ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์มธุรส by จำปีดา (ภาคต่อ...ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง) ทำมือ...พร้อมส่งแล้วนะคะ

    ลำดับตอนที่ #11 : ติดลบ (50%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 62


     


    6


    ติดลบ (50%)

                               


    เย็นวันศุกร์วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นี้

          “รส เย็นนี้คุณวิตต์จะกลับเข้าออฟฟิศหรือเปล่า ศุพินิจถามเพื่อนร่วมงาน ขณะที่พักดื่มกาแฟอยู่ในแพนทรีด้วยกัน                                    

                คงไม่แล้วมั้งคะ เพราะเมื่อเช้าเข้ามาเอาสัญญาของสุวรรณาลัย รามาด้า แล้วไม่ได้สั่งอะไรอีก

                อือ...แล้ววันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้มีโปรแกรมจะไปเที่ยวไหนหรือเปล่าจ้ะ ผู้ช่วยหนุ่มชวนคุยต่อ

                คงไม่ค่ะ ต้องทำงานบ้าน และช่วยแม่ทำกระหรี่พัฟ

                แหม....ขยันจริง ว่าแล้วผมอยากทานกระหรี่พัฟฝีมือคุณแม่รสอีกจัง

                ถ้าอย่างนั้นวันจันทร์รสจะเอามาฝากนะคะ

                ขอบใจจ้ะลาภปากของผมอีกแล้ว ว่าแต่คุณแม่สบายดีแล้วเหรอ

                ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณพินิจกาแฟอีกแก้วไหมคะ มธุรสถาม เมื่อเห็นกาแฟในถ้วยของศุพินิจเกือบจะหมดแล้ว

                อีกสักแก้วก็ดี แต่เดี๋ยวผมชงเอง

                ไม่เป็นไรคะ รสชงให้ มธุรสจัดแจงชงกาแฟถ้วยใหม่ ช่วงขณะที่เธอหมุนตัวหันมาส่งถ้วยกาแฟให้ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ศุพินิจก้าวเข้ามาใกล้ ทำให้ชนกันอย่างไม่ตั้งใจ จนน้ำกาแฟกระะฉอกรดมือบางของหญิงสาวและกระเซ็นเป็นจุดๆบนเสื้อเชิ๊ตของศุพินิจ

                “ว้าย!”

                รสร้อนหรือเปล่า ผมขอโทษ ศุพินิจรีบคว้ามือบางของหญิงสาวขึ้นลูบ ถูไปมากับเสื้อของเขาด้วยความตกใจ 

           “ไม่ค่ะ ไม่ร้อน เสื้อของคุณเลอะหมดแล้วค่ะคุณพินิจ มธุรสรีบหยิบกระดาษทิชชู่ช่วยเช็ดเสื้อของศุพินิจเป็นพัลวัน รสขอโทษ รสซุ่มซ่ามเอง” 

                ต่างคนต่างช่วยกันนุงนัง ทำให้ปรวิตต์ที่กำลังก้าวเข้ามาในแพนทรีต้องชะงัก เห็นภาพเป็นศุพินิจซึ่งยืนหันหลังให้ประตูกำลังพัวพันอย่างถึงเนื้อถึงตัวกับเลขานุการสาวชั่วคราวของเขา 

                อะแอ้ม! ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ เสียงเข้มๆที่ดังอยู่หน้าประตู ทำให้สองหนุ่มสาวตกใจหันกลับมามองพร้อมกัน ปรวิตต์มองทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่ขมึงตึงแววตากระด้างเย็นชา ก่อนที่ส่งสายตาดูถูกดูแคลนด้วยความเข้าใจผิดมาทางเลขานุการสาว

                คือว่า...มธุรสพยายามที่จะอธิบาย

                มธุรสขอกาแฟดำให้ผมสักแก้ว ปรวิตต์ตัดบทสั่งเธอเสียงเข้ม แล้วหันหลังกลับออกไปทันที

          “ทำไมคุณวิตต์ทำหน้าตาขึงขังเย็นยะเยือกอย่างนั้นด้วยนะ สงสัยจะอารมณ์ไม่ดี ศุพินิจไม่เข้าใจเอ่ยปากถามเพื่อนร่วมงานสาว ซึ่งเธอก็ส่ายหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน


                มธุรสเดินตัวลีบเอากาแฟเข้าไปเสิร์ฟในห้องกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปรวิตต์นั่งหน้าตาบึ้งตึงอยู่ที่โต๊ะทำงาน จนมธุรสรู้สึกขยาด เธอรีบวางถ้วยกาแฟที่มุมโต๊ะ แล้วเรียกว่าเกือบจะเป็นเผ่นออกมาทันที

              มธุรส เจ้านายหนุ่มเรียกเธอเสียงดังเข้ม ทำเอาร่างบางที่กำลังจะก้าวเท้าต้องชะงักกึก 

          “คุณเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่ เดี๋ยวอยู่กับผู้ชายคนนี้ เดี๋ยวไปกับผู้ชายคนนั้น แล้วเดี๋ยวก็ไปกับผู้ชายอีกคน คุณต้องการให้ผู้ชายทุกคนคุกเข่าอยู่แทบเท้าของคุณอย่างนั้นหรือ ถึงได้หว่านเสน่ห์ไปทั่วไม่ว่าแก่ ไม่ว่าหนุ่ม เลขาสาวถึงกับตะลึงนึกไม่ถึงกับคำกล่าวหาที่รุนแรงของเขา ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าโต้กลับไป

                ดิฉันจะเป็นผู้หญิงประเภทไหน จะเที่ยวหว่านเสน่ห์กับใคร จะคบกับผู้ชายสักกี่คน มันก็เรื่องส่วนตัวของดิฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ หรือทำให้งานเสียหาย ด้วยความโกรธ ทำให้หญิงสาวโต้ตอบรุนแรงอย่างไม่ยี่หระ                                                         

                เอาเป็นว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม และผมก็ไม่สนว่าคุณจะไปหว่านเสน่ห์กับใคร จะคบหรือจะไปกับผู้ชายคนไหนก็เป็นเรื่องของคุณ ผมจะสนก็แต่เรื่องงานของนภศุภ์ คอนสตรัคชั่น และครอบครัวของผมเท่านั้น ถ้าคุณทำให้งานเสียหายหรือครอบครัวของผมเดือดร้อนเมื่อไหร่ ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไว้แน่...มธุรส ปรวิตต์คาดโทษเธอด้วยน้ำเสียงดุดัน นัตน์ตาสีสนิมเป็นประกายคมกล้าจริงจัง 

                คุณออกไปแล้ว ช่วยปิดประตูให้ด้วย ปรวิตต์บอกหญิงสาวเป็นการไล่ทางอ้อม มธุรสได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกั้นอารมณ์อย่างที่สุด ก่อนที่จะหมุนตัวเดินตัวตรงออกไปด้วยมาดของคนถือดี

     

                ปรวิตต์สลัดศีรษะและวางปากกาลง เขาไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมต้องโกรธมธุรสนักหนา การที่เธอจะไปกับผู้ชายคนไหนหรือจะคบกับใครสักกี่คน มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด  

                แต่อีกใจหนึ่งก็นึกค้าน และบอกว่า...ต้องเกี่ยว เพราะเธอเป็นผู้ช่วยของบิดา ซึ่งก็มีท่าทีสนิทสนมลึกซึ้งเกินกว่าคำว่า เจ้านายกับลูกน้อง หรืออาจเข้าตำรา สมภารกินไก่วัด วัวแก่กินหญ้าอ่อน ผู้หญิงสาวกับชายสูงอายุแก่คราวพ่อ ก็ไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์และหวังปอกลอก เขาจะไม่มีวันยอมให้เธอเข้ามาบ่อนทำลายความสงบสุขของครอบครัวของเขา ปรวิตต์ให้เหตุผลกับตัวเอง

                                       

                ในสัปดาห์ต่อมาเยาวรินกลับมาทำงานในหน้าที่เลขานุการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ตามเดิม มธุรสก็ย้ายตัวเองกลับไปทำหน้าที่เดิมกับศุพินิจ ซึ่งก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกคลายความตึงเครียดไปได้จากเหตุการณ์ปะทะคารมกันอย่างรุนแรงในเย็นวันศุกร์ โดยที่เธอไม่ทราบสาเหตุว่า เพราะอะไรเขาถึงได้เข้าใจเธอผิด และมธุรสคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอธิบาย เพราะเส้นทางชีวิตของเธอและเขาเป็นเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้ ซึ่งอีกไม่นานต่อมามธุรสจึงรู้ว่า เธอเข้าใจผิดไปถนัด


           ส่วนปรวิตต์นั้นจะขึ้นมาที่ห้องทำงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในช่วงเช้า เพื่อมาเซ็นหนังสือ ตรวจงานเอกสาร ช่วงบ่ายเขาก็จะออกไซด์งานหรือไม่ก็ออกไปประชุมข้างนอก จะแวะเวียนเข้ามาพูดคุยปรึกษางานกับศุพินิจบ้าง แต่เขาแทบจะไม่เคยพูดกับเธอเลย ซึ่งก็เป็นอยู่อย่างนี้ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่เหลือ โดยปิรัณมีกำหนดที่จะกลับมาทำงานในวันจันทร์หน้าที่จะถึงนี้

                                       

                วันหยุดสุดสัปดาห์นี้คนในครอบครัวของมธุรสอยู่กันอย่างพร้อมหน้าในบ้านหลังน้อยที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัว พี่ๆน้องๆช่วยทำงานบ้านกันคนละไม้คนละมือในช่วงเช้า ตกบ่ายก็ช่วยมารดาทำกระหรี่พัฟไส้ต่างๆ เพื่อที่จะนำไปส่งร้านค้าเจ้าประจำในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ขณะที่ช่วยกันทำขนมอยู่ในครัวหลังบ้าน เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านก็ดังขึ้นพร้อมเสียงตะโกนถาม 

                มีใครอยู่บ้าง ทำให้ธาราและลูกๆที่อยู่ในครัวต่างกรูกันออกมาที่หน้าบ้าน ก็พบกับคุณนายสุดใจกับสาวใช้คนสนิทยืนกางร่มหน้ามันด้วยอากาศร้อนอบอ้าวยามบ่ายอยู่นอกรั้ว

                สวัสดีค่ะคุณนายสุดใจ มาร้อนๆ เชิญเข้ามาดื่มน้ำคุยกันในบ้านก่อนค่ะ ธาราเชื้อเชิญและให้ลูกชายคนเล็กไปเปิดประตูรั้วให้ อย่างมีอัธยาศัยในฐานะคนบ้านใกล้เรือนเคียง

                ขอบใจจ้ะ คุณนายสุดใจเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับสาวใช้  ฉันแวะมาธุระแป๊บเดียวล่ะจ้ะแม่ธารา แล้วก็จะกลับ คำพูดของคุณนายทำให้ธาราและลูกๆมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ เพราะร้อยวันพันปีครอบครัวของเธอก็ไม่เคยมีธุระปะปังกับคุณนาย และถ้าไม่มีความจำเป็นก็จะไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยเป็นอันขาด เพราะคุณนายสุดใจใครๆก็รู้ว่ามีธุรกิจให้กู้ยืมเงินนอกระบบ ดอกเบี้ยสูงลิบลิ่วรีดนาทาเร้นชาวบ้านแถวนี้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ไม่มีหลักทรัพย์ที่จะไปกู้ยืมเงินในระบบของทางธนาคาร 

                คือว่าฉันจะมาทวงเงินต้น และก็ดอกที่นายศิระได้กู้ยืมไป 

                คุณศิระไปกู้เงินคุณนาย ธาราทวนคำหน้าถอดสี รู้สึกได้ถึงความเดือนร้อนที่กำลังจะมาเยือน

                ถูกต้อง นายศิระไปกู้เงินฉัน และนี่ก็ขาดส่งต้นส่งดอกไปหลายเดือนแล้ว 

                แต่น้าศิระไม่อยู่ ไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนแล้วค่ะ มธุรสตอบแทนด้วยสีหน้าสีตาที่ไม่ต่างไปจากมารดานัก 

          “ก็นั่นนะสิ ก็เพราะหายไปหลายเดือน ฉันถึงต้องมาตามถึงที่นี่ไง

               คุณนายคงต้องมาใหม่วันหลังแล้วล่ะ เพราะน้าศิระไม่อยู่จริงๆ มาริษากล่าวขึ้นมาบ้าง

          “อ้าว! ได้อย่างไรกัน ถ้านายศิระไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน ลูกเมียก็ต้องรับผิดชอบ หรือไม่เช่นนั้นฉันจำเป็นจะต้องยึดบ้าน 

                ยึดบ้าน!” แม่ลูกอุทานเสียงดังขึ้นพร้อมๆ กัน

                ใช่ ถ้าอย่างนั้นเห็นทีว่า ฉันจะต้องยึดบ้านหลังนี้

                ไม่ได้นะ มธุรสค้านเสียงสั่น

                ทำไมจะไม่ได้ ก็นายศิระเอาโฉนดที่ดินและบ้านหลังนี้ไปจำนองเงินกู้ไว้กับฉัน ถ้าบิดพลิ้วฉันก็เห็นจะต้องยึดบ้านหลังนี้

                เป็นไปไม่ได้ ธาราอุทานอย่างไม่เชื่อ

                นี่ฉันก็เอาหลักฐานมาด้วย มาดูกันไว้ให้เต็มตา คุณนายหยิบสัญญาเงินกู้ จำนวนห้าแสนบาทถ้วนและโฉนดที่ดินค้ำประกันออกมา เงินต้นห้าแสน แต่เวลานี้ทบต้นทบดอกก็ร่วมเจ็ดแสนบาทแล้ว คุณนายสุดใจพูดต่อท้าย ทำเอาธาราถึงกับเป็นลมจนลูกๆต้องช่วยกันเข้าประคอง 

                แม่คะ/แม่ครับ ลูกๆร้องเรียกด้วยความตกใจ และพามารดาเข้ามานั่งพักในบ้าน พร้อมกับหายาหอม ยาดมมาปฐมพยาบาลเป็นการใหญ่ จนธาราค่อยรู้สึกตัวขึ้นมา คุณนายสุดใจยังไม่กลับ เธอตามเข้ามาในบ้าน

                ถ้าภายในสองเดือนนี้ ไม่สามารถหาเงินจำนวนเจ็ดแสนบาทมาใช้คืนฉันได้ เห็นทีจะต้องยึดบ้านหลังนี้จริงๆ คำพูดเฉียบขาดของคุณนาย ทำเอาทุกคนเย็นยะเยือกอยู่ในอก เงินจำนวนเจ็ดแสนบาท จะมีปัญญาไปหาจากที่ไหนมาใช้ให้ได้ 

                บ้านหลังนี้ถึงจะเก่าๆโทรมๆไปบ้าง แต่ถ้าได้ซ่อมแซมปรับปรุงเสียหน่อยก็คงให้เขาเช่าต่อหรือว่าขายได้ คุณนายหน้าเลือดเดินสำรวจไปรอบๆบ้าน และตีราคาได้อย่างอย่างรวดเร็ว

                คุณนายคะ ขอให้เห็นใจพวกเราหน่อย ถ้าคุณนายยึดบ้าน ดิฉันกับลูกๆจะไปอยู่ที่ไหนกัน ธาราสะอื้นขอร้องเพราะบ้านหลังนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พอจะได้พักอาศัยซุกหัวนอน เพราะเงินทองที่ได้จากเบี้ยประกันชีวิตของสามีเก่าพ่อของมธุรสกับมาริษากับเงินเก็บเล็กๆน้อยๆ ก็ถูกศิระเอาไปจนหมดแล้ว

                ไม่รู้ล่ะ ฉันให้เวลาถึงสิ้นเดือนหน้า ถ้าหาเงินต้นพร้อมดอกมาใช้คืนฉันไม่ได้ ก็เตรียมตัวย้ายออกไป คุณนายสุดใจพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมเค็มจัดไร้ความปรานี 

                ก็ได้ค่ะคุณนาย ภายในสองเดือนนี้ฉันจะพยายามหาเงินมาใช้หนี้คุณนายให้ได้ มธุรสยืดตัวยืนขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ นัตน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

                รส/พี่รส มารดาและน้องๆ หันมามองเธอเป็นตาเดียวด้วยความหวังสูงสุดในเวลานี้

                                                                   จบตอนค่ะ


    มธุรส! หล่อนจะทำอะไร ก็ผิดไปโมดดดดดนั่นล่ะ

    คุณวิตต์ ก็ขยันให้คะแนนเสียจริง ติดลบ! ไม่เหลือ 55555

    แล้วนี่ยังจะมาเจอคุณนายหน้าเลือดยึดบ้านอีก

    แล้วจะยังไงต่อดีล่ะเนี่ยยยยยย นางเอกของฉัน อิอิ

    พรุ่งนี้ ติดตาม ติดลบ 100% ต่อ คร่า

    ใครสนใจหนังสือ เล่ห์มธุรส โฉมใหม่ พร้อมตอนพิเศษ

    Underneath her red clothes  อัลรัย เอ๋ย! แฝงอยู่ใต้ชุดแดงแรงส์ฤทธิ์ คริ คริ

     สั่งเข้ามาได้เลยนะคะ

    พร้อมส่งต้นเดือนตุลาคม นี้ พร้อมๆ กับงานสัปดาห์หนังสือ ค่ะ

    ขอบพระคุณค่ะ


      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×