ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "..Insecure.." WangZiyi x CaiXukun จื่อคุน

    ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1 : At the beginning

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.97K
      164
      27 มี.ค. 61

    Insecure

    #สวี่คุนเป็นโอเมก้า

    Episode1 =At the beginning=

     



    รายการ Idol Producer เริ่มต้นด้วยการประเมินการแสดงเป็นกลุ่มตามบริษัทต้นสังกัด ทว่าผลการประเมินจะแยกคิดไปตามตัวบุคคลโดยพิจารณาในภาพรวมตามความเห็นของเมนเทอร์ ในตอนสุดท้ายผู้เข้าแข่งขันจะถูกแบ่งเป็นเกรดเอถึงเอฟ นั่นหมายถึงเด็กฝึกชั้นดีที่สุดจะมารวมกันในกลุ่มเอ และคนที่พร้อมน้อยที่สุดจะกลายเป็นก้อนกระจุกแสนสิ้นหวังในกลุ่มเอฟ

    . . . เด็กฝึกที่ได้เกรดเอจะได้เปรียบที่สุด. . .

    ประโยคสุดท้ายที่ไม่จำเป็นจะต้องระบุมาในรายละเอียดการเข้าแข่งขันกลายเป็นประโยคเดียวที่แล่นวนอยู่ในหัวของชายหนุ่มตั้งแต่ก้าวเท้าออกมาจากบริษัท ภาพการแข่งขันในซีซันก่อนๆที่หาชมได้ในอินเตอร์เน็ตทำให้อะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่ว่าใครก็อยากได้เอกันทั้งนั้น

     

    และเขาจะต้องได้เอ. . .

     

    หวังจื่ออี้ยอมรับว่าตนก็เข้าข้างตัวเองไปบ้าง แต่เขาไม่ใช่คนเดียวบนโลกที่คิดอย่างนั้นสักหน่อย อย่างน้อยก็มีพี่ผู้จัดการ กับแม่เขาอีกสองคนที่ให้ความเห็นไม่ต่างกัน ฉะนั้นจึงถือได้ว่าความคิดนั้นไม่ใช่การยกหางตัวเองแบบไร้มูลไปเสียทีเดียว

    “ว้าว จื่ออี้เลือกเอด้วย”

    “แหงล่ะ ถ้าหมอนี่ไม่ได้แล้วใครจะได้”

    ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆให้กับเพื่อนร่วมวง สมาชิกคนที่สี่ ห้า และหก ในโลกใบเล็กๆของเขา ใบสติ๊กเกอร์แผ่นเท่าฝ่ามือที่ปรากฏอักษรอัลฟาเบทตัวแรกอย่างเด่นชัดถูกรีดประทับลงบนแผ่นป้ายชื่อบนเสื้อจนเรียบเนียน จื่ออี้ส่งยิ้มให้กล้องที่แปะสัญลักษณ์ของรายการอยู่พร้อมกับทำท่าประจำตัวอย่างไม่เคอะเขิน เสียงโหวกเหวกดังไล่หลังมาเป็นระยะ ว่าท่าทางของเขาคงทำให้ใครหลายคนหมั่นไส้ทันทีที่รายการออนแอร์

    . . . ก็คงจะเป็นอย่างนั้น

    ในเมื่อเขาตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก

    “นั่งตรงไหนดี ค่อนมาล่างๆหน่อยไหม” จื่ออี้มองตามนิ้วมือของเพื่อนในวงไปยังเวทีที่ยกระดับเป็นขั้นๆเหมือนพีรามิด ที่นั่งหนึ่งร้อยที่ถูกจัดให้อยู่ตามระดับชั้นต่างๆจากล่างขึ้นบน ที่ยอดสุดของพีรามิดมีเก้าอี้ตัวใหญ่สะดุดตาวางอยู่ใต้โลโก้สีน้ำเงินของทางรายการ กลายเป็นจุดรวมสายตาที่คงจะทำให้ใครก็ตามที่ได้นั่งตรงนั้นเป็นเสมือนราชาของการแข่งขัน อย่างน้อยก็ในการประเมิณภารกิจแรกนี้ แน่นอนว่าแค่ได้มองหัวใจของเขาก็เต้นระส่ำ รู้สึกตัวว่าตนเผลอโลภมากอีกจนได้

    “ว่าไงจื่ออี้”

    “ฉันอยากขึ้นไปนั่งข้างบน. . . ได้ไหม”

    เสียงของเพื่อนๆเงียบไปพักหนึ่ง เป็นอาการอึกอักที่ผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย จื่ออี้ที่คิดเอาเองว่าตัวคงเผลอพูดอะไรไม่ดีออกมาตั้งท่าจะหันไปเอ่ยขอโทษพอดีกันกับที่เสียงของเพื่อนคนหนึ่งแทรกขึ้นมาเบาๆ

    “เอาสิ ทำให้ได้ล่ะ”

    นั่นไม่ใช่ประโยคประชดประชันแต่เป็นความเชื่อมั่นที่เพื่อนๆกำลังส่งผ่านมาให้เขาผ่านแววตาคุ้นเคย น้ำหนักบนบ่ามากขึ้นเล็กน้อย ก่อนเจ้าของท่อนแขนจะดันหลังให้เขาก้าวขายาวๆของตัวเองออกไปข้างหน้า ถ้าการเอาตัวเองขึ้นไปอยู่บนที่นั่งสูงลิ่วนั่นเป็นการเพิ่มภาระ ความคาดหวังจากเพื่อนๆยิ่งทำให้ก้อนภาระนั้นหนักขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวี ความคิดแรกที่อยากจะขึ้นไปนั่งบนจุดที่สูงที่สุดเพราะไม่แน่ใจว่าตนจะมีโอกาสนี้อีกไหม เปลี่ยนไปเป็นความลังเลชั่วขณะ ลึกๆแล้วความกลัวที่จะพลาดพลั้งยังคงอยู่แม้เขาจะฉาบภาพลักษณ์แสนมั่นใจทับเอาไว้จนมิด เสียงซุบซิบของเด็กฝึกจำนวนไม่มากนักดังอยู่รายรอบ ใช้เวลาชั่งใจไม่นานท้ายที่สุดจื่ออี้ก็ถีบตัวเองขึ้นไปตามแรงผลักบนแผ่นหลัง

    เอาเถอะ ทะเยอทะยานสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไรหรอก

    .

    เขาว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว

    คำพูดที่ปราชญ์โบราณกล่าวเอาไว้ดูท่าจะเป็นความจริง โดยเฉพาะตอนนี้ที่หวังจื่ออี้ไม่แน่ใจเลยแม้แต่นิดว่าตัวเองควรจะขึ้นมานั่งบนเก้าอี้หมายเลขสองจริงๆหรือเปล่า ยิ่งเห็นเพื่อนร่วมวงนั่งห่างออกไปแถมยังถูกคั่นกลางด้วยเด็กฝึกที่ไม่รู้จักก็ยิ่งเพิ่มความกังวลในใจมากเข้าไปอีก ทุกคนที่เข้ามาใหม่ดูมีความมั่นใจเสียจนสร้างบรรยากาศน่าอึดอัดฟุ้งไปทั่วสตูดิโอ ดวงตาเรียวได้รูปตวัดมองเก้าอี้หมายเลขหนึ่งที่ยังว่างอยู่ด้วยแววตาฉงนสงสัย ใครกันจะเป็นเจ้าของเก้าอี้ตัวนี้ ชื่อของเด็กฝึกที่เห็นบนเว็บไซต์ไหลเข้ามาในหัวเป็นระยะ ทว่าชื่อแล้วชื่อเล่าที่ดูมีความเป็นไปได้กลับถูกตัดออกไปหลังจากเจ้าตัวเลือกจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ต่ำกว่า

    บางทีอาจจะเป็นคนๆนั้น. . .

    “หวา”

    “มาแล้วๆ”

    “ช่ายสวี่คุนล่ะ”

    เสียงฮือฮาตามมาด้วยชื่อเดียวกันกับที่จื่ออี้นึกอยู่ในใจเรียกให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งวิเคราะห์สถานการณ์อยู่สะดุ้งหลังตรงแด่ว จื่ออี้รู้สึกร้อนผ่านที่ด้านหลังใบหู อัลฟ่าในตัวเขารับรู้ถึงการมาถึงของโอเมก้าไม่กี่คนในรายการ โอเมก้าที่เรียกประสาทสัมผัสเขาให้ตื่นได้แม้จะยังไม่เห็นหน้าทำให้จื่ออี้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย มีอัลฟ่ามากเกินไปในห้องนี้ แม้แต่ตากล้องก็ยังเป็นอัลฟ่า แล้วโอเมก้าที่กระตุ้นสัญชาตญาณได้มากขนาดนั้นจะอยู่รอดปลอดภัยได้ยังไงกัน

    “สวี่คุนเป็นโอเมก้าใช่ไหม”

    “โคตรโหดอ่ะ ขนาดเป็นโอเมก้ายังโหดขนาดนี้เลย”

    “ถ้าไม่ใส่ปลอกคอก็ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเป็นโอเมก้า”

    “เขาเรียกว่าโชคเกอร์เถอะ เลิกใช้คำว่าปลอกคอเสียที นายนี่มันโบราณจริงๆเลย”

    จื่ออี้ที่กำลังรู้สึกเบาใจขึ้นหน่อยหลังจากเห็นว่าสวี่คุนคนดังสวมโชกเกอร์สีดำมาด้วย กลับต้องมาขมวดคิ้วให้กับการถกเถียงไม่จบไม่สิ้นของเด็กฝึกที่นั่งอยู่แถวถัดลงไป สัญลักษณ์อัลฟ่าสีดำขลับหลังใบหูขาวทำให้เขาแปลกใจกับประโยคพวกนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเป็นกลางให้เพื่อนที่ไม่มีสัญลักษณ์อะไรหลังใบหู(ซึ่งหมายถึงว่าหมอนั่นอาจจะเป็นเบต้า หรือถูกสลักแบบไม่มีสีทำให้มองลำบากเหมือนเขา)เบาใจหรืออย่างไรถึงได้กล้าพูดว่าดูไม่ออกว่าช่ายสวี่คุนเป็นโอเมก้า สาบานกับพระเจ้าเลยว่าจื่ออี้ได้กลิ่นมิ้นต์ผสมกับไอดินมาตั้งแต่หมอนั่นก้าวเท้าออกมาจากประตูทางเข้า

    “จ้าพ่อหัวสมัยใหม่ แต่ฉันว่าเขาต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ ถึงเป็นโอเมก้าก็ยอมอ่ะ”

    “ดูดีมากจริงๆนั่นแหละ”

    จื่ออี้ไม่มีความคิดขัดแย้งกับความเห็นนั้นเลยแม้แต่น้อย ใครจะกล้าปฏิเสธเจ้าของรูปร่างสมส่วนนั่นกัน ยิ่งดวงตากลมที่ประดับประกายวาววับกวาดมองไปมายิ่งทำให้ละสายตาออกจากวงหน้าหล่อเหลาได้รูปยากขึ้นไปอีก เป็นคนที่หน้าตาดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้งจริงๆนั่นแหละ

    “ชู่ววว”

    เจ้าของสัญลักษณ์อัลฟ่าสีดำยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปาก นั่นเป็นตอนที่จื่ออี้เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าสวี่คุนเดินขึ้นมายืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เจ้าของแมนบันกับลุคฮิปฮอปสตีทเบี่ยงตัวโดยไม่ได้ตั้งใจคล้ายจะบอกให้คนที่หยุดอยู่บนบันไดขั้นต่ำกว่าเดินขึ้นไปยังเก้าอี้ตัวบนสุดที่ยังว่างอยู่เองตามธรรมชาติ ไม่รู้ว่าเพราะลุ้นกับการตัดสินใจของหนึ่งในตัวเก็งมากไปหรือเปล่าแต่จื่ออี้ได้ยินเสียงตุบตับของหัวใจตัวเองดังมากกว่าทุกครั้ง รุนแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้ มือทั้งสองกำยีนส์สีเข้มบนหน้าขาแน่นจนเจ็บตอนที่สวี่คุนเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แววตาวูบไหว ม่านตาขยายกว้าง ก่อนคนๆนั้นจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวล่างเยื้องกันกับเขา

    “นึกว่าจะขึ้นไปนั่งอันดับหนึ่งเสียอีกนะครับ”

    จื่ออี้คำรามต่ำในคอ ไม่ได้ตั้งใจจะขู่หรือทำให้ใครรู้สึกประหลาด ถึงกระนั้นดวงตาคู่สวยก็ยังหันมาสบแวบหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะกระชับเสื้อตัวนอกให้ปกปิดเสื้อตาข่ายผืนบางข้างในมากขึ้น สวี่คุนยกมือขึ้นมาแตะโชคเกอร์สีดำบนคอตัวเองในขณะที่เอ่ยตอบอัลฟ่าที่นั่งอยู่ใกล้กันไปด้วย เด็กหนุ่มแสดงท่าทางระวังตัวขัดกับลุคที่ตั้งใจแต่งมาพิลึก

    “ผมกลัวความสูงน่ะครับ”

    จื่ออี้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่อัลฟ่าด้านหน้าเปลี่ยนประเด็นสนทนาไปยังเด็กฝึกคนใหม่ที่จอขนาดยักษ์แสดงชื่อ สวี่คุนเองก็ปล่อยมือจากผ้าให้มันรัดไว้หลวมๆบนลำคอของตนตามเดิม ท่าทีที่ดูจะผ่อนคลายลงกว่าเมื่อครู่ทำให้คนที่ลอบมองอยู่ด้านหลังพลอยผ่อนคลายตัวเองลงไปด้วย

    ไม่รู้ว่าจะเกร็งทำไม

    นั่นสิ แล้วเขาจะรู้สึกเกร็งทำไมกันเล่า

    ใบหน้าหล่อเหลาหันมาหาคนด้านหลังตั้งใจว่าจะเอ่ยทักทายคนที่จ้องเขาเขม็งตั้งแต่เดินเข้ารายการมา ไม่รู้ว่าเผลอตัวทำอะไรไม่ดีไปหรือเปล่า หรืออีกฝ่ายจะอคติกับเขาอยู่ก่อนแล้วก็ไม่อาจทราบ แต่ถึงยังไงก็ควรจะผูกมิตรกันไว้ ในการแข่งขันแบบนี้มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู แม้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาของช่ายสวี่คุนจะมีเพื่อนนับคนได้ก็ตามที สวี่คุนขบฟันลงบนริมฝีปากคล้ายไม่แน่ใจนักหลังหันมาพบว่าดวงตาคู่คมเปรยมองตนอยู่ก่อนแล้ว จู่ๆก็พูดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆจึงทำได้เพียงยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายแทนคำทักทาย

    Hi ฉันจื่ออี้”

    ประโยคทักทายไม่ดังนักจากคนที่ทำหน้านิ่งมาตั้งแต่แรกทำให้สวี่คุนต้องหันกลับไปมองคนข้างหลังอีกครั้งหนึ่ง

    BOOGIE หวังจื่ออี้”

    “ฮ่าๆ รู้จักด้วยเหรอ”

    จื่ออี้หัวเราะออกมาดื้อๆเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนจะเป็นที่รู้จักในหมู่ศิลปินฝึกหัดด้วยกัน ก่อนชายหนุ่มจะโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อให้พูดคุยกันได้สะดวกขึ้น สวี่คุนยิ้มกว้าง แขนเรียวยาวท้าวพนักเก้าอี้เอนตัวคุยด้วยท่าทางสบายๆต่างจากอาการขัดเขินเมื่อครู่

    เป็นคนเข้ากับคนง่ายสินะ. . . ไม่ดีเท่าไหร่เลย. . .

    “คนมองเยอะเลยแฮะ”
    เสียงพึมพำเบาๆลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม จื่ออี้เพิ่งจะสังเกตได้ว่าในตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันได้ทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งจนเกือบจะครบแล้ว ทั้งหลายคนที่เข้ามาใหม่ก็เอาแต่มองมาทางนี้เป็นระยะ สายตาที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่เขาแน่ๆที่เป็นเป้าหมายพุ่งมาจากหลายทิศทาง บ้างก็ชื่นชม บ้างก็ดูระแวดระวัง บ้างก็ไม่ใช่การจ้องมองในทางที่ดีสักเท่าไหร่ ดูไม่มีมารยาทเป็นบ้า

    “อึดอัดรึเปล่า”

    จื่อคุนถามคนที่จู่ๆก็เงียบไปด้วยสีหน้าจืดเจื่อน ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับความสนใจเหล่านี้เท่าใดนัก คงเพราะโดนมองจนชิน ดีเท่าไหร่ที่ไม่มีพวกเหยียดเพศเดินมาหาเรื่องกันซึ่งๆหน้า กลัวก็แต่ว่าคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างหลังจะอึดอัดจนหนีหายไปเสียมากกว่า อุตส่าห์หาเพื่อนได้แล้วแท้ๆเชียว

    “เปล่า นายนั่นแหละไม่อึดอัดหรือไง”

    คำตอบที่ไม่คาดคิดของคนที่จ้องพวกข้างล่างกลับด้วยสายตาเรียบนิ่งทำให้สวี่คุนเลิกคิ้วสูง หวังจื่ออี้โกหกคำโตแล้วยังไม่เนียนเอาเสียมากๆด้วย เขาดูคร่าวๆยังรู้แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดรู้สึกดีไม่ได้ที่อีกคนพยายามจะทำให้เขาสบายใจ บางทีเขาอาจจะกำลังประสบความสำเร็จในการหาเพื่อนในรายการก็เป็นได้ แถมยังเป็นอัลฟ่าอีกต่างหาก ถึงจะไม่ได้ระบุเอาไว้ในข้อมูลที่ถูกอัพโหลดขึ้นไปบนเว็บไซต์ แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าต้องเป็นอัลฟ่าที่เก่งมากๆอย่างแน่นอน

    อัลฟ่าที่อบอุ่น

    ดีจังนะ. . .

    .

    .

    “ฉันได้กลิ่นนาย ทีหลังก็ระวังหน่อย”

    จื่ออี้เดินลงมากระซิบในตอนที่ทีมงานตะโกนขึ้นมาว่าถึงเวลาพักเปลี่ยนม้วนวิดีโอ พอมายืนอยู่ในระดับเดียวกันสวี่คุนก็พบว่าจื่ออี้ที่เขาคิดว่าคงตัวเท่าๆกันมีความสูงมากกว่าเขาไปเล็กน้อย ลาดไหล่ผึ่งผายทั้งดูมั่นใจและนอบน้อมอยู่ในทีรับกันได้ดีกับโครงสร้างส่วนอื่นของร่างกาย อีกฝ่ายยื่นมือมาจัดสายผ้าสีดำรอบคอของเขาให้เข้าที่ แต่เพราะฝ่ายนั้นเป็นอัลฟ่าที่ดูจะแข็งแกร่งไม่น้อยจึงส่งผลให้ร่างกายของเขาป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ

    “ไม่กัดหรอกน่า”

    จื่ออี้เอ่ยกลั้วหัวเราะหลังจากโดนปัดมือออก ไม่ได้นึกโกรธเคืองคนที่ทำหน้าเหวอแต่อย่างใด เขารู้ว่าสวี่คุนเป็นโอเมก้า ส่วนฝ่ายนั้นก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นอัลฟ่าโดยที่ไม่ต้องซักไซ้กันให้มากความ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักหากมองในแง่กลไกตามธรรมชาติของอัลฟ่าและโอเมก้า ยิ่งมานั่งอยู่ใกล้ๆกันก็คงเดาออกได้ไม่ยากเท่าไหร่

    “ถึงจะกัดจริงๆไม่ให้กัดหรอก ไม่ว่าใครก็กัดฉันไม่ได้ถ้าฉันไม่ยอม”

    เจ้าตัวพูดพร้อมทั้งเชิดปลายคางขึ้นสูง ท่าทางผยองเหมือนพยายามจะขู่ทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรให้(มั้งนะ)ทำให้จื่ออี้ต้องอมยิ้มตาม

    “เอาเรื่อง”

    “ไม่ใช่เล่นๆก็แล้วกัน”

    ร่างสูงกว่าเล็กน้อยยกมือขึ้นยอมแพ้ เสียงประกาศให้สวี่คุนไปเตรียมตัวเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคิวที่สองถัดจากคนที่กำลังจะขึ้นเวทีดังมาตามลำโพง เดาว่าตัวคนพูดคงยืนจัดระเบียบอยู่หลังเวทีไม่ก็ห้องคอนโทรล สวี่คุนยักคิ้วให้เขาน้อยๆก่อนจะผละตัวออกไป แน่นอนว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆต่างก็มองตามไปด้วยความสนอกสนใจแต่เจ้าตัวกลับดูไม่ยี่หระเท่าที่ควร ไม่มั่นใจมากๆก็คงจะโดนมองจนชินชาไปแล้วล่ะมั้ง

    .

    ถ้าไม่ได้เอก็ไม่รู้ว่าใครจะได้

    ความคิดแบบนั้นผุดขึ้นมาตอนที่เห็นการแสดงอย่างเป็นมืออาชีพสมกับที่เคยเข้าแข่งขันเวทีดังของอีกฝ่าย ทั้งการเคลื่อนไหว ทั้งเสน่ห์ ดูเย้ายวนและเท่ไปในคราวเดียวกัน ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับว่าคนๆนั้นเก่งกว่าที่คาดเอาไว้ ผิดกับตัวอักษรที่นูนออกมาหลังใบหูของอีกฝ่ายลิบลับ

    จื่ออี้เกลียดตัวเองอยู่หน่อยๆที่พักนี้เอาแต่คิดถึงอัลฟ่า โอเมก้าและก็เรื่องความสัมพันธ์อะไรๆบ้าบอมากเกินไปหน่อย ต้องโทษช่ายสวี่คุนที่ทำให้เขาเอาคำว่าโอเมก้าออกจากหัวตัวเองไม่ได้สักทีแม้จะพยายามมองข้ามมันไปมากขนาดไหน

     

    อัลฟ่าในตัวเขายังอยากจะมองอีกฝ่ายเป็นโอเมก้าอยู่

    และเขาก็ค่อนข้างพอใจเวลาที่ตัวเองเผลอคิดแบบนั้นเสียด้วยสิ

     

    จะว่าไปสวี่คุนจัดเป็นโอเมก้าที่แปลกมากในสายตาของจื่ออี้ ทั้งส่วนสูงและรูปร่างที่ดูไม่ได้น่ารักเปราะบาง หรือบุคคลิกที่มีความเป็นผู้นำและมีความมั่นใจสูงไม่เหมือนกับโอเมก้าคนอื่นที่เขาเคยเจอ ประกอบกันแล้วกลายเป็นความแตกต่างที่เพิ่มความน่าสนใจเข้าไปในตัวอีกฝ่ายได้อย่างลงตัว ยกเว้นเรื่องกลิ่นหอมๆที่ยังอวลจางติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาแล้วนั้น จื่ออี้ไม่คิดว่าตัวเองต้องกังวลกับความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายมากเท่าที่คิดไว้ สวี่คุนดูท่าว่าจะดูแลตัวเองได้ ส่วนเขาเองก็ไม่ได้มีหน้าที่บอดี้การ์ดส่วนตัวไม่เห็นจำเป็นต้องไปวุ่นวายกับเรื่องคนอื่นมากขนาดนั้น ถึงจะแอบคิดว่าเป็นหน้าที่ของอัลฟ่าที่ต้องดูแลโอเมก้าก็ตาม

    อ่า

    สวี่คุนไม่ใช่โอเมก้าของเขานี่นะ

     

    ของเขางั้นหรือ

     

    ไม่ ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น

     

    “ช่ายสวี่คุน เกรดที่ได้ A

     

    บางทีเขาควรกังวลเรื่องของตัวเองมากกว่า

    .

    “เจ๋งเลย”

    การอัดรายการสิ้นสุด เหล่าเด็กฝึกต่างก็ทยอยออกมาจากสตูดิโอเพื่อรับของที่ฝากไว้เตรียมตัวสำหรับการเข้าหอพักด้วยท่าทางสโหลสเหล ทั้งหิวทั้งง่วง บางคนถึงขั้นหยิบขนมปังมายัดใส่ปากตัวเองแล้วนั่งหลับไปทั้งอย่างนั้น ถึงคนอื่นจะตกอยู่ในสภาพร่อแร่กันเกือบหมดแต่ผู้ชายตรงหน้าเขากลับยังมีพลังงานล้นเหลือชนิดที่ว่าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าเพิ่งผ่านการอดหลับอดนอนมาค่อนคืนแล้ว

    Cuz I’m cool Bro

    เขาตอบทีเล่นทีจริงเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายได้อีกระลอก ตัวอักษรเอที่ยังคงแปะแน่นอยู่บนเสื้อทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงเพื่อนๆคนอื่นๆในทีมจะได้เกรดไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่จื่ออี้ก็ยังภูมิใจที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับทีมได้ด้วยความสามารถและความเพียรพยายามของตน

    จื่ออี้เข็นกระเป๋าตามอีกคนมาเงียบๆ ถัดไปด้านหลังคือเพื่อนร่วมทีมของเขาที่กำลังซุบซิบกันเรื่องของคนดังตรงหน้า

    “นี่ๆจื่ออี้  รู้จักกันมาก่อนเหรอ”

    หนึ่งในสมาชิกที่เขาสนิทที่สุดกระตุกชายเสื้อของเขาพร้อมกับกระซิบถาม จื่ออี้ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับอีกฝ่าย ทิ้งสีหน้างงงวยของเพื่อนเอาไว้เบื้องหลังก่อนจะก้าวเท้าต่อไปข้างหน้าตามคนที่เดินเตะฝุ่นสะเปะสะปะไปเรื่อย

    “เหมือนว่าจะต้องแยกกันไปคนละคันล่ะ”

    จื่ออี้พูดขึ้นลอยๆเรียกให้คนที่มัวแต่มองดินมองฟ้าเงยหน้าขึ้นมา ในทีแรกสวี่คุนแสดงสีหน้าสับสนเล็กน้อยเพราะเห็นว่ารถอีกคันยังว่างแต่จื่ออี้กลับไม่ยอมไปนั่งด้วยกัน แต่พอเห็นว่าเพื่อนๆร่วมบริษัทของอีกฝ่ายขึ้นไปรออยู่บนรถคันที่แทบไม่เหลือที่นั่งว่างก็พอจะทำความเข้าใจได้

    ยังไงก็ต้องไปพร้อมกับคนในบริษัทอยู่แล้วสินะ

    “อ๋อ ได้สิ เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้ในคลาสก็ได้”

    เขาโบกมือลาอีกฝ่าย เลื่อนกระเป๋าเข้ามาใกล้ๆตัวไม่ยอมย้ายตัวเองขึ้นไปบนบัสคันที่สองอย่างที่ควรจะทำ สวี่คุนยืนมองบัสคันแรกที่เต็มไปแล้วเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา ถอนหายใจน้อยๆที่สุดท้ายก็ต้องนั่งคนเดียวเหมือนเคย ดวงตาที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางจนดูคมเข้มมองสลับไปมาระหว่างบัสสองคัน ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรขึ้นคันไหนดี

    “เฮ้ คุนๆ มาทางนี้สิ”

    เด็กฝึกอายุมากกว่าที่เขาจำได้ว่าชื่อโจวรุ่ยกวักมือเรียกเขา ขณะที่อีกมือสาละวนกับการแย่งยางรัดผมจากมือเพื่อนของตน สวี่คุนโค้งให้รุ่นพี่ก่อนจะก้าวขาตามไปยังบัสคันที่สามเพราะจำได้ว่าโจวรุ่ยเป็นโอเมก้าอีกคนในรายการ

    จริงอยู่ที่เขาไม่กลัวอัลฟ่า แต่ไม่ว่ายังไงนั่งอยู่กับโอเมก้าก็สบายใจกว่าอยู่แล้ว

    เขายกกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บใต้ท้องรถอย่างทุลักทุเล ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถที่แทบจะไม่มีอัลฟ่านั่งอยู่เลย บรรยากาศบนรถดูครึกครื้นดีเมื่อเทียบกับสภาพหลังสิ้นสุดการถ่ายทำในทีแรก โจวรุ่ยยิ้มให้เขาจางๆขณะมัดรวบผมของตัวเองลวกๆหลังได้หนังยางคืนมา เจ้าตัวบอกให้เขานั่งตามสบายก่อนจะทิ้งตัวลงข้างใครสักคนที่ไม่มีสัญลักษณ์อะไรบนร่างกาย

    “ขอบคุณนะครับ”

    สวี่คุนเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายแล้วจึงเลือกที่จะหย่อนกายลงบนเบาะด้านหลังถัดจากโจวรุ่ยไปสองที่นั่ง เขาวางกระเป๋าลงบนที่นั่งข้างๆที่คงจะว่างเปล่าเพราะเด็กฝึกทุกคนทยอยขึ้นรถจนครบหมดแล้ว หยิบหูฟังอันเก่งขึ้นมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์มือถือแล้วปล่อยให้เพลงในเพลย์ลิสต์บรรเลงไปเรื่อยๆ

    ติ๊ง

    ติ๊ง

    เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขัดจังหวะขึ้นมาในตอนที่สวี่คุนกำลังเหม่อมองออกไปยังความเวิ้งว้างยามค่ำคืน ชื่อที่เพิ่งจะถูกบันทึกเข้าไปใหม่ปรากฏขึ้นเรียกรอยยิ้มและความรู้สึกอุ่นร้อนบนพวงแก้ม

     

    WZY ทางนี้ประกาศห้องแล้ว ฉันอยู่ห้อง14B มีอะไรก็มาเคาะได้

    .

    WZY ดูแลตัวเองนะ พวกอัลฟ่าอันตราย บอกโอเมก้าคนอื่นๆด้วย

    พูดเหมือนตัวเองไม่ใช่อัลฟ่าอย่างนั้นแหละ

    รับทราบ

    WZY C U Bro

    See U

     

     

     


    TBC.

    ------------------------------------------------------------------

    ยังเฉื่อยๆอยู่นะคะตอนนี้ ความจริงมันก็จะเฉื่อยไปเรื่อยแหละค่ะ5555

    ตอนนี้เค้ายังไม่ได้ชอบกันนะคะ พี่จื่อแค่รู้สึกว่าคุนคุนน่าสนใจแล้วก็อยากดูแลถึงจะรู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาดูดีแล ส่วนคุนคุนคนเหงาก็รู้สึกดีที่มีเพื่อน แค่นี้จริงๆค่ะ ไม่ได้รักแรกพบใดๆ555

    ความฮ็อตของABOก็มีอยู่ค่ะ กัดคงกัดคองี้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เรายังไม่รีบเพราะเดี๋ยวมันจบเร็ว5555


    ชอบก็คอมเม้นกันได้นะคะ

    หรือถ้าจะไปพูดคุยในทวิต ฝากแท็ก #สวี่คุนเป็นโอเมก้า ด้วยนะคะ จุ๊ฟ


    ปล. อย่าลืมโหวตให้ทั้งสองคนเน้อ 

    ปล.2 ยังไม่ได้ตรวจคำผิดค่ะ เดี๋ยวจะตามแก้ตอนลงอีพีหน้านะคะ

    ปล.3 ตอนหน้ามาวันพฤหัสนี้ดีกๆแบบนี้แหละค่ะ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×