คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เริ่มต้น
เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สาย
ตื่นมาก็ร้องเพลงถึงเธอ
ท่องเอาไว้ตัวโน๊ตอย่าให้หาย
กลั่นมาจากหัวใจ
ขอให้เธอโปรดฟังนะคนดี
“อีปาร์ค นี่แกจะเอาจริงๆหรอ”เสียงของฮานิดังขึ้นถามเบาๆเพราะตั้งแต่ที่ไปฟังแนะแนววันนั้นจากที่นางบอกว่านางจะเข้าคณะนิเทศก็เปลี่ยนมาเป็นจะสอบเข้าคณะแพทย์
ซึ่งมันขัดกับหน้าตาของปาร์คชานยอลเป็นอย่างมาก เกรดนี่อย่าถามเลย ไม่ติด 0 นี่ถือว่าเป็นเกียรติแก่ตระกูลปาร์คแล้ว
“จริงดิ หน้าฉันเหมือนคนล้อเล่นหรือไง”หันกลับมาตอบเพื่อนก่อนจะก้มไปทำข้อสอบ
10 ปีที่ยืมมาจากห้องสมุดต่อ
ฮานิได้แต่ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของเพื่อน
เพราะเหตุผลที่ชานยอลอยากจะเข้าเรียนคณะแพทย์นั้นเป็นเพราะว่าไปตกหลุมรักรุ่นพี่คนหล่อคนนั้น
“เออ ตอนเย็นพาไปร้านหนังสือด้วยนะ พอดีอ่านชีวะเล่มนั้นจบแล้ว
ต้องไปซื้อเล่มใหม่มาอ่าน” ท่าทางจะเอาจริงแฮะ
ฮานิที่ไม่อยากรบกวนการอ่านหนังสือของเพื่อนก็กลับมานั่งลงที่เก้าอี้ของตน
สักพักเสียงกดออดก็ดังขึ้น
คาบต่อไปเป็นคาบว่างและแน่นอนว่าชานยอลจะชวนฮานิไปเข้าห้องสมุดซึ่งนั้นก็สร้างความแปลกใจให้กับเพื่อนในห้องเป็นอย่างมากเพราะปกติอย่าหวังเลยว่าชานยอลและฮานิจะพาร่างของตัวเองเข้าห้องสมุด
และถ้าไปนี่ไปนอนตากแอร์มากกว่า
หญิงสาวร่างบางลุกขึ้นเก็บของรอเพื่อนตัวสูงของตัวเองอย่างรู้งาน
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะต้องไปยืมหนังสือด้วย”เสียงหวานๆของชานยอลเอ่ยบอกก่อนทั้งคู่จะเดินไปยังห้องสมุดที่อยู่ตึกไม่ไกลมากนัก
ไม่ใช่แค่เพื่อนในห้องที่รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนไปของนางสาวชานยอล
แต่การเปลี่ยนไปของเธอนั้นยังความประหลาดใจให้กับคุณครูหลายๆท่านด้วย
กิตติศัพท์ของชานยอลนั่นเลื่องลือไปทั่วโรงเรียน มาสาย ติดศูนย์ ขี้เกียจ
เข้าห้องปกครองเป็นว่าเล่น นี่คือนิยามที่กล่าวถึงชานยอล
“ทำไมคนมองมาแปลกๆวะ หรือฉันสวยขึ้น”มือบางบัดผมหางม้าของตัวเองเมื่อถูกสายตาของหลายๆคนมองมาที่เธอ
แต่จะว่าไปก็คงจะไม่ใช่เพราะเธอนะสวยทุกวันอยู่แล้ว
“จ้าๆๆ เอาที่แกสบายใจ”เมื่อเข้ามาภายในห้องสมุดแล้วฮานิก็ไปหาหนังสือของตนมาอ่านส่วนชานยอลก็เช่นเดียวกัน
ร่างบางเดินไปยังชั้นวางหนังสือหมวดภาษามาอ่านคลายหรือเครียดกว่าเดิมก็ไม่รู้
หลายคนอาจจะคิดว่าเธออยากเรียนหมอเพราะผู้ชาย นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง
แต่ความจริงแล้วเธอก็อยากเรียนหมอ จะได้มีความรู้เผื่อแม่หรือพี่ยูราไม่สบาย
ส่วนเรื่องเกรดอย่าถามถึงมันคืออดีตไปแล้ว
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
และถือว่าโชคก็ยังเข้าข้างเธออยู่นิดหน่อยเพราะมหาวิทยาลัยที่พี่คนนั้นเรียนอยู่นั้นไม่ได้สนใจเรื่องเกรดเท่าไหร่แค่สอบได้ก็พอแล้ว
คือมันต้องแบบนี้แหละ เกรดแต่ละโรงเรียนเหมือนกันที่ไหน บางโรงเรียนปล่อยเกรด
บางโรงเรียนนี่กลัวว่านักเรียนจะได้เกรดเยอะๆ กดกันจริงกันจัง
ได้หนังสือที่ต้องการแล้วก็กลับมาที่โต๊ะที่ฮานิได้จองไว้ก่อนที่จะเดินไปเลือกหนังสือแล้ว
“เออแก วันเสาร์นี่ไปบ้านฉันปะ แม่บอกว่าอยากทำขนมให้แกกิน”เอ่ยชวนเพื่อนคนเดียวที่มีอยู่ตั้งแต่เข้ารั้วโรงเรียนแห่งนี้มา
ไม่ใช่เพราะเธอทำตัวไม่น่าคบหรอกนะ แค่เลือกคบคนเท่านั้นแหละ #ถุย
“เอาดิๆๆๆ ของฟรีฉันชอบ”เรื่องกินนี่ขอให้บอก
ให้ติดธุระใหญ่หลวงมากแค่ไหนก็จะไปให้จนได้ ยิ่งของฟรีนี่โปรดปรานเป็นอันดับหนึ่งเลยแหละ
“แกๆๆ นั่นมันไอ้มาร์คหนิ”ระหว่างที่กำลังนั่งทำความเข้าใจเรื่องแกรมม่าอยู่นั้นฮานิก็สะกิดให้ชานยอลมองอดีตรักเก่าของตัวเองที่กำลังเดินมาพร้อมรุ่นน้องหน้าตาน่ารักซึ่งคาดว่าจะเป็นแฟนใหม่คนที่
10ตั้งแต่ที่เลิกกับชานยอล
“ไม่เห็นอยากจะสนใจ หน้าตาก็งั้นๆ
สู้พี่คนนั้นก็ไม่ได้”ยักไหล่ไม่สนใจแม้จะเจ็บนิดๆก็เถอะ
นี่เลิกกันไปเกือบจะปีกว่าๆแล้ว ไอ้บ้านั้นมีแฟนใหม่เป็น 10 แต่เธอคนที่จะเข้ามาจับยังไม่มี
อย่าว่าแต่มีคนมาจีบเลย ผู้ชายที่จะหลงเข้ามาคุยด้วยยังไม่มี
พูดไปก็ขอเช็ดน้ำตาเบาๆ
ด้านคนสูงที่เดินเข้ามานั้นก็แอบมองแฟนเก่าของตัวเองที่ทำเป็นไม่สนอยู่เงียบๆ
ก่อนจะทำเป็นเดินไปเลือกหนังสือใกล้ๆกับโต๊ะที่ชานยอลนั่งอยู่ “โอ๊ะ ขอโทษที”อยู่ๆหนังสือก็ตกลงพื้น
ชานยอลที่กำลังอ่านหนังสืออยู่นั้นหันไปมองก็พบว่าเป็นมาร์ค “อ้าว ชานยอลหนิ
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม”นานบ้าอะไร เมื่อวานยังเจอกันที่โรงอาหารอยู่เลย
“ถ้าไม่สบายดีจะมานั่งอยู่นี่ได้หรือไง
ฮานิไปกันเถอะ เบื่อที่จะเห็นหน้าคนบางคน”ว่าแล้วก็ปิดหนังสือก่อนจะลุกขึ้น
แต่กลับถูกมือหนาของชายหนุ่มจับที่ข้อมือเอาไว้เสียก่อน
ใบหน้าหวานมองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่องที่อยู่ๆมาจับมือเธอแบบนี้ “ปล่อย
อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังนะ”
“ทำไม
ที่หลบหน้าฉันเพราะยังตัดใจไม่ได้สินะ”
“อย่ามั่นหน้าขนาดนั้น คนเลวๆแบบนายแค่ได้ยินชื่อก็ขยะแขยงแล้ว”สะบัดมือออกแล้วฟาดฝ่ามือลงที่หัวของมาร์คแรงๆในฐานที่กล้ามาแตะต้องตัวเธอ
“และอีกอย่าง ฉันมีคนที่ชอบแล้วโว้ย”ยักคิ้วอย่างเหนือกว่า
ยอมแพ้ไม่ได้ให้มันควงคนอื่นมาเยาะเย้ยหลายครั้งแล้ว บอกเลยครั้งนี้ชานยอลจะสู้
“หรอ ใครกัน หรือว่ายัยฮานิ”
“ฉันไม่ได้เบี้ยนเว้ย”
“งั้นก็เอารูปมาดูหน่อยสิ
ไม่ใช่นักร้องวง EXO อะไรนั่นนะ”โหยนี่กล้าพาดพิงถึงสามีในโปสเตอร์แบบนี้มันยอมได้ที่ไหนมือบางล้วงโทรศัพท์ในกระโปรงนักเรียนของตัวเองออกมาก่อนจะกดเข้าไปในโฟลเดอร์รูปภาพ
ไม่อยากจะโม้ว่าได้เฟซบุ๊คพี่คนนั้นมาแล้ว
หาแทบตายกว่าจะเจอ
ดีที่พี่เซฮุนคนข้างบ้านเรียนคณะแพทย์ปี 3 รู้จักเลยได้โอกาสถามเรื่องราวของพี่เขา “อ่ะ ดูให้เต็มๆตา
นี่แหละว่าที่แฟนของฉัน ตอนนี้กำลังคุยๆกันอยู่ คิดว่าอีกไม่กี่เดือนคบกันแน่ๆ”โม้ไปงั้นแหละ
ตอนนี้รู้แค่ชื่อ แอดเฟรนไปพี่เขายังไม่รับเลยอ่ะ
“ห๊ะ คนนี้นี่นะ ฮ่าๆๆๆ”เมื่อเห็นรูปผู้ชายที่ชานยอลบอกว่าชอบนั้นมาร์คก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“หัวเราะอะไร เดี๋ยวแม่ต่อยฟันร่วง”
“เธอไม่รู้หรือไงว่าพี่คริสเขาไม่ชอบผู้หญิง
ฮ่าๆๆ จี้ชะมัด” หัวเราะจนต้องกุมท้องตัวเองเอาไว้ “ฮ่าๆ ยัยบ๊อง
เธอน่ะไปจากฉันไม่รอดหรอก อยากกลับมาเมื่อไหร่ก็โทรมานะ ฉันยังใช้เบอร์เดิม ฮ่าๆๆ”หัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปทำให้ชานยอลได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
“ไม่มีทางที่ฉันจะกลับไปคบกับแก
ไอ้มาร์คบ้า”
+++++
ใต้ตึกคณะแพทย์
ตอนนี้เป็นเวลาพักของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลังจากเรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษเสร็จแล้วนั้น นักศึกษาแพทย์จำนวนกว่า 30
ชีวิตก็เดินมาหาอะไรกินที่โรงอาหารใต้ตึก
บางส่วนที่ทานมาแล้วนั้นก็มานั่งปั่นการบ้านกันอยู่ที่ม้านั่งที่ทางคณะจัดไว้ให้
และในมุมหนึ่งก็มีชายหนุ่มร่างสูงจำนวน 4 คนกำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด
เพราะโปรเจคงานที่ส่งไปเมื่อวานนั้นไม่ผ่าน
“อะไรวะ กูทำรีพอร์ตผิดตรงไหน บอกกูที”เสียงของ พยอน แบคฮยอน
หนุ่มร่างเล็กในกลุ่มดังขึ้น เพราะเมื่อวานพอเอาโปรเจคงานไปส่งอาจารย์ดังบอกว่าการคำนวณหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาของกลุ่มนั้นผิด
แต่ผิดตรงไหนให้ไปหาเอาเอง
“มึงจะโวยวายทำไมวะ ก็ลองทำใหม่
ถ้าไม่ได้คำตอบตอบก็หาดูว่ามันต่างกันตรงไหนก็แค่นั้นป่ะ”ถัดมาเป็น คิม จงแด
ชายหนุ่มร่างสันทัดที่ใส่แว่นหนาเตอะตามประสาเด็กเรียน “โง่จริงๆเลย”
พูดจบก็ต้องร้องโวยวายออกมาเมื่อถูกมือเล็กๆของแบคฮยอนฟาดเข้าให้ที่กลางหลัง
“ทะเลาะกันอยู่ได้พวกมึงหนิ
แล้วไอ้นั่นเป็นอะไรอีกล่ะ ทะเลาะกับแฟนอีกแล้วหรือไง”
ใบหน้าคมที่ก้มทำการบ้านอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมาห้ามว่าเพื่อนที่ทะเลาะกันก่อนจะหันไปมองไอ้ตัวสูงของกลุ่มที่กำลังนั่งจ้องโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่
“เออดิ แมร่ง อี้ชิงงอนกูอีกละ” คริส
หรืออี้ฟาน ชายหนุ่มสัญชาติแคนาเดียน พูดขึ้นอย่างเซ็งๆ
อี้ชิงที่ว่านี่คือแฟนที่คบกันได้ประมาณเดือนกว่าๆแล้ว “แค่กูตอบแชทช้าแค่ 2 นาทีก็หาว่ากูไปมีคนใหม่ อะไรก็ไม่รู้”คือใช่ว่าเขาจะว่างจะตลอดเวลาไหม
ต้องเรียนต้องทำอย่างอื่นบ้าง พอบอกไปแบบนั้นก็งอน
“เอาน่ามึง เดี๋ยวมันก็หายงอน”ใบหน้าคมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“เออมึง ตอนเย็นยัยหัวหน้าเรียกให้ไปประชุมด้วยนะ รู้หรือยัง”สักพัก หวัง
จือเทาก็เอ่ยขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าหลังจากเรียนชีววิทยาเสร็จแล้ว หัวหน้าห้อง
หรือที่เรียกกันว่า เจอร์ นั้นได้นัดไปประชุม คงจะเป็นเรื่องการรับน้อง
เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะมีน้องใหม่เข้ามาเรียนต่อแล้ว
และการรับน้องนั้นก็เป็นกิจกรรมรูปแบบหนึ่งที่สร้างความรู้จัก
ความสามัคคีและอื่นๆอีกมากมายให้รุ่นพี่รุ่นน้อง
“ประชุมอีกละ
งานกูยังไม่เสร็จเลยเนี่ย”เสียงโวยวายนี่จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากแบคฮยอนเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่โวยวายมันไปทุกเรื่อง
50%
และหลังจากที่การประชุมเรื่องการรับน้องเสร็จแล้วนั้นเดอะแก๊งค์ของคริสก็ได้ชวนกันไปกินข้าวกันที่หลังมอและในระหว่างที่เดินเข้าร้านใน เซฮุน หรือลุงรหัสของคริสนั้นก็เดินเข้ามาพอดี เห็นหลานรหัสที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบอาทิตย์แล้วชายหนุ่มเลยชวนรุ่นน้องทั้งสี่คนไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย พอเดินมาที่โต๊ะก็เห็น ลู่หาน พี่รหัสของคริสนั่งอยู่
นี่มันเป็นวันรวมญาติรหัสของสายเขาหรือไงวะ ได้แต่คิดในใจก่อนจะยกมือไหว้พี่รหัสคนน่ารักของตัวเอง ลู่หานที่นั่งรอเซฮุนมาเกือบจะชั่วโมงแล้วก็แสดงสีหน้าไม่พอใจได้อย่างเห็นได้ชัดแต่ร่างสูงที่เพิ่งมานั้นหาได้สนใจไม่ แต่กลับหันไปคุยกับรุ่นน้องทั้งสี่มากกว่าที่จะสนใจลู่หาน
"อยากกินอะไรก็สั่งกันเลยนะ เดี๋ยวมา"เซฮุนเอ่ยบอกก่อนจะลุกออกไปทำให้ลู่หานนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากนี่เธอเป็นคู่หมั้นของเซฮุนนะทำไมต้องทำเหมือนไม่สนใจกันขนาดนั้นด้วย ดวงตากวางคู่สวยนั้นนั้นมีน้ำตาคลออยู่ คริสที่สังเกตพี่รหัสและลุงรหัสของตนมานานแล้วก็ได้แต่ลูบแผ่นหลังบางๆของหญิงสาว
ทางด้านเซฮุนหลังจากที่เดินออกมาแล้วนั้นก็จัดการต่อสายหาน้องสาวข้างบ้านทันที ไม่นานเสียงหวานๆของเธอก็ดังขึ้นที่ลำโพงโทรศัพท์เครื่องหรู ได้ยินเสียงเพียงแค่นี้ก็ทำให้เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว "พี่ฮุนมีอะไรหรือเปล่าคะ" เอ่ยถามขึ้นมาเมื่ออยู่ๆพี่ชายข้างบ้านก็โทรมา ปกติแล้วจะมาหาเธอที่บ้านไม่ใช่หรือไง
"พี่จะโทรมาบอกว่าตอนนี้พี่ออกมาทานข้าว แล้วเจอไอ้คริสด้วยนะ" ได้ยินชื่อพี่คนนั้นแล้วก็ทำให้ชานยอลติ่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ใช่แล้วล่ะ ชานยอลรู้จักชื่อคริสจากเซฮุนและบ่อยครั้งที่มาถามว่าคริสชอบทานอะไร ชอบใคร มีแฟนหรือยังจากเซฮุนอยู่เสมอหลังจากที่รู้ตัวว่าตัวเองชอบพี่สุดหล่อคนนั้น
"ง่า พลาดมากๆๆ ทำไมพี่ฮุนไม่บอกหนูละว่าจะเจอพี่คริส"น้ำเสียงที่แสดงความเสียดายดังเล็ดออกมาเป็นเครื่องหมายว่าเธอเสียงดายจริงๆ ทั้งที่พี่เซฮุนชวนไปกินข้าวด้วยแท้ๆแต่เธอมัวแต่อ่านหนังสือเลยปฏิเสธไป ไม่น่าเลย พลาดมากจริงๆ นี่ก็ไม่เจอหน้าพี่เขาหลายเดือนแล้วนะ เซฮุนที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
"งั้นเดี๋ยวพี่จะรีบกลับนะ เดี๋ยวเล่าเรื่องวันนี้ให้ฟัง โอเคไหม"นี่อาจจะเป็นอีกเรื่องก็ว่าได้ที่ทำให้เซฮุนได้หาโอกาสไปเจอหน้าน้องสาวคนนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะหากไม่มีการบ้านหรืออะไรที่ชานยอลต้องการจะปรึกษาแล้วนั้นเขาก็ไม่ค่อยจะได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวเท่าไหร่ ยิ่งต้องมาหมั้นกับลู่หานแล้วด้วยนะ โอกาสที่จะได้เจอกันนั้นมันยากมากจริงๆ
"โอเคค่ะ ซื้อขนมมาฝากยอลเยอะๆเลยนะคะ" น้ำเสียงที่ดูอ้อนๆของชานยอลนั้นทำให้เซฮุนยิ้มออกมา ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะเข้าไปในร้านอาหาร ส่วนชานยอลหลังจากที่วางโทรศัพท์จากเซฮุนเรียบร้อยแล้วนั้นเธอก็หันมาทำข้อสบอต่อ ความเปลี่ยนของลูกสาวคนเล็กของบ้านนั้นทำให้ทุกคนในครอบครัวสงสัยเป็นอย่างมาก
ยิ่งตอนที่คุณนายปาร์คถามลูกสาวเล่นๆว่าจะสอบเข้าคณะไหนแล้วลูกสาวบอกออกมาเต็มปากเต็มคำว่าจะสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์แล้วนั้น เธอนั้นตะลึงตึงตึง มันเป็นเรื่องที่อเมซิงมาก แต่ก็ไม่อยากขัดอะไรลูกคนเล็กอยู่แล้ว ชอบสิ่งไหน ชอบอะไรเธอก็ปล่อยให้ลูกเลือกเส้นทางของตัวเอง หน้าที่ของพ่อและแม่นั้นทำเพียงแค่ดูแลอยู่ห่างๆก็เพียงพอแล้ว
"ชานยอล มากินข้าวก่อนลูก"ผู้เป็นแม่เอ่ยเรียกลูกที่กำลังนั่งหน้ายุ่งอยู่ที่ห้องรับแขกเมื่อทำอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว มือปากที่จับปากกาลายริลัคคุมะวางลงที่โต๊ะก่อนจะลุกมาหาแม่และพี่สาวที่อยู่ในห้องรับประทานอาหาร กับข้าวมากมายวางอยู่บนโต๊ะนั้นล้วนแล้วแต่เป็นอาหารจานโปรดของลูกทั้งสอง
"โหย น่าทานจังเลย แม่รู้ใจหนูที่สุดเลยอะ"กอดที่เอวของแม่หลวมๆก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ของตน ยูราที่เพิ่งจะกลับมาบ้านเห็นน้องสาวดูเหมือนคน?มากขึ้นนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย ปกติต้องหัวยุ่งหน้ามันลงมาไม่ใช่หรือไง "พี่มองไรอะ หน้าหนูมีอะไรผิดปกติหรอ"เห็นพี่สาวมองหน้าตนแปลกๆก็ถามอย่างสงสัย
"นี่แกใช่น้องสาวฉันไหม หรือว่าแม่มีลูกสาวฝาแฝด นี่คือแฝดยัยชานยอลใช่ไหม " มือบางหยิกที่แก้มของน้องสาว ก่อนที่เสียงหวานจะร้องบอกให้หยุด
"โอ๊ยพี่ยูราหยุดเลยนะ แก้มหนูช้ำหมดแล้วเนี่ย" บอกอย่างงอนๆก่อนที่คุณนายปาร์คจะห้ามศึกของสองพี่น้องแล้วให้ทั้งสองเริ่มทานข้าวได้แล้ว พอทานข้าวเสร็จเรียบร้อยชานยอลก็ขอตัวขึ้นห้องเพราะลืมไปว่ามีการบ้านที่ต้องทำ แถมเป็นวิชาของครูฮีชอลอีกถ้าส่งช้าเดี๋ยวถูกเจ๊แกโบยหลัง
Rrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นสายจากเพื่อนสนิทอย่างฮานิ ชานยอลกดรับสายก่อนจะเปิดหนังสือเรียนของตัวเองไปด้วย "อีปาร์ค ทำอะไรอยู่คะ"เอ่ยทักเพื่อนอย่างสนิทสนม
"กำลังจะทำหารบ้านของเจ๊ฮีชอล แล้วแกละทำเสร็จแล้วหรอ"
"เสร็จแล้วยะ ฉันมีเรื่องจะมาเม้าท์กับแกด้วย"เรื่องนินทาชาวบ้านนี่เป็นนิสัยที่ผู้หญิงทุกคนต้องมี ชานยอลปิดหนังสือลงก่อนจะมาฟังเรื่องเล่าจากเพื่อนที่ถูกถ่ายทอดออกมา ซึ่งเรื่องก็ไม่พ้นเรื่องเดิมๆที่เคยคุยกัน จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงฮานิก็ขอวางสายเพราะต้องลงไปช่วยแม่เก็บของที่ร้านแล้ว
และแล้วในที่สุดวันสอบก็มาถึงชานยอลในชุดนักเรียนโรงเรียนนานาชาติโซลและฮานิที่อยู่ในยูนิฟอร์มเดียวกันเดินเข้ามาภายในรั้วมหาวิทยาลัยโซล ตึกเรียนและอาคารมากมายตั้งเรียงกันสร้างความตื่นเต้นให้ทั้งคู่เป็นอย่างมาก "แกสอบตึกไหน"ชานยอลถามขึ้นพร้อมกับอ่านดูบอร์ดแผนที่ที่ตั้งอยู่เพื่อหาตึกสอบของตัวเอง
"ตึก NU31"ค้นหากระดาษที่จดไว้ก่อนจะบอกชานยอล นิ้วเรียวชี้วนไปวนมาหาตึก NU31 ที่ฮานิบอกก่อนจะชี้ให้เพื่อนดู
"ตึกอยู่ข้างกันเลยอะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าห้องสอบไม่ทัน"เมื่อเจอตึกสอบของตัวเองแล้วนั้นก็เดินข้ามฝั่งไปยังตึกที่ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลมากนัก ดีที่วันนี้อากาศดีไม่ร้อนไม่หนาวมากจนเกินไป พอถึงหน้าถึงแล้วชานยอลและฮานิก็จับมือให้กำลังใจกัน "สู้ๆนะแก เราต้องเข้าเรียนที่มหาลัยนี้ให้ได้" ฮานิพยักหน้าเบาๆ ไม่ว่ายังไงก็ตามจะทำให้สุดความสามารถของตัวเอง
"แกเหมือนกันนะ สู้ๆ"ชูนิ้วให้กำลังใจกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าสอบ แล้วหลังจากนั้นก้เดินเข้าตึกของตัวเอง หญิงสาวร่างบางเดินหาห้องสอบของตัวเองมาเรื่อยๆก่อนที่กระเป๋าดินสอที่ถืออยู่นั้นจะหล่นเมื่อไปชนกับนักเรียนคนหนึ่งที่หาห้องสอบเช่นกัน ชานยอลนั่งลงเพื่อเก็บกระเป๋าดินสอของตัวเองก่อนจะมีมือของใครอีกคนมากุมที่มือบางของเธอ
"เดี๋ยวพี่หยิบให้"เสียงที่แสนจะคุ้นเคยดังขึ้นพอเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นเซฮุนพี่ชายข้างบ้านนั่นเอง
"พี่ฮุน มาได้ไงเนี่ย"ถามด้วยความตกใจ
"วันนี้พี่มีทำแลปแล้วได้ข่าวว่ายัยเด็กข้างบ้านมาสอบเลยมาให้กำลังใจ"ลูบที่ผมนุ่มๆของหญิงสาวเบาๆ "ตั้งใจทำข้อสอบนะ มาเป็นน้องที่คณะพี่ให้ได้ ถ้าสอบได้จะพาไปเลี้ยงชาบู ตกลงไหม" ติดสินบนกันแบบนี้เห็นทีชานยอลต้องตั้งใจมากกว่าเดิมแล้ว คือไม่ได้เห็นแก่ของฟรีเลยนะ พูดจริงๆ
"งั้น ชานยอลขอเข้าห้องสอบก่อนนะคะ ถ้าผลออกมาเมื่อไหร่จะรีบไปบอกเลย"ยิ้มให้พี่ชายข้างบ้านก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสอบเป็นจังหวะเดียวที่คริสเดินมาทางนี้พอดี เซฮุนโบกมือให้หลานรหัสก่อนจะพาเดินไปยังรถของตัวเอง ความจริงไม่ได้มีทำแลปอะไรอย่างที่บอกชานยอลหรอก ก็แค่อยากมาให้กำลังใจก็แค่นั้นแหละ
+++++++
"อี้ อย่างี่เง่าได้ป่ะวะ" เสียงทุ้มดังขึ้นมาอย่างหงุดหงิดเพราะหลังจากเอาหนังสือวิจัยกับลุงรหัสเสร็จแล้วก็มาหาอี้ชิงตามที่ร่างบางได้โทรศัพท์ไปหาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ที่คริสเห็นอยู่นี้มันไม่ใช่คุยแต่มันเป็นการชวนทะเลาะมากกว่า
"ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย มีคนอื่นใช่ไหม"ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่เบือนหน้าหนี
"เคยคิดนะว่าผู้หญิง แมร่ง งี่เง่าเลยมาคบกับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เราเลิกกันเถอะ"ความอดทนของคนเรามันมีจำกัดและคริสก็อดทนกับอี้ชิงมามากพอแล้ว มันคงถึงเวลาที่ต้องจบกันแล้วจริงๆ คริสเดินหันกลับไปยังตึกเรียนของตนโดยไม่สนใจเสียงเรียกจากร่างบางเลยแม้แต่น้อย เมื่อมาถึงที่ตึกแล้วเพื่อนทั้งสามของตัวเองที่มาจองโต๊ะไว้รอแล้วนั้นก็โบกมือเรียก
"เป็นเหี้ยอะไรครับไอ้คุณชาย"แบคฮยอนเอ่ยถามทั้งๆที่ในปากนั้นมาขนมเลย์อยู่เต็ม คริสไม่ตอบอะไรก่อนจะล้วงโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเข้าแอพเฟซบุ๊คเพื่อดูอะไรเล่นๆ
real__pcy ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ
ยืนยัน ลบคำขอนี้
มาต่อให้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะมาต่อให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น