เวลาประมาณบ่ายสามโมงของวันเสาร์ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อช่วงสายๆเริ่มหยุดลง ทำให้เห็นผู้คนเดินออกมาตามท้องถนนอีกครั้ง ผมนั่งตรงม้าหินที่สโมสรประจำหมู่บ้าน ตรงหน้าผมเป็นสี่แยกใหญ่ที่สามารถออกไปสู่ถนนสายหลักในเมืองหลายเส้นได้
สี่ แยกนี้เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของชาวหมู่บ้านผม เพราะหลังจากที่ตัดสี่แยกเพื่อเชื่อมกับถนนสายหลักแล้ว การคมนาคมของชาวหมู่บ้านผมก็ดีขึ้นมาก จากที่ต้องเดินตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะเผชิญกับรถติดในเมืองในเส้นทางที่อ้อม แล้ว ก็กลายเป็นใช้เวลาเดินทางน้อยลง พร้อมกับมีเวลาพักผ่อนที่มากขึ้น แต่สำหรับผม สี่แยกนี้มีค่าสำหรับผมมากไปกว่านั้น ผมหลับตา เอนหลังพิงกับม้าหินพร้อมกับนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยผ่านมา
ในตอน ที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ชีวิตของผมตอนนั้นก็เรียกได้ว่าเหลวแหลกเลยทีเดียว ไปมหาลัยก็เพียงแค่ได้จับกลุ่มกับเพื่อนโดดเรียน เล่นเกม สูบบุหรี่ก็เท่านั้น พอถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็ได้แต่มามั่วสุมกับเพื่อนในหมู่บ้านที่สโมสรของหมู่บ้านแห่งนี้แหละ จับกลุ่มคุย กินเหล้า สุบบุหรี่กันจนถึงมืดกว่าจะกลับบ้านกัน ผมใช้ชีวิตแบบนี้จนผมขึ้นปีสาม เพื่อนๆผมในหมู่บ้านก็หายหน้ากันไปทีละคน ทีละคน เหมือนพวกมันจะกลับใจทำในสิ่งที่ถูกได้ จนสุดท้ายก็เหลือผมคนเดียว ที่ตอนเย็นๆจะต้องมานั่งสูบบุหรี่ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปแบบไม่มีขอบเขตที่สโมสรนี้
ช่วงเย็นวัน หนึ่ง ระหว่างที่ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปวันๆ เหมือนที่เคยเป็น ผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังข้ามสี่แยก ตรงเข้ามาทางสโมสรแล้วเดินผ่านผมไปตรงเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างๆ ผมมองตามเธอจนลับตาไป แล้วกลับมานึกกับตัวเองว่า เธอเป็นใคร ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆกับเธอนักนะ ก็คงเหมือนคนอื่นๆที่เคยเจอเหตุการณ์รักแรกพบนั่นแหละที่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า ทำไม รู้แต่แค่ว่าเธอมีเสน่ห์ให้ชวนมองจนอดที่จะละสายตาไม่ได้
จน เวลาผ่านไปเดือนเศษ การเฝ้ามองเธอทุกๆเย็นก็เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของผมไปซะแล้ว จนกระทั่งผมคิดกับตัวเองว่า ปล่อยให้เป็นอยู่แค่นี้ไม่ได้แล้ว เย็นวันนั้น ระหว่างที่เธอข้ามสี่แยกแล้วเดินผ่านผมไป ผมตัดสินใจเรียกเธอ แต่อยู่ๆปากผมก็เหมือนมีหินหนักๆถ่วงเอาไว้ ผมพูดอะไรไม่ออก หัวใจเต้นแรงไปหมด เธอมองหน้าผมแล้วหัวเราะเล็กน้อย แล้วจึงถามผมว่า เธอเห็นผมมองเธอมาตั้งนานแล้ว มีอะไรอยากจะพูดกับเธออย่างนั้นหรือ ผมจึงค่อยคลายความตื่นเต้นลง แล้วเราก็ได้คุยกัน สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่า เธอเรียนอยู่ปีสองที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บ้านของเธออยู่ในซอยด้านหลังสโมสรนี่เอง
เวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของเราก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จนในที่สุด ผมขอเธอเป็นแฟนที่ม้าหินตัวนี้ ซึ่งเธอตอบตกลง แต่มีข้อแม้แค่ว่า ให้ผมเลิกบุหรี่ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย
เวลา ที่เราใช้ร่วมกันเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทุกข์และสุข เราทะเลาะกันไม่ใช่ว่าจะไม่บ่อย แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่มารอขอคืนดีกับเธอที่นี่ ที่ม้าหินตัวเดิมที่เมื่อเวลาเธอเดินข้ามสี่แยกมา ก็จะเจอผมรออยู่ สาเหตุที่ผมมานั่งอยู่ที่นี่วันนี้ก็เพราะสาเหตุนี้เช่นกัน เมื่อวานเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงมาก แม้ว่าจุดเริ่มต้นมันจะเป็นเพียงแค่ความไม่เข้าใจกันเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จนในที่สุดผมพลั้งปากออกไปว่าจะเลิกกับเธอ มันเป็นแค่คำพูดที่เกิดจากอารมณ์โดยที่ไม่ได้ยั้งคิด แต่ก็ทำให้เธอวางสายทันที เวลาผ่านไปจนผมได้สติกลับมา ผมพยายามโทรกลับไปเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอแต่ไม่มีการรับสายจากเธอเลยสัก ครั้ง จนเมื่อเช้าวันนี้ เธอออกมาธุระกับเพื่อนข้างนอก แต่เธอก็ยอมรับสายของผม หลังจากที่ผมขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอพูดกับผมเพียงว่า หลังฝนหยุดแล้วเราค่อยมาเจอกัน ถึงแม้ไม่ได้บอกสถานที่ แต่เราก็รู้ดีว่าหมายถึงที่ไหน
ผมกลับมาสู่ โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เมื่อเจอเธออยู่อีกฝั่งของสี่แยก เมื่อเธอเห็นผม สีหน้าของเธอเป็นสีหน้าที่ผมไม่สามารถตีความหมายออกได้ ผมรวบรวมความกล้า ยิ้มให้เธอ ซึ่งผมรู้สึกหัวใจพองโตเป็นอย่างมากเมื่อเห็นรอบยิ้มของเธอที่ยิ้มตอบผมมา ผมสาบานกับตัวเองว่า ต่อไปนี้ผมจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจอีก ผมค่อยๆเดินออกไปรอเธอที่ริมถนนพร้อมๆกับเธอที่กำลังเดินข้ามสี่แยกมาหาผม
.
.
.
.
.
รถ คันหนึ่งวื่งมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนหญิงสาวที่กลางสี่แยก เสียงเบรคดังลั่นไปทั่ว หญิงสาวล้มลงใต้ท้องรถ ล้อรถแล่นทับไปที่หัวของหญิงสาว จนกะโหลกแตก มันสมองกระจายเต็มท้องถนน พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้ที่พบเห็นที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น