ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "..Insecure.." WangZiyi x CaiXukun จื่อคุน

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 61




    Insecure

    Prologue


    .


    .


     

    “พูดให้ฉันสบายใจทีว่านายไม่ได้ใช้ที่นี่เป็นที่ซุกหัวนอน”


    เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเรียกให้ชายในเสื้อกล้ามสีดำเปียกชุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นห้อง คิ้วสีเข้มของคนที่พยุงตัวเองไว้ด้วยมือสองข้างเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวให้ปลายเท้าที่เคยชี้ขึ้นฟ้ากลับลงมาเป็นฐานของร่างกายได้อย่างที่ปกติสมควรจะเป็น

    หวังจื่ออี้ เสยปอยผมดำยาวระใบหน้าที่หลุดออกจากปมด้านหลังลวกๆ ชายหนุ่มเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นซับเหงื่อบนใบหน้าและกดปิดแอพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ลำโพงบลูทูธรุ่นท็อปหยุดส่งเสียงบีทหนักๆออกมา

    Hi Bro

    Broกับผีสิ มาเอาไปเร็วๆ”

    ชายร่างสูงโปร่งที่ยืนเท้าเอวพิงกรอบประตูมีสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเด็กในสังกัดของตัวเองวางแผ่นเอกสารที่ตนอุตส่าห์ถ่อไปรับถึงบริษัทต้นสังกัดตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งที่มีงานต้องสะสางลงบนเก้าอี้ตัวเดิม แถมยังทำท่าจะเดินไปกดเปิดเพลงอีกรอบ

    “หวังจื่ออี้”

    จื่ออี้หันหน้ามาหาคนอายุมากกว่าซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการวงBBTอย่างเป็นทางการ เขาหยิบเอกสารที่ประทับตราสีฟ้าที่มุมกระดาษขึ้นอ่าน ช่องว่างสีเหลี่ยมด้านซ้ายมีรูปหน้าตรงของตนแบบเดียวกันกับที่ปรากฏบนฐานข้อมูลของบริษัทแปะอยู่อย่างเรียบร้อย ขณะที่กล่องข้อความทางด้านขวายังว่างอยู่เป็นส่วนมาก

    “รีบเขียนซะจื่ออี้ พรุ่งนี้ส่งใบสมัครวันสุดท้าย”

    “ผมนึกว่าบริษัทจัดการหมดแล้วเสียอีก”

    “ก็ส่วนหนึ่ง ข้อมูลพวกนี้นายต้องเขียนเอง แล้วก็ลายเซ็นยินยอมรับข้อตกลงด้วย นั่นหยุดเลย ฉันรู้ว่านายอยากทำ คนอื่นๆเซ็นกันไปหมดแล้ว เหลือแค่นาย”

    ริมฝีปากได้รูปที่กำลังอ้าออกจำต้องหุบฉับ จื่ออี้ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่แข็งเสียยิ่งกว่านั่งบนหิน จรดปากกาลงบนช่องลายมือชื่ออย่างลังเลเล็กน้อย หมึกสีดำไม่ยอมออกมาตามแรงกดในทีแรก แต่หลังจากพยายามขูดขีดมันลงบนที่ว่างข้างๆอยู่หลายครั้งท้ายที่สุดลายเซ็นของเขาก็ประดับอยู่ในช่องนั้นพอดิบพอดี

    “เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวกัน พวกนั้นบอกว่านายหมกตัวอยู่ในนี้เป็นอาทิตย์”

    จื่ออี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่ส่งเอกสารกลับให้ผู้จัดการคนเก่ง หากยังไม่ทันได้ทักท้วงเสื้อแจ็กเก็ตสีแดงสดราคาครึ่งหมื่นก็ถูกโยนมาปะทะใบหน้าโชคดีที่ยังไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ชายหนุ่มถอนหายใจยาวทว่าริมฝีปากกลับเจือรอยยิ้มจางๆยามได้ยินเสียงบ่นอุบของคนมากประสบการณ์

    “จะซ้อมก็รู้จักดูตัวเองเสียมั่ง เพื่อนๆเขาเป็นห่วง ไม่ได้เต้นสักสองสามชั่วโมงคงไม่ขาดใจตายหรอกน่า”

     

    “อยากจะทำให้ดีไงครับ ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง”

     

    ผู้จัดการร่างโปร่งเอียงศรีษะมองหนึ่งในสมาชิกที่ดีที่สุดของบริษัทก่อนจะแค่นหัวเราะในคอ ไม่รู้จะพูดยังไงกับนิสัยดื้อกับความต้องการตัวเองของอีกฝ่าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธจะเข้าร่วมด้วยเหตุผลล้านแปด ไม่พร้อมบ้างล่ะ สมาชิกไม่เต็มที่บ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็แอบมาซ้อมคนเดียวจนดึกดื่นทุกวันให้ได้เป็นห่วงกันเล่นๆ

     

    “ทีหลังอยากแข่งก็บอกกันตรงๆก็ได้”

     

    .

     

    .

     

    หม้อไฟ

    เนื้อสัตว์

    บะหมี่

     

    สามอย่างที่ทำให้จื่ออี้หยุดคิดเกี่ยวกับการซ้อมได้ชะงัดถูกวางลงตรงหน้า ไอน้ำร้อนลอยฟุ้งเมื่อฝาหม้อถูกเปิดออกก่อนนานาเนื้อสัตว์และผักที่มีอัตราส่วนน้อยกว่าหนึ่งในสิบของปริมาณอาหารทั้งหมดถูกเทลงในหม้อโดยไม่ต้องมีพิธีรีตรอง เสียงโครกครากของท้องไส้ดังคู่กับเสียงเดือดปุดของซุปสีแดงทำให้ช่วงเวลาแห่งการรอคอยกลายเป็นช่วงเวลาแสนทรมานที่สุขสม

    “บะหมี่ก่อนไหม”

    ไม่รอให้อีกฝ่ายถามซ้ำ จื่ออี้ตวัดตะเกียบคีบเส้นหมี่นุ่มหนึบเข้าปากตัวเอง โดยไม่ลืมจะคีบเนื้อสัตว์และผักในจานให้คนเป็นพี่ก่อน

    “คนเขาจะคิดว่าบริษัทเราใช้งานนักร้องแบบแรงงานทาสก็เพราะนาย”

    “ไม่มีใครเขาคิดแบบนั้นหรอกน่า”

     

    ฉันนี่ไงคนนึง

    คุณผู้จัดการคนเก่งคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา เขาคีบเนื้อสไลด์ที่เริ่มจะสุกได้ที่ออกมาจากหม้อแล้วเริ่มจัดการอาหารของตัวเองเงียบๆเมื่อเห็นว่าเด็กในสังกัดกำลังวุ่นวายกับการจับทุกอย่างยัดเข้าปากเหมือนสัตว์ป่าที่หิวโซ

     

    บางทีอาจจะไม่ใช่แค่แรงงานทาสก็ได้

     

    “นี่พี่ ช่องนั้นน่ะ ใส่อัลฟ่าไปจะดีเหรอ”

    หวังจื่ออี้เอ่ยถามขึ้นมาหลังรู้สึกว่าช่องว่างในท้องถูกเติมเต็มไปแล้วส่วนหนึ่ง ผู้จัดการหนุ่มพยักหน้าขณะเคี้ยวกร้วมๆ

    “บริษัทเห็นว่ามันเจ๋งดี ได้coolสมใจอยากแน่ ใครๆก็อยากเป็นอัลฟ่ากันทั้งนั้น”

    “ไม่ดูข่มคนอื่นมากไปใช่ไหม ผมอยากให้คนเห็นผมเจ๋งที่ความสามารถมากกว่า”

    ไม่เชิงว่าจะเป็นความกังวลไปเสียทีเดียว

    อันที่จริงจื่ออี้มั่นใจในความสามารถของตนมากพอจะพูดได้ว่า เขาจะกลายเป็นดาวเด่นของรายการเซอร์ไวเวิลที่เพิ่งลงสมัครไปได้ไม่ยาก เขาต้องการสเตจดีๆสักครั้งก็เพียงพอให้ผลของความพยายามทั้งหมดที่ได้ลงแรงไปเปล่งประกาย ถึงอย่างนั้นการที่ป่าวประกาศตั้งแต่ต้นว่าตนมีเพศรองเป็นอัลฟ่าทั้งที่ช่องไม่ระบุตัวตนก็เด่นหราอยู่ข้างๆ ก็ดูจะเป็นการจงใจข่มขวัญผู้เข้าประกวดคนอื่นๆอยู่ไม่น้อย

    ด้วยความคาดหวังต่อของอัลฟ่าที่มักจะเป็นผู้นำอยู่เสมอ ความแข็งแกร่งที่ถูกเลือกแล้วโดยธรรมชาติทำให้เชื่อได้เลยว่าทันทีที่ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ออกไป หวังจื่ออี้กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่คนจับตามองมากเป็นอันดับต้นๆ

    อัลฟ่าที่มีจำนวนอยู่แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นของประชากร

    การจดจ้องที่ไม่จำเป็นแบบนั้นคงจะทำให้เขาเหนื่อยขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

     

    สีหน้าเหมือนคนปวดท้องทำให้ชายอีกคนที่มีอักษรตัวบีสลักจางๆหลังใบหูต้องวางตะเกียบลงบนชาม

    “นี่ปี2017นะครับผม ไม่ใช่มนุษย์ถ้ำที่อัลฟ่าจะออกล่าอาณานิคมสักหน่อย”

    “อัลฟ่าไม่ได้ล่าอาณานิคมในยุคมนุษย์ถ้ำ”

    ชายสูงวัยกว่ากลอกตาให้กับความดื้อด้านของชายหนุ่ม แต่ก็ยอมหยิบเอกสารขึ้นมาแก้ไขข้อมูลและกากบาททับช่องไม่ระบุตัวตน

    “เป็นฉัน ฉันจะใส่อัลฟ่าตัวโตๆ”

    “สมมติผมเป็นโอเมก้าคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ถ้ามีคนทำแบบนั้น”

    “ก็คงไม่ใช่ทุกคน”

    จื่ออี้แปลกใจไม่น้อยกับคำตอบที่หลุดออกมาแทบจะทันทีของอีกฝ่าย พี่ชายของเขาวางศอกลงบนโต๊ะลายหินอ่อนขณะทำท่าป้องปาก

     

    ช่ายสวี่คุน น่ะ ได้ข่าวว่าระบุตัวเองว่าเป็นโอเมก้า ช็อกไหมล่ะ”

    จื่ออี้ถือตะเกียบค้าง หัวใจกระตุกเมื่อนึกถึงใครบางคนที่โด่งดังเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะลงแข่งรายการเดียวกันกับเขาเสียด้วยซ้ำ ความสามารถที่โดดเด่นจนเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งประเทศจีน ไม่ต้องแข่งยังเดาได้เลยว่าคงจะต้องติดท็อปเป็นแน่ แล้วคนแบบนั้นกลับกลายมาเป็นโอเมก้า เพศรองที่ดูจะอ่อนแอที่สุดตามหลักธรรมชาติ ทั้งน่าทึ่งและน่ากังวลไปพร้อมๆกัน

    บอกว่าตัวเองเป็นโอเมก้าชัดเจนขนาดนั้น

    จะไม่เป็นอะไรจริงๆน่ะหรือ

    “เป็นอะไรไป . . . อ๋า นายตามเขาอยู่นี่นะ นึกอยากเปลี่ยนใจให้ฉันเขียนอัลฟ่าลงไปไหม”

    สีหน้ากรุ้มกริ่มของคนที่นั่งประจันหน้ากันทำให้จื่ออี้รู้สึกลำคอแห้งผาก ก้อนเนื้อในอกเต้นตุบตับแต่ก็เอ่ยปฏิเสธออกไป เขาไม่ใช่คนเหยียดเพศ อัลฟ่าอยู่เหนือโอเมก้า เรื่องพวกนั้นมันเก่าไปแล้วสำหรับยุคนี้ ช่ายสวี่คุนคงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโอเมก้าที่เข้มแข็ง ทั้งสง่างามและสูงส่ง

    เขาควรจะชื่นชม

    แต่ก็นะ

    โอเมก้าที่อายุย่างยี่สิบ จะปลอดภัยจริงๆเหรอ อะไรทำให้เด็ก(ที่โคตรจะดูดี)นั่นมั่นใจได้ขนาดนั้นกัน

     

    “อย่าไปเผลอกัดคอสวี่คุนเข้าล่ะ แฟนคลับเป็นแสนนะจื่ออี้ ระวังตายศพไม่สวย”

    “อย่าเหยียดเพศ”

    “เปล่าเหยียด แค่พูดสิ่งที่หน้านายแสดงออกมา”

     

    จื่ออี้คำรามในคอใส่เบต้าที่แกล้งทำหน้าเหรอหรา เขาครางฮึมฮัมขณะตัดอาหารใส่ปากหลังจบประเด็นเพศรองไปแล้ว ไม่อยากปฏิเสธว่าตัวเองรู้สึกพอใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ จู่ๆก็อยากให้วันถ่ายทำวันแรกเป็นวันพรุ่งนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

    “เตรียมโชว์ให้ดีล่ะ วันออดิชันจะได้เก็บออลเอ”

    จื่ออี้ยกมือขึ้นลูบแมนบันของตัวเองป้อยๆก่อนละลดระดับมันลงมาแตะหลังใบหูตัวเอง รอยแผลเป็นนูนที่สลักตัวอักษรคล้ายตัวเอ ณ ตำแหน่งนั้นเต้นตุบและร้อนผ่าว หัวใจเขาบีบตัวในจังหวะเดียวกันกับเพลงที่เลือกใช้ในการแสดงความสามารถพิเศษของตัวเอง

    หวังจื่ออี้มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ดี ถึงกระนั้นก็ยังตื่นเต้นจนออกอาการชัด

    คงเพราะอาหารที่เพิ่งกินไปแน่ๆ หรือไม่ก็เพราะฟังเพลงนั่นจนเอียนในช่วงสองสามวันให้หลัง

     


    ไม่ใช่หรอก


     

    เหตุผลน่ะ. . .

    เขารู้ตัวเองดีที่สุด. . .


     

    TBC.


    ----------

    เย้ เปิดเรื่องแล้ว แปะๆๆ

    ยังไม่มีอะไรจะทอล์กมากเนื่องจากเป็นแค่โปรล็อก เอาเป็นว่าขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ 

    ถ้าจะหวีด พูดคุย ติชม กันในทวิตเตอร์ ฝากติดแท็ก #สวี่คุนเป็นโอเมก้า ด้วยนะคะ เค้าจะเข้าไปคุยด้วยทุกข้อความเลย

    ยังไงฝากคู่นี้เอาไว้ แล้วก็ฝากคอมเม้นด้วยน้า จุ๊บ


    ปอลิง ขอให้ได้เดกันทั้งคู่ เพี้ยง 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×