คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ต่อจากเดิม
เอิบอิ่มแช่มชื่นในรสธรรมะ.. วันนี้เสพทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเพรียงแล้วนี่ .อิ่มทิพย์แล้วเรื่องอาหารไม่อยากสิ่งใดเลย อะไรที่อยากได้ก็ดลบันดาลให้หมดไม่มีขาดตกพร่อง ไม่มีคำว่าไม่ได้ มีแต่ได้ ขอเท่าไหร่...สิ่งเหล่านั้นข้าวของเครื่องใช้ก็เติมเพิ่งบริบูรณ์มาอย่างดี.. นี่แหละรู้จักไหม? โลกพระศรีอาริย์เป็นได้ด้วยเช่นนี้แหละ โลกแห่งกุศล..บารมีที่เปี่ยมล้นเกินพรรณนา.. ทำให้ข้ารองบาทของพระองค์ทุกคนที่เป็นพลโลกในยุคนี้ สุขเสมอภาคเท่าเทียม ..ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญถึงพระองค์เป็นการใหญ่
เวโรจน์กับเพื่อนก็ชักหน่ายความสุขในบางครั้ง ก็แปลกเหมือนกันนะ บางครั้งสิ่งที่มีเกิดและได้ครอบครองเหล่านั้นมันมีมากมาย แต่พอนานวันเข้าอาการเบื่อก็เกิดทุกข์.. แต่มันย่อมไม่ถูกเรียกหรือว่าใช่ความทุกข์ ..เพราะความทุกข์จะไม่บังเกิดในศาสนาพระศรีอาริย์ ..ความสุขต่างหากล่ะ ที่เกิด สุขอย่างยั่งยืน ..และสุขนี่เองที่คนทั้งหลายเมื่อรับไปแล้วอิ่มเอมจนเพียงพอแล้ว มันเกิดความรู้สึกไม่ดี ..ซึ่งไม่เรียกว่าทุกข์
ทันที่สมเด็จผู้ยิ่งใหญ่ที่พลโลกรอคอยก็มาเสด็จอุบัติเบื้องหน้า ..เสด็จอุบัติด้วยวรกายงดงาม พระฉวีผุดผ่องดั่งทารกแรกพระพักตร์ดั่งดวงจันทราหมื่นพันดวงกอบเอื้อถึงพระผู้มีเมตตาผิวพรรณดั่งดอกมะลิสดบุปผชาติบริสุทธิ์ ประสูติไม่นานเท่าใดนัก พระราชมารดาก็ทิวงคต ทรงประสูติติต้นใต้กากระทิง พรหมยมเทวดาทั่วโกฏิแสนโกฏิหมื่นโลกธาตุในพิภพจักวาลพากันแซ่ซ้องสรรเสริญประโคมเครื่องดนตรีแตรสังข์อันเสนาะไพเราะพริ้งทั่วชั้นฟ้าสวรรค์แผ่พริ้งกังวลมาถึงโลกมนุษย์.. ที่เป็นยุคที่เทวดานางฟ้ามาบังเกิดโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะรับรู้อย่างแน่แท้ ..ผู้ที่มาบังเกิดจักได้บรรลุนิพพานทุกคน และเกิดมาในยุคนี้ย่อมไม่พบความยากลำบากจึงพากันทูลลาต่อท้าวสักกะมาตั้งแต่ชั้นจาตุมก็ทูลลาเทวราชผู้เป็นใหญ่ ดาวดึงส์ก็ทูลลาท้าวสักกะ ดุสิต ก็ทูลลา ท้าวสันดุสิต ยามาก็ทูลลาเทวดาผู้เป็นใหญ่ในนั้น รวมถึงชั้นสูงต่อไปจนถึงพรหมชั้นสูงสุด ต่อไปภาระกันสร้างเทวดานางฟ้ารูปใหม่ก็นำมาจากมนุษย์ที่มีบุญกุศลถึงขั้น .. ส่วนเทวดานางฟ้าที่ทูลลาต่อผู้เป็นใหญ่แห่งนั้นหมายมั่นในใจตลอดเวลา ตั้งหทัยไว้คราวนี้ได้พบพระพุทธชินสีห์รูปใหม่ ในภัททกัปสุดท้าย ..แม้ว่าจะเคยพานพบพระองค์จนเคยชิน ในนามของเทพบุตรที่ชื่อ นาถ กับ เทพบุตรที่ชื่อสมเด็จพระศรีอาริยะเมตไตรยมาแล้ว พรรณนาถึงสรีระพระสิริโฉมงดงามของพระองค์แล้ว เมื่อครั้งกระโน้น .. แต่ยังมิเคยเห็นพระองค์ในรูปโฉมของปุถุชนอันนามว่ามนุษย์วิสัย ..ซึ่งพระองค์จะสั่งสอนธรรม เรียนรู้ให้เวไนยสัตว์หลุดพ้นจากความเมามัวของการเวียนว่ายตายเกิดและกองกามที่ร้อยรัดตัวจนต้องตกเป็นทาสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บังเกิดเมื่อเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ไม่ต้องพบพานความลำบากแร้นแค้นอิจฉาริษยา ..เพราะยุคนี้เมื่อมนุษย์มีความเท่าเทียมยุติธรรม อิจฉาริษยาหล่อเหลาสวยงามพร้อมเพรียง ..ละโมบมิบังเกิดได้ หากเป็นเช่นนั้นก็หาใช่..ยุคพระศรีอาริย์
พระศรีอาริย์มีวรองค์งดงามดุจแก้วผลึกพระฉวีราวกับดวงจันทราหมื่นดวง มีดวงตายิ้มแย้มพระโอษฐ์เองก็แย้มแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์..ตลอดเวลาหล่อเหลาคมคายสง่างามเกินเทพบุตรองค์ใดจะมาเปรียบเทียบ ในครั้งกระโน้นบรรดาเทพบุตรนางฟ้าจดจำภาพลักษณ์ของพระองค์ด้วยดี ..รวมทั้งเหล่านางฟ้าบริวารที่แวดล้อมของพระองค์ด้วย มักจะเสด็จไปนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ เจดีย์สีเขียวแท่งทึบ ภายในบรรจุพระโมลีและพระทาฐธาตุ (มวยผมและพระเขี้ยวแก้ว)ณ ดวงดึงส์ ทรงเสด็จเหาะจากชั้นดุสิตวิมานสถานที่พระองค์ประทับ ..เสมอมา ตลอดจนทรงถูกเชิญให้เป็นองค์ประธาน ณ ที่ประชุมของสภาธรรมเทวา บ่อยหน ..และทุกครั้ง
คำรำพึงรำพันขององค์เทพผู้อีกนามหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์..ทรงดำริปรารถนาที่จะช่วยพลโลกให้พ้นจากความทุกข์แท้จริง ..มีมาตั้งแต่อดีตกาล..ครั้งบรรพบุรุษของชนชาติมนุษย์ จวบจนยุคปัจจุบัน.. เพราะพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น อุบัติขึ้นมา ย่อมนำความสำเร็จแก่ปัญญาให้ถึงวิมุติสุขและความหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการที่ร้อยรัดอันชื่อกิเลส ..ดวงจิตของมนุษย์ทุกคนไปสู่ดินแดนที่ตัดการเวียนว่ายตายเกิดเป็นอมตะสุข ทุกพระองค์ แต่ละองค์ก็ชักพาดวงจิตของมนุษย์ผู้มีความเห็นชอบ ไปเป็นแสนๆดวง สี่แสนดวง ห้าแสนดวง พระองค์เองทราบในหทัยในการตั้งมโนปณิธาน อีกทั้งอนาคสตังญาณอันเป็นญาณเฉพาะพระพุทธเจ้า ..ได้รับการพยากรณ์จากสำนักพระพุทธเจ้าในอดีต อีกทั้งบารมีที่พากเพียบมายาวนานเป็น เวลาสิบหกอสงไขยย่อมถ่องแท้ลึกลงเข้าไปในจิตวิญญาณของเวไนยสัตว์ที่กำลังเริงร่าว่ายแหวกทุกข์ระทมกับคำว่าโลกแห่งการเกิดที่ไม่มีการจบสิ้น.. โดยการติดยึดในการหลงชอบว่านั้นคือความสุข
ความสุขที่แท้จริงพระพุทธเจ้าทุกยุคทุกสมัยสอนเอาไว้แล้วเป็นแนวทางเดียว คือนิพพานเท่านั้น..แม้ยุคจะหมดสิ้นเกิดขึ้นอีกยุคใหม่..ยุคแล้ว ยุคเล่า.. ก็ตาม แต่ให้ทราบหลังจากนี้หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะมาเยือนแก่พลโลกและมนุษยชาติในภพหลัง.. พ้นจากอายุศาสนาพระศรีอาริย์สิ้นสุดที่แปดหมื่นปี ซึ่งจะเป็นกัปว่าง และว่างอีกนาน ถึงอสงไขย ..กัปป์ที่ปราศจากพระพุทธองค์สักหนึ่งองค์เสด็จมาอุบัติเพื่อโปรดมนุษย์
ณปัจจุบันนี้โลกสถิตซึ่งพระพุทธองค์ คุณงามความดีที่ทรงให้ไว้แก่ชาวโลกคือพระธรรม ยังเป็นไปได้ขนาดนี้ ยุคปัจจุบัน..ถ้าหากโลกว่างพระสรรพพัญญูพุทธจ้าแล้ว ..มันมิยิ่งกว่ากลียุคหรือสันถันตรกัปป์กัปป์ที่เต็มไปด้วยสงครามอาวุธจับแตะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอาวุธประหัตประหารกันอย่างโหดเหี้ยม..ไร้การรับรู้ผิดชอบชั่วดี ในเวลานั้นนรกคงเนืองแน่นนองด้วยคนบาปจนนรกไม่มีที่ลงโทษสำหรับผู้มีบาป..จำเป็นต้องปล่อยให้มาเกิดในโลกมนุษย์ ..และใช้วิถีชีวิตเยี่ยงสัตว์นรกด้วยกัน คือประทุษร้ายแย่งคร่าเชือดเนื้อเถือหนังกันเอามาแล่กิน ยุคที่พ้นหลังจากศาสนาพระศรีอาริย์.. จะมีสภาพเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้บอกกล่าวถึงมหันตภัยขนาดหนักแก่ชาวโลกไว้แทนกาลเบื้องหน้า พระศรีอาริย์เองสนองรับสั่งเป็นไปตามประเพณีพระพุทธเจ้าที่ต้องช่วยฉุดเวไนยสัตว์ให้พ้นบ่วงกิเลสจนกระทั่งตัดสิ้นอาสาวกิเลสสู่นิพพานอันเป็นโลกบรมสุข
ทรงตะหนักถึงหน้าที่โพธิสัตว์เสมอมายินยอมทั้งเสียแขนขาอธิษฐานอวัยวะทุกส่วนของพระองค์เพื่อเป็นตัวยารักษาโรคร้ายให้แก่มนุษย์ในอดีตภพที่ผ่านไปแล้วช่วงหนึ่ง..ไม่มีอะไรที่โพธิสัตว์ชั้นสูงผู้เปี่ยมล้นด้วยบารมีจะกระทำมิได้.. ทรงตั้งสัตย์เปล่งดำริแล้วกระทำผ่านการช่วยเหลือของคณะเทพผู้มีหน้าที่สร้างโลกสวรรค์ในยุคของพระองค์
ดวงจิตเป็นแสนล้านๆดวงแหวกว่ายมาเกิดยังภพภูมิมนุษย์สถิตเพื่อสั่งสอนแนะนำแนวทางให้ไปสู่โลกพระศรีอาริย์ ส่วนจะอุบัติ ไหนใด เป็นผู้ใดนั้น บางท่านรู้บางท่านก็ทราบ แต่บางท่านก็ไม่รู้.. แต่ขอให้รู้พระศรีอาริย์อยู่ใกล้มนุษย์ที่สุด ถ้าเธอทำดีเป็นไปในแนวทางของบุญกุศล ตั้งอยู่ในศีล ..นั่นแหละเป็นผู้พบพระศรีอาริย์แล้ว..ถ้าคำตอบจะเป็นว่า ส่วนมากชาติภพที่พระศรีอาริย์ปรารถนาจะบังเกิดมักเป็นสมณะล้วนๆ ในแผ่นดินไทยนี้ นับอดีตกาลสู่ปัจจุบัน ส่วนที่ปรากฏอุบัติเป็นมนุษย์ธรรมดาก็มากมีเช่นกัน เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นชายเข็ญใจ เป็นชายอัปลักษณ์ นั่นข้อนี้สุดจะกล่าวอ้างได้ อาจเป็นเพราะพระองค์ปรารถนา ..เหตุแห่งจิตโพธิสัตว์ดำดิ่งสูงเกินกว่า..เข้าใจใคร่ถึงอย่างละเอียดลออในกิเลสของมนุษย์ธรรมดา ทรงปราศจากการยึดติดด้วยกิเลสแล้ว พระโพธิสัตว์เช่นพระองค์เลือกที่เกิดได้ การสร้างบารมีน่าจะมาจากสิ่งที่ยากลำบากยากเย็นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่ปรารถนาและมองข้าม สิ่งเหล่านั้นต่างหากเล่าเป็นบุญกุศลสูงเยี่ยมเทียมฟ้า .. เพศสมณะผู้ประพฤติธรรมต่างหาก ที่นอกจากเสริมสร้างบารมีแล้วยังคุณประโยชน์ให้แก่พระองค์ เพราะพระองค์พ้นและไม่ยึดติดกับสรีระสังขารแม้แต่ความสวยงามหล่อเหลาเช่นเทพชั้นสูงก็ไม่ทรงปรารถนา..เทพบุตรเทพธิดาณเบื้องบนย่อมรู้ในโลกภพและเป็นวิสัยของภพภูมิทิพย์ว่า เมื่อถึงคราบารมีแห่งกุศลเทพเทพบุตรนางฟ้าหมดสิ้นเมื่อไหร่ ..จำต้องมาบังเกิดอีกครั้งในโลกมนุษย์
เพราะสิ่งนี้สำหรับเทพและนางฟ้าทุกองค์ยังยึดถือว่าสิ่งนี้เป็นภาพลวงตา เทพสุขโดยสถิตอยู่ในโลกที่แท้จริงยิ่งกว่ามนุษย์..ไม่ใช่นิมิตหรือความฝัน แต่ความจริงเหล่านั้นคือภพภูมิแห่งกายละเอียดและประณีตนักสามารถจับต้องได้ แต่ต้องเป็นด้วยความรู้สึกที่ละเอียดยิ่งกว่าละเอียดนัก เป็นภาวะโปร่งใสสุกสกาว มีกายที่ระยับเรืองรองของรัศมีพวยพุ่งตลอดเวลา ไม่ว่าท่วงท่าปรารถนาการกระทำความต้องการ ..หากว่าเป็นชั้นสูงขึ้นไปอีกเช่นดุสิต ยามา ปรนิมมิตะสวตีก็ยิ่งละเอียดประณีตมากกว่าเดิม ..สิ่งเหล่านี้อุบัติมาจากกุศล.. ที่เรียกว่ากุศลสวรรค์ และต้องกระทำมาตั้งแต่คราวบังเกิดเป็นมนุษย์
กลไกเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือโลก..เหนือการรับรู้และความจริง.. ของมนุษย์ในยุคปัจจุบันที่มองผ่านข้ามความเป็นจริงเหล่านี้.. ในยุควิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อความจริงเหล่านี้ ดังนั้นพระศรีอาริย์จึงทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมารับรู้ความจริง.. เชื่อในความมีอยู่จริงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระผู้ช่วยโลก..สถานที่สถิตซึ่งคุณงามความดีทั้งหลายในโลก เป็นอำนาจที่สร้างขึ้นโดยทิพย์
สถิตอยู่ณ สวรรค์ เป็นที่เกิดของมนุษย์และดวงวิญญาณทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิต ไม่ว่าต้นไม้ใบหญ้าสัตว์เดรัจฉาน
*****
ความคิดเห็น