ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #22 : คำสัญญา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 150
      7
      23 มี.ค. 63

              เอกยื่นมือมาให้ฉันจับเราสองเดินจูงมือกันไปแหวกทิวแถวของดอกไม้งามที่ขึ้นแน่นหนาแข่งขันเบ่งบานกันสล้างสลอนชวนให้หลงใหล ยามมีลมแรงพัดโบยมาทีหนึ่งมวลผกาสีขาวสะอ้านก็ไหวโอนเอนให้เห็นเป็นริ้วๆ ราวระลอกคลื่น ดูงดงามราวกับผืนแพรพรรณอันพิสุทธิ์ที่ถักทอจากธรรมชาติกำลังคลี่ไสว

    พวกเราย่างเท้าระไปเรื่อยๆ ก่อนจะปีนขึ้นคันดินเตี้ยๆ ใต้ต้นหูกระจงสูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านใบครึ้มเขียวเป็นชั้นๆ สวยงามร่มรื่นพอให้เราได้พักพิง

                ค่อยยังชั่วหน่อยอย่างน้อยก็พอมีที่หลบแดดฉันพูดแล้วจึงหย่อนก้นนั่งลงชันเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ หูกระจงนี่สวยดีนะใบเป็นชั้นๆ แปลกตาดี แถวนี้ก็มีขึ้นอยู่หลายต้นเหมือนกันนะเนี่ย

                อืม…” เอกตอบพลางทอดสายตามองยัยแก้วแล้วยิ้มออกมา

                ยิ้มอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความสงสัย

                ก็มีความสุขไงเลยยิ้มเขาตอบกวนๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับมาบ้าง แล้วริณล่ะสบายใจขึ้นบ้างรึยัง?”

                ฉันไม่รู้สิฉันกล่าว ยังคงรู้สึกเป็นทุกข์และหนักอึ่งในใจ ก็คงจนกว่าพ่อจะหายดีละมั้ง

                พอมองไปที่ก้านดอกขาวที่ชูไสวล้อสายลมไปทางซ้ายทีขวาทีอยู่นั่น ก็คิดถึงพ่อขึ้นมา ถ้า ณ ตอนนี้พ่อได้มายืนอยู่ที่นี่เคียงข้างฉันเหมือนในวันเก่าๆ ก็คงจะดีไม่น้อย

    อยากให้พ่อได้เห็นจังฉันเปรยออกมาด้วยความเศร้าสร้อย ความปรารถนานั้นแจ่มกระจ่างอยู่ในใจแม้ว่าไม่รู้เมื่อไหร่จะเป็นจริงก็ตาม 

    ริณ…”

    เสียงของเอกดังแว่วมา ฉันผินไปมองใบหน้าของเขาที่หันมามองฉันด้วยเช่นกัน

    เราจะเป็นกำลังใจให้ริณนะ…”

    เอ๋!?” ฉันรู้สึกประหลาดใจจนถึงกับอุทานออกมาเบาๆ ก็ปกติเขาไม่ค่อยพูดคำหวานๆ แบบนี้กับฉันสักเท่าไหร่นี่นา เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกเขินๆ อย่างไรก็ไม่รู้สิ

    ตลอดไปเลยเขากล่าวเสริม เลื่อนมือขวามากุมมือซ้ายของฉันไว้ ขณะที่เราทั้งสองต่างนั่งอยู่เคียงชิดกัน 

    คำพูดของเขาทำให้ฉันปลื้มใจอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถพิสูจน์อะไรได้ในตอนนี้ก็ตาม

    ฉันเองก็อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเหมือนกันนะ แต่ถ้าเอกได้ไปเรียนมหาลัย ก็คงจะได้เจอสาวๆ ที่น่ารักๆ สักวันนายอาจไม่อยากเป็นกำลังใจให้ฉันอีกต่อไปแล้วก็ได้

    อย่าคิดมากไปหน่อยเลยน่า  ริณก็บ่นเป็นยายแก่กลัวโลกแตกไปได้เขาว่าเสียงกวนๆ

    โหยเอกพูดแบบนี้ ลุกขึ้นมาเตะก้านคอฉันเลยดีกว่ามั๊ยฉันเลยยวนกลับก่อนจะค้อนขวับให้วงหนึ่ง

    เฮ้อ…” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถ้ายังไม่มั่นใจละก็นี่ 

    เขาเอ่ยก่อนจะยกมือที่กุมมือฉันอยู่ขึ้นมาแล้วชูนิ้วก้อย พอฉันเห็นเท่านั้นก็หัวเราะคิกออกมาทันใด

    เอกนี่เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะที่จะมาสันยิงสัญญาอะไรแบบนี้

    ก็เราอยากให้ริณรู้ว่า เรารักริณนี่นา แล้วเราก็อยากจะอยู่เคียงข้างริณตลอดไปเขาพูดสีหน้าจริงจัง จนฉันเชื่อว่าเขาได้พูดออกมาจากก้นบึ้งของความรู้สึกโดยแท้จริง

    ไม่ว่าจะเกิดอะไร หรือปัญหาอะไรขึ้นต่อแต่นี้เราจะไม่ทิ้งริณ แล้วริณล่ะสัญญาได้มั๊ยว่าจะอยู่เคียงข้างเรา ชานนท์ถามพลางกระดิกนิ้วหงึก หงึก เป็นเชิงเร่งเร้าขอคำตอบ

    เอ่อคือฉัน  ฉันจุกในใจจนพูดไม่ออก รู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านี้ช่างเป็นคำพูดที่ไพเราะเพราะพริ้งเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน

    ฉัน…” ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้เสียงสั่นขนาดนี้ ขณะที่มองไปที่ปลายนิ้วก้อยที่กำลังรอคอยการตัดสินใจจากฉันอยู่

    ไม่ว่าต่อไปจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นฉันจะเป็นกำลังใจให้นายเสมอฉันกล่าวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก มันคล้ายๆ กับการที่เราบอกรักใครสักคน เป็นถ้อยคำที่ทำให้เรารู้สึกขวยเขิน แต่ก็ทำให้หัวใจพองโตไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน 

    สัญญานะ

    ฉันมองหน้าเขาอีกครั้ง แล้วจึงยกนิ้วไปเกี่ยวก้อยกันด้วยความเต็มใจ

    อืมฉันสัญญา

    ริณรู้ป่ะตอนที่เราเอาภาพริณขึ้นคอลัมน์นิตยสารของชมรมนะพวกเพื่อนๆ เราแม่งถามกันให้แซ่ดเลย ตั้งแต่เห็นริณครั้งแรกเราก็รู้แล้วว่า…” เขาละคำสุดท้ายไว้ ทำให้ฉันสงสัยเลยเอ่ยถาม

    รู้อะไรเหรอ…?”

    รู้ว่าริณเป็นคนพิเศษสำหรับเราไงคำเฉลยของเอก ทำเอาฉันถึงกับยิ้มแก้มปริ

    ตาบ้าฉันว่า

    เพี๊ยะ!” พลางตบหน้าเขาไปฉาดหนึ่งแก้เขิน แต่คงแรงไปหน่อยหน้าขาวๆ ของเอกเลยปรากฏรอยแดงขึ้นมาจนฉันเองก็ตกใจ

    อุ๊ย!”

    โหยริณตบซะเราปากเบี้ยวเลยนะเนี่ยเขาฟ้องเสียงอู้อี้ ทำปากบูดเบี้ยวหน้าเหยเกเหมือนคนเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาพาให้ฉันนึกขันจนหลุดหัวเราะคิกคักออกมา

    เรานั่งเล่นกันอยู่ที่นั่นอีกประเดี๋ยวหนึ่ง ก็เห็นว่าพระอาทิตย์รอนแสงลงมากแล้วจึงชวนทุกคนกลับแม้ว่าลึกๆ แล้วจะไม่อยากเจอหน้าแม่เลี้ยงสักเท่าไหร่ก็ตาม

    ไปกันเถอะเย็นแล้วพูดแล้วก็ลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากกางเกงยีนตัวเก่ง 

    ริณเดี๋ยวเสียงของเอกร้องทักขึ้น ลืมอะไรไปรึเปล่า

    ป่าวนี่ ฉันไม่ได้ลืมอะไรนะฉันรีบบอกพร้อมกับก้มหน้าลงพื้นพยายามสอดส่ายสายตาหาดูว่ามีอะไรหล่นร่วงไปจากตัวบ้างรึเปล่า แต่ก็ไม่เห็นว่าบนพื้นจะมีเศษสตางค์ หรือโทรศัพท์มือถือตกอยู่สักหน่อย

    นี่ๆ พวกเธอดูอะไรนี่เสียงสดใสของแก้วเรียกให้พวกเราต้องเงยหน้าหันไปมองเธอ

    นั่นไงของที่ริณลืมอยู่นั่นแล้วเอกพูดเป็นปริศนา ชี้ชวนให้ฉันมองไปยังแสงพลอยที่รวบต้นสายฝนซึ่งมีก้านสีเขียวเข้มเล็กเรียวมาเสียเต็มไม้เต็มมือ


     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×