ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "..Insecure.." WangZiyi x CaiXukun จื่อคุน

    ลำดับตอนที่ #17 : Episode 16 : Perihelion

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      155
      6 มิ.ย. 61

    Insecure 

    #สวี่คุนเป็นโอเมก้า


    Episode 16 -Perihelion-


    จื่ออี้ไม่ชอบให้อัลฟ่าที่ไหนมายุ่มย่ามกับเขา อันที่จริงเบต้าและโอเมก้าก็ด้วย มันเป็นความหึงหวงจำพวกที่อยู่ปลายสุดของความน่ารัก สวี่คุนเชื่อว่าอีกเพียงหน่อยเดียวนี่คงจะกลายเป็นความจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง โชคดีที่จื่ออี้ไม่ได้ให้ความสำคัญมากมายกับรายละเอียดส่วนอื่นๆในชีวิตของเขา ไม่อย่างนั้นถ้าคบกันขึ้นมาจริงๆเขาคงเป็นประสาทตายไปเสียก่อน

    คบกัน

    ตลกดีที่คำๆนี้กระจ่างชัดเจนขึ้นมาเองโดยไม่ต้องอาศัยระยะเวลามากมายนัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาปวดหัวแทบตายยามที่ตระหนักได้ว่าสัญชาตญาณโอเมก้าของตนกำลังส่งสัญญาณเตือน สายสัมพันธ์ระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะธรรมชาติสร้างเราให้เกิดมาคู่กันทำให้เขาไขว้เขว สวี่คุนจะไม่ยืนกรานว่าตัวเองยังคงเดินตรงอยู่ในทางในเมื่อความจริงมันค่อนข้างจะต่างออกไปมาก

    เขาไม่ได้เป็นโอเมก้าที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งเกินใคร

    สวี่คุนในตอนนี้คิดว่าตนเข้มแข็งได้มากกว่าเดิมเพราะส่วนที่ขาดหายกำลังค่อยๆถูกเติมเต็ม


    ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นอย่างน้อยก็ในตอนนี้

    แต่ก็ไม่ได้ว่างเปล่าเป็นช่องโหว่อย่างที่เคยเป็น จริงอยู่ที่เขาไม่เคยปกปิดช่องโหว่นั้น แต่ใช่ว่าเด็กหนุ่มที่ใครต่อใครต่างก็มองว่าสมบูรณ์แบบจะมีความสุขไปกับมัน 

    ด้วยเหตุผลนั้นช่ายสวี่คุนไม่ได้ยับยั้งความรู้สึกของตนเอง เขาก้าวถลำเข้าไปโดยตั้งใจ ยอมให้อารมณ์หวามไหวในอกอยู่เหนือตรรกะเหตุผลทั้งหมดที่ควรจะมี มันไม่ได้แย่นักเมื่อมองจากภาพรวมในปัจจุบัน รอยยิ้มบนใบหน้าและเสียงหัวใจที่เต้นแรงแทนคำยืนยันได้ชัดเจนยิ่งกว่าการนั่งตอบแบบสอบถามฉบับไหนๆ

    เพียงแค่เขาไม่ได้พูดมันออกมาให้ชัดเจน

    ส่วนจื่ออี้เองก็ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ


    ที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว

    มันดีมากจนสวี่คุนไม่มั่นใจว่าตัวเองควรจะไปให้ไกลกว่านี้หรือเปล่า


    เหม่ออะไรอยู่เหรอครับ

    เสียงนุ่มหวานดังแทรกขึ้นมาในความคิดที่กำลังไหลไปโดยไม่รู้ตัว สวี่คุนยืดหลังตรง เผลอกระแทกช้อนลงบนจานโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาคู่สวยตวัดมองซ้ายขวาก่อนจะเห็นว่าสมาชิกในทีมของตนลุกออกไปหมดแล้ว ช่ายสวี่คุนมองข้าวในจานที่เหลืออยู่เกินครึ่งสลับกับมองใบหน้าน่ารักพร้อมทั้งรอยยิ้มกว้างตรงหน้าด้วยความฉงนสงสัย

    อ่า ผมถามพี่ว่านั่งด้วยได้หรือเปล่าน่ะ

    เฉินลี่หนงตอบคำถามในใจของเขาด้วยดวงหน้าที่ดูเจื่อนลงไปเล็กน้อย สวี่คุนถอยจานของตนเข้าหาอกอีกนิด ก่อนจะพยักหน้าตกลงรับคำขอนั้น เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเบื้องหน้าฉีกยิ้มหวานสดใสกลับมาให้อีกรอบ มันสว่างจ้าจนเขาเผลอกลั้นหายใจ ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณตามมารยาท อาหารบนจานสีครีมของอีกฝ่ายไม่ได้มากมายนักเมื่อเทียบกับปริมาณที่เด็กฝึกคนอื่นๆรับประทาน 

    กินน้อยนะ

    เหนื่อยจนกินไม่ลงน่ะครับ

    สวี่คุนทำท่าเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย เขาเข้าใจถึงความลำบากในช่วงนี้เป็นอย่างดี แม้จะแอบอิจฉาที่ลี่หนงไม่ต้องเปลี่ยนทีมเหมือนตัวเองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ต่างคนต่างกินอาหารส่วนของตัวเองไปเงียบๆจะต่างไปก็แต่คนที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามดูจะสนอกสนใจการแอบมองเขาเป็นพิเศษ ไม่ดีเท่าไหร่ สวี่คุนคิดว่าในกรณีนี้จื่ออี้คงไม่ชอบใจนัก กลิ่นอุ่นคล้ายไอแดดจัดยามเลียไล้บนผิวดินอวลอยู่โดยรอบ จัดชัดเสียจนเกินจะเรียกได้ว่าปกติ ลี่หนงแสดงออกชัดเจนว่าตัวเองรู้สึกอะไรผ่านฟีโรโมนที่คลุ้งในอากาศ ไม่ว่าจะเพราะอายุที่ยังน้อยจึงไม่สามารถสะกัดกลั้นกลไกของร่างกายได้ หรือเพราะเจตนาอื่นเช่นการฝากกลิ่นไว้บนตัวโอเมก้าสักคน เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกสบายกับมันสักเท่าไหร่

    กับทีมใหม่เป็นไงบ้างครับ

    ลี่หนงเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน ขณะที่โอเมก้าอายุมากกว่าเอาแต่ไถปลายจมูกไปมา หวังจะช่วยลดกลิ่นแรงๆที่ตีขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ให้ตัวเองมีปฏิกิริยาต่อกลิ่นนั่น ถ้าอีกฝ่ายปล่อยกลิ่นจัดขนาดนี้เดี๋ยวจะแย่เอา

    ไม่ได้ไม่ชอบ เป็นโอเมก้านี่นะจะไม่ชอบกลิ่นของอัลฟ่าได้ยังไง

    สวี่คุนแค่ไม่อยากชอบมัน เพียงนึกถึงคนที่พร้อมจะทำหน้าบูดบึ้งตัดพ้อเมื่อได้กลิ่นแปลกบนร่างของเขาก็รู้สึกหดหู่แล้วสิ จื่ออี้ชอบบอกว่าอัลฟ่าตัวไหนๆก็ชอบมาวอแวกับเขา แต่สวี่คุนกลับคิดไปอีกอย่าง


    หวังจื่ออี้คงไม่รู้ว่ามีอัลฟ่าตัวนึงที่ชอบทำให้คิดมากไปด้วยอยู่เรื่อย


    คุนคุน~”

    หากเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้หวังจื่ออี้มีสีหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่สบายใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้คงทำให้อีกฝ่ายกุมขมับเป็นแน่แท้ ฟ่านเฉิงเฉิงวิ่งตึงๆมาหาเขาพร้อมกับถุงใส่ขนมในมือ คำว่าพี่ที่ขาดหายไปไม่ทำให้ช่ายสวี่คุนรู้สึกแปลกนัก พักนี้เด็กนี่ติดเขาแจแถมยังส่งกลิ่นแปลกๆออกมาแรงขึ้นทุกวัน เฉิงเฉิงชอบมาขลุกอยู่กับเขาในเวลาพัก ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นไม่กี่คนที่อนุญาตให้เด็กกินจุคนนี้กินได้ตามใจ ก็ไม่ใช่ไม่ห่วงเรื่องน้ำหนักเจ้าปัญหานั่นหรอกแต่ได้ยินมาว่าฟ่านเฉิงเฉิงอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ต่างหาก หากให้อดขนมด้วยก็กลัวจะแย่ลงอีก สวี่คุนถอนใจขณะมองประกายสดใสในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม วูบหนึ่งที่ปลายสายตาของเขาจับสีหน้าไม่พอใจจากลี่หนงได้ ก่อนมันจะเปลี่ยนไปเป็นเรียบเฉยอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รู้สินะ บางทีคำที่จื่ออี้พูดอาจจะเป็นจริงก็ได้

    ค่อยๆเดินก็ได้

    ได้ยังไงกัน นี่เพิ่งได้ชีสทาร์ตเจ้าดังมาจากแฟนแฟนเลยนะ

    ถึงจะบอกว่าอนุญาตให้กินได้ก็เถอะแต่หอบขนมมาขนาดนี้ก็ดูจะเกินควรไปสักหน่อย สวี่คุนมองคนที่กระตือรือร้นแกะห่อพลาสติกออกจากกล่องกระดาษแล้วยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เสียงหายใจแรงๆของลี่หนงคงอธิบายความรู้สึกของเขาไปหมดแล้ว

    รายการไม่ให้รับของจากแฟนแฟนไม่ใช่หรือไง

    ลี่หนงถามเสียงนิ่ง ดูเย็นชากว่าที่สวี่คุนเคยได้ยินมาตลอดรายการ ทว่าฝ่ายของเด็กกลิ่นส้มข้างตัวเขาเองกลับไม่ยินดียินร้ายนักกับเสียงห้วนไม่เป็นมิตรนัก คล้ายจะชินชากับท่าทีอึดอัดระหว่างกันด้วยซ้ำไป แปลกดี เขาคิดว่าสองคนนี้จะสนิทกันเพราะเกิดปีเดียวกันเสียอีก

    ก็ไม่ได้รับมาตรงๆ ผู้จัดการอนุญาตแล้วถึงเอามาให้

    แรปเปอร์เจ้าของอันดับหนึ่งในการแข่งโพสิชันแบทเทิลตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าคนพูด ฟ่านเฉิงเฉิงยกทาร์ตสีน้ำตาลทองออกมาจากกล่องแล้ววางตรงหน้าเขาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะวางอีกชิ้นลงหน้าตัวเอง มือเรียวปิดฝากล่องลงหลังจากเลือกชิ้นที่ตัวเองพอใจได้แล้ว

    ไม่ให้เพื่อนกินด้วยกันล่ะ

    เขาบุ้ยปากไปลี่หนง ชะงักเล็กน้อยกับประกายกร้าวในตาเรียวรี

    เขาคงไม่อยากกินหรอก


    ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากได้สิทธิพิเศษจากคนพิเศษในรายการอย่างเขาหรอก ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเกิดเป็นคนตระกูลฟ่านก็ดีอย่างนี้นี่เอง

    ถึงจะไม่แน่ใจในเจตนาหลังประโยคยาวเหยียดนั้นแต่สวี่คุนก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คำดูแคลนของอัลฟ่าตรงหน้าสร้างประกายระริกในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฟ่านเฉิงเฉิง ด้วยเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาค่อนข้างเป็นประเด็นอ่อนไหว สวี่คุนจึงไม่แปลกใจนักที่คนโดนตำหนิจะกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน กลิ่นไอแดดกลายเป็นกลิ่นร้อนจัดของอัลฟ่าที่ต้องการจะสู้ ขณะที่กลิ่นส้มแปร่งๆของเฉิงเฉิงก็แปลกไปจนเกือบจะเรียกได้ว่าผิดปกติ

    เขาไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน

    บางทีมันอาจจะไม่ถูกต้อง บางอย่างในร่างกายเด็กนี่อาจจะไม่ได้อยู่ในสภาวะปกตินัก

    มากไปหรือเปล่าหน่งหนง

    สวี่คุนดึงแขนของฟ่านเฉิงเฉิงที่กำลังลุกขึ้นยืนหวังจะช่วยเตือนสติให้อีกฝ่ายสงบลงได้ เด็กฝึกสองสามคนที่เหลืออยู่ในห้องกับทีมงานบางส่วนเริ่มมองมายังต้นเสียงด้วยความสนใจ คงไม่ดีเท่าไหร่หากก่อเรื่องขึ้นมาในตอนนี้ แต่แทนที่ลี่หนงจะช่วยกัน ฝ่ายนั้นกลับมองมาที่มือของเขาข้างที่ยึดชายเสื้อฮู้ดของเฉิงเฉิงเอาไว้ด้วยแวววูบไหว ริมฝีปากบางแค่นยิ้ม ได้ยินเสียงเหอะในคอก่อนจะเป็นฝ่ายถือจานลุกขึ้นเองบ้าง

    ขอประทานอภัย ฉันไปเองก็ได้ อ้อ ถ้าว่างก็เรียกหมอมาตรวจหน่อยก็ดีนะ กลิ่นนายประหลาดเป็นบ้าเลย

    นั่นไม่ช่วยเลยสักนิด

    สวี่คุนเบิกตากว้างมองเด็กหนุ่มที่โค้งตัวให้ เขาไม่คุ้นชินกับลี่หนงในรูปแบบนี้ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเด็กอ่อนโยนแบบนั้นจะมีมุมดุร้ายแบบนี้ด้วย ฟ่านเฉิงเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในที่สุด เด็กนั่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงตักขนมชิ้นไม่เล็กไม่ใหญ่เข้าปากตัวเองไปเงียบๆ เป็นความเงียบที่อวลด้วยบรรยากาศแปลกประหลาดจนแม้แต่ช่ายสวี่คุนยังไม่กล้าพูดอะไร


    พวกอัลฟ่านี่น่ากลัวจริงๆ


    .


    สวี่คุนคิดว่าจื่ออี้จะไม่พอใจ

    และมันก็เกิดขึ้นจริงๆจนได้ 

    เปลือกตาสีมุกกะพริบปริบขณะจดจ้องอยู่ที่เพดานห้อง สองมือที่วางทาบบนอกตบลงบนอกซ้ายต้องการให้ก้อนเนื้อที่กำลังบีบตัวด้วยจังหวะแปลกไปกลับมาเป็นปกติ จื่ออี้ไม่ได้ก้าวร้าว อีกฝ่ายไม่เคยข่มขู่ให้เขาหวาดกลัวโดยตรง(ไม่นับที่ขู่คนอื่นแล้วเขาดันรู้สึกไปด้วยน่ะนะ) เพียงเสียงเหนื่อยอ่อนของคนที่ดูอ่อนล้าเกินไปกระซิบแผ่วเบาสวี่คุนก็แทบจะลงไปกองกับพื้น

    ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด 

    โอเมก้าต้านทานอัลฟ่าไม่ได้อยู่แล้ว เพียงออกปากสั่งหรือกดเสียงต่ำเพื่อข่มขวัญสักหน่อย โอเมก้าที่ให้ความรู้สึกไปมากอย่างเขาก็คงไม่มีทางเลือก แต่จื่ออี้เลือกทำในสิ่งที่ต่างออกไป เสียงทุ้มต่ำตัดพ้อขอร้องเขา วอนขอส่วนแบ่งให้กับตัวเอง ราวกับโอเมก้าอย่างช่ายสวี่คุนสูงส่งเสียเต็มประดาทั้งที่ความเป็นจริงมันต่างออกไป

    มีกลิ่นคนอื่นติดตัวนายเต็มไปหมด ฉันไม่ชอบเลย อยากได้กลิ่นนายคนเดียวมากกว่า แย่ชะมัด

    พอเหนื่อยแล้วก็วุ่นวายคุนคุนอยู่เรื่อย ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากนะ

    ให้ตายสิ

    พูดมาแบบนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้ บอกแล้วว่ามันไม่ยุติธรรมเลยสักนิดเดียว โจวรุ่ยเองก็บอกเช่นนั้นตอนที่เห็นสวี่คุนวิ่งโร่กลับมาอาบน้ำเพื่อไปทานข้าวเย็นพร้อมกับจื่ออี้อีกรอบ 

    สวี่คุนไม่รู้ว่าจื่ออี้จะคิดมากหรือเปล่า อันที่จริงฝ่ายนั้นบอกเขาแล้วว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับกลิ่นมั่วๆบนตัวเขา เจ้าตัวแค่อยากได้กลิ่นเขาชัดๆเพื่อให้สบายใจขึ้นก็เท่านั้น ดูเป็นผลประโยชน์แบบวินวินกันทั้งสองฝ่ายเมื่อตัวชายหนุ่มเองก็ใช้กลิ่นขนมอบเจือความหอมของกาแฟแทนยาคลายกังวลอยู่เหมือนกัน


    ช่ายสวี่คุนพลิกตัวตะแคงข้างอีกรอบหนึ่ง ในความมืดก้อนผ้าห่มที่พันรัดโจวรุ่ยขยับยุกยิกก่อนจะนิ่งไปในที่สุด เตียงสี่หลังภายในห้องพักบรรจุคนเพียงสอง ส่วนอีกสองกลับกลายเป็นว่างเปล่าเมื่อการแข่งขันดำเนินมาเกินครึ่งทาง ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่เหนื่อยอ่อนจนไม่อยากกระดิกตัวแต่ความรู้สึกหลากหลายและก้อนความคิดไม่เป็นรูปเป็นร่างกำลังทำลายเวลานอนอันมีค่าของเขาอยู่


    บางทีน่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย


    ก๊อกๆ


    ยังไม่ทันที่สวี่คุนจะได้กระดิกตัวออกจากเตียงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบาง คิดว่าคงมีไม่กี่คนที่กล้ามาเคาะประตูห้องชาวบ้านชาวช่องในตอนกลางดึก เพราะเวลาล่วงเลยมามากแล้วประสาทสัมผัสที่อ่อนล้าของเขาจึงลดประสิทธิภาพการทำงานลงจนไม่อาจแยกแยะกลิ่นได้ชัดเจน สวี่คุนบากสลิปเปอร์คู่เก่งออกไปยังประตู รีบที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้ก้อนหนอนผ้าอีกหนึ่งก้อนในห้องต้องตื่นขึ้นมากลางดึก

    ใจเย็น มาแล้วๆ

    ช่ายสวี่คุนรีบร้อนรุดหน้าไปยังบานประตูพร้อมๆกับเสียงเคาะถี่ๆที่ดังขึ้นมาอีกระรอก ริมฝีปากรูปกระจับยิ้มค้างก่อนจะพบว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่หลังแผ่นไม้เนื้อหนาไม่ใช่อะไรที่ตนคาดคิดเอาไว้ ภาพตรงหน้าไม่ใกล้เคียงกับจินตนาการของเขาเลยสักนิดเดียว

    ลมหายใจหอบกระชั้นถี่แถมยังร้อยระอุราวกับเจ้าของร่างกำลังจมอยู่ในพิษไข้

    กลิ่นฟีโรโมนประจำตัวฟุ้งเข้ม หวานจัดจนแทบจะหายใจไม่ได้ สวี่คุนไม่ได้กลิ่นแบบนี้มาสักพักใหญ่ ความทรงจำในสมองเก่าเก็บจนรางเลือน นั่นมันแปดปีมาแล้วเห็นจะได้

    ดวงหน้าขาวเนียนที่ประจันอยู่แดงเรื่อ เหงื่อกาฬซึมขึ้นตามไรผมทำให้ร่างที่กำลังสั่นเทาดูคล้ายกับลูกนกที่ตกร่วงลงจากรังท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำ


    หัวใจดวงน้อยของเขาบีบรัดถี่ นี่มันพระเจ้า


    ช่วยผมช่วยผมที


    เสียงที่ได้ยินแหบพร่าทั้งยังสั่นริกน่าสงสาร สวี่คุนยื่นมือไปจับมือสั่นๆของคนที่กำลังกระชับคาร์ดิแกนของตัวเองให้แน่นขึ้นหมายจะบรรเทาความหวั่นวิตกในแววตานั้น ก่อนจะรั้งร่างสูงกว่าที่กำลังยืนโงนเงนให้เข้ามาในอ้อมแขน 

    ผมกลัว พี่ช่วยทีผม…”

    ไม่เป็นไร มานี่มา

    ดวงตาสีเทาแวววับไปด้วยหยาดน้ำใส ม่านตาที่เปลี่ยนสีไปตามการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่ทางการแพทย์เรียกมันว่าภาวะวิกฤติเป็นประกายสะท้อนแสงในความมืด ผิวกายร้อนระอุในอ้อมแขนทำให้เขาต้องลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆก่อนจะดึงร่างของคนตรงหน้าให้เข้ามาในห้อง

    ไม่ผิดแน่ อาการแบบนี้


    พี่รุ่ย ตื่นเร็ว

    สวี่คุนร้องเรียกโจวรุ่ยที่อายุมากกว่าให้ตื่นขึ้นมาจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า ลำพังตัวเขาเองต่อให้ผ่านมันมาแล้วแต่ก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะรับมือกับมันได้ดีนัก โชคดีที่พี่ชายของเขาไม่ได้หลับลึกจนเกินไป ร่างเล็กถูกปลุกให้งัวเงียขึ้นจากห้วงนิทราได้ทันเวลาที่แขกยามวิกาลทรุดตัวลงไปนอนขดอยู่บนเตียงของสวี่คุน ใบหน้าหวานของโจวรุ่ยยับยู่จากกลิ่นหวานจัดอันแสนไม่คุ้นเคย ก่อนดวงตาทั้งสองจะเบิกกว้างเมื่อภาพทั้งหมดชัดเจนขึ้นมาในที่สุด


    เห้ย เฉิงเฉิง


    ฟ่านเฉิงเฉิงไม่ตอบโต้ พูดให้ถูกคงต้องบอกว่าไม่มีสติจะตอบโต้เสียมากกว่า ทั้งสวี่คุนและโจวรุ่ยมองหน้ากันไปมาในความเงียบงันกลางค่ำคืนที่มีเพียงเสียงครางหงิงของเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นเสียงเดียวในห้อง สวี่คุนคลายมือที่กอบกุมส่วนเดียวกันของอีกคนออก ปล่อยให้ร่างสูงเกินวัยของคนที่เขาแน่ใจมาตลอดว่าเป็นอัลฟ่ากอดตัวเองอยู่บนผืนผ้าห่มยับยู่

    ฮึก ผมเจ็บ


    สวี่คุนรู้ดีว่ามันจะทรมาน การเปลี่ยนแปลงในช่วงวิกฤตเป็นนรกสำหรับเขา มันอาจไม่ได้กินเวลานานมากนักแต่กลับเลวร้ายกว่าช่วงพรีฮีทอยู่หลายเท่า โจวรุ่ยเองก็ดูจะเข้าใจ ร่างเล็กเดินเตาะแตะมายังเตียงฝั่งตรงข้าม คนสูงวัยที่สุดในห้องแตะมือลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของเด็กหนุ่มก่อนจะต้องชักมือออกเมื่อพบว่ามันร้อนจัดจนเกินรับไหว ปลายนิ้วเย็นไล้ไปตามไรผมก่อนจะทัดปลายผมสีอ่อนของอีกฝ่ายขึ้นหลังใบหู สัญลักษณ์สีด่างเพราะยังไม่ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพโดยสมบูรณ์ปรากฏชัดเจนหลังใบหู นับเป็นหลักฐานที่มากพอจะยืนยันข้อสันนิษฐานของเขา


    ฟ่านเฉิงเฉิงเป็นโอเมก้า


    .


    ก๊อกๆ


    จื่ออี้เปิดประตูให้หน่อย

    จื่ออี้มีเรื่องด่วนนะออกมาที

    .

    ก๊อกๆ

    จื่อ…”

    มาแล้วครับ

    มือที่กำลังจะเคาะลงบนแผ่นประตูชะงักค้างกลางอากาศ ผิวหน้าเหมือนจะร้อนขึ้นหน่อยๆเมื่อคนเปิดประตูไม่ยอมสวมเสื้อออกมา เจ้าตัวอวดแผ่นอกที่ประดับไปด้วยลอนกล้ามเนื้อสวยซึ่งจื่ออี้บ่นนักหนาว่ามันจางหายไปมากแล้ว

    ไม่เห็นจะจริงเลยสักนิด

    มีอะไร หืม

    ร่างสูงเสยผมยาวๆของตนเองให้พ้นจากกรอบหน้า หัวคิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่อต้องปะทะกับแสงจากภายนอก จื่ออี้พิงกายเข้ากับกรอบประตูพร้อมกับป้องปากหาวหวอด ท่าทางแสนธรรมชาติที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะยิ่งทำให้ช่ายสวี่คุนควานหาเสียงตัวเองยากขึ้นกว่าเก่า

    เงียบ คิดถึงกันเหรอ

    ไม่ใช่ จะมาขอเสื้อต่างหาก

    ขอบคุณถ้อยคำเย้าหยอกที่ทำให้โอเมก้ากลิ่นมิ้นต์เจอเส้นเสียงได้ในที่สุด ชายหนุ่มกระแอมไอเล็กน้อยแก้ขัดยามที่มองลอดเข้าไปในห้องขณะที่จื่ออี้เดินไปหยิบเสื้อของตนมาส่งให้

    เป็นอะไร เครียดเหรอ หรือจะฮีท

    ท่อนแขนยาวดึงตัวเขาเข้าไปใกล้ ใบหน้าได้รูปวางแหมะบนไหล่ จื่ออี้แนบแผ่นอกเปลือยที่แผ่ไอร้อนจากผิวเนื้อมาสู่ร่างของเขา ส่วนเดียวกันของทั้งสองร่างทับสนิทจนแทบจะเรียกว่าเป็นการกอดขาดก็เพียงวงแขนที่ยกขึ้นรั้งกระชับสองร่างเข้าหากันก็เท่านั้น

    ก็ไม่ได้กลิ่นนี่ มีอะไรหรือเปล่า

    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาเจือความเป็นห่วงในน้ำเสียงอ่อนหวาน มืออุ่นๆยกขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มมือคล้ายจะปลอบประโลม ความรู้สึกอุ่นวาบในอกเหมือนหยดน้ำที่รินรดลงบนกอไม้ เร่งให้ดอกไม้เล็กๆในใจของเขาผลิบาน สวี่คุนจมอยู่กับความคุ้นเคยแสนวิเศษจนเกือบลืมใครบางคนที่รออยู่ไปแล้ว โชคดีที่คำถามของจื่ออี้เรียกสติของเขาขึ้นมาจากวังวนลึกล้ำเสียก่อน

    ตกลงเกิดอะไรขึ้น อยากเล่าไหม

    อ๋อ จะเอาไปทำรัง

    รัง? รังใคร

    จื่ออี้ทำหน้ายุ่งเหยิงจนสวี่คุนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็ตั้งแต่เข้ามาในรายการชายหนุ่มยังไม่เคยเจอโอเมก้าทำรังมากับตัวเลยนี่นะ  แถมยังมาขอเสื้อผ้าตอนดึกๆแบบนี้อีกต่างหาก ไม่น่าแปลกใจที่จะฉงนสงสัยขึ้นมา

    พี่รุ่ยเหรอ

    เฉิงเฉิงน่ะ

    .

    ห๊ะ

    .


    อืม เด็กนั่นเป็นโอเมก้า


    .


    หวังจื่ออี้เป็นคนดีจริงๆโดยไร้ข้อโต้แย้ง เริ่มตั้งแต่ไม่ไถ่ถามอะไรให้มากความแต่กลับเป็นฝ่ายไปขอเสื้อผ้าจากอัลฟ่าคนอื่นๆที่เขาไม่คุ้นเคย แถมยังบริจาคปลอกหมอนและผ้าห่มของตัวเองมาปูให้แทนชิ้นที่เป็นของสวี่คุนเพราะคิดว่าโอเมก้าอายุน้อยคงจะสบายใจแบบนั้นมากกว่า

    เฉิงเฉิงขึ้นมานอนดีๆ

    โจวรุ่ยยื่นมือออกไปแตะร่างร้อนผ่าวที่กอดตัวเองอยู่ในตู้เสื้อผ้า ปลอบใจอยู่นานกว่าคนที่กำลังช็อคจะยอมกระดิกตัวออกมาภายนอก สวี่คุนทอดสายตาเห็นใจไปให้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามพยุงร่างนั้นมายังเตียงชั้นล่างฝั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วอย่างทุลักทุเล 

    ไปปลอบน้องสิ

    แว่วเสียงจื่ออี้มาจากฝั่งประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ วงหน้าหล่อเหลาหันมองอัลฟ่าเพียงคนเดียวในสถานการณ์ชวนอึดอัด ก่อนจะรีบเสหน้าหลบรอยยิ้มบางเบานั่น สวี่คุนกำกางเกงตัวเองแน่น แววตาแบบนั้นมันอ่อนโยนเกินไปหรือเปล่า


    นายนอนเตียงบนนะคุนคุน

    ไม่รู้สิรุ่ยเกอ ผมอาจจะดูน้องก่อน

    ตามใจก็แล้วกัน ฉันขอพักนะ ดูแลอัลฟ่าของนายแล้วปวดหัวชะมัด

    คนโดนพาดพิงจามเสียยกใหญ่ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าหวานของโจวรุ่ยได้ในทันที สวี่คุนรอให้พี่ชายของเขาซุกตัวลงในผืนผ้าห่มเสียก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปนั่งยองๆประจันหน้ากับคนที่ขดตัวเป็นก้อนบอลบนเสื้อกันหนาวที่สวี่คุนคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นของรุ่ยปิน มือใหญ่กว่าของฟ่านเฉิงเฉิงจิกบนผืนผ้าปูสีน้ำเงินเข้มจนขึ้นข้อนิ้วขาว เสียงลมหายใจที่ได้ยินยังคงหอบถี่อย่างทรมาน สวี่คุนปัดปอยผมชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย ชายหนุ่มไล่นิ้วลงไปแกะส่วนเดียวกันของเฉิงเฉิงออกจากที่นอนแล้วกุมมันไว้หลวมๆ 

    ไม่เป็นไรนะ พอเช้าแล้วทุกอย่างจะโอเค

    ผมเป็นโอเมก้าใช่ไหม มันขึ้นมาแล้วใช่ไหม

    ฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยเสียงพร่า ลูกแก้วสีเทาที่จ้องสบมาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยจนเขานึกสงสารจับใจ สำหรับสวี่คุนการเป็นโอเมก้ามันก็เลวร้ายแต่ไม่ได้แย่ถึงขนาดจะต้องเกลียดตัวเองถึงขนาดนั้น ทว่าสำหรับคนที่กำลังซบแก้มลงกับฝ่ามือของเขาอยู่ล่ะก็ ช่ายสวี่คุนเองก็สุดจะคาดเดา

    ผมรู้สึกแย่มากเลย ทำไมมันเจ็บจัง

    ตุ๊กตาโดเรมอนเละๆของเยี่ยนเฉินหายเข้าไปในอ้อมกอดของเด็กตรงหน้าเฉิงเฉิงซุกจมูกลงกับก้อนนุ่มนิ่มไม่เป็นทรงพร้อมกับครางเครือออกมา กลิ่นของอัลฟ่าจะพอทุเลาคลื่นอารมณ์แปรปรวนแย่ๆในใจให้สงบได้ แต่โอเมก้าที่ไว้ใจสักคนจะให้ความรู้สึกปลอดภัยและสัมผัสได้ถึงความโอบอ้อมอารีมากกว่าโดยเฉพาะกับโอเมก้าที่เพิ่งผ่านช่วงวิกฤติ เหมือนกับสัมผัสถึงใจกันได้โดยไม่ต้องอาศัยคำพูดหรืออะไรเทือกนั้น

    อย่างไรก็แล้วแต่ ตามทฤษฎีของนักวิชาการสักคนที่ช่ายสวี่คุนไม่คิดจะจำชื่อ

    เขากล่าวเอาไว้ว่าไม่มีอะไรจะทำให้โอเมก้าฟุ้งซ่านคนหนึ่งสงบได้ดีเท่าอัลฟ่าตัวเป็นๆ


    และหากฟ่านเฉิงเฉิงยังคงทรมานอยู่อย่างนี้ทั้งที่ประกายสีส้มเริ่มโผล่รำไรแล้วล่ะก็ สวี่คุนคิดว่าตัวเองคงต้องตามหาอัลฟ่าตัวเป็นๆให้อีกคนแล้วล่ะ

    ฉันไปเรียกจัสตินดีไหม อัลฟ่าจะทำให้นายดีขึ้น

    ไม่เอา อย่าบอกเขา

    แทนที่จะยอมรับ เฉิงเฉิงกลับสะบัดมือเขาออกแล้วถอยตัวกรูดไปอยู่อีกมุมเตียง ไกลเกินกว่าที่สวี่คุนจะเอื้อมแขนไปถึง เด็กหนุ่มขู่คำรามเมื่อร่างโปร่งพยายามแหวกกองผ้าเข้ามาในอาณาเขต สวี่คุนจึงจำเป็นต้องถอยตัวออกห่างเพื่อรักษาระยะสักพัก

    มานี่ เฉิงเฉิง

    เป็นจื่ออี้ที่ตวัดเสียงดุขึ้นมาโดยไม่ให้ได้เตรียมใจ สวี่คุนสะดุ้งโหยงกำลังจะลุกหนีแต่ติดวงแขนของอีกคนที่คร่อมทับทั้งยังยื่นมือออกไปหลังกองผ้า สวี่คุนได้ยินเสียงร้องปฏิเสธแผ่วเบามาจากคนด้านใน มือทั้งสองจึงตั้งใจจะผลักจื่ออี้ออกแต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาเรียวสีเข้มจัด 

    เฉิงเฉิงอย่าดื้อ

    มะ ไม่ ออกไปนะ

    สวี่คุนหายใจลำบาก ความรู้สึกอึดอัดตีแน่นไปเสียทุกทาง ทั้งจากอัลฟ่าที่กำลังตั้งใจข่มขวัญคนบนเตียง และจากโอเมก้าที่กำลังหวาดกลัวระคนหวั่นวิตก

    ไปเรียกสักคนมาสิ ตรงนี้ฉันจัดการเอง

    แววตาเข้มดุของจื่ออี้เกือบทำให้สวี่คุนไม่กล้าเงยหน้า เขาถอยกรูดออกมา กังวลใจกับกลิ่นส้มหวานจัดที่อาจรบกวนสัญชาตญาณของจื่ออี้จนไม่กล้าละสายตาออกห่าง หากแต่เจ้าของข้อมือแข็งแรงที่ยื่นไปคว้าแขนฟ่านเฉิงเฉิงดูจะไม่เห็นด้วยกับความลังเลนั้นสักเท่าไหร่

    เชื่อใจฉันแล้วมานี่เฉิงเฉิง

    อัลฟ่าของเขา

    จื่ออี้ของเขาดึงให้คนที่ดูจะสับสนเข้ามาใกล้ ประกายกร้าวฉายชัด บีบบังคับให้คนที่ถูกกักขังไว้ด้วยกองผ้ากองยักษ์ขยับตัวออกมา ก่อนร่างสูงจะเซไปเล็กน้อยเมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าทิ้งตัวลงบนไหล่คล้ายเหนื่อยเกินไปที่จะต่อต้าน จื่ออี้กัดฟันกรอดยามที่กลิ่นหวานหอมของผลไม้เขตร้อนฟุ้งชัด เขายกมือสั่นๆขึ้นลูบแผ่นหลังชื้นเหงื่อในอ้อมแขน ตั้งใจฟังเสียงหายใจถี่ๆที่เริ่มเป็นจังหวะมากขึ้น

    อย่ามาแตะนะ

    ดีขึ้นใช่ไหม เดี๋ยวไปเรียกน้องนายมาช่วยนะ

    เฉิงเฉิงจิกไหล่ของรุ่นพี่จนอีกฝ่ายต้องนิ่วหน้า จื่ออี้หันหน้าไปเร่งเร้าคนที่ยังลังเลอยู่เพราะกลัวว่าตัวเองจะขาดสติก่อนจะถึงเวลาอันควร

    อย่าบอกใคร พี่อย่าเพิ่งบอกเขา

    หยุดดื้อสักแปปได้ไหมเนี่ย


    เร็วสิคุนคุน ฉันทนไม่ได้นานนักหรอกนะ

    สิ้นประโยคนั้น ชายเจ้าของชื่อแทบจะออกวิ่งเพื่อไปเรียกใครสักคนตามคำสั่ง ความจริงที่ว่าอัลฟ่าทนฟีโรโมนของโอเมก้าได้ไม่นานนักทำให้หัวใจถูกบีบจนเจ็บทั้งยังระส่ำระส่ายไปด้วยความหวาดหวั่น ยิ่งภาพสุดท้ายที่เห็นคือดวงตาของจื่ออี้ที่เข้มขึ้นทว่าสะท้อนแววแดงเรื่อก็ยิ่งทำให้เขาประสาทเสีย

    นั่นมันอัลฟ่าของเขานะ

    กลิ่นนั่นก็เป็นของเขา ถ้าเลือกได้เขาไม่อยากแบ่งปันมันกับใครทั้งนั้น

    แต่เพราะเลือกไม่ได้และเพราะน้องชายที่น่ารักกำลังลำบาก ช่ายสวี่คุนจึงทำอะไรได้ไม่มากนักนอกจากทุบประตูห้องพักอีกห้องแรงๆหวังให้คนข้างในตื่นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด


    จัสตินตื่นเร็ว พี่นายกำลังแย่


    รีบออกมาสักทีเถอะ ฉันขอร้องล่ะ




    TBC.


    ———————

    มันก็จะหายไปนานๆหน่อย

    ต้องขอโทษทุกคนจริงๆค่ะ คือเราแบบว่า แบบว่า แบบว่า

    หนีไปเที่ยวจี้ปุ่งมา แง้ววววว สรุปก็ซื้อexpressไปจริงๆด้วยแหละ รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่ซื้อ 

    ไปโอซาก้า โกเบ เกียวโตมาค่ะคราวนี้ คือมันดีมาก กุมใจ

    กลับมาพร้อมฟิตต่อแล้วค่ะ ฮูเร่ 


    สำหรับตอนนี้ ยัยส้มเป็นโอเมก้านะคะ สลิธีรีนไม่ได้แต้มเน้อ5555

    สำหรับไรต์ ยัยเป็นเจ้าก้อนตัวยุ่งของเราอ่ะ อย่าตีก้นเราน้า สงสารยัยเนาะ ทฤษฎีภาวะวิกฤตเป็นทฤษฎีของเราเอง ประมาณว่าร่างกายจะเปลี่ยนแปลง ฮอร์โมนก็เปลี่ยน น้องก็จะทรมานหน่อยๆ นำไปสู่การทำรังของโอเมก้า หรือการNestingนั่นแหละจ้า ลองไปศึกษาเรื่องรังของโอเมก้าดูก็ได้


    คำถามต่อไปคือยัยจะคู่ใคร หรือเปิดเรื่องใหม่เป็นเฉิงเฉิงเป็นโอเมก้าดีไหม555


    ฝากคอมเม้นด้วยนะคะ รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราเองก็แต่งได้ดรอปลงคอมเม้นเลยน้อยลงไปด้วย อันนี้โทษตัวเองเลย เป็นเพราะพลังหมดกับการสอบแล้วด้วยแหละ ตอนนี้มีแรงแล้ว หวังว่าตัวเองจะทำได้ดีขึ้นนะคะ


    แล้วก็เหมือนเดิม #สวี่คุนเป็นโอเมก้า จะพยายามไปไล่ตอบตอนเก่าๆให้หมดจ้า เลิ้บบบ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×