วันฝนตก . - วันฝนตก . นิยาย วันฝนตก . : Dek-D.com - Writer

    วันฝนตก .

    .

    ผู้เข้าชมรวม

    325

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    325

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ค. 51 / 20:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วันนี้ฝนใกล้จะตกอีกแล้ว น่าเบื่อนะคุณ ระยะนี้ตกแทบทุกวันเลย  แถมวันนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าทุกวัน ฟ้าครึ้มเชียว  ท่าทางคุณจะรอใครอยู่ใช่ไหมล่ะถึงได้ยืนอยู่ใต้ตึกไม่ไปไหน  เห็นฝนตกทีไรผมคิดถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อนทุกที  เรื่องอะไรน่ะเหรอ   ท่าทางคนที่คุณกำลังรอคงยังไม่มา  คุณไม่รีบไปไหนใช่ไหม  เราไปนั่งกันตรงนั้นดีกว่า  ผมจะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟัง

      สองปีที่ แล้ว  ผมก็เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆนี่แหละ  ชีวิตก็ตื่นเช้าไปทำงาน ตกเย็นก็กลับบ้าน วนเวียนไปมาอยู่อย่างนี้  ยังดีที่มีแฟนคนหนึ่งคอยเป็นกำลังใจ  หือ ชื่ออะไรน่ะเหรอ  ถ้ามันจะทำให้คุณจินตนาการเรื่องของผมได้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง  คิดซะว่าแฟนผมชื่อน้องพิมพ์แล้วกัน   ผมกับน้องพิมพ์ก็คบกันมานานแล้วล่ะตั้งแต่สมัยเรียน  เพื่อนๆแต่ละคนต่างก็คิดว่าสุดท้ายเราสองคนคงได้แต่งงานกัน ตอนนั้นผมเองก็คิดอย่างนั้นนะ 

      พอเรียนจบ ต่างคนก็ต่างทำงาน ถึงจะยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆแต่มันก็ห่างจากสมัยเรียนมากนักแหละ  แต่เวลาของผมก็ทุ่มให้กับงานหมดนะ ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นส่วนช่วยสร้างอนาคตของเราขึ้นมาได้  น้องพิมพ์ก็บอกว่าเข้าใจเหตุผลของผมและจะอดทน    แต่สุดท้ายน้องพิมพ์ก็ขอเลิกกับผมเพื่อจะไปคบกับรุ่นพี่ที่บริษัท  บางทีผมก็คิดนะว่า คนสองคนใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กันมานานนับปี แต่ทำไมพอถึงเวลาที่จะจบ มันถึงได้ง่ายดายนักก็ไม่รู้

      ตอนนั้นน่ะ เหรอคุณ ผมเสียใจแทบจะบ้าไปเลย สับสนไปหมด  แต่ผมคิดว่าผมก็ยังคุมสติได้นะ  อะไรนะ ฆ่าตัวตายน่ะเหรอ  โอ้ย ไม่มีหรอก ชีวิตผมยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ จะมาจบชีวิตตัวเองเพื่อผู้หญิงคนเดียวได้ยังไงกัน   วันที่น้องพิมพ์บอกเลิกผม  ผมควรจะร้องไห้ใช่มั้ย แต่แปลกนะที่ผมไม่ร้อง ได้แต่เดินอย่างใจลอยกลับห้อง  ฝนก็ตกซะหนักเลย คิดๆไปผมในตอนนั้นก็เหมือนพระเอกมิวสิควีดีโอไม่น้อยนะ  เดินท่ามกลางสายฝน  ผมซึมอยู่เป็นเดือนเลย กว่าจะดีขึ้น  คุณเคยได้ยินใช่มั้ยล่ะที่ว่า เวลาจะช่วยรักษาแผลใจ ผมก็คงเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง 

      ผ่านไปน่าจะราวๆ สองเดือน หลังเลิกงานวันหนึ่ง  แทนที่ผมจะตรงกลับบ้าน ผมกลับแวะเข้าไปนั่งที่ม้าหินในสวนสาธารณะแถวๆคอนโดของผม  พอนั่งอยู่คนเดียว ผมเริ่มฟุ้งซ่านอีกครั้ง จนนึกไปถึงเรื่อยในอดีต นึกถึงน้องพิมพ์และเรื่องต่างๆที่เคยทำร่วมกันมา  น้ำตาผมเริ่มไหล จนในที่สุดผมก็ร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ  คุณอย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้นสิ  ก่อนหน้านี้ผมมองแล้วล่ะว่าในสวนไม่มีใครอยู่เลยกล้าร้อง   แต่ไม่นานผมก็ชะโงกหน้าขึ้นเพราะรู้สึกว่ามีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ  ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าในระยะใกล้  สายตาของเธอมองมาทางผมพร้อมกับรอยยิ้ม  ผมดูออกว่ารอยยิ้มที่ส่งมานั้น ไม่ใช่รอยยิ้มของการเยาะเย้ย  ผมเลยยิ้มเล็กๆตอบเธอไปพลางเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว  แล้วเราก็คุยกัน

      เธอ บอกผมว่า เธอเห็นผมตั้งแต่นั่งอยู่จนร้องไห้  เธอเหมือนกับมองตัวเองในอดีต  เมื่อหลายเดือนก่อนเธอก็เคยมาร้องไห้อยู่ที่ม้าหินตัวเดียวกับผมนี่แหละ สาเหตุเดียวกันคือแฟนเธอที่คบหากันมานานไปมีคนอื่น  เพียงแต่เธอไม่ใช่แค่ร้องไห้เหมือนกับผม  เธอดึงชายเสื้อแขนยาวที่เธอใส่ขึ้นมา  ที่ข้อมือมีรอยเหมือนมีดกรีดอยู่หลายรอย  ผมบอกเธอไปว่าการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่คนโง่ทำกัน เธอหัวเราะแล้วบอกกับผมว่า ถ้าผมไม่เคยเสียใจจนเหมือนชีวิตไม่มีอะไรเหลือแล้วเหมือนที่เธอเคยรู้สึก  ผมคงไม่เข้าใจเธอหรอก 

      แต่เธอก็บอกผมเพิ่มเติมนะ ว่าคนที่ฆ่าตัวตายมีสองแบบ แบบแรกคือแค่ต้องการแสดงออกให้ใครบางคนหันกลับมาสนใจในตัวคนๆนั้นบ้าง  ส่วนอีกแบบคืออยากจะลาโลกนี้ไปเลยจริงๆ  ตัวเธอเป็นแบบแรก  คุณรู้ไหม  เธอยังบอกผมอีกว่าทุกๆครั้งที่เธอกรีดข้อมือตัวเองน่ะ สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่โทรเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวเธอ  ถ้าเธอต้องการจะฆ่าตัวตายจริงๆ  ถึงรอดมาได้เธอก็คงไม่สามารถขยับนิ้วได้อีกแล้ว   วันนั้น เราคุยกันอยู่นานจนค่ำโดยที่เรายังไม่ได้ถามชื่อกันและกันเลยด้วยซ้ำ

      วัน ต่อๆมา การพบปะของเราสองคนที่สวนแห่งนี้หลังเลิกงานก็เหมือนจะกลายเป็นกิจวัฒ น์ประจำวัน  ในทุกๆวันเราจะมีเรื่องให้คุยกันได้ไม่ซ้ำเรื่อง  ในวันหยุดเราจะไปเที่ยวด้วยกันตามที่ต่างๆ  น่าแปลกนะที่คนแปลกหน้าสองคนที่เพิ่งพบกัน กลับเข้ากันได้ดีเหมือนรู้จักกันมานาน  ความสัมพันธ์ของเราก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาสั้นๆ    อะไรนะคุณ ชื่อของเธอน่ะเหรอ  คุณนี่ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันนะ  ผมคงบอกชื่อจริงๆของเธอให้คุณรู้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณอยากรู้เพื่อเติมเต็มจินตนาการของคุณ คุณเรียกเธอว่าป่านก็แล้วกัน   ผมจะเล่าต่อล่ะนะ 

      จากนั้นคงราวๆ 3 เดือนล่ะมั้ง ป่านก็ย้ายมาอยู่กับผมที่คอนโดของผม แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างเรายังไม่มีคำว่ารักออกมาจากปากของใครสักคนเลย  ผมเคยถามตัวเองนะว่ารักป่านมั้ย ผมว่าผมรักนะ ไม่รู้สิ การที่เวลาอยู่กับคนๆนึงแล้วเรามีความสุข การที่เราอยากเห็นรอยยิ้มของคนๆนั้น อยากได้ยินเสียงหัวเราะของคนๆนั้น มันก็น่าจะเป็นความรักไม่ใช่เหรอ   ส่วนป่าน ผมไม่รู้หรอกนะว่าป่านรักผมหรือเปล่า

      ป่านย้ำเตือนผมอยู่เสมอว่า เธอคงต้องไปจากผมสักวัน เธอบอกว่าที่เรามาเจอกันเพราะความบังเอิญ  ที่เรามาอยู่ด้วยกันเพราะความเหงาที่ต่างคนต่างต้องการเติมเต็มความรู้สึก ให้กันและกัน  แต่สุดท้าย ทั้งผมและเธอก็ต้องออกไปหาคนที่ใช่สำหรับตัวเองอยู่ดี  ผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมป่านถึงพูดอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมก็แน่ใจว่าป่านคือคนที่ใช่สำหรับผม   รู้มั้ยคุณ เราสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอด ถ้านอกเหนือเวลางานนะ เราสองคนแทบจะไม่แยกจากกันเลย  เรามีเรื่องคุยที่สร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราสองคนได้ทุกวัน  เราท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ  เราช่วยกันสร้างประสบการณ์ที่ดี ที่น่าประทับใจให้กันและกัน  มาถึงตรงนี้คุณก็คงคิดว่าทุกอย่างมันน่าจะราบรื่นล่ะสิ  แต่มันไม่ใช่หรอก

      วัน นั้นเป็นวันที่เราอยู่ด้วยกันครบปี  ผมอยากจะเซอร์ไพรซ์ป่านเลยออกไปข้างนอกแต่เช้า  ผมบอกป่านว่าผมจะออกไปธุระกับเพื่อน แต่จริงๆผมไปสั่งดอกไม้มาช่อใหญ่พร้อมกับของขวัญกล่องเล็กๆในกระเป๋าเสื้อผม   อะไรน่ะเหรอ อืม แหวนน่ะ ผมตั้งใจว่าผมจะขอป่านแต่งงาน  ผมเลือกแหวนอยู่ทั้งวันเลยนะ  กว่าจะกลับมาถึงคอนโดก็เกือบจะค่ำแล้ว  แต่พอผมเปิดประตูห้องเข้าไป  ผมกลับพบเพียงห้องที่ไม่มีใครอยู่ พร้อมกับข้าวของของป่านที่หายไป  ไม่มีการบอกล่วงหน้า ไม่มีการบอกลา ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

      .
      .
      .
      .
      .

      คุณลองมองไปที่ท้อง ฟ้าตอนนี้สิ ฝนน่าจะใกล้ตกแล้วมั้ง  ผมคงต้องขอตัวก่อนล่ะ ผมต้องรีบไปก่อนที่ฝนจะตก  ผมยังไม่อยากเปียกฝนตอนนี้หรอก  เดินตากฝนทีไรผมรู้สึกเจ็บที่แผลตรงข้อมือผมทุกที

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×