ทดลองลง
นิยายเรื่องนี้ นายเอกไม่สวย และไม่มีวันสวย ทำความเข้าใจด้วยเด้อ
เมื่อแรกยามฝนหยด
เมื่อหยาดฝนได้โปรยลงมา
ในคราเมื่อท่านและข้าได้พานพบ
"...หากจะให้บอกกล่าวถึงเรื่องราวของตัวข้าเอง ท่านนั้นเล่าพอจะเสียสละเวลาของท่านได้หรือไม่..."
ร่างของชายหนุ่มภายใตหน้ากากไม้ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีขาวกับรอยขีดยิ้มที่เหยียดกว้าง หันหลังมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ชุดของเขาเป็นสีเทาหม่นๆเปื้อนไปด้วยฝุ่น เส้นผมยาวถูกรวบเป็นมวยชุ่ยๆหาได้ใส่ใจ แผ่นหลังนั้นตั้งตรงด้วยรูปร่างที่ท่วมเตี้ยมันจึงไม่ค่อยน่ามองนัก ใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นเป็นปริศนา
บุรุษอีกคนในอาภรณ์สีดำแดง เขามีรูปโฉมงดงามและสง่า ใบหน้าที่ราวเทพที่ลงมาจุติ เส้นผมพริ้วตามแรงลม ในมือถือร่มสีดำ หยาดฝนเริ่มตกมาแล้ว เขามองเจ้าสิ่งมีชีวิตด้านหน้านิ่ง
"ก็จงเล่ามา..."
น้ำเสียงนั้นราบเรียบแฝงได้ด้วยความเย็นชา
" หึ... นายท่านคนงามช่างเมตตาเสียเวลาคุยกับข้าแบบนี้ งั้นข้าจะเล่าแบบกระชับ "
น้ำเสียงนั้นติดขี้เล่น ก่อนจะร่างของร่างนั้นจะหมุนกายมาสบตาแววตาดุจเหยี่ยวด้วยท่าทีมิเกรงกลัว แววตาภายใตหน้ากากนั้นราบเรียบซ้ำยังไร้ประกายแห่งชีวิต ราวกับทุกอย่างที่แสดงออกมามันคือละครฉากหนึ่ง
มือเรียวของบุรุษรูปงามกำกระบี่ที่เอวไว้แน่นอย่างใจเย็น ก่อนเสียงนุ่มนั้นจะเอื้อนเอ่ยซึ่งเรื่องราวที่เิกดขึ้น
" เมื่อราว20ปีก่อน แคว้นเหอแห่งนี้เจริญรุ่งเรือง ผู้คนต่างอยู่ดีมีสุข ด้วยบารมีขององค์กษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรม เปี่ยมด้วยเมตตาการุณ ปกครองอย่างเที่ยงตรง ประชาชนต่างผาสุขี
แต่ทว่า... ใครจะล่วงรู้ว่าความสงบจะหายไป เมื่อมีขุนนางตำแหน่งสูงผู้หนึ่งได้ขายข่าวบ้านเมืองแลกกับตำแหน่งที่สูงกว่าให้กับแคว้นถัง
องค์กษัตริย์ถูกลอบปลงพระชมน์ด้วยยาพิษ ทุกอย่างพังพินาศชั่วพริบตาด้วยความละโมบของขุนนางผู้นั้นเพียงคนเดียว ทั้งที่เขาได้รับความไว้วางใจ แต่มันผู้นั้นกลับทรยศซึ่งความเชื่อใจที่องค์กษัตริย์มอบให้
เพียงไม่ถึงเจ็ดวันเท่านั้น ผู้คนณ แคว้นเหอ ต่างถูกสังหารตายตกกันไปตามกัน ไม่มีผู้ใดรอด ตอนจบของเรื่องราว คือ แคว้นเหอ ย่อยยับ ถูกลบไปในหน้าประวัติศาสตร์ มันช่างลางเลือนลงเรื่อยๆ ไม่มีผู้ใดกล่าวถึง ทุกสิ่งที่เป็น เหอ ตายไปพร้อมกับเหตุการสุมไฟเผาชาวประชาแคว้นเหอทั้งเป็น ณ ลานกว้างกลางเมือง
ท่านตรองดูเถอะ หากมนุษย์มีแต่ความละโมบโลภมากมิสิ้นสุด มันย่อมมิแปลกหากจะนำพานสู่ความชิบหาย หนอนตัวเดียวสามารถล้มต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นมายาวนานได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ท่านมีความเห็ฯว่าอย่างไรเล่า นายท่าน
ท่านว่ามันช่างเจ็บปวดมากหรือไม่ กับการที่ต้องเห็นบ้านเมืองที่ตนได้เติบโต พึงอาศัย กับครอบครัว ได้มลายลงไปกับตาย มันทรมานราวกับตายทั้งเป็น บาดแผลตามร่างกายนี้ก็มิอาจเทียบความเจ็บปวดภายในหัวใจข้าได้เลย "
อ่า... ทำไมมันดิ่งขนาดนี้นะ ผมคิดพลางปิดนิยายเล่มหนาด้วยใจที่ขุ่นมัว หน้าปกประดับอักษรหวัดที่สวยงามบนพื้นปกสีราบเรียบว่า ชาวเหอคนสุดท้าย มันเป็นนินายเล่าเรื่องที่ผมเผอิญได้มาเมื่อปีกลาย และนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมหยิบขึ้นมาอ่าน
ผมลูบปกหนังสือด้วยใจที่เหม่อลอย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปรอบๆ ห้องพักคนป่วยสีขาวสะอาดตา พร้อมกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ฉุนจมูก และบนโต๊ะข้างหัวเตียงมีพินัยกรรมวางไว้ พร้อมด้วยกระดาษข้อความแนบไว้
' ติน ยอมรับเถอะ ว่าแกไม่มีท่ารอด
เซนชื่อยืนยันการมอบมรดกทั้งหมดให้น้องสาวแกซะ
จาก ป้า '
ช่างเป็นป้าที่รำเอียงเสียจริง ตินคิดอย่างไม่ใส่ใจ ไม่มีอะไรให้ต้องหวงอีกแล้ว น้องสาวก็ดูแลตัวเองได้แล้ว พ่อกับแม่ก็กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักในชนบทแสนสงบที่ไหนสักที่ ส่วนเขาก็เพียงพอกับชีวิต... ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหน... สุดท้ายก็หนีความตายไม่พ้น...
เขาเอื้อมมือไปคว้าพินัยกรรมนัยมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนจะตวัดรายเซนลงไปอย่างไม่ลังเล มรดกจากพ่อแม่ และเงินทั้งหมดที่เขามี จะตกเป็นของน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ใบตาน จะไม่มีใครมีสิทธิ์ในมรดกและเงินทั้งหมด เขาเขียนกำกับลงไป ก่อนจะวางมันกลับไปที่
" แค่ก... "
เขาสำลักไอคำโต ก่อนจะรู้สึกรสฝาดและกลิ่นคาว ลมหายใจถูกถอดถอนย่างเหนื่อยอ่อน เขาต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอด15ปี และตอนนี้มันกัดกินจนเส้นชีวิตเขาใกล้ขาดเต็มที เขาทิ้งตัวอย่างโรยราก่อนจะปิดเปลือกตาลง เขากำลังจะตาย จุดจบของเขาไม่ต่างกับตัวเอกของนิยายในอ้อมกอด ช่างน่าเวทนานักเหลือเกิน ตลอดเกือบ30ปีที่ต่อสู้กับมรสุมอย่างเหนื่อยอ่อนของชีวิต ในที่สุดเขาก็จะได้พักเสียที... ไม่ต้องทรมานอกีแล้ว...
ก่อนที่เปลือกตาจะพล่าเบลอ มีน้ำเสียงที่บางเบาแต่ทว่าช่างเศร้าบาดลึกในจิตใจดังขึ้น
...จงมีชีวิตแทนข้า...
หมายความว่าไงกัน?
...เจ้ากับข้าคือผู้เดียวกัน...
คนๆเดียวกันงั้นเหรอ?
...ติน...
หืม?
...เจ้าก็คือข้า...
อะไรกัน?
...
ความคิดเห็น