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สิ่งที่แน่ชัดยามความมืดปกคลุมคือ เขาสูง และใช่!!! เขาหล่อมาก!!!
แบคฮยอนได้ยินเขาสบถเบาๆกับตัวเอง ก่อนชายปริศนาคนนั้นจะใช้เท้าถีบเข้ามาที่ประตูกระจก ส่งผลให้ผมหวีดร้องออกมาอย่างตกใจ การซ่อนตัวจึงล้มเหลวเมื่อชายคนนั้นหันมามองผมและออกคำสั่งผ่านอีกฝั่งของประตู
‘เปิด!!!ประ!!!ตู!!!ให้!!!ผม!!!ที!!!’ เขาพูดเน้นย้ำลงน้ำหนักทีละคำ ผมรู้ว่าเขาพูดอะไร แต่ผมไม่ทำ ผมยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง คิดจะเข้าห้องคนอื่นตอนตีสามยามวิกาลเนี่ยนะ?
ใครเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเข้ามาก็บ้าเต็มทีละ!!!
ผมส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธและยืนยันหนักแน่นว่าเขาจะไม่มีวันได้ย่างกรายเข้ามาแน่นอน ชายผมทองคนนั้นดูจะหัวเสียไม่น้อยก่อนจะชี้หน้าคาดโทษผม เมื่อเห็นอย่างนั้นก็คิดถูกที่ไม่เปิดประตูให้เขา ผมเลื่อนปิดผ้าม่านเพื่อกลับไปนอนต่อ
ก่อนผ้าม่านสองฝั่งจะบรรจบกัน ผมเห็นชายคนนั้นพนมมืออ้อนวอน พลางส่งสายตาเหมือนขอความช่วยเหลือ ปากพะงาบๆเป็นคำพูดว่า เขาไม่ใช่คนไม่ดีนะ!
แล้วคนเลวที่ไหนมันจะบอกว่าตัวเองเลวกันวะ? ก็ยังสงสัย...
ตีสามสี่สิบห้านาที
ผมนั่งอยู่บนเตียงมองผู้ชายหัวทองกำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย ใช่!!!คนเดียวกันที่มาเคาะระเบียงห้องผมตอนตีสามนั่นแหละ...
“เสร็จแล้วก็ออกไป ฉันจะนอน!!!” แบคฮยอนที่นั่งบนเตียงกอดกระเป๋าเงินเอาไว้แน่น เอ่ยปากไล่ชายร่างสูงเมื่อเขากระแทกขวดน้ำลงกับโต๊ะ
“นี่คุณ!ผมไม่ได้จะมาปล้นคุณนะ ไอ้ท่ากอดกระเป๋าเงินนั่นกับสายตาที่มองผมเป็นโจรนี่หยุดทีเถอะ” ชายคนนั้นเท้าสะเอวมองผมก่อนจะพูดขึ้นเหมือนรำคาญในท่าทางของผม
“ไม่รู้อะไรด้วยทั้งนั้นแหละ! เสร็จแล้วก็ออกไป!” แบคฮยอนออกปากไล่อย่างไร้มารยาทอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงผมทองกำลังเดินเข้ามาใกล้เตียงนอน
“ผมจะถือซะว่าเจ๊ากันที่คุณเปิดประตูให้ผม คุณมองดีๆสิ เสื้อผ้าที่ผมใส่เนี่ย มาจากแฟชั่นวีคซีซั่นล่าสุดของฤดูหนาว คุณคิดว่าผมจะมาปล้นคุณงั้นหรอ?” ชายผมทองพูดด้วยน้ำเสียงปลงตก ก่อนจะลดท่าทีลงบ้างเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีกลัวเขาจริงจัง
“ฉันไม่สนว่านายจะใส่อะไร!นายคิดว่าคนใส่เสื้อผ้าแพงๆเป็นคนเลวไม่ได้งั้นหรอ?” แบคฮยอนตวาดใส่หน้าชายร่างสูงก่อนจะกระถดตัวหนีจนแทบจะสิงหัวเตียง
“แล้วถ้าคุณไม่มั่นใจว่าผมดีหรือร้าย คุณเปิดประตูทำไม?” ชายร่างสูงยกยิ้มริมฝีปากก่อนจะนึกย้อนไปก่อนหน้าเพียงไม่กี่นาทีที่ชายร่างเล็กเจ้าของห้องยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามา
“ก็ถ้านายไม่ตั้งท่าจะกระโดดจากระเบียงที่สูงสิบห้าชั้น นายคิดว่าฉันจะบ้าเปิดประตูให้นายไหม? แล้วถ้านายกระโดดลงไปแล้วดันตาย ตำรวจก็ต้องสืบหาว่านายโดดลงมาจากชั้นไหน? ห้องไหน? ซึ่งแน่นอนว่าฉันต้องเดือดร้อน” แบคฮยอนร่ายยาวโดยไม่หยุดพักหายใจ ก่อนจะหอบน้อยๆเมื่อพูดจบประโยค
“คุณนี่คิดเยอะเนอะ!” แบคฮยอนตวัดหางตามองอีกคนทันทีที่ได้ยินว่าเขาเป็นคนคิดเยอะ แต่ชายผมทองกลับไม่สนใจลุกเดินสำรวจรอบๆห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงปลายเตียง
“นายนั่นแหละที่คิดน้อย แล้วจะออกไปได้หรือยัง? คนจะนอน!” แบคฮยอนออกปากไล่เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่อาจนับ แต่ชายคนนั้นกลับไม่สนใจที่จะฟัง
เขาทำเพียงแค่มองริมฝีปากเล็กบางสีชมพูระเรื่อขยับอ้าหุบๆไปมา เสียงก่นด่าไม่ได้ซึมซับเข้าโสตประสาท คนตรงหน้าทำให้เขายิ้มน้อยๆ ใบหน้าเรียวเล็กไม่ได้ทำให้เขาใจสั่นหรือใจเต้น การมองใบหน้าขาวอมชมพูมันทำให้เขาวูบไหวไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น
“มองอะไร? ถามจริงๆนะหนีอะไรมา?” แล้วคำถามของร่างบางก็ทำให้เขาหยุดการสำรวจอีกฝ่ายไว้เพียงเท่านี้
“ก็...ผมไปเที่ยวคลับ ดื่มเตกีล่าแข่งกับเพื่อนซึ่งผมคอแข็งแต่เพื่อนคออ่อน เราดวลกันไปมาสุดท้ายเพื่อนผมก็น็อค ผมเมานิดๆกรึ่มหน่อยๆแต่เดินถอยหลังได้สบาย ทีนี้ผมก็ไปเจอกับผู้หญิงคนนึง หุ่นนี่นะ สะบึมมากจนผมหิ้วเขามา ทีนี้...” แบคฮยอนยกมือเบรกอีกคนเมื่อรู้สึกว่ามันไม่เข้าเรื่องเสียที
“เอาเฉพาะส่วนสำคัญสินาย เล่าตั้งแต่ต้นแบบนี้ จะกวนตีนกันใช่ไหม?” ชายหนุ่มผมทองหัวเราะน้อยๆเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเหวี่ยงด้วยใบหน้างองุ้มเป็นปลาทูคอหัก
“สรุปคือ...คนที่ผมพามาเปิดห้อง เขามากับแฟนเขา พอแฟนเขารู้เรื่องว่าผมพาแฟนเขาขึ้นห้องก็ตามมา ผมที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร แค่ลูบๆจูบๆคลำๆ ยังไม่ทันได้ใส่แฟนเขาก็มา นั่นแหละ ผมเลยโดดมาระเบียงห้องคุณ J” ชายหนุ่มพูดแล้วก็ส่งยิ้มกว้างโชว์เหงือกมาให้แบคฮยอนที่นั่งกอดหมอนฟังเรื่องราว
“โอเค งั้นก็ออกไปได้แล้ว ฉันว่าผู้ชายคนนั้นคงไปแล้วล่ะ” แบคฮยอนฟังเรื่องราวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ จะไปว่าผู้ชายตรงหน้ามันก็ไม่ใช่เรื่องเพราะเขาไม่มีสิทธิ์
“นี่ คุณชื่ออะไร?” ชายผมทองเอ่ยถามเสียงเรียบ ผมทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจแล้วจะลุกออกจากเตียงไปเปิดปะตูห้องไล่เขาออกไป
“ไม่บอกแล้วก็ไม่ต้องถาม ฉันไม่คิดจะเจอนายอีกเป็นรอบที่สองแน่!!!เพราะฉะนั้น ออกไป๊!” แบคฮยอนขึ้นเสียงในท้ายประโยคแล้วออกแรงดันหลังอีกฝ่ายให้ออกจากห้องพักของเขา
“งั้น...ผมบอกชื่อผมกับคุณได้ใช่ไหม? ผมชื่ออี้ฟาน ปีนี้อายุก็ 26 ปีแล้ว ทำงานเป็นนายแบบ ยินดีที่ได้รู้จัก” แบคฮยอนหยุดฝีเท้าและผ่อนแรงที่ดันหลังอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินคำว่านายแบบ
เขาเป็นพวกหูผึ่งเสมอเมื่อได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง ซึ่งวันนี้เขาเจอทั้งผู้กำกับซึ่งไม่รู้ว่าผู้กำกับอะไร ภาพยนตร์หรืออาจจะผู้กำกับสน.ตำรวจซักที่(มั้ง?)
แล้วตอนนี้ผู้ชายที่มาเคาะระเบียงห้องเขาตอนตีสามก็ทำงานเป็นนายแบบ “นายเป็นนายแบบหรอ?”
แบคฮยอนเอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมทั้งหยุดดันชายหนุ่มให้ออกจากห้อง อี้ฟานพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้เขาก่อนทั้งสองจะหันไปมองทางทิศเดียวกันเมื่อประตูห้องฝั่งตรงข้ามถูกเปิดและปิดอย่างแรง
“ไง!มึง รอบนี้ใครวะที่มาถวายตัวของานจากมึงอ่ะ?” แล้วชายผมทองที่มีนามว่า อี้ฟาน ก็เอ่ยทักชายที่ออกมาจากห้องตรงข้ามคนนั้น
ผู้ชายที่ผมเจอที่ลิฟต์!!!
ผู้ชายที่ผู้หญิงคนที่เขาควงมาเรียกว่าผู้กำกับ!!!
ผู้ชายที่จ้องมองผมด้วยสายตาอ่านยากแต่ทำให้สะท้านไปทั้งกาย!!!
“คุณผู้กำกับดังอย่างปาร์คชานยอลนี่ มีมาให้ฟรีๆไม่เคยขาดมือเลยสินะ”
---Talk---
เริ่มต้นมันก็แบบเนี้ย
ติดแท็ก #shortcutCB ด้วยจะดีมาก
ความคิดเห็น