CUPID อยากบอกว่า...รัก 1 - CUPID อยากบอกว่า...รัก 1 นิยาย CUPID อยากบอกว่า...รัก 1 : Dek-D.com - Writer

    CUPID อยากบอกว่า...รัก 1

    ไม่รู้ว่าเป็นความอังเอิญหรือพรหมลิขิตกันแน่ ที่ทำให้เขาและเธอต้องมาเจอกันอีกครั้ง ความลับในสมัยเด็กจะถูกเปิดเผยออกมาหรือเก็บไว้เหมือนเดิม

    ผู้เข้าชมรวม

    74

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    74

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ก.ย. 58 / 20:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ผู้แต่งขอลองเรื่องสั้นก่อนนะ ถ้ามีคนติดตามและชอบ ผู้แต่งจะไปเขียนเรื่องยาว ขอบคุณทุกคนนะที่เขามาอ่านกัน






                    โรงเรียนใหม่ ชุดนักเรียนใหม่ เพื่อนใหม่และสังคมใหม่ เฮ้อ ชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไปนะ เพราะพ่อกับแม่แท้ๆ เลยทำให้ฉันต้องย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ พ่อกับแม่อยากมาทำงานที่นี่นะฉันก็เลยต้องโดยย้ายตามมา อีกแค่ปีเดียวก็จะเรียนจบอยู่แล้ว จากนั้นก็ได้เข้ามหาลัยอย่างที่เคยฝันเอาไว้

                    “ตั้งใจเรียนนะพู่กัน” พ่อฉันโบกมือลาก็ขับรถออกไปทันที

                    ให้ได้อย่างนี้สิ ทิ้งฉันไว้ท่ามกลางโรงเรียนขนาดใหญ่ นักเรียนมากมายต่างมองฉันใหญ่เลย แต่โชคดีที่ฟ้ายังไม่กลั่นแกล้งฉันจนเกินไปเพราะโรงเรียนแห่งนี้ฉันรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง คนนี้ฉันแอบชอบตั้งแต่เด็กแล้วแต่เขาดันย้ายโรงเรียนหนีฉันซะก่อนนะสิ ไม่งั้นป่านนี้เราคงได้เป็นแฟนกัน

                    อ่ะ นั่นเซวิน ผู้ชายที่ฉันแอบชอบนี่นา โฮ   ̴ มาอยู่กรุงเทพฯ แค่ห้าปีหล่อขึ้นมากเลย ผิวขาว ใบหน้าคมเข้มอย่างกับนายแบบ ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นแถมยังน่ารักด้วย เขาต้องมองมาที่ฉันแน่ เพราะเรารู้จักกัน!

                    “มองมาที่ฉันสิ” ฉันพึมพำเบาๆ กับตัวเองและมองทุกย่างก้าวของเขาอย่างมีความหวัง มองฉันสิ!

    แป่ว! เซวินเดินผ่านหน้าฉันไปอย่างไม่สนใจเลย ไม่ได้ ฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเขาไม่ชอบฉันก็ไม่เป็นไรแต่อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ ฉันจะไปอยู่รอดได้ยังไง ท่าเดินเขาดูเท่อ่ะ เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงนักเรียนสีน้ำเงินเหมือนนายแบบเลย อ๊ากกก ตอนนี้ฉันต้องทำให้เขาเห็นฉันก่อน

    “นี่นาย สนใจฉันหน่อยสิ!” ฉันเดินตรงไปดึงกระเป๋านักเรียนของเซวินให้หันมาเผชิญหน้ากับฉัน

    -_-?“ หน้านิ่งไปมั้ย เหมือนไม่รู้จักกัน

    “เซวิน ฉันเองไงพู่กัน”

    “แล้วไง ฉันถามชื่อเธอเหรอ”

    ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ สงสัยฉันต้องลองนึกย้อนอดีตดูแล้วล่ะว่าไปแกล้งอะไรเซวินหรือเปล่าเขาถึงได้จำฉันไม่ได้ อืม ก็แค่เอาพริกไทยโรยขนมให้เขากินเอง และวินาทีที่เขากินเข้าไปก็ถูกส่งโรงพยาบาลต่อมา อ้อ แกล้งทิ้งเขาไว้กลางทางด้วยแหละ เซวินก็เลยต้องเดินกลับบ้านคนเดียวเป็นระยะทางห้ากิโลเมตร

    เท่านั้นเอง หรือมันจะทำให้เขาเกลียดและลืมฉันไป

    “ปล่อยกระเป๋านักเรียนฉันได้หรือยัง” หล่อ   ̴ เขามองตาฉันด้วย เขินจังเลย

    “เฮ้ยเซวิน รู้จักเด็กใหม่ด้วยเหรอ” นักเรียนชายอีกคนเดินเข้ามา คนนี้ก็หล่อเข้มเหมือนกัน เพื่อนเซวินนี่หล่อจังเลย

    “เรารู้จักกันค่ะ”

    “ใครรู้จักเธอฮะ ฉันไม่รู้จัก” เซวินพูดต่ออย่างรวดเร็ว นี่เขาแกล้งจำฉันไม่ได้หรือลืมฉันไปแล้วจริงๆ เนี่ย

    “อ่า ผมชื่อฮาร์ดแวร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับคนสวย” ฮาร์ดแวร์ยื่นมือมาตรงหน้าและก็ถูกเซวินปัดไป ทำไมนิสัยเขาเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ แย่ที่สุด

    “ไปเรียนกันได้แล้ว”

    “เดี๋ยวดิแล้วเธอล่ะ หรือว่าเธอเป็นแฟนแกฮะ หวงจริง” ฮาร์ดแวร์พูดติดตลกแต่อีกคนกลับหน้าตึงขึ้นทันที

    “ฉันไม่เอายัยนี่เป็นแฟนหรอก สวยก็ไม่สวย” กรี๊ดดด อีตาทึ่ม! ฉันสวยนะ ตอนเด็กนายยังเคยชมฉันอยู่เลย

    “คอยดูนะ ถ้านายชอบฉันเมื่อไหร่ นายจะต้องแก้ผ้าคุกเข่ามาขอความรักจากฉัน ชิ”

    จบกัน อีตาทึ่ม ฉันอุตส่าห์แอบชอบนายมาตั้งหลายปีแต่คำพูดบางคำมันก็ทำลายทุกอย่างภายในหนึ่งวินาทีได้เช่นกัน ฉันไม่ชอบนายแล้ว

    “แล้วจะคอยดู”

    ฉันเกลียดนาย!

     

    “เราชื่อนานาน่ะ”

    “เราแตงโม”

    “ผมคินทาครับ”

    “เราชื่อ ปลายน้ำ”

    และเพื่อนใหม่กว่าสี่สิบชีวิตในชั้นมอหกทับห้าก็กลายมาเป็นเพื่อนฉันหมดแล้ว ฉันไม่ง้อแล้วย่ะอีตาเซวิน ไม่ต้องถามหรอกว่าอีตาทึ่มนั่นเรียนอยู่ไหน มอหกทับหนึ่ง ห้องเด็กดีเด็กเก่งนั่นแหละ

    ในที่สุดเวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง นั่นก็คือ การกลับบ้าน ฉันเก็บหนังสือและอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างเข้ากระเป๋าอย่างลวกๆ และโบกมือลาเพื่อนในห้องที่มองฉันแบบงงๆ คือแบบว่ามันจะรีบไปไหนของมัน

    ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับบ้านเพราะตอนเย็นฉันต้องเดินกลับบ้านหลังใหม่คนเดียว โชคดีที่ทางกลับบ้านไม่เปลี่ยว มีร้านค้ามากมายตลอดทาง ระหว่างทางฉันก็ซื้อน้ำปั่นมากินแก้วหนึ่ง เหนื่อยที่สุดแต่วันนี้ก็สนุกดี ยกเว้นตอนเช้า

    ตึก ตึก ตึก

    ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามเลยล่ะ ฉันหันไปมองด้านหลังก็ไม่เห็นมีใคร สงสัยจะคิดไปเองแหละมั้ง

     

    หนึ่งเดือนผ่านไป   ̴ (เร็วเกินไปเนอะ)

    เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่มาเรียนที่กรุงเทพฯ วันนั้นจนถึงวันนี้ชีวิตฉันเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนฟ้าได้ขีดเส้นไว้ให้แล้ว ตอนเช้าไม่รู้เป็นอะไรต้องเดินมาเจอกับเซวินทุกวัน กระทั่งวันที่ฉันให้พ่อมาส่งตั้งแต่หกโมงยังเจอเขาเลยหรือแม้แต่สายเกือบเข้าแถวก็เจอ อืม แปลกตรงที่เราไม่เคยทักทายกัน ส่วนตอนกลางวันเขาก็มักจะมานั่งตรงข้ามฉันเสมอซึ่งไม่ใช่โต๊ะเดียวกันแน่นอน แต่มันทำให้เราเห็นหน้ากันอยู่ดี สุดท้ายคือตอนเย็นฉันรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามซึ่งฉันชินไปแล้ว

    “เราไปดูละครของเด็กมอหกห้องหนึ่งกันเถอะ” ปลายน้ำตะโกนบอกเพื่อน จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที เพื่อนทุกคนต่างพาตัวเองออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ฉันที่นั่งอยู่คนเดียวก็โดนแตงโมลากออกจากห้องจนได้ บ้าจริง ฉันไม่อยากเห็นหน้าอีตาทึ่มนั่นนะ

    พี่ชาย ข้าหลงรักท่านซาเดอร์ เจ้าหญิงนีน่าในชุดสีเหลืองอ๋อยเอ่ยกับพี่ชายอย่างเขินอาย

    งั้นเจ้าจงไปหาท่านซาเดอร์เถอะ

    จากนั้นพี่น้องทั้งสองก็หายไปหลังม่านสีแดงเพลิง ไม่นานท่านซาเดอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นพระเอกของเรื่องก็เดินออกมา เฮ้ย อีตาทึ่มเนี่ยนะเป็นพระเอก แหม ช่างเลือกคนได้ดีจริงๆ

    ทำไมข้าต้องเอาแต่มองเจ้าหญิงนีน่าด้วย

    เพราะเราคู่กันไงค่ะท่านซาเดอร์ เจ้าหญิงนีน่ากอดท่านซาเดอร์จากด้านหลังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มผิดกับคนที่โดนกอด หน้านิ่งไปนะ จากนั้นทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากันและกอดกันในที่สุด ใบหน้าเซวินนิ่งเหมือนเดิม ดูตั้งแต่เริ่มจนจบเรื่องไม่เห็นพระเอกบอกรักนางเอกเลย

    “ท่านผู้ชมทั้งหลาย มีใครอยากแสดงความคิดเห็นมั้ยครับ ถ้ามี คุณจะเป็นผู้โชคดีได้ถามคำถามอะไรก็ได้แล้วนักแสดงจะเป็นผู้ตอบ” พิธีกรเดินมายืนกลางเวทีพลางมองหาบุคคลที่กล้า

    “ฉันค่ะ” ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย พู่กันคนเก่งเองจ้า ไม่น่าเลยแต่เอาเถอะ โฮะๆ หน้าซีดเลยนะคุณซาเดอร์

    “แสดงความคิดเห็นว่าอะไรครับ”

    “ไม่สนุกเลย พระเอกอะไรตอนจบไม่ยิ้ม หน้านิ่งมาก จริงมั้ยพวกเรา” ฉันหันไปถามพักพวกซึ่งพวกเพื่อนทั้งหลายก็พร้อมใจกัน

    “ช่าย!!

    “แล้วก็ไม่เคยบอกรักเจ้าหญิงนีน่าด้วย จริงมั้ย”

    “จริง!!

    “อะ เอ่อฮ่าๆๆ จริงด้วยเนอะ” พิธีกรไปไม่ถูกเลย สมน้ำหน้า ฉันยิ้มเยาะให้เซวินทันที ดูซิว่าจะทำอะไรฉันได้

    “คำถามนะคะ คุณยิ้มไม่เป็นเหรอคุณเซวิน ฮ่าๆๆ” ฉันถามไปหัวเราะไปอย่าสนุกสนาน เพื่อนๆ ก็หัวเราะไปด้วย

    “ยิ้มเป็นครับ ผมจะยิ้มให้คุณดูเอง”

    เซวินที่อยู่ในชุดเจ้าชายกระโดดลงจากเวทีมาหาฉันอย่างรวดเร็ว ฉันนิ่งไปทันทีที่ร่างสูงมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำอะไรฉันเนี่ยแต่ทำไมฉันรู้สึกว่าโลกหยุดหมุนแบบนี้ ผู้ชายใบหน้าหล่อร้ายที่วันๆ เอาแต่นิ่ง ตอนนี้เขากำลังยิ้มให้ฉัน เหมือนในวัยเด็ก เขาน่ารักจัง

    อ่า   ̴ เขาก้มหน้ามาใกล้ฉันแล้ว ทำไงดีๆ

    ฟอดดด   ̴

    “กรี๊ด” แก้มช้านนน!

    ทั้งวันฉันเอาแต่นั่งเอามือปิดหู ก็เพื่อนตัวดีทั้งหลายต่างพากันมาแซวฉันไม่หยุด เรื่องเซวินหอมแก้มฉัน อยากจะบ้าตาย เขากล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน แต่ตอนนั้นก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

    โอ๊ยๆ ฉันต้องเกลียดเขาสิ ฉันไม่ชอบเขาแล้ว

    เมื่อโรงเรียนเลิกฉันก็วิ่งออกจากโรงเรียนทันที เบื่อจังมีแต่คนมอง ถ้ามองกันแล้วไม่ซุบซิบก็ดีแหละ แต่นี่เฮ้อ เอาอีกแล้ว ฉันรู้สึกว่ามีคนเดินตามอีกแล้ว วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร เมื่อเดินมาถึงทางแยก ฉันก็รีบพาตัวเองไปแอบข้างกำแพง วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าคิดไปเองหรือมีคนเดินตามมาจริงๆ

    โอมเพี้ยง อย่าเป็นพวกโรคจิตเลย

    ไม่นานนักเรียนชายร่างสูงคนหนึ่งก็หยุดวิ่งตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ เหงื่อโทรมกายเลย ซึ่งเขาหันหลังอยู่แต่ฉันจำได้ว่าเป็นใคร เขามาทำอะไรแถวนี้นะหรือมาซื้อก๋วยเตี๋ยว เอ๊ะ หรือตามฉันมา

    “หายไปไหนว่ะ เร็วชะมัด” พูดไปหอบไป เหนื่อยล่ะเซ่

    “น้ำป่ะ”

    ฉันยื่นขวดน้ำให้ตรงหน้าและเซวินก็รับไปดื่มทันที นี่เขาไม่คิดจะมองหน้าฉันหน่อยเหรอ เมื่อดื่มหมดเขาก็ส่งขวดน้ำคืน จากนั้นก็ทำท่าจะวิ่งไปต่อ ฉันก็รีบคว้าแขนเขาไว้ทันทีซึ่งมันทำให้ฉันเกือบหน้าคว่ำไปข้างหน้า โชคดีที่เขารับร่างฉันไว้ทัน

    “เฮ้ยยัยบ้า”

    OoO อยู่ในอาการตกใจ

    “คือ เธออยู่ตรงนี้”

    “นายตามฉันมาทำไม”

    เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบตั้งตัวและเชิดหน้าขึ้น จะยอมลดศักดิ์ศรีไม่ได้เด็ดขาด เขาทำฉันแสบมากเมื่อตอนกลางวัน เขาต้องโดนดีซะบ้าง

    “ใครตามเธอฮะ ฉัน ฉันมาเดินเล่น”

    “เดินอะไร ฉันเห็นนายวิ่ง”

    “มาออกกำลังกาย”

    “นายเป็นนักกีฬานี่ เล่นกีฬาตอนเย็นทุกวัน แล้วนี่

    ฉันยกนาฬิกาข้อมือให้เขาดูว่าตอนนี้เพิ่งสี่โมงเย็นเอง นักกีฬาโรงเรียนที่ไหนเขากลับบ้านเร็วขนาดนี้ รู้สึกว่าเพื่อนฉันยังอยู่ซ้อมตั้งทุ่มกว่าแน่ะ

    “เดี๋ยวฉันก็จะกลับไปซ้อมต่อแหละ” แล้วเขาวิ่งออกมาเพื่อ?

    ฉันไม่อยากจะคุยกับเขาต่อก็เลยเดินหันหลังกลับบ้าน เขานี่แปลกเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด เป็นนักกีฬาโรงเรียนแทนที่จะอยู่ซ้อมแต่กลับขอโค้ชมาส่งฉันที่บ้าน จากนั้นก็วิ่งกลับไปซ้อมกีฬาที่โรงเรียนต่อ แบบนี้ไงมันทำให้ฉันหลงรักเขาตั้งแต่เด็ก

    ตอนนี้ก็เช่นกัน

    “พู่กัน พุ่งนี้ฉันแข่งบาสกับห้องเธออ่ะ” เซวินเดินมายืนอยู่ข้างๆ พลางยิ้มน้อยๆ น่ารักจัง

    “แล้วไง” จะเสียฟอร์มไม่ได้!

    “เธอจะเชียร์ใคร”

    “นายกลับไปซ้อมเถอะ” ฉันโบกมือลาเซวินแทนคำตอบแต่เขาก็จับข้อมือฉันไว้แทน สายตายังจริงจังอีกด้วย นี่เป็นอะไรเนี่ย ฉันเขินนะเว้ยไอ้บ้า

    “มาเชียร์ฉันนะ”

    เขินนน   ̴

     

    ไปไม่ไปไป

    ไม่ไปไม่ไป

    ไม่ไป

    ไม่รู้เป็นอะไรไป ปากบอกไม่ไปแต่ตอนนี้ฉันมายืนถือขวดน้ำอยู่ข้างสนามเรียบร้อย เป็นน้ำส้มคั้นที่ทำเองกับมือเขาชอบกินนะตอนเด็ก ไม่รู้ว่าอายุสิบแปดจะเปลี่ยนเป็นเหล้าเป็นเบียร์หรือยัง เฮ้อ หวังว่าเขาจะไม่ดื่มของไม่ดีแบบนั้นนะ สู้น้ำส้มคั้นของฉันก็ไม่ได้

    “เซวินนี่เก่งนะครับ เก่งตั้งแต่อยู่มอต้นเลย” ผู้ช่วยโค้ชนั่นเอง

    “แน่นอน แต่รู้มั้ยไปส่งแฟนตอนสี่โมงเย็นทุกวัน”

    แฟน!!

    ใครเป็นแฟนเซวินอ่ะ กรี๊ด แล้วเขากล้าดียังไงมายิ้มให้ฉันเมื่อวานนี้ แถมยังชวนให้มาเชียร์เขาอีก วันนี้ยัยผู้หญิงคนนั้นต้องมาเชียร์เซวินแน่ ฮึ หมั่นไส้

    “สงสัยจะน่ารักนะครับ เจ้าเซถึงต้องรีบวิ่งออกจากห้องเรียนทุกวัน”

    “กลัวจะไปส่งแฟนไม่ทันนะสิ ฮ่าๆๆ”

    ฉันนั่งดูการแข่งขันบาสอย่างหงุดหงิด เสียงโค้ชกับผู้ช่วยโค้ชก็ดังไม่หยุด อีตาเซวินก็มองฉันอยู่นั่นแหละหรือมองแฟนเขาก็ไม่รู้ เธออาจจะนั่งใกล้ฉันไรงี้ พอเขามองฉันก็หันหน้าหนี เกลียดนักผู้ชายกระล่อน และแล้วเวลาการแข่งขันบาสก็จบลง ผู้ชนะก็คนเก่งคนดีประจำโรงเรียนนั่นแหละ

    ทีมเซวินชนะค่า   ̴

    เมื่อรับถ้วยรางวัลพร้อมเหรียญทองเสร็จ สาวๆ ก็วิ่งกรูเข้าใส่นักบาสอย่างกับดาราเกาหลีมาเยือนเมืองไทย ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างอนาถ รู้สึกสงสารนักบาสเล็กน้อย อ้อ เพื่อนห้องฉันก็มีสาวรุมอยู่เยอะนะ หล่อไม่เบานี่

    อ๊ะ นั่นเซวินกับแฟนเขา เดินเคียงคู่กันอย่างเหมาะสม ผู้หญิงห้องหนึ่งชื่อหนุงหนิง เป็นดาวโรงเรียน มีแต่คนชอบรวมทั้งเซวินด้วยสินะ เขาก็ต้องชอบอยู่แล้วก็เป็นแฟนกันนี่ ส่วนฉัน ไม่มีอะไรดีเลย

    ปล่อยเขาไป   ̴ และเราก็เจ็บเอง   ̴

    รักที่ต้องเก็บเอาไว้ ตั้งแต่เด็กจนโต คำว่ารักสั้นๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ยังเป็นความลับ แล้วก็ความลับ ฉันอยากจะระบายจนหมดว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา อยากจะบอกว่าการมาอยู่โรงเรียนแห่งนี้มันทำให้ฉันเปลี่ยนคำว่าชอบกลายเป็นรักหมดหัวใจแล้ว เขาไม่เคยรู้สินะว่าการมาอยู่ใกล้ฉันมันทำให้หัวใจมีความสุขแค่ไหน

    พู่กันอยากบอกว่ารักเซวินนะ

    ลาก่อน

     

    ฉันเองนะเซวิน ฉันมีเรื่องอยากจะสารภาพกับเธอ ได้โปรดมาหาฉันเถอะพู่กัน เจอกันหน้าโรงเรียน

    ฉันมองจดหมายสีชมพูหวานแหววในมืออย่างงงๆ เซวินเนี่ยนะมีรสนิยมโบราณขนาดนี้ เขาส่งจดหมายมาให้ฉันทั้งๆ ที่เดินมาบอกกันก็ได้ อยู่ตึกเดียวกัน ชั้นเดียวกัน ห้องเรียนก็อยู่ไม่ไกลกันมาก เดินมาบอกก็ได้นี่จริงมั้ย อืม แล้วเรื่องที่จะสารภาพล่ะเรื่องอะไร ฉันพยายามหนีหน้าเขามาสามอาทิตย์เต็มเชียวนะ เฮ้อ จะทำยังไงดีเนี่ย

    “ว้าว หนุ่มฮอตประจำโรงเรียนส่งจดหมายรักมาให้”

    “จริงดิ กรี๊ด เซวินของฉัน”

    “ของพู่กันต่างหากย่ะ”

    และสาวทั้งหลายที่อยู่ในห้องเรียนต่างเริ่มมามุงอ่านจดหมายกันใหญ่ นายดังกว่าเดิมแน่เซวิน แล้วแบบนี้ฉันจะไปดีมั้ยนะ ถ้าไปแล้วเขาจะมีปัญหากับหนุงหนิงหรือเปล่า ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้นะสิว่าเขาจะสารภาพอะไร ฉันควรทำยังไงดี

    “ใครให้จดหมายเธอมาเหรอ” แตงโมถามอย่างสงสัย

    “เพื่อนเซวินนะ”

    เขาบอกฉันมาแบบนั้นน่ะนะ เพื่อนเซวินนี่หน้าตาดีกันทุกคนจริงๆ คนที่ให้จดหมายฉันมาก็หล่อมากๆ ถ้าเทียบเซวินกับผู้ชายคนนั้นอยากจะบอกว่ายากเกินอธิบาย กินกันไม่ลงจริงๆ ดวงตาดูคมสวยด้วย รอยยิ้มก็หวานใส ฉันเห็นครั้งแรกก็แทบจะละลายเลย คนอะไรน่ารักอ่ะ

    “เธอจะไปป่ะพู่กัน”

    ในที่สุดฉันก็โดนเพื่อนในห้องลากมาหน้าโรงเรียนจนได้ และแน่นอนว่าเซวินก็โดนเพื่อนจับไว้แน่นเช่นกัน เอ๊ะ ฉันเริ่มจะงงแล้วนะว่ามันเป็นยังไง ในมือของเซวินก็มีจดหมายสีชมพูเหมือนฉันเลย หรือว่า

    “เธอส่งจดหมายให้เซวินเหรอ” เพื่อนห้องหนึ่งพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เท่านั้นแหละฉันก็เริ่มเข้าใจทันที

    เราสองคนโดนแกล้ง!

    “เฮ้ย มั่วล่ะ เพื่อนแกนั่นแหละส่งจดหมายให้พู่กัน”

    “นี่ไงหลักฐานที่พู่กันส่งมา”

    “แล้วนี่ล่ะว่ะ จดหมายที่เซวินส่งมา”

    จากนั้นสงครามขนาดย่อมก็เริ่มขึ้นระหว่างนักเรียนห้องห้ากับเด็กห้องหนึ่ง แน่นอนว่าเสียงคงดังไปทั่วโรงเรียนเพราะตอนนี้มีเด็กนักเรียนเกือบพันคนมายืนมุงดูพวกเราทะเลาะกัน ฉันพยายามส่งเสียงห้ามแต่ไม่มีใครฟังเลย แบบนี้ต้องโดนเข้าห้องปกครองแน่ ประวัติอันดีงามของช้านนน!

    ปี๊ด!

    เสียงนกหวีดดังก้องไปทั่วบริเวณ นักเรียนต่างแหวกทางให้ผู้มาใหม่นั่นก็คือครูสมศักดิ์ เป็นครูควบคุมความประพฤติ หักคะแนนความประพฤติเด็กทุกวัน พู่กันคนนี้ก็โดนมาแล้วจ้า โทษฐานที่ใส่ถุงเท้าผิดคู่ คือแบบมันไม่ใช่คู่กันอ่ะ

    “เกิดอะไรขึ้นฮะคุณนักเรียนทั้งหลาย!

    “ก็ไอ้เด็กห้องหนึ่งมันส่งจดหมายมาให้เพื่อนห้องผมอ่ะครับ”

    “แกนะสิ ดูเลยว่าพู่กันเป็นคนส่งมา”

    “หยุด! เอาจดหมายทั้งสองฉบับมาให้ครู”

    ครูสมศักดิ์รับจดหมายทั้งสองฉบับไปอ่านก่อนจะมองหน้านักเรียนทั้งสองห้อง ก่อนจะมาหยุดที่ฉันกับเซวินซึ่งกำลังงงกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด จดหมายสีเดียวกัน แล้วข้อความจะเหมือนกันหรือเปล่านะ

    “ทุกอย่างเหมือนกันหมด แปลว่ามีคนแกล้งพวกเธอ”

    “โฮ   ̴ นึกว่าเซวินจะมาสารภาพอะไรซะอีก”

    “ใช่ เราก็นึกว่าพู่กันมีอะไรจะบอกเพื่อนเรา” เพื่อนทั้งสองห้องบอกอย่างเสียดาย ฉันก็เสียดายอ่ะ

    “ไหนๆ ก็มีกามเทพส่งจดหมายมาให้แล้ว ฉันจะทำตามจดหมายก็ได้”

    เซวินที่เงียบไปนานเดินออกมาท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของเหล่านักเรียน เขายังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนที่ชอบทำ เท่ได้อีกนะ ฉันเกือบจะยิ้มออกมาแล้วเชียวแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นหนุงหนิงซะก่อน ฉันไม่อยากเป็นมือที่สามของใครหรอกนะ

    “ฉันไม่ชอบเลยที่เธอหนีหน้าฉัน ทั้งๆ ที่ฉันพยายามทำทุกอย่างที่คิดว่าเธอชอบ วันแรกที่เห็นเธอฉันช็อกมากไม่คิดว่าเธอจะมาที่นี่ ฉันอยากจะทักเธอใจจะขาดแต่ใจก็อยากแกล้งเธออยู่ไม่น้อย”

    “แกล้ง?” ฉันทวนคำอย่างสงสัย

    “ใช่ อยากให้เธอไม่มีใครคุยด้วยแล้วก็มาตามตื้อฉันเหมือนตอนเด็กๆ แต่ฉันสงสารเธอเลยบอกให้เพื่อนห้องห้ามาคุยกับเธอไง” เซวินบอกยิ้มๆ พลางมองเด็กห้องห้าที่มองกันตาแป๋ว

    “ช่ายยย   ̴

    “แต่ฉันก็ชอบเธอนะ” ทาทาเพื่อนในห้องห้า บอกพลางเอามือเกาแก้มอย่างเขินๆ น่ารักตลอด

    “อะแฮ่ม! น้อยๆ หน่อยทาทา” เซวินกระแอมไอเสียงเขียว ทาทาก็อมยิ้มทันที

    “หึงไปได้ ชอบแบบเพื่อนครับ ต่อเลยๆ”

    “ไม่ว่าตอนมาโรงเรียนหรือตอนกลับบ้าน ฉันจะมารอเธอทุกครั้ง ตอนเช้าก็มานั่งรอตั้งแต่หกโมง ตอนเย็นก็รีบวิ่งออกจากห้องเพราะกลัวไปส่งเธอไม่ทัน แล้ว

    “หยุดพูดเถอะเซวิน เดี๋ยวแฟนนายก็เสียใจหรอก” ฉันบอกอย่างอึดอัด ฉันกลัวหนุงหนิงจะร้องไห้

    “แฟน? ใครแฟนฉัน” เซวินทำหน้าได้งงมาก เขาแกล้งหรือไงเนี่ย

    “หนุงหนิงไง”

    “ฮะ? ฉัน ฉันเนี่ยนะ” หนุงหนิงเดินเข้ามาร่วมวงพลางเอานิ้วมือชี้เข้าหาตัวเอง

    “หนุงหนิงเพื่อนฉันเอง เราไม่ได้เป็นแฟนกัน” เซวินบอกด้วยรอยยิ้ม หนุงหนิงก็ยิ้มตามไปด้วย

    “อ้อ การแข่งบาสตอนนั้น ฉันแค่ควงแขนเขาเล่นเพราะกลัวจะมีคนแย่งเซวินไปจากเธอต่างหาก”

    “ทิ้งฉันไว้ได้ยังไง น้ำส้มนั่นด้วย”

    “เอาล่ะ หยุดอ้อนสักที นายสารภาพมาได้แล้ว”

    หนุงหนิงบอกอย่างคะยั้นคะยอ เซวินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เพื่อนที่อยู่รอบข้างก็ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ทำอย่างกับว่าเขาจะสารภาพรักงั้นแหละ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ คนอย่างเขาไม่เคยบอกรักใคร แค่แสดงละครยังไม่พูดเลย เฮ้อ แล้วคนอย่างฉันเนี่ยนะจะมีสิทธิ์เป็นผู้หญิงของเขา ฝันไปเถอะ

    “ฉันรักเธอนะพู่กัน”

    “ฮะ!?!” ฉันอาจจะหูฝาดไปก็ได้ เซวินเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะจับมือฉันด้วยความเขิน ใบหน้านี้แดงเชียวฉันก็เริ่มจะเขินตามแล้วนะ คนบ้า

    “ฉันรักเธอ เป็นแฟนกันนะ” ชัดเจนทุกคำค่ะ

    “กรี๊ดดด!

    สาวๆ ต่างกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เมื่อหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนมาบอกรักสาวธรรมดาอย่างฉัน แต่คนธรรมดาอย่างฉันคงเอาไปไม่ได้ง่ายๆ หรอกจะบอกให้ เขาเป็นผู้ชายปากแข็ง เอาแต่ใจ นิสัยเสีย เขาอาจจะใจดีกับทุกคนก็ได้ใครจะไปรู้ ฉันยังจำได้ว่าวันแรกเขาพูดยังไง

     

    ฉันไม่เอายัยนี่เป็นแฟนหรอก สวยก็ไม่สวย

    คอยดูนะ ถ้านายชอบฉันเมื่อไหร่ นายจะต้องแก้ผ้าคุกเข่ามาขอความรักจากฉัน ชิ

    แล้วจะคอยดู

     

    “นายชอบฉันใช่มั้ยเซวิน” ฉันถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เจ้าตัวชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าช้าๆ อย่างระแวง

    “ฮู้ววว ฮิ้ววว” เพื่อนต่างแซวกันใหญ่แต่อีกไม่นานเขาจะต้องทำตามที่ฉันเคยบอกไว้ นั่นก็คือ

    “ถอดเสื้อผ้า แล้วก็คุกเข่ามาขอความรักจากฉันสิ”

    OoO ฮะ!!” นี่คือเสียงของทุกคนรวมถึงคุณครูสมศักดิ์ด้วยที่มองเหตุการณ์อยู่นาน

    “ถะ ถอดเสื้อผ้าเหรอพู่กัน” คำถามของเซวินนั่นเอง ฉันก็ก้าวถอยหลังสองสามก้าวแทนคำตอบ

    “ถ้านายทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมารักฉัน”

    “โอเค”

    เซวินยกมือขึ้นเป็นเชิงยอม ก่อนที่เสียงกรี๊ดจะเงียบลงเมื่อเซวินแกะกระดุมเสื้อนักเรียนทีละเม็ดจนหมด เขาก็ถอดเสื้อออก เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นมาทันทีแต่ฉันยังไม่จบแค่นั้น อยากทำเป็นเท่ต่อหน้าสาวอื่นดีนัก ถอดกางเกงออกด้วยเซ่ อยากโชว์ไม่ใช่หรือไง

    “กางเกงด้วยเหรอ ได้ๆ” คราวนี้เป็นฉันเองที่แทบกรี๊ดเมื่อเขาทำท่าจะถอดออกมาจริงๆ

    “กรี๊ด อีตาโรคจิต นายมันบ้า ฮือ   ̴” ฉันวิ่งไปกอดเขาแน่นไม่อย่างนั้นเขาคงเปลือยทั้งร่างต่อหน้าทุกคนแน่ ฉันไม่อยากร้องไห้เลยแต่ก็ทำไม่ได้ เขาทำฉันใจหายหมด เขามันใจร้ายที่สุด

    “ฉันรู้ว่าเธอไม่ให้ฉันทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นหรอก”

    “อือ   ̴

    “ฉันรักเธอนะ” เขินอ่ะ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

    “พูดใหม่ดิ” ฉันผละออกจากร่างสูงแล้วมองหน้าเขาอย่างหงุดหงิด เขาต้องพูดใหม่เดี๋ยวนี้

    “ฉันรักเธอ” ฉันกอดอกแล้วหันหลังให้ทันที ไม่รู้แหละถ้าเขาไม่พูดคำนั้นฉันจะไม่ยอมหันไปมองเขาเด็ดขาด

    “เซวินรักพู่กันนะครับ”

    “น่ารักที่สุดเลย” ฉันหันไปยิ้มหวานให้เซวินทันทีซึ่งเขาก็แก้มแดงมิใช่น้อย ไหนจะเพื่อนรอบข้างที่แซวเขาไม่หยุด ฉันก็เขินจะตายอยู่แล้ว เซวินมองหน้าฉันอย่างเขอะเขินก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้า เขาจะทำอะไรนะ

    “ฉันอาจจะแก้ผ้าทุกชิ้นตามที่เธอบอกไม่ได้แต่ฉันก็คุกเข่าล่ะนะ”

    “อือฮึ แล้วไง”

    “เธอน่ารักตั้งแต่เด็กจนโต ฉันอยากได้หัวใจเธอมาก ฉันเสียใจที่ต้องย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ แล้วทิ้งเธอไว้คนเดียว ฉันอยากอยู่เคียงข้างเธอนะถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเรียนอยู่ก็ตาม ฉันก็สามารถดูแลเธอได้”

    “พูดแบบนี้เป็นแฟนกันเลยมั้ย”

    “เป็นดิ โอเคป่ะ”

    “อืม   ̴

    เซวินลุกขึ้นจากนั้นก็ยกตัวฉันขึ้นหมุนไปมาอย่างดีใจ ใบหน้าที่เคยนิ่ง ณ บัดนี้กำลังฉีกยิ้มอย่างมีความสุข เขากำลังกอดฉัน เด็กผู้ชายตัวเล็กที่ฉันแอบชอบ ตอนนี้เขามาอยู่กับฉันแล้ว ความรู้สึกว่า รัก มากแค่ไหน ถูกเปิดเผยออกมา ขอขอบคุณพระเจ้าหรือจดหมายบ้าบอนั่นที่ทำให้ความรักฉันสมหวังเร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นเราสองคนอาจจะไม่ได้คุยกันอีก อย่างสุดท้าย ความลับไม่มีในโลก รักใครก็จงบอก ดีกว่าจะไม่มีเขาอยู่ข้างกาย

    “พู่กันรักเซวินน่ะค่ะ”

    ฟอดดด   ̴

     

    อีกมุมหนึ่ง

    ผู้ชายร่างสูง ใบหน้าหล่อคมคายยืนยิ้มอย่างมีความสุขที่เขาสามารถทำให้ทั้งสองคนสารภาพรักกันได้ ถึงแม้กามเทพอย่างเขาจะใช้วิธีโบราณไปหน่อยก็เถอะแต่มันก็ใช้ได้ผลนี่เนอะ อาจจะวุ่นวายเล็กน้อยแต่ผลมันก็ออกมาดีแหละ คู่ต่อไปเขาจะทำให้ดีที่สุด จะช่วยใครดีล่ะ




    ขอบคุณที่อ่านกันคร้าบบบ

    ถ้าดีและชอบโปรดเม้นท์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะ นิดนึง

    แล้วเรามาพบเจอกันในรื่องยาวนะครัชชชช

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×