[0S#SMTM4] H4TE 0r L0VE ? - [0S#SMTM4] H4TE 0r L0VE ? นิยาย [0S#SMTM4] H4TE 0r L0VE ? : Dek-D.com - Writer

    [0S#SMTM4] H4TE 0r L0VE ?

    ตำนานรักจาก #SMTM3 กลายมาเป็นของรุ่น #SMTM4 ในที่สุด.

    ผู้เข้าชมรวม

    870

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    870

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ส.ค. 58 / 15:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Hate or Love ?


    ฮัลโหลลลลล คิดถึงชรุงง <3
    กลับมาชั่วคราวค่า ปรบมือ.
    วันนี้มาเสนอฟิค #SMTM4 #ดัพนอน แฮร่
    แกกคือบรั่บฉันฟินงาย 55555555555555555.
    (ส่วนฟินจริงๆมาจากฟิครูปของพี่ @Lagatanovella ส่วนหนึ่ง ลองเข้าไปอ่านนะแกร)
    ละแบบเราก็อยากสนองนี๊ดตัวเองเลยแต่งเองแม่ม :x
    สนุกไม่สนุกไงฝากคอมเม้นท์ติชมเด้อล่าา
    นี่งานด้นสด..
    มีอะไรเพิ่มเติมเชิญติดต่อ @NAMTANGMOPANS

    ปล้ำเลา(?) - ไม่แน่เราอาจจะแต่ง #ฮันวอน #เบบอย ค่ะ

    ปล้ำเลา2(?) - อาจจะย้อนตำนานคู่รักอลทีบีไอค่ะ #กบฏแรง.

    © themy  butter
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Hate or Love ?

       

         พูดถึงตำนานรักระหว่างไอดอลแร๊ปเปอร์กับใต้ดินแร๊ปเปอร์คงไม่มีใครพูดถึงคู่ที่กำลังฮอตอยู่ตอนนี้อย่าง แอนดัพxเวอร์นอนแน่ๆ คู่เกลียดคู่ชัง(ที่ดูเหมือนว่าแอนดัพจะชังไปเพียงฝ่ายเดียว)ที่เกิดขึ้นเพียงเพราะแร๊ปเปอร์สุดหล่ออย่างแอนดัพผู้ที่ไม่ชอบไอดอลอยู่แล้ว(แต่ดันมีเพื่อนเป็นไอดอล)ดั๊นได้ดูการแสดงของเด็กหนุ่มลูกครึ่งเวอร์นอนผ่านจอทีวีในห้องพักรับรองของผู้เข้าร่วมแข่งขันของรายการ Show Me The Money 4 ละด้วยความที่เวอร์นอนดันแร๊ปอย่างไม่ตั้งใจหรือเรียกง่ายๆว่าห่วย หัวคิ้วหนาของแอนดัพจึงกระตุกขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างช่วยไม่ได้

       

         “มึงว่าไง ?”

         “ห่วยสัส ไม่รู้ซานอีฮยองให้ผ่านได้ยังไง” ชายหนุ่มที่มีดั้งโด่งแต่ปลายจมูกดันงุ้มเข้าเหมือนตะขอบวกกับหน้าตาที่ดูเหมือนจะหาเรื่องอยู่ตลอดเวลาพูดขึ้นตอบเพื่อนตัวเองที่นั่งด้วยกันอยู่ข้างๆ

         “มึงก็ไปว่าเค้า เค้าอาจจะมีดีภายในก็ได้ซานอีฮยองถึงให้ผ่าน รอบแรกฮยองเค้าก็เป็นคนตัดสินเด็กนี่ด้วยนิหว่า” เพื่อนร่างหมีแต่ตามแขนและขามีรอยสักอดที่จะเงยหน้าขึ้นมาตอบบ้างไม่ได้เมื่อได้ยินบทสนทนาของเพื่อนรักทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างๆ

         “เออเห็นด้วยกับมึง ไอดัพมึงนั่นแหละมองน้องเค้าในแง่ร้าย”

         “โว๊ะพวกมึงไอหมีดำหมีขาวนั่งไปเงียบๆไป” สุดท้ายเมื่อโดนรุมก็แกล้งโมโหเพื่อนตัวเองกลบเกลื่อน ก่อนจะเบ้ปากเมื่อเห็นเพื่อนหมีทั้ง 2 คนแอบแท๊กมือกันอย่างรู้งาน

       

         ทันทีที่เด็กหนุ่มลูกครึ่งเวอร์นอนก้าวเท้ากลับเข้ามาในห้องรับรองก็เกิดเสียงพูดต่างๆนาๆมากมายพร้อมกับสายตาที่พุ่งแทงเข้ามาบ่งบอกถึงความอยากด่า อยากทำร้าย หรืออยากทำลายมากแค่ไหน เด็กหนุ่มทำเพียงไม่สนใจทุกๆเสียงและทุกๆสายตาราวกับหยิ่งผยองพร้อมกับก้าวเท้าเดินให้เร็วที่สุดเพื่อไปที่นั่งที่ยังคงว่างอยู่ในแถวท้ายสุด ก่อนจะมีมือหนายื่นขวดน้ำมาให้พร้อมกับคำปลอบโยน ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยิ้มรับมันไว้อย่างดี

       

         “อ้ะน้ำ ไม่เป็นไรนะ”

         “ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะครับฮยอง” รับขวดน้ำมาดื่ม ก่อนจะพูดตอบด้วยเสียงใสฉะฉานพร้อมกับรอยยิ้มตบท้ายตามนิสัยชอบยิ้มอารมณ์ดีของเจ้าตัว

         เด็กหนุ่มนั่งคุยนั่งแชทในโทรศัพท์ไปได้ซักพักจู่ๆก็มีเสียงโปรดิวเซอร์ดังขึ้นซึ่งแน่นอนว่าเรียกเสียงฮือฮาให้คนทั้งห้องรับรองได้ไม่ยาก รวมถึงเวอร์นอนที่เงยหน้าจากจอสี่เหลี่ยมในมือขึ้นไปมองกับนัยน์ตาดุดันในจอทีวีอย่างไม่รู้ตัว

         “พูดถึงไอดอลแร๊ปเปอร์ในSMTMแล้ว ได้ยินว่านายหมายหัวพวกเค้าไว้หรอ” เสียงของซิโค่ฮยองถามขึ้นก่อนกล้องจะแพลนไปที่ร่างสูงหน้าดุพร้อมกับคำตอบที่ออกมาทำให้ไอดอลแร๊ปเปอร์ที่ได้ยินสะอึกกันเป็นแถบ ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงเค้าด้วย

         “คนพวกนั้น หลังจากมาที่นี่เพื่อให้คนรู้ความสามารถแล้วสุดท้ายเค้าก็กลับไปทำเพลงตลาดเหมือนอาชีพของเค้าเหมือนเดิม” ในสายตาที่พูดของร่างสูงมีแต่ความสบายๆที่สื่อออกมาแต่ถ้าเทียบกับบรรยากาศในห้องตอนนี้คงเปรียบเหมือนนรกก็ไม่ปาน ทุกคนที่เป็นไอดอลต่างไม่พอใจกับคำพูดที่ออกมาทั้งนั้น และดูเหมือนว่าผู้ชายในจอก็ยังพูดไม่จบเสียด้วยสิ

         “แต่คราวนี้มันมากจริงๆ ทุกคนออกมาเยอะเรื่อยๆ”

         “มีคนไหนที่รู้สึกกวนใจนายมากที่สุดมั้ย ?” กลายเป็นเสียงของผู้ชายที่นั่งข้างๆซีอีโอของค่ายAOMGอย่างโล่โค่พูดขึ้น ก่อนเด็กหนุ่มจะรู้ตัวว่าสายไปแล้วที่ยังเงยหน้าฟังผู้ชายหน้าดุพูดตอบคำถามอยู่

      .

      .

      .

         “คนที่พึ่งผ่านรอบ 2 ไป คุณเวอร์นอนครับ ผมไม่เข้าใจว่าเค้าผ่านเข้ารอบไปได้ยังไง”

       

       

         ทันทีที่การถ่ายทำของวันนี้จบลงมันก็เป็นเวลาที่ดึกพอควรสำหรับเด็กหนุ่มอายุเพียงแค่ 17 ปี เด็กหนุ่มทำเพียงแค่ถอนหายใจไปพลางระหว่างที่หลังก็พิงกำแพงเย็นเฉียบของสตูดิโอแห่งนี้มือก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อหน่าย แม้มือกับตาจะอยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ แต่หัวสมองและจิตใจกลับไม่อยู่กับจอด้วยเลยซักนิด

       

         เมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว.

         “SMTM เป็นรายการฮิปฮอปในเกาหลี ผมคิดว่าคนที่เป็นฮิปฮอปจริงๆเท่านั้นที่ควรได้รับความสนใจ คนที่ความสามารถไม่ถึงมาออกรายการ แล้วก็ได้แอร์ไทม์ไปสำหรับคนที่เค้าพยายามทำเพื่อแร๊ปของเค้าเองกลับไม่มีโอกาศได้แอร์ไทม์”

         ทันทีที่จบเสี้ยงทุ้มของผู้ชายจมูกตะขอตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆห้องพักก่อนจะเห็นถึงสายตาของแร๊ปเปอร์คนอื่นๆและหัวที่สวมด้วยสแน๊ปแบ๊คขยับขึ้นลงเป็นกลายบอกแบบไร้เสียงว่าเห็นด้วยกรายๆ ผู้ชายคนนั้นโหดร้ายจริงๆ

         “จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องตลกนะครับนอกเหนือจากที่พวกเค้าจะเป็นฮิปฮอป ใครบางคนที่คุณเรียกว่าไอดอลแร๊ปเปอร์เค้าแร๊ปได้ดีครับ” เสียงคุณพ่อใจดีพ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้าวงอย่างทาโบลพูดตอกกลับไป ใบหน้าดุๆของผู้เข้าแข่งขันพยายามที่จะทำหน้าเรียบเฉยอย่างไม่สนใจ แต่เด็กอย่างเค้ามองออกแต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นที่สีหน้านั้นดูนิ่งสะอึกไปกับคำพูดของโปรดิวเซอร์จากวายจี แต่คนที่เล่นเป็นบทร้ายมาแต่แรกแล้วน่ะหรอจะยอมให้ตัวเองขายหน้า ไม่มีทาง

         “สำหรับคนที่เข้ารอบไปก่อนหน้านี้ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ อย่างคุณบ๊อบบบี้ผมก็เห็นสมควรว่าเค้าควรจะชนะ ผมไม่ชอบความจริงที่เกิดขึ้นอย่างถ้าคนนี้ยังผ่านเข้าไปได้ SMTMกับ 30 แร๊ปเปออร์คุณภาพ คือสิ่งที่มันโฆษณาออกไป” คราวนี้เสียงทุ้มนั้นดูนุ่มสุขุมขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มตามมุมปากที่เผยออกมาให้เห็นหน่อยๆเวลาพูด เหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่าแอบโกหกกำลังถูกสอบสวนอย่างไงอย่างงั้น

         “ก่อนที่คุณจะโจมตีไอดอลแร๊ปเปอร์ คุณควรจะมีฝีมือเพื่อเอาชนะเงาของคนที่คุณเรียกว่า ไอดอลแร๊ปเปอร์เสียก่อน นั่นคือสิ่งแรกที่คุณควรจะทำ” ละก็เป็นประโยคจากคุณพ่อน้องฮารุอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เจ็บแสบกว่าเดิมไม่ใช่เล่น เห็นได้ถนัดตาว่าใบหน้าดุๆนั้นตรึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

         ละมันก็เป็นเวลา 60 วินาที. ที่ชายคิ้วเข้มคนนั้นแร๊ปและแน่นอนว่าเค้าได้ All Pass ซึ่งถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ถึงขนาดที่โปรดิวเซอร์เอ่ยปากชมไม่หยุดและหนึ่งในนั้นก็รวมถึงทาโบลที่เอ่ยชมแอนดัพเหมือนกัน เวอร์นอนคิดว่าบทสนทนาทั้งหลายคงจะจบลงแล้วถ้าไม่ติดที่เสียงของทาโบล(อีกแล้ว)ดันดังขึ้นมาอีก

         ประโยคที่ดังออกมาสร้างสายตากดดันให้เด็กหนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับฟันขาวๆที่กัดฉับลงบนริมฝีปากชมพูซีดด้วยความกดดันอย่างไม่คาดคิดมาก่อนพลางคิดในใจว่าถ้าตัวเองตกรอบไปซะมันก็คงจะดีกว่า

      .

         “อยากเห็นแอนดัพกับเวอร์นอนมาแบทเทิลกันในรอบที่ 3 นะ”

        

         “จะเอาอะไรไปสู้เค้าวะเวอร์นอนเอ๊ย รู้งี้น่าจะฟังคำห้ามของพี่ซึงชอลก็ดีไม่น่าดื้อเลยเรา” บ่นไปก็ฟึดฟัดกับตัวเองไป ก่อนจะต้องซวยซ้ำซ้อนเมื่อเมนเนเจอร์ของวงดันส่งข้อความมาบอกในเวลาอีกแค่ 5 นาทีจะตีหนึ่งว่ามารับไม่ได้แล้ว

         “โว้ยบ้าชิบ กรรมอะไรของเวอร์นอนวะเนี่ย” บ่นไปก็ขยี้ผมฟูๆของตัวเองไปจนฟูหนักกว่าเดิม ก่อนจะสะดุ้งอย่างแรงด้วยความตกใจจนโทรศัพท์เครื่องสวยในมือร่วงหลุดพร้อมกับบินไปไกลจากจุดที่เจ้าตัวยืนถึง 3 ฟุต.

         โอเคคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วจริงๆ หน้าจอที่แตกร้าวแบบยิบย่อยกับมุมเครื่องทั้งสี่ที่ทั้งบิ่นและถลอกปลอกเปิกในสายตาระยะ 36 นิ้วหรือ 3 ฟุตนั่นแหละที่ตากลมโตพอจะมองเห็น

         “เฮ้ยเป็นอะไรมั้ยพี่ขอโทษ” ตากลมโตตวัดไปมเองเสียงลึกลับก่อนจะเผลอฟาดมือเข้าไปที่แขนของคนขี้แกล้งเบาๆหนึ่งที่ก่อนจะแหวขึ้นมาอย่างโมโหเล็กน้อย

         “พี่แจวอน! โอ๊ยผมจะฟ้องแซม”

         “เฮ้ยพี่ขอโทษจริงๆ” ปากก็พูดขอโทษแต่รอยยิ้มพร้อมกับฟันขาวๆที่โผล่พ้นออกมาจากปีกหมวกสีน้ำเงินนั่นเค้าไม่เห็นจะรู้สึกถึงความอยากขอโทษตรงไหน มีแต่แกล้งเค้าล่ะสิไม่ว่า แจวอนวิ่งแท่ดๆไปหยิบโทรศัพท์มือถือไม่สิเรียกว่าซากน่าจะเหมาะกว่ากลับมาให้เค้า พร้อมกับคำพูดที่ทำให้ความโมโหเล็กน้อยทั้งหมดถูกทลายลง

         “โหเราตกใจแรงนะเนี่ย แต่มันพังละอ่ะ พี่ซื้อให้ใหม่เอามั้ย ชดใช้”

         “เฮ้ยๆไม่เป็นไรพี่ผมเกรงใจ เดี๋ยวผมเอาเครื่องเก่ามาใช้ไปก่อนก็ได้” โบกมือเป็นพัลวันพร้อมกับปากก็พ่นคำพูดออกมา จนคนเป็นพี่เห็นต้องยิ้มและเผลอเอามือไปขยี้ผมที่ปลิวสยายตามแรงลมด้วยความเอ็นดู

         “ตามใจพี่ไม่บังคับเราหรอกนะ พี่รู้เรานิสัยเดียวกับแซม ฮ่ะๆ ละนี่เราจะกลับยังไงพี่เมเนฯไปไหนเนี่ย?”

         “ผมจะฟ้องแซมก็ตอนนี้แหละ พี่เมเนฯพึ่งส่งข้อความมาบอกว่ามารับไม่ได้ ให้กลับเองอ่ะครับ”

         “เฮ่ยได้ไง ให้พี่ไปส่งเปล่า ?” คนเป็นพี่ถามขึ้นเสียงสูงอย่างตกใจ ก่อนทำท่าจะฉุดข้อมือขาวๆให้เดินตามตัวเองไปที่รถคู่ใจเสียแล้วถ้าไม่ติดที่รองเท้าผ้าใบคู่ใหญ่จากเด็กหนุ่มดันสกัดตัวเองไว้ก่อน

         “ไม่ต้องหรอกครับผมเกรงใจ บ้านพี่ก็อยู่ต้องอีกฟากของบริษัทผม เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับไปคงไม่เป็นไรหรอก”

         “เฮ้อพวกเด็กดื้อนี่นิ ตามใจละกันกลับดีๆนะฮันซล” พูดพร้อมรอยยิ้มเป็นห่วงกรายๆแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อมากเมื่อเห็นว่าคนเป็นน้องส่งยิ้มกว้างมาให้ตัวเองแบบให้หายห่วง มือหนาจึงส่งมาลูบหัวของเด็กหนุ่มอีกครั้งก่อนจะเดินแยกไปอีกทางทันที

       

         ตากลมโตมองซากโทรศัพท์คู่ใจของตัวเองในมืออย่างเวทนาก่อนจะเริ่มก้าวเดินอีกครั้งเพื่อมุ่งกลับหอ แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของชเว ฮันซลจริงๆเมื่อข้อมือขาวถูกกระชากอย่างแรงอีกครั้งและด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวโทรศัพท์ที่พังมากอยู่แล้วจึงหลุดกระแทกพื้นอีกครั้ง ตอนนี้มันก็แปรสภาพเป็นพังโคตะระมากในที่สุด RIP

         “เฮ่ย / โอ๊ย” สองเสียงที่ร้องออกมาพร้อมๆกัน แต่แน่นอนว่าใครมาได้ฟังก็ต้องแยกเสียงออกแน่นอนว่าเป็นเสียงของใครกับใคร เสียงแรกอาจจะร้องเพราะความตกใจแต่เสียงที่สองอาจจะร้องเพราะความเบื่อหน่ายในตนเอง

         “ฉันขอโทษ”

         “ไม่เป็นไรๆ โอ๊ยฮันซลอะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ” บ่นกับตัวเองโดยไม่มองหน้าคนพูดพร้อมกับกระชากข้อมือตัวเองออกจากการจับกุม ก่อนจะหยิบเศษเหล็กที่เมื่อ 30 นาทีที่แล้วเป็นโทรศัพท์ขึ้นมาดูแบบอนาถใจ

         “ฉันขอโทษจริงๆไม่รู้ว่าตัวเองจะแรงเยอะขนาดนี้”

         “จะเรียกคนอื่นก็ช่วยทำให้มัน...! แอนดัพฮยอง” จากตอนแรกที่ตั้งใจจะโวยวายก็อ่อนลงเมื่อเห็นหน้าชัดๆว่าใครเป็นคนกระชากตัวเอง

         “ก็บอกว่าขอโทษไงวะฟังไม่รู้เรื่องไง” น้ำเสียงติดเหวี่ยงที่ออกมาจากคนตัวสูงคิ้วเข้มทำเอาคิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันมุ่นก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆหนึ่งที ไม่ทันได้คิดอะไรมากขาเรียวก็ก้าวหนีอีกคนไปเสียเฉยๆ จนแอนดัพได้แต่งงไปหลายวิ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนฝูงทั้งหลายนั่นแหละ ไม่รอช้านิ้วยาวจึงถวายฟัคให้เพื่อนได้กินกันถ้วนหน้า ก่อนจะเร่งตามไปดึงข้อมือขาวไว้อีกครั้ง

         “ขอโทษที่ขึ้นเสียง แต่มันดึกแล้วทำไมไม่กลับซักที ไอดอลแบบนายผู้จัดการไม่ควรปล่อยให้ไปไหนมาไหนตอนดึกๆไม่ใช่รึไง”

         เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงที่ใช้พูดดูนุ่มนวลขึ้น เสียงใสของเด็กหนุ่มจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ตอบกลับไป

         “เมเนฯฮยองบอกมารับไม่ได้ ให้หาทางกลับเองครับซึ่งกำลังจะกลับ”

      .

      .

      .

         “ให้ฉันไปส่งมั้ย ?”

       

         แอร์ปรับอากาศเย็นๆที่ปะทะผิวกายมันเป็นบรรยากาศที่รู้สึกว่าน่านอนมากที่สุดในเวลานี้ของเด็กหนุ่มอย่างเวอร์นอน ข้างๆกันก็มีสารถีขับรถจำเป็นที่อาสา(จริงๆบังคับ)ให้ขึ้นรถมาด้วยกันเพื่อที่จะไปส่งให้ถึงหอพักโดยการด่าพร้อมกับกระชากตัวรถออกมาจากสตูดิโอถ่ายทำท่ามกลางเสียงโห่แซวของเพื่อนๆเจ้าตัว

         “หลับรึเปล่า”

         “เปล่าครับ ฮยองมีอะไรรึเปล่า”

         “เรื่องมือถือฉันขอโทษนะ ไม่คิดว่ามันจะหล่นพื้นแตกขนาดนั้น”

         “ไม่เป็นไรครับ”

         “เอาเครื่องนายมาให้ฉันหน่อยได้มั้ย” ระหว่างติดไฟแดงแอนดัพก็หันไปพูดกับเด็กหนุ่มดีๆก่อนจะสังเกตเห็นคิ้วสวยที่ขมวดเข้าหากันแบบงงๆก่อนจะยอมควักออกมาให้ตัวเค้าเองแบบว่าง่าย มือหนาเก็บเครื่องที่แตกละเอียดไว้ในกระเป๋าเสื้อฮู้ดของตัวเอง ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยของตัวเองจากกระเป๋ากางเกงออกมาพร้อมกับยื่นไปให้เด็กหนุ่มที่นั่งหาวหวอดๆอยู่ข้างๆ

         “อ่ะเอาไป”

         “หือ.. อ๊ะไม่ใช่เครื่องผมนี่ ผมไม่เอาหรอกครับเอาคืนไปเถอะ” มือขาวพยายามจะคืนโทรศัพท์เครื่องสวยในมือให้คนข้างๆแต่ก็เหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเมื่อไฟจราจรดันเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี

         “เออเอาไปเหอะน่ะ เดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง เอาเครื่องของฉันไปใช้ก่อนแล้วกัน”

         “แต่ว่า..”

         “อย่าทำให้หงุดหงิดได้มั้ย ?” เท่านั้นแหละเวอร์นอนจึงยอมอยู่เงียบๆพลางกำโทรศัพท์เครื่องสวยไว้ในมือแน่น แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะอยากคืนให้อีกคนเหมือนเมื่อซักครู่ เท่านั้นแหละริมฝีปากหนาขอแอนดัพจึงยกยิ้มขึ้น คล้ายว่าจะอารมณ์ดีไม่น้อย

       

         รถหรูจอดลงที่หอพักของเด็กหนุ่มวงเซเว่นทีนอย่างปลอดภัย ตาคมมองเด็กหนุ่มข้างกายที่ปลดเข็มขัดออกก่อนจะเปิดประตูรถออกไปทันที แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยอมรับมือถือของเค้าไว้

         “เฮ้”

         “ครับ ?” เด็กหนุ่มหันไปตอบเสียงทุ้มที่ลดระดับกระจกลงมาคุยกับเค้าแบบงงๆ ก่อนจะตกใจกับคำพูดต่อมาของแอนดัพไปน้อย

         “ฝันดีนะ ละก็เตรียมตัวดีๆ”

         “ครับ ขอบคุณนะครับ แล้วก็.. ฝันดี” เด็กหนุ่มพูดแบบยิ้มเขินๆนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็ทำให้สารถีขับรถยิ้มหน้าบานได้อย่างปิดไม่มิด ก่อนกระจกรถที่ถูกลดระดับลงจะถูกยกขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับตัวรถที่พุ่งทะยานออกไปทันที

       

         ขายาวภายใต้กางเกงยีนสีซีดก้าวเข้าไปในร้านเหล้าชื่อดังอย่างไม่ลังเลก่อนจะกวาดสายตาหากลุ่มเพื่อนตัวเองที่ก่อนหน้านั้นได้ยกโขยงมาก่อนหน้าตัวเองแล้วเป็นชั่วโมง ก่อนจะก้าวเดินฉับๆไปทันทีที่เห็นกลุ่มเพื่อนตัวเองกวักมือเรียก

         “มาช้า”

         “มึงก็รู้ว่ากูไปไหนมาห่า” พูดไปก็ยกแก้วที่พี่ชายร่วมโต๊ะชงให้ขึ้นดื่ม

         “มึงมันตอแหลไอบยอลบอกว่าเกลียดเค้าๆ พอเห็นเค้าอยู่คนเดียวก็ฉุดเค้าขึ้นรถ” เป็นเสียงของมินโฮที่พูดขึ้นแบบแขวะๆ ก่อนจะขำร่วนเมื่อเพื่อนสนิทตอกกลับมาในทันควัน

         “แค่นี้ด่าเพื่อนตอแหล แหมไอคุณชายพ่อนายแบบ ถุ้ย!” ด้วยความเคยชินมือหนาล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์คู่ใจของตัวเองขึ้นมาจะกดเล่น แต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อพบว่ามันแตกละเอียดและแน่นอนว่ามันไม่ใช่เครื่องของเค้า มือหนาจึงจัดการวางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแทน แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรหลุดรอดพ้นสายตาขี้เผือกของชาวแก๊งไปได้แน่นอน

         “เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ ทำไมโทรศัพท์พี่ดัพมันแตกอย่างงี้น้าา จำได้ว่าเมื่อเย็นยังสไลด์ๆอยู่เลยน้าาา” เสียงฮยอนแทดังขึ้นอย่างแซวๆซึ่งแน่นอนว่าเรียกความสนใจได้ทั้งโต๊ะอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เมื่อเป็นดังนั้นปากหนาจึงทำเพียงส่งคำด่าแบบไร้เสียงไปให้เพื่อนตัวเองจับใจความได้ว่า ไอเวร

         “แต่จะใช่ของมันแน่หร๊อ เฮ้ยลองโทรเข้าเบอร์มันดิ๊ไอหมี”

         “จัดไป” จบคำของมินโฮกับฮยอนแทมือหนาก็วางแก้วแรงจนคนอื่นกลัวว่ามันจะแตกก่อนจะพยายามปีนป่ายคว้าโทรศัพท์เครื่องสวยจากมือเพื่อนสนิทฝั่งตรงข้ามอย่างเอาเป็นเอาตาย และแน่นอนว่าการกระทำของเค้าถูกขัดด้วยมือหมีควายของไมโนและมือสากๆของฮันเฮ ขอร้องล่ะอย่ารับนะ

         “ฮัลโหลๆ เฮ้ยไอบยอล” ทันทีที่เสียงของฮยอนแทดังขึ้นทุกคนก็เงียบพร้อมกับมุ่งความสนใจไปที่จุดๆเดียวอย่างพร้อมเพรียง ก่อนแอนดัพจะต้องปลงออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฮยอนแท

      .

      .

      .

         “ผมเวอร์นอนนะครับ”

       

       

         เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเมื่อในที่สุดวีคที่ 3 ของโชว์มีเดอะมันนี่ก็มาถึง เวอร์นอนต้องยอมรับเลยว่าเตรียมตัวมา แต่ดีมั้ยนั่นไม่สามารถรู้ได้เลย แต่ที่แน่ๆเค้าไม่ทำได้ดีไปกว่าคนที่จ้องจะหมายหัวเค้าแน่ๆ

         ทันทีที่เดินเข้ามาก็รู้สึกถึงสายตาทันทีแต่เด็กหนุ่มก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งเค้าเรียกเข้ามาในสตูพร้อมกับบอกกติกาการแข่งขันในรอบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าได้เลือกแร๊ปเปอร์เองก็ดีไปแต่ถ้าซวยก็ต้องเป็นคนที่ถูกเรียก แน่นอนว่าเค้ามีตัวเลือกแค่อย่างหลังเท่านั้น และแน่นอนว่าความซวยมันไม่เคยหมดไปจากตัวเวอร์นอนเลยแม้แต่น้อยเมื่อชื่อแรกที่พิธีกรหยิบขึ้นได้นั้นมันคือ..

         “คนแรก แอนดัพ” โชคมันเข้าข้างพี่เค้าสินะ โอเคยอมก็ได้แหละ เพราะตั้งใจว่าจะมาแพ้อยู่แล้วนี่เนอะ ตากลมโตมองชายหนุ่มที่ก้าวเดินอย่างมั่นใจไปยืนข้างพิธีกร ก่อนจะก้าวเท้าถอยออกมาเตรียมตัวเดินเมื่อเค้ามั่นใจแน่ๆว่ายังไงคนที่แอนดัพจะเรียกคงเป็น..

         “เวอร์นอน”

         ขาเรียวก้าวออกไปพร้อมรอยยิ้มก่อนจะตอบคำถามพิธีกรรายการด้วยคำถามจิกๆนิดหน่อย จนผู้เข้าแข่งขันทั้งห้องร้องขึ้นพร้อมกันอย่างชอบใจ

       

         ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงที่ซ้อมด้วยกันเค้ายอมรับเลยว่ามันแย่มากๆ แอนดัพพูดจาโหดร้ายมาก(แต่มันก็ปกติแหละเนอะ)ไหนจะการด่าเค้าแบบเสียๆหายๆ ขอโทษนี่ใช่คนเดียวกับที่ไปส่งเค้าที่หอวันนั้นใช่มั้ย ?

         “อะไรที่นายเลือกฉันว่ามันไม่ดีหรอก”

         โอเคประโยคโหดร้ายมาก แถมพอให้เลือกบีทก็ไม่เลือกพอเค้าเลือกก็มาว่าจะเอาไงวะเนี่ยยย เนื้อแร๊ปก็ถูกวิจารณ์ซะไม่เหลือชิ้นดี จนอยากจะถามว่าพี่ว่างหรอครับ ?

         ไม่ทันได้บ่นมากแป๊บๆก็ถูกเรียกเข้าไปซึ่งกรรมการแน่นอนแหละว่ารอดูคู่เค้าสองคนมากๆ แต่เอาจริงๆมันก็อาจจะน่าผิดหวังเมื่อเราทั้งคู่ไม่ทำงานไม่ซ้อมไม่อะไรร่วมกันเลย แต่เมื่อจบเสียงของซานอีฮยองบีทที่ทั้งคู่เลือกก็ถูกเปิดขึ้น

         แน่นอนว่าคนเป็นรองอย่างเค้าไม่มีทางได้แร๊ปก่อน ท่อนครึ่งแรกมันจึงตกเป็นของแอนดัพไปโดยปริยาย ละครึ่งหลังมันก็ตกมาเป็นของเค้า เราแร๊ปโดยไม่มองหน้ากันราวกับเกลียดกัน(จริงๆพี่เค้าอาจจะเกลียดผมจริงๆนั่นแหละ) สุดท้ายการแสดงของเราก็จบลงพร้อมกับเสียง ฮุ้ว ของพี่เค้าปิดท้าย

         “ผมคิดว่ามันจะดีกว่านี้ซะอีก ผมผิดหวังมาก”

         “ผมคิดว่าแอนดัพจะขยี้เวอร์นอนแรงกว่านี้ซะอีก”

         กรรมการต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโชว์ของเรามันห่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะ ฮยองเค้าไม่ให้ความร่วมมือกับผมเอง จริงๆผมก็แอบสะใจแหละ J

         “คุณเวอร์นอนครับ คุณจะไม่ได้ไปต่อกับเรา” ผมโค้งพร้อมกับรอยยิ้มให้กรรมการเล็กน้อย ก่อนจะมองอีกคนที่เดินไปเอาหมวกจากโปรดิวเซอร์ ก่อนเราทั้งคู่จะรอออกไปจากห้องพร้อมกัน ผมไม่ได้เสียใจหรอกที่แพ้ผมก็อยากจะแพ้จริงๆนี่หว่า

       

         “เวอร์นอน”

         “ครับ ?” ผมหันไปขานตอบรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อผม ก่อนจะพบว่าคาเมร่านั้นหายไปหมดแล้ว ไม่น่าล่ะฮยองเค้าถึงกล้าเรียกผม

         “นายจะกลับแล้วหรอ”

         “ครับ ผมต้องกลับไปซ้อมต่อ อ้อ!แล้วก็ผมคืนครับ” พูดยิ้มๆก่อนจะทำหน้าตกใจพลางลุกลี้ลุกลนล้วงเอาสิ่งที่แอนดัพคุ้นเคยดีมายื่นคืนให้เจ้าตัว โทรศัพท์เครื่องสวยของแอนดัพ

         “แต่ฉันไม่มีโทรศัพท์นายมาคืนนะ จะคืนจริง ?”

         “ครับ ผมก็ไม่ได้ติดพันอะไร แถมเราก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องติดต่อกันอีกนี่ครับ” เวอร์นอนพูดประโยคยาวเหยียดแบบยิ้มๆแต่ไม่ได้รู้เลยว่าประโยคยิ้มๆของเจ้าตัวนี่แหละ ที่สร้างความชาหนึบในใจของแอนดัพได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่เจนประสบการณ์มาเยอะและนึกถึงคำด่าของลิลบอยที่ชอบด่าเค้าบ่อยๆว่า ไอห่านหน้ามึงก็หนาเหมือนคิ้วหนาๆของมึงนั่นแหละควาย ทำให้ใจที่มันชาๆกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง

         “นายอาจจะไม่แต่ฉันมี..”

         .

         .

         .

         “ชเว ฮันซลสนใจมีแฟนเป็นฮันบยอลซักคนมั้ยครับ

      © themy  butter

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×