คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : รูปถ่าย
5
รูปถ่าย
หนึ่งคืนอันยาวนานได้ผ่านพ้นไป หลังจากที่เทวาอาการดีขึ้น อชิค่อยพาเขากลับไปหาอาจารย์เจตนา และรอคอยเวลาจนถึงรุ่งเช้าคณะเดินทางจึงสามารถออกนอกแปลงเกษตรไปได้อย่างราบรื่นกว่าที่คิด ที่บริเวณประตูหน้าได้กลายเป็นบริเวณร้างที่ไม่มีใครคอยคุมเฝ้าอีกต่อไป เนื่องจากผู้คุมทุกคนได้ถูกฆ่าทิ้งจนหมด และคนงานก็พากันหนีออกไปทางประตูหลัง ยามนี้จึงหลงเหลือแต่เพียงร่องรอยของการต่อสู้ รอยเลือดที่แห้งกรัง และร่างอันไร้ชีวิตให้พวกเธอได้รู้สึกสะท้านอยู่ในใจยามที่ก้าวพ้นออกไปจากที่แห่งนี้
…เหตุการณ์ที่เธอได้ประสบร่วมในครั้งนี้ หญิงสาวไม่อาจลืมมันได้ทั้งชีวิต
และด้วยเนื่องมาจากว่าความตั้งใจที่จะใช้แปลงเกษตรเป็นที่พักสักคืนได้ล้มเหลวไปอย่างเห็นได้ชัด คณะเดินทางจำต้องหาที่กางเต้นท์นอนหลังจากที่เริ่มเดินทางต่อได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงด้วยความเป็นห่วงสภาพร่างกายของเทวาที่ได้รับบาดเจ็บหนักพอสมควร โชคยังดีที่เทวาเตรียมพร้อมอุปกรณ์พยาบาลมาดี และปฐมพยาบาลตัวเองเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม แผลจึงไม่มีการติดเชื้ออักเสบ ถึงกระนั้นแล้วอาการบาดเจ็บของเขาก็เป็นเรื่องที่ต้องระวังรักษา และให้สบายใจเลยคือเดินทางกลับเสียตั้งแต่ตอนนี้
“ใกล้จะถึงแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
เทวาย้อนถามเสียงเรียบหลังจากที่อชิเริ่มเปิดประเด็นว่าควรหยุดการเดินทางไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้
“ผมไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก บาดแผลไม่ลึก” ชายหนุ่มว่าช้าๆ ขณะเหยียดยิ้มบาง “ถ้ากลับกันเสียตอนนี้ผมจะยิ่งไม่สบาย เราไปกันต่อเถอะ”
บทสนทนาในยามรุ่งเช้าของอีกวันหลังจากที่พักผ่อนในเต้นท์กันเต็มที่แล้วจบลงที่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่หญิงสาวปรึกษากับผู้เป็นอาจารย์อยู่เป็นนานสองนานก่อนจะเอาเรื่องนี้มาคุยกับเทวา
“ทนอีกครึ่งวันแล้วกันนะ” อาจารย์เจตนาถอนหายใจอย่างจำยอม ก่อนที่ดวงตาจะกลับมาคมปลาบ “แต่ถ้าเกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาเมื่อไหร่ เราจะกลับทันที”
“ผมสบายดีมาก”
“เทวา ผมน่ะตั้งใจเอาคุณมาเพื่อคอยดึงๆ พวกผมเอาไว้ ขืนคุณมาดึงดันอย่างนี้เสียเอง แบบนี้ผมทำใจลำบาก”
ชายชราดูมีท่าทียุ่งยากใจยามเอ่ย ขณะที่เทวาเพียงขยับยิ้มรับอย่างเย็นใจ หญิงสาวที่ทีแรกเป็นคนที่รู้สึกลำบากใจที่สุด ขณะนี้กลับต้องเป็นฝ่ายพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
…ก็อาจารย์น่ะ ไม่ชอบให้ใครมาเป็นตัวป่วนมากกว่าตัวเองน่ะสิ ให้มารับบทผู้ใหญ่คอยห้ามปรามอย่างนี้มันเหมาะกันเสียเมื่อไหร่ ขนาดตอนที่เธอจะทำงานจบเกี่ยวกับคาวาน นอกจากจะไม่ห้ามแล้วยังยุยงให้เธอใส่ให้เต็มที่อีก ยังบอกมาอีกว่า
‘การสื่อถึงความจริงน่ะ มีวิธีการอยู่มากมายที่ไม่ต้องพูดกันตรงๆ’
‘เขาถามมา คุณก็ไม่ต้องรับ แค่นั้นเอง’
อาจารย์เจตนามีหลายอย่างที่ทำให้เธอนึกถึงคาวาน เธอเลยชอบที่จะอยู่ด้วย แต่กระนั้นแล้วตัวตนของคาวานก็ยังคงชัดเจนที่สุดในความรู้สึกของเธอ
จะดีแค่ไหนถ้าคุณยังอยู่ตรงนี้ …?
ความคิดนี้มักทำให้เธอรู้สึกถึงพื้นที่กลวงเปล่าในหัวใจของเธอ
แล้วการเดินทางในครั้งนี้จะเติมเต็มช่องว่าง หรือจะขยายพื้นที่ว่างให้กว้างขึ้นนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอสงสัย
คณะเดินทางใกล้เข้ามาจนถึงปลายทางในที่สุด ท่ามกลางพื้นที่รกร้าง มีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่ยากจะจินตนาการถึงได้ว่าช่วงเวลาก่อนโลกเก่าจะล่มสลายนั้น มีเทคโนโลยีอันน่าตื่นตาตื่นใจบรรจุเอาไว้ภายในนี้มากมายเท่าไหร่ ลิฟท์ที่เคลื่อนที่จากชั้นแรกไปจนถึงชั้นสุดท้ายได้ภายในหน่วยเวลาวินาที เครื่องเร่งอนุภาค หุ่นยนต์ เครื่องพิมพ์สามมิติ หากแต่ความสนใจทั้งหมดทั้งมวลของอชิจดจ่ออยู่เพียงว่าคาวานได้ซ่อนห้องทำงานของเขาเอาไว้ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีใครพบเจอ
…มีอยู่จริงหรือ สถานที่ว่านั่น
“คาวานมีพี่ชายต่างพ่ออยู่หนึ่งคน เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทขนาดยักษ์ชื่อว่าเอสสัน ปาคาล เราเคยเข้าใจว่าคาวานนั้นมีปัญหากับครอบครัวและได้แยกตัวออกมาในภายหลัง จึงไม่ค่อยมีใครรู้ว่าคาวานมีน้องชาย แต่ฉันพบมาว่ามีการติดต่อกันอย่างลับๆ ระหว่างคาวานกับปาคาลมาตั้งแต่ภายในห้าปีแรกที่คาวานเริ่มเข้าทำงานให้กับองค์กรลับของกลุ่มสแกนดิเนเวียที่เริ่มต้นโครงการออร์โบโนวาซึ่งคาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของโลกเก่า ”
ชายชราเริ่มต้นอธิบายหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดได้ผูกม้าทิ้งไว้ทางด้านหน้า และเริ่มต้นก้าวเข้าไปในบริเวณซากปรัก ทั้งสามต่างสวมใส่ถุงมือยางสีขาว
“ดูเหมือนว่าห้องลับนี้จะถูกสร้างขึ้นหลังจากที่ปาคาลได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท และหนึ่งปีก่อนที่โลกเก่าจะล่มสลาย ก็ได้มีข่าวการตายของคาวาน” เจตนาเหลือบมองหญิงสาวที่ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยอาการสงบนิ่ง “แต่ฉันเพิ่งจะได้หลักฐานสำคัญมาเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ช่วงเวลาที่คาวานน่าจะตายไปแล้ว เขาอาจใช้ชีวิตซ่อนตัวอยู่ที่ห้องวิจัยลับใต้ดินซึ่งน้องชายของเขาได้สร้างไว้ให้”
“ผมเองก็ไม่เคยเข้าไปข้างในนั้น และไม่อาจบอกได้ว่า เราจะกลับไปมือเปล่า…หรือได้พบความลับที่คาวานได้ซ่อนเอาไว้ในช่วงเวลาหนึ่งปีก่อนที่โลกเก่าจะล่มสลาย”
ดวงตาของหญิงสาววูบไหว…
เมื่อภาพของบุรุษในความทรงจำที่กำลังจะตายอยู่ที่นี่ถูกจำลองขึ้นมาในมโนภาพ
จะทำอย่างไหร่หากไม่ใช่แค่ความลับของคาวานจะถูกค้นพบขึ้นที่นี่ แต่ที่นี่จะยังเป็นสถานที่สุดท้ายซึ่งเขาได้ทิ้งลมหายใจไป
ที่แท้แล้ว…เธอไล่ตามเขามาเพื่ออะไรกัน?
เพื่อความปรารถนาสุดท้ายที่เขาได้ฝากเอาไว้กับเธอ หรือเพื่อความปรารถนาของเธอที่เริ่มต้นขึ้นมานับตั้งแต่เขาจากไป?
“ข้างในนี้”
ชายชราเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่พวกเขาทั้งหมดมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องๆ หนึ่งซึ่งถูกซ่อนอยู่ในชั้นที่ลึกลงมาใต้ดิน ทั้งประตูและผนังโดยรอบถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะอย่างเดียวกัน ทางด้านเข้าถูกล๊อคเอาไว้ด้วยระบบแสกนม่านตา และรหัสหกตัว
“เรื่องระบบสแกนม่านตาผมเตรียมวิธีแก้มาแล้ว ส่วนรหัสหกตัวนั้นค่อยวัดใจกันว่าเราจะเข้าไปได้อย่างมีอารยะหรือใช้กำลังแบบคนเถื่อน”
อาจารย์เจตนาว่าพลางเอาแผ่นขนาดบางทาบลงที่ช่องแสกนม่านตา อชิไม่รู้ระบบการทำงานของเครื่อง แต่ดูเหมือนว่าขั้นตอนตรวจสอบลายนิ้วมือจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“จากลักษณะของคาวานที่ศึกษามา มีแนวโน้มมากว่ารหัสหกตัวนั้นจะเป็นตัวเลขแบบสุ่ม มากกว่าจะใช้ตัวเลขที่มีความเชื่อมโยงกับตัวเอง”
เทวาเอ่ยเสียงเครียด หันมองชายชราซึ่งถูกตั้งความหวังเอาไว้ว่าได้เตรียมการแก้ปัญหาเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว
“คราวก่อนผมมาพร้อมกับช่างเทคนิคฝีมือดี แต่ระบบของที่นี่ซับซ้อนเกินกว่าความรู้ของมนุษย์โลกใหม่หลายก้าว อาจต้องใช้วิธีระเบิดประตูเอา ผมไม่ค่อยอยาก เพราะหลักฐานสำคัญข้างในเสียหาย แต่ถ้าไม่มีทางเลือกก็ต้องทำ”
น้ำเสียงเรียบเฉยของเจตนาทำให้หนุ่มสาวทั้งสองพร้อมใจกันสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หญิงสาวยกแขนขึ้นมากอดอก สายตาจดจ้องอยู่ที่เครื่องคีย์รหัสอย่างครุ่นคิด
“เรื่องน่าจะต่างออกไป ถ้าคาวานต้องการให้ห้องนี้ถูกค้นพบ”
เธอว่าพลางขยับก้าวเข้าไป
“ถ้าคีย์รหัสผิดติดกันสามครั้ง ห้องจะปิดล๊อคเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง”
ผู้เป็นอาจารย์เอ่ยเตือน ทว่าหญิงสาวไม่สนใจ
หกตัว…รหัสหกตัว…
อชิสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมกับความรู้สึกมั่นใจบางอย่างที่วิ่งพล่านเข้ามาอย่างน่าประหลาด…คาวานจะต้องอยากให้เธอได้เข้าไปเห็นสิ่งที่อยู่ในนี้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นด้วยอุปนิสัยของเขาแล้วคงทำลายสถานที่แห่งนี้ทิ้งไปตั้งแต่คราวที่เขาเดินทางมายังอนาคต
หญิงสาวรวบรวมความมั่นใจอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปคีย์รหัสลงบนเครื่อง
ปุ่มไฟจุดติดขึ้นเป็นแสงสีเขียว
“…ผ่านรึนี่”
เจตนาส่งเสียงครางด้วยความประหลาดใจ
“รหัสคืออะไร”
กระทั่งเทวายังจ้องมองเธออย่างฉงน ดวงตาคมปลาบภายใต้แว่นทรงกลมนั้นจ้องมองมาที่เธอด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน หากแต่หญิงสาวมองข้ามคำถามที่อยู่ในแววตาของคนทั้งสอง และดื่มด่ำอยู่กับอารมณ์ซาบซึ้งใจของตัวเองที่มีต่อชายผู้อยู่ในอดีต
อชิยกมือขึ้นแตะบานประตูอย่างนุ่มนวล…
น้ำตาเอ่อคลอ
…รหัสคือวันเกิดของเธอ…
หญิงสาวจ้องมองบานประตูซึ่งยามนี้กลไกขยับเปิดทางให้เธอก้าวเข้าไปในห้องที่ถูกปิดล๊อคมานาน เธอออกแรงที่ฝ่ามือ ก้าวย่างเข้าไปด้านในด้วยหัวใจที่เงียบสงบ
อะไรกันคือสิ่งที่คุณอยากให้ฉันได้เห็น?
สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นแก่สายตาเมื่อคณะเดินทางได้เข้ามาหยุดยืนอยู่ภายในห้อง คือเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ มีสายไฟห้อยโยงรยางค์ พวกเขาไม่รู้ว่าเครื่องนี้มีไว้ทำอะไร แต่สิ่งที่แน่ชัดในความรู้สึกก็คือ สิ่งนี้อาจเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่เขาได้ประสบมา
“สภาพสมบูรณ์มาก”
อาจารย์เจตนาอุทานออกมาด้วยความรู้สึกทึ่ง ไม่รีรอที่จะก้าวเข้าไปพิจารนาใกล้ๆ อย่างกระตือรือร้น ราวกับว่าไม่หลงเหลือความสนใจให้กับพื้นที่อื่น ขณะที่เทวายังคงกวาดตามองไปโดยรอบ และเมื่อแน่ชัดดีแล้วว่าภายในห้องแห่งนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นประเด็นสำคัญเท่ากับเจ้าเครื่องจักรขนาดใหญ่นี่อีก เขาก็ตัดสินใจก้าวตามเข้าไปสำรวจ
“ยังทำงานได้ไหม”
“ผมจะพาช่างเทคนิคที่ไว้ใจได้มาตรวจสอบดูอีกที…นี่มันมีไว้ทำอะไรกันแน่นะ เกินความคาดหมายจริงๆ”
ในการเดินทางครั้งนี้เจตนาจงใจเลือกสรรมาเฉพาะคนที่เขาให้ความไว้วางใจ จึงไม่ได้นำผู้เชี่ยวชาญในแขนงอื่นๆ มาเผื่อ เนื่องด้วยการกระทำของพวกเขาครั้งนี้ หากล่วงรู้ไปถึงพวกเงาเมื่อไหร่ก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด ยังไม่นับเรื่องที่ในยามนี้คาวานได้กลายเป็นกุญแจสำคัญของการล่มสลายของโลกเก่าอีกด้วย
…บางทีอาจจะเป็นไทม์แมชชีน
อชิคิดพลางจ้องมองเครื่องจักรด้วยสายตาเรียบนิ่ง เธอไม่ได้เอ่ยถึงความคาดเดาของตัวเองออกไป ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างละเอียดถี่ถ้วน หยุดลง…และจดจ่ออยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นโต๊ะทำงานของคาวาน มันดึงดูดเธออย่างเหลือเชื่อ
หญิงสาวเอื้อมแตะมือของตัวเอง สัมผัสได้ถึงไออุ่นภายใต้ถุงมือยาง ขณะที่ขาก็พาร่างก้าวเข้าไปใกล้ รีบเร่งทว่าระแวดระวัง ไม่ทันที่ความคิดจะได้ทันทำงาน เธอเอื้อมดึงส่วนที่ดูคล้ายกับลิ้นชักออกมา ภายในนั้นมีหนังสือเล่มโต และเอกสารมากมายบรรจุอยู่ เธอตั้งใจจะเอ่ยเรียกให้อาจารย์เจตนาเดินมาดู บางทีในนี้คงมีอะไรที่บ่งบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องจักรที่แสนจะน่าทึ่งนั่น…
ทว่าสายตาของเธอได้หยุดลงที่รูปใบหนึ่ง มันคว่ำลงนอนนิ่งอยู่บนกองเอกสารทั้งหลาย
เธอหยิบมันขึ้นมาโดยไม่คิดอะไร พลิกกลับเพื่อดูว่าเป็นรูปอะไร
…ลมหายใจของเธอหยุดชะงัก…
คาวานในแบบที่เธอเคยคุ้น
และข้างๆ นั้นมีอชิยืนอยู่
ไม่ใช่อชิที่เป็นเด็กสาว แต่เป็นอชิที่เป็นหญิงสาว
“อะไรหรืออชิ”
เทวาเอ่ยถาม สายตาจับจ้องสังเกตมาที่หญิงสาวซึ่งยืนนิ่งไม่ไหวติงมาได้พักหนึ่งแล้ว อชิรีบเก็บซ่อนรูปใบนั้นเอาไว้ใต้ร่มเสื้อ ก่อนจะหันไปตอบชายหนุ่มด้วยท่าทางปกติ
“เอกสารน่ะค่ะ น่าจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องนี้ด้วย”
เธอหันปลายนิ้วไปที่เครื่องจักร เห็นอาจารย์เจตนาเริ่มเบนความสนใจมาที่เธอ ก่อนที่สองหนุ่มต่างวัยจะเดินเข้ามาหา และจ้องมองกองเอกสารที่อชิหยิบยกขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างสนอกสนใจ
ชายชราสะดุดตาอยู่กับเอกสารชุดหนึ่ง เย็บมุมที่หัวอย่างง่ายๆ และเป็นเพียงกลุ่มกระดาษไม่กี่แผ่น เขาเอื้อมหยิบมันขึ้นมาอ่านพิจารนาอย่างผ่านๆ มือที่ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดชะงักค้างที่หน้าหนึ่งซึ่งมีภาพเสก๊ตของเครื่องจักรนั้นอย่างชัดเจน
มีอักษรเขียนกำกับเอาไว้อย่างลวกๆ แปลได้ใจความว่า ‘ข้ามเวลา’
“การเดินทางไปยังอนาคตหรือย้อนไปในอดีตเป็นไปได้แค่ไหนนะเทวา”
เจตนาเปรยถาม เขาเป็นเพียงนักประวัติศาสตร์ที่อ่อนด้อยเรื่องวิทยาการ ในขณะที่เทวาเป็นจิตแพทย์ที่นอกจากจะเด่นเรื่องจิตวิทยา ยังเป็นคนที่รอบรู้อะไรอย่างกว้างขวางอีกด้วย แน่นอนว่าชายหนุ่มอาจไม่ใช่มือดีที่สุดในแต่ละเรื่อง หากก็เป็นบุคคลเอนกประสงค์ที่ชายชรานึกถูกใจ
“โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเดินทางไปในอนาคตมีความเป็นไปได้ การเทเลพอร์ตที่เราใช้กันในทุกวันนี้ก็มีความใกล้เคียงกับการเดินทางไปยังอนาคต แต่การย้อนกลับไปในอดีตผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร”
เทวาตอบเรียบๆ หากแต่สีหน้าท่าทางให้ความสนใจที่เอกสารในมือของอาจารย์เจตนาไม่แพ้กัน
“สิ่งนี้คือไทม์แมชชีนหรือครับ ทำงานได้จริงไหม?”
“คงต้องตรวจสอบกันอีกที แต่ถ้าเกิดเจ้านี่เป็นของจริง คงต้องเป็นเรื่องใหญ่ระดับมนุษยชาติเลย”
คำตอบของผู้อาวุโสทำให้อีกหนุ่มสาวทั้งสองได้แต่ยืนเงียบ มีเพียงอชิเท่านั้นที่นิ่งเงียบไปด้วยรู้ดีว่า…ใช่ ของจริงไม่ผิดแน่
“เราจะเก็บหลักฐานและเอกสารที่สำคัญกับไปวิเคราะห์กันอีกที ข้อมูลพวกนี้ต้องใช้เวลาในการแปล เผื่อว่าเราอาจได้ข้อมูลอะไรที่น่าสนใจยิ่งไปกว่าไทม์แมชชีน”
…ทว่าภายในวันนั้น
พวกเราไม่ได้พบอะไรมากไปกว่าเท่าที่มี
ความคิดเห็น