คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เมืองวสุธา
ณ เมืองวสุธา
ท่ามกลางตลาดที่แสนวุ่นวายกลางใจเมือง ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเพื่อจับจ่ายซื้อของ แดดยามบ่ายที่ส่องแสงร้อนแรงส่งผลให้นักซื้อรีบเลือกของ เพื่อจะได้กลับบ้านไปหลบแดด แต่แปลกที่กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ กำลังยิ้มเหมือนมีความสุขที่ได้ตากแดดร้อนๆ ท่ามกลางสายตาของคนที่แอบนึกอยู่ในใจว่า
บ้าไปแล้วหรือไงนะหมอนี่ แดดร้อนจะตายยังยิ้มอยู่ได้
แต่ไม่ว่าใครจะคิดยังไง เด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่สน เพราะ........
“ เย้ หนีออกมาได้แล้ว เหนื่อยแทบตาย ” อาศิระ เด็กหนุ่มที่มีผมและดวงตาเป็นสีน้ำเงินบ่นอย่างดีใจ
“เอาล่ะ ก่อนอื่นต้องไปเที่ยวฉลองอิสรภาพซะก่อน ” อาศิระออกเดินอย่างมาดมั่น แต่ก็แค่ก้าวเดียวเท่านั้น
จู่ๆ โซ่เส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามัดตัวอาศิระอย่างรวดเร็ว อาศิระที่กำลังก้าวก็เลยล้มคะมำไปข้างหน้า
“ โอ๊ย ! ” อาศิระร้องเสียงหลง พลางหันไปหาคนที่ประทุษร้ายเขาอย่างโกรธเคือง ก็พบเจ้าของโซ่และผู้หญิงอีกคนที่ยืนเคียงข้างดูเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทาง เพราะผู้คนพากันไปหลบข้างทางด้วยกลัวลูกหลง
“ นี่นาย ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ ” อาศิระโวยวาย พยายามดันตัวเองให้ยืนขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้
“ พี่สุคนธ์ ช่วยด้วย นายนั่นจะฆ่าผมแล้ว ” อาศิระหันไปอ้อนพี่สาวแท้ๆ ที่มีผมสีน้ำเงินยาวและดวงตาสีเดียวกัน สุคนธ์ที่ยืนข้างเจ้าของโซ่รีบวิ่งไปหาอาศิระ และพยุงขึ้นนั่ง
“ หยุดดิ้นเหอะน่า ไอ้ลูกหมา ช่างก่อเรื่องดีนัก ” ชายเจ้าของโซ่ หรือทิวา เจ้าของเรือนผมสีเหลืองสดใสกล่าวพลางเดินมานั่งยองๆข้างอาศิระ พลางหันไปพูดกับพวกชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์อย่างสนใจ
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่มาตามจับน้องเขยที่หนีออกจากบ้าน ” ผู้คนจึงเลิกสนใจการจับกุมและหันไปซื้อของตามเดิม แต่....
“ โอ๊ะ ! ” ทิวาร้องทันทีที่โดนศอกของสุคนธ์กระทุ้ง
“ ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับนายนะ ” สุคนธ์กล่าวเคืองๆ “ เพราะงั้น อาศิระก็ไม่ใช่น้องเขยนาย ”
ทิวาหน้าเสีย อาศิระยิ้มอย่างสะใจ และกล่าวเหน็บแนม
“ สมน้ำหน้า ”
ทิวาหันมาจิกตาอาศิระทันที
“ เดี๋ยวก็ไม่ถอดโซ่ให้หรอก ”ทิวาขู่ อาศิระหันไปฟ้องพี่สาว
“ พี่สุคนธ์ นายนั่นจะช่วยผม ”
“ ทิวา ถอดโซ่...... ” สุคนธ์พูดยังใม่ทันจบ
“ ก็ได้ ” ทิวากล่าว พลางเอื้อมมือขวาไปวางบนโซ่ เกิดแสงสีฟ้าสว่างวาบ แล้วโซ่ก็หายไปพร้อมกับแสงนั้น
“ เฮ้อ ..... สบายจัง ” อาศิระบิดตัวไปมาเยาะเย้ยทิวา เขาไม่เคยกลัวพี่ทิวาเลย แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นอัจฉริยะในทุกด้าน และตามจับเขาได้ทุกครั้งที่หนีออกมาก็ตาม
นั่นเพราะเขารู้จุดอ่อนของผู้ชายคนนี้นั่นเอง
“ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ” ทิวาว่าอาศิระอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่ไม่เคยโกรธหรือรังเกียจอย่างที่แสดงออกมาสักครั้ง
“ ดูสิ เนื้อตัวมอมแมมไปหมด ” สุคนธ์พยุงอาศิระให้ยืนขึ้น
“เพราะนายนั่นแหละ ” อาศิระโบ้ยความผิดไปให้ทิวา “ เล่นเกินกว่าเหตุ ”
“ ก็ลูกหมาอย่างนายชอบหนีออกจากบ้านเองนี่นา ” ทิวาโต้กลับ “ ถ้านายไม่หนี ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำรุนแรงกับนาย ”
อาศิระกับทิวาจ้องตากันราวกับโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“ พอเหอะน่า ” สุคนธ์ไปยืนคั่นระหว่างคนทั้งคู่ ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย “ แกล้งทำเป็นไม่กินเส้นกันอยู่ได้ จริงๆแล้วรักกันจะตายไม่ใช่หรือไง ”
“ ไม่ ” ทิวากับอาศิระตอบพร้อมกัน ก่อนจะแอบยิ้มออกมาทั้งคู่
“ นั่นไง พวกนายยิ้มออกมาแล้ว ยอมรับสักทีเถอะนะ ” สุคนธ์เย้า จากที่ยิ้ม ทั้งคู่จึงรีบปั้นหน้าขรึมทันที
“ ผมเกลียดนายนั่นจะตาย ” อาศิระกล่าว
“ ฉันก็ไม่มีทางญาติดีกับลูกหมาอย่างนายหรอก ” ทิวาโต้กลับ
สุคนธ์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
ถ้าอาศิระอยู่กับเธอสองคน เวลาพูดถึงทิวาจะเรียก ‘ พี่ทิวา ’ตลอด ทิวาก็เหมือนกันทั้งๆที่รักอาศิระเหมือนน้องชายแท้ๆ ไหงเวลาเจอกัน จึงเปลี่ยนสรรพนามเป็น ‘ นี่นาย’ กับ ‘ ไอ้ลูกหมา ’ไปได้
“ ก็ได้ พวกนายเกลียดกันจริงๆใช่ไหม ? ”
“ ใช่ ” คนปากแข็งทั้งคู่ตอบพร้อมกัน
“ได้ ” สุคนธ์ทำใจ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงเย็นๆ “ ทิวา นายไม่ต้องไปประชุมกับฉัน ฉันจะไปคนเดียว ”
“ แต่ .” ทิวาทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ ไม่มีแต่..... อย่าลืมนะว่านายเป็นคนใช้ ฉันสั่งอะไรนายต้องทำตาม ”
“ แต่เธอเป็นใคร เธอก็รู้ เธอไปคนเดียวไม่ได้หรอก ” ทิวาแย้ง ความห่วงใยฉายชัดในแววตา แต่สุคนธ์ทำเป็นไม่สนใจ
“ งั้นนายคงลืมไปเหมือนกันว่า อาศิระเป็นใคร สำคัญกว่าฉันแค่ไหน ” คำตอบของสุคนธ์ ทำเอาทิวาพูดไม่ออก
ใช่ อาศิระสำคัญยังไง สำคัญกว่าสุคนธ์ขนาดไหน เขาย่อมรู้ แต่เขาปล่อยให้สุคนธ์ไปคนเดียวไม่ได้
อาศิระมองทิวาอย่างเห็นใจ เขารู้ตัวเองดีว่าสำคัญกว่าพี่สุคนธ์ก็แค่ตำแหน่งเท่านั้น ถ้าเทียบในแง่อื่นเขาก็เป็นแค่คนไร้ค่า
คนที่เห็นค่าของเขาก็มีแต่ พี่สุคนธ์กับพี่ทิวาเท่านั้น
เพราะงั้น.......เขาจะไม่มีวันทำให้พี่สุคนธ์กับพี่ทิวาเสียใจ นั่นคือสิ่งที่เขาย้ำกับตัวเองมาตลอด
“ พี่สุคนธ์อย่าโกรธเลยนะ ผมกับพี่ทิวาก็แค่แกล้งไม่กินเส้นกันเท่านั้น พี่อย่าถือเป็นจริงจังสิ เห็นไหม ” อาศิระโอบไหล่ทิวาพลางยิ้มกว้างให้ ทิวาก็ยิ้มกลับอย่างรู้แกว
“ ใช่แล้ว ผมรักอาศิระเหมือนน้องชาย เธอก็รู้ ” ทิวาตอบ “เพราะงั้น....เราไปด้วยกันทั้งสามคนเลยดีไหม ฉันจะปกป้องพวกเธอทั้งคู่ ฉันสัญญา ”
สุคนธ์มองอาศิระกับทิวาอย่างตัดสินใจ หมุนตัวไปข้างหน้าพลางแอบยิ้ม
ถ้าเธอใช้แผนนี้เมื่อไหร่ ทั้งคู่ก็เลิกเก๊กทุกที
“ ได้ งั้นเราไปด้วยกัน ” สุคนธ์ยิ้ม
หลังจากที่อาศิระกับทิวาเดินตามสุคนธ์ไปสักพัก ทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างแปลกใจ เมื่อสุคนธ์มัวแต่เดินดูสินค้าข้างทาง ไม่ไปที่ห้องประชุมของพื้นที่ราชการสักที
“ พี่สุคนธ์ เอ่อ...พี่ไม่ไปประชุมหรือไงครับ ” อาศิระถาม สุคนธ์หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้
“ ไม่ไป ”
“ ทำไมล่ะ คงไม่ได้ติดเชื้อขี้เกียจจากไอ้ลูกหมานี่หรอกนะ ”ทิวาโยกหัวอาศิระไปมาอย่างเอ็นดู
“ เปล่า ” สุคนธ์ยิ้ม “ ฉันไม่ได้ติดเชื้อ แต่เรื่องการประชุมนั่นฉันโกหก จริงๆแล้วไม่มีการประชุมอะไรทั้งนั้น ”
“ อ้าว ” ทิวา กับอาศิระถาม
“ ก็ฉันเบื่อคนปากไม่ตรงกับใจ ก็เลยกุเรื่องประชุมนั่นขึ้นมา ” สุคนธ์ไปหยุดที่ร้านขายไอศกรีม
“ รสช็อกโกแลต 3 ที่ ใส่ขนมปังค่ะ ” สุคนธ์สั่งไอศกรีมอย่างที่เคยสั่งประจำ “ แล้วก็ได้ผลจริงๆ พวกนายเลิกเก๊กใส่กันแล้ว”
ทิวากับอาศิระหันมามองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มออกมา
“ก็ได้ วันนี้ยอมให้เธอวันนึง ” ทิวาตอบ
“ ถ้าพวกนายยอมดีกันแล้ว เราก็กลับบ้านกันได้แล้ว ” สุคนธ์ตอบพลางยื่นขนมปังใส่ไอศกรีมให้
“ ไม่ได้นะ ” อาศิระโวยวาย “ กว่าผมจะหนีออกจากได้ เหนื่อยแทบตาย พี่สุคนธ์กับนายจะใจร้ายไม่พาผมไปเที่ยวหน่อยหรือครับ”
“ พวกพี่ออกมาก็เพื่อตามอาศิระกลับบ้านนะ ” สุคนธ์ตอบ
“ อีก 2 วัน ท่านก็จะกลับมาบ้าน ถ้าท่านรู้ว่านายหนีออกมาอีก นายไม่รอดแน่ ” ทิวาขู่
“ ผมไม่กลัวหรอก โดนกักบริเวณซะจนชินแล้ว ” อาศิระสลดนิดนึง ก่อนยิ้มออกมาใหม่ “ เพราะงั้น......พาผมเที่ยวนะ... นะ....นะ....” อาศิระออดอ้อน
ทิวากับสุคนธ์มองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มออกมาทั้งคู่ พวกเราแพ้ลูกอ้อนของอาศิระทุกที
“ ได้ แต่เราจะเที่ยวถึงเย็นนะ โอเคไหม ” สุคนธ์ตอบ
“ ไชโย ” อาศิระกระโดดตัวลอยอย่างดีใจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การเที่ยวตลาดเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเราแวะซื้อของกินเป็นส่วนใหญ่ อาศิระมองพี่ทิวากับพี่สุคนธ์เที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุข
อาศิระรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เที่ยวด้วยกันบ่อยนัก แม้จะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาก็ตาม นั่นเพราะพวกเขามีงานที่ต้องรับผิดชอบ
‘ พี่สุคนธ์ ’ จริงๆแล้ว คือ เจ้าหญิงเสาวคนธ์ แห่งเมืองวสุธา เป็นเจ้าหญิงที่มีงานรัดตัว ไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตัวเอง
‘ พี่ทิวา ’ คือ องครักษ์จิตรทิวา องครักษ์ของพี่สุคนธ์ ต้องติดตามพี่สุคนธ์ไปทุกที่เหมือนเงาตามตัว เพื่อคอยป้องกันภัยทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นให้กับองค์หญิง
แม้หน้าที่องครักษ์จะเป็นอาชีพที่ได้รับเงินเดือนสูงมากอาชีพหนึ่งในทุกเมือง
แต่อาศิระรู้ สำหรับพี่ทิวาแล้ว แม้ว่าหน้าที่นี้จะไม่ได้รับค่าจ้าง พี่ทิวาก็ยังเต็มใจทำ นั่นเพราะมีพี่สุคนธ์เป็นองค์หญิง
เหตุผลของพี่สุคนธ์ในการเลือกพี่ทิวาเป็นองครักษ์ก็คงไม่ต่างกัน
แม้จะมีผู้มาสมัครเพื่อรับคัดเลือกเป็นองครักษ์นับพัน แต่พี่สุคนธ์ก็เลือกพี่ทิวาเป็นองครักษ์เพียงคนเดียว
เพราะทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก เรียนด้วยกัน ดูแลกันและกัน จนกระทั่งเรียนจบพร้อมกัน และทั้งคู่ก็ดีกับอาศิระมากๆ
ส่วนอาศิระ ก็คือ .................
อาศิระมองทั้งคู่อย่างตัดสินใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับและเดินไปอีกทาง
ทำไงได้ นานๆทั้งคู่จะได้เที่ยวด้วยกัน เขาก็แค่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอก็เท่านั้น ( ทั้งๆที่ทำเป็นประจำก็เถอะ )
อาศิระเดินไปตามทางซึ่งมีจุดสิ้นสุดที่ปลายท่า
เขาชอบทะเล ชอบที่มันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
มาที่นี่ทีไร ก็มีความสุขทุกครั้ง แต่ครั้งนี้....
อาศิระขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อเห็นอันธพาลกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมหน้าล้อมหลังผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
“ อย่ามายุ่งกับฉันนะ ” ผู้หญิงที่มีผมและนัยน์ตาสีแดง ซึ่งตกอยู่ในวงล้อมกล่าวขึ้น
“ ได้ยังไงล่ะจ๊ะน้องสาว ยังไงน้องก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้พี่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ” เดช ชายร่างกลมเตี้ยกล่าวขึ้น
“ใช่ พี่ชายฉันเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดที่นี่ เธอก็อย่าเล่นตัวไปเลยนะ รับรองถ้าได้อยู่กับพี่ชายฉัน เธอจะสบายไปทั้งชาติ ” เด่น น้องชายเดชที่มีรูปร่างไม่ต่างกันกล่าว
“ ฉันไม่ต้องการความสบาย ฉันดูแลตัวเองได้ มีแต่พวกนายล่ะที่จะเจ็บตัวถ้ามายุ่งกับฉัน ” เสียงหญิงผมแดงกล่าวน้ำเสียงเข้มแข็ง ดวงตาฉายประกายแข็งกร้าว
“ ใช่แล้วล่ะ ผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วย ยังจะมาตื้ออีก ” อาศิระเอ่ยปากยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ก่อนจะแทรกตัวเองออกจากวงล้อม
“ แบบนี้คนแถวบ้านฉันเรียกว่า ‘พวกไม่มีน้ำยา ’ รู้ไหม ? ”
เดช เด่นและพรรคพวกกัดฟันกรอดกับคำด่า
“ ไอ้หน้าอ่อน แกรู้ไหมว่าพวกฉันเป็นใคร ” เดชทำท่าวางมาด เด่นและพรรคพวกจึงทำตาม
บ้าหรือเปล่าว่ะ เก๊กอยู่ได้ ไม่เห็นจะเท่ห์เลย อาศิระบ่นในใจ
หญิงสาวผมแดงที่เคยเคราะห์ร้าย ตอนนี้กลับยิ้มออกมาราวกับกำลังตลกกับแหตุการณ์ตรงหน้า
“ แล้วพวกแกเป็นใครล่ะ ” อาศิระทำหน้าบ๊องแบ๊วสุดฤทธิ์ พวกอันธพาลเลิกเก๊ก ทำหน้าโกรธแค้นสุดขีด
“ พวกแกไม่ใช่พ่อใช่แม่ฉันสักหน่อย เพราะงั้นฉันไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกแก ”
“ วอนหาเรื่องตายแล้วไอ้หมอนี่ เฮ้ยพวกแก ” เด่น สั่งลูกน้อง
“ ลุยมันให้เดี้ยง ”
ฉับพลัน หมัดหนักหลายหมัดก็พุ่งเข้าหาอาศิระอย่างมุ่งร้าย อาศิระย่อตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียว
พลั่ก !
อาศิระหน้าหัน เพราะโดนหมัดหนึ่งเข้าเต็มหน้า
“ แน่จริง อย่าเล่นหมาหมู่สิว่ะ ” อาศิระโวยวาย รู้สึกมึนหัวไปหมด พอตั้งสติได้ก็ต่อสู้ด้วยท่าที่เคยเห็นพวกทหารในวังใช้ แต่พวกมันมีจำนวนมากกว่า สุดท้าย....
โครม !
โอ๊ยเจ็บ ! หลังฉัน
อาศิระครวญคราง เมื่อถูกโยนเข้าสู่แผงขายหอย และหลังกระทบถูกมันเข้า ซวยซ้ำซ้อนเมื่อพื้นสุดที่รักดึงเขาเข้าไปกระแทกอีกรอบ
โธ่เอ๊ย ! ไอ้พื้นบ้า ไม่ต้องรักฉันมากขนาดนี้ก็ได้
อาศิระถูกลูกน้องคนหนึ่งดึงตัวให้ยืนขึ้น และรวบมือไพล่หลัง
“ เป็นไง หายซ่าหรือยัง ” เดชถามอย่างสะใจ อาศิระจ้องหน้าเดชอย่างเคียดแค้น แม้ว่าใบหน้าเขาตอนนี้จะดูไม่ได้ เพราะโดนซ้อมจนอ่วมก็ตาม
ไอ้หน้าอ่อนนี่ ฝีมือห่วยเป็นบ้า เดชหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ สงสัยแกจะไม่ใช่คนแถวนี้ งั้นฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ ” เด่น ยิ้มเจ้าเล่ห์ “แถวนี้พวกฉันใหญ่สุด ใครที่บังอาจมายุ่งเรื่องของพวกฉัน อย่างต่ำก็ซี่โครงหัก อย่างหนักก็...... ” เด่นเอานิ้วชี้ปาดคอตัวเอง เป็นสัญญาณบ่งบอกถึง ‘ ตาย ’
“ งั้นลองชิมหมัดฉันหน่อยไหม ? ” แล้วเดชก็หวดกำปั้นใส่อาศิระทันที เมื่อเห็นว่าอาศิระหมดทางสู้แล้ว
ใครจะโง่เป็นเป้านิ่งให้แกอัดเล่า ไอ้พวกบ้า !
อาศิระก้มหลบทันที ทำให้คนที่จับมือเขาไว้เมื่อครู่โดนหมัดจากหัวหน้าสุดที่รักของมันเต็มๆ
โอ๊ย ! มันร้อง และสลบไปทันที อาศิระอาศัยจังหวะนั้น ผละตัวเองออกมา
ลูกน้องมันที่เหลือ รีบพุ่งตัวเข้าหาอาศิระ
ตายแน่ ! อาศิระคิดพลางเหลือบมองรอบตัว เพื่อหาอะไรก็ได้มาใช้เป็นอาวุธ แล้วอาศิระก็เห็นอะไรบางอย่างที่เรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผุดขึ้นบนหน้าที่เริ่มอูมแดง
พวกอันธพาลวิ่งพลางเงื้อหมัดเพื่อจะทำร้ายอาศิระโดยที่ไม่รู้เลยว่า ตัวเองกำลังจะเจอกับอะไร
เมื่อพวกมันอยู่ห่างจากอาศิระแค่คืบเดียว อาศิระก็เบี่ยงตัวเองออกจากที่ๆเคยอยู่อย่างรวดเร็ว
เฮ้ย ! ตูม !
เสียงคนตกน้ำ
“ ไหนว่าจะสั่งสอนฉัน ไหงเปลี่ยนใจลงไปเล่นน้ำกันซะล่ะ ” อาศิระเยาะเย้ยพวกลูกน้องที่ชอบใช้กำลัง แต่ไม่มีไหวพริบ จึงถูกลูกไม้เล็กๆของเขาเล่นงาน
ก็พวกมันดันลืมไปว่ากำลังสู้อยู่ที่ท่าเรือ ข้างๆคือน้ำทะเล เมื่อพวกมันวิ่งมาด้วยความเร็ว และอาศิระเบี่ยงตัวหลบ พวกมันจึงเบรกตัวเองไม่ทัน และตกน้ำไป
ฮ่าๆ ๆๆ อันนี้ไม่ใช่ความผิดเขานะ ก็พวกมันทำตัวเองทั้งนั้น ตรงกับคำพูดที่ว่า ‘ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ’ เลย จริงไหม ?
“ ลูกพี่ ช่วยด้วย ” พวกลูกน้องรีบส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เพราะพวกเขาว่ายน้ำไม่เป็น
“ ทำงานพลาดแล้วยังมาขอความช่วยเหลืออีกเหรอ กูไม่ช่วยหรอก ” เดชตอบ
อาศิระมองเดช และเด่นอย่างไม่ชอบใจ
“ ขนาดหมามันยังรักลูกตัวเองเลยนะ พวกแกเป็นคนแท้ๆ ทำไมไม่มีน้ำใจจะช่วยลูกน้องตัวเองล่ะ ” อาศิระเอ่ยด้วยความโกรธ
“ แกอยากเป็นพ่อพระ ก็ลงไปช่วยพวกมันเองสิ ” เด่นกล่าว อาศิระมองคนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่เบื้องล่างเพียงแวบเดียว ก่อนจะถอดรองเท้าและเขวี้ยงมันทิ้ง
แต่เมื่อเขาทำอย่างนั้น จู่ๆก็มีพลังบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน มาช่วยลูกน้องทั้งหมดของเดชขึ้นมา ก่อนที่อาศิระจะกระโดดลงไปด้วยซ้ำ
“ พ่อหนุ่ม ทำไมเก่งอย่างนี้ล่ะจ๊ะ แค่ถอดรองเท้าก็ช่วยคนขึ้นมาได้แล้ว ”
คิ้วอาศิระมุ่นเข้าหากัน รองเท้าฉันช่วยคนเนี่ยนะ ไม่จริงมั๊ง
“ นั่นสิ ตอนแรกคิดว่า พ่อหนุ่มเป็นคนไร้น้ำยาซะอีก แต่เมื่อกี้อ่ะนะ สุดยอดเลย ” พวกชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์พากันชื่นชมอาศิระยกใหญ่ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย
อาศิระหันมองรอบตัว เพื่อหาต้นตอของพลังประหลาด ก่อนจะพบพี่สุคนธ์กับพี่ทิวายืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวที่ชายฝั่ง
หยั่งงี้ ฉันก็ไม่กลัวว่าจะถูกรุมอีก อาศิระยิ้มกว้างอย่างวางใจ ก่อนจะรับสมอ้างว่า ‘ ตัวเองเก่ง ’
“ ตอนแรกฉันก็แค่ออมมือ เพื่อให้พวกแกดีใจไปเล่นๆ แต่เมื่อกี้ฉันเอาจริง ” ชาวบ้านส่งเสียงเชียร์อาศิระกระหึ่ม ผู้หญิงผมแดงยิ้มและสั่นหัวอย่างเหนื่อยใจ
“ พวกแกยังอยากจะมีเรื่องกับฉันอีกไหม ? ” อาศิระถาม เดชและเด่นมองหน้ากัน ก่อนจะปฏิเสธ เพราะกลัวเสียศักดิ์ศรี
“ ไม่ ฉันไม่ยอม เฮ้ย! พวกแก รุม ” เดชสั่ง แต่ไม่มีลูกน้องคนไหนทำตามคำสั่ง
“ เฮ้ย ! พวกแก ” เด่นสั่งอีกรอบ เมื่อพบว่าพี่ชายถูกพวกชาวบ้านหัวเราะที่สั่งลูกน้องไม่ได้
แต่........ลูกน้องก็ไม่ฟังคำสั่งของเด่นเหมือนกัน
“ ฉันว่า ก่อนจะสั่ง พวกแกน่าจะหันไปมองก่อนนะ ว่ายังมีใครอยู่ข้างพวกแกอีกบ้าง ” อาศิระเอ่ย เดชและเด่นหันไปมองรอบตัว ก็พบว่าพวกลูกน้องวิ่งหนีหางจุกตูดไปถึงต้นท่าแล้ว
“ ไอ้พวกบ้า ฉันเป็นเจ้านายพวกแกนะ มาทิ้งฉันแบบนี้ไม่ได้ เฮ้ย กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ” เดชสั่ง
“ พวกนายไม่ต้องสั่งแล้วล่ะ เพราะถ้าฉันเป็นคนพวกนั้น ฉันก็จะทิ้งพวกนายอย่างที่พวกเขาทำ ” อาศิระเอ่ย พวกชาวบ้านเห็นด้วยเป็นแถว
“ ในเมื่อเจ้านายอย่างพวกแกยังใจดำทิ้งให้พวกเขาจมน้ำตายได้ พวกเขา.....ก็มีสิทธิ์ทิ้งพวกนายได้เหมือนกัน ”
ความคิดเห็น