The child ตอนที่ 4 ผุ้ป่วยใน - นิยาย The child ตอนที่ 4 ผุ้ป่วยใน : Dek-D.com - Writer
×

    The child ตอนที่ 4 ผุ้ป่วยใน

    คุณเคยได้ยินคำเตือนจากคนเฒ่าคนแก่ ว่าอย่าทำสิ่งนั้นอย่าทำสิ่งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กห้าคนที่เป็นเพื่อนรักกัน แต่ด้วยความเป็นเด็กทำให้บังเอิญทำสิ่งนั้นๆ จนเจอกับเรื่องราวลึกลับ และน่าพิศวง

    ผู้เข้าชมรวม

    53

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    53

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  18 มิ.ย. 65 / 16:02 น.
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คุณเคยได้ยินคำเตือนจากคนเฒ่าคนแก่ ว่าอย่าทำสิ่งนั้นอย่าทำสิ่งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กห้าคนที่เป็นเพื่อนรักกัน แต่ด้วยความเป็นเด็กทำให้บังเอิญทำสิ่งนั้นๆ จนเจอกับเรื่องราวลึกลับ และน่าพิศวง

    คุณเคยได้ยินคำเตือนจากผู้ใหญ่หรือไม่ ว่าโรงพยาบาลนั้นมีคนตายเสมอ การค้างคืนที่โรงพยาบาล ควรอยู่ด้วยความสงบ เจออะไรต้องทำเป็นไม่เห็นไม่ร้องทัก

    ณ ห้องพักรวมของผู้ป่วยใน
    โอ : “ที่นี่ โรงพยาบาลเหรอ ทำไมเรามาอยู่ที่นี่”
    หมอ : “น้องโอใช่ไหมครับ น้องลื่นล้มนะครับ สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรแต่หัวแตก แผลใหญ่พอสมควร เย็บไป 5 เข็ม หลังจากเย็บแผลหมอแนะนำให้น้องโอ พักอยู่นี่เพื่อรอดูอาการสักคืนนะครับ”
    โอ : “ครับหมอ แล้วคนที่บ้านผมรู้เรื่อง หรือเปล่าครับ พ่อ ดีกับแม่ลอง” 
    หมอ : “เรื่องนั้นเพื่อนๆ ของน้องโทรบอกให้แล้วครับ เดี๋ยวสักพักก็คงเข้ามาเยี่ยมกันนะครับพวกเพื่อนๆของน้อง”
    โอ : “ครับหมอ”
    หมอ : “งั้นหมอ ขอตัวนะครับ มีเตียงถัดไปที่ต้องไปตรวจ”
    โอ : “ครับหมอขอบคุณครับ”
    อ้น : “ไง คนป่วยสบายดีไหม”
    อู๋ : “เอ็งนี่ถามแปลกนะ คนป่วยจะสบายดีได้ยังไง”
    ต้น : “เอ้า!! ก็เจ้าอ้นมันถามเพราะอยากรู้ว่าตอนนี้สบายดีขึ้นไหม หรือแย่กว่าเดิม”
    โอ : “ให้มันได้อย่างงี้สิ แต่ละองค์พอกันเลย”
    แจ็ค : “ว่าแต่ เด็กนั่นที่เตะบอลใส่เอ็ง ไม่มาหรือสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นนี่เลย มันน่านัก”
    โอ : “ช่างมันเถอะพวกเอ็งข้าก็ไม่ได้ เป็นอะไรมาก มั้ง”
    อ้น : “ว่าแต่ว่าห้องนี้คนพักอยู่น้อยมากเลยนะ ห้องหกคนแต่มีคนพักอยู่แค่สามคน”
    โอ : “ก็ดีแล้วนี่ไม่แออัดดี”
    อู๋ : “แต่ข้าว่ามันน่ากลัวแปลกๆ นะห้องนี้ ลุงข้างๆเอ็ง ก็ดูอาการไม่ดีเลย มีรูที่คอด้วย”
    โอ : “แกคงเป็นมะเร็งมั้ง การรักษาเลยต้องเจาะคอแบบนั้น”
    แจ็ค : “แล้วเอ็งไม่กลัวเหรอว่ะ” 
    โอ : “กลัวแล้วข้าจะหนีไปไหนได้ว่ะ เอ็งดูสภาพข้าดิ”
    อู๋ : “เจ้าแมนมันคงเป็นห่วงเอ็งแหละ โรงบาลนี้ก็เก่ามากแล้ว เวลาเดินไปห้องน้ำเอ็งก็ระวังนะ”
    อ้น : “ว่าแต่ข้าโทรบอกแม่เอ็งแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ลองคงจะมา ชำระค่าใช้จ่าย” 
    โอ : “ข้าขอบใจพวกเอ็งมากเลยนะ ที่พาข้ามาโรงพยาบาล พร้อมโทรบอกแม่ข้า พวกเอ็งกลับบ้านได้เลยนะเดี๋ยวจะมืดซะก่อน สักพักข้าจะพักผ่อนและ”
    ทุกคน : “ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเว้ย”

    หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกันกลับบ้าน โอก็อ่อนเพลียจากฤทธิ์ยา ทำให้หลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ เป็นเวลา 22.13 น. โดยที่โอหลับไปช่วงเย็น ทำให้อิ่มตัวจากการนอน และนอนไม่หลับ เตียงข้างๆเป็นลุงที่เป็นมะเร็ง นอนคลุมโปงอยู่ ส่วนถัดไปเป็น พี่ที่รถล้มใส่เฝือก โอหยิบโทรศัพท์มาเล่นเปิดกลุ่มแชทดูทุกคนยังออนไลน์ และเล่นเกมส์กันอยู่ ยกเว้นอู๋ที่อ๊อฟไลน์ไปตั้งแต่ 19.00 น. แล้วทุกคนก็ถามหาเพราะนัดกันเล่นเกมส์ แต่ก็คิดว่าอู๋มันคงเหนื่อยแล้วเผลอหลับไป ก็เล่นเกมส์กันต่อ ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตู

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก ที่แรกโอทำเป็น ไม่ได้ยินเพราะพี่คนที่ขาเจ็บ แกอยู่ใกล้ประตูกว่า แต่พี่แกก็ไม่ลุกไปเปิดสักที แต่พอโอคิดได้ว่าพี่แกใส่เฝือกขา เลยอาจจะไม่สะดวก โอเลยเดินไปที่ประตู เสียงเคาะยังคงดังอยู่ 
    ?? : “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” 
    โอ : “นั้นใครครับ” 

    โอเปิดประตู ออกไปแทบจะทันทีหลังจบเสียงเคาะ แต่ก็ไม่พบใคร ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะถัดจากประตูเป็นทางเดินโล่งๆ ไม่น่าจะมีใครที่หายไปไวขนาดนั้น โอปิดประตูเข้ามาในห้องกลับมานอนที่เตียง เพื่อเล่นโทรศัพท์ เวลาผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง โอเกิดหิวน้ำ การดื่มน้ำในโรงพยาบาลแห่งนี้ ต้องออกไปที่ทางเดินข้างนอก ตู้กดน้ำจะอยู่ตรงทางเดินหน้าบันไดของทุกชั้น โอเปิดประตู เพื่อที่จะเดินไปกินน้ำบริเวณบันได แต่น้ำที่ตู้กลับหมด ในขณะที่โอกำลังเดินลงบันได เพื่อที่จะไปกินน้ำจากตู้อีกชั้น ทันใดนั้นก็มีผู้ชายวัยกลางคนใส่ชุดผู้ป่วย เดินขึ้นมาสวนกับโอขึ้นไปข้างบน เป็นคนที่สูบผอม ร่างกายสูงผอม ผิวหนังซีดเซียวมากสมกับที่เป็นผู้ป่วยประจำ 

    ?? : “อรือ อรึม อรืมอรืออ ...”

              เสียงชายคนนั้นที่เดินผ่านไปลักษณะเหมือนกำลัง รวมสเลดอยู่ในลำคอ โอคิดว่าแกคงป่วยเป็นอะไรสักอย่างแหละ ยังไงที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาล โอเดินผ่านชายคนนั้นไปแบบไม่ได้คิดอะไร โอเดินลงมาสองชั้น จนพบกับตู้น้ำที่มีน้ำเต็มถัง 

    โอ : “โอ้พระเจ้านึกว่า โรงพยาบาลนี้จะไม่มีน้ำกินซะแล้ว”

    โอจัดการดื่มน้ำไปหลายแก้วเพื่อดับกระหาย น้ำอาจจะรสชาติไม่ได้ดีเท่าน้ำขวดที่ขายตามร้านค้าแต่อย่างใดแถมยังมีกลิ่นเหมือนโลหะ แต่อย่างน้อยด้วยความเย็นจากตู้น้ำก็ทำให้ดื่มได้ในปริมาณมากแบบไม่ฝืดคอ หลังจากดื่มน้ำจนหน้ำใจ ก็จะกลับไปที่ห้องพักเพื่อนอนต่อ แต่ในขณะที่กำลังจะเดินไปที่บันไดเพื่อกลับขึ้นไป ทันใดนั้นได้ มีร่างๆหนึ่งเดินสวนขึ้นบันไดไป 
    โอ : “ผู้ชายคนนั้นนี่ บ้าเอ้ย จะเป็นไปได้ยังไง”

    โอคิดพร้อมกับ มองซ้ายมองขวา เจอกับลิฟต์ตัวหนึ่ง ด้วยความที่กลัวว่าขึ้นไปจะเจอกับคนคนนั้นอีก โอจึงวิ่งขึ้นลิฟต์ไป ในขณะที่ลิฟต์กำลังขึ้น โอรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เนื่องจากเป็นลิฟต์เก่าทำให้เวลาเรายืนคนเดียวุดศูนย์ถ่วงจะอยู่กับเรา แต่ในลิฟต์ที่โอยืนอยู่มันไม่ใช่ รู้สึกได้ว่ามีเหมือนคนยืนอยู่แต่เป็นมุมด้านหลัง 
    โอ : “แบบนี้มันไม่ปกติแล้วนะ” 

    โอคิดในใจ แต่ไม่กล้าหันไปมองในขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออก โอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย 

    ?? : “อรือ อรึม อรืมอรืออ ...”

    โอจำได้เป็นอย่างดีเสียงแบบนี้ โอไม่รอช้ารีบวิ่งออกมาจากลิฟต์ จนถึงทางเลี้ยวไปยังห้องพัก โอได้หันกลับมามองที่ลิฟต์ที่ยังเปิดค้างไว้อยู่ โอเห็นผู้ชายวัยกลางคนเดิมคนที่เดินขึ้นบันได เขามองออกมาจากลิฟก่อนที่ลิฟต์จะปิดลง
    โอ : “บ้าเอ้ย ทำไมต้องเกิดขึ้นกับข้าด้วยวะ”

    โอเดินกลับมาที่ห้องพัก มาถึงเตียงก็ขึ้นไปเตรียมจะนอนต่อ แต่ก็นอนไม่หลับเพราะภาพผู้ชายวัยกลางคนนั้นยังติดตาอยู่ โอเกิดต้องการเข้าห้องน้ำ อาจะเป็นเพราะน้ำที่ดื่มไปปริมาณมาก โอลุกขึ้นมาเดินไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำก็จะเป็นห้องน้ำสองห้อง ใช้ร่วมกันห้องแรกมีคนเข้าแต่ห้องที่สองยังว่างอยู่ โอเข้าไปทำธุระ แต่ก็ฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้ว่า ก่อนมาเข้าห้องน้ำ พี่คนที่รถล้มก็ยังนอนอยู่ที่เตียง ลุงที่เป็นมะเร็งก็ยังนอนคลุมโปงอยู่ แล้วใครกันที่เข้าห้องน้ำอยู่ข้างๆ โอเสร็จธุระแล้วแต่รอที่จะเปิดประตูออกมาพร้อมกับห้องข้างๆ เพื่อดูว่าใครเข้าห้องน้ำ อาจจะเป็นหมอหรือคนไข้ที่มาเข้าห้องผิด หลังจากนั้นสักพักห้องข้างๆก็มีเสียงตักน้ำราด วางขัน และมีเสียงเหมือนกำลังสวมผ้า จากนั้นก็เปิดประตูออกมา โอก็ไม่รอช้าเปิดประตูออกตามมาทันที แต่สิ่งที่พบเจอก็ทำให้โอถึงกับขนลุก งง และคิดอะไรไม่ออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าโอคือ ความว่างเปล่า มีเพียงประตูที่ยังขยับจากการเปิดประตู โอไม่คิดอะไรต่อจากนี้รีบกลับไปที่เตียงแล้วนอนคลุมโปง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียง
    ?? : “ฮอ ฮือ ฮือ ฮอ เฮอะ ฮอ ฮือ ฮอ ฮอ เฮอ ...”

    เป็นเสียงเหมือนคนหายใจไม่ออก โอเลยเปิดผ้าที่คลุมโปงเพื่อหาต้นเสียง โอมองไปมาทั่วห้อง จนมาหยุดอยู่ที่เตียงของลุง สิ่งที่เห็นตรงหน้าของโอคือ ลุงที่เปิดผ้าออก ตาเหลือกโพลง อ้าปากกว้าง แล้วชักไปมาอยู่บนเตียง น้ำลายฟูมปาก
    ลุง : “ฮอ ฮอ เฮือก เฮอะ ฮือ ฮอ ฮอ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ...”

    หลังจากนั้นโอตะโกนสุดเสียง พร้อมกดสัญญานฉุกเฉิน เพื่อเรียกหมอ สัญญานดังไปทั่วบริเวณ ทั้งหมอทั้งพยาบาล และพี่ที่รถชน รีบวิ่งมาที่เตียงของโอ 
    โอ : “ช่วยด้วยครับช่วยด้วย ลุงเขา ลุงเขา จะตายแล้วครับ”
    หมอ : “ใจเย็นนะน้องโอ ตั้งสติไว้ นะครับ”
    โอ : “ตั้งสติบ้าอะไรครับหมอ หมอต้องไปช่วยลุงสิไม่ใช่มารุมผมแบบนี้” 

    โอพูดพร้อมชี้ไปทางเตียงของ ลุง
    โอ : “หายไปไหน ลุงหายไปไหนแล้ว”
    หมอ : “ใจเย็นนะครับน้องโอ ตั้งสตินะครับแล้วฟังหมอ หมอจะเล่าให้ฟัง”
    หลังจากนั้นอีกสักพักโอก็ตั้งสติได้และอยู่ในความสงบ หมอจึงเริ่มเล่าให้ฟัง
    หมอ : “คือตอนที่น้องโอหลับไปจากฤทธิ์ยานะครับ ลุงคำที่นอนอยู่ข้างเตียงน้องเกิดชักหายใจไม่ออก และเสียชีวิตในเวลาต่อมาครับ พวกเราประคองอาการมานานแล้ว ญาติลุงแกก็ไม่มาเยี่ยมเลย น่าจะถึงคราวแล้วหนะครับ พวกเราย้ายลุงไปที่ห้องดับจิตตั้งแต่เมื่อหัวค่ำแล้วนะครับ เพื่อรอญาติมารับศพไป” 
    พี่รถล้ม : “พี่ก็ว่าทำไมน้องถึงมองมาที่เตียงของลุง เมื่อตอนดึกๆ แล้วเห็นน้องลุกมาเปิดประตูเรียกใคร ??”
    โอ : “เรื่องนั้นผมได้ยินเสียงเคาะประตูหนะครับ เห็นพี่ไม่ลุกไปเปิดสักที่ผมเลยลุกขึ้นไปเปิด”
    พี่รถล้ม : “น้องพูดอะไรของน้อง พี่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนะน้อง ลุงเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่มานานแล้วนะ น้องน่าจะเจอดีแล้วแหละ”
    หมอ : “ถ้างั้นหมอจะโทรตามที่บ้านให้มารับตัวกลับไหม เพราะอาการก็ไม่มีอะไรแล้ว”
    โอ : “ไม่เป็นไรครับหมอ ผมว่าผมนอนที่โรงพยาบาลนี่แหละครับ รบกวนที่บ้านเปล่าๆ ลุงแกอาจจะกลัวผมเหงาหละมั้งครับ แต่ผมจะนอนที่นี่แหละครับหมอ เกรงใจที่บ้าน หวังว่าลุงแกจะเข้าใจ”
    หมอ : “โอเคน้องโอ น้องนี่เข้มแข็งมากเลยนะ หลายคนเจอเขาโวยวายอยากจะกลับบ้านกันทั้งนั้นเลย แต่น้องกลับเลือกจะอยู่ต่อ ก็ขอให้น้องไม่เจออะไรในคืนนี้อีกนะ” 
    โอ : “ผมก้ขอให้เป็นแบบนั้นแหละครับ หมอ”
    พี่รถล้ม : “ฝันดีนะน้อง ฝันถึงแต่สิ่งดีดีหละ”
    โอ : “ครับพี่เช่นกันครับ”

    หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง หมอแยกไปประจำอยู่ห้องเพื่อรอดูสถานะการณ์โอกับพี่ที่รถล้ม ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เวลาก็ผ่านไปจนถึงเช้าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่วงสายๆ แม่ลองกับ พ่อดีก็มารับตัวลูกชาย เพื่อพากลับบ้าน
    แม่ลอง : “เป็นยังไงบ้างลูก เดี๋ยวแม่จะไปตามตัวคนที่โยนบอลใส่ลูก ไปขึ้นห้องปกครอง ทำอะไรไม่มีจิตสำนึกเลย ก็เข้าอยู่ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ไม่รู้ไม่เห็นแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้”
    พ่อดี : “ใจเย็นน่าแม่ ที่โรงเรียนเป็นเรื่องใหญ่มีพยานรู้เห็นเยอะเด็กนั้นหนีไม่รอดหรอก เรามาดุลูกเราดีกว่า”
    โอ : “ผมไม่เป็นอะไรมากครับ ก็เป็นแผลเย็บหลายเข็มหน่อย แต่พักฟื้นแล้วก็กลับบ้านได้ครับ” 
    พ่อดี : “แล้วเป็นยังไงบ้างลูกพักอยู่ที่โรงพยาบาล สบายดีไหมลูก ลำบากไหม” 

    ด้วยความที่กลัวว่าพ่อแม่จะเป็นห่วงโอเลยไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้พวกท่านฟัง
    โอ : “สบายดีครับ ถึงจะเป็นห้องรวมแต่คนก็อยู่น้อย มีพี่กับผมอยู่พี่แกก็คุยดีครับ ผมเลยไม่เหงามาก
    แม่ลอง สบายดีก็ดีแล้วลูก กลับบ้านกันนะ”

    พ่อดีกับ แม่ลองก็พาโอ กลับมาพักฟื้นที่บ้าน 
    โอเปิดแชทเพื่อดูโซเชียล พบว่าในกลุ่มมีเรื่อง อู๋หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอ ไม่มีใครรู้ว่าอู๋ไปไหน เพราะเมื่อคืนมัวแต่เล่นเกมส์กัน ทุกคนมารวมกันที่บ้านของโอเพื่อประชุมกัน เรื่องที่เจ้าอู๋หายไป 
    โอ : “พวกเอ็งคิดว่า เจ้าอู๋มันหายไปไหน เรื่องมันเป็นมายังไง”
    แจ็ค : “ก็เมื่อคืนเราจะรวมกันเล่นเกมส์ แต่เจ้าอู๋มันไม่ยอมออนไลน์เกมส์ทำให้เรารอแล้วรออีกจนเราเล่นกันเอง”
    อ้น : “หรือว่าจะเป็นที่นั้น”
    ต้น : “ที่ไหนของเอ็งว่ะ เจ้าอ้นรีบเล่ามา”
    อ้น : “ตอนช่วงหัวค่ำมันบอกว่าแบตโทรศัพท์มันจะหมด แต่มันหาที่ชาร์จไม่เจอ”
    โอ : “งั้นเป็นไปได้ไหมที่เจ้าอู๋จะลืมที่ชาร์จแบตไว้ที่โรงเรียน มันเลยจะรีบกลับไปเอา”
    แมน : “ที่มันไม่บอกเพราะมันกะจะรีบไปเอา แบบไม่ให้เรารู้และว่ามันขี้ลืมได้ใช่ไหม”
    อ้น : “ข้าว่าก็อาจจะเป็นไปได้นะ”
    ต้น : “งั้นเย็นนี้หลังเลิกเรียนเราลองไปหาที่โรงเรียนกันเถอะ”

    หลังจากประชุมเสร็จ ทั้งกลุ่มก็มาที่โรงเรียน เพื่อตามหาอู๋ ขณะนี้เวลา 16.00 น. เป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียนที่นักเรียนพากันกลับบ้านแล้ว To Be Continue...

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น