คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ลาวดวงดอกไม้
“คีตะ..คีตกวี! ได้ฟังอยู่ไหมเนี่ย!” เสียงแว้ดของประธานสภาสาวทำให้ร่างสูงที่นั่งเหม่ออยู่สะดุ้งทันที
“ฟังอยู่ครับ พี่มล” คีตกวีตอบทันควัน เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ๑๕-๑๖ปีที่มีเรือนผมสีน้ำตาลดำ ดวงตาสีอำพันทอประกายอ่อนโยน ดวงกมลมองขอบตาคล้ำๆของรุ่นน้องหนุ่มกับตั้งเอกสารที่กองสูงเป็นภูเขาเลากาด้วยความอ่อนใจ เธอชักจะสงสารรุ่นน้องคนนี้ที่มารับตำแหน่งสภานักเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจซะแล้วสิ
“พี่จะบอกว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นมีประชุมสภาม.ปลาย นี่เราจะไปพักก่อนไหม สภาพดูไม่ได้เลย” เด็กสาวร่างโปร่งถามพลางมองรุ่นน้องที่อดหลับอดนอนเพื่อสะสางเอกสารจิปาถะที่เกินครึ่งเป็นของที่สภาคนอื่นฝากทำแทน “ไม่ต้องทำให้หมดก็ได้นะ เดี๋ยวพี่จะไปแว้ดใส่พวกมักง่ายแบบนี้ให้ทีหลัง”
“ช่างมันเถอะครับ ผมชักจะชินแล้วล่ะ เกิดพี่ไปวีนใส่พวกนั้นก็หาว่าผมเป็นเด็กเส้นพี่ซะเปล่าๆ” คีตะตอบพลางถอนหายใจ “อีกอย่างงานก็จะเสร็จแล้วครับ เมื่อกี้ผมแค่พักสายตาเฉยๆ”
“อืม นี่ก็เย็นมากแล้วล่ะ เรากลับไปพักก่อนเถอะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ เขาบิดตัวเพื่อยืดเส้นยืดสายก่อนจะลุกขึ้นไหว้รองประธานนักเรียน
“สวัสดีครับ พี่มล”
“จ้า เจอกันวันพรุ่งนี้นะ” มลรับไหว้พลางบอกลารุ่นน้องคนขยัน ดวงตาสีนิลมองคีตกวีที่เดินออกไปแล้วเธอจึงเดินกลับไปเก็บของที่โต๊ะทำงานของตนเอง
ท้องฟ้าถูกฉาบด้วยแสงสีส้ม บ่งบอกว่าเวลานี้เป็นเวลาเย็นมากโขแล้ว คีตะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพบว่า นี่เป็นเวลาที่เขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว
“เวรล่ะ โดนยัยแคทด่าแหงมเลย” เขาพึมพำ
‘..ล ฟซล ดํรํ..’ เสียงขิมที่แว่วมาเป็นเพลงอันไพเราะทำให้ฝีเท้าของเด็กหนุ่มหยุดชะงัก จากที่ตั้งใจจะรีบสาวเท้ากลับบ้าน กลายเป็นว่าเขากำลังเดินเข้าไปยังเรือนไทยในสวน ที่ตั้งของห้องดนตรีไทยและเป็นที่มาของเสียง ไวเท่าความคิด มือหนาแหวกพุ่มไม้ที่บังตาออก ภาพที่เขาเห็นคือเรือนไม้สีน้ำตาลที่มีหลังคามุงกระเบื้องแบบโบราณสีแดงตั้งตระง่านอยู่ มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งเล่นขิมอยู่ตรงนั้น เธอมีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดรวบเป็นหางม้า ราวกับเธอจะรู้ว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ ร่างบางหันมายังทิศทางที่คีตกวีที่ยืนอยู่ทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววตระหนกเล็กน้อยเมื่อพบว่าตนเองเป็นเป้าสายตาอยู่
“ง่า..ขอโทษครับ พอดีผมฟังเสียงขิมเพลินไปหน่อย” เขาอธิบายพลางเกาหัวแกรกๆเพราะความเก้อเขิน “ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”
เด็กสาวยิ้มออกมาอ่อนๆราวกับขำกับกิริยานั้น เธอส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนจะหันไปตั้งสมาธิกับเล่นขิมต่อ เสียงเพลงอันอ่อนหวานทำให้เด็กหนุ่มอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า
“ขอโทษนะครับ เพลงนี้ชื่อว่าเพลงอะไรเหรอ?”
มือบางหยิบสมุดสเก็ชต์ภาพขึ้นมาแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป เสร็จแล้วเธอจึงชูมันขึ้นมา เผยให้เห็นข้อความบนนั้น
‘ลาวดวงดอกไม้น่ะ’
ดวงตาสีอำพันของคีตะเบิกกว้างเมื่อนึกถึงสมมุติฐานที่แวบเข้ามาในหัว เขามองเด็กสาว เธอยิ้มเศร้าๆแล้วชูสมุดขึ้น เผยให้เห็นข้อความอีกประโยคหนึ่งที่พึ่งเขียนขึ้นมาใหม่
‘ขอโทษที คือฉันเป็นใบ้น่ะ อย่าใส่ใจเลย’
“...”
ดวงตาโศกที่หรุบลงทำให้คีตกวีรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์มองร่างบางด้วยความรู้สึกผิด เด็กหนุ่มพะงาบปากอ้าหุบราวกับปลาขาดน้ำ แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้คำพูดที่ติดอยู่ในคอหลุดออกมาได้
..ขอโทษ..
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมา แต่รู้ตัวอีกที่ก็ไม่เห็นเด็กสาวนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ขิมที่ยังคงตั้งอยู่นั้นบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ความฝัน คีตะขนลุกซู่ เมื่อนึกว่าตนเองอาจจะเผชิญกับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่ เขารีบลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกมาจากบริเวณนั้น ทว่าใบหน้าคมสันก็ยังหันกลับไปด้วยความค้างคาใจและรู้สึกผิด
เรายังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย
และความรู้สึกนั้นยังคงรบกวนเด็กหนุ่มอยู่ตลอดคืน
writer's talk
สวัสดีนักอ่านทุกๆคนค่ะ ผู้เขียนมีนามปากกาว่ามุกไฟ ซึ่งมาจากการตกแต่งโดยใช้เปลือกมุกไฟฝังไปในเครื่องเรือนหรือเครื่องดนตรีเช่นซอ ใครจะเรียกว่าไรเตอร์หรือว่ามุกก็ได้ค่ะ ไม่ขัดศรัทธา เอาเป็นว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ
เรื่อง เสียงเรียกจากดนตรีไทยนี้ เป็นเรื่อนที่เขียนเกี่ยวกับวงดนตรีไทยของโรงเรียนแห่งหนึ่ง(ซึ่งก็คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากโรงเรียนที่ผู้เขียนเรียนอยู่นั่นแหละ) จริงๆกะจะให้เป็นโปรเจคก์จบการศึกษาของรองปธ.ชมรมที่ว่า แต่อย่างจะทดลองดูว่าจะเขียนดีพอรึเปล่าก็เลยนำมาลงเว็บเพื่อดูความคิดเห็นก่อนน่ะค่ะ
ส่วนหากใครอ่านไปแล้วรู้สึกว่า "เอ ตัวละครนี่มันคุ้นๆนะ หรือมันจะเป็นเพื่อนฉันหว่า?" ขอบอกเลยค่ะว่าค่อนข้างจะมีสิทธิ์ เพราะตัวละครหลายตัวก็มีที่มาที่ไปจากคนรู้จัก(แน่นอนว่าส่วนใหญ่อยู่ในวง) แต่ถ้าใครสงสัยจริงๆ คุยกันนอกรอบได้ค่ะ
ติชมหรือแจ้งคำผิดได้ค่ะ ไม่กัด ถึงกัดก็ฉีดยาแล้ว(ฮา)
ฝากนิยายเรื่องเสียงเรียกจากดนตรีไทยด้วยนะคะ
ความคิดเห็น