ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #23 : ความเชื่อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 149
      9
      26 มี.ค. 63

    ฉันเหม่อมองไปที่แก้วน้ำใบใสทรงกระบอกเล็กๆ ที่วางอยู่บนจานรองแก้วซึ่งตั้งเยื้องอยู่ทางด้านขวามือไปเล็กน้อย ระหว่างที่พวกเรากำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารเย็นซึ่งประกอบไปด้วยข้าวกะเพราไข่ดาว และแกงจืดตำลึงบนโต๊ะอาหารทรงกลมภายใต้บรรยากาศอันอึมครึม พลางใช้ความคิดสรรหาคำพูดที่ละมุนละม่อมเพื่อหวังว่าจะกล่อมคุณน้าให้เห็นด้วยและยินยอมให้ฉันพาพ่อไปโรงพยาบาลได้สำเร็จ

    แต่ปัญหาก็คือ หลังจากที่กลับมาบ้าน แม่เลี้ยงก็ทำเป็นมึนตึงเฉยชากับฉันเสียยิ่งกว่าเก่า เธอไม่ปริปากพูดกับฉันเลยและคงเห็นฉันเป็นเพียงอากาศธาตุ แม้แต่ตอนเรียกให้ทุกคนทานข้าวเธอยังมองผ่านเลยฉันไปทางแก้วแล้วบอกกับเพื่อนสาวฉันแทนว่าอาหารเย็นพร้อมแล้วจ้ะเด็กๆด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนราวกับแม่พระ

    นี่เธอกำลังเล่นสงครามเย็นกับฉันอยู่รึไงเนี่ย!’

    แกรกเสียงรวบช้อนส้อมของเอกและแก้วสะกิดให้ฉันตื่นจากภวังค์

    ริณเดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะชานนท์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ บอกแล้วจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกหนึ่ง

    คุณน้านี่ทำอาหารอร่อยจังเลยนะคะแสงพลอยเอ่ยชม แต่เมื่อฉันลองมองไปบนจานของเธอก็พบว่ามีเศษข้าวและอาหารกองเหลืออยู่มุมจานดูขัดกับคำเยินยอที่เธอพึ่งจะพูดออกมายิ่งนัก

    ขอบใจจ้ะ แหมหนูนี่ปากหวานจริงเชียวแม่เลี้ยงกล่าวก่อนจะยิ้มหวานด้วยความปลาบปลื้ม แล้วทำไมไม่ทานให้หมดล่ะจ้ะเนี่ย อิ่มแล้วเหรอ?”

    อ๋อพอดีหนูกำลังไดเอ็ทอ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะคุณน้ายัยแก้วตอบเสียงหวานไม่แพ้กัน ท่าทางเพื่อนรักของฉันคนนี้จะทันเกมมากกว่าฉันเสียอีกนะเนี่ย 

    งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ

    เชิญจะคุณน้าบอกแล้วจึงส่งยิ้มให้

    ว่าเสร็จแก้วกับเอกก็พร้อมใจกันลุกขึ้นจากโต๊ะ เสียงเก้าอี้ไม้ถอยครูดพื้นดังครืดก่อนที่พวกเขาจะถือจานข้าวของตนไปทางโซนห้องครัว

    ตอนที่แก้วกำลังเดินอ้อมผ่านด้านหลังฉัน เธอก็หันมาขยิบตาให้ทีหนึ่งแล้วขยับปากอวยพรโดยไม่เปล่งเสียงออกมาว่า

    ถึงตาเธอแล้วโชคดีนะ

    ฉันยิ้มตอบเจื่อนๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มย้อมใจเสียอึกหนึ่ง ใจจริงฉันอยากจะรอให้พร้อมกว่านี้ก่อน แต่กลัวว่าถ้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปกว่านี้อาจจะไม่ทันกาลก็เลยนัดแนะกับแสงพลอยและชานนท์เพื่อให้ทั้งสองเปิดทางให้ฉันได้มีจังหวะปรึกษาหารือกับแม่เลี้ยงเพียงลำพังสองคน

    เดี๋ยวฉันจะคุยเรื่องนี้กับคุณน้าเองยังไงก็ต้องพาพ่อออกไปจากที่นี่ให้ได้ฉันบอกพวกเขาไปแบบนั้นด้วยปณิธานอันแรงกล้าก่อนที่จะผละจากวงประชุมแล้วเดินนำเข้ามาสู่สนามรบ เอ้ย ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับแม่เลี้ยงที่กำลังนั่งกอดอกคอยท่าอยู่บนบัลลังก์ของเธอ

    นี่คงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันได้มีโอกาสทานข้าวภายใต้แสงเทียน ซึ่งคงจะโรแมนติกมากกว่านี้หลายเท่าหากคนที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามฉันจะเป็นผู้ชายที่ฉันรัก ไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายที่ทำสีหน้าเย็นชาเป็นน้ำแข็งเหมือน ณ ตอนนี้

    เหตุผลบ้าบอที่ทำให้เราต้องย้อนสมัยกลับมาใช้เทียนไข หรือตะเกียงน้ำมัน (อย่างจำใจ) แทนการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟในตอนกลางคืน ไม่ใช่เป็นเพราะไฟดับ หรือคุณน้าไม่มีสตางค์จ่ายค่าไฟหรอกนะ หากแต่เป็นเพราะความเชื่อแปลกๆ ที่ฝังแน่นอยู่ในหัวของพวกชาวบ้านมาช้านานต่างหาก ที่ทำให้สรรพชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านสีหกรณ์แห่งนี้ถึงได้บิดเบี้ยวไม่สมประกอบเหมือนใครคนอื่นเขา

    ท่านอลานฯ ไม่ปรารถนาแสงสว่างล่อลวงจอมปลอม ท่านโปรดแต่แสงอันบริสุทธิ์จากสุริยาและดวงดารา จันทรา , ท่านมิชอบเสียงอึกทึกครึกโครม อื้ออึงและยึดความสงบเงียบเป็นสรณะ เพราะหากเราสงบเราจะไม่วุ่นวาย ไม่มีการติฉินนินทาว่าร้าย ไม่มีโกรธ ไม่มีเกลียด หรือความริษยา ใดใด

    เราควรพูดให้น้อย ถามให้น้อย และอย่าสงสัยให้มาก การคิดแย้งต่อพระองค์ ถือเป็นความชั่วช้า ผิดบาป พวกท่านต้องเชื่อเรา  แล้วพวกท่านจักมีความสุข สุขกว่าผู้คนที่อยู่ภายนอกนั่น ที่ต่างแก่งแย่งชิงดี และมีจิตใจอันโสมมนั้นอีก

    จงมีชีวิตอยู่เพื่อรอคำตัดสินอันเที่ยงธรรมจากพระผู้เป็นเจ้าเถิด ผู้ที่เชื่อในวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านอลานฯ เท่านั้นจึงจะได้ไปอยู่ ณ สรวงสวรรค์สุขพิมานในวาราสุดท้ายยามเปลวไฟดวงน้อยนั้นมอดแสงลง

    มันคือความจริงอันเที่ยงแท้ เราคือผู้นำสาสน์จากพระองค์เชื่อเรา จงเชื่อเรา นบนอบต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยกายของท่าน วาจาของท่าน และใจของท่านเถิด

    คำพร่ำพูดของนักบวชชราผู้มีศักดิ์อันสูงส่งดังกึกก้องตามหลอกหลอนฉันมาตั้งแต่ยังเยาว์ราวกับเงาอดีตที่ไม่มีวันลบเลือน

    นี่เป็นกฎเกณฑ์อันสำคัญที่ผู้เคารพต่อพระเจ้าอลานซาโรเน่พึงยึดถือปฏิบัติ และแน่นอนนั่นหมายรวมถึงลูกหลานของคนในหมู่บ้านแห่งนี้ทุกคน ก็ยินยอมพร้อมใจทำตามๆ กันมาโดยไม่ปริปากบ่นมานับสามสิบปี

    บางทีความศรัทธาและความงมงายก็อยู่ใกล้กันจนเราแยกแยะไม่ออก

    เพียงแต่ว่าเพื่อนของฉันอาจจะยังไม่คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ก็เท่านั้น


    ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

    แก้วถึงกับมีท่าทีอึ้งกิมกี่เมื่อตอนที่เธอเดินไปกดสวิตช์ไฟที่ผนังห้อง แล้วน้าสายทิพย์ก็ปรี่เข้ามาปิดมันทันควันพร้อมกับปริปากร่ายยาวราวกับอัดอั้นตันใจมาแต่ชาติปางไหนว่า

    อ้อต้องขอโทษด้วยนะจ้ะที่น้าไม่ได้บอกหนูไว้ก่อนเธอพูดพลางเอามือทาบอก

     น้าคิดว่าเราควรอยู่กันอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวจะดีกว่า คนที่นี่น่ะต่างเชื่อกันว่าการใช้ไอ้เจ้าไฟจอมปลอมพวกนี้มากๆ มันจะทำให้จิตใจของเรามีมลทินจ้ะเธอชี้แจงด้วยรอยยิ้มละไม

     สิ่งพวกนี้เป็นพลังงานที่ไม่บริสุทธิ์ ยิ่งเราใช้มันมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งตกเป็นทาสของมันยิ่งขึ้นเท่านั้นพวกทีวีก็เหมือนกันวันๆ เสนอแต่เรื่องไร้สาระ ยัดเยียดวัตถุสิ่งของ คำโฆษณาชวนเชื่อ ค่านิยมผิดๆ ทำให้เรามีแต่ความละโมบโลภมากไม่รู้จักจบจักสิ้น มนุษย์เราห่างไกลจากธรรมชาติเข้าไปทุกทีทุกที ก็เพราะไอ้เจ้าพวกนี้นี่แหละ

    จากนั้นเธอจึงเดินนวยนาดไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตามเดิม ขณะที่ปากก็พูดไป มือก็หยิบทัพพีตักข้าวไม้พยุงจากโถสีขาวลายดอกชบาสีชมพูหวานใส่จานตนเองไปด้วย   

     ที่นี่น่ะพอหลังทุ่มหนึ่งไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยเปิดไฟกันแล้วล่ะจะ น้าอยากให้พวกหนูรู้เอาไว้  พวกเราใช้มันเพื่อการดำรงชีวิต ใช้เพราะต้องใช้ แต่ไม่เคยชื่นชมหลงใหลมันหรือปล่อยให้มันมีอำนาจเหนือเรา

                หลังจากที่ตักข้าวใส่จานไปสองทัพพี คุณน้าก็บรรจงวางมันใส่โถตามเดิม แล้วค่อยเอื้อมมือไปยกเหยือกแก้วใสเนื้อดีซึ่งวางตั้งอยู่กลางโต๊ะขึ้นรินน้ำเย็นใส่แก้วเปล่าของเธอ กลุ่มก้อนน้ำแข็งเล็กๆ ที่อัดแน่นอยู่เต็มภาชนะกรูลงมาที่ปากซึ่งเป็นจะงอยก่อนจะหล่นตุ๋ม ตุ๋ม ลงแก้วทีละน้อยๆ

    เพราะฉะนั้นเราควรใช้มันอย่างระมัดระวังนะจ้ะ แต่ถ้าหนูอยากจะดูละคงละครก็เชิญตามสบายเลยนะน้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก็แล้วกัน

    คุณน้าสรุปจบบทของเธอได้อย่างน่าฟังจนฉันเองก็แอบเคลิ้มตามไปด้วยเหมือนกัน

    อ๋อ..ค่ะ ค่ะ ค่ะเพื่อนสาวที่ยืนรับข้อมูลเสียจนเต็มหัวได้แต่พยักหน้ารับคำหงึกหงัก แล้วเดินทำสีหน้างงงวยพลางเกาศีรษะแกรกๆ มานั่งลงตรงเก้าอี้ทางทิศตะวันออกซึ่งอยู่ทางด้านขวามือของฉันด้วยอาการงงงัน แต่ก็มิวายแอบป้องปากเมาท์ระยะเผาขนให้ฉันฟัง

    นี่แม่เลี้ยงของเธอกลัวว่าฉันจะใช้ไฟเปลืองขนาดนั้นเลยเหรอยะ มิเตอร์ขึ้นเท่าไหร่เดี๋ยวฉันใช้บัตรรูดให้ล่วงหน้าสามเดือนเลยเอ้าชิเธอบ่นอุบอิบ มีอาการชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจให้เห็นอยู่บางๆ

    ฉันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยนึกขันกับวาจาเสียดสีของเธอก่อนจะแก้ต่างว่า

    ก็คิดซะว่าคุณน้าเค้ากลัวว่าพวกแมลงเม่าจะบินเข้ามาก็แล้วกัน

    แต่ถึงอย่างไรแสงพลอยก็ยังคงข้องใจอยู่ดี

    สรุปจะให้ฉันเปิดไฟใช้ตอนกลางวันใช่มั๊ยยัยริณเพื่อนสาวตัวดีกระซิบบอกพร้อมกับทำหน้าทำตาปะหลับปะเหลือกชวนให้ขำขันในความเชื่อแปลกๆ ของคนในหมู่บ้านนี้ 

    ฉันเองก็ได้แต่แหงนหน้ามองหลอดไฟดวงน้อยๆ ที่มีฝุ่นตะกอนสีดำเกรอะกรังอยู่ข้างในด้วยนึกเสียดายที่มันคงเป็นได้แค่เพียงร่องรอยความเจริญที่ถูกผู้คนในหมู่บ้านประหลาดแห่งนี้หลงลืม และเมินค่าไปอย่างน่าสงสาร 

    ดูท่างานนี้ยัยแก้วคงจะจดจำคำพูดพิลึกพิลั่น เหล่านี้ไปจนวันตายเลยทีเดียวเชียวล่ะ


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×