Cafe live. - นิยาย Cafe live. : Dek-D.com - Writer
×

    Cafe live.

    คริส หนุ่มเท่วัยสิบหกได้รับมรดกจากปู่ทวดเพื่อมาสืบทอดกิจการที่เขาไม่ได้ถนัดเลย เป็นเวลาสามเดือน เขาจะทำภารกิจได้สำเร็จไหม และจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง มาลุ้นไปพร้อมๆกันทุกวันเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    100

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    100

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  20 ส.ค. 63 / 07:30 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่ 1

           เช้าตรู่ของวัน ณ สถานที่ชนบทแห่งหนึ่ง พระอาทิตย์สีเหลืองทองส่องสว่างทำให้เมฆรอบข้างเป็นสีส้มอมเหลืองนวล ๆ นกและสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยพากันส่งเสียงเล็ก ๆ ของมันร้องทักทายกัน วันนี้เป็นวันที่ “คริส แม็กซ์” จะได้รับมรดกที่ตกทอดมาจากญาติฝ่ายพ่อของเขา ชายหนุ่มหน้าตาคมเท่ ดูฉลาดเจ้าเล่ห์แกมโกงสังเกตจากดวงตาสีดำประกายน้ำเงินทำให้เดาได้ยากว่าเจ้าของดวงตานี้คิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มรวบผมสีทองยาวประบ่าไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้เกะกะ เริ่มสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็ก และหอบลังกระดาษหนึ่งใบออกจากห้องเดินลงมาจากหอพักแล้วตรงไปที่ชายวันกลางคนรูปร่างผอมสูงอยู่ในชุดทักซิโด้สีดำดูสะดุดตา เขาสวมแว่นตาข้างเดียวแบบย้อนยุคสไตล์อังกฤษ ดวงตาลึกกว้าง ขอบตาคล้ำคล้ายคนที่ไม่ได้นอนมาสองสามวันก็ไม่ปาน

           “สวัสดีครับ คุณคือมิสเตอร์ปาโปน ทนายตระกูลแม็กซ์ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มทักทายก่อน

           “ใช่ครับ ผมมิสเตอร์ปาโปน ทนายประจำตระกูลแมกซ์ ยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูคริส” เขาตอบกลับดูท่าทางเป็นมิตรตรงข้ามกับหน้าตา “ผมคิดว่าคุณคงเก็บของ...” ทนายจ้องมองไปที่สัมภาระอันน้อยนิดของเขาก่อนจะพูดต่อว่า “ผมหมายถึงสัมภาระของคุณ เก็บมาจนครบหมดแล้วสินะครับ เพราะว่าเราจะไม่ย้อนกลับมาที่เมืองนี้อีกแล้ว”

           “เรียบร้อยดีแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมจ้องมองไปยังคนที่เพิ่งรู้จักเชิงวิเคราะห์

           ทนายวัยกลางคนจึงเข้าไปช่วยถือลังสัมภาระของเขานำมันไปวางไว้ที่ช่องเก็บของท้ายรถ แล้วเดินกลับมาเปิดประตูหน้ารถให้กับคริส พร้อมพ่ายมือเชิญให้เขาเข้าไปก่อน คริสค่อนข้างงงกับตัวเองเล็กน้อยที่ยอมขึ้นรถไปกับใครก็ไม่รู้เพียงแค่พบหน้ากันเป็นครั้งแรก เขามองสำรวจไปรอบ ๆ ภายในตัวรถ สายตาสีดำประกายน้ำเงินหยุดอยู่ที่บริเวณคอนโซลหน้ารถเต็มไปด้วยตุ๊กตา มีทั้งพลาสติก และเซรามิกตกแต่งอยู่เต็มไปหมด แต่ละตัวมีหน้าตากึ่งสัตว์กึ่งเทวทูตอะไรเทือก ๆ นั้น

          “ประหลาดจริง ๆ ด้วยแฮะ” เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่มิสเตอร์ปาโปนจะเข้ามานั้งบนรถประจำที่คนขับ บิดมือไปที่ลูกกุญแจที่เสียบคาอยู่ติดกับพวงมาลัย จากนั้นเครื่องยนต์ก็สตาร์ทขึ้น คนขับก็ค่อย ๆ เริ่มเหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าไปที่เมือง วีเกนนิเก้น เมืองที่เป็นธรรมชาติและอยู่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองหลวงของประเทศมากนัก

           ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ คริสได้รับจดหมายหนึ่งฉบับปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งอย่างแน่นหนาสีเบจ เขียนจ่าหน้าซองผู้ส่งจากมิสเตอร์ปาโปน เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ดี ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้เขียนจดหมายมาถึงเขา เพราะที่ผ่านมานอกเหนือจากบิลค่าห้องพักที่จะต้องจ่ายทุกเดือน และใบปลิวโฆษณาต่าง ๆ แล้ว ก็ไม่มีใครเขียนอะไรส่งถึงเขาเลย

           เนื้อหาด้านในมีการเกริ่นคำทักทายต่อด้วยการเล่าประวัติคร่าว ๆ ของผู้ส่ง ว่าเป็นทนายประจำตระกูลปู่ทวดของเขา มีหน้าที่ดูแลพินัยกรรม และสมบัติอื่น ๆ ของตระกูลปู่ทวดของเขาอีกด้วย ในจดหมายชี้แจงต่อด้วยว่าทายาทชายหรือหญิงตระกูลแม็กซ์ เมื่อครบกำหนดอายุสิบหกปีบริบูรณ์จะมีสิทธิเป็นผู้ครอบครองมรดกร้านขนมหวาน และทองคำอีกหนึ่งล้านเหรียญ โดยมีเงื่อนไขอยู่ว่า ทายาทจะต้องอาศัย และบริหารร้านขนมให้ได้เป็นเวลาสามเดือนเต็ม ถ้าหากทายาทยินยอมตามนี้ให้เซ็นชื่อไว้ด้านล่างคำว่า “ยินยอม” แล้วพับจดหมายใส่ซองวางไว้ที่กล่องรับจดหมายตามเดิม อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้ทางทนายจะนำรถมารับที่หน้าหอพักในตอนเช้าตรู่ หมายเหตุโปรดเก็บสัมภาระของคุณให้พร้อมสำหรับการเดินทาง ด้วยความเคารพ มิสเตอร์ปาโปน

           เนื้อหาในจดหมายเข้าใจง่ายสำหรับคริสว่า นี้เป็นมรดกที่ปู่ทวดต้องการมอบให้เขา แต่ถ้าหากว่าปู่ทวดของเขามีร้านขนมเป็นของตัวเอง และมีทองมากมายทำไมถึงปล่อยให้เขาต้องลำบากตั้งแต่พ่อแม่เสียเป็นไปเวลากว่าสิบปีหละ และน่าที่แปลกคือ ในจดหมายผู้เขียนเขียนมาในลักษณะที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร แต่ถึงจะดูแปลกอยู่มากชายหนุ่มก็ไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปได้ เพราะการที่จะได้มีกิจการเป็นของตัวเองนั้นก็เป็นอะไรที่เขาใฝ่ฝันมานานแล้ว แต่ติดที่เป็นร้านขนมนี่หนะสิ ก็การทำครัวของเขานี้แหละที่เป็นปัญหา อย่าว่าแต่ทำขนมเลย แค่การทำอาหารง่าย ๆ อย่างไข่ดาวหรือไข่คนยังไหม้เลย “ลองดูแล้วกัน ไม่เสียหายหรอก ถ้าไม่เป็นไปตามที่คิดไว้เราก็ค่อยหาทางหนีทีรอดฉกเอาทองหรือสมบัติอื่น ๆ ติดไม้ติดมือมาบ้างก็ได้หนินา อย่างไรก็ของปู่ทวดอยู่แล้ว และเป็นการลงโทษท่านที่ทิ้งให้เราลำบากมาตั้งสิบปีอีกด้วย”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น