Intro..
HongDae , Seoul
23:35 PM
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูง ผิวสีน้ำตาลแทน ใบหน้าคมเข้มถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยทำให้เธอยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นในสายตาของเหล่าชายหญิงที่พบเห็น ผมยาวปะบ่าปล่อยปลิวสยายไปกับลม เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาพับแขนขึ้นมาประมาณข้อศอก สวมทับด้วยกางเกงยีนส์สีดำสนิทตัดกับรองเท้าผ้าใบสีเดียวกันกับเสื้อ
..แค่นี้ก็ดึงดูดคนรอบข้างมากพอแล้วล่ะ ดูหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่านะ?
เธอนั่งอยู่ในร้านเหล้าแห่งนี้ร่วมสองชั่วโมงได้ นั่งดื่มคนเดียวแบบไม่ต้องการให้ใครเข้ามากวนเพราะเจ้าตัวค่อนข้างสนิทกับเจ้าของร้านพอสมควร เลยจัดการใช้สิทธิลูกค้าประจำกำชับว่าห้ามให้ใครเข้ามาทำลุ่มลามหรือก่อกวนช่วงเวลาพักผ่อนของเธอเป็นอันขาด แล้วก็แน่นอน..ด้วยความที่มาบ่อย บวกกับหน้าตาสวยคมทำให้เจ้าของร้านตามใจเธอแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
นั่งดื่มอยู่คนเดียวแท้ๆแต่บนโต๊ะกลับมีขวดเบียร์ตั้งเรี่ยราดประหนึ่งว่ามาเลี้ยงฉลองกับเพื่อนอย่างนั้นแแหละ แถมคนดื่มดันเป็นผู้หญิงซะด้วยแต่กลับคอแข็งกว่าพวกหนุ่มๆบางคนในร้ายเสียอีก สายตาสอดส่องมองไปรอบๆด้วยความเบื่อหน่าย..เอาเข้าจริงก็เหงาอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เหงาถึงขั้นต้องหาเพื่อนคุย
ถึงจะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในซอยที่เข้า-ออกยากแต่กลับเป็นที่รู้จักของพวกขี้เมา เรียกงี้น่ะถูกแล้ว มากินเหล้าก็ต้องเมาสิ และแน่นอนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือพวกหนุ่มสาวที่มามั่วสุมกัน พวกหน้าตาดีหน่อยก็จะมีเพศตรงข้ามเข้าหาไว ส่วนใหญ่ตอนกลับบ้านก็เห็นว่ามีคู่กลับทั้งนั้น..ยกเว้นตัวเธอที่โสดไร้คู่มาหลายปีแล้วก็ไม่มีท่าทีว่าเนื้อคู่จะโผล่มา ได้เพียงแอบขำตัวเองในใจ หางตาชำเรืองขึ้นไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่กับฝาผนังร้าน
..จะเที่ยงคืนแล้วนี่นา ถึงว่ารู้สึกมึนแล้วสิ
เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานพอสมควรแล้วเธอจึงตัดสินกลับบ้านดีกว่าก่อนที่จะดื่มไปเรื่อยจนไม่มีสติ ลุกขึ้นยืนตรงบิดร่างไปซ้ายทีขวาที ไล่อาการเมื่อยออกไปเสียให้หมดก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำการเช็คบิล เจ้าของร้านถึงกับยิ้มแป้น..แน่นอน กำไรของร้านครึ่งนึงเรียกว่ามาจากเธอเลย มาดื่มทีก็ผลาญเงินไปหลายบาท ดื่มเหมือนคนกลัวว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้ดื่มอีกแล้ว
อากาศตอนนี้ค่อนข้างหนาวแต่ด้วยความที่เธอยังไม่อยากเข้าบ้านเลยตัดสินใจเดินเล่นต่อเลยแล้วกัน ขาเรียวยาวก้าวไปตามฟุตบาทอย่างไร้ที่หมาย
มือทั้งสองข้างซุกลงไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหวังว่าจะคลายความหนาวลงบ้าง เธอเดินมาเรื่อยจนกระทั้งไปเจอะเจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูแล้วไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่
เหมือนกับว่าเขากำลังพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งแต่เพราะไม่ได้เข้าไปใกล้ทั้งสองมากจึงมองไม่ค่อยเห็นว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน..เรียกว่างานเผือกคือเรื่องที่ถนัดมากที่สุดในชีวิต แต่เท่าที่เธอแอบยืนสังเกตการณ์จากไกลๆแล้วดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะไม่ค่อยเต็มใจ
..เอายังไงต่อดี
"เรื่องผัวเมียไม่ควรเข้าไปยุ่ง ถ้ายุ่งเราจะหมา.."
จ่ะ..เรื่องผัวเมียถ้าเราเสนอหน้าเข้าไปยุ่ง มันก็เผือกดีๆนี่แหละ ใจนึงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเข้าไปยุ่งปล่อยให้เขาทำความเข้าใจกันเองดีกว่า แต่เพราะยืนสังเกตมาสักพักทำให้เธอรู้สึกว่าฝ่ายผู้หญิงดูน่าสงสาร เหมือนกับว่าเธอโดนขืนใจมาอย่างงั้นแหละ เอาเถอะ! สะบัดหัวไล่ความคิดที่จะเข้าไปช่วยออกแล้วตัดสินใจรีบก้าวเท้าจ้ำๆออกไปให้พ้นพื้นที่ตรงนี้จะดีกว่า
"ช ช่วยด้วย..ช่วยฉันด้วย"
เดี๋ยวนะ..ทั้งที่จะเดินเลี่ยงออกไปให้พ้นจากตรงนี้อยู่แล้ว แต่กลับมีเสียงแหบพร่าที่พยายามร้องขอให้ใครบางคนช่วยดังแทรกขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่แสนจะเงียบและหนาวเหน็บเอามากๆ ขาที่กำลังก้าวออกไปค่อยๆหยุดนิ่งอยู่กับที่ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน..แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
"เงียบสิวะ! เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะเลย"
เธอค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กับที่เกิดเหตุด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวจะถูกจับได้ก่อนเข้าไปช่วยน่ะสิ ย่อตัวนั่งลงและหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แอบยื่นใบหน้าออกไปมองเล็กน้อยให้พอเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอเห็นว่าฝ่ายผู้ชายกำลังจะถอดกางเกงออกแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะฝ่ายผู้หญิงที่ถูกจับราบนอนไปกับพื้นหญ้นั้นดิ้นขัดขืนอย่างแรง มือเธอปัดป่ายไม่เป็นทิศเป็นทาง ออกแรงสู้สุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด
..ใจเย็นนะ ฉันพยายามหาทางช่วยเธออยู่แต่ติดตรงที่ยังคิดไม่ออกนี่แหละว่าจะเข้าไปช่วยยังไงดี
"ช่วยด้วย! ฉันโดนโรคจิตลว.."
นี่..ได้ยินเต็มสองหูแบบเอชดีเลย ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าโรคจิต เอาล่ะ..ตอนนี้พอจับทางได้แล้วว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิดในตอนแรก ผู้หญิงคนนั้นต้องถูกพวกโรคจิตลักพาตัวมาทำไม่ดีไม่ร้ายแน่เลย
..งานนี้ต้องใจกล้าหน่อยแล้ว
ร่างสูงย่องไปทางด้านหลังของชายหนุ่มที่กำลังวุ่นอยู่กับการถอดกางเกง สายตาเฉียบคมดันเหลือบไปเห็นขอนไม้ที่ไม่ใหญ่มากนัก..แต่คิดว่าถ้าโดนฟาดเข้าจังๆยังไงก็น็อค มือเรียวเอื้อมไปหยิบมาอย่างเบามือและพยายามใช้เสียงให้น้อยที่สุด ส่วนขาทั้งสองข้างก็ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ทั้งคู่
ไม่รู้ว่าอะไรดนใจให้หญิงสาวที่โดนปิดปากอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ ด้านคนที่กำลังจะเข้าไปช่วยได้แต่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาจ่ออยู่ที่ริมฝีปากประมาณว่าให้อยู่แบบเงียบๆไปก่อน อย่าแสดงอาการอะไรออกมา เมื่อเข้าไปใกล้มากพอตามที่ต้องการแล้วก็ง้างไม้ขึ้นเหนือหัวแล้วฟาดลงไปที่กลางศีรษะของไอ้บ้ากามอย่างเต็มแรงจนทำให้มันเซล้มลงไปนอนมึนอยู่ที่พื้นแทน ยกมือกุมศีรษะที่เริ่มมีของเหลวสีแดงสดไหลออกมาทีละนิด
..ฟาดยังไงถึงได้ไม่สลบละเนี้ย เป็นเรื่องแล้วกรู ถึกไปมั้ยไอ้โรคจิตเอ้ย!
"เชี้ย เลือดออก! มึงเป็นใครเนี่ยมายุ่งอะไรด้วย"
" ..." เอายังไงต่อดีวะตัวฉัน? ยืนเงียบ ทำตาล่อกแล่กอยู่นานพอสมควร ก็เธอคิดคำตอบไม่ออกนี่..จะให้บอกมันว่าอ๋อ เป็นคนหน้าตาดีคนนึงที่เผอิญเดินมาเจอกับไอ้คนโรคจิตที่กำลังพยายามลวนลามผู้หญิงอยู่ หมั่นไส้ เลยหาไม้มาตีหัวเล่นแก้เหงางี้เหรอ?
"ยังไง ทำเลือดที่หัวกูออกมึงต้องรับผิดชอบ"
ไอ้โรคจิตเริ่มที่จะคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเธอเรื่อยๆ ทำเอาคนที่อยากเข้ามาช่วยในตอนแรกเข่าอ่อนเลยทีเดียว ลืมไป..ว่านี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวที่ทุกอย่างจะดำเนินไปตามที่เราคิดเสียทุกอย่าง แต่เรื่องนี้แม่งไม่ใช่ไง! หาเรื่องเจ็บตัวแท้ๆ เธอก้าวถอยหลังเว้นระยะห่าง แต่ไม่ช้าไอ้โรคจิตมันก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวเธออย่างเร็วจนตั้งตัวรับไม่ทัน มันจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้และพยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำปากจู๋เหมือนจะจูบเธออย่างนั้นแหละ..อี๋!
แต่ความโง่ไม่เข้าใครออกใครง่ายๆ ยกเว้นมัน..อาจเป็นเพราะความหื่นกระหายที่อยากจะจูบปากเธอมีมากจนเกินไป ทำให้มือที่มันจับข้อมือเธอไว้แน่นในตอรแรกค่อยๆผ่อนแรงและหลุดออกในที่สุด โอกาสไม่ได้มีเข้ามาบ่อยๆเธอรีบจัดการเล่นงานไอ้โรคจิตนี่อย่างไว ร่างสูงเตะเข้าที่หว่างขาของมันอย่างเต็มแรง ทำให้โดนส่วนนั้นเข้าเต็มๆจนร้องออกมาด้วยความเจ็บและจุก..สมน้ำหน้าไอหื่น
โอ้ยย!!
"บ้ากามดีนัก เป็นไง เอาให้ใช้งานไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยดีมั้ย เหอะ.."
ร่างสูงก้มตัวลงไปหยิบขอนไม้ที่ไม่รู้ว่ากระเด็นมาตกอยู่ข้างเธอตั้งแต่ตอนไหน..แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้รีบจัดการให้เสร็จ ยืนมองร่างของชายหนุ่มที่นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นด้วยแววตาที่สื่อได้หลายความรู้สึก เวทนา สงสาร แต่อีกใจก็แอบสะใจอยู่หรอก ถอนหายใจครั้งสุดท้ายเหมือนกับตัดสินใจดีแล้วที่จะทำแบบนี้ ไม่ช้าเรียวไม้ที่อยู่ในมือฟาดลงไปที่หัวของไอ้โรคจิตอีกรอบจนมันนอนแน่นิ่งไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะเช็คว่าตายหรือยัง
..ไม่เอาถึงตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้นเอง
พอเคลียร์ทางนี้เรียบร้อยแล้วเธอจึงโยนไม้นั่นทิ้งไป สายตาสอดส่องมองหาร่างของหญิงสาวที่ต้องการช่วย ที่แท้ก็แอบไปนั่งขดตัวเอนหลังพิงเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่เธอใช้หลบไอ้โรคจิตในตอนแรกนี่เอง คิดว่าชิ่งหนีไปแล้วซะอีกนะเนี่ย
ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ที่ตรงหน้าเธอแล้วย่อตัวลงในอยู่ในระดับสายตา ไล่มองตั้งแต่หัวคิ้ว เลื่อนลงมาที่ตา..นัยตาเธอสวยมาก ถึงตอนนี้จะมีหยดน้ำสีใสเอ่อคลออยู่ก็เถอะ เล่นเอาคนที่แอบมองชะงักไปครู่นึง ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนที่เกือบโดนโรคจิตช่วงชิงไป ไหนจะผมสีบรอนด์ที่ตัดกับผิวขาวเนียนของหล่อนมันลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ มองรวมๆแล้วผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีเอาเรื่อง ไม่แปลกถ้าจะโดนฉุด
เลิกสนใจเรื่องหน้าตาของอีกฝ่ายสักแปปนึง ร่างสูงจ้องมองอีกคนด้วยแววตาที่เป็นห่วงเล็กน้อย เพราะดูแล้วเธอยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่เลย ก็อย่างว่าคงไม่มีใครคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองใช่มั้ยล่ะ
ไม่ใช่ว่าโชคจะเข้าข้างเสมอไป..ที่เกิดเรื่องแบบนี้แล้วจะมีคนกล้าเข้ามาช่วย แล้วถึงมีคนเข้ามาช่วยก็ใช่ว่าจะรอดไปได้ทุกรายอย่างปลอดภัย ผู้หญิงคนนี้โชคดีมากนะที่ได้เธอช่วยไว้ แล้วเธอก็โชคดีมากเหมือนกันที่ไอ้โรคจิตมันไม่มีอาวุธ แถมสู้ได้ห่วยแตกมาก
"เธอเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย.."
"..."
"ยังตกใจอยู่สินะ คราวหลังก็ระวังหน่อยละอย่ามาเดินที่เปลี่ยวๆคนเดียวกลางดึกแบบนี้อีก มันอันตราย.."
"..." จ้องมองคนตรงหน้าที่เธอกำลังสนทนาด้วยความงงงวย แปลกคนแหะ..ไม่มีแม้แต่จะขอบคุณ หน้าก็ไม่มอง เอาแต่นั่งเงียบ ฉุดคิดในหัวแล้วสิว่าคิดถูกหรือเปล่านะที่มาช่วยยัยนี่จนตัวเองเกือบโดนโรคจิตทำร้ายไปด้วย
"นี่ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"..."
"เป็นอะไรหรือเปล่า บอกฉันได้นะ"
..ชักจะหงุดหงิดแล้วสิ เล่นเงียบไม่พูดอะไรสักอย่าง
"ข ขอบคุณมากๆเลยนะคะ.." เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาด้วยความลำบาก คนช่วยถอนหายใจด้วยความโล่งอก..คิดว่าจะต้องนั่งคุยคนเดียวซะแล้ว ส่งยิ้มบางๆให้กับเธอเพื่อให้หายกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้ปลอดภัยแล้วล่ะเพราะได้คนหน้าตาดีช่วยไว้
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วงนะตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว"
"ค่ะ"
"ว่าแต่ออกมาทำอะไรดึกๆคนเดียว บ้านอยู่แถวนี้เหรอ"
"ฉันหลงทางน่ะค่ะ แล้วก็..ไม่มีบ้านด้วย"
"ว่าไงนะ" คนฟังถึงกับเสียงหลง ถามเธออีกครั้งเพื่อความชัดเจนว่าสิ่งที่ได้ยินไปเมื่อกี้ไม่ได้หูแว่วหรือคิดไปเอง คำตอบที่ได้คือแววตาใสซื่อ พร้อมกับหัวที่สั่นงึกๆเพื่อย้ำว่าที่พูดไปน่ะเรื่องจริงทั้งหมด
..ยัยนี่มีแต่เรื่องให้ประหลาดใจ
"ฉันเป็นลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันค่ะ พ่อแม่เสียไปตั้งแต่ยังเล็กเลยถูกส่งตัวไปเลี้ยงในสถานเด็กกำพร้า"
"อืม..แล้วบอกได้มั้ยว่าทำไมมาโผล่อยู่ที่เกาหลีใต้"
"ก็ฉันเป็นลูกครึ่งเกาหลีนี่คะ" ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า จะซื่อเกินไปมั้ยเนี่ยห้ะ!
"รู้แล้วว่ามีเชื้อเกาหลีครึ่งนึงแต่ที่ถามเนี่ยคืออยากจะรู้ว่ามาที่นี้ได้ยังไง จุดประสงค์ที่มา เข้าใจมั้ย"
"ฉันมาเพราะฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่สถานกำพร้าก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเหมือนใช้ชีวิตให้หมดไปแต่ละวันเท่านั้นเอง จำได้ว่ามีเงินเก็บอยู่ก้อนนึงที่ได้จากการทำงานเลยตัดสินใจออกจากที่นั่น แล้วตรงมาที่เกาหลีเลย มาแบบไม่ได้คิดอะไร.."
"เห้อ..เอายังไงกับเธอดีนะ จะปล่อยไปก็ไม่ได้ด้วยสิ"
..รับไปอยู่ด้วยก่อนก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง ขืนปล่อยไปแบบนี้มีหวังเกิดเรื่องอีกแน่
"อายุเท่าไหร่แล้วเธอน่ะ"
"ฉ ฉันเหรอคะ เอ่อ..ฉันอายุ 22 ค่ะ"
"ยังเด็กอยู่เลยนี่นา งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน คืนนี้เธอไปนอนพักที่บ้านของฉันก่อน แล้วหลังจากนั้นจะเอายังไงต่อค่อยคุยทีหลัง"
"..." หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ สีหน้าดูเป็นกังวลอีกครั้ง ถ้าให้ทายคงไม่ไว้ใจเธอเป็นแน่ แต่เท่าที่ฟังเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้คร่าวๆแล้วรู้สึกสงสารยังไงไม่รู้ เป็นเด็กกำพร้า แถมไม่มีที่นอนเป็นหลักแหล่ง เงินติดตัวก็คงจะไม่มีเหลือ เธอแค่อยากช่วยเท่าที่ช่วยได้..ก็แค่นั้นแหละ เห็นใจเพื่อนร่วมโลก you know?
"ไปกับฉันเถอะหน่า ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกเพราะฉันเป็นคนดี ไม่ทำอะไรเด็กน้อยอย่างเธอหรอก"
.
.
.
"อีกอย่าง ลืมไปหรือเปล่าว่าคนที่เพิ่งช่วยเธอให้รอดจากมือไอ้โรคจิตนั่นก็คือ ฉัน นะเด็กน้อย.."
____________
กลับมาในรอบสองปีค่ะ555555 เรียกว่าลืมพลอตเรื่องเลยก็ได้
เป็นฉบับ rewrite นะคะ แก้คำผิด อิงเนื้อเรื่องเดิมอาจะมีเติมแต่งขึ้นมาใหม่บ้าง
ช่วงนี้จะพยายามแก้แล้วรีบลงให้อ่านกันเด้อ
ปล.กราบใจคนอ่านที่ยังรอค่ะ คุณรอเก่งมากฮ่าๆๆ
ปล.ฝากติดตามเหมือนเดิม งิงิ
ความคิดเห็น