Forever – GOT7 feat. YuMark
Forever [Adj.] ตลอดไป ชั่วนิรันดร์
ว่ากันว่านอกจากคำว่า 'สัญญา' แล้วนั้น
ก็มีคำว่า 'ตลอดไป' เนี่ยแหละที่เชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
…
…
…
"พี่จะกลับอเมริกาจริง ๆ เหรอ"
เสียงนุ่มหวานติดจะแหลมกับความรู้สึกยวบลงจากน้ำหนักของเจ้าตัวที่ทิ้งลงบนพื้นที่โซฟาข้างกายทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ที่แสดงหน้าไทม์ไลน์ของแอปพลิเคชันหนึ่งอยู่
"อืม เราคุยกันแล้วไงยูคยอม"
"ทำไมล่ะ มันไกลมากเลยนะ" ยูคยอมถามขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาที่แต่งแต้มเครื่องสำอางไว้บางเบาทำให้เด็กคนนี้ดูหล่อมากขึ้นไปอีกยู่ลงอย่างขัดใจ
คิมยูคยอม เจ้าเด็กที่เขาได้พบครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อน เด็กที่ตามติดเขาแจ แม้กระทั่งทรงผมก็ยังไปตัดร้านเดียวกับเขาจนคนอื่นทักผิดกันแทบทั้งตึกนี่โตขึ้นขนาดนี้แล้วสินะ ผมวางมือลงบนกลุ่มผมที่ดัดลอนมาอย่างดีแผ่วเบาเพราะไม่อยากจะทำให้มันยุ่งจนต้องลำบากให้คุณเมคอัพอาร์ทิสทำใหม่ก่อนจะพูดขึ้น
"ฉันก็แค่อยากพักสักหน่อยน่ะ"
ผมยิ้ม แต่ยูคยอมกลับมุ่ยหน้าหนักกว่าเดิม
"อยู่กับพวกเราพี่เหนื่อยเหรอ"
"เปล่าสักหน่อย อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นกันเจ้าเด็กนี่"
"ก็พี่บอกอยากพัก เป็นเพราะผมชอบไปหาพี่ที่บ้านบ่อย ๆ เหรอ หรือเพราะว่าที่ผ่านมาผมงอแง วุ่นวายกับพี่มากเกินไป"
"ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยสักครั้งนะ ที่ผ่านมาฉันสนุกมาก"
"แล้วทำไมต้องกลับอเมริกา"
คำถามเดินวนกลับมาอีกครั้ง ผมตบปุลงบนกลุ่มผมนุ่มนั่นก่อนเลื่อนมือมากุมมือคิมยูคยอม เด็กที่เหมือนจะโตแค่ตัวไว้แน่น
"ฉันแค่อยากพัก อยากใช้เวลาในการคิดทบทวนแล้วก็ทำในเรื่องที่อยากทำมานานแล้วเฉย ๆ"
"ไม่ไปได้ไหม อยู่บ้านผมก็ได้ไง"
"แล้วครอบครัวของฉันล่ะ?"
เด็กจอมงอแงชะงักไปเล็กน้อยก่อนก้มหน้าลง ผมไม่รู้ว่ายูคยอมมองอะไรอยู่กันแน่ แต่แรงบีบที่มือที่เพิ่มขึ้นอีกหน่อยนั่นทำให้ผมพอจะเดาได้ น้ำเสียงนุ่มที่ดังขึ้นต่อมานั้นสั่นเครือ
"ดัลต้องคิดถึงไมโลมากแน่ ๆ"
"นายก็พาดัลมาหาไมโลที่อเมริกาสิ"
"พี่อึยก็ต้องคิดถึงพี่มากแน่ ๆ"
ผมถอนหายใจ หากแต่ว่ายังคงอมยิ้มให้กับความที่พยายามยกหาข้ออ้างมาเปลี่ยนใจผมของเด็กข้างกาย
"แล้วนายล่ะ"
ยูคยอมเงยหน้ามองผม ดวงตากลมโตสดใสที่ผมรักคู่นั้นคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
"คิดถึงสิ"
ปลายจมูกโด่งสวยที่มักจะถูกผมบีบดึงอย่างมันเขี้ยวเริ่มแดงก่ำเช่นเดียวกับดวงตาคู่นั้นที่จ้องลึกเข้ามาหาผม
"ผมคิดไม่ออกเลยว่าถ้าวันนั้นมาถึง ผมจะอยู่ยังไง"
ผมเงียบ เฝ้ารอว่าเด็กตรงหน้าจะพูดอะไรต่อ
"สิบปีที่ผ่านมาผมมีความสุขมาก ผมดีใจและขอบคุณตัวเองเสมอที่วันนั้นผมกล้าที่จะเข้าไปทักพี่ ผมดีใจที่เราได้เดบิวต์เป็นก็อตเซเว่นด้วยกัน ผมดีใจที่มีพี่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ดีใจที่พี่มักจะคิดถึงผมเสมอเวลาอยากทำอะไรบางอย่าง ดีใจที่พี่ไม่รำคาญที่จะเป็นรูมเมทผมตอนที่เราไปทัวร์ต่างประเทศ ตลอดมา..."
ยูคยอมกำลังพยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
"...ผมมีความสุขมากจริง ๆ"
ผมก็เช่นกัน
ถ้าผมพูดเก่งกว่านี้อีกสักนิด ถ่ายทอดความรู้สึกตัวเองได้อย่างที่ใจอยากอีกหน่อย ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าผมรู้สึกขอบคุณมากขนาดไหนที่วันนั้นยูคยอมตัดสินใจเข้ามาทักผม สายตาที่มีประกายและรอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กที่ดูจะตัวโตเกินกว่าจะเชื่อลงได้ว่าอายุเพียงแค่สิบสี่ปีนั่นผมยังคงจำมันได้ดี แม้ว่าเราจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรนักเพราะผมเพื่ออยู่ในเกาหลีได้ไม่นาน ทำให้มีอุปสรรคทางด้านภาษา แต่เขาก็ยังพยายามที่จะคุยกับผม เขายังคงอยากจะเป็นเพื่อนกับผม
คิมยูคยอมเป็นเด็กที่มักจะตามใจและแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเองจนดูน่าเป็นห่วงว่าความไร้เดียงสานี้จะเป็นเครื่องมือให้คนไม่ดีมาทำร้ายเอาได้ แต่จนกระทั่งพวกเราได้เดบิวต์ ความไร้เดียงสาและความเอาใจใส่ของคิมยูคยอมก็ยังคงไม่หายไป ซ้ำร้ายจะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ
คิมยูคยอม เด็กที่คอยกินข้าวเป็นเพื่อนผมเสมอแม้ว่าตัวเองจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าไม่หิวหรือไม่ชอบอาหารที่ผมอยากจะกิน เด็กที่คอยกอดปลอบผมบนเวทีทั้งที่ตัวเองก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ไหวอยู่แล้ว เด็กที่ชวนผมกลับบ้านเกิดของตัวเองในวันปีใหม่ของเกาหลีเพราะกลัวผมจะเหงา
คิมยูคยอมเป็นเด็กที่จิตใจดีมากเหลือเกิน
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เด็กคนนี้หาผมเจอ
และขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ผมได้รักเด็กที่แสนดีคนนี้จนหมดหัวใจ
ผมอยากจะบอกความรู้สึกของผมให้เขารับรู้เสียเหลือเกิน หากผมจะพูดเก่งมากกว่านี้อีกสักหน่อย...
"พี่มาร์ค"
ยูคยอมพูดขึ้นพร้อมกันกับที่ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากข้อนิ้วชี้ที่เกลี่ยเช็ดหยดน้ำตาข้างแก้มของผมแผ่วเบา
ผมนี่ขี้แยเหมือนกับที่ยูคยอมชอบแซวบนเวทีจริง ๆ
"ไม่เอาหน่า เดี๋ยวเราต้องขึ้นเวทีนะ"
"อืมรู้แล้ว" ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด
ยูคยอมหยิบแผ่นทิชชู่จากกล่องที่วางบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยตรงหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ผมอย่างระวัง
ยูคยอมยังคงเอาใจใส่ผมเหมือนเดิม
"แล้วเมื่อกี้พี่ทำอะไรอยู่" ยูคยอมเปลี่ยนเรื่องราวกับต้องการจะทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดตรงนี้ลง เอ่ยถามพร้อมพยักหน้าไปทางโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนตักของผม
"ดูฟีดแบคน่ะ เห็นว่าข่าวปล่อยวันนี้"
"แล้วเป็นไงครับ"
ผมไม่ตอบ หากแต่ปลดล็อคโทรศัพท์ที่ยังคงเปิดหน้าจอแอปพลิเคชันเดิมค้างเอาไว้แล้วส่งให้เขาดูเอง
"อ่า... อากาเซ่ต้องเสียใจมากแน่ ๆ เลย"
"ฉันว่าเขาดีใจด้วยซ้ำที่เราออกจากค่าย" ผมไม่ได้ตอบ หากแต่เป็นแบมแบมที่กำลังนั่งเซ็ทผมตัวเองไปมาอยู่หน้ากระจกห่างจากตัวยูคยอมไปสักหนึ่งเมตรได้เป็นคนตอบแทน
"แต่พวกเขาก็คงใจหายนั่นแหละ" ยองแจสมทบ "ฉันยังใจหายเลยที่วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย–"
"ไม่ใช่วันสุดท้ายสักหน่อย"
ผมพูดแทรกเสียงดัง
ทุกคนในห้องพัก – แจบอมที่กำลังเล่นโทรศัพท์ไปพลางพิงเก้าอี้ที่จินยองใช้นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาท่าทางเข้าใจยากไปพลาง แจ็คสันที่กำลังซ้อมเพลงที่เราจะใช้ขึ้นแสดงวันนี้ แบมแบมที่หยุดเซ็ทผมแล้วเปลี่ยนไปเซลฟี่ตัวเองกับกระจกแทน และยองแจที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ที่แบมแบมนั่ง
ทุกคนล้วนหยุดทุกการกระทำ เงยหน้า และหันมองมายังผม
"วันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของพวกเราสักหน่อย"
แย่แล้ว เสียงของผมสั่นหรือเปล่านะ
"วันที่สิบหกก็ยังไม่ใช่วันสุดท้ายของพวกเรา"
ยูคยอมกุมมือซ้ายของผม แรงบีบไม่เบานักราวกับจะปลอบใจ
ไม่เอาหน่า ฉันจะร้องไห้เอานะ
"ถึงแม้ว่าหลังวันที่สิบหกเราจะหมดสัญญา เราจะใช้ชื่อก็อตเซเว่นไม่ได้ไปอีกสามปี เราจะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง" ผมหยุดเล็กน้อยเพราะก้อนบางอย่างที่จุกอยู่ที่คอทำให้ผมเปล่งเสียงออกมาได้อย่างลำบาก เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมจะพูดทุกสิ่งที่ผมคิด เพราะว่าผมแก่ที่สุดด้วยล่ะมั้ง ผมไม่อยากจะแสดงให้น้อง ๆ เห็นด้านที่อ่อนไหวของผมสักเท่าไรนัก
"แต่ฉันคิดว่าเราจะไม่จบมันแค่นี้"
แต่มันยากเหลือเกิน
"สักวันเราจะกลับมารวมกันใหม่ เป็นก็อตเซเว่นของไอก็อตเซเว่นอีกครั้ง"
หยดน้ำตาที่ผมพยายามกลืนมันลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าได้ไหลลงมาแล้ว ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป
"เราก็แค่ต่างคนต่างเริ่มต้นกันใหม่เพื่อที่สักวันเราจะกลับมารวมกันเหมือนเดิม"
"..."
"ฉันเชื่อแบบนั้นได้ใช่ไหม?"
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงสะอื้นของผมที่พอจะดังกลบความเงียบที่เกิดขึ้นในห้องได้เท่านั้น
"ไม่เอาหน่า พี่จะขึ้นเวทีด้วยหน้าเลอะ ๆ แบบนี้เหรอ" เป็นยูคยอมที่หยิบทิชชู่มาซับน้ำตาตามใบหน้าให้ผมอีกครั้ง
"พี่ใหญ่ของเราขี้แยจริง ๆ เลย" แจ็คสันที่เดินมาอยู่ด้านหลังผมเมื่อไรไม่รู้โอบกอดไหล่ที่กำลังสั่นของผมแน่น
แต่ฉันไม่อยากจะโดนคนขี้แยแบบนายว่าเท่าไรหรอกนะแจ็คสัน
"ไอกู นกน้อยของเราต้องเสียใจแน่เลยที่เห็นพี่มาร์คตาแดงขึ้นเวที พวกเขาต้องไม่สบายใจแน่ ๆ เลย แย่แล้วสิ" แบมแบม เจ้าเด็กแสบที่มักจะคอยสร้างสีสันให้วงโดยการแกล้งแจบอมกำลังปลอบผมด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่ผมรู้หรอกว่าแบมแบมก็รู้สึกไม่ต่างจากผมเท่าไร ก็แค่ทำเป็นเข้มแข็งเท่านั้นแหละ
"แต่เหมือนทางค่ายจะออกมาปฏิเสธนะ นายอยากจะทำให้มันชัดเจนไปเลยไหม" เป็นแจบอมที่ถามผมขึ้นมา ที่เล่นโทรศัพท์เมื่อกี้ก็เพื่อเช็คฟีดแบคอยู่เหมือนกันสินะ
ทำให้ชัดเจนเหรอ?
จริง ๆ ผมก็คิดอยู่ในใจแล้วล่ะว่าผมอยากจะทำยังไง
"เรามาถ่ายรูปรวมกันเถอะ" ผมพูด ลุกขึ้นเดินไปยังกระจกเพื่อเช็คหน้าตาของตัวเองว่าดูปกติดีอยู่หรือเปล่า
"น่ารักแล้วครับ" ผมมองหน้ายูคยอมที่เดินตามมาหยุดอยู่ด้านหลังและกระซิบแซวข้างหูผมเมื่อไรไม่รู้ผ่านกระจก เจ้าเด็กนี่ขยันแกล้งผมจริง ๆ เลยแฮะ
"พี่มาร์คเอาโทรศัพท์มา เดี๋ยวผมถ่ายให้" เป็นแบมแบมที่อาสาถือกล้องแทบทุกครั้งที่เราจะเซลฟี่กัน ผมวางโทรศัพท์เครื่องบางลงบนมือแบมแบมที่แบรออยู่ก่อนแล้วก่อนเดินไปยืนข้างยูคยอมที่ผละจากผมแล้วเดินไปหยุดยืนข้างแบมแบมเมื่อไรไม่รู้แทน
"เอาละนะ หนึ่ง... สอง..."
แชะ!
ใบหน้ายิ้มแฉ่งจนเห็นฟันของแจบอมและยองแจ จินยองที่ทำหน้าแปลก ๆ แถมไม่ยอมแม้กระทั่งถอดมาส์กปิดปากออก แจ็คสันที่ก็ยังคงเอกโยจนวินาทีสุดท้าย และคนแถวหน้าที่ฉีกยิ้มกันอย่างอารมณ์ดีอย่างผม แบมแบม และยูคยอม พร้อมท่าชูสองนิ้วแสนเบสิกโชว์หราบนหน้าทวิตเตอร์ส่วนตัวของผมแทบจะทันทีที่ผมรับโทรศัพท์คืนจากแบมแบมและลงมือพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป
ข้อความที่บ่งบอกความรู้สึกของผมว่าเจ็ดปีที่ผ่านมาในฐานะ มาร์ค GOT7 มันดีและผมมีความสุขขนาดไหน เจ็ดปีที่มีเมมเบอร์ที่ชื่อแจบอม จินยอง แจ็คสัน ยองแจ แบมแบม และยูคยอม รวมไปถึงแฟนคลับทั่วโลกของพวกเราก็อตเซเว่น
IGOT7
การมีพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมนั้น
ผมช่างเป็นชายที่โชคดีเสียเหลือเกิน
ข่าวที่ออกมาในวันนี้มันไม่ใช่จุดจบ การตัดสินใจของพวกเราในวันก่อนหน้านี้ ในวันนี้ และในวันที่สิบหกที่จะถึงนี้มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดของพวกเรา
แต่มันเป็นการเริ่มต้นใหม่ต่างหาก
ผมก็แค่อยากจะให้แฟนคลับเชื่อมั่นในพวกเรา
"พี่อัปลงทวิตเตอร์แล้วเหรอ" เป็นแบมแบมที่ถามผม
"อืม ลงแล้ว"
"อะไรเนี่ย แฮชแท็กก็อตเซเว่นฟอร์เอเวอร์"
"ว่ากันว่าคำว่าตลอดไปไม่มีจริง แต่ว่าฉันเชื่อนะ" ผมพูดพลางกดแอร์ดรอปส่งรูปเมื่อกี้ให้กับเมมเบอร์ "...ว่าพวกเราจะทำให้มันเป็นจริงได้"
"ผมเอารูปลงไอจีแล้วนะ"
"ผมด้วย"
"ฉันเรียบร้อย"
เป็นเสียงของแบมแบม ยูคยอม และแจบอมตามลำดับ ผมพยักหน้าพลางกดลบทวีตของตัวเองก่อนหน้าแล้วลงใหม่อย่างรวดเร็ว หวังว่าเหล่านกน้อยจะไม่ทันสักเกตเห็นนะว่าผมทำอะไร
"ก็อตเซเว่นแสตนบายค่ะ" เสียงของสตาฟดังขึ้นหลังจากหน้าประตูทำให้พวกเราต้องเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าของตัวเองกันวุ่นวาย
"เอ๋ ผมยังไม่ได้อัปเลยนะ" ยองแจพูดขึ้น
"ฉันด้วย" แจ็คสันสมทบ
"เก็บได้แล้วพวกนาย เร็ว ๆ อย่าช้า" แล้วก็เป็นแจบอมที่คอยปรามเจ้าเด็กแสบพวกนี้ให้อยู่หมัดเหมือนอย่างเคย
ผมมองภาพอันแสนวุ่นวายนั้นอีกครั้งก่อนก้าวเดินไปแสตนบายบนเวที รอเสียงการประกาศรางวัล และเมื่อกล้องถ่ายมายังพวกเรา พวกเราจะขอบคุณเหล่านกน้อยที่แสนดี นกน้อยที่กำลังให้กำลังใจพวกเราอยู่จากทางบ้าน และย้ำให้นกน้อยที่กำลังเศร้าใจเพราะข่าววันนี้ให้มั่นใจมากขึ้นว่าขอให้เชื่อในพวกเรา
เชื่อในผู้ชายเจ็ดคนที่รวมกันเป็นก็อตเซเว่น
"เรามารับรางวัลนี้ให้สนุกที่สุดกันเถอะ!"
ผมพูดขึ้นพลางคล้องแขนตัวเองเข้ากับแขนของแจบอมและแจ็คสัน สองคนนั้นที่รู้สึกตัวก็คล้องแขนยองแจและแบมแบมที่อยู่ถัดจากตัวเอง
รู้ตัวอีกที...
"Gloden Disc Awads"
...พวกเราก็กอดแขนกันแน่นเสียแล้ว
"Best Album: GOT7"
...
...
...
Forever [Adj.] แปลว่า ตลอดไป ชั่วนิรันดร์
เขาว่ากันว่านอกจากคำว่า ‘สัญญา’ แล้วนั้นก็มีคำคำนี้เนี่ยแหละที่เชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ผมเชื่อนะ
เชื่อในคำว่าตลอดไปของพวกเราเจ็ดคน
เชื่อในคำว่าตลอดไปของนกน้อย แฟนคลับที่แสนดีของพวกเรา
และเชื่อว่าวันหนึ่งพวกเราจะกลับมาอีกครั้ง
กลับมาเป็น GOT7
#GOT7FOREVER
talk.
ข่าววันนี้มันรุนแรงกับหัวใจเรามากจริง ๆ ค่ะ
แต่ในเมื่อผู้ชายให้ความมั่นใจกับเราขนาดนี้
เชื่อใจเขากันเถอะค่ะ
เชื่อว่าสักวันหนึ่ง GOT7 จะกลับมา
เชื่อพวกเขาให้เหมือนกับที่พวกเขาเชื่อในตัวเรากันเถอะค่ะ
kimkay_