ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์มธุรส by จำปีดา (ภาคต่อ...ทัณฑ์น้ำผึ้งรวง) ทำมือ...พร้อมส่งแล้วนะคะ

    ลำดับตอนที่ #10 : หนึ่งนิดชิดใกล้ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.88K
      20
      12 ก.ย. 62

     

       

    10


    หนึ่งนิดชิดใกล้ (100%)

                เช้าวันจันทร์ศุพินิจ เรืองโรจนวัฒน์ กลับมาทำงานตามปกติ ทำให้มธุรสผ่อนภาระเรื่องงานไปได้มาก อีกทั้งทำให้บรรยากาศในออฟฟิศคลายความอึดอัดตึงเครียดไปได้อีกด้วย เพราะช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มธุรสรู้สึกเกร็งอยู่ตลอดเวลา

                ปรวิตต์มอบหมายงานของชวัลกร กรุ๊ป ให้ศุพินิจดำเนินการต่อร่วมกับบุญระภี ส่วนตัวเองกับมธุรสดูแลการประมูลงานก่อสร้างของกรมพัฒนาเศรษฐกิจ เขาให้เธอแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์อีกเล็กน้อยในวันจันทร์และพร้อมจะที่นำไปประชุมในวันพุธ ซึ่งเขาสั่งให้เธอไปร่วมประชุมกับเขาที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจในวันพุธด้วยกัน

     

                จิลดา พิมพ์สวัสดิ์ เริ่มเข้ามาทำงานที่นภศุภ์ คอนสตรัคชั่น ในเช้าวันจันทร์นี้เช่นกันในตำแหน่งเลขานุการของปรวิตต์อีกคน เธอเฉิดฉายด้วยเครื่องแต่งตัวที่เริ่ดหรูฟู่ฟ่าเกินกว่าพนักงานธรรมดาทั่วๆไปมากมายนัก มีสายตาหลายสิบคู่ที่จับจ้องเธอในฐานะเลขานุการคนใหม่ของรองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม

                นี่คุณวิมุทธ์ พี่วิตต์ไปไหนตั้งแต่เช้าฉันยังไม่เห็นเลย จิลดาเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น เพราะเกือบจะเที่ยงแล้ว เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่เขย  

                วิมุทธ์ผู้ช่วยของปรวิตต์แอบทำหน้าย่น เพราะตั้งแต่คุณเธอย่างกายเข้าในออฟฟิศตั้งแต่เช้า ยังไม่ได้ศึกษางานกับเขาตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งไว้เลย คุณเธอมัววุ่นวายอยู่กับการจัดโต๊ะทำงาน และปากแดงๆของคุณเธอก็เอาแต่ถามถึงเจ้านายของเขาไม่ได้หยุดปาก วิมุทธ์ได้แต่เกาศีรษะไม่มีสมาธิทำงาน เพราะเสียงแหลมปรี๊ดทำลายโสตประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา 

                คุณวิตต์อาจจะเข้าที่ออฟฟิศของคุณปิรัณก็ได้ครับ เพราะช่วงนี้คุณวิตต์ต้องไปดูแลงานแทนท่าน

                แล้วทำไมเพิ่งบอกยะ จิลดาสะบัดหน้าพรืด แล้วเดินลงส้นเท้าออกจากห้อง เพื่อตรงไปยังห้องทำงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

     

                พี่วิตต์อยู่ไหม จิลดากระชากเสียงถาม หลังจากที่เปิดเข้ามาในออฟฟิศของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่โดยไม่เคาะ มธุรสเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงเจ้าของเสียงสูง เธออยู่ในชุดสีเขียวน้ำทะเลเจิดจ้า ใบหน้าสวยตกแต่งได้อย่างโฉบเฉี่ยวเก๋ไก๋ราวกับหลุดออกมาจากรันเวย์เดินแบบ ซึ่งมธุรสก็จำได้ในทันทีว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่ไปดูบัลเลต์กับปรวิตต์ในคืนนั้น นัยว่าเป็นน้องภรรยาของเจ้านายหนุ่ม แล้วมธุรสก็ยังได้ยินข่าวแว่วๆ ว่าเธอจะมาทำงานในตำแหน่งเลขานุการของปรวิตต์อีกคน

                ไม่ทราบว่าใคร จะขอพบคะ มธุรสส่งยิ้มให้ แต่จิลดากลับกระชากเสียง หน้าสวยนั้นง้ำงอ

                ไม่จำเป็น พี่วิตต์อยู่ใช่ไหม จิลดาตรงดิ่งเข้าเปิดประตูที่มีป้ายสีทองติดอยู่ด้านหน้าว่า กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จนมธุรสห้ามปรามไม่ทัน และไม่เข้าใจว่าคนสวยๆที่แต่งตัวดี มีการศึกษา แต่ทำไมไม่มีมารยาท นี่ล่ะนะคนรวยลูกท่านหลานเธอ เอาแต่ใจตัวเอง ผู้ช่วยสาวได้แต่ส่ายหน้า

                อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องทำงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ก็ถูกเปิดออกมา โดยมีหญิงสาวในชุดสีเขียวสดใสเกาะติดร่างสูงสมาร์ตแจ

                เดี๋ยวผมจะออกไปทานอาหารกลางวัน บ่ายโมงจะกลับ ปรวิตต์เดินมาสั่งที่หน้าโต๊ะทำงาน จิลดาที่ยังเกาะแขนชายหนุ่มมองเลขานุการหน้าห้องด้วยหางตา

                ค่ะ มธุรสรับทราบเบาๆ แล้วแอบลอบมองกิริยาของสาวสวยที่แสดงออกกับพี่เขยถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างออกนอกหน้าด้วยความรู้สึกสะกิดใจ

     

                ผู้ช่วยของคุณลุงน้อยคนนี้หน้าตาไม่เลวนะคะพี่วิตต์ จิลดาวิจารณ์ขณะนั่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ติดจะทำหยิ่งๆเชิดๆอย่างไรชอบกล คงจะถือสิว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ล่ะมั้ง จิลดาเหยียดที่มุมปาก ปรวิตต์นั่งฟังเฉยๆโดยไม่แสดงความคิดเห็น

                อะไรกันคะ พี่วิตต์อิ่มแล้วเหรอคะ หญิงสาวถามเมื่อเห็นผู้เป็นพี่เขยรวบช้อนส้อม

                ครับ พี่อิ่มแล้ว

                งั้นเดี๋ยวเราไปเดินดูของกันนะคะ จิลไม่ได้มาแถวนี้เสียนาน มีร้านรวงเปิดใหม่หลายร้านเลย จิลดาชวนหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกเป็นห่วงงานที่เพิ่งมาทำได้วันแรกเลยสักนิด

                จิลครับ คงจะไม่ได้หรอก พี่ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ จิลเองก็เหมือนกันเพิ่งมาทำงานวันแรก พี่ให้วิมุทธ์สอนงานไปถึงไหนแล้ว ปรวิตต์ถามเสียงเข้ม ทำเอาน้องสาวภรรยาแอบย่นจมูก ก่อนที่จะหันมายิ้มหวานกับผู้เป็นพี่เขย

                เรียนงานกับวิมุทธ์น่าเบื่อ จิลอยากให้พี่วิตต์สอนมากกว่า สาวสวยออดอ้อนเสียงอ่อนหวาน

                เรียนกับวิมุทธ์น่ะดีแล้ว เพราะตอนนี้พี่ยุ่งมากจริงๆ ไหนจะงานประมูลของกรมพัฒน์ฯ แล้วไหนจะงานของชวัลกร กรุ๊ปอีก พี่คงจะยุ่งๆอย่างนี้อีกนานจนกว่าคุณพ่อจะหายป่วย และพี่พลกลับมาจากญี่ปุ่น หรือถ้าจิลเบื่อ ไม่ชอบงานจะขอถอนตัวก็ได้นะครับเจอคำพูดของพี่เขยเข้าแบบนี้ จิลดายิ่งทำหน้างอหนักขึ้น และจำยอมรับสภาพด้วยความรู้สึกขัดใจเหลือเกิน

                            ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

                การประชุมที่กรมพัฒนาเศรษฐกิจเริ่มตอนช่วงสายของวันพุธด้วยความตึงเครียด มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมฯหลายท่านเข้าร่วมฟังบรรยายของปรวิตต์ ที่จะมีผลชี้ชะตาว่านภศุภ์ คอนสตรัคชั่นจะได้รับงานครั้งนี้หรือไม่

     

                ปรวิตต์ทำการบรรยายและตอบข้อซักถามจากเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีเป็นที่น่าพอใจ โดยมีมธุรสเป็นผู้ช่วยในการฉายสไลด์ แสดงพาวเวอร์พอยท์และยังจดบันทึกการประชุมอีกด้วย ทั้งนี้ผู้ช่วยสาวยังให้รายละเอียดหรือบางครั้งต้องตอบข้อซักถามนอกรอบระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวัน หรือช่วงเบรกดื่มกาแฟ ซึ่งเธอก็ทำได้เป็นอย่างดี          

                มธุรสได้สบสายตากับเจ้านายหนุ่มโดยบังเอิญหลายครั้ง และถ้าตาของเธอไม่ฝาด เลขาสาวเห็นเขาส่งยิ้มบางๆมาให้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาชื่นชมและยอมรับมากขึ้น มธุรสรู้สึกปิติอยู่ลึกๆ ถ้าเขาจะยอมรับในความสามารถของเธอ ผู้ช่วยสาวยิ้มหวานๆกลับไปอย่างเผลอตัว รู้สึกภูมิใจที่สามารถช่วยงานเขาและทั้งของบริษัทได้อย่างเต็มความสามารถ การประชุมยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องและล่วงเลยไปถึงห้าโมงเย็นถึงเสร็จสิ้น ซึ่งก็เหลือแต่การเปิดซองประมูลในเดือนหน้า ซึ่งนภศุภ์ คอนสตรัคชั่นก็หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากที่จะได้รับงานนี้

     

                เดี๋ยวผมจะไปส่งที่บ้าน คุณไม่ต้องกลับไปเอารถที่บริษัทหรอก รถก็ติดมโหฬารขนาดนี้เสียเวลาเปล่าๆปรวิตต์บอกขณะที่ขับรถเลี้ยวออกมาจากกรมพัฒนาเศรษฐกิจ แล้วเจอกับการจราจรที่ติดขัดในวันต้นเดือน เมื่อเช้ามธุรสจอดรถทิ้งไว้ที่บริษัทและมากรมพัฒนาเศรษฐกิจพร้อมกันกับปรวิตต์ โดยที่เจ้านายหนุ่มขับรถยนต์ส่วนตัวมาเอง

                เอ่อ...ไม่... มธุรสหาทางที่จะปฏิเสธ

                บ้านคุณอยู่แถวไหน ชายหนุ่มถามเสียงเข้มไม่สนใจท่าทีอึดอัดของเธอ

                อยู่แถวเมืองนนท์ค่ะ

                คนละมุมเมืองเลย แล้วรถก็ติดมโหฬารอย่างนี้สามทุ่มก็ยังไม่ถึง ผมคิดว่าเราหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า เพราะผมหิวมาก เมื่อตอนกลางวันผมทานแค่คลับแซนวิชกับกาแฟเท่านั้น พอเราทานข้าวเสร็จ การจราจรบนถนนก็คงจะโล่งขึ้น ดีกว่าที่เราจะดันทุรังไปต่อทั้งๆที่รถติดแบบนี้ เจ้านายหนุ่มออกความคิดเห็นได้อย่างมีเหตุผล เลขานุการสาวพลอยพยักหน้าเห็นด้วย เพราะท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องเห็นด้วยขึ้นมาเหมือนกัน

     

                ปรวิตต์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในซอยเล็กๆ ที่หน้าปากซอยมีร้านข้าวต้มโต้รุ่งร้านใหญ่ติดไฟสว่างไสวอยู่ไม่ไกลจากกรมพัฒนาเศรษฐกิจ

                คุณสั่งอาหารเลยก็แล้วกัน ผมทานอะไรก็ได้ ขอตัวโทรศัพท์สักครู่ ปรวิตต์แยกตัวไปโทรศัพท์กลับบ้าน เพื่อแจ้งให้ภรรยาทราบว่าเขาคงจะกลับดึกสักหน่อย เพราะประชุมเพิ่งเสร็จและรถติดมาก แล้วยังต้องไปส่งมธุรสที่บ้านย่านนนทบุรีด้วย

                คุณจะทานข้าวต้มหรือข้าวสวยมธุรสถามเมื่อเจ้านายหนุ่มเดินกลับมา ปรวิตต์อยู่ในสภาพลำลองขึ้น เขาถอดเสื้อนอกและดึงเนคไทดออก เหลือแต่เสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนยาวพับแขนเสื้อขึ้นมา และปลดกระดุมเม็ดบนออกสองเม็ด กางเกงสแล็คสีดำยับเล็กน้อย ผมดำสลวยยุ่งนิดหน่อย แต่เขาก็ยังดูดีในทุกอิริยาบถสำหรับเธอ มธุรสเผลอตัวมองเขาตาปรอย แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขาพูดขอข้าวต้มเป็นครั้งที่สอง

                มาร้านข้าวต้ม ก็ต้องทานข้าวต้มสิ

                ขอข้าวต้มสองถ้วยค่ะ หญิงสาวหันไปสั่งเด็กเสิร์ฟ พอหันกลับมาก็เห็นเจ้านายหนุ่มนั่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว ทำให้ร่างบางร้อนวูบวาบขึ้นมาในบัดดล

                วันนี้ต้องขอบคุณมาก เพราะคุณมีส่วนช่วยทำให้งานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเขากล่าวชมออกมาด้วยความจริงใจ 

                เอ่อ...มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ ผู้ช่วยสาวยิ้มภูมิใจที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ได้อย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เธอสำนึกในหน้าที่และความกรุณาของปิรัณผู้เป็นเจ้านายที่ให้โอกาสเธอได้ทำงานในตำแหน่งนี้

                มธุรสจะต้องพิสูจน์ตัวเองและทำหน้าที่ๆได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพื่อลบคำครหาของพวกอิจฉาตาร้อนช่างนินทาทั้งหลายให้ได้ เธอยังจำคำพูดของปิรัณที่เคยพูดกับเธอได้

                อย่าไปฟังพวกช่างนินทามากนักเลยมธุรส ตัวเราย่อมรู้อยู่แก่ใจของตัวเองดีเสมอว่า เรากำลังทำอะไร และเป็นอย่างไร สักวันผมจะต้องจัดการกับพวกปากแดงที่ชอบใช้ปากทำงานเสียที ถึงตอนนั้นก็คงจะใช้ปากพูดจาว่าร้ายใครไม่ได้อีก เมื่อนึกถึงคำพูดปลอบใจของปิรัณ มธุรสก็อดยิ้มออกมาคนเดียวไม่ได้

                คุณยิ้มอะไร ปรวิตต์ถาม

                เอ่อ...เปล่าค่ะ

                เปล่าอะไร ก็ผมเห็นอยู่

                ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ทานข้ามต้มเถอะ หญิงสาวตัดบท เมื่อเด็กเสิร์ฟเริ่มลำเลียงอาหารที่สั่งมาวางบนโต๊ะ ปรวิตต์ยังจ้องหน้าเธอเขม็ง

                อ้าว! ทานสิคะ หิวไม่ใช่เหรอ คุณไม่ทาน ฉันทานก่อนก็แล้วกัน มธุรสใช้ช้อนตักข้าวต้มร้อนๆ เข้าปาก ทำให้ปรวิตต์เริ่มใช้ตะเกียบคีบอาหารบ้าง ด้วยความหิวทำให้ชายหนุ่มสั่งข้าวต้มเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย ส่วนมธุรสก็ทานข้าวต้มถ้วยโตตรงหน้าหมดในเวลาอันรวดเร็ว

     

                หลังเสร็จจากการรับประทานอาหารเจ้านายหนุ่มกับเลขานุการก็อยู่บนรถครอสโอเวอร์คันใหญ่มุ่งหน้านนทบุรี พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน มธุรสหลับตาเพื่อพักสายตาสักครู่ แต่ก็เผลอหลับไป ปรวิตต์ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อเห็นเลขาของตัวเองหลับไปเสียแล้ว เธอผินหน้าออกไปทางหน้าต่าง ทำให้เห็นเสี้ยวหน้างามอ่อนใสที่หลับตาพริ้มได้อย่างชัดเจน

                ปรวิตต์เริ่มไม่แน่ใจในตัวหญิงสาว เพราะเท่าที่เขาทำงานร่วมกับเธอมาเกือบสองสัปดาห์ ก็เห็นความจริงอย่างหนึ่งที่ว่ามธุรสทำงานดีและงานแข็ง มีความตั้งอกตั้งใจสูง นี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บิดาของเขาเลือกเธอมาเป็นผู้ช่วยของท่านอีกคน

                ขณะที่เขากำลังเคลือบแคลงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ช่วยสาวกับบิดา ก็ดูเหมือนว่ายังจะมีอีกหนึ่งหนุ่มที่ให้ความสนใจเธอจนออกนอกหน้า นั่นก็คือชยุทธ์ สุวรรณาลัย นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของโรงแรม แล้วยังจะมีแฟนหนุ่มน้อยวัยกระเตาะนามว่าศรัณย์แอบซ่อนไว้อีกหนึ่งคน

                เขาจะไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของเธอ ว่าจะมีแฟนทั้งหมดกี่คน หรือมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายคนใด เว้นแต่ความสัมพันธ์กับบิดาของเขา ซึ่งอาจจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อน เขาคงยอมไม่ได้ ปรวิตต์บอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นเหมือนเป็นการเตือนตัวเอง

     

                มธุรส เข้าเขตเมืองนนท์แล้ว ปรวิตต์เรียกหญิงสาวที่ยังหลับอยู่บนเบาะด้านหน้าคู่คนขับ

                นี่คุณ! ตื่นได้แล้ว ไม่มีการตอบรับหรือไหวติงจากร่างบาง ทำให้ชายหนุ่มต้องจอดรถหลบข้างทาง และใช้นิ้วสะกิดที่ต้นแขนของเธอ แต่ร่างบางก็ยังนิ่งเฉย ขี้เซาจริงๆ ปรวิตต์บ่น แล้วเปลี่ยนมาพูดที่ข้างหูของเธอ คุณ...ตื่นได้แล้ว

                คราวนี้ได้ผลมธุรสสะดุ้งสุดตัวรีบหันหน้ามาทางต้นเสียง ทำให้แก้มนวลของเธอกระทบกับจมูกโด่งเป็นสันเข้าอย่างจัง ริมฝีปากอิ่มที่อ่อนนุ่มสัมผัสกับริมฝีปากหนาเข้าพอดี เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงแล่นผ่าน ความร้อนแผ่ซ่านไปทั้งร่างของชายหนุ่มและหญิงสาว ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ไม่มีใครขยับเขยื้อนอยู่เป็นครู่ใหญ่ จวบจนสติของคนทั้งสองกลับมาพร้อมๆกัน จึงผละตัวแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว 

                เอ่อ...ผมขอโทษ ปรวิตต์หลุดคำแรกออกมา หลังจากนิ่งอึ้งกันไปนาน มธุรสได้แต่นิ่งเงียบนั่งหน้าแดงก่ำร้อนผ่าวอยู่ในความมืด หญิงสาวเข้าใจว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจแต่อย่างใด แต่ใจคอของเธอก็อดที่จะเต้นตึกตักๆจนแทบจะหลุดออกมานอกอกไม่ได้                                                                   

                ตกลงบ้านคุณอยู่ที่ไหน ปรวิตต์ถามเสียงเครียด ทำลายความเงียบที่ครอบคลุมอยู่ มธุรสบอกทางไปด้วยหัวใจที่ยังเต้นโครมครามอยู่ในอกอย่างยากที่จะระงับ ในที่สุดรถบีเอ็มดับเบิลยูคันใหญ่ก็มาจอดที่หน้าบ้านหลังน้อยของเธอจนได้

                มธุรสรีบเปิดประตูรถ เอ่ยปากขอบคุณเจ้านายหนุ่มเบาๆ ที่เขามีแก่ใจมาส่งถึงบ้าน แต่เธอก็ต้องชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวลงจากรถ

                มธุรส พรุ่งนี้ผมอนุญาตให้คุณเข้าออฟฟิศสายได้ เพราะคืนนี้คุณกลับดึก แล้วยังไม่มีรถขับไปทำงานอีกด้วย เจ้านายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                ขอบ...ขอบคุณค่ะ เสียงเธอยังสั่นอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะรีบหมุนตัวเดินเป็นวิ่งกลับเข้าบ้าน

                ปรวิตต์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เคยรู้สึกสั่นไหวอย่างนี้มาก่อนเลย และพยายามที่จะสลัดสัมผัสอ่อนนุ่มที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้นออกไป แล้วขับรถกลับไปในที่สุด

     

                วันนี้มธุรสมาถึงที่ทำงานเกือบเก้าโมงเช้า ทั้งออฟฟิศยังเงียบกริบแสดงว่าปรวิตต์ก็ยังมาไม่ถึงเช่นกันเมื่อนึกถึงเจ้านายหนุ่มเธอก็ให้รู้สึกกระอักกระอ่วนกระวนกระวายใจอยู่นิดๆ ที่จะต้องเผชิญหน้ากันในเช้าวันนี้

                เกือบสิบโมงเช้าศุพินิจเดินหอบเอกสารกลับมาจากแผนกกฏหมาย โดยผ่านมาทางโต๊ะของเลขานุการอันเป็นโต๊ะทำงานชั่วคราวของเธอ

                มีอะไรให้รสช่วยไหมคะคุณพินิจ

                ไม่ต้องหรอกจ้ะ อีกนิดก็เสร็จแล้ว ศุพินิจปฏิเสธ เอ่อ...ที่เดินผ่านมาทางนี้ก็เพราะจะบอกว่า เมื่อเช้าคุณวิตต์โทรมาบอกว่าจะไม่เข้าออฟฟิศ จะไปตรวจไซด์งานกับคุณอสิต

                อ๋อ! ค่ะ มธุรสถอนหายใจโล่งอก แปลว่าวันนี้เธอคงจะได้นั่งทำงานเงียบๆโดยไม่มีร่างสูงของใครบางคนเดินไปเดินมาเข้าๆออกๆให้อึดอัดขัดเขิน เสียงกริ่งโทรศัพท์ทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากภวังค์    

                มธุรสพรุ่งนี้เช้าคุณช่วยเตรียมสัญญารีสอร์ตของสุวรรณาลัย รามาด้า ที่มัลดีฟส์ให้เรียบร้อยนะเพราะผมมีนัดเซ็นสัญญากับคุณชยุทธ์ตอนช่วงบ่าย

                ค่ะ มธุรสรับคำสั้นๆ เพียงแค่ได้ยินเสียง ใบหน้าของเธอก็แดงเห่อ ปรวิตต์วางสายไปแล้ว แต่เธอยังถือหูค้างอยู่


                                                             จบตอนค่ะ

     

    ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว พยายามห้ามใจตัวเองยู้ค้า

    คุณวิตต์ก็อีกคน ต่อให้ขรึมๆ ก็มีใจสั่นล่ะค้า

    ต้องตามคนคู่นี้ต่อไปค่ะ ว่า...อะไรที่ทำให้ชีวิตของ...เขา และ เธอ ต้องหักเห

    ตอนหน้ามีชื่อว่า ติดลบ

    ใครจะติดลบ ติดลบขนาดไหน ต้องอ่านคร่า รับประกันความสนุกค่ะ

    ขอบคุณค่ะที่ติดตาม ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

    สั่งหนังสือเข้ามาได้นะคะ พร้อมส่งต้นเดือนตุลาคม นี้ พร้อมๆ กับงานสัปดาห์หนังสือค่ะ


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×