-----------สู้สุดใจ ยัยตัวแสบ----------
ก็พอดี ครูวิชาสังคมให้แต่งบทละครที่มีความสอดคล้องกับบทเรียนอ่ะ เพื่อนเรมันก็เลยโยนภาระอันหนักอึ้งมาให้ พึ่งแต่งเมื่อคืนนี้เอง อ๋อ เป็นโครงเรื่องของ รักใสๆหัวใจ 4ดวงนะ เรามีหน้าที่แต่ง เพื่อนมันกำหนด.
ผู้เข้าชมรวม
234
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“อุ๊ย !!! ขอโทษค่ะ...” ฉันรีบขอโทษโดยอัตโนมัติ ทันทีที่ชนเข้ากับใครบางคน จนข้าวของตกกระจาย
“นี่เธอ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้ เอาอะไรทำตามิทราบ”นี่คือเสียงของคู่กรณีที่ฉันพึ่งจะเดินชนมาเมื่อกี้ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ดีว่าเค้ากำลังโกรธมาก แต่ฉันก็โกรธเหมือนกันนะ ฉันกำลังรีบไปทำรายงานอยู่นี่หน่า
“ก็บอกว่าขอโทษแล้วนี่ คนมันกำลังรีบอยู่ แล้วทำไมนายไม่หลบฉันเล่า”ฉันพูดอย่างหัวเสียแล้วรีบเดินไป ก่อนที่ไทยมุง (ลาวมุงและ ฝรั่งมุง)ทั้งหลายจะตามกลิ่นมาทัน
อ๋อ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแอมแปร์ เป็นบุคคลที่สุดแสนจะธรรมดาเมื่อเทียบกับทุกคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มันก็แหงอยู่แล้วแหละ ฉันมันไม่ใช่พวกลูกคุณหนู ลูกคนรวยที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเรียนที่นี่หรอกนะ ที่นี่มันก็เป็นแค่มหาลัยของเอกชน คนที่มาเรียนก็เหมือนไม่ได้มาเรียน จะว่ายังไงดีหล่ะ ก็ประมาณว่ามาอวดร่ำอวดรวย อวยสวย อวดเก่ง อวดฉลาด (ซึ่งฉันมันไม่มี)แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะขัดความศรัทธาอันแรงกล้าของแม่ฉันที่จะให้มาจับลูกเศรษฐีทั้งหลายในมหาลัยแห่งนี้ อ๊าย...ไม่ทันแล้ว ฉันต้องรีบไปทำรายงานกับไอ่บูม ส่งพรุ่งนี้ซะด้วยสิ ตายๆๆๆ
“นี่ ยัยแอมแกไปตกตึกที่ไหนมาว่ะ หัวยุ่งยังกะอะไร ดูสิเหงื่อเป็นแกลลอนเลยนะแก ไปพิชิตยอดเขาเอฟเวอเรสมารึไง” ค่ะ นี่คือคำทักทายของไอ่บูมเพื่อนยาก ความจริงมันก็ไม่ใช่คนรวยที่ไหนหรอกนะคะ แต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน พ่อมันถูกล็อตเตอร์รีหน่ะคะ เลยกลายเป็นว่ามาเจอกันที่นี่เลย
“เปล่าหรอกแก ฉันก็บังเอิญเดินชนใครก็ไม่รู้เฉยๆอ่ะ แต่มันหน่ะนะ ด่าฉันเฉยเลย ความจริงฉันก็ขอโทษมันแล้วนะ เป็นผู้ชายแท้ๆ มาด่าผู้หญิง แบบนี้ฉันว่าไม่ใช่ผู้ชายแล้วหล่ะ” ฉันระบายความอัดอั้นตันใจที่อยากจะด่าอีตาไร้มารยาทนั้นให้นายบูมฟัง
“โห ด่าเลยหรอ แล้วมันหน้าตาเป็นยังไงหล่ะ เดี๋ยวถ้าฉันเจอที่ไหนฉันจะจัดการให้เธอเอง”นายบูมทำหน้าตาจริงจัง พร้อมกับพูดประโยคที่ดูเหมือนจะจริงใจ (แต่ฉันไม่เชื่อแกหรอก)
“อืมมม รู้สึกว่าจะสูงสักประมาณ 180 เซนนะ แล้วก็ผมตั้งๆหน่อยนึง อ๋อ ผมสีน้ำตาลแดงๆนะ คิ้วเข้มๆ ขาวด้วยนะ หางตาก็ยกขึ้นแบบนี้ แล้วก็จมูกโด่งๆอ่ะ”ฉันบรรยายรูปพรรณสันถานของตานั่นพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบให้ตาบูมดู
“หรอ ฉันก็พอจะรูจักคนลักษณะแบบนี้อยู่คนนึงนะ แต่ถ้าใช่เค้าคงจะไม่ดีแน่เลยหล่ะ” บูมพูดอย่างลังเล
“ใครหล่ะ ทำไมจะไม่ดีหรอ ก็ถ้านายรู้จักก็ดีเลยไง นายก็จะได้แก้แค้นให้ฉันด้วยไง”ฉันพูดแล้วเขย่าตัวบูม
“ก็คนที่ฉันรู้จักหน่ะ เป็นถึงลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยเชียวนะ ก็ที่ได้เป็นประธานรุ่นนี้โดยที่คะแนนเลือกตั้งเป็นเอกฉันท์มากๆ ไง” บูมพูดเหมือนรู้จักคนๆนี้ดีมากๆ
“หรอ ชื่อไรหล่ะ ฉันไม่รู้จักหรอก” ฉันพูดพร้อมกับหยิบเอกสารข้อมูลที่รวบรวมออกมาจดลงกระดาษ
“ชื่อ โอห์ม อัศวิน รัชอินทรักษา”บูมพูดแล้วมองหน้าฉันเหมือนกำลังเล่าเรื่องผี
“แล้วนายจะเริ่มจัดการเค้ายังไงดีหล่ะ”ฉันยังคงจดโดยไม่ละสายตาออกมามองบูมที่ทำหน้าตาจริงจัง
“นี่ เธอยังไม่เข้าใจความหมายของฉันอีกหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ รุ่นพี่หน่ะเหี่ยมจะตายไป ใครที่ไปทำให้พี่แกผิดใจแม้แต่นิดเดียวก็โดนซิวไปหมดแล้ว อย่างเดือนที่แล้วไง อาจารย์ที่สอนชีวะชั้นปีที่ 4 อ่ะ ที่ออกไปแบบไม่มีเหตุผลไง ฉันไปแอบรู้มานะว่าแกไปตัดคะแนนรุ่นพี่หน่ะ พอเช้ามานะ ก็โดนเด้งออกเลย” บูมทำหน้าตาจริงจังพร้อมกับเขย่าตัวฉันเป็นจังหว่ะเพื่อที่จะสื่อให้รู้ว่าเรื่องนี้น่ากลัวมาก
“จริงหรอ แล้วฉันต้องทำไงหล่ะ”ฉันเริ่มจะกลัวแล้วสิ
“ก็ไม่ไงหรอก ช่วงนี้แกก็ไม่ต้องมาโรงเรียนซักพักนึง”
บูมพูดแบบปลงๆ เพราะรู้แน่ว่าคำตอบของฉันคืออะไร
“ไม่มีทาง เรื่องแค่นี้ทำไมต้องถึงกับไม่มาเรียนด้วย ไม่เด็ดขาด ฉันไม่ยอมทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก” ใช่แล้วค่ะ ตั้งแต่เปิดเรียนมา ฉันยังไม่เคยโดด หรือไม่เข้าเรียนเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ฉันจะต้องเรียนให้ได้ เหตุผลก็คือ ฉันต้องการจะเรียนจบแบบมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่พอผ่านๆไปเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลกับความต้องการของแม่ (ที่ให้มาจับผู้ชายรวยๆ) แต่ไม่มีวันซะหรอกที่คนอย่างแอมแปร์จะขาดเรียน
เรานั่งทำรายงานโดยไม่พูดไม่จากันเลย ทำไมหน่ะหรอค่ะ ก็ตาบูมมันเล่นพูดแต่เรื่องไอ่รุ่นพี่หยาบคาย ไร้มารยาท พูดถึงแต่ความน่ากลัว พูดถึงแต่อำนาจของตานั่นทั้งนั้นเลย ฉันเลยด่ามันไปยกใหญ่ คราวนี้มันก็เลยเงียบเป็นเป่าสากเลยหล่ะคะ
********วันต่อมา**********
“ฮ้า.. รายงานชิ้นโบว์แดงของฉัน จะได้ออกสู่สายตาประชาชนซะที” ฉันพูดกับตัวเองขณะที่หยิบรายงานเล่มที่ฉันต้องนั่งทำหลังขดหลังแข็งทั้งคืนใส่กระเป๋า (โกรธกันกะไอ่บูม มันเลยไม่ช่วยเลย)
ฉันก็ไปโรงเรียนอย่างปกติ โดยมีเจ้าตาหวาน รถสกู๊ตเตอร์ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฉัน เป็นพาหนะ ระหว่างทางฉันก็ยังร้องเพลงเหมือนอย่างทุกๆวัน โดยที่ไม่รู้สึกกลังหรือเกรงตารุ่นพี่นั่นเลยซักนิด
แต่แล้ว ความหวาดของฉันก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา ทันทีที่เห็นรถสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงสดใส ติดเครื่องเสียงราคาดีจนเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว คนที่นั่งอยู่บนรถคันนั้นฉันรู้ดีว่าคือพวกประธานและกรรมการรุ่นทั้งหลาย ใช่แล้วค่ะ ก็อีตาพี่โอห์ม คู่กรณีฉันไงคะ
“ทรหดอดทนดีนะจ๊ะ สาวน้อย แต่ก็ดีแล้วหล่ะ จะได้สนุกๆหน่อย” รุ่นพี่โอห์มตะโกนลงมาจากรถทันทีที่รถหยุด แล้วก็ขับต่อไปโดยไม่ได้คอยฟังคำตอบของฉันซักนิด
“.... หมายความว่ายังไงหน่ะ” ฉันตะโกนไล่หลังรถคันนั้นไป
ฉันจะเจออะไรบ้างเนี่ย
ทันทีที่เจ้าตาหวานของฉันถึงที่หมาย ฉันรีบเดินไปหาเจ้าบูมทันที เพื่อที่จะเล่าเหตุการณ์ที่ฉันควรจะกลัวให้เจ้าบูมฟัง เผื่อว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง
แต่ยังไม่เจอไอ่บูม ฉันก็เจอเข้ากับกลุ่มของรุ่นพี่ซะก่อน
“ว่ายังไง ยัยตัวแสบ เมื่อวานเธอกล้ามากเลยนะที่มาว่าฉันแบบนั้น เธอรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร คงยังไม่รู้สินะ ว่าการที่ทำแบบนั้นกับฉันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” พูดจบ นายรุ่นพี่โอห์มก็หยิบรายงานที่ฉันถืออยู่ เอาไปฉีกทิ้ง
“นี่ นายมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับรายงานของฉัน วันนั้นฉันก็ขอโทษนายไปแล้วไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ ฉันรู้แล้วหล่ะว่านายเป็นใคร นายมันก็ไอ่คนไร้มารยาท ไอ่หัวสับปะรด ไอ่หน้าตัวเมีย ไอ่หยาบคาบ ไอ่ๆๆ”ด้วยความโกรธ ฉันเลยผลักอกเขาไปเต็มแรง เขาถึงกับเซถลาถอยหลังไป 2-3 ก้าว
“เธอ เธอกล้ามากเลยนะ เธอทำแบบนี้กับฉันหรอ แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่”เขาพูดจบ ก็เดินเบียดมาทางฉัน จนฉันแทบจะล้ม
รายงานฉัน ฉันทำมันทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอนเลยนะ นาย นายหัวสับปะรด
และตั้งแต่ฉันได้เปิดศึกครั้งนี้ ก็เท่ากับว่าฉันได้ประกาศว่าเป็นศรัตรูกับเขาตลอดไปเลยทีเดียว ฉันโดนแกล้งมาโดยตลอด รูปแบบการกลั่นแกล้งของเขานั้นไม่เคยซ้ำกันเลยก็ว่าได้ บางวันฉันก็โดนขังอยู่ในห้องน้ำ บางทีก็โดนเอากระเป๋ากับรองเท้าไปซ่อน ดีไม่ดี ขยะที่ควรจะอยู่ในถัง มันกลับมาอยู่บนหัวฉันได้ซะนี่ แม้แต่เจ้าตาหวานสกู๊ดเตอร์คู่ใจของฉันมันก็ยังไม่ละเว้น ตอนนี้มันไม่ต่างอะไรจากเศษเหล็กธรรมดาๆ ฉันต้องเดินมาโรงเรียนทุกวัน
ไม่ไหวแล้ว ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เป็นไงเป็นกัน นายก็คน ฉันมันก็คนเหมือนกัน ศัตรูก็ศัตรูว้า สู้ตายยย
“นี่ นายจะเอายังไงกันแน่ นายต้องการอะไร เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับชีวิตฉันซะที ทำไมต้องคอยแกล้งกันด้วย” และแล้ววันนึง ฉันก็เดินเข้าไปพูดกะเขาตรงๆ
“ความต้องการของฉันหน่ะหรอ ต้องการให้เธอออกจากที่นี่ไง”เขาพูดจบแล้วก็เดินจากไป
ไม่มีทางซะหรอก ฉันต้องเรียนจบมหาวิทยาลัยให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง
ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ถือคติรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางบ้าง แต่ถ้าต้องเจอกับตานี่จริงๆหล่ะก็ ฉันก็ไม่เคยหวั่น ถึงจะเป็นยังไงก็ตาม ฉันต้องจบมหาลัยให้ได้
**********วันรับปริญญา**********
ให้ตายสิ ท่านผู้อ่านคะ ความพยายามและความอดทนของฉันมันไม่สูญเปล่า และแล้ววันนี้ที่ฉันอดทนคอยมานานแสนนานก็มาถึง ฉันได้รับปริญญาแล้ว ไม่ต้องเจอกะอีตานั่นแล้ว
พ่อแม่ของฉันก็รู้สึกภูมิใจมากเลยทีเดียว แต่รู้สึกว่าแม่ยังคงตำหนิที่ฉันยังหาแฟนรวยๆไม่ได้ซะที แต่แค่มีปริญญาใบนี้ฉันก็พอใจแล้วหล่ะ
“นี่ ฉันให้”นี่คือเสียงที่คุ้นหูมาก ฉันได้ยินมันอยู่ทุกวัน เพียงแต่ว่าวันนี้รู้สึกจะนุ่มนวล ไม่กระแทกแดกดัน หรือไม่ได้ตะคอกเลยซักนิด พอฉันหันกลับไป ก็พบรุ่นพี่คู่กรณีของฉันยืนยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวให้ฉันอยู่
“ให้ทำไม รึว่านายเอาอะไรไว้ในดอกไม้ นายต้องมีแผนการประหลาดๆแน่ๆเลย ฉันไม่เชื่อนายหรอก” ฉันพูดโดยไม่ลังเลเลยว่าจะไม่รับดอกไม้จากนายนี่
“ฉันบอกให้เอาไปก็เอาไปเซ่”เค้าเริ่มพูดเสียงดัง
“อือๆ เอาก็ได้”ฉันยื่นมือไปรับดอกไม้จากเค้าอย่างลังเล เพราะไม่อยากมีปัญหาในวันรับปริญญาของฉัน
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไม๊”เค้าเดินเข้ามาพูดใกล้ๆฉัน ขณะที่เหลือบไปเห็นหน้าของพ่อแม่ฉันกำลังดีใจที่เห็นชายหนุ่มมายื่นช่อดอกไม้ สีหน้าค่าตาบ่งบอกอย่างเปิดเผยว่า ‘ลูกเราทำสำเร็จแล้ว’ (รู้สึกว่าจะดีใจกว่าที่ฉันรับปริญญาเสียอีก)
“อือ พูดมาสิ”ฉันเดินห่างอกมาจากพ่อแม่ แล้วเปิดโอกาสให้เขาพูดอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
“ฉัน...ฉัน ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นอะไร แต่ฉันว่า ฉันรู้สึกหวิวๆนะ ทีเราจะไม่ได้เจอกันอีก เธอไม่รู้สึกมั่งรึไง”เค้าพูดแบบอายๆ
“เฮอะ นายกำลังจะบอกฉันว่า เสียใจที่จะไม่ได้แกล้งฉันอีกหน่ะหรอ ฉันหล่ะดีใจจนแทบจะบินได้ ที่ไม่ได้เจอกับนายอีกนะ”ฉันพูดแล้วเมินหน้าออกจากเค้า
“นี่ ฉันก็ว่าฉันพูดตรงแล้วนะ เธอไม่เข้าใจรึไง ฉันกำลังสารภาพรักเธออยู่นะ รู้รึเปล่า ฉันซ้อมพูดหน้ากระจกทั้งคืนเลย” เค้าพูดเหมือนกำลังจะโกรธ แต่ฉันคดว่าเค้าพูดเสียงดังไปหน่อยจนหลายๆคนที่อยู่ใกล้ๆหันมามองหมด
“จะบ้าหรอ นายแกล้งฉันมาตลอด3ปีเนี่ยนะ แล้วจบอกว่าชอบฉัน” ฉันพยายามพูดให้เสียงเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นจะมองอีก
“ก็แหงแหละ เธอไม่รู้รึไงว่านั่นเป็นวิธีการจีบของฉันเลยนะ เพราะฉันอยากใกล้ชิดเธอไง ฉันต้องคิดแผนแกล้งเธอก่อนนอนทุกวันเลยรู้รึเปล่า” เค้ายังคงพูดอย่างอายๆเหมือนเคย
“แล้วนายรู้ไม๊ว่าฉันต้องคิดแผนหลบหลีกหนีนายไม่เว้นแต่ละวัน จนไม่เป็นอันอ่านหนังสือเลยนะ”ฉันพูดแล้วมองหน้าเค้า
“ขอโทษ ถ้าเธอรับรักฉันนะ ฉันจะไม่แกล้งเธออีกแล้ว ฉันจะรักเธอ รักเธอมากที่สุดเลย”เขาเอื้อมมือมาจับมือของฉันที่กำลังถือดอกไม้อยู่
“นายมัน ...จริงๆเลย”ฉันพูดแล้วปัดมือเค้าออก
“รับรักฉันเถอะนะ”เค้ายังพูดต่อไป
“งั้น ถ้าฉันบอกให้รอ นายจะรอฉันไม๊”ฉันหันหน้ากลับไปถามเขา
“รอสิ รอ กี่ปีฉันก็จะรอ”เค้าทำหน้าดีใจเพราะคิดว่าฉันจะรับรักเขาแล้ว
“10 ปี”ฉันถาม
“รอ”เขาตอบอย่างจริงจัง
“20 ปี” ฉันถามต่อไป
“รอ”เค้ายังคงตอบเหมือนเดิม
“30 ปีหล่ะ”ฉันเพิ่มจำนวนปีเข้าไปอีก
“ก็จะรอ”เขาตอบอย่างมุ่งมั่น
“แต่ฉันจะไม่รอ ฉันไม่รอจนถึงวันนั้นหรอก”ฉันพูดอย่างจริงจัง
“ทำไมหล่ะ เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรอ”เขาถามหน้าเศร้า
“ฉันไม่รอ ก็เพราะว่าฉันจะรับรักนายตอนนี้เลยไง”ฉันพูดแล้วยิ้มให้เค้า
เค้าสวมกอดฉันแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แล้วก็กระซิบที่ข้างหูฉันว่า “ฉันรักเธอนะ”
...........................................................จบ.............................................................
จะเห็นได้ว่าความพยายามและความอดทน มุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบของแอมแปร์ แม้ว่าจะโดนกลั่นแกล้งซักเพียงใด
ก็เปรียบเสมือนความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงที่จะบวชเป็นภิกษุณีของพระมหาปชาบดีโคตรมีเถรี แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะทรงไม่อนุญาตก็ตาม ก็ยังคงมีความตั้งใจตั้งมั่นว่าจะบวชให้ได้ และในที่สุด พระองค์ก็ได้บวชเป็นภิกษุณีสมดังปรารถนา
............................................................................
เปงงัยมั่งอ่ะ ใช้ได้ป่ะ ถ้าสมมุตเปนคุณครูผู้อ่านจะให้กี่คะแนนจ๊ะ
ป.ล.
แต่รู้สึกจะก๊อปปี้เค้ามากไปหน่อย แหะๆ เราไม่ได้ตั้งใจนะ เราขัดเพื่อนอีก 10 คนไม่ได้จริงๆ แต่ต่อไปสัญญาว่าจะไม่ลอกใคร
ผลงานอื่นๆ ของ ฮันบกสีแดง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ฮันบกสีแดง
ความคิดเห็น