คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : นางหงส์ (Swan Lake) (50%)
ตอนที่
3
นางหงส์
(Swan Lake)
50%
เย็นวันศุกร์มธุรสมีงานด่วนเข้ามา ทำให้ไม่สามารถไปรับชุดราตรีตามที่นัดไว้กับสโรชาได้ เธอจึงโทรศัพท์ไปขอเลื่อนนัด
“คุณสโรชาเหรอคะ นี่มธุรสพูดนะคะ เย็นนี้รสคงจะไปรับชุดไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะมีงานด่วนเข้ามา ต้องขอโทษด้วยค่ะ”
“จะต้องขอโทษทำไมคะ หรือจะให้พี่ไปส่งให้ไหมล่ะคะ”
“โอ๊ะ ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง พรุ่งนี้ช่วงสายๆ รสจะไปรับเองค่ะ”
“แล้วจะทันเหรอคะคุณรส” สโรชาเป็นกังวลแทน
“ทันค่ะ เพราะว่าการแสดงบัลเลต์จะเริ่มประมาณหนึ่งทุ่มค่ะ”
“ได้ค่ะคุณรส ถ้าอย่างนั้นพี่จะเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ถึงเวลาคุณรสจะได้เอาไปใส่ได้เลย” เจ้าของห้องเสื้อพูดอย่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณมากค่ะคุณสโรชา”
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” สโรชาวางโทรศัพท์ แล้วรีบเดินออกมาต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่ะ ห้องเสื้อสโรชายินดีตอนรับค่ะ เอ๊ะ! คุณปรวิตต์ คุณจอยกลับมากันตั้งแต่เมื่อไหร่คะนี่” สโรชาตื่นเต้นที่ได้เจอลูกค้าเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน
“สวัสดีค่ะคุณสโรชา เรากลับมาได้สองอาทิตย์แล้วค่ะ” จารุลักษณ์ทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“แล้วนี่ต้องกลับไปตะวันออกกลางอีกไหมคะ”
“ไม่แล้วค่ะ วิตต์เสร็จงานที่นั่นแล้ว ตอนนี้เราย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพแล้วค่ะ”
“คุณจอยดูสดใสขึ้นนะคะ” ใบหน้าของหญิงสาวเปล่งปลั่งจนเจ้าของห้องเสื้อสังเกตเห็น จารุลักษณ์ได้แต่อมยิ้ม แล้วหันไปสบตากับสามีด้วยแววตามีความสุข “วันนี้คุณจอยอยากได้ชุดแบบไหนคะ”
“คือว่าจอยอยากจะได้ชุดลำลองๆสบายๆสักสามสี่ชุดค่ะ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ พี่ให้คุณจอยเลือกดูก่อนนะคะ ถ้าไม่ถูกใจอย่างไร พี่จะตัดให้ใหม่ค่ะ” สโรชาเดินนำไปอีกมุมหนึ่งของห้องเสื้อ
“อุ๊ย! ชุดนี้สวย สวยมากค่ะ” จารุลักษณ์ทำตาโตเมื่อเห็นชุดราตรีสั้นสีครีมเนื้อผ้าชีฟองบางพลิ้วบนหุ่น
“อ๋อ! ของคุณมธุรส ก็...ผู้ช่วยของคุณปิรัณคุณพ่อของคุณวิตต์ไงค่ะ ท่านมาสั่งตัดให้ลูกน้อง เปิดๆหนังสือให้พี่ดูแล้วบอกว่าต้องการชุดแบบนี้ ให้พี่จัดการตัดได้เลย ขนาดคุณรสเองเธอยังไม่รู้ตัวเลยนะคะ ว่าท่านสั่งตัดให้” คำบอกเล่าของเจ้าของห้องเสื้อ ทำให้สองสามีภรรยามองหน้ากัน ไม่อยากจะเชื่อว่าปิรัณจะมาสั่งตัดชุดราตรีให้กับลูกน้อง ซึ่งขณะนี้ปรวิตต์ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอกับเธอผู้นั้นเลยสักครั้ง ด้วยความที่เขาไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจ
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ปรวิตต์กลับเข้ามาทำงานที่บริษัท เขาได้ยินเรื่องที่พนักงานแอบซุบซิบนินทากันบ้างเกี่ยวกับผู้ช่วยสาวสวยของบิดา ว่า...เธอหาได้ใช้ความสามารถในการทำงานแลกมาซึ่งตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ แต่เธอกลับใช้ความสาวความสวยและเรือนร่างแลกมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ซึ่งปรวิตต์ไม่เคยเชื่อ เพราะเขารู้จักบิดาดีว่าเป็นคนเช่นไร
“สวยมากจริงๆค่ะคุณสโรชา” จารุลักษณ์อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“ยิ่งคุณรสใส่นะคะ สวยมากค่ะ เพราะเธอรูปร่างดีมาก อกเป็นอก เอวเป็นเอว อย่าว่าแต่ผู้ชายจะต้องเหลียวหลังเลยค่ะ ขนาดพี่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดที่จะมองไม่ได้เลย” สโรชาพูดไปตามสายตาของเจ้าของห้องเสื้อที่อยู่กับความสวยความงาม พลอยทำให้ปรวิตต์คิดถึงคำติฉินนินทาของพนักงานในบริษัท
“แหม! ทำให้จอยชักอยากจะเห็นผู้ช่วยคนสวยของคุณพ่อเสียแล้วสิคะวิตต์ วิตต์เคยเจอเธอหรือยังคะ” จารุลักษณ์หันมาถามสามีที่ยืนอยู่ไม่ไกลและได้ยินบทสนทนาทั้งหมด “ว่าไงคะวิตต์เคยเจอเธอแล้วหรือยัง”
“ยังครับ ผมยังไม่เคยเจอเธอเลย” ปรวิตต์ตอบตามความจริงด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก
ส่วนมธุรสหลังจากวางโทรศัพท์กับสโรชา เธอก็เร่งมือทำงานที่ได้รับมอบหมาย กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม
ผู้ช่วยสาวขับรถญี่ปุ่นคันเล็กกลับบ้านด้วยความสบายใจ
“คืนพรุ่งนี้รสต้องไปดูบัลเลต์การกุศลกับคุณชยุทธ์ใช่ไหมลูก” ธาราถาม เมื่อลูกสาวคนโตเข้ามานอนหนุนตัก
“ค่ะแม่ อันที่จริงรสไม่ได้อยากไปเลย เพราะเป็นงานใหญ่โต มีแต่คนดังมีชื่อเสียงทั้งนั้น แต่รสก็ไม่กล้าปฏิเสธคุณชยุทธ์” ลูกสาวทำหน้าม่อย
“ดีแล้วล่ะลูก เธออุตส่าห์มีน้ำใจชวน” ธาราพูดเสียงเรียบๆยิ้มละไม นางคิดว่าชยุทธ์ สุวรรณาลัย นักธุรกิจชื่อดังจะต้องมีความสนใจในตัวลูกสาวคนโตของนางเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นคงจะไม่ชวนไปงานการกุศลครั้งนี้แน่ “แล้วรสมีชุดที่จะใส่ไปงานคืนพรุ่งนี้แล้วเหรอจ้ะ”
“มีแล้วค่ะ คุณน้อยใจดีเหลือเกิน พอรู้ว่าคุณชยุทธ์ชวนรสไปงานคืนพรุ่งนี้ เธอสั่งตัดชุดที่ห้องเสื้อคุณสโรชาให้รสหนึ่งชุด สวยมากเลยค่ะ” ลูกสาวเล่านัตน์ตาเป็นประกาย
มธุรสโตเกินวัยเป็นผู้ใหญ่เกินตัว
เพราะความที่กำพร้าพ่อตั้งแต่อายุสิบขวบ มาริษาน้องสาวอายุหกขวบ ในฐานะลูกสาวคนโตที่ต้องช่วยงานผู้เป็นแม่ที่มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายขนมอยู่ในตลาดที่ปากน้ำโพ และเลี้ยงน้องเพื่อแบ่งเบาภาระเท่าที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะทำได้
หนึ่งปีหลังจากที่พ่อของมธุรสเสียชีวิต ธาราได้พบกับศิระ จำนงพันธุ์ ญาติห่างๆของมโนรสที่บังเอิญมาเจอกัน เพราะความเหงาอ้างว้าง ต้องการเพื่อนคู่คิดที่พึ่งพาอาศัยกันได้ ทำให้นางตัดสินใจแต่งงานใหม่กับศิระ แล้วย้ายจากนครสวรรค์มาอยู่กรุงเทพ ระยะแรกศิระดูเป็นคนดีรักภรรยาและไม่รังเกียจลูกติดทั้งสอคน ธารามีลูกชายกับศิระหนึ่งคน คือศรัณย์
หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพได้ไม่นาน ศิระเริ่มออกลายติดเพื่อนและติดสุรารวมทั้งการพนัน ทำให้มีปัญหาเรื่องเงินและมักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยๆ บางครั้งถึงขั้นใช้กำลังตบตี แล้วศิระก็หายตัวออกไปจากบ้านครั้งละนานๆ ล่าสุดเขาไม่ได้กลับมาบ้านเกือบหกเดือนเห็นจะได้ ทำให้ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจมากกว่า ไม่เว้นแต่ศรัณย์ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น
“ไม่มีใครเรียกเราเลย ปล่อยให้นอนตื่นสายตะวันโด่ง” มธุรสแกล้งตัดพ้อเสียงใสเข้ามาในครัวที่มีแม่และน้องชายต่างบิดานั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่
“ก็วันนี้วันเสาร์ รสจะรีบตื่นขึ้นมาทำไมล่ะลูก” ธาราพูดพร้อมตักข้าวต้มให้ลูกสาว
“ขอบคุณค่ะแม่ พี่ษาล่ะโมกข์” ประโยคหลังเธอถามน้องชาย แล้วนั่งลงข้างๆ
“พี่ษาไปเรียนแล้วครับ”
“แล้วโมกข์ล่ะจ้ะ วันนี้จะกลับกี่โมง” มธุรสถามน้องชายต่างบิดาที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปาก
“หลังจากช่วยอาจารย์จัดบอร์ดวิทยาศาสตร์เสร็จแล้ว โมกข์มีนัดเตะบอลกับเพื่อนๆ ก็คงจะกลับบ่ายๆครับ”
“ดีจ้ะ แล้วรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ เพราะตอนบ่ายพี่ต้องออกไปเอาชุดราตรีที่จะใส่ไปงานคืนนี้” พี่สาวพูดพร้อมกับตักข้าวต้มรับประทานบ้าง
“พี่สาวที่รักครับ แล้วอย่าลืมนะครับที่สัญญากันไว้ว่า ถ้าโมกข์สอบได้เกรดเฉลี่ยสามขึ้นไป แล้วที่รักจะซื้อรองเท้าสตั๊ดเตะบอลคู่ใหม่ให้โมกข์” เวลาศรัณย์อ้อนหรือประจบประแจงจะเอาอะไร
จากพี่สาวคนโต ก็มักจะเรียกมธุรสว่า “ที่รัก” เสมอ ซึ่งจะเป็นที่รู้กันระหว่างคนในครอบครัว
“แหม...ไม่ลืมหรอก จะให้ไปเลือกด้วยตัวเองเลย ว่าแต่ผลสอบจะออกเมื่อไหร่ล่ะ”
“วันจันทร์ครับ รับรองว่าโมกข์จะต้องได้รองเท้าสตั๊ดคู่ใหม่จากที่รักชัวร์” น้องชายคนเล็กคุยโอ่มั่นอกมั่นใจ เรียกเสียงหัวเราะขำๆได้จากผู้เป็นแม่และพี่สาว
“เดี๋ยวแม่ว่าจะทำกะหรี่พัฟเสียหน่อย หยุดไปหลายวันลูกค้าเริ่มโทรมาตามแล้ว” ธารายังยึดอาชีพทำกะหรี่พัฟไส้ต่างๆส่งขายตามร้านค้าแถวบ้านและรับทำตามสั่งด้วย ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่เสียอยู่ตรงที่ว่าสุขภาพของนางไม่ค่อยดี จึงทำๆหยุดๆ มธุรสก็ขอร้องให้เลิกตั้งหลายครั้งแล้ว แต่นางไม่ยอม
“งั้นรสช่วยนะคะ แต่มีข้อแม้ว่า...แม่จะต้องไม่หักโหม เดี๋ยวจะเป็นลมไปอีก”
“จ้ะ” ธาราตกปากรับคำลูกสาว
หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ช่วยกันทำกะหรี่พัฟกันคนละไม้คนละมือ โดยธาราทำไส้ มธุรสรับหน้าที่นวดแป้ง ซึ่งเธอคล่องแคล่วมากเพราะช่วยมารดาทำมาตั้งแต่เด็ก จนถึงขั้นตอนการห่อ ลงทอดน้ำมัน แล้วตักขึ้นมาพักบนกระดาษซับน้ำมัน
“รสนี่มันจะบ่ายสองโมงแล้วนะลูก ที่เหลือจัดใส่กล่องเดี๋ยวแม่กับโมกข์ทำกันเอง หนูรีบไปเอาชุดที่จะใส่ไปงานคืนนี้เถอะลูก” ธาราเตือนเมื่อเห็นเวลาคล้อยบ่ายมากแล้ว
“ตายแล้ว! รสลืมสนิทเลย เห็นจะต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะแม่” มธุรสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูด้วยความตกใจ หญิงสาวกระวีกระวาดรีบขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้านมุ่งหน้าไปห้องเสื้อสโรชา
การจราจรบ่ายวันเสาร์ติดขัดอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้มธุรสร้อนใจขับรถซิกแซกเปลี่ยนเลนไปมาด้วยความรีบร้อน กว่าเธอจะขับรถมาถึงห้องเสื้อสโรชาก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่า
“คุณรส! พี่กำลังจะโทรไปตามอยู่พอดีเชียว” สโรชาทักเมื่อเห็นมธุรสกระหืดกระหอบเข้ามาในร้าน
“รถติดเหลือเกินค่ะคุณสโรชา รสคิดว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว” มธุรสมีสีหน้าเหนื่อยอ่อน “นี่จะต้องขับฝ่ารถติดกลับไปที่บ้านอีก จะทันไหมเนี่ย”
“วันนี้มีงานแต่งงานลูกชายนักการเมืองใหญ่ที่โรงแรมใกล้ๆนี้ รถเลยติดค่ะคุณรส”
“มิน่า...”
“เอาอย่างนี้สิคะคุณรส เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาคุณรสแต่งตัวที่นี่เลย ข้างบนมีห้องอาบน้ำ เดี๋ยวพี่ช่วยคุณรสแต่งตัว จะได้ไม่ต้องขับฝ่ารถติดกลับไปกลับมาเดี๋ยวจะไม่ทันกันพอดี ว่าแต่คุณรสมีอะไรสำคัญที่จะต้องกลับไปเอาที่บ้านหรือเปล่าล่ะคะ” เจ้าของห้องเสื้อเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ จริงดังสโรชาว่าเพราะกว่าที่เธอจะขับรถกลับไปถึงบ้าน กว่าจะแต่งตัว และกว่าจะขับรถไปถึงโรงละคร โดยเฉพาะโรงละครก็อยู่ไม่ไกลจากห้องเสื้อสโรชาขับไปแค่สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา
อันที่จริงชยุทธ์เสนอตัวที่จะมารับเธอที่บ้าน แต่มธุรสก็ปฏิเสธเพราะต้องการที่จะไปเอง แค่เธอไปดูบัลเลต์การกุศลในคืนนี้กับชยุทธ์ สุวรรณาลัย ก็คงจะเป็นที่จับตามองของผู้คนที่ไปร่วมงานอยู่แล้ว เพราะชยุทธ์เป็นนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย แถมยังเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอมที่สุดในวงสังคมขณะนี้เลยก็ว่าได้
“แต่รสไม่ได้เอาอะไรมาเลยนะคะ” หญิงสาวลังเลด้วยความเกรงใจ
“อะไรล่ะค่ะ ที่นี่มีทุกอย่างชุดชั้นใน อุปกรณ์แต่งหน้าทำผมไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้
แต่งตัวที่นี่แหละค่ะคุณรส ไม่ต้องเกรงใจ” เจ้าของห้องเสื้อช่างมีน้ำใจมากมาย
“ขอบคุณค่ะคุณสโรชา” มธุรสรับข้อเสนอ แต่ยังรู้สึกเกรงใจ
เพราะอันที่จริงเธอก็รู้จักกับสโรชาอย่างผิวเผินเคยเจอกันสองสามหน แต่เธอก็เห็นด้วยและไม่อยากขัดความมีน้ำใจของเจ้าของห้องเสื้อสาวใหญ่
“สวยมากค่ะคุณรส สวยมากก” สโรชาเน้นเสียง แล้วจับร่างสมส่วนกลึงเกลาหมุนไปหมุนมาตรวจตาความเรียบร้อยและเอ่ยชมไม่ขาดปาก จนมธุรสอดที่จะรู้สึกกระดากอายไม่ได้ แต่แล้วเธอก็ตะลึงงังไปชั่วครู่ เมื่อเห็นเงาสะท้อนในกระจกเป็นผู้หญิงสาวสวยงามในชุดราตรีสั้นสีครีมเนื้อผ้าชีฟองบางพลิ้วเกาะไปตามสัดส่วนโค้งละมุนของเรือนร่างยวนตาน่ามอง ผมยาวหนาถูกไดร์เป็นลอนสลวยปล่อยยาวสยายเกือบถึงกลางหลัง ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มอย่างประณีตบรรจงสวยงามจับตา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่เป็นรส” มธุรสครางเบาๆ อย่างไม่เชื่อสายตา
“เชื่อเถอะค่ะว่าเป็นคุณมธุรสจริงๆ คุณรสเป็นคนสวย รูปร่างรึก็ดีมาก อกอิ่ม เอวคอดเล็ก สะโพกผาย ยิ่งได้มาแต่งองค์ทรงเครื่องแบบนี้ด้วยแล้วเข้าประกวดนางงามได้สบายๆเลยค่ะ เอาไหมคะ พี่จะส่งคุณรสเข้าประกวดปีหน้าเอง”
“คุณสโรชาล้อรสเล่นอีกแล้ว” มธุรสเขิน แต่ก็อดที่จะแอบมองตัวเองในกระจกเงาไม่ได้ “รสต้องขอบคุณคุณสโรชาอีกครั้ง”
“ด้วยความยินดีและเต็มใจเลยค่ะ พี่ชอบอยู่แล้วเรื่องแต่งตัว ยิ่งได้แต่งให้กับคนสวยๆอย่างคุณรสด้วยแล้ว พี่เต็มที่สุดฝีมือ” เจ้าของห้องเสื้อพูดจากใจจริง “พี่ว่าคุณรีบไปเถอะค่ะ เพราะต้องเผื่อเวลารถติดอีก”
“จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นรสรีบไปก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” มธุรสขับรถออกจากห้องเสื้อสโรชาตรงไปยังโรงละครสถานที่จัดงานแสดงบัลเลต์การกุศลคืนนี้
to be continue…..
Wow! Wow! Wow! ตอนหน้าห้ามพลาดนะค้า
นางหงส์ของเราจะเจอกับสุภาพบุรุษผู้เคร่งขรึมเวอร์ คริ คริ
ติดตามต่อวันพรุ่งนี้นะค้า
สั่งหนังสือกันเข้ามาได้แล้วนะค้า
พร้อมส่งต้นเดือน ตุลาคม 2562 นี้ค่ะ
ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ความคิดเห็น