คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : การหนีเรียนครั้งเเรกของอชิ
13
การหนีเรียนครั้งแรกของอชิ
กุลินหงายข้อมือขึ้นมารอการแจ้งเตือนเผื่อว่าจะมีข้อความเข้ามาอยู่หลายครั้งในระหว่างที่อยู่ยังคงอยู่ในห้องสมุดโรงเรียนด้วยกัน เด็กสาวได้แต่ดันหนังสือกลับเข้าไปที่ชั้นเก็บหนังสือพลางเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าเธอกำลังรอคอยอะไร ทั้งที่เมื่อครู่บอกกับเธอมาว่าจะต้องรีบไปจากที่นี่
“จริงสิอชิ…ปลอมตัวเป็นผู้ชายด้วยจะดีกว่านะ”
กุลินหันมา หลังจากที่ช่วยกันจัดเก็บเอกสารและหนังสือทั้งหมดจนเข้าที่เรียบร้อย คล้ายกับว่าหญิงสาวรู้ตัวว่าอชิลอบมองมาอย่างสงสัยอยู่หลายครั้ง
“ค่ะ” เด็กสาวรับคำอย่างว่าง่าย ถึงกระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “พี่กุลินรออะไรอยู่เหรอคะ”
“รอสัญญาณ”
“สัญญาณ?”
เด็กสาวทวนคำอย่างฉงน กุลินมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ดูเหมือนว่าเทวาจะมีปัญหา”
ภายในห้องน้ำชายของตึกสี่กอ ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบของเด็กนักเรียน จ้องมองใบหน้าของตนที่สะท้อนอยู่บนผืนกระจกอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจถอดแว่นออก ส่งผลให้ใบหน้าคมเข้มนั้นดูอ่อนเยาว์ลงไปมาก
หากแต่เพียงเท่านี้ยังไม่พอ…เทวาครุ่นคิด
ชายหนุ่มเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบหน้าของตัวเอง โดยการใช้ข้อมูลที่เขียนขึ้นมาจนเป็นภาพโปรแกรมสามมิติทับลงบนใบหน้าเดิม ทว่าด้วยฝีมือของเขานั้นไม่สามารถทำให้ใบหน้าเปลี่ยนไปได้มากเหมือนคนละคน แต่เพียงเท่านี้ก็คงไม่มีใครในโรงเรียนจดจำเขาได้อีกแน่
เทวาขยับยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างอาจารย์เจตน์
‘จริงๆ แล้วเรื่องนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของคนอื่นไม่ใช่หรือ’
‘ครับ แต่แผนมีการเปลี่ยนแปลง เวลานี้ต้องผมเท่านั้นถึงจะพยุงสถานการณ์ได้’
‘จากที่คุณอธิบายมาเมื่อครู่น่ะผมเข้าใจ แต่ทำไมถึงเป็นกุลิน ’
น้ำเสียงของอาจารย์เจตน์ยังคงราบเรียบ หากแต่เทวาสัมผัสถึงปลายเสียงที่สั่นเล็กน้อยในตอนท้าย
‘เทียบกันทั้งหมดแล้วกุลินออกจะดูเปราะบางเกินไปก็จริง แต่เรื่องใจเธอไม่แพ้ใครครับ อีกทั้งคงจะไม่มีใครจะเข้ากับอชิได้ดีไปกว่าเธอ’
‘ผมรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนเก่ง ถึงเวลาเอาจริงก็ละเอียดรอบคอบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เพียงแต่…’ เจตน์หันกลับมาสบตากับชายหนุ่ม ‘ความใจอ่อนที่เขาพยายามซ่อนอยู่ต่างหาก ที่ผมห่วง’
‘กุลินได้ยินคุณว่าอย่างนี้คงดีใจน่าดู’
อาจารย์เจตน์ถอนหายใจ
“เอาเถอะ ผมขอตัวไปทำหน้าที่ก่อน เดี๋ยวจะมีคนสงสัยได้”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างน้ำ จ้องมองใบหน้าที่แปลกออกไปของตัวเองในบานกระจกอีกครั้ง แม้จะอดรู้สึกพะวงอยู่บ้างไม่ได้เพราะนี่เป็นภารกิจแรกของกุลิน หากแต่เวลานี้เขาคงทำได้เพียงเชื่อมั่นในตัวของกุลิน
เขามีความเชื่อมั่น…ว่าหากกุลินเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา…
…อชินี่แหละที่จะเป็นคนคอยหนุนนำเธอเอง
เมื่อตัดความกังวลทุกอย่างออกไปแล้ว ความคิดของเทวาก็กลับมาคมชัดอีกครั้ง ชายหนุ่มจัดเก็บทุกอย่างให้กลับไปเป็นดังเดิมเหมือนเช่นว่าเขาไม่เคยเข้ามาในนี้มาก่อน เทวาจ้องมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เห็นแววตาของตัวเองที่มุ่งมั่นปราศจากความลังเล
…ได้เวลาเริ่มต้นภารกิจ!
ที่นี้ไม่ผิดแน่…
ชายหนุ่มจ้องมองสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นคอกม้าเก่า ก่อนจะก้มลงมองผังกล้องวงจรปิดที่อยู่ในมือแล้วอดที่จะคิดไม่ได้ ว่าพวกเขานั้นช่างโชคดีจริงๆ ที่สถานที่ซึ่งพวกเขากำลังยืนอยู่ในขณะนี้คือเขต 5 ซึ่งนับว่าเป็นเขตที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นน้อยสุดในบรรดาทั้ง 13 เขต อีกทั้งโรงเรียนของอชิก็จัดว่าเป็นโรงเรียนเล็ก เด็กระดับหัวกระทิมีอยู่ไม่กี่คน ดังนั้นความเข้มงวดในการจับตามองจากพวกผู้คุมกฏจึงหย่อนลงมา
มีกล้องวงจรปิดอยู่บางตัวที่เสียอยู่ แต่ไม่ได้รับการใส่ใจแก้ไข อาจเป็นเพราะตั้งแต่โรงเรียนนี้ตั้งขึ้นมาก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรให้ต้องสงสัย
ทว่าถึงแม้ระดับการจับตามองจะหย่อนลงมาถึงขนาดนี้ แต่ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว
…ก็คือจบกัน!
ชายหนุ่มตีสีหน้าเคร่งเครียด สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงไปทางบริเวณจุดบอดของกล้อง และผ่อนลมหายใจออกมาได้อย่างคลายใจขึ้นเมื่อในที่สุดเขาก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งที่ใส่กุญแจล็อครหัสไว้เป็นอย่างดี
เทวาขยับยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะสอดเครื่องมือขนาดเล็กไว้ที่ช่องว่างใต้ประตูอย่างเบามือ และถอยเท้าออกมายืนรอที่มุมหนึ่ง
พลันเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา!
ชายหนุ่มสะดุ้ง รีบคว้าเครื่องมือนั่นออกมาจากบริเวณใต้ประตู ทว่าด้วยอารามร้อนรน แทนที่เครื่องมือนั้นจะติดมือกลับมา กลับถูกดันลึกเข้าไปในห้อง!
เหงื่อซึมชื้นออกมาตามแผ่นหลังขณะที่เสียงฝีเท้านั้นเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ชายหนุ่มคว้าเอาเศษลวดที่ตกอยู่แถวๆ นั้นขึ้นมาเขี่ยเครื่องมือกลับเข้ามาในมือได้ในที่สุด
แย่ล่ะสิ!…กำลังจะเข้ามาแล้ว ชายหนุ่มเร่งมองหาทางออก
สายตาสะดุดเข้าที่จุดหนึ่ง
“แย่จริง สายไปนิดเดียวก็ส่งข้อความเข้ามาจิกอยู่ได้”
ชายในร่างสูงใหญ่ พุงโต ไว้หนวดเคราะรุงรังเดินเข้ามาในบริเวณคอกม้าร้างพร้อมกับบ่นพึมพำ
“เฮ้ย!!” ชายคนนั้นร้องขึ้น “ฉันมาแล้ว! เปิดประตูซิ!”
เทวาซึ่งหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในตู้เก็บของได้อย่างฉิวเฉียด ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก มือหนาค่อยๆ งับประตูตู้เข้ามาปิดสนิทอย่างเบามือ เงี่ยหูรอฟังความเคลื่อนไหวภายใต้ความมืด
“แกมาช้าไปเป็นชั่วโมง”
เสียงของชายอีกคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่แง้มเปิดออก ทำให้เทวาพอจะสรุปได้ว่าชายร่างใหญ่ที่เพิ่งจะเข้ามาในคอกม้านั้นมาเลทจากเวลาในการผลัดเปลี่ยนเวร
ดูเหมือนว่าอาจารย์เจตน์จะยังคงทำงานได้อย่างรอบคอบเช่นเคย…ข้อมูลที่ให้มานั้นยังคงแม่นยำ ละเอียดรอบคอบ ไม่มองข้ามแม้กระทั่งเวลาผลัดเปลี่ยนเวรทำงาน
แต่ที่เกือบพลาดไปเป็นเพราะปัจจัยที่เกินจากความคาดเดานั้นอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
…นับจากนี้เขาคงต้องระมัดระวังยิ่งขึ้นไปอีก
เครื่องมือขนาดเล็กถูกสอดเข้าไปใต้ประตูอีกครั้ง ปล่อยควันสลบจางๆ ขนาดตาเปล่ามองไม่เห็นเข้าไปในห้อง ทิ้งเวลาไว้จนแน่ใจว่าคนเฝ้าเวรในห้องหมดสติไปเรียบร้อย จึงเป็นเวลาที่เทวาเริ่มดำเนินแผนต่อ ชายหนุ่มอาศัยรหัสผ่านที่ได้มาจากอาจารย์เจตน์เปิดล็อคประตูเข้าไปด้านใน สายตาเหลือบมองด้านหลัง และรอบข้างอย่างระแวดระวัง ก่อนจะพาร่างเข้าไปในห้องแล้วงับประตูเข้ามาปิด
สภาพภายในห้องแตกต่างจากสภาพของคอกม้าร้างด้านนอกราวกับหลุดเข้ามาอีกโลก
ชายหนุ่มปลายตามองร่างที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ เหยียดยิ้มข้างมุมปาก ก่อนจะแหงนมองจอภาพนับสิบจอเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจ เทวาลองค้นหาภาพภายในห้องสมุดซึ่งกุลินและอชิน่าจะกำลังอยู่ในขณะนี้ ก่อนจะพบเพียงจอภาพมืดๆ อันเนื่องมาจากกล้องที่เสียอยู่
ห้องเล็กๆ แห่งนี้คือห้องที่ใช้ตรวจกล้องวงจรปิดทั้งหมดภายในโรงเรียนนี้นี่เอง ใครจะรู้ว่ามีสถานที่เช่นนี้ซ่อนอยู่ในคอกม้าร้างที่ไม่มีใครเข้ามาใช้งานอีกต่อไป พวกผู้คุมกฎจับตามองพวกเราตลอดมา จับตามองแม้กระทั่งเด็กๆ และครูในโรงเรียน และพร้อมที่จะเข้ามาจัดการขั้นเด็ดขาดอย่างลับๆ ได้ทุกเมื่อ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ใช้คำว่าตรวจสุขภาพเหมือนเรื่องปกติทั่วไป ไม่มีสิ่งแอบแฝง…
…ทว่าแท้จริงแล้วก็มีเพื่อคัดประชากรที่ไม่ได้ตามแบบแผนของพวกมันออกไป!
เทวาเหยียดยิ้ม ก่อนจะเริ่มลงมือป้อนโปรแกรมตามแผนที่ได้รับมอบหมายมา…คงต้องเจอกันหน่อย ในเมื่อพวกมันทำตัวเหมือนเงา พวกเขาก็จะเป็นผีให้ดู!
“พ่อมดเทวาเปิดทางให้แล้ว”
กุลินยิ้มร่า ก่อนจะหันเรียกเด็กสาว
“พร้อมรึยังอชิ?”
“พร้อมค่ะ”
อชิตอบพร้อมกับเดินออกมาจากหลังชั้นหนังสือ จากเด็กสาวได้แปรเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่ม เธอแย้มยิ้มกว้างให้กับกุลินที่จ้องมองมาอย่างสนใจ
“หล่อเชียว มีแฟนยังจ๊ะ”
กุลินแซว อชิแอบขนลุกอยู่ไม่น้อย
“ยังค่ะ”
หญิงสาวมองอชิในคราบเด็กหนุ่มพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ทำตัวแมนๆ หน่อยสิ” กุลินเดินเข้ามาตบบ่าแรงๆ ก่อนจะยื่นของสิ่งหนึ่งให้” อะ เอานี่ไปติด”
“อะไรคะ”
อชิรับมา ก่อนจะเพ่งพิจารนาเม็ดกลมๆ ที่นอนกลิ้งอยู่ในมืออย่างสนใจ ขนาดมันเล็กเท่ากับเม็กถั่ว ผิวเรียบลื่นมันวาวและเบาเสียจนแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก
“มันจะแผ่คลื่นแม่เหล็กออกมาปกคลุมรอบตัวอชิ กล้องวงจรปิดภายในโรงเรียนจะไม่สามารถจับภาพเธอได้ เราจะต้องออกไปจากโรงเรียนโดยที่ไม่มีใครพบเห็นตัวเธอ”
กุลินเบือนหน้าไปอีกทาง ใบหน้าครึ่งหนึ่งภายใต้เงาปรากฏรอยยิ้มเหยียดที่มุมปาก รอยยิ้มและสายตาของหญิงสาวในยามนี้ทำให้อชิสะดุ้งในใจ เสี้ยวนาทีหนึ่งที่ภาพของหญิงสาวธรรมดาอย่างกุลินได้หายไป กลายเป็นผู้หญิงอีกคนซึ่งเธอไม่รู้จัก แววตาที่เคยอ่อนใสสะท้อนถึงความไร้เดียงสากลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งร้าย
ก่อนที่ใบหน้านั้นจะกลับมาเป็นพี่กุลิน เจ้าของรอยยิ้มสบายตาคนเดิม
“มนุษย์ทุกคนไม่อาจสลัดทิ้งเงาที่ตามติดตัวได้ แต่ผีนั้นไม่มีเงา” กุลินหันกลับมาสบตากับเด็กสาว แววตานั้นสะท้อนความซุกซน “แต่อย่างอชิ บอกว่าเป็นพรายน้ำจะดูน่ารักกว่านะ”
“น่ากลัวออก”
อชิบ่น เธอไม่เข้าใจที่กุลินพูดมานักหรอก แต่เธอไม่ชอบเรื่องผีๆ สางๆ เท่าไหร่
“เมื่อกี้พี่กุลินทำหน้าตาน่ากลัวจัง”
เด็กสาวว่าเบาๆ ไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน หากแต่เพราะห้องที่เงียบงันจนเกินไป กุลินได้ฟังแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“อย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวหัวเราะ “เอ้า พอๆ ไปกันเสียที นี่ภารกิจใหญ่และจริงจังสุดยอดนะ!”
จากการทำงานของเทวา โปรแกรมที่ถูกป้อนเข้าไปในระบบควบคุมกล้องวงจรปิดส่งผลให้ภาพของอชิไม่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอมอนิเตอร์ ดังนั้นภาพที่เห็นจึงมีเพียงกุลินคนเดียวเท่านั้นที่เดินออกไปจากบริเวณโรงเรียน ทั้งที่ในความเป็นจริงอชิในคราบของเด็กหนุ่มก็เดินอยู่ข้างตัวหญิงสาว
นอกเหนือจากนั้นโปรแกรมที่เทวาได้ป้อนเข้าไปยังส่งผลอีกอย่าง คือทำให้โปรแกรมเมอร์มือดีที่อยู่ไกลออกไปสามารถอาศัยช่องว่างของระบบ แทรกแซงเข้ามาควบคุมและทำการลบภาพการมีตัวตนทั้งหมดของอชิในช่วงเช้าของวันที่โรงเรียนทั้งหมด แม้ว่าการทำงานทั้งหมดนี้จะไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ แต่ก็เพียงพอสำหรับในตอนนี้
แผนการครึ่งแรกดำเนินไปด้วยดี เทวายังมีอีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำระหว่างที่รอการกลับมาของกุลิน
“งานต่อไปที่คุณจะทำ คงไม่ง่ายอย่างที่ผ่านมา”
เจตน์ว่าขึ้น หลังจากที่ได้ฟังสรุปการดำเนินแผนของเทวาทั้งหมด
“ผมรู้ ผมยังคงไม่มั่นใจแม้ว่าจะเตรียมตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้มานาน” เทวาถอนหายใจ “ถึงอย่างไรผมก็พลาดไม่ได้”
“ตั้งแต่ปานภพถูกจับตัวไป สายตาของเงาก็เริ่มจับมาที่อชิ ผมได้ยินจากปวีร์แม่ของเธอมาว่าข้อมูลของอชิทั้งหมดถูกเรียกให้ส่งไปถึงพวกผู้คุมกฏ ยังดีที่ประวัติที่ผ่านมาของอชินั้นดีเยี่ยมไม่มีปัญหา เรื่องถึงผ่านไปได้โดยที่ยังไม่มีการเพ่งเล็งเป็นพิเศษมาถึงตัวเด็ก” สายตาเฉียบคมของอาจารย์เจตน์เบนมาจับจ้องที่เทวา “ก่อนหน้านั้นคุณได้ทำอะไรลงไป”
“อย่างที่คุณรู้ ในการประเมินผลการทดสอบทางบุคลิกภาพของเด็กในปีนี้ นอกจากผมรับผิดชอบเขตนี้แล้ว ผมยังถูกเรียกตัวไปที่เขตหนึ่งอีกด้วย”
เทวาขยับยิ้มที่มุมปาก หากเขต 5 ที่ซึ่งเขากำลังนั่งอยู่ตรงนี้เป็นเขตที่ทางการให้การละเลยที่สุด เขต 1 นั้นก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่งซึ่งตรงข้ามกัน เขต 1 นั้นเป็นเขตใหญ่ สายตาของเงาเกือบทั้งหมดครอบคลุมและให้ความสนใจกับเขตนี้ เพราะเป็นเขตที่ผลิตประชากรคุณภาพออกมามากที่สุด
“ผมได้ใช้โอกาสนั้น…กระตุ้นให้อาจารย์คนหนึ่งก่อกบฏ”
“อย่างนี้นี่เอง ผมได้ยินข่าวมาว่ามีอาจารย์เขตหนึ่งคนหนึ่งนำเนื้อหาต้องห้ามมาสอนเด็ก ทางการคลั่งไปเลยทีเดียว” สีหน้าของอาจารย์เจตน์พลันเคร่งเครียดขณะเอ่ย “ผมเพิ่งจะได้ร่วมงานกับคุณไม่นาน ผมไม่อยากพูดมาก แต่ในฐานะที่ครั้งนี้ผมเป็นหัวหน้าทีม ผมอยากจะบอกไว้ก่อนว่าผมไม่สนับสนุนวิธีการรุนแรง”
“อาจด้วยเหตุผลนี้ ผมถึงถูกส่งมาอยู่ในความควบคุมของคุณ” เทวายิ้ม สายตาแสดงออกถึงความท้าทาย ก่อนจะยกมือขึ้นดันแว่น แววตากลับมานิ่งสงบอีกครั้ง “สองปีไม่เกินนี้ครับอาจารย์เจตน์…ถึงอย่างไรอาจารย์คนนั้นจะต้องก่อเรื่องอย่างนี้อยู่ดี ผมได้พูดคุยกับเขา ในหัวของเขาวนเวียนอยู่กับเรื่องต้องห้ามที่อยากจะนำมาสอน”
“เมื่อไหร่ดีนะ? ค่อยๆ แทรกสอดเข้าไปทีละน้อยดีไหม?…เขาวนเวียนอยู่กับความคิดเช่นนี้”
“เอาเถอะ ผมยอมรับว่าแผนเบี่ยงเบนความสนใจของคุณนั้นส่งผลออกมาดี แม้ว่าจะค่อนข้างขัดกับมโนสำนึกของผมก็ตาม” เจตน์เอ่ยขึ้นตัดบท สายตาหลุบลงต่ำ มือหนายกขึ้นแตะริมฝีปากอย่างเป็นกังวล “บางครั้งคุณก็ทำให้ผมนึกถึงนารา”
“อาจารย์ครับ” เทวาขัดขึ้น “ความมุ่งหวังทั้งหมดของผมมีเพียงเพื่อปกป้อง…และนั่นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
สายตาของชายทั้งสองสบประสาน นิ่งและนาน ราวกับจะต้องการอ่านลึกในถึงเบื้องก้นของอีกฝ่าย
…แววตาของเทวาไม่มีสิ่งอื่นใด นอกเหนือจากความมุ่งมั่น
“แย่ล่ะสิ”
กุลินอุทานขึ้นมาหลังจากที่พวกเธอเพิ่งจะพ้นจากอาคารเรียน มายังบริเวณลานกว้างด้านหน้าโรงเรียน ซึ่งหากพวกเธอพ้นจากช่วงนี้ไปได้ก็สามารถเดินผ่านประตูใหญ่และพ้นจากเขตของโรงเรียนได้สำเร็จ ทว่าหลังประตูโรงเรียนนั้น ยามนี้กับมีกลุ่มคนชุดขาวปรากฏตัวขึ้น อชิมองตามสายตาของกุลินอย่างเป็นกังวล และเริ่มระสับระส่ายมากขึ้นทุกที ยิ่งเมื่อตระหนักขึ้นมาได้ว่าตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้ไม่สามารถหลบสายตาคนพวกนั้นได้เลย
“ทำไงดีคะ”
“เงียบๆ ไว้นะ แล้วเดินตามพี่มา”
หญิงสาวกระซิบตอบ สูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด ก่อนจะเดินก้าวออกไปอย่างมั่นคง ในตอนนี้เธอต้องเป็นผู้นำให้อชิได้ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจแสดงออกถึงความอ่อนแอให้เด็กสาวต้องเป็นกังวลยิ่งไปกว่านี้
หนึ่งก้าว…สองก้าว…สามก้าว…
พวกนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนถึงระยะที่ใกล้จะเดินสวนผ่านกันได้ จากนี้อีกเพียงไม่กี่ก้าว พวกเธอก็จะสามารถพ้นออกจากเขตโรงเรียนไปได้โดยไม่มีใครสะดุดใจ
หญิงสาวกลั้นหายใจ
“กุลิน?”
ชายสูงวัยคนหนึ่งในกลุ่มคนชุดขาวเอ่ยทักขึ้น เพียงเสียงเดียวกลับเรียกทุกสายตาจากคนกลุ่มนั้นให้จับจ้องมาที่พวกเธอทั้งคู่ เลือดในกายของกุลินพลันเย็นเยียบ แม้ว่าเพียงเสี้ยวนาทีสายตาอื่นก็ละจากเธอไปด้วยไม่รู้สึกสนใจ ถึงกระนั้นหัวใจของหญิงสาวก็เกือบจะหยุดเต้นไปแล้ว อชิเองก็พลอยตัวแข็งไปเรียบร้อย
“คะ? สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยิ้มแหยๆ “เอ้อ อาจารย์มาตรวจร่างกายเด็กเหรอคะ”
ชายในชุดกราวสีขาวเป็นอาจารย์ที่เคยสอนเธออยู่ครั้งหนึ่งสมัยที่ยังเรียนอยู่ในระดับอุดม
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“หนูมีเรื่องต้องมาติดต่อกับอาจารย์ที่นี่น่ะค่ะ ทางนั้นเขาอยากได้ข้อมูลบางอย่างที่หนูใช้ทำงานอยู่พอดี”
กุลินตอบกลับไปอย่างเรียบรื่นกระทั่งตัวเองยังรู้สึกประหลาดใจ
“อย่างนั้นหรือ” ชายสูงวัยจ้องมองเธออย่างเพ่งพิจารนา “คงเป็นเจตน์ล่ะสิ”
“อ่อ…ค่ะใช่”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ แก้เก้อ ผิวหนังภายใต้ร่วมผ้าซึมชื้นไปด้วยเหงื่อ เธอรู้สึกกลัวเกรงที่จะสบตาสายตากลับไปเหลือเกิน ด้วยรู้ดีว่าข้างในเธอตอนนี้นั้นไม่สงบสุขเลย หากแต่เธอจะเผยพิรุจอะไรออกไปไม่ได้ ที่ตรงนี้มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวไม่อาจทำให้ใครผิดหวัง
“ผมขอตัวก่อนแล้วกัน ครั้งหน้าคงมีโอกาสได้พูดคุยมากกว่านี้”
ชายในชุดกราวเอ่ยขึ้น ทว่าท้ายประโยคแม้พูดกับกุลิน…แต่อชิกลับรู้สึกได้ถึงสายตาที่เหลือบมองมา
เธอไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เอาเสียเลย
“พ้นจากบริเวณโรงเรียนเสียที”
กุลินพ่นลมหายใจออกมาจนหมดปอด ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับอชิ หลังจากที่พวกเธอผละจากอาจารย์หมอท่านนั้นมาแล้ว พวกเธอทั้งคู่ก็เดินผ่านหน้ายามมาได้อย่างราบรื่น โดยที่กุลินเพียงอ้างว่าอชิเป็นผู้ช่วยของเธอ
“แล้วเราจะไปไหนต่อคะ”
“เขตสิบสอง”
พลันเสียงหวานเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง ไม่ใช่จากกุลิน อชิเร่งหันมองทางต้นเสียงอย่างตกตะลึง เช่นเดียวกับกุลินซึ่งหันร่างกลับไปมองตามอย่างนิ่งอึ้ง ริมฝีปากบางขยับช้าๆ เป็นชื่อหนึ่ง…
“…นารา!?”
ความคิดเห็น