คำสารภาพ..... - คำสารภาพ..... นิยาย คำสารภาพ..... : Dek-D.com - Writer

    คำสารภาพ.....

    ไม่มีไรจะบรรยาย อยากรู้ก็เข้าไอ่นเองนะเออ..

    ผู้เข้าชมรวม

    293

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    293

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 พ.ย. 49 / 17:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      The star is bright

      The sky is clear

      Wishing  you  are  near

      All  the  year "I love you"

      โดย  some  one

      แกร็บๆๆ

      เศษกระดาษแผ่นเล็กๆ  ที่มีลายมือหวัดๆเขียนข้อความบอกรักแผ่นที่  11 ของวันถูกขยำทิ้งลงถังขยะ  อย่างไร้ความปรานี  ใบหน้าของผู้อ่านยังดูไม่ค่อยสะใจกับการกระทำเท่าไหร่นัก  เธอ มองเศษกระดาษด้วยความสะใจแกมสมเพศ

      "คิตตี้  เธอขยำทิ้งอีกแล้วเหรอ"  เสียงเพื่อนร่วมงานของ คิตตี้  ดังขึ้นพร้อมเสียงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานอีกหลายคน

      "ก็พวกนี้มันบอกรัก ไม่ถูกใจฉันนิ" น้ำเสียงของคิตตี้ฟังดูเคืองสนิท จนเพื่อนร่วมงานต้องส่ายหน้าด้วยความระอา

      คิตตี้  คือ  นักธุรกิจสาวเจ้าเสน่ห์ที่ไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหน  ก็จะมีผู้ชายเหลียวหลังมองเธอจนคอเคล็ดอยู่เรื่อยไป   วันวันหนึ่ง บนโต๊ะของคิตตี้ไม่เคยว่างเลย    บนโต๊ะของเธอมักจะมี  เศษกระดาษที่พวกหนุ่มๆหน้าใส ใจไม่กล้าในบริษัทส่งมาสารภาพรักอยู่เสมอๆ


      บ้างเป็นกลอน  บ้างเป็นมุขเสี่ยวๆทัง้หลายทั้งปวง


      แต่จุดจบของมันคือถังขยะนั่นเอง....


      "
      แล้วเธออยากให้ผู้ชายเขาสารภาพรักแบบไหนล่ะ คิตตี้"  เพื่อนร่วมงานสาวคนหนึ่งถามคิตตี้  พลางเร่งพิมพ์งานของตนให้เสร็จย่อหน้าที่สองอย่างรวดเร็ว


      ปึง

       คิตตี้เคาะสเปซบาร์อย่างโกรธๆ  ก่อนจะหันหน้ามามองเพื่อนสาวทั้งหลายที่ทำหลายสงสัยใคร่รู้กันถ้วนหน้า


      "
      ใครใช้ให้เธอมาถามอีกล่ะ  ไอผู้ชายคนไหนอีกล่ะ"   คิตตี้พูดพลางตีสีหน้าโกรธสุดๆ


      ทำเอาเพื่อนร่วมงานบางคนทำหน้าเหวอ  และบางคนก็หันกลับไปพิมพ์งานต่ออย่างรวดเร็ว
      ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น


      ใครๆในออฟฟิศนี้ต่างก็รู้กันดีว่า  คิตตี้เกลียดการสารภาพรักในเศษกระดาษ  เพราะเธอถือว่าคนที่ทำแบบนั้น  คือคนที่ขี้ขลาดตาขาวแบบสุดๆ


      แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้ามาสารภาพรักเจ้าหล่อนแบบตรงๆซักที  มันก็มาจากความเลือดร้อนมุทะลุ  ดุดันของเจ้าหล่อนนั่นเอง


      12.00 น.  พนักงานทุกคนไปรับประทานอาหารเที่ยงได้แล้วค่ะ.....


      เสียงประกาศของฝ่ายประชาสัมพันธ์ดังขึ้น  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคุยจ้อกแจ้กของเหล่าพนักงานบริษัททั้งหลายที่กำลังลงไปรับประทานอาหารตรงชั้นล่างของสำนักงาน


      "
      เฮ้ออออออ"  คิตตี้  ถอนหายใจก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ทำงานพลางบิดขี้เกียจอีกชุดใหญ่ ก่อนที่เธอจะลงไปหาเพื่อนของเธอ  ''โหลน' 


      "
      โกร๋นจ๋า....  โม๊ะๆๆๆ"  คิตตี้ร้องเรียกฉายาของเพื่อนเธอ ที่เธอตั้งให้


      "
      ไอคุณหนู แมวครับ  ผมชื่อโหลนครับ ไม่ได้ชื่อโกร๋น"  โหลน โวยด้วยความขายหน้า


      "
      ก็ชื่อ โหลน มันไม่เพราะนิ เรียกโกร๋นเพราะกว่าอีกอ่ะ  แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อแมวด้วยย่ะ" คิตตี้ตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม


      โหลน  คือ  เพื่อนผู้ชายคนเดียว  และคนสุดท้าย(ตามคำบอกเล่าของคุณโหลน)  ของคิตตี้  ซึ่งโหลนก็เป็นคนที่สามารถคลายเครียดให้เพื่อนของเขาได้เสมอ

      โหลน  เป็นผู้ชายที่หน้าตาธรรมดา  ไม่ถึงกับหล่อมากหรือน่าเกลียดไป  แต่จุดเด่นคือ โหลน เป็นคนที่พูดจาลงท้ายด้วยครับเสมอ  แสดงถึงความสุภาพอ่อนน้อม  ทั้งนี้ โหลน ยังเป็นผู้ชายที่ คิตตี้ ให้ความไว้วางใจเสมอ 


      เมื่อ ตอนเป็นเพื่อนกันใหม่  คิตตี้ถึงกับให้โหลนดื่มน้ำโค้กสาบานว่าจะไม่  รัก  หรือ  สารภาพรัก  กับเธอ


       
      สรุปคือ สิ่งที่คิตตี้ต้องการคือ  เพื่อนที่ช่วยเธอได้ทุกอย่าง  ไม่ใช่  แฟนที่สารภาพรักเธอได้ทุกเวลา  ซึ่ง โหลนก็ปฏิบัติตัวตามคำสาบานอย่างเคร่งครัดเรื่อยมา  จึงเห็นได้ว่า  คิตตี้และโหลนจะดูสนิทกันอย่างมาก

      "ฉันว่าจะมาชวนโกร๋นไปทานข้าวน่ะ  ไปเหอะฉันหิวแล้ว"  คิตตี้ออกปากบ่นเมื่อเห็นโหลนยังคงก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานต่อไป


      "
      งั้นก็ลงไปรอก่อนเลยครับ  เดี๋ยวผมตามไปนะครับ"  โหลนพูดแบบไม่มองหน้าคนฟัง  เพราะตาของเขาจับจ้องอยู่แต่แป้นคีร์บอร์ด

      "อีกและ  ลงไปพร้อมกันไม่ได้ทุกทีแหละแต่ไม่เป็นไร  งั้นฉันรอที่โต๊ะเดิมนะเออ" พูดเสร็จ คิตตี้ก็ออกจากห้องเดินทางไปที่ ห้องอาหารด้านล่างสำนักงาน


        ห้องอาหารด้านล่างสำนักงาน


      คิตตี้นั่งกินข้าวพลางยิ้มไปพลางคนเดียว  จนโหลนมาถึง...


      "
      ทำไมคุณหนูแมวอารมณ์ดีจังครับ วันนี้"   โหลนถามเพื่อนสาวที่ยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว


      เมื่อคิตตี้ได้ยินคำถามก็หันมาค้อนใส่คนถามทันที
      "นายจำไม่ได้รึไงนะไอโกร๋น  ฉันว่าฉันบอกนายหลายครั้งแล้วนะ  ว่าที่ฉันอารมณ์ดีทุกเที่ยงเนี่ย  ก็เพราะคุณกวีเอกเขาจะมาคุยกะฉันแล้วน่ะสิ โธ่เรื่องสำคัญดันจำไม่ได้" 


      พูดเสร็จเจ้าหล่อนก็นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว


      "
      เออ แล้วทำไมนายมาช้านักล่ะ  หรือว่านายยังพิมพ์สัมผัสไม่คล่อง?" คิตตี้พูดพลางตักอาหารเข้าปากคำใหญ่


      "
      ก็..ประมาณนั้นแหละครับ  ก็ผมไม่ถนัดพิมพ์งานนิ" โหลนบอกพลางเกาหัวอย่างอายๆ


      "
      แล้วนายจะมาทำงานที่นี่ให้มันได้อะไรเนี่ย  ก็รู้อยู่ว่าที่นี่มีแต่งานพิมพ์คอมฯ"  คิตตี้บ่นพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

      13.00 น.  หมดเวลาพักรับประทานอาหารแล้วค่ะ...


      เสียงประกาศจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ดังขึ้นขัดบทสนทนาของทั้งสองคน


      "
      อ่าว  นายยังไม่ได้กินเลยนิ  อ่ะ กินของฉันก่อนก็ได้นะ  แล้วอย่าลืมเอาไปเก็บด้วยล่ะ  ฉันไปและ  แล้วเจอกันตอนเย็นนะ"

      คิตตี้พูดเสร็จแล้วก็เดินแกมวิ่งไปที่ลิฟท์ด้วยใบหน้าเบิกบาน


      แอ็ดดดดดดดด


      เสียงประตูห้องทำงานของคิตตี้เปิดออกพร้อมกับ หน้าของคิตตี้ที่บัดนี้แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจ  เธอรีบเดินไปที่โต๊ะของเธอทันที  มีกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนข้อความด้วยลายมือสวยงามแสนคุ้นตาว่า


      รัก  รักมาก  รักมากที่สุด...กวีเอก

      เมื่ออ่านเสร็จคิตตี้ก็ยิ้มแก้มแทบปริ  พลางบิดตัวไปมาด้วยความอาย 


      "
      คนอะไรก็ไม่รู้  โรแมนติ๊ก  โรแมนติก"  พูดจบเธอก็นั่งอ่านทวนอีกหลายเที่ยวด้วยความสุขใจ

      ทำไมเธอถึงไม่ขยำเศษกระดาษนี้ทิ้งล่ะ?  นั่นเป็นคำถามของใครหลายๆคนที่เคยผ่านมาเห็นคิตตี้  ตอนกำลังปลื้มอยู่กับประโยคเดียวกันซ้ำๆ   รัก  รักมาก  รักมากที่สุด...


      นั่นเป็นเพราะ กระดาษแผ่นนี้ถูกเขียนแบบตรงไปตรงมาตามแบบฉบับที่คิตตี้ชอบ 

      กวีเอก  คือชื่อแฝงของคนที่เขียนประโยคนี้ขึ้นมา  ซึ่งเขียนประโยคเดียวกันตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงฉบับปัจจุบัน


      และอีกอย่างที่ทำให้คิตตี้ให้ความสนใจกับ  กวีเอกมากกว่าคนอื่นนั่นก็คือ  ลายมือที่สวย  และกระดาษที่ไม่มีรอยฉีก ซึ่งเธอสามารถเรียกได้เต็มปากว่า  กระดาษ ไม่ใช่ เศษกระดาษ


      18.00 น. เลิกงานแล้ว พนักงานทุกคนกลับบ้านได้ค่ะ....


      เสียงประกาศจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ดังขึ้น  ตามมาด้วยเสียงคุยกันของพนักงานในบริษัทดังระงมทั่วทุกสารทิศ


      "
      โกร๋นเอ๊ย โม๊ะๆๆๆ"  เสียงตะโกนของคิตตี้ดังขึ้นหลังจากที่เธอถือวิสสาสะเข้ามาในห้องของโหลนเรียบร้อยแล้ว


      ภายในห้องของโหลน  ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ไทยผสมยุโรปทั้งหมด  แสดงถึงรสนิยมของเจ้าของ ว่าเป็นคนอนุรักษ์ไทยแค่ไหน


      "
      โกร๋น  นายอยู่ไหนอ่ะ"  คิตตี้ตะโกนเรียกพลางเดินเข้าไป   ด้านในมีห้องห้องหนึ่งที่หน้าประตูติดป้ายว่า ห้ามเข้า   ซึ่งห้องนี้เป็นห้องนี้เป็นห้องที่โกร๋นย้ำกับเธอนักหนาว่าห้ามเข้าไป  ทั้งยังซื้อป้ายห้ามเข้ามาติดไว้หน้าประตู อีกด้วย


      "
      ดีล่ะ  ถ้านายไม่ออกมาฉันก็จะเข้าไป  ช่วยไม่ได้นะย่ะโกร๋น" คิตตี้พูดพลางแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์พลางบิดลูกปิดเข้าไปในห้องที่ ปิดป้ายว่า 'ห้ามเข้า'

      ภายในห้องมีตู้โชว์สลักลายไทยอยู่  1  ตู้  เฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือนอื่นๆเป็นชุดเดียวกันกับเครื่องเรือนที่อยู่ข้างนอกห้อง


      คิตตี้ไล่สายตามองไปรอบๆห้องพลางเดินเข้าไปที่ตู้โชว์ที่มีถ้วยรางวัลและโล่เกียรติยศที่วางเรียงรายอยู่ในตู้อย่างเป็นระเบียบ 


      ถ้วยและโล่กว่า  90
      %   เป็นรางวัลชนะเลิศการประกวดคัดลายมือ  คิตตี้เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจพลางพึมพำเบาๆว่า


      "
      ถ้าลายมือสวยขนาดนี้ ทำไมมันมาทำงานที่ใช่มือพิมพ์อย่างเดียวละเนี่ยไอโกร๋นโง่เอ๊ย"


      จากนั้นคิตตี้ก็เดินสำรวจรอบๆห้องเพื่อหาเพื่อนของเธอ


      และแล้วคิตตี้ก็เจอเพื่อนของเธอนอนฟุ่บอยู่ที่โต๊ะทำงานดินสอไม้ยังค้างอยู่ในมือ  พลันความคิดชั่วร้ายก็ปรากฎขึ้นในหัวสมองของหญิงสาว  เธอค่อยๆย่องไปที่โหลนอ้อมไปด้านหลัง  แต่วินาทีที่เธออ้อมไปนั้น  พลันสายตาเธอก็เหลือบไปเห็น....


      กระดาษ  1 ปึกใหญ่ที่เขียนข้อความเดียวกันหมด  ซึ่งถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือสวยที่ดูคุ้นตา  ถูกเขียนว่า...


      รัก  รักมาก  รักมากที่สุด...กวีเอก


      ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของคิตตี้  เธอยืนตาค้างอยู่ข้างหลังคนที่เธอคิดว่า.....


      "
      ช่างเหอะ  " คิตตี้พูดขัดความคิดของเธอ  ก่อนที่เธอจะเดินไปที่หน้าประตู ประตูที่เธอไม่ควรเปิดแต่แรก...ประตูที่ทำให้เธอรู้ความจริงทั้งหมด


      ว่าแท้จริงแล้วเพื่อนของเธอก็คือคนที่เขียนข้อความที่เธอเรียกว่า  โรแมนติ๊ก โรแมนติก


      ใช่ ....  แท้จริงแล้ว  โหลน คือคนเดียวกัน กับ กวีเอก ที่เขียนข้อความถึงเธอทุกเที่ยง

      และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้  โหลนไม่สามารถลงไปกินข้าวพร้อมเธอได้ในทุกๆวัน


      และเธอคงเป็นสาเหตุให้เขาเข้ามาทำงานพิมพ์ซึ่ง เขาเองก็ไม่ค่อยถนัดนัก

      บัดนี้ทุกอย่างกระจ่างหมดแล้ว 

       
      คิตตี้ยิ้มให้กับเพื่อนของเธอที่ตอนนี้นอนฟุ่บอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่บนโต๊ะทำงาน

      ก่อนที่เธอจะบิดลูกบิดและออกไปอย่างเงียบๆ  พลางพึมพำเบาๆแทบเป็น
      เสียงกระซิบว่า..


      "
      ค่อยโล่งอกหน่อย  ไอเราก็นึกว่ามันเป็นเกย์  หลงกลุ้มใจมาตั้งนาน เฮ้ออออ"


      ................................................................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×