“ขณะนี้เป็นเวลาที่ท่านต้องตื่นนอนแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที...ขณะนี้เป็นเวลา...” - “ขณะนี้เป็นเวลาที่ท่านต้องตื่นนอนแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที...ขณะนี้เป็นเวลา...” นิยาย “ขณะนี้เป็นเวลาที่ท่านต้องตื่นนอนแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที...ขณะนี้เป็นเวลา...” : Dek-D.com - Writer

    “ขณะนี้เป็นเวลาที่ท่านต้องตื่นนอนแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที...ขณะนี้เป็นเวลา...”

    ผู้เข้าชมรวม

    110

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    110

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ต.ค. 59 / 13:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ขณะนี้เป็นเวลาที่ท่านต้องตื่นนอนแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที...ขณะนี้เป็นเวลา...เสียงนาฬิกาปลุกโทรศัพท์ถูกกดปิดอย่างรวดเร็วโดยมือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลและรอยข่วน เจ้าของมือนั้นลอบถอนหายใจด้วยความตื่นตระหนก ฟู่! เกือบถูกจับได้แล้วเชียว” แต่ถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้น เขาก็รูแก่ใจดีว่าเวลาเย็นขนาดนี้แล้วจะมีเพียงนักกีฬาที่สระว่ายน้ำและสนามฟุตบอล และคุณครูที่ทำงานล่วงเวลาอยู่ ซึ่งทุกคนก็ทำกิจธุระของตนเองอยู่ที่ตึกอื่นๆ ทำให้โถงอาคารสองที่เขาเดินอยู่ ณ ขณะนี้ปลอดคนอย่างสมบูรณ์

    เขาขึ้นบันไดและเดินลัดเลาะเสาตึกจนกระทั่งถึงหน้าห้องเรียนของตน เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาบานประตูที่สีหลุดล่อนออกมา เขาวางถุงผ้าลงบนพื้นคอนกรีตและย่อตัวลงเพื่อผูกเชือกรองเท้าก่อนจะสังเกตว่ารองเท้าหนังคู่ที่เขาสวมใส่อยู่เป็นประจำยามนี้กลับแลดูทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เขากล่าวขอโทษรองเท้าในใจ ร่างสูงใช้มือข้างที่ไม่มีผ้าพันแผลยันตัวขึ้นจะเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตูขึ้นสนิมเบาๆ จนมันส่งเสียง “กริ๊ก!” พร้อมๆกับบานประตูที่ค่อยๆถูกดึงให้เปิดออก

    แสงจากภายนอกสาดส่องเข้าไปในห้องเรียนที่มืดสนิท เขาวางถุงผ้าถุงนั้นลงบนโต๊ะเรียนที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะคลำไปตามผนังอันคุ้นเคยเพื่อหาสวิตช์เปิดไฟ แต่เขาชะงักเพราะสำนึกได้ว่าตอนนี้เขากำลังแอบเข้ามาในห้องเรียนหลังเวลาราชการ การเปิดไฟจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะทำก่อนจะถูกจับได้ เขาจึงเดินไปปิดประตูเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจากคนที่สระว่ายน้ำซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดอีกครั้งก่อนเขาจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์และเปิดไฟฉาย ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเรียนของตน มือข้างหนึ่งที่พันผ้าพันแผลไว้ของเขากระแทกโดนขาเก้าอี้เหล็กที่ถูกยกให้ตั้งขึ้น เขากลั้นร้องเสียงไว้อย่างง่ายดาย เพราะความจริงแล้วผ้าพันแผลที่อยู่บนมือเขาก็แค่พันไว้เพื่อปิดรอยข่วนต่างๆเพียงเท่านั้น

    ร่างสูงหยุดเดินลงเมื่อหาโต๊ะเรียนของเขาที่อยู่หลังห้องเจอ เขาชะงักเพราะตกใจกับโต๊ะที่ถูกใช้ต่างกระดาษวาดรูป ดูท่านักเรียนร่วมห้องที่มาใช้โต๊ะของเขาเมื่อสัปดาห์ก่อนจะไม่สนใจความสะอาดเท่าใดนักตอนเขาขาดเรียนไปเข้าค่ายความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์มา โชคดีที่มีรอยลบออกไปให้บางส่วน เขาเดาว่าสมใจเป็นผู้ที่มาลบให้เพราะเธอติด โพสต์-อิต ขอโทษแทนนักเรียนคนอื่นๆไว้ เขาเอื้อมมือเข้าไปในโต๊ะเพื่อหยิบหนังสือเรียนและของใช้บางส่วนที่ยังไม่ได้เก็บกลับบ้านไป แต่ยังไม่ได้สอดมือเข้าไปลึกนักก็ไม่สามารถดันเข้าไปอีกได้ ร่างสูงจึงนั่งลงกับพื้นก่อนที่จะเห็นความไม่เป็นระเบียบของใบงานและหนังสือที่คาดว่าน่าจะเป็นใบงานใหม่ๆของสัปดาห์ที่ผ่านมา ใครสักคนในห้องคงตามเก็บไว้ให้และยัดลงใต้โต๊ะโดยไม่ใส่ใจ

    ใบหน้าของร่างสูงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ความจริงเขาก็ดีใจอยู่หรอก เขาค่อนข้างโกรธนักเรียน แต่ถ้าพิจารณาว่าคนที่แทบจะไร้เพื่อนอย่างเขามีเพื่อนเก็บของไว้ให้ เขาก็ควรดีใจแล้วสินะ? ความจริงเขาก็ดีใจแต่ไม่ใช่เพราะว่าเขามีคนตามเก็บของให้ หากเป็นเพราะวันพรุ่งนี้เขาจะได้ย้ายโรงเรียนแล้ว อีกเพียงหนึ่งวัน! เขารีบเก็บของใส่ถุงผ้าก่อนออกจากห้องไป เขาเดินไปหยิบ โพสต์-อิต บนโต๊ะเขาแล้วเขียนคำขอบคุณให้แก่สมใจขากลับเขาก็ไม่ลืมที่จะเขียนกระดานดำด้อยชอล์กไว้ว่า “ลาก่อน และหวังว่าจะไม่ต้องพบกันอีก” ลงชื่อไว้ว่า นิรนาม เขาจงใจเล่นคำแฝงไว้ด้วยความเสียดสี ถึงแม้ว่าไม่น่าจะมีใครเข้าใจก็ตามที

                  “ลาก่อนนะครับคุณลำไย” เขาพูดด้วยความอาลัย ลำไยของเขาที่นั่งอยู่ในลังตอบกลับมาด้วยเสียงแหลมสูง “เมี้ยว?” “พรุ่งนี้ผมจะย้ายโรงเรียนไปแล้วนะครับ ขาของคุณลำไยก็หายแล้วคงจะหาอาหารได้เองนะครับ”เขาสื่อสาร(อยู่ฝ่ายเดียว)กลับแมวอ้วนซึ่งยังคงนอนอยู่ในลังปากกาเคมี

                  เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตอนที่เขาแอบปีนรั้วเข้ามาในโรงเรียนเขาพบแมวตัวนี้ขาหักอยู่ ด้วยความสงสารเขาจึงไปหาอาหารมาวางไว้ใกล้ๆ จนเย็นวันรุ่งขึ้นเขาจึงขอแม่พาเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ไปพบสัตวแพทย์ กว่าจะฉุดกระชากลากกันไปได้ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เขาถูกคุณลำไยตัวนี้ข่วนจนเป็นแผลมากมาย จนกระทั่งตอนที่ขาของมันหายดีแล้วก็ยังข่วน นั่นไงข่วนอีกแล้ว! โชคดีที่ข่วนลงบนผ้าพันแผลจนเป็นรอยยาว ไม่ใช่แขนหรือหน้าเขา

                  แต่ก็เพราะคุณลำไยทำให้เขามาโรงเรียนบ่อยขึ้น เพราะถ้าอยากจะมาหาลำไยแม่จะไม่พาเขามาส่งแค่กลางคันแล้วรับกลับไป เขาจึงต้องอดทนเรียนซ้ำๆ และสอบเนื้อหาเดิมๆ เพื่อจะได้มาหาลำไยตอนพักกลางวัน และหลังเลิกเรียน แต่การมาโรงเรียนก็มีข้อดีอย่างอื่นเหมือนกัน เพราะเขาก็ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่เอ็นดูเจ้าลำไยเช่นกัน ตัวอย่างของเพื่อนที่เขาได้พบเจอก็คือ สมใจ แสนใจดี

                  สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะกล่าวคำอำลาแก่ลำไย เขาคงจะไม่ได้มาหาเจ้าลำไยบ่อยๆแบบนี้อีกแล้ว เขาหันหลังและเดินจากไป แต่ก่อนจะเดินไปไหนได้ไกลแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนจะมีอะไรมาสะกิดที่ขาจึงหันไปดู เจ้าลำไยที่คงจะเดินอุ้ยอ้ายมาสะกิดเขาด้วยก้างปลาในปาก พอมันเห็นเขาหันมาก็วางก้างปลาลงบนพื้น พร้อมใช้อุ้งมือดันหางปลาไปให้เขา ร่างสูงยิ้มแล้วดันก้างปลาคืนเจ้าลำไยไป เขาวางอาหารแมวไปให้มันอีกหลายเม็ดก่อนจะเดินจากไป

                  จุดประสงค์ที่เขามาโรงเรียนวันนี้จริงๆคือเขาต้องการจะมาอำลาแมวอ้วน แต่ที่ถือโอกาสขึ้นไปเก็บของที่อาคารเรียนก็เพราะเขาคำนวณแล้วว่ามีเวลาเหลือพอก่อนที่แม่เขาจะวนรถมารับ เขาที่เคยเป็นคนที่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวมากกว่านี้ นี่เป็นหนี้บุญคุณที่ไม่อาจตอบแทนได้ที่เขาติดค้างไว้กับแมวอ้วน                                                                                                          

    แสงสีของเมืองกรุงยังคงไม่จางหายไปยามเช้ามืด กระจกห้องนอนของเขาถูกปกคลุมไปด้วยละอองน้ำจำนวนมากจนพร่ามัว แสงจากเสาไฟและป้ายโฆษณาส่องเข้ามาในห้องของเขาพอให้เขาเห็นทางเดินไปยังห้องน้ำ เขาลุกขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนที่จะไปล้างหน้า เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ “ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกอีกแล้วสินะ” เขาทอดสายตาไปยังท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำทะมึน เหมือนความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเขาที่จะต้องเริ่มใหม่จากต้นอีกครั้งในวันนี้ ในใจของเขาคาดว่าฝนจะตกลงมาในไม่ช้า เขาเดินไปมาในทางเดินอันคับแคบระหว่างโต๊ะทำงานและเตียงของเขาด้วยความประหม่าและความตื่นเต้นจากวันใหม่ เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งและเดินออกจากห้องนอนของตนไป

    หลังจากเขาและแม่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จสิ้นแล้วพวกเขาเดินกางร่มไปยังสถานีรถไฟฟ้า “สู้ๆนะลูกรัก สัญญากับแม่ก่อนว่าวันนี้จะมีเพื่อนอีกสักคนนะ” เขาพยักหน้า แม่ของเขากอดเขาครั้งหนึ่งก่อนจะแยกกันไปตามสายรถไฟฟ้า ผ่านไปสามสิบนาทีเขาก็เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยที่เขาต้องมากบดานอีกประมาณหกปี แต่วันนี้เขาแค่มาเพื่อลงทะเบียนนักศึกษาเท่านั้น เขาเริ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งมุ่งหน้าไปสู่สถานศึกษาในอนาคตอันใกล้ของเขา เขากระชับเนกไทก่อนจะเริ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างจริงจัง

    การกึ่งเดินกึ่งวิ่งเป็นอะไรที่น่าเหนื่อยใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเขาเดินไป เขาก็กังวลว่าอาจจะไม่มีเวลาเดินชมมหาวิทยาลัย แต่หากวิ่งไปในชุดนักศึกษาก็จะดูไม่งาม ดังนั้นเขาจึงต้องก้าวขายาวๆอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นการกระทำที่ลำบากมากหากพิจารณาถุงผ้าของเขา

    เขายังคงแนวคิดการกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังโต๊ะลงทะเบียน และเข้าแถวเพื่อรอเช็คชื่อ ในไม่ช้าเขาก็เป็นอิสระหลังจากที่รุ่นพี่ที่มีหน้าที่ดูแลเด็กใหม่ให้ป้ายนักศึกษาและนัดวันมาปฐมนิเทศอีกครั้ง เขาเดินไปยังตึกห้าของคณะสัตวแพทย์ที่ถูกบอกมาว่ามีห้องสมุดอยู่ เขาวิ่งและไม่ได้กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดไปจนเห็นห้องสมุดปรากฏอยู่เบื้องหน้า เขาผลักบานประตูกระจกไป ไม่มีเสียงใดใดจากในห้องให้ได้ยิน เขาสอดส่องสายตาไปทั่วห้องสมุดขนาดมหึมานี้เพื่อหาเบาะเก้าอี้เพื่อความสะดวกสบายแก่การสิงสถิตอยู่ในห้องหนังสือแห่งนี้ คำว่าสิงสถิตอาจจะฟังดูเกินความเป็นจริงไป แต่เขาก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่ในห้องสมุด นานจนกระทั่งเขาคิดว่าคำๆนี้เป็นคำเดียวที่จะอธิบายบ้านหลังที่สองของเขาได้ เขาเดินไปยังหัวมุมอันหนึ่งของห้องสมุด มีเสียงคนคุยกันเล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน

    รุ่นพี่คนหนึ่งหันหน้ามาพบเขาทันที “เด็กใหม่เหรอ?” เขาตอบเบาๆ “ครับ” “มาจากไหนล่ะเนี่ย?” “โรงเรียนวัดเขากบครับ” “มาหาหนังสืออ่านเหรอ” “ครับ” “พี่ชื่อสมจิตนะคะ หนูชื่ออะไร?” เสียงหัวเราะคิกคักมาจากเพื่อนอีกสองสามคนของพี่สมจิต “ผมชื่อ...”

    หลังจากบทสนทนาที่น่ามึนงง ก็นำไปสู่การเข้ากลุ่มหนอนหนังสือของคณะ นำไปสู่การทบทวนหนังสือเรียนก่อนสอบ สู่การเป็นพี่รหัส-น้องรหัส สู่งานกีฬาสี สู่งานพิธีกรของงานมหาวิทยาลัย สู่แวดวงเพื่อนนักเรียนที่เขามีหน้ามีตามากขึ้น สู่การเป็นผู้ประกวดดาวคณะ ทั้งหมดเริ่มจากก้าวเล็กๆที่อาศัยความกล้าของเขา ความกล้าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อไม่ใช่แค่หนังสือ

    เพราะแม่...ที่สนับสนุนการศึกษาของเขา

    เพราะพี่สมจิต...ที่ดึงเขาออกจากการเป็นมนุษย์ที่ไม่มีเพื่อนเป็นตัวเป็นตน

    เพราะเจ้าลำไย...ที่ทำให้เขาเลือกแนวทางชีวิตในการเป็นหมอหมาหมอแมวแบบนี้

    ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ และ ขอบคุณครับ

    พูห์

    นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับ ๑

    *ไม่ได้กล่าวไว้*

    ขณะนี้เป็นเวลาที่ท่านต้องตื่นนอนแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที...ขณะนี้เป็นเวลา...

    ความคิดเห็น

    ×