คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : It's you { krislay ft.suho }
It’s you.
Paring : Kris x Lay ft.Suho
Author : HARA.
Note : ความจริงเป็นจางอี้ชิงมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก คนที่อยู่ในหัวใจของคริสอู๋น่ะ .. แต่ติดที่ว่าเขาดันเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทของจางอี้ชิงเนี่ยสิปัญหา!
“ทำไรอยู่อะ” คริสโพล่งออกมาเสียงดัง ในขณะที่ประชาชนหนุ่มร่างบางกำลังตกอยู่ในสภาวะเงียบงันเพื่อกอบโกยเนื้อหาที่จะออกในข้อสอบเข้าสมอง เดอะแก๊งค์ของอี้ชิงพากันสะดุ้งเฮือกราวกับเจอผีฟันจอบที่ตะเข็บชายแดน ความรงความรู้ที่อุตส่าห์พยายามยัดเข้าสมองคงจะกระจัดกระจายไปอยู่ที่พื้นหมดแล้ว
“โอ๊ย อีเชี่ย โผล่มาแบบนี้คิดว่าพวกกูตกใจมั้ย”
“ง่ะ กูขอโทษ เห็นพวกมึงทำหน้าเครียดๆกัน เลยอยากทำให้อารมณ์ดีไง” คริสหน้าสลดหดเล็กลงจนเหลือเพียงไม่กี่นิ้ว ร่างบางเบะปากใส่เล็กน้อย ถึงแม้การกระทำจะดูน่ารักน่าเอ็นดูสักเท่าไร แต่มาหยอกเล่นตอนคนเขากำลังเคร่งเครียดแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเลยนะคริส อู๋
“อีวอก มึงจะกลับบ้านกี่โมงครับ กูจะได้มารับเสด็จถูกเวลา” คริสเอ่ยคำถามประชดประชันเรียกเสียงหัวเราะจากเดอะแก๊งค์ที่กำลังอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดี
“ไอ้เชี่ย นี่แฟนหรือราชินีวะคริส มึงบริการเพื่อนกูเกินไปรึเปล่า” แบคฮยอนพูดกลั้วหัวเราะ คนตัวเล็กจึงค้อนใส่ไปทีนึง ก่อนจะหันไปตอบแฟนหนุ่มที่คบกันมายาวนาน
“วันนี้กูจะไปค้างที่หอแบคฮยอน มึงกลับก่อนเลยคริส”
“แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้กูนั่งรอจนเหงือกแห้งหมดแล้วมึงเห็นมั้ยเนี่ย” ว่าแล้วคริสจึงยื่นฝ่ามือหนาของตัวเองไปบีบเข้าที่แก้มเนียนใสด้วยความหมั่นเขี้ยว ภาพคู่รักตรงหน้าที่เป็นไฟล์สกุล gif. มองดูน่ารักและน่าอิจฉาในคราเดียวกัน สำหรับสักขีพยานที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยทั้งสามชีวิต
ซึ่งทุกๆการกระทำของสองคนที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งตอกย้ำ จางอี้ชิง ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ทางฝั่งตรงข้ามมากขึ้นไปอีก
“จุนมยอน เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ” กว่าอี้ชิงจะรวบรวมน้ำเสียงตัวเองให้เล็ดลอดออกมาได้ ก็แทบสำรอกความหอมหวานของคู่รักตรงหน้าออกมาจนเกือบหมด เพื่อนตัวขาวที่กำลังบีบสิวให้แฟนหนุ่มร่างสูงนามว่าคริส หันมาทำตาโตใส่เขา
“อ้าว ไม่ไปค้างที่หอแบคฮยอนด้วยกันเหรออี้”
“คุณตากับคุณยายอยู่ที่บ้านกันแค่สองคน กูปล่อยท่านไว้ไม่ได้หรอก” บอกเหตุผลไปพลางเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าเป้ตัวเองไปด้วย เรียกรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูจากคนรอบข้าง รวมถึงคริสด้วย
“กลับก่อนนะ พรุ่งนี้ติววิชาสถิติให้ด้วยนะเซฮุน” อี้ชิงสะพายกระเป๋าเป้ บอกลาเพื่อนๆในเดอะแก๊งค์ แล้วหันไปกำชับโอเซฮุนที่นอนจมกองหนังสือเป็นรายบุคคล
“รับทราบ..” เซฮุนที่เก่งวิชาคำนวณกำลังแพ้ภัยต่อการสื่อสารอย่างวิชาภาษาอังกฤษ ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาตอบรับคำสั่งของอี้ชิง คนตัวเล็กส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้แฟนหนุ่มของเพื่อนสนิท
“กูกลับก่อนนะคริส”
“อื้อ กลับดีๆนะครับมึง” อี้ชิงยิ้ม คริสก็ยิ้ม ทุกคนในโต๊ะก็คลี่ยิ้มออกมากันหมดทุกคน
อี้ชิงเดินออกไปไกลจนแทบจะลับตา อาจจะลับสายตาคนในแก๊งค์ไปแล้ว แต่ร่างบางนั้นยังไม่เลือนหายไปจากสายตาของคริส คิมจุนมยอนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของร่างสูง เงยหน้าขึ้นมาสอดส่องอาการของคนที่อยู่ด้วยกันมานาน ก่อนจะมองตามสิ่งที่คริสกำลังมองอยู่
“นี่ คริส.. มึงกับกู.. เราเลิกกันดีกว่ามั้ย” น้ำผลไม้ที่แบคฮยอนกำลังดูดขึ้นผ่านหลอดใสแทบจะพุ่งไปใส่หน้าเซฮุนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ คริสขมวดคิ้วใส่คนตัวเล็ก สบตากันอย่างคนรู้ใจแต่ไม่ได้เป็นมากเกินกว่าคนที่เป็นเพื่อนกัน
“ถ้าเป็นกู เจอคนที่ใช่แบบนี้กูจะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาดนะเว้ย ขอบอกเลย” ถามว่าเสียใจมั้ย จุนมยอนตอบได้เลยว่า เสียดายเวลา มากกว่า เขาและคริสเอาแต่ยึดติดกัน เพราะอยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปี จนกระทั่งตกลงคบกันด้วยความที่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“มึงก็เจอแล้วเปล่าวะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้” คริสยิ้มโชว์เหงือกหมายจะล้อเลียน จนโดนจุนมยอนตบเข้าที่หัวจนมึนไปหลายตลบ
“เรื่องของกูป่ะ ไปจัดการเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนไป เดี๋ยวคนของกู กูจะจัดการเอง” ว่าแล้วเดอะแก๊งค์ที่เหลือล้วนพากันส่ายหน้า ไอ้สองคนนี้นิสัยพอกันเลย
“ขอบคุณนะจุน”
“ขอบคุณมึงเหมือนกัน”
ถึงเวลาแล้วล่ะ สำหรับเขาทั้งสองคน ถึงเวลาปล่อยมืออกจากกันเสียที
“มัวแต่ทำซึ้งกันอยู่นั่นแหละ อี้ชิงมันจะเดินพ้นรั้วมหาลัยไปแล้วนะ” แบคฮยอนเอื้อมมือไปดึงหูของคริสด้วยความหมั่นไส้ คนตัวสูงทำหน้าเหวอเล็กน้อย
“นี่มึงรู้..”
“ใครไม่รู้ก็ควายเต็มทนแล้ว ว่าแต่มึงรีบไปซักทีดิ้ ก่อนที่กูจะพ่น ABC ออกมาเป็นอ้วกใส่มึง” เซฮุนหันไปเหวี่ยงอย่างหัวเสีย เพราะความไม่เข้าใจในวิชาภาษาอังกฤษ ผสมรวมกับความรำคาญเพื่อนตัวสูงที่มัวแต่ยึกยักชักช้า
ที่ไม่รู้ก็มีนะ ควายที่ชื่อจางอี้ชิงยังไงล่ะ
เสียงรถตามท้องถนนดังระงมจนอี้ชิงต้องยกมือมาปิดใบหูของตัวเองเอาไว้ข้างนึง ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว คนตัวเล็กคิดถึงบุคคลสำคัญทั้งสองท่านขึ้นมาทันที อี้ชิงเดินมาหยุดอยู่ที่ป้ายรอรถโดยสารประจำทาง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากรั้วของมหาวิทยาลัยมากเท่าไหร่นัก คอยชะเง้อคอมองลาดราวรถโดยสารสายประจำของตัวเอง ที่ไม่มีวี่แววว่าจะผ่านมาในเวลานี้เลย
“ให้ไปส่งมั้ยมึง” ทันทีที่มอเตอร์ไซค์สี่สูบสีแดงสลับดำจอดเทียบป้าย ทำไมอี้ชิงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร คนตัวเล็กจึงได้แต่ยืนทำตัวแข็งทื่อ คริสถอดหมวกกันน็อกออก หันใบหน้าหล่อเหลาไปหาอีกคนและยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยข้อเสนอ
“ไม่เอาอ่ะ กูไม่ชอบมอ’ไซค์” ร่างสูงชะงักแล้วทบทวนเมมโมรี่ที่อัดแน่นอยู่ในหัวสมองด้วยความรวดเร็ว เขาจำได้ว่าอี้ชิงเคยพูดอะไรแบบนี้เอาไว้เหมือนกัน เมื่อสมัยที่รู้จักกันใหม่ๆประมานหนึ่งปีที่แล้วนี่เอง
“สัญญาว่าจะขับช้าๆ อยู่กับกูไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ยื่นหัวโตๆของมึงมาเร็วเข้า เดี๋ยวใส่หมวกกันน็อกให้” คริสพูดปลอบโยนก่อนจะแถมถ้อยคำจิกกัด อี้ชิงเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยอมทำตามคนตัวสูงโดยดี
คริสหยิบหมวกกันน็อกที่พกติดรถไว้อีกชิ้นเป็นประจำขึ้นมาสวมให้อี้ชิงอย่างระมัดระวัง คนตัวเล็กมองตามการกระทำของคนตรงหน้าแล้วเริ่มประมวลผล ก่อนจะคว้ามือไปจับฝ่ามือหนาเพื่อให้หยุดการสวมใส่หมวกกันน็อกให้เขาชั่วคราว
“ทำไมเหรอ..”
“หมวกใบนี้..ของจุนมยอนไม่ใช่เหรอ” คนตัวเล็กถามเสียงแผ่ว
“ก็ใช่ ทำไมเหรอ”
“เอ่อ...” อี้ชิงเริ่มอึกอัก ผู้คนมักจะถือและเข้าใจกันว่า หมวกกันน็อกอีกใบที่คนขับมอเตอร์ไซค์พกไว้จะเป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากคนสำคัญที่อยู่ในสถานะคนรักของเจ้าของมอเตอร์ไซค์ ซึ่งคริสเองมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยมากเสียด้วย รวมทั้งสื่อบางแห่งที่เจ้าตัวเคยตอบตกลงไปร่วมงานถ่ายแบบด้วยอีก ใครๆก็รู้ กันทั้งนั้นว่าเจ้าของหัวใจของคริส คือ คิมจุนมยอน เพื่อนสนิทของอี้ชิง
แล้วเขามาใส่มันแบบนี้จะดีหรือ
“ว่าไง”
“มันเป็นของจุนมยอน และจุนมยอนเป็นแฟนของมึง ซึ่งกูไม่ใช่” ประโยคสุดท้ายอี้ชิงพยายามปรับน้ำเสียงใม่ให้มันแผ่วเสียจนผิดสังเกต
“พูดอย่างนี้นี่จะให้กูคิดยังไงดีนะ” น้ำเสียงทะเล้นเอ่ยถามเหมือนกำลังจะล้อเลียน จนร่างสูงโดนอี้ชิงหยิกแขนไปหนึ่งที
“กูกลัวคนอื่นเขาจะมองมึงไม่ดีคริส” คริสยิ้มให้กับความห่วงใยของอี้ชิงที่มักจะมีให้กับทุกๆคน คนตัวสูงยกมือขึ้นมาจัดแจงหมวกกันน็อกให้คนช่างห่วงต่อ เมื่อล็อกทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงลูบหัวคนตรงหน้าผ่านหมวกกันน็อกอย่างแผ่วเบา
“มันเคยเป็นของจุมมยอนก็จริง แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว”
“มึงจะซื้อให้มันใหม่เหรอ กูว่าใบนี้สวยจะตายไป” คริสอยากจะลงไปนอนขำกลิ้งกลางท้องถนนให้กับความซื่อบื้อของคนตรงหน้า ถ้าหากไม่ติดว่ากลัวตายไปเสียก่อนจะได้บอกความในใจ
“ถ้ามึงคิดว่าสวย ก็ใส่มันตลอดไปสิ” แกล้งหยอดไปนิดหน่อย กระจกที่เปิดเอาไว้ของหมวกกันน็อกแสดงให้เห็นใบหน้าของอี้ชิงชัดเจนว่ากำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ
“แล้วตกลง...จะซื้อหมวกกันน็อกใหม่เหรอ” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมเข้าใจสักที คริสจึงตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ
“ไม่ๆ ...คือจะบอกว่า มันไม่ใช่ของจุนมยอนอีกต่อไปแล้ว ต่อจากนี้ไปมันจะเป็นของมึง อี้ชิง”
อี้ชิงได้แต่อ้อนวอนความมืดมิดของท้องฟ้าในวันนี้ ช่วยหลบซ่อนอาการใจสั่นของเขาทีได้หรือไม่ แทบไม่ต้องส่องกระจกอี้ชิงพอจะรู้ดีว่าพวงแก้มทั้งสองของตัวเองแดงก่ำขนาดไหน แม้จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยสำหรับคำพูที่แปลไปได้สองแง่สองง่ามของคนตรงหน้ามากแค่ไหนก็ตาม แต่อี้ชิงก็ยังพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดไปไกล
คริสมองเห็นอากัปกิริยาทุกอย่าง แม้คนตัวเล็กจะพยายามหลบซ่อนมันมากเพียงใด แสงไฟจากป้ายรอรถโดยสารส่องสว่างจนเห็นพวงแก้มที่แดงจนแทบจะสุกงอมคล้ายลูกมะเขือเทศ คริสยิ้ม เขายังไม่อยากบอกคนตัวเล็กว่าเลิกกับเพื่อนสนิทของอี้ชิงแล้ว เก็บไว้ให้อี้ชิงร้อนใจเล่นๆ ยังสนุกกว่า
อี้ชิงเช็คความเรียบร้อยของหมวกกันน็อกอีกครั้ง พอหันไปมองอีกคนก็เจอเข้ากับสายตาที่ดูทะเล้นของคริสเข้าเต็มๆ คนตัวเล็กก้มหน้างุดเก็บอาการ ก่อนจะก้าวขาวาดขึ้นมอเตอร์ไซค์สี่สูบที่เบาะคนซ้อน สองแขนเรียวกอดเอวร่างสูงไว้เพราะในใจนึกกลัว
ผิดกับคริสที่รู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่างกาย เพียงแค่อี้ชิงกอดรอบเอวเขาไว้เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มชัดเจนมากขึ้น คริสจับมืออิ้ชิงให้กอดเอวเขาแน่นขึ้นโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย หัวใจดวงน้อยของคนตัวเล็กเริ่มเต้นผิดจังหวะเพียงแค่โดนฝ่ามือหนาจับกุม อี้ชิงถือโอกาสซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังกว้าง ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจนเขาคลี่ยิ้มเล็กน้อย
ทันทีที่รถมอเตอร์ไซค์เริ่มออกตัววิ่งสู่ถนนอันกว้างใหญ่ อี้ชิงเผลอปล่อยให้หัวใจหลอมรวมเข้ากับหัวใจของอีกคน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่มีวันกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกต่อไปแล้ว..
...FIN...
ลงถี่ทั้งๆที่คนยังไม่เข้ามาเท่าไหร่เลย
ขอบคุณสำหรับ 2 คอมเม้นท์แรงในบทความนะครับไรท์จะจำไว้ให้แม่นเลยล่ะ!
สำหรับเรื่องนี้ความจริงอยากแต่งเป็นเรื่องยาวเลยครับแต่ไม่ไหว 55555555
แน่นอนว่าอาจจะมีต่อนิดหน่อยหรืออาจจะไม่มีก็ได้ถ้าคนไม่ค่อยคอมเมนท์
นั่นอาจจะเป็นว่าไม่ค่อยชอบ ถูกไหม? ถ้าอยากให้มีต่อต้องช่วยกันคอมเมนท์นะครับ!
ติดแท็กได้ที่นี่ #ฟิคของอี้ชิง
ความคิดเห็น