น้ำตาแม่ - นิยาย น้ำตาแม่ : Dek-D.com - Writer
×

น้ำตาแม่

ความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่

ผู้เข้าชมรวม

941

ผู้เข้าชมเดือนนี้

6

ผู้เข้าชมรวม


941

ความคิดเห็น


0

คนติดตาม


0
จำนวนตอน : 0 ตอน
อัปเดตล่าสุด :  30 ธ.ค. 55 / 00:00 น.

อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

น้ำตาแม่

แม่นั่นกว่าจะเลี้ยงลูกทุกคนมาเติบใหญ่

แม้ผ่านความทุกข์มากมาย

ทุกข์ที่เกิดจากธรรมชาติ

จากตัวเอง

และคนอื่นสร้างให้ทุกข์

แต่ไม่เคยเห็นสักครั้งที่มีท้อ

มีแต่รักลูก หวงลูกอย่างเปี่ยมล้ม

กล่าที่จะปกป้องทุกอย่างให้ลูกรอด

ผู้หญิงอย่างแม่เกิดมาใช่ว่าจะสบาย

แต่ก็ยินยอมพร้อมที่จะทำเพื่อทุกคน

แม่อาจจะไม่ดูหวาน แต่แข็งแกร่งเหมือนผู้ชาย

แต่ใบหน้าของแม่ก็หวาน เหมือนสตรี

เพียงแต่แม่ไม่เก่งงานเย็บปักถักร้อย หรือรักสวยรักงา

สมัยเด็กแม่เล่าว่า ชีวิตส่วนใหญ่ มักอยู่กับตา

ซึ่งเป็นพ่อ และเป็นผู้ชาย ที่แข็งแกร่ง

ส่วนยายอยู่อีกบ้านหนึ่ง

เป็นการแยกกันอยู่ เพื่อหาหนทางทำมหากิน

ไม่ใช่เพราะว่า หย่าขาดจากกัน

ซึ่งสมัยนั้นไม่มีการจดทะเบียน

แม้แต่ชื่อนามสกุลก็เพิ่งมีช่วงหลัง

ชีวิตของตา ต้องรอนแรมต่างถิ่นแม่ก็ต้องไปด้วย ในฐานะที่เป็นลูกสาวคนสุดท้อง

เพื่อตา ต้องการแสวงหาที่ดินใหม่ เพื่อบุกเบิกทำกิน

ซึ่งสมัยนั้นเสรี

ใครอยากได้ที่ดินตรงไหน ก็ไปบุกเบิกถากเอาเอง จากป่าดง

ในบ้านส่วนมากเป็นครอบครัวทีมีลูกหลายคน

และพี่ๆคนโตของแม่ก็แต่งงานออกเรือนไปกันหมด

ไม่นานแม่ก็ ไม่ได้เป็นลูกคนสุดท้อง

เพราะว่า ต่อมายายคลอดลูกชายมาอีกคน เป็นลุกคนสุดท้องแทน

เรียนรู้งาน

เรียนรู้งานในสมัยนั้น ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายต้องเป็นทุกอย่าง

เพราะครอบครัวต้องฝึกหัด

และต้องทำให้เป็น

ซึ่งดังว่านั้น คือ ทอผ้า ปั่นด้าย ตำข้าว หาบน้ำ ทำไร่ ทำนา

ผู้หญิงแต่อดีต ยกตัวอย่างแม่ จึงเป็นคนที่แข็งแกร่ง

ทำงานเอาหลังสู้ฟ้า เอาหน้าสู้ดินสบาย

เพราะชินกับความเหน็ดเหนื่อยไม่มีบ่นท้อ

อีกอย่างแม่เกิดมาในชนชั้นรากหญ้า ชาวนาที่ห่างไกลจากความเจริญ

ความสุข

แต่แม่ก็มีความสุขกับน้ำเสียงที่ร้องเพลง

ฟังจากรายการวิทยุ

เสียงร้องของละอองดาว สกาวเดือน หรือ ผ่องศรี พุ่มพวง

แม่จะชอบมากเป็นพิเศษ

แม่ชอบดูหนั ง ชอบดาราไทย ยุคนั้นสมัยมิตรเพชรา

ชอบดาราจีน ยุคนั้น ตี้หลุง เดวิดเจียง

ลูกคนแรก

เมือแม่ถึงวัยได้แต่งงาน ผู้ใหญ่ต้องการให้แต่งงานกับคนบ้านเดียวกัน

คือพ่อ ที่บ้านไม่อยู่ห่างไกลกัน

มองไปที่ความพิเศษ คือ พ่อที่ความขยันขังแข็ง เก็บเงินเก่ง เหล้ายาไม่เอา

ในสายตาของบรรดาญาติที่มอง

จึงพากันตัดสินใจ

กับย่า ซึ่งบัดนี้ย่าเหลือแต่เพียงคนเดียว

เพราะสามีคือปู่ นั้นเสียไปแล้ว

แต่บรรดาญาติที่เหลือก็ช่วยตัดสินใจ

สู่ขอ และแต่งงานกัน

ในที่สุดพ่อกับแม่ก็ได้แต่งงานเพราะเหตุนี้

แม้ความรู้สึกของแม่จะบอกว่า ท่านไม่ได้คิดนึกรักพ่อสักเท่าใด

ในอดีตพ่อกับแม่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ทะเลาะเบาะแว้ง

เนื่องจากเป็นลูกชาวนา มีหน้าที่เลี้ยงควาย

ทำให้พูดจาเย้าแหย่หยอก

พ่อชอบแกล้งแม่ และแม่ชอบแกล้งพ่อ เท่ากัน

ไม่มีใครยอมใคร

เพราะแม่ถูกเลี้ยงดูจากตา ที่หลังจากคลอดได้ไม่นาน ตาก็เอาไปด้วย ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่า และต่างถิ่น โดยอาศัยช้าง และวัวควาย ร่อนแร่ไปกับ บรรดาเพื่อนสนิทของท่าน

แม่จึงมีความแข็งแกร่ง เป็นพิเศษ

ทำให้จิตใจตรงนี้ของแม่ มีความแข็งกระด้าง อดทน มากกว่าจะอ่อนแอ

เป็นคนที่ใครๆรัก

แม่ไปอยู่ที่ไหน ก็มีแต่คนรัก เพราะเป็นคนอ่อนน้อม

โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่คนวัยเดียวกัน

เพราะแม่ชอบอาสา ช่วยเหลือ

ที่ผู้ใหญ่เหล่านั้น จะขอร้อง หรือไม่ขอ แต่แม่อาสาทำ

เพื่อที่จะได้เรียนรู้งาน

แม่จึงเป็นที่โปรดปรานสำหรับผู้ใหญ่

เพราะชอบสละเวลาที่จะไปเรียนรู้ นั่งฟังผู้ใหญ่พูดกัน

แต่ต้องหลังจากเสร็จงานบ้าน งานเรือน

ซึ่งเป็นช่วงค่ำ

หลังจากหาบนี้ใส่ตุ่มเรียบร้อย

หุงหาข้าวปลาอาหารให้พ่อทาน

ซึ่งอาหารการกินนี่ สำหรับผู้หญิงต้องเป็นตั้งแต่เด็ก

ทำไร่ไถนา อาหารการกินก็ต้องเป็นตั้งแต่ชั้นประถม

สังเกต คนจากยุคอดีตกับปัจจุบันมีความแตกต่างกัน

ในอดีตทดทนแข็งแกร่ง และทานทน มีกำลังใจต่อสู้

แต่เด็กรุ่นนี้ เมื่อ เทียบวัยเดียวกัน

อ่อนแอ ปวกเปียก ทำอะไรไม่เป็น

ไม่ชอบงานหนัก

ลูกคนแรก

แม่ได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย

แม่บอกความรู้สึกกับตัวเอง และคนอื่นเสมอว่า

เหมือนของขวัญทีเบื้องบนประทานให้

แม่บอกว่า ดีใจ ทีสุด กับลูกคนแรก

ที่เหมือนสิ่งมหัศจรรย์

และแม่เฝ้าเลี้ยงดุ ทะนุถนอมแนบอกตลอดเวลา

คำพูดที่ว่า ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เห็นจะเป็นความจริง

ลูกที่ถูกเลี้ยงก็มีความสุขอิ่มเอมใจ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่

ความรัก สายสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ถักทอ อย่างรู้สึกและสัมผัสได้ ถึงระหว่างคนสองคน ระหว่างแม่กับลูก

ใยพิเศษที่บอกว่า ลูกที่เกิดมาก็มีความรักแม่เช่นกัน

ดีใจที่เกิดมาเป็นลูกชองแม่

ซึ่งโลกทั้งสาม ตัดสิน แล้ว ส่งให้มาเกิดบนโลกมนุษย์

ถือว่ามีบุญที่เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง

คำว่า มนุษย์นี้ ถือว่า เป็นสัตว์ประเสริฐ

เกิดยาก

แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวยอะไร แต่อุปสรรคก็ไม่สามารถกั้นความสุข

ในสิ่งที่เรามีอยู่ ในสิ่งที่เราต้องการ

แม่เข้าใจการมีลูก และตำแหน่งลูกสะใภ้

ย่ามีพ่อที่เป็นลูกคนสุดท้อง ต้องหวงลูก และรักลูกเป็นธรรมดา

อีกประการ ย่าเป็นม่าย

เพราะสามี คือ ปู่

เสียชีวิต ตั้งแต่ คลอดพ่ออกมาได้ไม่นาน

ประสบอุบัติเหตุคือ จากต้นตาล

ย่ามีลูกสองคน

คนโตเป็นพี่ชาย

คนที่สองคือพ่อ

แต่ว่าก่อนหน้านั้น ย่าก็เคยมีลูก ถึงสองคน แต่ว่า ไม่มีบุญมาเกิด เพราะแท้ง

พ่อจึงเป็นลูกชายคนสุดท้อง

ได้รับมรดกคือ บ้านหลังจากปัจจุบัน

เมื่อพ่อมีครอบครัวอย่างนี้ ที่ทางจึงต้องแบ่งปันกันให้เรียบร้อยระหว่างพี่น้อง

ลูกชายคนแรกคือความรัก

แม่ทำหน้าที่สะใภ้ อยู่ในบ้านอย่างเรียบร้อย ไม่มีขาดตกบกพร่อง

ทำกับข้าว ช่วยย่าทอผ้า เลี้ยงไหม

แต่แม่ก็ไม่ได้เป็นที่รักของย่า

แม่บอก

ลึกๆข้างในท่านมีความไม่พอใจ

คือ คุณย่าเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว พุดความจริง คืองก

แต่ตรงข้ามกับมารดา คือท่านเป็นคนใจดี

ข้าวของมีอะไรก็เผื่อแผ่แบ่งปันให้คนอื่น

เป็นเช่นนี้ตลอดมา

ทำให้ย่า ท่านมองว่า ไม่เป็นคนเก็บเงินเก็บทอง

แบบนี้ จะมั่งมีเก็บเงินเก็บทองได้อย่างไร

คุณแม่ท่านก็เงียบกริบ ไม่ปริปากตอบโต้

แต่คุณย่าจะมองว่า หัวแข็ง

เพราะอันที่จริงแล้ ว ตระกูลของคุณย่า เคยเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในหมู่บ้านมาก่อน

ซึ่งเป็นยุคของคุณชวด

ตอนนี้เขายึดแต่เพียงว่า ใครที่ดิน และไร่นาทำกินมากกว่าคนอื่นรวมทั้งสมบัติเงินทอง

ช้างม้าวัวควาย

แต่ก็เหมือนกรรมมาบดบัง

ซึ่งเรื่องนี้จะเล่าทีหลัง

เกี่ยวกับทรัพย์สมบัติที่ควรจะได้ ไม่ตกมาถึงลุง และพ่อของผู้เขียน

ต้องถือว่า เป็นวิบากกรมที่ยอมรับ และความเป็นไป

แม้มีครอบครัว แต่ครอบครัวเดิม ไม่ขาดในการใกล้ชิด และหมั่นดูแล

 

ถึงแม้แม่จะมีครอบครัวแล้ว แต่ระหว่างบ้านของตัวเอง ไปหาบ้านย่าอยู่ไม่ไกลกันนัก

ท่านรักพ่อกับแม่ของท่านและญาติพี่น้อง

ก็ต้องแวะเวียนเยี่ยมไปหามาสู่

เพื่อถามทุกข์สุกของท่าน

ผู้เขียนเพิ่งได้เข้าใจน้ำใจของคนยุคโบราณ

ว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการกระทำที่จริงใจมากจริงๆ

แสดงออกมาจากความรู้สึกให้เห็นเลย

สัมผัสได้

แม่ก็ขออนุญาตคุณย่า เพื่อแวะเวียนมาเยี่ยมครอบครัวของท่าน พร้อมด้วยญาติพี่น้อง

พูดคุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบประสาญาติพี่น้อง

น้องชายของแม่

แม่ยังมีน้องชายอีกคน ที่เป็นลูกสุดท้อง

คนนี้แม่รักเป็นพิเศษ

เพราะเติบโตมากับแม่

แม่ต้องเลี้ยงน้อง

ทำอาหารให้น้องกิน ดูแลน้องไปโรงเรียน

โดยควักเงินของตัวเองซื้อให้น้องกิน

ยินยอมที่จะอด หรือกินน้อยมากกว่าน้อง

นี่คือความผูกพันรักใคร่ระหว่างครอบครัวที่มีต่อกัน

ส่วนน้องก็รักพี่สาวเป็นพิเศษ

เนื่องจากความรู้สึกทางจิตใจ แสดงออกให้เห็น

ความกตัญญู

สิ่งนี้คุณธรรมประจำใจตัวแม่

แม่มีความกตัญญูเป็นเลิศ

น้ำใจ อุปนิสัยเหมือนคนโบราณ ที่ตรงดิ่งเสมือนไม้บรรทัด

ไม่หักงอคดโค้ง

ที่บอกว่า ไปไหนก็ไปทางนั้น

ที่บอกว่า ไปวัด ก็คือว่า ไปวัด

ไม่ได้บอกไปนาหรือไปตลาด

เป็นความซื่อตรงในจิต จ หรือความซื่อ

สมัยยังเป็นสาว ที่สามารถหาเงินได้ ก็ไปรับจ้างทำงาน มัดปอ หรือทำงานมาในโรงสี

ทุกบาททุกสตางค์ แม่จะให้ผู้เป็นยายทั้งหมด

ซึ่งเป็นแม่ของท่าน

เป็นความสุขที่ท่านได้ทำอย่างนี้

ยุคที่ความเจริญต่างๆไม่ได้ผุดงอกขึ้นมาเหมือนสมัยปัจจุบัน

ทั้งเทคโนโลยีหรือวัฒนธรรมสมัยใหม่

เป็นเหตุผล ที่คุณยาย ท่านจึงรักใคร่ ห่วงใย กับลุกชายของท่านคนนี้เป็นพิเศษ

แม้จะมีลูกหลานคน

แต่แม่ทุกคนเข้าใจความรักต่อลูกดี

ให้ความเท่าเทียมกัน

แต่คนที่มีความรู้สึก และมีกะจิตกะใจตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ด้วยการกตัญญู

สิ่งนี้จะเกิดความรู้สึกเป็นพิเศษ

รักพิเศษ หวงแหน ห่วงใยเป็นพิเศษ

จนบางครั้งบางครา พี่น้องคนอื่น พากันอิจฉา หาว่า แม่ของตัวเองลำเอียง รักน้องมากกว่าพี่

แม้คำพูดแบบนี้ก็ตาม จะได้ยินจากพี่สาวแม่

แต่แม่ก็ไม่เคยถือโกรธ และคิด

ซึ่งเหล่านี้เกิดจากน้ำจิตน้ำใจ ความรู้สึกแท้ จากข้างในของแม่ ซึ่งหาได้ยาก และแทบจะไม่มี

แม่ยังคงทำอย่างนี้ ตลอด ไปมาหาสู่ครอบครัว ถามไถ่ข่าวคราวของพ่อแม่เช่น

“กินข้าวแล้วหรือยังค่ะแม่”

“แม่สบายดีไหม”

เหมือนขอพรจากผู้เป็นแม่

คุณย่าท่านก็ยิ้ม

“กินแล้วลูก”

“แม่สบายดี”

เมื่อได้รับคำตอบมาแบบนี้ แม่ก็ยิ้ม

ท่านสุขใจที่จะได้ถามข่าวคราวแม่

กลัวท่านจะทุกข์ร้อน หรือมไสบายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง

หมั่นแวะเวียน ซื้ออาหารติดมือมาฝากท่าน ที่ตลาด

ซื้อผ้าห่ม

ซื้อผ้าชิ่น

ซื้อรองเท้า

ซื้อเสื้อ

ซื้อยาสูบมาให้ตา

แทบในชีวิตของแม่ ที่ท่านยังมีพ่อกับแม่อยู่ ท่านไม่ได้ขาดในการทำเช่นนี้

มันคือการแสดงความรัก และการกตัญญูตอบแทนนี่เอง

ผู้เขียนเข้าใจ เห็นภาพนั้ น ก็เข้าใจไปโดยปริยาย

เพราะเมื่อมีมีลูก

แม่จะจะอุ้มกระเตงไปไหนมาไหนด้วยเสมอ

ข้อที่สำคัญ นำลูกมาให้บุพการี พ่อแม่ของท่านได้ชื่นชม

เพื่อให้บุพการีของท่าน ได้สั่งสอนลูกหลาน

ได้อุ้มได้ช่วยเลี้ยง ซึ่งผู้เขียนก็ได้ถูกเลี้ยงมาจาก ทั้งคุณย่า และคุณยาย ไปพร้อมๆกัน

ซึ่งชีวิตถือว่า มีความสุขมากที่สุด

ขณะที่แม่ช่วย คุณยาย ท่านสาวไหม หรือ ทอผ้า ระหว่างนั้นคุณยาย ก็เฝ้าเลี้ยงดู ด้วยการไกวเปลให้นอน คอยพัดวี เพื่อไม่ให้แมลงต่างๆเข้ามารบกวน

นี่คือความรู้สึกที่ดีอย่างหนึ่ง ที่ผู้เขียนมีต่อคุณยาย

เพราะคุณยายจะจับมาอาบน้ำ ทาแป้งให้นอน

เปลี่ยนผ้าอ้อมให้

ส่วนนม สมัยนั้น

วัฒนธรรมสมัยใหม่ยังไม่เข้ามา

มีแต่นมเดียวคือ นมแม่ ที่แม่ให้ดื่มตลอดจนอิ่ม

น้ำนมที่เพิ่งรู้ในภายหลังว่า เป็นเลือดที่กลั่นจากอกแม่นี่เอง

ไปงานวัด และงานบุญ

สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ขาด ญาติพี่น้องชักชวนไปก็ทำตาม

เพระว่าคนชนบทนั้น จะหวงแหนในวัฒนธรรมถิ่นเดิม

และรักในประเพณีวัฒนธรรมที่คนรุ่นก่อน ทิ้งเอาไว้อย่างมากที่สุด

ทำตามแบบแผนและขนบ

วัดที่อยู่ไม่ไกล พอถึงวันพระ หรือวันธรรมดาที่อยากจะไปทำบุญ

ก็พากันไป

หรือแม้แต่ งานบุญ งานบวชหรืองานแต่ง ขึ้นบ้านใหม่

ก็เข้าไปช่วยเหลืองานเหล่านั้น อย่างสุดความสามารถ

ถ้าเป็นญาติพี่น้อง หรือ รู้จักกัน

ก็จะเข้าไปช่วยหยิบโน่นจับนี่

ช่วยงานครัว งานบ้าน

เจียนหมาก ห่อพลู ทำกรวยใบตอง

จัดขนม เตรียมจานช้อน

ได้รับสิ่งดีๆจากคนรอบข้าง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

คำนิยม Top

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

คำนิยมล่าสุด

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

ความคิดเห็น