love is the sea
เป็นเรื่องราวรักแรกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อจินนี่ เรื่องราวความรักของเธอจะลงเอยด้วยความผิดหวังหรือสมหวังนั้นต้องติดตามน่ะค่ะ
ผู้เข้าชมรวม
101
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Love is the sea
แสงแดดจ้าสะท้อนกระจกที่วางพิงอยู่กับผนังบ้านหันไปทางทิศตะวันตกกระทบเข้าตาฉัน ต้นไม้สะพลิ้วไหว ฝูงนกกากำลังบินกลับรัง เป็นสัญญาณบอกว่าเย็นแก่แล้ว มันกำลังจะค่ำ เอมีลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ดาดฟ้าบ้าน ร้องเพลงเต้นรำอย่างสนุกสนาน
"อยู่คนเดียว พูดคนเดียวก็มีความสุขคีน่ะ" เอมีลี่พูดพลางมองไปยังดาดฟ้าด้านหนึ่ง เห็นนกกระจิบคู่หนึ่งกำลังจู๋จี๋กัน เหมือนพวกมันจะมีคำพูดมากมายบอกเล่าให้แก่กัน อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่พบเจอมาในวันนี้ เอมีลี่เพ่งมองอย่างนึกคิด และคิดไปไกลจนถึงเรื่องราวที่ได้เจอมาในวันนี้
จินนี่ เป็นเด็กสาวน่ารัก กะทัดรัด โอบอ้อมอารี มีอารมณ์ขันเป็นตัวเด่นของเพื่อนๆ เธอเป็นเพื่อนของเอมีลี่ เมื่อเช้านี้พวกเธอเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน และเจนนี่ก็ได้เล่าเรื่องราวความรักของหล่อนให้เอมีลี่ฟังในระหว่างทางเดิน
"นี่เอมีลี่ ! อยากฟังเรื่องราวความรักของฉันใหม? จินนี่เอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มด้วยสีหน้าปนเศร้า
"ฉันไม่เข้าใจเรื่องราวความรักหรอกน่ะ แต่ฉันก็อยากฟัง" เอมีลี่พูด
"เล่ามาสิ น่าสนใจดีออก" เอมีลี่คะยั้นคะยอให้เพื่อนเล่าเรื่องราวความรักให้ฟัง และเรื่องก็เริ่มต้นด้วยคำว่า...
ฉันพบเขาครั้งแรกในช่วงกีฬาสีเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นฉันขึ้นมัธยมปลายปีแรกเขาคนที่ดูดีมาก ประมาณว่าดึงดูดให้เรารู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ อยากเห็นหน้า อยากรู้จัก เขาอยู่สีเขียวส่วนฉันอยู่สีเหลือง เรามี อัฒจรรย์เชียร์อยู่ใกล้กัน ฉันจึงมองเห็นเขาทุกวัน แต่พอกีฬาสีจบไป ฉันก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย ฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร เรียนอยู่ห้องไหน มัธยมใด และชื่ออะไร
ฉันไม่ได้เจอเขานานมาก แต่แล้ววันหนึ่ง ฉัน...ก็...ได้เห็นเขาอีกครั้งฉันจ้องมองเขาอย่างไม่คำนึงถึงอะไรเลย จ้องแบบตาค้างเลยทีเดียว และฉันก็จำวันนั้นได้แม่นเลยทีเดียว วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของเทอมแรกในชีวิตมัธยมปลายของฉัน ฉันเริ่มชอบเขามากขึ้นเมื่อฉันได้มองหน้าเขาอีกครั้ง แต่โรงเรียนก็ปิดเทอมไปซะแล้ว
ในวันปิดเทอมฉันเฝ้ารอคอยแต่วันเปิดเทอม เพื่อที่จะได้เห็นหน้าเขา สองอาทิตย์ผ่านไปโรงเรียนก็เปิดสอนในเทอมที่สอง ฉันรู้สึกแปลกมากปกติแล้วฉันรู้สึกว่าอยากปิดเทอมนานๆแต่ครั้งนั้นฉันกลับดีใจมากที่โรงเรียนเปิดเทอม เวลาเพียงสองอาทิตย์ของวันปิดเทอมช่างเป็นเวลาที่นานมาก วันแรกที่ฉันได้เรียนในเทอมใหม่ของชีวิตมัธยมปลายของฉันนั้นเป็นช่วงเทศกาลพิเศษ มีการจัดหอพัก ฉันจึงต้องกลับบ้านทุกวัน ฉันดีใจที่ได้กลับบ้านแต่...ฉันไม่ได้เห็นหน้าเขานะสิช่างโหดร้าย ตอนนั้นถ้าถามใจฉัน ฉันตอบได้เลยว่าฉันอยากเจอเขามากๆสุดจะบรรยายได้เพราะถ้านับวันเวลาแล้วฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาสองเดือนเต็ม ฉันยังไม่รู้จักชื่อและข้อมูลของเขาสักอย่าง ช่วงเทศกาลผ่านไป วันเฉลิมฉลองที่แสนสนุกผ่านไป ชีวิตตามปกติก็กลับมาอีกครั้ง มันช่างเป็นอะไรที่แย่มาก ฉันจะต้องอยู่หอที่ถูกจัดมาโดยโรงเรียน ฉันไปโรงเรียนและกลับหอทุกวันเต็มเวลา แต่ฉันก็มีสิ่งที่พิเศษเสมอคือการที่ได้เจอเขา เห็นเขาบ่อยขึ้น และแน่นอนมันทำให้ฉันมีความรู้สึกชอบเขามากขึ้น
ตอนนั้นโรงเรียนของฉันมีเทศกาลพับนกกระดาษ ฉันก็ฝึกพับไปกับเพื่อนๆด้วย ฉันพับได้หลายตัวและพับได้สวยด้วย ฉันรู้สึกดียังไงชอบกลตอนที่ฉันพับนกได้สวย รู้สึกดีเหมือนกับได้อยู่ใกล้ๆเขาอะไรประมาณนั้น ฉันยอมรับเลยน่ะว่าฉันบ้า ฉันเผลอเขียนความในใจลงไปบนปีกทั้งสองข้างของนก และฉันก็ต้องตกใจเมื่อเพื่อนสนิทของฉันแอบอ่านมันเข้าและรู้เรื่องทั้งหมด
"ไปบอกเขาสิ ให้เขาไปเลย" เขาพูดขึ้น ฉันไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดี "คิดบ้าๆ คนอย่างฉันไม่เคยคิดจะบอกรักผู้ชายหรอกน่ะ ไม่เคยคิด ไม่เคยทำ โดยเฉพาะผู้ชายที่เจอกันไม่นานและไม่เคยคุยกันสักครั้งอย่างเขา แต่ในขณะเดียวกันอีกความคิดหนึ่งในใจก็บอกว่า "ให้เขาไป ก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไรไป" ฉันสับสนกับความคิดของตัวเอง แต่ความคิดด้านมืดมันมีมากกว่า ฉันแพ้ใจตัวเอง ฉันยอมมอบนกน้อยนั่นไปให้เขาพร้อมกับลูกอมฮาร์ทบีท รสสตรอเบอร์รี่
หนึ่งเม็ดที่มีคำเขียนไว้ว่า "แอบชอบ" บนปีกนกน้อยตัวนั้นมีคำที่เขียนว่า "ชอบเธอมากน่ะ น่ารักดี" ฉันให้เขาไปผ่านเพื่อนสนิทที่ชื่อเอมม่า แต่ฉันเรียกเขาว่า โบแดงมากกว่า หล่อนเอาไปสอดไว้ใต้โต๊ะเรียนของเขา ฉันคิดว่านี่ไม่ใช่การสารภาพรัก แต่เป็นเพียงการให้เขารู้ว่ามีคนแอบชอบอยู่แค่นั้นเอง ฉันไม่ได้ต้องการความรักจากเขาแต่ถ้าเขาจะให้ก็เป็นการดีที่สุดในโลกเลย ฉันจะดีใจมากถ้าเขารับจดหมายฉบับนั้น
ฉันสังเกตเห็นเขาชอบไปกินข้าวร้านเดิมเสมอ เพราะร้านที่เขากินอยู่ทุกเย็นนั้นเป็นทางผ่านกลับหอพักฉัน และบังเอิญร้านนั้นก็มีโบแดงเป็นเจ้าของร้าน เย็นวันหนึ่งเขาไปกินข้าวเหมือนเดิมเช่นทุกวัน และโบแดงซึ่งเป็นเจ้าของร้านก็ถามเขาว่า " เอ่อ ! คุณได้รับจดหมายอะไรหรือเปล่า?" แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า "ทำไมหรือครับ" จดหมายฉบับนั้นพี่เป็นคนส่งหรือ? เมื่อพูดจบเขาก็รีบเดินออกไปจากร้านทั้งๆที่ยังกินไม่เสร็จ
ต่อมา จดหมายของฉันก็ถูกส่งไปยังเขาเรื่อยๆ ฉันได้รู้ห้องเรียนของเขา และรู้ว่าเขาเป็นรุ่นน้อง ห้องเรียนเขาคือห้องเรียนแรกของอาคารเก่าแก่ที่สุดของโรงเรียน 111 เขาเป็นคนที่ชอบทำความสะอาดห้องเรียน ไม่แปลกที่ตัวเขาดูสะอาดและมีวินัย วันนั้นฉันเห็นเขาถือนกกระดาษอยู่ที่มุมห้อง ฉันรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมาก รู้สึกดีที่เขารับจดหมายของฉันและอ่านมัน ตอนนั้นความรู้สึกเหมือนอยากร้องให้ ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกมันคือความสุขและความดีใจที่สุด แต่ความรู้สึกนั้นก็ต้องจบลงในวันต่อมาเพราะเขาไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของจดหมายนั่นแค่นั้นยังไม่พอ ซ้ำเขายังคิดว่ายัยโบแดงเป็นเจ้าของมันอีก ฮื้อ.................................T-T
ต่อมาเขากลายเป็นคนที่ชอบมองยัยโบแดง ในขณะเดียวกันเขาไม่เคยมองหาฉันเลย เขาจะแสดงอาการเขินอายทุกครั้งต่อหน้ายัยโบแดง ในขณะที่ไม่เคยรู้สึกแปลกๆหรืออายฉันบ้างเลยทั้งๆที่ฉันอยู่ติดกับยัยโบแดงยังกับปาท่องโก๋ เขามีแต่ความเฉยชา สำหรับเขา ฉันก็เหมือนคนทั่วไปที่ผ่านไปมาโดยที่เขาไม่รู้จัก ในขณะที่ฉันอายเขาจะเป็นจะตายคอยคิดแต่จะหลบสายตาตอนที่เขาเผลอมอง
เวลาเดินผ่านไปหนึ่งเดือน วันที่มีความสุขของฉันเกิดขึ้นมาอีกครั้ง และนั่นก็คือเวลาเลิกเรียนของเย็นอันสดใส ฉันเดินออกจากประตูโรงเรียนและได้เจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันสำหรับคนเล็กๆอย่างฉัน มหัศจรรย์จริงๆที่ฉันได้เจอเขาในระยะใกล้มากแบบว่าอีกสองก้าวฉันก็กอดเขาได้แล้วหละ (บ้า) เพื่อนฉันสะกิดฉันให้แกล้งเดิน
เคียงเขา แต่ฉันคิดที่จะเดินตามหลังเขา เราเดินไปเรื่อยๆ และเขาก็หยุดกะทันหันเพื่อข้ามถนนไปอีกฟาก คนที่เดินอยู่ข้างหลังและเพลินอยู่กับการมองแผ่นหลังของเขาอย่างฉันก็ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย โชคยังดี (หรือเปล่า) ยังเหลือช่องว่างอีกก้าวเป็นระยะห่างระหว่างเรา ฉันเงยหน้ามองดูไหล่ที่แผ่กว้างของเขาอย่างรู้สึกอบอุ่น เขาสูงประมาณ 172 เซนติเมตร ส่วนฉัน 149 เซนติเมตร (ยืดแบบสุดๆแล้วน่ะเนี้ยะ) หน้าของฉันอยู่กลางหลังของเขาพอดี ฉันอยากจะทักเขา แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของฉันที่จะทักทายชายที่เขาไม่รู้จักฉัน เมื่อรถทุกคันให้ทางแล้ว เราสองคนก็เดินข้ามถนนไปพร้อมกันโดยมีเขาเดินนำหน้าฉัน และจะบอกว่าฉันก็เดินตามรอยเท้าของเขา(ยังกับข้างหน้ามีระเบิด) มันเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาก หัวใจฉันเต้นถี่ สายตาของฉันจ้องแต่แผ่นหลังของเขาตลอดทาง ฉันไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนั้นใครหรือรถคันไหนจะมองฉันยังไง ฉันรู้สึกดีจริงๆ เมื่อเราข้ามไปถึงอีกฝั่งสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่ฉันหันหลังกลับแสดงท่าทางดีใจสุดๆแล้วหันกลับไปหาเขาอีกครั้งนั้น เขาก็หันหลังกลับมามองฉัน(สงสัยเขาคงรู้ว่ามีคนตามหลังอยู่และเขาอาจคิดด้วยว่าเธอบ้า เจนนี่) ฉันไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงแต่ฉันทันที่จะยิ้มให้เขา แต่ไม่ได้สังเกตว่าเขาทำหน้ายังไง น่าเสียใจมากถ้าเขาไม่ตอบรับยิ้มของฉัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามวันนั้นก็เป็นวันที่ฉันมีสุข และโชคดีที่สุดด้วย
มีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันโชคดีนั้นก็คือ หอพักของฉันอยู่ใกล้กับหอพักของเขาเขา ฉันมักจะชอบมองหอพักเขาทางหน้าต่างห้องฉัน แค่ได้เห็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของหลังคาหอพักเขาก็รู้สึกดีแล้ว (ดูมัน เป็นเอามากเชียว) และฉันก็ดีใจเสมอที่ได้เห็นเขาที่นั่น เขาคือกำลังใจของฉัน เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าต้องทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม รู้สึกอยากทำตัวเองให้มีคุณค่ามากกว่านี้ ฉันอยากได้ชื่อว่า Perfect เหมือนเขา ฉันอยากจะเข้าไปคุยกับเขาหรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เขารู้จัก แต่แค่ที่เป็นอยู่ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีไม่เบา เหตุการณ์การแอบมองของฉันเกิดขึ้นอยู่เสมอทั้งที่หอและที่โรงเรียน ฉันมักจะตั้งใจไปแอบมองเขาในเวลาว่างฉันได้เห็นทุกอิริยาบถของเขา นอนในห้อง คุยกับเพื่อน เล่นกีฬา เรียน ทำความสะอาด ฉันรู้สึกดีทุกครั้ง มันเพิ่มกำลังใจในชีวิตฉัน ทำให้ฉันฝันดีและมีความสุขทุกคืนวัน เธอเชื่อไหมว่าสิ่งนี้ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน การสอบปลายภาคและการปิดเทอมอันยาวนานกำลังจะมาถึง ความรู้สึกของฉันยิ่งหดหู่เมื่อยัยโบแดงเพื่อนสนิทของฉันมาบอกว่า เขาพูดว่า" ปีหน้าเขาจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขากำลังจะไปเรียนต่อที่อื่นพี่คงไม่ได้เห็นเขาอีก" ตอนนั้นหัวใจฉันเหมือนอ่อนแรงโดยไร้สาเหตุ ความรู้สึกมากมายเข้ามาโจมตีจิตใจรวมทั้งอาการโกรธยัยโบแดงที่ไม่ได้ขอข้อมูลอะไรของเขาเลย ข้อมูลส่วนตัวของเขาทั้งหมดนั้นถูกฉันรู้แค่เพียงว่าเขามีหน้าเหมือนแดเนียล เรดคลิฟบวกกับตัวฉันเองก็ชื่อ จินนี่ ฉันจึงเรียกเขาว่า แฮรรี่ เพียงเพื่อสุดท้ายจะได้คู่กัน (และคนอื่นก็เรียกว่าแฮรรี่ตลอดมา) ชื่อจริงของเขาช่างจำได้ยากนักแต่ฉันก็จำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม มันจะอยู่ในใจของฉันตลอดไป
เขาคือคนแรกที่ทำให้ฉันสามารถทำอะไรที่ฉันไม่เคยคิดจะทำ ส่งจดหมาย และทำอะไรอีกหลายๆอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ฉันไม่เคยชอบใครได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ฉันคิดว่า นี่มันไม่ใช่ความรัก แต่มันเป็นความหลงมากกว่า สำหรับฉัน"ความรักกว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้เราจะต้องรู้จักซึ่งกันและกันและผูกพัน แต่นี่มันไม่ใช่ นี่มันเป็นแค่เพียงความชอบความหลงแค่นั้นเอง" และวันปิดเทอมที่ฉันไม่อยากให้มีมันก็มาถึง มันเป็นวันที่ฉันจะต้องจากเขาไป
ในช่วงปิดเทอมปีนี้ ฉันจะต้องเข้าค่ายอัจฉริยะ ในวิชาชีวะที่มหาวิทยาลัยของจังหวัด ในช่วงนั้นฉันต้องเสียน้ำตาหลายครั้ง ไม่ใช่แค่คิดถึงเขาอย่างเดียวแต่เป็นเพราะเพื่อนๆฉันล้อแฮรรี่ของฉันกับยัยโบแดงที่ดูท่าทางยัยโบแดงก็โอเคกว่าฉันอยู่แล้วพวกเขาชอบพูดว่า "แฮรรี่ทิ้งเธอไปแล้วเขาชอบโบแดงมากกว่าเธอยัยเฉิ่มจินนี่ พวกเขารักกันและจะทิ้งเธอ" มันดูเด็กมากที่ฉันจะร้องให้ แต่ฉันกลับคิดแบบเด็กๆว่า แล้วฉันหล่ะ สิ่งที่ถูกต้องคือฉันชอบ แฮรรี่ ไม่ใช่แฮรรี่ที่ไปชอบยัยโบแดงที่บังเอิญเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน และยัยโบแดงเองก็ดันมาบอกความจริงในใจของหล่อนออกมาว่าชอบ แฮรรี่ (มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน) แฮรรี่ทั้งหล่อ ทั้งดีมีใครบ้างที่ไม่ชอบเขา เรื่องนี้ทำให้ฉันกับยัยโบแดงซึ่งต้องย้ำว่าเป็นเพื่อนสนิทของฉันต้องห่างกัน ฉันห่างกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เราสองคนไม่สนิทเท่าเมื่อก่อน มันไม่เหมือนเคยจริงๆ ฉันทิ้งระยะห่างระหว่างกันมากขึ้นทุกวันฉันจะติดเธอเหมือนเก่าไม่ได้ ยิ่งตอนที่เธอมาพูดว่า "แฮรรี่เขาชอบฉันไม่ได้ชอบเธอยัยจินนี่ และเราสองคนก็มักจะชอบอะไรเหมือนๆกันและเรื่องนี้ฉันก็อาจจะชอบเขาก็ได้น่ะ" (จะพูดอีกทำไมในเมื่อชอบอยู่เห็นๆ) หล่อนชอบที่จะพูดอะไรแบบนี้ แต่ฉันก็ยังมีความคิดที่ว่าเขาเป็นเพื่อนละคงไม่คิดทำอย่างนั้นเด็ดขาด
45 วัน ผ่านไป
วันเปิดเทอมก็มาถึง ยัยโบแดงส่งจดหมายมาหาฉันพร้อมกับบรรยายความรู้สึกของหล่อนมาให้ฉัน เนื้อหาในจดหมายช่วงหนึ่งเขียนว่า "ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ทำให้เราห่างกัน เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่างเรา" เขากล่าวคำขอโทษฉัน จดหมายฉบับนั้นทำให้ฉันคิดได้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปมันแย่มาก สิ่งที่ฉันเป็นอยู่นั้นมันตลกและทุเรศสิ้นดี ฉันรู้สึกผิดที่สร้างช่องว่างระหว่างกัน และจดหมายฉบับนั้นทำให้เราซ่อมทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
วันถัดมาฉันดีใจแทบกรี้ดเมื่อฉันได้รู้ว่า แฮรรี่ยังอยู่ เขายังเรียนอยู่ที่เดิมกับฉัน ความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายหมดไปอย่างไม่ต้องอธิบายแต่น่าเสียดายที่ฉันย้ายหอพักไปอยู่ที่ใหม่เสียแล้วเพราะไม่อยากนึกถึงภาพเก่าๆ
ฉันรู้มาว่าเขาชอบไปเล่นอินเตอร์เน็ตที่ร้านหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนนัก และเขาก็สามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ได้ด้วย ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ฉันจะต้องผ่านร้านนั้นเพื่อกลับหอหลังใหม่ของฉัน ฉันเลยถือโอกาสไปดูเขาที่นั่นทุกเย็นและต่อด้วยการดูเขาเล่นฟุตบอล ไม่อยากจะบอกเลยว่าเขาเป็นนักบอลโรงเรียน ฉันนั่งมองเขาอยู่ขอบสนาม อยากบอกว่าเขาช่างดูน่ารักมากเวลาที่มีเหงื่อไหล (ตะ-หลก)
และเย็นวันหนึ่งฉันก็ได้เจอเขาที่ร้านอินเตอร์เน็ต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งเจ้าของร้าน ฉันเข้าไปทำงานนั่นและเหตุการณ์ที่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น นั่นคือ.....เครื่องคอม ของฉันเสีย (แล้วอยากให้เกิดตรงไหน) และฮีโร่ที่มาช่วยซ่อมก็คือเขา (น่ารักจัง) เขาซ่อมมันอย่างรวดเร็วและยังปริ้นงานสำคัญออกมาได้ด้วย ฉันดีใจมาก ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว แต่ฉันก็ต้องหุบยิ้มอีกตามเคย เพราะ...อ๋อ ฉันคงจะลืมบอกไปสิน่ะว่าฉันไปที่นั่นกับใคร ไม่ต้องทายก็รู้ ก็ยัยโบแดงยังไงเล่า และงานนั่นก็เป็นของยัยนั่น ไม่ใช่ของฉัน ทีนี้มีแต่พวกเขาที่ยิ้มให้แก่กันตอนจับกระดาษแผ่นเดียวกัน (ยังกับในละคร) โดยมีฉันเป็นพยานความหวานในครั้งนั้น (ใจ....ส..ลาย) ฉันหยุดจ้อแจ้ เขาก็ด้วย มีแต่ยัยโบแดงที่คุยไม่ยอมหยุด ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเขาอย่างชัดเจน เขามีผมสีน้ำตาลแดงลอน ขนแขนสีทอง (หล่อจัง)หน้าเรียวมนที่ประกอบด้วยคิ้วอันดกดำ ตาคมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งสันเป็นคม และริมฝีปากเรียวบางสีส้มอมชมพูของเขาทำฉันใจสั่นบวกกับผิวขาวละเอียดใสของเขาแล้วล่ะก็เรียกแฮร์รี่คงไม่ผิด เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงสีดำยาว และสวมนาฬิกาสีดำที่แขนซ้ายลายชวนสะดุดตา ชุดนี้ช่างเหมาะกับเขามาก ในขณะที่ฉันนั่งมองและวิจารณ์เขาอยู่ในใจนั้น งานของเราก็เสร็จ ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อ เจ้าของร้านทำลายความเงียบด้วยคำว่า "รีบขอบคุณเขาสิ เขาอุตส่าห์ช่วย" "ขอบคุณค่ะ" คำกล่าวของฉันถูกกล่าวออกมาโดยไวพร้อมรอยยิ้มสุดขอบปากของฉัน แล้วรีบจ่ายเงินค่างานที่เจ้าของร้านและเดินออกไปจากร้านอย่างอิ่มเอม (เพราะว่าได้วิจารณ์เขาหมดเปลือก แต่หล่อจริงอ่ะ)
วันถัดมาฉันก็ไปทำงานที่เดิม และเขาก็ยังอยู่ที่เดิม ฉันทำงานเสร็จก็เดินไปถามเขาอย่างหยาบๆเพื่อกลบความอายว่า "เท่าไหร่" เขากลับตอบฉันอย่างสุภาพว่า "สิบบาทครับพี่" ฉันถามเขาอีกครั้งเพียงเพื่ออยากได้ยินเสียง และเขาก็ตอบกลับมาเช่นเดิม ฉันยื่นธนบัตร 20 และเขาก็ทอนฉันเป็นเหรียญ 10 บาท (เป็นธรรมดา) ฉันคิดว่าจะเก็บเหรียญนั้นไปตลอดชีวิต เพราะมีทั้งรอยนิ้วเขาและฉันในเหรียญเดียวกัน (โคตรเวอร์เลย) แต่ที่ใหนได้ยัยโบแดงดันหยิบไปซื้อน้ำเสียดื้อๆ (555) และฉันก็จำเหรียญนั่นไม่ได้ด้วยยังไม่ทันท่องรหัสเลย กะว่าจะทำเหมือนกับรองแก้วตามหาซินเดอเรลล่า (เวอร์อีกแล้ว) น่าเสียดายจัง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ฟังเสียงเขาอย่างชัดเจน(ฉันรู้สึกว่าพูดอย่างนี้หลายรอบจังแล้วน่ะ) แม้ไม่โรแมนติก แต่มันก็ช่วยเป็นอะไรที่ห่อหุ้มใจฉันให้อบอุ่นและเพิ่มความรู้สึกดีดีมากขึ้น
และทุกครั้งมันก็เป็นอย่างนี้ วันสอบปลายภาควันสุดท้าย มีบางอย่างที่ทำให้ความรู้สึกฉันแย่ ยัยโบแดงพูดออกมาว่า "ฉันชอบแฮร์รี่ ชอบมากด้วยและเขาก็ชอบฉันไม่มีวันไปชอบเธอหรอก" ครั้งนี้เป็นเรื่องจริงแบบล้อเล่นไม่ออก หล่อนสารภาพรักแฮร์รี่ต่อหน้าฉัน เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง คำพูดคำนั้นทำให้ฉันกับเขากลับสู่สถานการณ์ที่ไม่ดีอีกครั้ง รอยร้าวเดิมๆที่เคยพังทลาย และพังลงอีกหลายๆครั้งมันทำให้ฉันไม่อาจจะประสานมันขึ้นมาเป็นดังเดิม และเรื่องที่ตอกย้ำใจฉันที่สุดก็มาถึงเมื่อหล่อนมาเล่าให้ฉันฟังว่า เมื่อวานนี้แฮร์รี่ไปที่บ้านแล้วบอกน้องชายหล่อนว่า ฝากความคิดถึงพี่สาวด้วย ไม่สิน่ะว่าเรื่องแค่นี้มันทำให้ฉันเจ็บได้ดังกับถูกแทงลงกลางใจ(เงียบ) ฉันไม่อยากคุยอะไรสักคำ ฉันรู้สึกทุเรศตัวเองอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นฉันก็ได้แต่ทำใจ แต่ฉัน ฉันทำไม่ได้ วันๆ ฉันได้แต่ทนฟังหล่อนเล่าความหวานของหล่อน "เมื่อวานเขายิ้มหวานใส่ฉันด้วยละ" (แหยะหมั่นใส้ยัยโบแดงนัก) ช่างตอกย้ำใจฉันเหลือเกิน ฉันร้องให้!ฉันร้องอย่างหนัก ทุกคนที่หอพักรู้เรื่องของฉันหมดเลย ฉันก็ดันเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เป็นซะด้วย วันต่อมาฉันตัดสินใจพูดกับหล่อนว่า " เธอชอบเขาฉันไม่ได้ว่าอะไร เขาชอบเธอก็ยิ่งดี ฉันจะได้เห็นพวกเธอ..." ทั้งๆที่ใจฉันไม่อยากพูดคำนั้น แต่ฉันก็ฝืนใจพูดคำนั้นไป (น่าสงสารจัง) ตอนนี้ฉันได้แต่ลุ้นว่าแฮร์รี่จะไปเรียนต่อที่ไหน ฉันไม่อาจยื้อได้แล้วเพราะมันคือความจริง
ตอนปิดเทอมปีนั้น ฉันต้องเข้าค่ายติวเตอร์ที่โรงเรียน ในขณะที่ฉันเข้าเรียนในตอนเช้า มีคนมาบอกว่าเห็นเขาที่ห้องประชุมใหญ่เพราะเขามีปัญหาเรื่องเรียน ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ฉันรีบควบจรวดพรวดไปยังห้องประชุมใหญ่แทนที่จะเข้าห้องเรียน ฉันดีใจขอพูดว่าโคตรดีใจเลยที่ได้เจอเขาที่ห้องประชุมตามที่คนนั้นพูด ฉันอยากมองเขานานๆ แต่ทำไม่ได้เพราะต้องเข้าเรียน ฉันเรียนไม่เข้าใจเลย เรียนเสร็จก็รีบดิ่งตรงไปหาเขา แต่เขาก็ไม่อยู่เสียแล้ว
แต่.....ฉันยังมีโอกาสได้เจอเขาในวันสุดท้ายของการเข้าค่าย ในวันนั้นเป็นวันลงทะเบียนของโรงเรียนพอดี ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกัน ฉันได้เบอร์โทรศัพท์บ้านของเขาจากรุ่นน้องที่เรียนอยู่โรงเรียนประถมเดียวกันกับเขา
ฉันโทรไปหาเขาและทำเสียงผู้ชาย
"ขอสายแฮร์รี่ครับ"
" ผมพูดอยู่ครับ" แฮร์รี่พูดเสียงขรึม
ฉันตกใจเลยพูดไปว่า "ขอโทษโทรผิด" และฉันก็วางสายฉันไปเลย
ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้คุยกัน และตอนนี้ฉันก็ยังนึกถึงเขาแม้ว่าเวลามันจะผ่านไปเลย 3 ปีเต็ม
ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เมื่อฉันเดินผ่านร้านคอมพิวเตอร์ ฉันมักจะมองไปยังเก้าอี้ตัวนั้นเสมอ เก้าอี้ตัวที่เขาเคยอยู่ เพราะบางทีสักวันหนึ่งเขาอาจจะอยู่ตรงนั้นก็ได้ เขาอาจจะกลับมานั่งตรงที่เขาเคยนั่งก็ได้ แม้ว่ามันฟังดูเป็นไปไม่ได้แต่ฉันก็จะยังเชื่อว่าอย่างนั้น และเขาก็จะอยู่ในใจฉันตลอดไป ฉันยังนึกถึงทุกๆภาพที่เกิดขึ้นได้ ฉากที่ฉันเข้าไปค้นกระเป๋าเขา ฉากที่เขายิ้ม เล่นกีฬา ทุกฉากทุกตอนที่เคยเกิดขึ้นมันไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของฉันเลย
เมื่อพูดคำนี้จบจินนี่กับเอมิลี่ก็ถึงห้องเรียนพอดี มันช่างป็นอะไรที่โรแมนติกนัก และคำสุดท้ายที่จินนี่พูดก่อนจะเข้าห้องเรียนก็คือ
ตอนนี้ฉันกับยัยโบแดงก็ดีกันแล้วหล่ะ หล่อนบอกฉันว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้ชอบแฮร์รี่หรอกแต่ที่เขาทำไปนั้นแค่ต้องการทดสอบความรักที่ฉันมีต่อแฮร์รี่ว่ามันมากขนาดไหน เผื่อใจไว้บ้างหรือเปล่า ถ้าวันหนึ่งมีคนเข้ามาในชีวิตแฮร์รี่จริงฉันจะยิ่งเสียใจน่ะสิ เขาดีเหลือเกินเอมิลี่ เขาเขียนทั้งหมดนั้นลงไปในเฟรนด์ชิพฉันก่อนจะเรียนจบและแยกย้ายกัน และตอนนี้ฉันก็เจอเธอเป็นเพื่อนใหม่ เอมิลี่ ตอนนั้น พอเปิดเทอมแฮร์รี่ก็ไปเรียนไกลแสนไกล ส่วนฉันก็อยู่กับยัยโบแดง เรื่องราวระหว่างนั้นเป็นเหมือนลูกคลื่นใหญ่ที่เข้ามาทดสอบความเป็นเพื่อนและเป็นอีกรสชาติหนึ่งของชีวิต และฉันก็จดจำมันตลอดมา" แล้วจินนี่กับเอมิลี่ก็นั่งลงในห้องเรียนพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในวันนั้น
เอมิลี่นั่งถอนหายใจและคิดว่า "นี่หรือความรักความรักก็เหมือนกับทะเล บางทีมันก็บ้าคลั่ง รักมากเปรียบเหมือนคลื่นใหญ่ๆที่ซัดฝั่งทำน้ำกระเซ็นไปไกลและบางทีคลื่นก็น้อยดูเงียบสงบ แต่ยังไงน้ำทะเลก็ยังมีคลื่นอยู่เสมอนั่นหละ ความรักช่างเหมือนทะเลจริงๆ มันไม่ใช่แค่เหมือนคลื่นทะเลเท่านั้น มันคือความกว้างใหญ่และมีอะไรมากมายอยู่ข่างในนั้นต่างหาก มีอะไรมากมายอยู่ในความรู้สึกรัก ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า ร้องให้และรอยยิ้ม เราจะรู้สึกสบายเมื่อได้ลงไปเล่นน้ำ แต่บางครั้งก็อย่าลืมว่าทะเลก็อันตรายใช้ได้เลยเชียวหล่ะ
" แล้วนกสองตัวนี้หล่ะ กำลังคิดอะไรกันอยู่ อยากเข้าใจคำว่ารักเสียจริง และอยากเข้าใจนกพวกนี้เล่าเรื่องด้วย" เอมิลี่พึมพำกับตัวเองพร้อมเงยหน้ามองไปยังทิศตะวันตก อุ๊ย! พระอาทิตย์ตกดินแล้ว เข้าบ้านดีกว่า นั่น ดวงดาวดวงแรกมาแล้ว คืนนี้สวยแน่ ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ลาก่อนท้องฟ้ายามเย็น เจอกันใหม่พรุ่งนี้น่ะ.
ผลงานอื่นๆ ของ e-eun-nae ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ e-eun-nae
ความคิดเห็น