คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : คำสัญญา
เอกยื่นมือมาให้ฉันจับเราสองเดินจูงมือกันไปแหวกทิวแถวของดอกไม้งามที่ขึ้นแน่นหนาแข่งขันเบ่งบานกันสล้างสลอนชวนให้หลงใหล ยามมีลมแรงพัดโบยมาทีหนึ่งมวลผกาสีขาวสะอ้านก็ไหวโอนเอนให้เห็นเป็นริ้วๆ ราวระลอกคลื่น ดูงดงามราวกับผืนแพรพรรณอันพิสุทธิ์ที่ถักทอจากธรรมชาติกำลังคลี่ไสว
พวกเราย่างเท้าระไปเรื่อยๆ ก่อนจะปีนขึ้นคันดินเตี้ยๆ ใต้ต้นหูกระจงสูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านใบครึ้มเขียวเป็นชั้นๆ สวยงามร่มรื่นพอให้เราได้พักพิง
“ค่อยยังชั่วหน่อยอย่างน้อยก็พอมีที่หลบแดด” ฉันพูดแล้วจึงหย่อนก้นนั่งลงชันเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ “หูกระจงนี่สวยดีนะใบเป็นชั้นๆ แปลกตาดี แถวนี้ก็มีขึ้นอยู่หลายต้นเหมือนกันนะเนี่ย”
“อืม…” เอกตอบพลางทอดสายตามองยัยแก้วแล้วยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ก็มีความสุขไงเลยยิ้ม” เขาตอบกวนๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับมาบ้าง “แล้วริณล่ะสบายใจขึ้นบ้างรึยัง?”
“ฉัน…ไม่รู้สิ” ฉันกล่าว ยังคงรู้สึกเป็นทุกข์และหนักอึ่งในใจ “ก็คงจนกว่าพ่อจะหายดีละมั้ง”
พอมองไปที่ก้านดอกขาวที่ชูไสวล้อสายลมไปทางซ้ายทีขวาทีอยู่นั่น ก็คิดถึงพ่อขึ้นมา ถ้า ณ ตอนนี้พ่อได้มายืนอยู่ที่นี่เคียงข้างฉันเหมือนในวันเก่าๆ ก็คงจะดีไม่น้อย
“อยากให้พ่อได้เห็นจัง” ฉันเปรยออกมาด้วยความเศร้าสร้อย ความปรารถนานั้นแจ่มกระจ่างอยู่ในใจแม้ว่าไม่รู้เมื่อไหร่จะเป็นจริงก็ตาม
“ริณ…”
เสียงของเอกดังแว่วมา ฉันผินไปมองใบหน้าของเขาที่หันมามองฉันด้วยเช่นกัน
“เราจะเป็นกำลังใจให้ริณนะ…”
“เอ๋!?” ฉันรู้สึกประหลาดใจจนถึงกับอุทานออกมาเบาๆ ก็ปกติเขาไม่ค่อยพูดคำหวานๆ แบบนี้กับฉันสักเท่าไหร่นี่นา เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกเขินๆ อย่างไรก็ไม่รู้สิ
“ตลอดไปเลย” เขากล่าวเสริม เลื่อนมือขวามากุมมือซ้ายของฉันไว้ ขณะที่เราทั้งสองต่างนั่งอยู่เคียงชิดกัน
คำพูดของเขาทำให้ฉันปลื้มใจอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถพิสูจน์อะไรได้ในตอนนี้ก็ตาม
“ฉันเองก็อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเหมือนกันนะ แต่ถ้าเอกได้ไปเรียนมหา’ลัย ก็คงจะได้เจอสาวๆ ที่น่ารักๆ สักวันนายอาจไม่อยากเป็นกำลังใจให้ฉันอีกต่อไปแล้วก็ได้”
“อย่าคิดมากไปหน่อยเลยน่า ริณก็บ่นเป็นยายแก่กลัวโลกแตกไปได้” เขาว่าเสียงกวนๆ
“โหยเอกพูดแบบนี้ ลุกขึ้นมาเตะก้านคอฉันเลยดีกว่ามั๊ย” ฉันเลยยวนกลับก่อนจะค้อนขวับให้วงหนึ่ง
“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ถ้ายังไม่มั่นใจละก็…นี่”
เขาเอ่ยก่อนจะยกมือที่กุมมือฉันอยู่ขึ้นมาแล้วชูนิ้วก้อย พอฉันเห็นเท่านั้นก็หัวเราะคิกออกมาทันใด
“เอกนี่เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะที่จะมาสันยิงสัญญาอะไรแบบนี้”
“ก็เราอยากให้ริณรู้ว่า เรารักริณนี่นา แล้วเราก็อยากจะอยู่เคียงข้างริณตลอดไป” เขาพูดสีหน้าจริงจัง จนฉันเชื่อว่าเขาได้พูดออกมาจากก้นบึ้งของความรู้สึกโดยแท้จริง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไร หรือปัญหาอะไรขึ้นต่อแต่นี้เราจะไม่ทิ้งริณ แล้วริณล่ะสัญญาได้มั๊ยว่าจะอยู่เคียงข้างเรา” ชานนท์ถามพลางกระดิกนิ้วหงึก หงึก เป็นเชิงเร่งเร้าขอคำตอบ
“เอ่อคือ…ฉัน” ฉันจุกในใจจนพูดไม่ออก รู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านี้ช่างเป็นคำพูดที่ไพเราะเพราะพริ้งเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน
“ฉัน…” ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้เสียงสั่นขนาดนี้ ขณะที่มองไปที่ปลายนิ้วก้อยที่กำลังรอคอยการตัดสินใจจากฉันอยู่
“ไม่ว่าต่อไปจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นฉันจะเป็นกำลังใจให้นายเสมอ” ฉันกล่าวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก มันคล้ายๆ กับการที่เราบอกรักใครสักคน เป็นถ้อยคำที่ทำให้เรารู้สึกขวยเขิน แต่ก็ทำให้หัวใจพองโตไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน
“สัญญานะ”
ฉันมองหน้าเขาอีกครั้ง แล้วจึงยกนิ้วไปเกี่ยวก้อยกันด้วยความเต็มใจ
“อืม…ฉันสัญญา”
“ริณรู้ป่ะตอนที่เราเอาภาพริณขึ้นคอลัมน์นิตยสารของชมรมนะพวกเพื่อนๆ เราแม่งถามกันให้แซ่ดเลย ตั้งแต่เห็นริณครั้งแรกเราก็รู้แล้วว่า…” เขาละคำสุดท้ายไว้ ทำให้ฉันสงสัยเลยเอ่ยถาม
“รู้อะไรเหรอ…?”
“รู้ว่าริณเป็นคนพิเศษสำหรับเราไง” คำเฉลยของเอก ทำเอาฉันถึงกับยิ้มแก้มปริ
“ตาบ้า” ฉันว่า
“เพี๊ยะ!” พลางตบหน้าเขาไปฉาดหนึ่งแก้เขิน แต่คงแรงไปหน่อยหน้าขาวๆ ของเอกเลยปรากฏรอยแดงขึ้นมาจนฉันเองก็ตกใจ
“อุ๊ย!”
“โหยริณตบซะเราปากเบี้ยวเลยนะเนี่ย” เขาฟ้องเสียงอู้อี้ ทำปากบูดเบี้ยวหน้าเหยเกเหมือนคนเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาพาให้ฉันนึกขันจนหลุดหัวเราะคิกคักออกมา
เรานั่งเล่นกันอยู่ที่นั่นอีกประเดี๋ยวหนึ่ง ก็เห็นว่าพระอาทิตย์รอนแสงลงมากแล้วจึงชวนทุกคนกลับแม้ว่าลึกๆ แล้วจะไม่อยากเจอหน้าแม่เลี้ยงสักเท่าไหร่ก็ตาม
“ไปกันเถอะเย็นแล้ว” พูดแล้วก็ลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากกางเกงยีนตัวเก่ง
“ริณเดี๋ยว” เสียงของเอกร้องทักขึ้น “ลืมอะไรไปรึเปล่า”
“ป่าวนี่ ฉันไม่ได้ลืมอะไรนะ” ฉันรีบบอกพร้อมกับก้มหน้าลงพื้นพยายามสอดส่ายสายตาหาดูว่ามีอะไรหล่นร่วงไปจากตัวบ้างรึเปล่า แต่ก็ไม่เห็นว่าบนพื้นจะมีเศษสตางค์ หรือโทรศัพท์มือถือตกอยู่สักหน่อย
“นี่ๆ พวกเธอดูอะไรนี่” เสียงสดใสของแก้วเรียกให้พวกเราต้องเงยหน้าหันไปมองเธอ
“นั่นไงของที่ริณลืมอยู่นั่นแล้ว” เอกพูดเป็นปริศนา ชี้ชวนให้ฉันมองไปยังแสงพลอยที่รวบต้นสายฝนซึ่งมีก้านสีเขียวเข้มเล็กเรียวมาเสียเต็มไม้เต็มมือ
ความคิดเห็น