ไรเสน่หา - นิยาย ไรเสน่หา : Dek-D.com - Writer
×

    ไรเสน่หา

    ไรเสน่หา เรื่องใหม่ ความรักที่ไม่กล้าเปิดเผย ประดุจตัวไร ที่ซ่อนแฝง

    ผู้เข้าชมรวม

    2,508

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    2.5K

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    7
    จำนวนตอน :  23 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 61 / 00:37 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

     

    E ไรเสน่หา

     

     

    บุญก้อง ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้ภรรยาและลูกเสียใจมาก ลูกสาวคนโต คันธมาส ที่เพิ่งจน จากมหาวิทยาลัย เป็นเรี่ยวแรงให้ครอบครัว / คันธมาศ/ ที่ทำงานของคันธมาศ/ มีชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้านาย / ชื่อ ธันวายุ/ คันธมาศได้เห็นใบหน้าของเขาครั้งแรก รู้สึกลุ่มหลง/ แต่ไม่กล้าเผยความรู้สึกออกมา/ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้/

    ไปรมาที่เรียนจบชั้นมัธยมแล้ว/ อยากจะช่วยเหลือพี่สาวแบ่งเบาภาระในครอบครัว/ แต่ไปรมาเป็นคนทะเยอทะยาน ใฝ่สูง/ อีกทั้งอุปนิสัยก็อยากจะเอาชนะ/ หนุ่มขายพิซซา เติมพงษ์ พยายามจีบ คันธมาส / และมีอีกชายหนุ่มหนึ่ง ที่เขาเป็นลูกชายนายธนาคาร ชื่อ กุลอมร/ ที่เขาแวะเข้ามาในซอยแห่งนี้เป็นเพราครอบครัวเขามีคอนโดหรูให้คนเช่า/ และเขาติดใจ/ ความสวยใส/ ราบเรียนของคันธมาส/ ทั้งๆที่เขามีผู้หญิงของเขาหลายคน/ และค่อนข้างเจ้าชู้

    ธิศาล ผู้ชายคนหนึ่งที่หลงรัก คันธมาสและบูชาด้วยหัวใจ/เขาเป็นคนที่คันธมาสรอคอย/ แต่ว่าอยู่ห่างไกลกัน เพราะเขาทำงานอยู่ที่ท้องทะเลอ่าวไทย/ เป็นวิศวกร สำรวจปิโตรเลียมเคมี/ และกาซธรรมชาติ/ เขามักคุยผ่านมือถือกับคันธมาศเสมอ

    แรมมณีแม่ของธันวายุ/ต้องการเลือกผู้หญิงให้กับลูกชาย/ เพราะต้องการให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝาโดยเลือก ฝ้าย หรือ รวีกัญญา

    ครอบคลุม บทที่ 1-4

    คันธมาสต้องทำงานโอทีจนดึก/ เพราะงานที่บริษัทเร่ง/ และวันนั้นฝนเกิดตกอย่างมาก/ ปาดหรือ ปราลิน คนรักของธันวายุ มาหาเขาถึงที่ทำงาน/ เพราะกับทำตัวยั่วยวน/ ที่จะชวนเขาออกไปข้างนอก/ คันธมาสได้มาเห็นภาพนั้นตกใจ/

    แต่ธันวายุไม่ให้ความร่วมมือด้วย/ เขาปฏิเสธ / ทำให้หล่อนผลุนผลันจากไปท่ามกลางสายฝนพรำ/

    คันธมาสแอบมองภาพนั้นจนชัดติดตา/ ธันวายุเห็นว่า คันธมาสแอบมอง/ และใกล้เลิกง่านแล้ว/ เอจะต้องกลับ/ ฝนตกหนักเป็นชั่วโมง/ จะร่วมเข้าสี่ทุ่มแล้ว/ ธันวายุ พิจารณาพนักงานสาวที่ขยันขันแข็ง และเก่ง/ เธอสวยเรียบ/ไม่ได้ฉูดฉาด/ และไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น/ ตรงนี้ ทำให้เขารู้สึกสนใจ/ แต่ก็ไม่เคยถาม คันธมาส/ เพราะคันธมาสพูดน้อย/ เธอค่อนข้างเหนียมอาย/ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง

    แต่เวลานี้ธันวายุกลับแสดงคำพูด กล้าถามออกไปก่อน/

    ฝนยังไม่หยุดตกเลย เอ้อ คุณจะกลับยังไงฮะเนี่ย” เขาเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ

    คันธมาสเขินเขา แต่ก็ตอบ

    ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันจะรอฝนหยุดตก”

    อ้าว หยุดตกก็นานน่ะสิ มันคงดึก ปกติคุณกลับยังไง” เขาเริ่มอยากจะอาสา

    นั่งรถเมล์ค่ะ”

    อ้าว ดึกป่านนี้ล่ะครับ”

    ไม่เป็นไรค่ะ ทุกครั้งที่ดิฉันทำโอ ก็ยังมีรถวิ่ง เป็นคันที่วิ่งตลอดคืนค่ะ”

    งั้นก็คงคอยนาน คุณคงเหนื่อยแย่ กับงานของวันนี้”

    ธันวายุ เริ่มแสดงความห่วงใย

    แต่ในที่สุด เขาก็สามารถกล่อมให้ คันธมาส ยอมนั่งรถออกไปกับเขา/ เพราะดูท่าทีแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดพรำ/ คันธมาสจำใจนั่งรถกับเขา/ ทั้งรู้สึกปลื้ม/ และตัวหล่อนก็เกร็ง/ ชำเลืองมองใบหน้าของเขา/ เห็นเสี้ยวหน้าที่หล่อคมคายนั้น/แล้วเบือนหลบ/ ไม่อยากให้เขารู้ว่า หล่อนแอบจ้องเขาอยู่

    ขับมาใกล้ เส้นที่เป็นละแวกบ้านพัก/

    ถึงแล้วครับ คุณจะให้ไปส่งถึงไหน ผมไม่ได้รีบ”

    เขาบอก แต่หล่อนก็รู้สึกเกรงใจเขา

    ให้คลุมถึง บทที่4-5

     

     

    เริ่มเขียนแล้วนะ เปิดเรื่อง ที่บ้านของนางเอก ในแมื่อพ่อจะต้องเสียชีวิต/ กำหนดให้ตายบนท้องถนน เพราะถูกรถชน/ ข่าวมาเร็วมาก ถึงหูของภรรยา และลุกๆ/ นางถนอมนวลแทบชอคเป็นลมหมดสติ/ ไปรมาลูกสาวคนเล็กเพิ่งกลับจากเรียน/ ช่วงเวลาตาย เกิดเหตุ ตอนสี่โมงครึ่ง/ นายบุญก้อง มีอาชีพขับรถส่งของ/ จึงรีบไปที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเพื่อรับศพสามี/ ที่เสียชีวิตเพราะรถกะบะชนกับรถหกล้อ/ สภาพรถและคนขับถูกอัดก้อปปี้/ ติดเสาไฟฟ้า

    แต่เราจะไม่อธิบายตรงนี้มาก/ ต้องการตัดลัดไปให้ คันธมาส/ นางเอกที่ยังทำงานอยู่ที่บริษัท/ เพิ่งได้รับทราบข่าวร้ายจากน้องสาว/โทรเข้ามา/

    เอ้าต่อไปนางเอกจะกลับบ้าน/ เพราะข่าวพ่อเสีย ให้หล่อนรีบ ต้องนั่งรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล/ ตอนที่นางเอกมาถึง ยังไม่เย็นมากนัก/ รถไม่ค่อยติด/ แต่กำลังจะติด/ ยิ่งเป็นใจกลางเมือง/ ที่ทำงานของนางเอกอยู่ใจกลางเมืองเช่นกัน/ บนท้องถนนรถแน่นขยัด ขยับเขยื้อนไม่ได้/ นางเอกน่างอยู่บนรถแท๊กซี่ จิตใจจดจ่อกระวนกระวาย/ เมื่อนางเอกมาถึงโรงพยาบาลแล้วต้องพบเจอกับอะไร/ ภาพของบิดาที่อยู่ในห้องดับจิต/ หรือบนรถเข็นที่มีผ้าขาวคลุมร่าง/เห็นมารดา เอามือแตะพร้อมกับร้องไห้ครำครวญ เป็นวักเป็นเวน เช่นเดียวกับน้องสาวของหล่อน/ คันธมาสมองภาพตรงหน้า บิดาบังเกิดเกล้าของเขา ที่เป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย ร่างที่ซีดขาว ปราศจากลมหายใจ กับผ้าขาวที่คลุมเหนืออก

    หนีจากฉันไปแล้ว พี่ก้อง ฮือๆๆ แล้วฉันกับลุกจะอยู่ยังไง”

    เมื่อมารดาพุดเช่นนี้ ทำให้ คันธมาสเข้ามาปลอบแม่และน้องสาว/

     

     

    ตอนนี้นางเอกโศก เพราะทราบข่าวพ่อเสีย พยายามเค้นอารมณ์/ ปั้นอารมณ์ออกมา

    ในนามปากกา เหมือนแพร

     

    ทีนี้เราเขียนถึงตอนที่นางเอกมาพบพ่อ/ มีการณาปณกิจ/ฉากยังคงอยู่ที่นี่ห้องดิบจิต /ห้องเย็น

     

    เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นร่างไร้วิญญาณของพ่อหล่อน ผ่านหน้าหล่อน มือเรียวซีดของคันธมาสยังเกาะกุมมือของน้องสาว และไปรมายังโอบกอดหล่อนอยู่ คันธมาสจึงสะกิดบอก เพื่อจะได้เตรียมตัวนั่งแท็กซี่กลับไปที่วัดอีกครั้ง เพราะมารดาของหล่อนระบุชื่อวัดเอาไว้แล้ว

    น้ำตาถูกปล่อยให้เหือดแห้งไปเอง นางถนอมนวล เริ่มมีสติ หันมามองดูลูกสาว ที่ไม่เห็นคันธมาสร้องไห้ แต่อาการเศร้าโศกก็ปรากฏ ลูกสาวคนนี้หยัดทระนงดีเหลือเกิน จากใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษเปล่า

    ไปเถอะค่ะแม่ เขากำลังพาพ่อไปวัด”

    คันธมาสเตือนมารดาทางหนึ่งด้วย คุณถนอมนวลจึงทำตามลูกสาว พากันก้าวลงไปข้างล่าง

     

    เมื่อถึงตรงนี้แล้ว/ เราจะตัดลัดไปที่วัด/ ภาพโลงถูกตั้งพร้อมด้วยกระถางธูปเทียน/ รูปคนตาย/ นางเอก คันธมาสต้องลางาน/ และแจ้งฝ่ายบุคคลให้ทราบ// เติมพงศ์หนุ่มขายพิซซาที่แอบชอบหล่อน/ เข้ามามคุยเรื่องนี้/ จังหวะเดียวกับที่ ธิศาล/ ชายหนุ่มที่เธอมั่นใจว่าคือแฟนก็กลับมาที่บ้านด้วย/ เขารู้เรื่องนี้ จาก คันธมาส/

    และตรงนี้ เราจะยังไม่ให้นางเอกกับพระเอกเจอกัน/ แต่ถ้าจะให้เจอ พระเอกต้องเจอน้องสาวนางเอกก่อน ไปรมา เห็นแล้วนึกหลงรัก

     

    เรากำลังจะเขียนถึงอะไร/ นางเอกมาที่วัดแล้ว/ เมื่อเสร็จธุระจึงไปขอเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน/ คนที่กำลังเศร้าเสียใจ/ ย่อมไม่พูดกับใคร/ ใบหน้าเศร้าเต็มไปด้วยทุกข์/ แต่คันธมาสน้อยกว่าแม่ และน้องสาว/ เอาเป็นว่า/ ที่งาน มีญาติพี่น้องช่วยดูแลให้/ พึ่งพิงญาติพี่น้องได้/ แต่เบื้องหลังการตายของบิดา/ ต้องมีคดีเกิดขึ้น/ เพราถูกรภชน/ ใครเป็นคนชน/ จำเลยหรือฆาตกร จับตัวไม่ได้/ มันไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ/ พวกชาวบ้านบางคนกล่าวว่า/ คนเดี๋ยวนี้ใจสัตว์/ แต่พูดถึงเงินค่าศาปฯกิจ / และเงินประกันชีวิตของบิดา/ และเงินช่วยเหลือจากอุบัติเหตุ/ ส่วนรถพังเสียหาย ซ่อมไม่ได้ครอบครัวนี้ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้/ แต่คนที่ตายไปแล้ว ชีวิตก็กลับคืนไม่ได้/ นี่คือเหตุผลที่เราต้องใช้หักล้าง และตอบคำถามตัวละคร/ เป็นการที่ต้องทำให้ตัวละครต้องทำ/ และแสดงกิริยาออกมา

    เป็นว่า นางเอก/ เมื่อยาติช่วยเหลือแล้วก็ขอตัวกลับบ้าน/ แต่น้องสาวคนเล็กยังไม่กล้า เพราะกลัว/ ให้คันธมาส อาศัยไปกับรถญาติที่ไปส่ง

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    เอาลาะมาต่อเรื่องเลย

     

    เอาล่ะ นี่ก็ได้ชื่อเรื่องมาแล้ วไรเสน่หา รู้สึกว่าเด่น และโดด มีเสน่ห์ในตัว ไม่ซ้ำใคร ไมดูเรียบ /แต่มีการเชิญชวนให้สัมผัส/ อะไรคือไรเสน่หา / การซ่อนแอบหรือแฝงเร้น/ เป็นความรักที่หลบซ่อน หรือซ่อนแอบ/ กำหนดให้เรื่องเกิดขึ้นกับใครล่ะ/ นางเอกอย่างแน่นอน/ ได้ชื่อแล้วคันธมาส/ แอบหลงรักพระเอก ธันวายุ

    มีตัวละครตามมาอีก นางเอกมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง/ บ้านนี้มีสองคน/ พ่อตายกะทันหัน/ มีอาชีพขับรถรับจ้าง/ ขับรถประสานงานกับสิบล้อ/ นางเอกมีแม่ ชื่อ ถนอมนวล/ คันธมาส ชื่อ นางเอก ได้มาแว้บเดียว เพราเป็นคนชอบคิด/ แต่งชื่อแปลกๆ ที่ไม่เวอร์ หรือประหลาดจนเกินไป

    ความจริงชื่อนี้ ได้มานานแล้ว/ แต่ยังไม่ลงพลอตสักที/

     

     

     

    เอาเป็นว่า เริ่มเขียน

     

    ทีนี้บทเรื่องราวต่อไป/ คันธมาสมาทำงานในเช้าของวันต่อมา/ เติมพงษ์ หนุ่มที่ขี่รถส่งพิซซ่า/ ซึ่งแอบชอบจะมาส่ง/ แต่คันธมาสปฏิเสธ/ ความรู้สึกของเอไม่ต้องการคนห้อมล้อม/ และเอาใจใส่/ เนื่องจากเอยังไม่ต้องการมีคนรัก/

    คันธมาสมาพบกับธันวายุ ที่เขาเพิ่งขับรถมาถึงบริษัท/ ที่ประตูทางเข้า/ คันธมาสยังแต่งชุดดำอยู่/ เขาเอ่ยทัก/ ได้ข่าวว่าพ่อของคุณเสีย ผมขอแสดงความเสียใจด้วย

    คันธมาสแปลกใจที่เจ้านายทัก/ และเขากับเอคนละระดับชั้น/ ไม่นึกว่าเขาจะสนใจในตัวเธอมากเพียงนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ภาพโลงศพที่ถูกตั้งเบื้องหน้า พร้อมด้วยกระถางธูป กลิ่นกำยานจากการเผาไหม้ลอยคลุ้ง คันธมาสก้มหน้า หล่อนได้แจ้งให้ฝ่ายบุคคลทราบแล้ว ในเรื่องนี้ แต่พรุ่งนี้ก็ต้องโทร.ไปลาอีกหน หล่อนอาศัยการลาเป็นพักรักร้อนประจำปี ซึ่งมีสิทธิ์ ลาได้สามวัน บวกกับลากิจ

    ใครคนหนึ่ง มานั่งพนมมือไหว้อยู่ในงานด้วย หล่อนเงยหน้าไป จำหน้าเขาได้ เพราะเขายังคงแต่งงานในชุดเครื่องแบบ ที่คุ้นตากับการเป็นพนักงานส่งพิซซ่า แต่คันธมาสเมินมองไปทางอื่น

    แต่สิ่งหนึ่ง ที่ทำให้หล่อนนึกคาดไม่ถึง และยิ่งไปกว่านั้น คือการตกใจอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้คิดว่า จะได้มาเจอเขาแบบไม่คาดฝัน

    หล่อนหลุดปากออกไป

    พี่ธิ” ชื่อของเขา ธิศาล

    เป็นชายหนุ่มรุ่นพี่ของหล่อน อยู่สี่ปี หล่อนคุ้นเคยและรู้จักกับเขาตั้งแต่วัยเด็ก นอกจากบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน เขายังมีจิตใจผูกมั่นต่อหล่อน ด้วยการต้องการที่จะคบหาเป็นแฟน และเขาขอจองตัวหล่อนมาหลายปีแล้ว คันธมาสรับรู้ ด้วยความดีใจ แม้ข้างในจะมีน้ำตา บวกกับดวงหน้าที่เศร้า ไม่สามารถที่จะบังคับให้ยิ้มชื่นได้

    ธิศาลดูเหมือนจะเข้าใจ เขาบอกหล่อน

    พี่เพิ่งรู้ช้าไป ว่า อาก้อง จะอายุสั้นอย่างนี้ แม่เพิ่งมาบอก แล้วพี่ก็รีบกลับมาทันที”

    คำที่เขาเอ่ยอธิบาย คันธมาสพยักหน้าช้าๆ

    ต่อไปไม่มีอาก้องแล้ว คิ้ม ต้องเข้มแข็งให้มาก”

    คำกล่าวของธิศาลดุจจะให้พร อีกคนที่อยู่ในงานด้วย ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็นึกเกรงใจเจ้าภาพ และผู้คนที่เข้ามาร่วมงานคนอื่น เติมพงษ์จึงรีบลุกจากที่ ตรงไปยังรถของเขาที่จอด หลังจากที่เสร็จสิ้นการสวดอภิธรรม

     

    คันธมาสดูเหมือนจะได้ต้อนรับ ธิศาลอีกคราว ด้วยการถามไถ่ทุกข์สุข เรื่องราวต่างๆ ในช่วงเวลาที่เขาได้ไปไปปฏิบัติงานอยู่กลางท้องทะเลอ่าวไทย ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทที่ขายส่งกาซพลังงานระดับบิ๊กในประเทศ ซึ่งเขากับคันธมาสห่างกันด้วยเช่นนี้

    ธิศาลมีครอบครัวที่ฐานะดีกว่า แม่ของเขานั้นก็บ่งบอกว่า ไม่ค่อยชอบ คันธมาสสักเท่าใดนัก แต่คันธมาสไม่เคยแคร์ในเรื่องนี้ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หล่อนก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ ไปมากกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง คันธมาสเจียมตัว

    แต่ว่าธิศาลต่างหาก ที่เป็นฝ่ายหลงรักหล่อน จนเขาทำในสิ่งที่คุณอำภามารดาของเขา ห้ามปราม แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ และนี่คืองานของบิดาของหล่อน คันธมาสไม่อยากแสดงความรู้สึกต่างๆออกมาให้ใครได้เห็น จะเห็นได้ว่า หล่อนพยายามตัดบทธิศาลอย่างที่สุด

    เห็นสีหน้าของเขาแล้ว มันก็บอกว่า เขาไม่พอใจเช่นกัน แต่หล่อนไม่อาจจะทำหรือช่วยอะไรได้ และรู้ ที่เขาไม่ยอมที่จะรีบกลับบ้าน ทั้งๆที่ สวดอภิธรรมก็จบลงไปนานแล้ว เขายังจะแช่ตัวเอง เข้ามาอยู่ในวงของญาติพี่น้องของหล่อน

    คันธมาสแก้เก้อ หรือต้องการที่จะไม่ให้เขาอยู่ใกล้ชิดมากเกินไป ด้วยการเดินเข้าไปช่วยงานในครัว เพื่อเบนความรู้สึกของหล่อนด้วย แต่หล่อนก็รู้ว่า เขามองมายังหล่อน ด้วยสายตาที่น้อยใจ

    คันธมาสบอกกับตัวเองว่า หล่อนจะต้องเข้มแข็งอย่างที่สุด ซึ่งในที่สุด เขาก็ยินยอมที่จะกลับบ้าน เมื่อรู้ว่า หนทางที่เขาจะเข้าใกล้ ขยับตัวไปหาคันธมาส มันไม่ง่ายเลย หญิงสาวทั้งปกป้องและหวงตัวเอง

     

    เห็นทีคืนนี้ คงจะหลับยาก แต่ว่า หล่อนจะต้องข่มตาให้หลับ คันธมาสไม่กลัวเลยที่จะกลับมานอนที่บ้าน แต่ก็มีบรรดาญาติอีกสองสามคน ตามมานอนเป็นเพื่อน คงมีแม่และไปรมา เท่านั้นที่ไม่ยอมตามมาด้วยไปรมาให้เหตุผลว่า “เบื่อ ไปรขี้เกียจกลับเข้าบ้าน นอนที่นี่ดีกว่า”

    หล่อนหมายถึงศาลาวัด ที่สามารถหลับนอนได้ เพราะบรรดาญาติที่มาช่วยงานก็เตรียมทั้ง มุ้งหมอน เสื่อ และเครื่องนอน

     

     

     

     

    งานศพของพ่อตั้งไว้ห้าวันถึงเผา/ คันธมาสลางาน/ และอาศัยวันหยุดประจำปีเพิ่ม/ หลังจากเสร็จสิ้นบรรจุอัฐิพ่อ/ เอเกิดป่วย /ไปทำงานไม่ได้/ แต่ก็ยังฝืนที่จะไป/ปากทางเข้าซอยของบริษัท ที่เธอ กำลังจะขยับเท้า ก้าวลงจาสกสะพานลอย/ คันธมาสเกิดเป็นลม/หน้ามืด / ธันวายุขับรถมาที่ทำงานจะเข้าซอยเห็นเข้า /เลยรีบจอดรถทิ้ง /เพื่ออุ้มร่างของเธอ/ พยายามเขย่าตัวเพื่อเรียกสติ/ ปรากฏว่าเธอไม่รับรู้ใดๆ/ เขาพาไปส่งท่าโรงพยาบาล/ ยอมทำงานสาย เพราะเป็นห่วง/ คันธมาสรู้สึกตัว พบว่า คนที่พาเข้ามาส่งที่โรงพยาบาลเป็นเจ้านาย

    และเขายังคุยกับเธอ/ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง/ คันธมาสเป็นปลื้ม/ แต่ก็แอบเขิน/

    เธอไม่ไหวก็หยุดงานได้นะ”

    เขาเอ่ย แต่คันธมาสแข็งใจตอบ

    ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันหยุดงานมาหลายวันแล้ว แล้วเรื่องของพ่อก็เพิ่งเสร็จสิ้น”

    หล่อนตอบเขา ธันวายุยังไม่รู้ว่า พ่อเธอเสีย/ เพราะเขาลืมถามฝ่ายบุคคล/ รู้แต่เพียงว่า คันธมาสหยุดงาน ติดต่อกันหลานวัน/ อีกอย่างเขาเองเพิ่งกลับมากจากดูแลโรงงานอีกแห่งที่ระยอง มาบตาพุด

    คันธมาสได้พบกับเขาทุกครั้ง /มักจะเขิน/เพราะถูกเขามอง/

    พูดถึงภาพรวมของไรเสน่หาก่อน/

    ธิศาลกลับมาพอดี/ รู้ข่าวการเสียขอวงพ่อนางเอก/ เขายังมีใจ และอยากจะสานต่อความรัก/ แต่คันธมาสไม่เหมือนเดกิมสียแล้ว/ หยิงสาวรู้สึกเฮยๆ/ และมองเขาเป็นพี่ชายมากกว่า/ทั้งๆที่เขาเคยขอเป็นคนรัก และสัญญาจะหมั้นและแต่งานกัน/ คันธมาสไม่ได้บอกว่า สาเหตุเป็นเพราอะไร/ พ้นจากงานศพของพ่อ เอกลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิม/ เจอธันวายุเขาทักหล่อน ว่าเงานเสร็จเรียบร้อยดีไหม/ ด้วยใบหน้าที่ยังเศร้า

     

     

    ทีนี้บทเรื่องราวต่อไป/ คันธมาสมาทำงานในเช้าของวันต่อมา/ เติมพงษ์ หนุ่มที่ขี่รถส่งพิซซ่า/ ซึ่งแอบชอบจะมาส่ง/ แต่คันธมาสปฏิเสธ/ ความรู้สึกของเอไม่ต้องการคนห้อมล้อม/ และเอาใจใส่/ เนื่องจากเอยังไม่ต้องการมีคนรัก/

    คันธมาสมาพบกับธันวายุ ที่เขาเพิ่งขับรถมาถึงบริษัท/ ที่ประตูทางเข้า/ คันธมาสยังแต่งชุดดำอยู่/ เขาเอ่ยทัก/ ได้ข่าวว่าพ่อของคุณเสีย ผมขอแสดงความเสียใจด้วย

    คันธมาสแปลกใจที่เจ้านายทัก/ และเขากับเอคนละระดับชั้น/ ไม่นึกว่าเขาจะสนใจในตัวเธอมากเพียงนั้น

     

     

     

     

     

     

     

    บทที่ 1

     

    พ่อของหล่อนเสียแล้ว”คันธมาสยืนตัวแข็ง มือที่เอาโทร.มือถือแนบไว้กับหู แทบจะไม่เชื่อ ว่าเป็นจริง มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เช้าของวันนี้ หล่อนยังเห็นพ่อของหล่อนอยู่หลัดๆ ไม่มีเค้าลางบอก ถึงเหตุร้าย ที่พ่อของหล่อน จะไม่อยู่ให้ทุกคนเห็นหน้าอีกแล้ว

    น้ำตาที่ไหลปิ่มออกมา ไหลผ่านเบ้าตาทั้งสอง จนคลอรื้น และสะอื้นฮักคนเดียวอยู่ในห้องน้ำ ดีล่ะที่ไปรมาน้องสาว ไม่ดันโทร.มาในตอนที่คันธมาสนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของหล่อน ซึ่งหล่อนทำงานอยู่ในฝ่ายพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งนี้ ไม่อย่างนั้น เพื่อนๆในที่ทำงานคงได้เห็น คันธมาส อุทานร้องออกมา พร้อมกับทุกคนแตกตื่น กับข่าวร้าย และคันธมาสอาจจะสติแตก เสียใจมากกว่านี้

    แต่นี่ แม้หล่อนจะอยู่ในห้องน้ำ ที่หน้าอ่างล้างมือ และมองสำรวจดูตัวเองผ่านกระจก เห็นสีหน้าที่ซีด ราวกับปราศจากสีเลือด หน่วยตาของหล่อนแดงก่ำ เพราะผ่านการร้องไห้ มาอย่างหนักหน่วง ทั้งหอบจนตัวโยน คันธมาสที่เคยสนใจความสวยงามบนใบหน้าและเสื้อผ้า ที่หล่อนคิดว่าจะต้องเนี้ยบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน แต่ว่าเวลานี้หล่อนกลับไม่สนใจทั้งสิ้น

    แทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง แม้แต่จะขยับตัวเอง พอตั้งตัวได้ และมีสติ คันธมาสเอามือพยุงเกาะไว้ที่อ่างล้างมือ อันดับแรกต้องรีบแจ้งให้ฝ่ายบุคคลทราบ เพื่อที่หล่อนจะได้ขอตัว ไปที่โรงพยาบาลตำรวจในทันที

    คันธมาสเรียกรถแท็กซี่ที่จอดหน้าบริษัท หลังจากที่ฝ่ายบุคคลรับทราบเรื่อง แล้วอนุญาต หล่อนรีบสะพายกระเป๋าตามมา นั่งบนรถได้ หล่อนก็รีบบอกให้คนขับบึ่งไปที่จุดหมายปลายทาง แล้วหล่อนก็นั่งเงียบ ผ่านการครุ่นคิด ในช่วงที่จิตใจทั้งสับสน วุ่นวายไปหมด

    ที่สุดรถเข้าไปจอดใต้อาคารของโรงพยาบาล หล่อนรีบควักเงินจ่ายให้ แล้วลงจากรถ ก่อนอื่นรีบกระหืดกระหอบไปที่ลิฟต์ โชคดีคนไม่มาก คันธมาสรอจังหวะลิฟต์เปิดออก เมื่อผู้โดยสารลิฟต์เช่นกันสองคน ออกก่อนหล่อน ทีนี้ถึงชั้น ตามที่ไปรมา น้องสาวระบุ

    ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก คันธมาสได้ยินเสียงร่ำไห้ระงมดังขึ้นก่อนอับดับแรก ซึ่งจำได้ว่า เป็นน้ำเสียงของมารดา อีกคนคือน้องสาว เบื้องหน้าที่หล่อนเห็น ร่างที่อยู่บนรถเข็น ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวกลางหน้าอก เป็นร่างที่ปราศจากลมหายใจ บนใบหน้ามีร่องรอยการตัดเย็บผิวหนัง แต่หล่อนก็จำได้นั่นคือบิดาบังเกิดเกล้าของหล่อน แม้เข่านั้นกำลังจะทรุด แต่หล่อนก็แข็งขืนใจเอาไว้ เพราะทุกคนอ่อนแอไปหมด ทั้งแม่และน้องสาว ซึ่งหล่อนจะต้องมีสติกว่าทุกคน และเข้มแข็ง

    ยังไงเสีย พ่อก็จากพวกเราไปแล้ว แม่ทำใจดีๆไว้นะคะ ยัยปิ่นด้วย”

    น้องสาวของหล่อน ไปรมา มีชื่อเล่นว่าปิ่น ไปรมารีบโผเข้ากอดพี่สาว พลางร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม จนน้ำตาหยดเปื้อนเปรอะชุดทำงานของคันธมาส ซึ่งคันธมาสก็ยอมให้น้องสาวใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ และใช้ตัวเธอเข้าปลอบประโลม ทั้งๆที่ใจคอของเธอไม่สู้ดี และมันก็ไม่ได้เข้มแข็ง อย่างที่ตัวเองคิดในเวลานี้

    เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นร่างไร้วิญญาณของพ่อหล่อน ผ่านหน้าหล่อน มือเรียวซีดของคันธมาสยังเกาะกุมมือของน้องสาว และไปรมายังโอบกอดหล่อนอยู่ คันธมาสจึงสะกิดบอก เพื่อจะได้เตรียมตัวนั่งแท็กซี่กลับไปที่วัดอีกครั้ง เพราะมารดาของหล่อนระบุชื่อวัดเอาไว้แล้ว

    น้ำตาถูกปล่อยให้เหือดแห้งไปเอง นางถนอมนวล เริ่มมีสติ หันมามองดูลูกสาว ที่ไม่เห็นคันธมาสร้องไห้ แต่อาการเศร้าโศกก็ปรากฏ ลูกสาวคนนี้หยัดทระนงดีเหลือเกิน จากใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษเปล่า

    ไปเถอะค่ะแม่ เขากำลังพาพ่อไปวัด”

    คันธมาสเตือนมารดาทางหนึ่งด้วย คุณถนอมนวลจึงทำตามลูกสาว พากันก้าวลงไปข้างล่าง

     

     

    และเธอพร้อมด้วยมารดาและน้องสาว ก็นั่งรถแท็กซี่ ตามรถของโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ในละแวกชุมชมที่หล่อนอาศัยอยู่ เป็นวัดกลางชุมชน ที่คุ้นเคย และมีผู้คนรู้จักพ่อของหล่อนมากมายพอสมควร พ่อของหล่อน สร้างคุณประโยชน์ เอาไว้มากมาย

    บรรดาญาติกลุ่มหนึ่งมารออยู่ที่นี่แล้ว สีเสื้อผ้าเป็นสีขาวและสีดำคละเคล้ากัน เพราะนี่เป็นงานศพ

     

     

    อีกสักพักหนึ่งหล่อนจะกลับมา เพื่อสวดอภิธรรมศพของบิดาเป็นคืนแรก หล่อนได้น้าทม เครือญาติข้างแม่ ที่จะแวะเข้าบ้าน และเข้ามาส่งตัวหล่อนด้วย เพื่อให้อาบน้ำ จะได้ผลผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และมาพร้อมกัน

    ส่วนไปรมาน้องสาวของหล่อน ยังมีท่าทางหวาดกลัว และยังมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย จึงปล่อยให้อยู่กับบรรดาญาติ ที่คอยปลอบโยนแทน ส่วนนางถนอมนวลก็เช่นกัน

    แต่นางก็บอกลูกสาว

    ไปเถอะ แม่ฝากเอาชุดสักสามสามชุดด้วย ทั้งผ้าถุง กระเป๋าของแม่ ทางนี้แม่จะช่วยจัดการ”

    คันธมาสไม่พูดอะไรมาก เดินขึ้นรถของเครือญาติ โดยเข้าไปนั่งเคียงข้างคนขับ ทมจึงออกรถ

    ได้กลับเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ อารมณ์หล่อนก็ดีขึ้นด้วย และขึ้นรถกลับมาอีกครั้งของทมโดยไม่ลืมนำสิ่งที่มารดาร้องสั่ง เอามาด้วย คือถุงกระดาษใส่เสื้อและผ้าถุงของมารดา

    คันธมาสมาทันพระสวดอภิธรรมศพ หล่อน นั่งพนมมืออยู่ข้างมารดา สติของหญิงสาวจดจ่ออยู่เสียงสวดมนต์

     

    ภาพโลงศพที่ถูกตั้งเบื้องหน้า พร้อมด้วยกระถางธูป กลิ่นกำยานจากการเผาไหม้ลอยคลุ้ง คันธมาสก้มหน้า หล่อนได้แจ้งให้ฝ่ายบุคคลทราบแล้ว ในเรื่องนี้ แต่พรุ่งนี้ก็ต้องโทร.ไปลาอีกหน หล่อนอาศัยการลาเป็นพักรักร้อนประจำปี ซึ่งมีสิทธิ์ ลาได้สามวัน บวกกับลากิจ

    ใครคนหนึ่ง มานั่งพนมมือไหว้อยู่ในงานด้วย หล่อนเงยหน้าไป จำหน้าเขาได้ เพราะเขายังคงแต่งงานในชุดเครื่องแบบ ที่คุ้นตากับการเป็นพนักงานส่งพิซซ่า แต่คันธมาสเมินมองไปทางอื่น

    แต่สิ่งหนึ่ง ที่ทำให้หล่อนนึกคาดไม่ถึง และยิ่งไปกว่านั้น คือการตกใจอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้คิดว่า จะได้มาเจอเขาแบบไม่คาดฝัน

    หล่อนหลุดปากออกไป

    พี่ธิ” ชื่อของเขา ธิศาล

    เป็นชายหนุ่มรุ่นพี่ของหล่อน อยู่สี่ปี หล่อนคุ้นเคยและรู้จักกับเขาตั้งแต่วัยเด็ก นอกจากบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน เขายังมีจิตใจผูกมั่นต่อหล่อน ด้วยการต้องการที่จะคบหาเป็นแฟน และเขาขอจองตัวหล่อนมาหลายปีแล้ว คันธมาสรับรู้ ด้วยความดีใจ แม้ข้างในจะมีน้ำตา บวกกับดวงหน้าที่เศร้า ไม่สามารถที่จะบังคับให้ยิ้มชื่นได้

    ธิศาลดูเหมือนจะเข้าใจ เขาบอกหล่อน

    พี่เพิ่งรู้ช้าไป ว่า อาก้อง จะอายุสั้นอย่างนี้ แม่เพิ่งมาบอก แล้วพี่ก็รีบกลับมาทันที”

    คำที่เขาเอ่ยอธิบาย คันธมาสพยักหน้าช้าๆ

    ต่อไปไม่มีอาก้องแล้ว คิ้ม ต้องเข้มแข็งให้มาก”

    คำกล่าวของธิศาลดุจจะให้พร อีกคนที่อยู่ในงานด้วย ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็นึกเกรงใจเจ้าภาพ และผู้คนที่เข้ามาร่วมงานคนอื่น เติมพงษ์จึงรีบลุกจากที่ ตรงไปยังรถของเขาที่จอด หลังจากที่เสร็จสิ้นการสวดอภิธรรม

     

    คันธมาสดูเหมือนจะได้ต้อนรับ ธิศาลอีกคราว ด้วยการถามไถ่ทุกข์สุข เรื่องราวต่างๆ ในช่วงเวลาที่เขาได้ไปไปปฏิบัติงานอยู่กลางท้องทะเลอ่าวไทย ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทที่ขายส่งกาซพลังงานระดับบิ๊กในประเทศ ซึ่งเขากับคันธมาสห่างกันด้วยเช่นนี้

    ธิศาลมีครอบครัวที่ฐานะดีกว่า แม่ของเขานั้นก็บ่งบอกว่า ไม่ค่อยชอบ คันธมาสสักเท่าใดนัก แต่คันธมาสไม่เคยแคร์ในเรื่องนี้ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หล่อนก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ ไปมากกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง คันธมาสเจียมตัว

    แต่ว่าธิศาลต่างหาก ที่เป็นฝ่ายหลงรักหล่อน จนเขาทำในสิ่งที่คุณอำภามารดาของเขา ห้ามปราม แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ และนี่คืองานของบิดาของหล่อน คันธมาสไม่อยากแสดงความรู้สึกต่างๆออกมาให้ใครได้เห็น จะเห็นได้ว่า หล่อนพยายามตัดบทธิศาลอย่างที่สุด

    เห็นสีหน้าของเขาแล้ว มันก็บอกว่า เขาไม่พอใจเช่นกัน แต่หล่อนไม่อาจจะทำหรือช่วยอะไรได้ และรู้ ที่เขาไม่ยอมที่จะรีบกลับบ้าน ทั้งๆที่ สวดอภิธรรมก็จบลงไปนานแล้ว เขายังจะแช่ตัวเอง เข้ามาอยู่ในวงของญาติพี่น้องของหล่อน

    คันธมาสแก้เก้อ หรือต้องการที่จะไม่ให้เขาอยู่ใกล้ชิดมากเกินไป ด้วยการเดินเข้าไปช่วยงานในครัว เพื่อเบนความรู้สึกของหล่อนด้วย แต่หล่อนก็รู้ว่า เขามองมายังหล่อน ด้วยสายตาที่น้อยใจ

    คันธมาสบอกกับตัวเองว่า หล่อนจะต้องเข้มแข็งอย่างที่สุด ซึ่งในที่สุด เขาก็ยินยอมที่จะกลับบ้าน เมื่อรู้ว่า หนทางที่เขาจะเข้าใกล้ ขยับตัวไปหาคันธมาส มันไม่ง่ายเลย หญิงสาวทั้งปกป้องและหวงตัวเอง

     

    เห็นทีคืนนี้ คงจะหลับยาก แต่ว่า หล่อนจะต้องข่มตาให้หลับ คันธมาสไม่กลัวเลยที่จะกลับมานอนที่บ้าน แต่ก็มีบรรดาญาติอีกสองสามคน ตามมานอนเป็นเพื่อน คงมีแม่และไปรมา เท่านั้นที่ไม่ยอมตามมาด้วยไปรมาให้เหตุผลว่า “เบื่อ ไปรขี้เกียจกลับเข้าบ้าน นอนที่นี่ดีกว่า”

    หล่อนหมายถึงศาลาวัด ที่สามารถหลับนอนได้ เพราะบรรดาญาติที่มาช่วยงานก็เตรียมทั้ง มุ้งหมอน เสื่อ และเครื่องนอน

     

    คันธมาสจะหลับแล้ว ในบ้านของเธอยังจะมีญาติอีกสามสี่คน ที่ตามมาเป็นเพื่อน อบอุ่นใจกว่าอย่างอื่น เพราะไม่อยากให้พ่อมาหา แล้วเธอก็ไม่อยากนึกถึงภาพนั้นด้วย หลับตาข่มใจให้หลับ เนื่องจากความเพลียในงานด้วยเมื่อช่วยเหลือเสร็จ ทุกคนแทบจะหลับเป็นตาย

    เช้าตรู่อีกวัน ที่คันธมาสมุ่งหน้าไปที่วัด เธอได้ขอลากับฝ่ายบุคคลเพื่อหยุดทำภารกิจสำหรับครอบครัว ภารกิจที่อยู่ในภาวะโศกเศร้า ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เรื่องราวในครอบครัวของคันธมาส ก็เกิด จนแทบตั้งรับไม่ทัน หล่อนไม่ได้คำนึงถึงเพื่อนที่บริษัท หรือว่าการงานอยู่ในหัวสมอง หล่อนขจัดและผลักมันออกไป ในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องที่คันธมาสจะสุมเอาเรื่องเครียดพวกนี้เข้าสมอง

    เสื้อชุดดำเช่นเดียวกับกระโปรง ผมเผ้าหวีอย่างลวกๆไม่ได้แต่งหน้า พร้อมด้วยใบหน้าที่ซีดขาว มาพร้อมด้วยเครือญาติที่นอนกันอยู่ในบ้าน เป็นเพื่อนทั้งคืน คันธมาสไม่ได้มาแบบสะโหลสะเหลตื่น เธอต้องเข้ามาช่วยแม่ จัดเตรียมอาหารคาวหวาน เพื่อถวายเป็นภัตตาหารเช้าของพระ และพิธีกรรมในวันนี้ ยังไม่จบ การเริ่มต้นสวดยังคงเป็นวันที่สอง

     

    คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง

    ธันวายุเข้ามาถึงที่ทำงานแต่เช้าตามเคย หลังจอดรถคันหรูถอยเข้าซองในช่องจอดส่วนตัว และส่วนตำแหน่งของหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร หรือ รองประธานของบริษัท ชายหนุ่มนั้นในวันนี้ เนี้ยบไปหมด ไม่ว่าผมเผ้า เสื้อผ้าหน้าผม จัดเต็มทีเดียว กางเกงสแลคส์สีดำ กับเสื้อเชิ้ต สีขาวตัดแดงลายขวาง เนคไทค์สีอ่อนเข้าชุด

    เดินตรงไปที่ลิฟต์ พอเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานขอ

    พนักงานในออฟฟิศ ซึ่งแบ่งเป็นแผนก ตั้งแต่ บัญชี และจัดซื้อจัดจ้าง ฝ่ายการตลาด ยันเสมียน

    เสี้ยวหน้าคมคาย รู้สึกสะดุดอะไรบางอย่าง เมื่อมองไปที่โต๊ะทำงานซึ่งว่างเปล่า ถ้าเป็นปกติทุกวัน พนักงานสาวสวยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง จะเข้ามานั่งประจำที่ และท่าทางของเธอเรียบร้อย อ่อนหวาน นิ่ง ไม่ค่อยที่จะสุงสิงหรือพูดจากับใคร

    อ้อ ทำให้เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ฝ่ายบุคคลของบริษัทบอกเขาไปเมื่อเย็นนี้ว่า ญาติของหญิงสาวเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เธอขอลาเพื่อร่วมทำพิธีทางศาสนากับครอบครัว พร้อมทั้งให้เสร็จสิ้นจนถึงวันฌาปนกิจ สายตาที่ละเอียด แม่นยำและเข้มงวด ยังคงมองไปที่โต๊ะว่างเปล่า ปกติเขาจะเห็นรอยยิ้มบางๆผ่านให้จากโต๊ะนี้

    ธันวายุยังคงใช้สายตาเหลือบมอง และหยุดอยู่ตรงที่ว่างนั้น พลางอมยิ้ม ก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ห้องของตัวเอง คันธมาสยังยุ่งตั้งแต่เช้า ไปจนถึงเที่ยง เพราะแขกเหรื่อที่รู้จักกับบิดา มากันไม่ขาดสาย ไหนจะเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงนี่อีก

     

    เป็นธรรมดาของงานศพ ที่จะต้องอยู่ยามเฝ้าโยงกัน ในบรรดาญาติ แต่ส่วนมากจะมีผู้ชายเสียมากกว่า ที่ไม่ขี้ขลาดตาขาว กลัวในเรื่องที่มองไม่เห็น

    คันธมาสกลัวอย่างเดียว คือมาตั้งวงเล่นการพนันในงานศพของพ่อหล่อน ซึ่งหล่อนไม่ชอบ แม้จะมีข้ออ้างจากบรรดาญาติว่า อยากจะอยู่เป็นเพื่อนศพ คันธมาสอนุญาตเพียงอย่างเดียว ให้กินเหล้าเมาได้ แต่อย่าลามไปถึงการพนัน

    “งานของพ่อ หนูอยากจะให้อะไรมันขาวสะอาด ในเมื่อพ่อจากไปแล้ว แล้วตอนที่พ่อยังอยู่ แกก็ห่างไกลวัดวาเหลือเกิน หนูจึงอยากทำให้แกเต็มที่”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น