ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BIGBANG] ♡ Short Fiction's storehouse.

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Bell, Wind & Candy {NyongTory}

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 57


    [SF] Bell, Wind & Candy

    PG-15

    Jiyong & Seungri

    Summary : ระหว่างความฝันแสนสวยงามและความจริงแสนโหดร้าย คุณจะเลือกอะไร ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง เป็นร้านขายของโบราณเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างจะสวยหรู ทั้งที่ปกติแล้ว ผมเองก็เดินผ่านร้านนี้อยู่ทุกวัน แต่กลับไม่มีวันไหนที่ผมสนใจร้านนี้เลยสักครั้ง  อาจเป็นเพราะเวลาที่ช่างแปรผกผันกับหน้าที่การงานของผม ทำให้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันก็หลุดรอดผ่านสายตาของผมได้ ถ้ามันไม่เกี่ยวกับงาน

     

                 ซึ่งนั่นอาจจะรวมถึง ความรัก และคนรักของผมด้วย

     

                 จิตใต้สำนึกเล็ก ๆ ที่ใหญ่เกินตัวนำพาร่างของผมเข้าไปในร้าน  กลิ่นไม้หอมเก่า ๆ ลอยปะทะจมูก  ถึงไม่ใช่กลิ่นหอมแบบไม้หอมทั่วไป แต่มันกลับช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ   ผมเดินมองไปรอบ ๆ ร้านที่ตกแต่งสไตล์คลาสสิก มีแต่ของโบราณเล็ก ๆ ที่น่าสะสมเต็มไปหมด แล้วชั่วครู่หนึ่ง ผมก็คิดถึงเขาขึ้นมา

     

                 “คิดถึงใครอยู่ล่ะสิ

     

                  เสียงของคนที่ผมทึกทักเอาเองว่าเป็นเจ้าของร้าน ดังขึ้นจากชั้นบน สักพักร่างเล็กก็ก้าวลงมาจากบันไดวนนั้น ผมซอยสั้นสีบลอนด์รับกับใบหน้าได้รูป แต่ผิดคาดที่เจ้าของร้านแบบนี้ กลับกลายเป็นเด็กผู้ชายวัย 20 กว่า ๆ เท่านั้นเอง

     

                

                 ผมเลิกคิ้วนิด ๆ ก็... ประมาณนั้นแหละครับผมเสมองไปทั่วร้าน สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ แต่เขาคงไม่มีวันกลับมาหาผม

     

                

                 ไม่ใกล้ไม่ไกลนักหรอกเจ้าของร้านยิ้มหวาน ไม่ใกล้พอที่จะมองเห็น  แต่ก็ไม่ไกล...เกินกว่าจะสัมผัส

     

                

                 ผมมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย จนเจ้าตัวหัวเราะออกมา  ขอโทษนะที่ผมพูดอะไรแปลก ๆ ..เอาเป็นว่า...พูดไปก็พลางเดินไปที่ตู้ใบหนึ่ง ก่อนจะหยิบของบางอย่างให้กับผม

     

                

                 กระดิ่งสีขาว ฉันให้เป็นเครื่องราง... ถ้าหากคิดถึง... เพียงแค่สั่นกระดิ่งนี้นะ

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

     

     

                 “ปิ๊บเสียงคีย์การ์ดดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ทำให้ผมอยากทิ้งตัวลงบนเตียงให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากวันอื่น ๆ คือ วันนี้มีกระดิ่งสีขาวหน้าตาแปลก ๆ ติดมือผมมาด้วย

     

                

                 ผมโยนกระดิ่งลงบนที่นอน มันสั่นเบา ๆ ตามแรงโยน  แต่จู่ ๆ ก็มีลมหอบใหญ่ปะทะเข้าที่ใบหน้าผม

                

     

                 ผมหยุดกึกไปชั่วครู่ เพราะห้องนอนของผมเป็นห้องทึบไม่มีหน้าต่าง...สัญชาตญาณและความช่างสังเกตของผมทำให้สมองคิดไปต่าง ๆ นานา และจ้องมองไปยังกระดิ่งอันนั้น

     

                

                 บ้าน่า.. มันก็แค่กระดิ่งผมคิดในใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มหยุ่น ความเหนื่อยล้าที่เข้าถาโถม

    ทำให้ผมหลับไปอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

     

                 ‘ซึงรี นายอยู่ไหน ? อยู่บ้านรึเปล่า ?!’  ผมกรอกเสียงเครียดใส่โทรศัพท์

     

                 (‘อยู่ ๆ จะถามถึงเอกสารบนโต๊ะใช่ไหม ? ฉันกำลังจะเอาไปให้พอดีเลย’)

     

                 ‘จริงเหรอ ? งั้นรีบหน่อยนะ  ฉันต้องประชุมใน 10 นาทีนี้แล้ว !

     

                 (‘10 นาที ? ฉันจะไปทันได้ยังไงเล่า ?’)  ปลายสายตอบกลับเสียงกวน ๆ

     

                 ‘ไม่ทันก็ต้องทัน ! อีซึงฮยอน !!’  ผมตวาดใส่ปลายสายกลับไป

     

                 (‘...งั้นก็ได้... ผมรักพี่นะ ‘) ซึงรีตอบผมอย่างเศร้า ๆ  แต่ ณ ตอนนั้น ผมไม่มีเวลามานึกถึงหรอก

    ผมกดวางโทรศัพท์อย่างไม่ติดใจอะไร คิดในใจว่ากลับบ้านไปก็คงจะไปขอโทษ อ้อนอีกสักหน่อยก็คงหาย

    แล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

     

                 แต่ใครจะคิด... ว่านั่นจะเป็นคำบอกรักครั้งสุดท้ายจากคนที่ผมรักที่สุด.. อีซึงฮยอน

     

                 ‘...’  ผมโทรหาซึงรีนับครั้งไม่ถ้วน การประชุมเริ่มต้นขึ้น และบอสกำลังรอชิ้นงานของผมอยู่

    ปากของผมพร่ำบ่นให้ปลายสายรับโทรศัพท์ เรียกชื่อซึงรีไป พลางขอโทษบอสไปไม่รู้กี่ร้อยครั้ง 

    และวันนั้นก็เป็นวันแรกที่รู้สึกว่าคำขอโทษใด ๆ ก็ตามมันจะไม่มีความหมายเลย

    ถ้าเราใช้มันกับคนที่ไม่สำคัญและไม่เห็นคุณค่าของคำนั้น

     

                 ‘...เอ่อในที่สุดเขาก็รับโทรศัพท์ของผม

     

                 ‘อีซึงฮยอน ! นายอยู่ไหน ?! ทำไมยังไม่มาอีก ?!!’

     

                 ‘ญาติคุณอีซึงฮยอนใช่ไหมคะ ? ตอนนี้คุณอีซึงฮยอนเขา...

     

     

     

     

     

     

                 “เฮือก !ผมสะดุ้งขึ้นมา พร้อมกับเหงื่อที่ชื้นเต็มตัวของผม ฝัน... อีกแล้วเหรอ...

     

                

                 ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ แล่นเข้ามาในสมองต่อจากความฝันนั้นราวกับมีใครมาเปิดวิดีโอให้ผมดู โทรศัพท์เครื่องสวยตกกระแทกพื้นอย่างไม่มีชิ้นดี

                

     

                 พร้อมกับหัวใจของผม ที่แหลกสลายไปอย่างไม่มีชิ้นดีเช่นกัน...

     

                

     

                 ผมมองรอบ ๆ และพบว่าตัวเองยังอยู่บนที่นอนนุ่มหยุ่นที่นอนอยู่ทุกวัน ข้างตัวผมยังคงมีกระดิ่งสีขาววางอยู่ น้ำตาของผมไหลลงมาอีกครั้ง

                

                 ตั้งแต่วันนั้นผมได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึงรีจากผมไป ถ้าผมไม่เร่งให้ซึงรีรีบมาหาผม ถ้าผมไม่โง่พอที่จะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งความรู้สึกของคนที่ผมรักที่สุด เรื่องราวทั้งหมด มันคงไม่เป็นแบบนี้...

     

                

     

                 และผมก็คงไม่ต้องร้องไห้อยู่อย่างนี้ทุกคืน

     

                

     

                 ผมหยิบกระดิ่งที่วางอยู่บนที่นอน มือลูบกระดิ่งไปเรื่อยอย่างคนไร้สติ เสียงกระดิ่งดังขึ้นเบา ๆ ตามแรงจากมือ  สายลมอ่อน ๆ ไหลวนรอบตัวผมอยู่เรื่อย ๆ ผมยิ้มให้กับความมืดเป็นการขอบคุณสายลมที่คอยปลอบโยนผม ก่อนที่เสียงใส ๆ จะดังขึ้นกระทบโสตประสาท..

     

                

     

               ‘... ถ้าหากคิดถึง... เพียงแค่สั่นกระดิ่งนี้นะ

     

                

     

     

               กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

     

     

     

                 ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง.. ผมยังคงอยู่ที่เดิม บนเตียงนุ่ม ๆ ของผม ข้างตัวผมยังคงมีกระดิ่งสีขาววางอยู่ ผมหยิบมันขึ้นมามองอีกครั้ง

                

     

                 สายลมเบา ๆ พัดโอบล้อมตัวผม ทั้งที่ห้องนี้เป็นห้องทึบ ผมลูบหน้าตัวเองช้า ๆ ทำลายความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นในสมอง

     

                

     

                 ตื่นแล้วเหรอ คุณควอนจียงเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นกระทบโสตประสาท ก่อนที่เตียงนุ่มจะยุบลงไปตามน้ำหนักของอีกคนที่ทิ้งตัวลงมา

     

                

                 ซ...ซึงรี...ผมจ้องหน้าคนข้างกายผมไม่กระพริบตา จนเจ้าของชื่อที่ผมเพ้อถึงหัวเราะขึ้น อะไร ? ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้ ฮ่าๆ

     

                

                 “...” ผมเงียบ มองร่างของซึงรีสลับกับมองกระดิ่งในมือ อีกฝ่ายพอเห็นท่าทีแปลก ๆ ของผมจึงยื่น

    หน้าเข้ามาใกล้ ๆ

     

                

                 อ๊ะผมคว้าร่างของซึงรีมากอดแน่น คิดถึง...มากๆน้ำตาของผมไหลลงมาช้า ๆ สัมผัสเหล่านี้

    ยังคงเหมือนเดิม

     

                

                 คิดถึง... เหลือเกิน...

     

     

                 “พูดอะไรของพี่เนี่ย เราก็เจอกันทุกวันนี่นาซึงรีดันตัวผมออกช้า ๆ นี่.. พี่ร้องไห้ ?”

     

                

                 ผมขยับตัวเข้าหาซึงรี ซบหน้าลงไปกับไหล่ลาดนั่นอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แค่ฝุ่นเข้าตาน่ะ

     

     

                 ซึงรีหัวเราะเบา ๆ ลูบหลังผมอย่างปลอบโยน สักพักก็ทำท่าทางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

     

     

                 “กินไหม ?” ซึงรียื่นกระปุกลูกกวาดหลากสีมาให้ผม อร่อยมากนะฮะ นี่ได้มาจากญี่ปุ่นเลย

     

     

                 “ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบกินลูกอม

     

     

     

     

                 พรึ่บ !

     

     

     

     

                 ลมหอบใหญ่ปะทะร่างของผม จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ..

                

     

     

                

     

     

     

                 ผมลืมตาอีกครั้ง สายตากวาดหานาฬิกาปลุก แต่ตัวเลขบนเรือนนั้นก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผมได้ตั้งเอาไว้ ผมเองได้แต่แปลกใจที่จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมากลางดึก

                

                 มือของผมยังคงกำกระดิ่งสีขาวเอาไว้แน่น ผมจ้องมองที่กระดิ่งอีกครั้ง ราวกับจะค้นหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากมัน พอรู้สึกตัวผมก็สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

     

                

     

               น่าแปลกที่คืนนี้ ผมไม่ฝันร้ายอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

     

     

     

                 ผมกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับกระดิ่งสีขาวของผม ผมจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองก่อนจะเข้านอนเร็วกว่าทุก ๆ วัน

     

     

                 ผมหลับตาพริ้ม ภาพเมื่อวานของซึงรีไหลวนในห้วงความคิด ผมยิ้มให้กับความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้น พลางลูบกระดิ่งในมือเบา ๆ

                

     

                 เสียงกระดิ่งดังก้องในห้องนอนสีหม่นอีกครั้ง ลมวูบใหญ่พัดโอบรอบผมพร้อมกับสติที่ถูกพัดพา

    ออกไปไกลแสนไกล...

     

                

     

     

                

     

                 ผมลืมตาขึ้น ในอ้อมกอดผมมีร่างนุ่มนิ่มของซึงรีหลับตาพริ้มอยู่ เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้อง

    ทำให้มุมปากของผมยกยิ้มอย่างรู้งาน มือหนาของผมลูบศีรษะกลมอย่างนุ่มนวลราวกับอยากจะปกป้องร่างกายนี้เอาไว้ไม่ให้ถูกพรากไป...

                

                

     

                 ถึงในความเป็นจริง.. ผมจะทำไม่ได้ก็ตาม...

     

                

     

                 ซึงรีขยับตัวเบา ๆ ในอ้อมแขนของผมก่อนจะลืมตาขึ้น

                

                

                 ตื่นแล้วเหรอ ?” ผมถามก่อนจะสูดความหอมจากแก้มคนตรงหน้า

     

                

                 ยังไม่ตื่นมั้งฮะ ถามอะไรแปลก ๆ ฮ่าๆคนตรงหน้าหยิกแก้มผมกลับ

     

     

                 “หิวมั้ยผมถาม เพราะตัวผมเองก็เริ่มจะหิวแล้วเหมือนกัน

     

     

                 “ถามแบบนี้หิวล่ะสิ ? รอก่อนนะฮะ เดี๋ยวไปทำให้ซึงรีพูดทุกอย่างตามความคิดของผมเป๊ะ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรักเขามากเหลือเกิน

     

     

                 “ครับผมผมยิ้มหวาน

     

     

                 “อ๊ะ.. พี่จียงหลับตาก่อน ผมจะลุกไปแล้วนะซึงรีก้มหน้าก้มตาพูดด้วยความเขิน

     

     

                 “อายอะไรอีกล่ะ.. เห็นหมดแล้วผมหยอกกลับ และนั่นทำให้ผมได้หมอนใบใหญ่ที่ถูกปาใส่หน้า

    กลับคืนมา...

     

     

     

     

     

                 ไม่นาน กลิ่นอาหารเช้าหอม ๆ ก็ลอยปะทะจมูก นำพาร่างหิวโซของผมไปยังครัว ผมแอบมองซึงรีวุ่นวายอยู่หน้าเตา หมุนไปหมุนมาทั่วครัว และนั่นก็ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ แต่ผมอาจจะแอบดูโจ่งแจ้งไปหน่อยจนเป้าสายตาของผมหันกลับมาโวยวาย

     

     

                 “พี่ ! ยืนขำอยู่ได้ มาช่วยกันเลย เร็ว ๆ เลย

     

     

     

                 ผมเดินตามคำสั่งของแฟนสุดที่รักเข้าไปในครัว เรื่องทำอาหารนี่ไม่ใช่เรื่องถนัดของผม รวมทั้งซึงรีด้วยเหมือนกัน ถึงจะเป็นแค่อาหารเช้าง่าย ๆ อย่างไส้กรอก แฮม หรือไข่ดาว แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็ชอบทานฝีมือของซึงรีอยู่ดี ถึงอีกฝ่ายจะปฏิเสธตลอดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนทอดมันเท่านั้นเอง

                

                 ในที่สุด อาหารเช้าแสนอร่อยก็สำเร็จได้ด้วยดี ผมรีบยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะที่จัดไว้เรียบร้อย ตามด้วยอุ้มเชฟส่วนตัวที่เอาแต่ร้องโวยวายอยู่ว่า ยังไม่ได้แช่กระทะที่ใช้แล้วเลย ผมวางซึงรีลงบนเก้าอี้ ก่อนจะรีบทานอาหารฝีมือของเขาทันที

     

                

                 รีบไปไหนรึเปล่าฮะ ?”

     

     

                 “ก็ฉันหิวนี่นา...ผมพูดพลางตักเข้าปากคำโต อร่อย.. อร่อยมากน้ำตาของผมรื้นขึ้นมาอีกครั้ง รสชาติที่ผมคุ้นเคยที่หาทานที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

     

     

                 “โหย ซึ้งอะไรขนาดนั้น ฮ่าๆๆ.. อ้อ กินเสร็จแล้วก็กินลูกอมนี่นะฮะ ลูกอมน้ำเชื่อมมะนาวน่ะ อร่อยมากเลยนะ แม่ผมซื้อมาฝากซึงรีพูดก่อนจะเลื่อนโหลแก้วใสที่ภายในบรรจุลูกอมสีเหลืองอ่อนราดน้ำเชื่อม

    ไว้เต็มไปหมด

                

     

                 ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน เมื่อผมปฏิเสธลูกอมจากซึงรี ผมก็ตื่นขึ้นทันที ผมไม่อยากให้เวลาที่

    แสนสวยงามของผมจากไป

                

     

                 ผมต้องกินลูกอมนี่หรือเปล่า ? หรือมันจะเป็นเพียงแค่ความคิดแปลก ๆ ของผมแน่ ? ...

     

                

     

                 ไม่กินได้ไหม กินลูกอมแต่เช้าไม่ไหวมั้ง

     

     

                 พรึ่บ !

     

                

                 เหมือนเดิม... อีกครั้ง...

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

     

                

                 ผมสาวเท้าอย่างรีบร้อนไปที่ร้านขายของเล็ก ๆ นั่นอีกครั้ง  ประตูร้านเปิดขึ้นอย่างแรงด้วยน้ำมือของผม เสียงกระดิ่งตรงประตูดังก้องในร้าน สายตาของผมกวาดไปทั่ว มองหาเด็กคนนั้นที่เป็นเจ้าของร้าน ผมหายใจเข้าลึก ปลอบให้ตัวเองใจเย็นลงอีกนิด

                

                

                 “เปิดเบา ๆ หน่อยสิ ตกใจหมดเลยเจ้าของร้านละจากการทำความสะอาดในร้านเพื่อมาคุยกับผม

     

     

                 “กระดิ่งนั่น... มันยังไงกันแน่ผมถามเสียงแข็ง

     

     

                 “ก็เป็นเครื่องรางธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ.. แต่มันก็ช่วยให้นายสบายใจขึ้นได้ใช่ไหมล่ะ ?” เขายิ้มตอบผม

     

     

                 ผมเงียบ เพราะผมปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ากระดิ่งนั่นทำให้ผมมีความสุขขึ้นมาก ผมได้พบกับซึงรีอีกครั้ง นั่นคือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของผม

                

     

                 “แล้วลูกอมล่ะ ? ผมต้องกินมันใช่ไหม ?” ผมถามเสียงอ่อน ผมไม่ต้องการให้ช่วงเวลาอันแสนมีค่าต้องจบลงอย่างง่ายดายแบบนั้น

     

     

                 “ไม่รู้สิ.. ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไรคำตอบของเขาทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ยังรอคำตอบต่อไปจากปากของเขา

     

     

                 “แต่คุณไม่เคยได้ยินเหรอ ? เวลาที่ไม่สบายใจน่ะ เขาให้กินลูกอมกันนะ

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

     

     

                 ผมกลับมาที่ห้องของผม เพื่อทดลองสมมติฐานที่ผมคิดได้เมื่อไปที่ร้านแห่งนั้น ผมจัดการตัวเองอย่างรีบร้อน คว้ากระดิ่งที่สั่นไหว แล้วทรุดตัวลงบนโซฟาบุนวมมันวาว

                

                 เสียงกระดิ่งดังก้องขึ้นอีกครั้ง

     

          

     

     

     

                 หลังจากที่สายลมพาดพัดผ่านไป ผมก็รู้สึกได้ความเย็นและเปียกชื้นอยู่รอบตัวผม เมื่อลืมตาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสระว่ายน้ำ

                

     

                 ความตกใจทำให้ผมทรงตัวไม่อยู่ และเริ่มตะเกียกตะกายหาอากาศ  สักพักเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นจาก

    ด้านบน

                

                

     

                 "พี่จียง ! พี่จียงเป็นอะไรไหม ?!" ผมตะเกียกตะกายไปยังจุดที่เท้าพอหยั่งถึง ก่อนจะโผล่หน้าขึ้นมาสูดออกซิเจนเข้าเต็มปอด

     

     

                 "มะ.. ไม่เป็นไร..." ผมฝืนยิ้มให้กับคนที่อยู่ตรงขอบสระ

     

     

                 "บ้าจริง ! พี่ทำผมใจหายใจคว่ำหมด... อยู่ ๆ เป็นอะไรเนี่ย ? ปกติพี่จียงว่ายน้ำเก่งจะตาย"

     

                

                 "ตะคริวกินนิดหน่อยน่ะ ว่าแต่นายไม่เล่นน้ำเหรอซึงรี"

     

     

                 "ไม่เอาอะ หนาว" ซึงรีที่นั่งจุ่มเท้าในสระอยู่ไม่ไกลจากผมตอบกลับอย่างหวาด ๆ ผมเลยอุ้มร่างคนตัวเล็กลงน้ำทันที

                

     

                 "ทำอะไรน่ะ ! หยุดนะพี่จียง !! ฮ่าๆ"

     

                

                 จากนั้นเสียงโวยวาย เสียงหัวเราะ และเสียงน้ำกระเซ็นก็ดังขึ้นไปทั่วบริเวณ แต่มันก็ดังอยู่อย่างนั้นได้เพียงไม่กี่นาที...

                

     

                 เพราะต้นเหตุของเสียงโวยวายนั้นเงียบลงไปด้วยจูบของผมเรียบร้อยแล้ว

     

     

     

     

                 เล่นน้ำได้สักพักก็ขึ้นมาพักเหนื่อยกันที่ริมสระ ซึงรีส่งผ้าขนหนูขนาดปานกลางให้ผม ผมรับไว้แต่กลับใช้มันเช็ดผมคนตรงหน้าแทน และนั่นทำให้คนที่เพิ่งเอาผ้าเช็ดตัวให้ผมหน้าแดงก่ำ  ผมหัวเราะน้อย ๆ กับความน่ารักของซึงรี ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

     

     

                 "ลูกอมมินท์ฮะ อร่อยนะ" ซึงรียื่นลูกอมที่อยู่ในซองสีหวานน่ารักให้กับผม ผมมองลูกอมสีหวานในมือ และบรรจงหยิบมันเข้าปาก

     

                 หัวใจของผมเต้นรัวเร็วราวกับจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการกินลูกอมสักเม็ดหนึ่งมันช่างยากลำบากเหลือเกิน

          

     

     

                 ผมหลับตา พลางคิดในใจว่า ลูกอมเม็ดเล็ก ๆ เม็ดเดียวจะทำให้ความสุขของผมจากไปง่าย ๆ อย่างนั้นเลยหรือ

                

     

                 แค่ 1 วินาทีที่ผ่านไป ผมกลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปร่วมเดือน รสหวานของน้ำตาลและความเย็นของมินท์กระจายไปทั่วปาก รสชาติมันก็เหมือนกับลูกอมธรรมดา แต่กลับรู้สึกพิเศษกว่าเป็นไหน ๆ

     

                

     

                 "แหมพี่ ทำหน้าฟินซะนานเชียว อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอฮะ ?" เจ้าของเสียงยิ้มกวน ๆ ให้กับผม ผมลืมตาขึ้นและพบว่าผมยังคงอยู่ที่เดิม

     

     

                 ในที่สุด ผมก็สามารถหยุดเวลาของผมเอาไว้ได้

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

                

     

     

                 เข็มบนนาฬิกาผนังแบบโมเดิร์นของผมบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ได้ข้ามคืนของวันใหม่ไปแล้ว คืนนี้ผมเลิกงานช้ากว่าปกติ และนั่นทำให้ผมหงุดหงิด

                

     

                 ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผมรีบกลับมาที่ห้องของผม ราวกับมีใครสักคนกำลังรอผมอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่ไกลแสนไกล และผมก็อดทนที่จะพบกับเขาคนนั้นตลอดเวลา         

     

                 เสียงกระดิ่งดังก้องขึ้นเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้นับตั้งแต่ได้รับกระดิ่งนี้มา ผมหลับตา ยิ้มรับลมวูบใหญ่ที่ปะทะเข้าที่ตัวผม และพัดพาผมไปยังอีกดินแดนหนึ่ง

     

     

                 ที่ที่มีคนรักของผมรออยู่ ...อีซึงฮยอน

     

     

                

     

                

     

                 "พี่จียง วันนี้ไปดูหนังกันเถอะ !" ซึงรีจับมือผม กึ่งจูงกึ่งลากออกมานอกห้อง

     

                

                 ผมได้แต่หัวเราะกับการกระทำแบบนั้นก่อนจะพูดออกไป "ใจเย็นสิซึงรี อยากดูขนาดนั้นเลย ?"

     

                

                 "ผมจองตั๋วไว้แล้วน่ะสิ นี่หนังจะฉายแล้วนะฮะ !" ซึงรีทำเสียงเหวี่ยงใส่ ก่อนที่ผมจะเดินตามไป

    อย่างว่าง่าย

     

                

     

                 วันนี้เป็นวันเกิดของซึงรี วันที่สำคัญเสียยิ่งกว่าวันเกิดของตัวผมเองอีก บางทีเขาคงคิดว่าผมอาจจะลืมมั้ง เลยจัดการเตรียมทุกอย่างไว้เอง

                

     

                 นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมรักซึงรีมาก ๆ เขาเป็นคนพูดเก่งก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนเรื่องมาก ไม่ใช่คนขี้น้อยใจแบบที่แฟนส่วนใหญ่ชอบเป็นกัน ซึงรีเคยบอกกับผมอีกว่า วันเกิดของเรา คนที่ควรจะได้รับของขวัญมากที่สุดคือพ่อกับแม่ที่ทำให้เราเกิดมา  จากประโยคนั้นทำให้ผมชักอยากจะไปขอบคุณพ่อแม่ของซึงรี ที่ทำให้อีซึงฮยอนคนนี้เกิดมา เป็นคนรักที่แสนพิเศษของผม

     

     

                 หนังที่ซึงรีเลือกก็ไม่พ้นหนังรักที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้ ตลอดทางผมได้ฟังซึงรีเล่าเรื่องหนังพวกนี้ไปมากพอสมควร ผมไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังโรแมนติกแนวนี้สักเท่าไร ผิดกับตัวซึงรีที่ตอนนี้กำลังจ้องจอภาพยนตร์อย่างใจจดใจจ่อ ผมเองก็ทำได้แค่จ้องหน้าคนที่นั่งข้างผม และจับมือนุ่ม ๆ นั้นเอาไว้ตลอดเวลา

                

     

                 ภาพยนตร์ฉายมาจนใกล้จะถึงตอนจบ เหมือนเรื่องอื่น ๆ ที่ตอนจบมักจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง พระเอกและนางเอกจะครองรักอยู่ด้วยกันปิดท้ายด้วยฉากจูบอันแสนดูดดื่ม

     

     

                 “เอาบ้างมั้ย ?” ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้มือเย็นเฉียบ

     

     

                 “บ้า !ซึงรีพูดพลางประทับฝ่ามืออีกข้างลงบนแก้มผมเบา ๆ ..มันก็ไม่ได้เบาอะไรขนาดนั้นหรอก

     

     

                 ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงร่างของซึงรีเข้าแนบกาย บรรจงจูบไปที่กลีบปากเรียวเล็กที่น่าหลงใหล ซึงรีที่ตอนแรกทำเหมือนต่อต้าน กลับโอนอ่อนตามอารมณ์ที่ผมมอบให้ เผยอริมฝีปากให้ลิ้นร้อนของผมแทรกเข้าไปตักตวงความหอมหวาน ละเลียดชิมริมฝีปากนั้นราวกับอมยิ้มที่ไม่มีวันหมด รสชาติมันหวานหอม แต่ผมรู้สึกว่ามันหวานจริง ๆ หวานเกินไป

     

     

                 หยุดคิดไปเพียงชั่วครู่ ปลายลิ้นของผมก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ตวัดโลมเลียไปทั่วโพรงปาก ก่อนคลายออกช้า ๆ ขบกัดเบา ๆ ที่ริมฝีปากเป็นการหยอกเย้า ผมประคองใบหน้าซึงรีให้เอียงน้อย ๆ เพื่อรับจูบอันดูดดื่มอีกครั้ง แล้วผมก็พบต้นเหตุของความหวานที่ผมรู้สึก ก่อนจะใช้ลิ้นตวัดมันเข้าปากของตัวเอง

     

     

     

                 "พะ..พี่จียง... ขโมยลูกอมผม..." ซึงรีมองผมตาโต แก้มใสขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด

     

     

                 "อร่อยนะ กินจากปากนายเนี่ย" ผมหัวเราะกวน ๆ ก่อนจะลุกจากที่นั่งเมื่อภาพยนตร์จบลง    

     

     

     

     

                 ผมเดินจับมือกับซึงรีเดินรอบ ๆ ห้างสรรพสินค้า ร่างเพรียวเล่าเรื่องต่าง ๆ ในวัยเด็กให้ผมฟัง แต่ตลอดการพูดคุย ผมก็มองเห็นสีหน้าที่คาดหวังและรอคอยอะไรบางอย่าง ผมไม่ลืมวันเกิดของซึงรีหรอกนะ ผมกำลังจะเซอร์ไพรส์เขาต่างหาก

     

     

                 "ไปดูร้านนี้กัน" ผมเดินนำเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง สีหน้าเพลีย ๆ ถูกส่งมาจากคนที่เดินตามผมมา "ซื้ออีกแล้วเหรอฮะ ?"

     

     

                 "อื้ม ซื้อให้นายไง" ผมยิ้ม "อ้อ ซื้อให้ผม.. เหอะ! ...เดี๋ยว ? ให้ผม ??" ซึงรีทำตาโต เหมือนเด็กที่พ่อแม่สัญญาว่าจะซื้อของเล่นให้

     

     

                 ผมหัวเราะเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน มือหนาโอบไหล่ของซึงรี กระซิบข้างหูแผ่วเบา "อยากได้ตัวไหนก็บอกนะ"

     

     

                 ซึงรียิ้มร่า ก่อนจะหันกลับมากอดผมแน่น "ขอบคุณนะฮะพี่จียง ขอบคุณมาก ๆ เลย"

     

     

                 ผมกอดตอบไป โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายิ้มออกมาเมื่อไร

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

     

                

     

     

                 "ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ" เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมตื่นจากความฝันแสนสวยงาม ที่ผมอยากมันกลับกลายเป็นความจริงเหลือเกิน

                

     

                 ผมตื่นเวลาเดิม อาบน้ำ แต่งตัวใส่ชุดทำงานที่ผมรีดเอง ทานอาหารเช้าที่เพียงแค่ใส่ในไมโครเวฟ รอไม่กี่นาทีก็พร้อมทาน มันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่ซึงรีจากผมไป

     

                 ไม่มีคนคอยปลุกผมเมื่อยามตื่น ไม่มีชุดที่รีดให้ผมพร้อมใส่ในทุกวัน ไม่มีอาหารเช้าแสนอร่อยตั้งรอ

    ผมอยู่

                

     

                 ไม่มีหัวใจอีกครึ่งดวงของผม

     

     

     

     

     

            วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชีวิตประจำวันของผมยังเหมือนเดิม ยังคงไปทำงานแต่เช้า ฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัด แช่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่สูงขึ้น พบเจอผู้คนมากมายที่ในสมองมีแต่เรื่องธุรกิจและการประจบประแจง ใช้คำพูดสวยหรูแต่ไม่ได้มีความจริงใจในนั้นเลยสักนิด

     

     

                 ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองมองเรื่องแบบนี้สำคัญกว่าซึงรีได้ยังไง

     

     

                 ผมกลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้าเหมือนทุกวัน ร่างกายของผมตรงไปที่เตียงโดยอัตโนมัติ กระดิ่งสีขาวถูกสั่นขึ้น เสียงใสก้องกังวานในความมืดอีกครั้ง...

     

                

     

     

     

                 กลิ่นเค็มจากไอทะเลลอยมาปะทะจมูก ผมลืมตาขึ้นช้า ๆ มือของผมกอบกุมมือของซึงรีไว้แน่น คนข้างกายผมกำลังหลับตาพริ้ม ยืนรับลมทะเลพัดเย็น

     

     

                 "ทะเลนี่... ดีจังเลยนะฮะ" ซึงรีพูดพลางส่งยิ้มให้กับผม

     

     

                 ผมมองไปรอบตัว รอยยิ้มของซึงรียังคงเหมือนเดิม สัมผัสอุ่น ๆ ที่ฝ่ามือนี้ยังคงเหมือนเดิม แต่ในใจของผมกลับรู้สึกแปลก และค่อนไปทางต่อต้านด้วยซ้ำไป

                

                 ลมทะเลพัดโอบล้อมร่างของเราสองคน ซึงรียังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ผมพาซึงรีเดินทอดหาดทรายสีขาวไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบร่างของเขาเอาไว้ ความรู้สึกที่แสนสุขเหล่านี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบมันอีกครั้งตั้งแต่ที่เสียซึงรีไป  ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น ความรู้สึกผิดในใจผมก็เหมือนถูกรื้อขึ้นมาใหม่

     

     

                 ท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงลมทะเลพัดไหว และเสียงของหัวใจของผมที่เต้นช้า ๆ ไม่มีคำพูดใด ๆ เล็ดลอดมาระหว่างเราสองคน มีเพียงอ้อมกอดที่ผมโอบซึงรีเอาไว้

                

                 ผมจ้องมองซึงรีที่ยังคงเพลิดเพลินกับทะเลสีคราม ในใจก็มีแต่คำถามมากมายที่อยากจะถาม

                

                 และก็ได้แต่คิดว่า ถ้าหากคน ๆ นั้นเป็นผม มันคงจะดีกว่านี้

     

     

     

                 "ซึงรี.." ในที่สุดผมก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้น เจ้าของชื่อเบนหน้าเล็กน้อยก่อนจะขานรับ "ว่าไงฮะ ?"

     

                

                 "ถ้าฉันทำอะไรผิดไป... นายจะให้อภัยฉันไหม ?"

     

     

                 คำถามที่อยู่ในใจผมมาตลอด ถูกถามกับซึงรี...ที่ตอนนี้.. เป็นเพียงภาพความฝันของผม

     

     

                 ซึงรีสูดหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูด "พี่จียงฮะ... จำคำพูดของผมเอาไว้นะ"

                

     

                 "..."

     

     

                 "ผมรักพี่จียง... เกินกว่าที่ความผิดพลาดของพี่ จะมาลบล้างความรักที่ผมมีให้ได้..."

     

     

                 "ซึงรี..."

     

     

                 "... ถ้าพี่ทำผิดมาก ผมก็จะยิ่งรักพี่มากขึ้น... รักมากขึ้น ในทุก ๆ วัน..."

     

     

                 "..."

     

     

                 "...และ... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พี่จียงจะยังเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด... รัก...เกินกว่าชีวิตของผม...

     

     

     

                 น้ำใส ๆ ไหลลงมาจากตาของผม ในใจของผมแต่คำว่ารัก รักคนตรงหน้า รักซึงรีคนนี้อยู่เต็มหัวใจ ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา แต่สุดท้าย ไม่ว่าใครก็ฝืนธรรมชาติไม่ได้ น้ำตาของผมหยดลงบนพื้นทรายสีขาวมากมาย

                

                 ผมไม่เคยคิดว่า คน ๆ นึง จะรักใครอีกสักคนได้มากมายขนาดนี้ และผมไม่เคยคิดว่าอีซึงฮยอนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด จะรักผมมากขนาดนี้         

                

                 ผมคว้าร่างของซึงรีมากอดไว้แน่น ถ่ายเทความรู้สึกในใจที่มีทั้งหมดผ่านอ้อมกอดที่ผมมอบให้ซึงรี น้ำตาของผมไหลลงมาไม่หยุด ความรู้สึกผิดที่ไม่เคยสนใจความรัก ความหวังดีอันมากมายที่ซึงรีมีให้ กัดกินหัวใจผมอีกครั้ง...

     

     

     

                 "ซึงรี... พี่ขอโทษ.. ขอโทษจริง ๆ..." ผมพูดพลางสะอื้น

     

     

                 "พี่จียงขอโทษเรื่องอะไรฮะ ขอโทษทำไม หื้ม ? ... อย่าร้องนะฮะ.."

     

     

                 “ฉันทำผิดซึงรี... ฉันขอโทษที่ฉันไม่เคยดูแลนายเลย ไม่เคยสนใจ.. ความรู้สึกของนายเลย

     

     

     

                 ผมพร่ำพูดขอโทษไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผิดของผมลดลงไปด้วยซ้ำ ถ้าหากวันนั้นผมไม่สนใจงานมากกว่าซึงรี เขาคงไม่ต้องพบกับอุบัติเหตุ และในวันนี้ผมคงจะได้กอดซึงรีที่มีความรู้สึก มีตัวตน มีหัวใจที่รักผมอยู่ตลอดเวลา

                

     

                 ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคอยตอกย้ำความโง่เง่าของผม ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยดูแลซึงรีได้ดีเลย ทั้งที่อีกฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อผม คำบอกรักที่พูดกับซึงรีแทบจะนับครั้งได้ คำขอโทษในหลาย ๆ เรื่องที่ยังไม่ได้พูด หลาย ๆ อย่างที่ผมตั้งใจว่าจะทำด้วยกันกับซึงรีมันพรั่งพรูเข้ามาในความทรงจำของผม วันเวลาที่แสนจะมีค่า วันเวลาที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางคืนย้อนกลับมา

     

     

                 ไม่มีเลยแม้กระทั่งความทรงจำ ไม่มีแม้กระทั่งตัวตนของคนที่ผมรักมากที่สุด...

     

     

                 ผมเพิ่งเข้าใจคำพูดที่ว่า

                

     

     

                 คนเรามักจะเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีค่า ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียมันไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

                

     

     

     

                 ผมกอดซึงรีอยู่เนิ่นนาน จนซึงรีเริ่มมีท่าทีตกใจกับความผิดปกติของผม เหมือนกับลมทะเลที่พัดแรง

    ขึ้นเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน

     

                

                 ซึงรี เราเข้าไปข้างในกันเถอะผมชวนให้ซองยอลกลับไปที่บ้านพัก แต่ร่างบอบบางนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อน

     

     

                 “ซึงรี..ผมหันกลับไปมองร่างของซึงรีอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงสู่อ้อมแขนของผม

     

     

     

                 “ซึงรี !!! ซึงรีเป็นอะไรไป ?!!” ผมแผดเสียงลั่น สายลมวูบใหญ่พัดมา ทำให้ผมเริ่มทรงตัวไม่อยู่

     

     

     

                 ผมทรุดตัวลงนั่ง ในอ้อมแขนมีร่างไร้สติของซึงรีอยู่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งไปเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง

                

     

                 แม้กระทั่งในความฝัน... ผมยังปกป้องซึงรีไว้ไม่ได้เลย...

     

     

                

                 ลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับพัดพาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในตัวผมออกไปไม่เหลือ มองซึงรีที่ตอนนี้ตัวซีดเผือดในอ้อมแขนของผม มือหนาป้องลมไม่ให้ปะทะใบหน้าของตัวเองและของซึงรีด้วย ท่ามกลางลมที่คล้ายกับพายุ กลับมีเสียงกระดิ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากที่ไกล ๆ  ผมหันมองหาต้นเสียงกระดิ่งนั้น แต่กลับไม่พบแม้แต่วี่แวว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น พร้อมกับร่างของซึงรีที่เย็นลงเรื่อย ๆ

                

     

                 เหมือนโลกความฝันของผมกำลังจะสลาย น้ำตาของผมไหลไม่ขาดสาย อยู่ด้วยกันตรงหน้าแท้ ๆ

    แต่กลับปกป้องคนที่รักที่สุดไว้ไม่ได้

     

                

     

                 “ขอร้องล่ะ !!!!ผมแผดเสียงดังลั่น

     

     

                 “พระเจ้า !! ท่านจะพรากคนที่ผมรักที่สุดไปอีกหรือ แม้กระทั่งจากความฝันของผมอีกอย่างนั้นหรือ ?!!!”

     

                 ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า ตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียง มันอาจเป็นวิธีที่แสนจะงี่เง่า แต่เพื่อไม่ให้ต้องจากคนรักของผมไป ผมทำได้ทุกอย่าง

     

                

     

                 “ถ้าท่านจะพรากซึงรีไป.. ท่านพาผมไปดีกว่า !!! เอาผมไปแทนซึงรี!!!!

     

     

     

                

     

                 “ขอร้องเถอะ ! ลมหยุดพัดที !! ลมช่วยหยุดพัดที !!!

     

     

     

                 แล้วแรงเฮือกสุดท้ายของผม.. ก็หมดลง..

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

                

     

     

                 สายลมพัดเอื่อย ๆ ปลุกผมจากภวังค์  ผมลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในห้องว่างสี่เหลี่ยมสีขาวสว่าง ทั้งที่เป็นเพียงสี่เหลี่ยมสีขาวที่ไม่กว้างมากนัก แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดอะไร สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดไปที่มุมห้องมุมหนึ่ง

                

     

                 ซึงรีกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง กลิ่นของมันออกจะหวาน ๆ คล้าย ๆ กับผลไม้ ผมเดินเข้าไปหาซึงรีที่นั่งอยู่ตรงนั้น

                

                 เหมือนเจ้าตัวเองจะรู้สึกตัวกับการมาของผม ร่างบอบบางเงยหน้ามอง ก่อนจะส่งยิ้มหวานที่ผมคุ้นเคยให้

     

     

                 “ผมลองทำลูกอมผลไม้อยู่นะฮะ ทำเสร็จแล้ว กำลังห่อเลยดูสิ

     


                 ผมนั่งลงข้างซึงรี ก่อนจะหยิบลูกอมผลไม้กวนขนาดพอดีคำมาเพ่งดู สีแดงสดนั้นมันตัดกับสีขาวสว่างของห้องนี้มาก

     

                 ผมมองลูกอมในมือสลับกับเจ้าของลูกอมพวกนี้ ที่กำลังห่อลูกอมผลไม้ด้วยกระดาษห่อลูกอมสีสันสดใสอยู่

     

     

     

                 “เนี่ย ผมทำเพื่อพี่จียงเลยนะ ลองกินดูสิซึงรีป้อนลูกอมเม็ดหนึ่งเข้าปากผม รสชาติเหมือนกับสตรอเบอร์รี่ หอม หวานอมเปรี้ยว ผมกล้าพูดเลยว่า นี่เป็นลูกอมที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่ผมเคยกินมา

     

     

                 “อร่อยมากเลย.. นายนี่เก่งจังผมยิ้มหวานก่อนจะลูบหัวซึงรีเบา ๆ

     

     

                 “อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลยฮะ.. เราจะได้อยู่ด้วยกันไง”  ผมมองซึงรีที่พูดประโยคแปลก ๆ ขึ้น ก่อนเรื่องราวเกี่ยวกับ กระดิ่งสีขาว สายลมและลูกอม ทั้งหลายจะพรั่งพรูเข้ามาในสมองไปหมด

     

     

     

                 สมมติฐานที่ว่า ถ้าผมรับลูกอมจากซึงรีและกินมันเข้าไป จะไม่ทำให้ความฝันของผมจบลงนั้น ผมพิสูจน์แล้วว่ามันคือเรื่องจริง แต่ในทุก ๆ ครั้ง ผมก็ได้แค่กินลูกอมทีละเม็ด ทีละเม็ดเท่านั้น...

                

     

                 ถ้าหาก.. ผมลองกินลูกอมมากกว่านั้นล่ะ ? ...

     

     

     

                

                 ผมจ้องไปที่ลูกอมสตรอเบอร์รี่กวนที่วางอยู่เรียงรายเต็มไปหมด ในสมองคิดว่าถ้าผมกินมันทั้งหมดนี่เลยจะเกิดอะไรขึ้น น่าแปลก ที่ไม่ว่าผมคิดอะไร ซึงรีก็จะรู้ไปเสียหมด เหมือนกับวันนี้

     

                

                 ก็บอกแล้วไงฮะว่าให้กินเยอะ ๆซึงรียิ้มหวานให้ผม

     

     

                 “หมายความว่าไง ?” ผมถามกลับ

     

     

                 “พี่จียง.. อยากอยู่กับผมไหม ?”

     

                

                 ผมเงียบ แต่ตอบคำถามด้วยการพยักหน้าช้า ๆ

     

                

               พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อผมไหม ?”

     

                

     

                 ผมหลับตาลง ...

                 ถ้าหากทอดทิ้งทุกอย่างแล้วผมจะได้มีความสุขในชีวิต ผมก็ยินดี

     

                

     

                 เพื่อนาย... ฉันทำได้ทุกอย่าง อีซึงฮยอน...

     

                

                

     

                 ลูกอมเม็ดที่สองสัมผัสที่ลิ้น ซึงรีกอดผมแนบแน่น ผมรู้สึกเหมือนร่างกายของผมเบาหวิว รู้สึกเหมือนพร้อมจะล่องลอยไปบนท้องฟ้า หัวใจของผมที่เต้นรัวเร็ว กลับเต้นช้าลงอย่างน่าประหลาด ความสุขสงบเกิดขึ้นในจิตใจของผม

     

     

                 ผมประทับจูบลงบนหน้าผากของซึงรีเนิ่นนาน

                 เหมือนเป็นคำสัญญา... ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...

     

     

     

     

     

     

     

    Bell, Wind & Candy

     

     

     

                

     

     

                

    ข่าวด่วน

               วันนี้เช้า เวลา 8.23 นาที เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพนักงานทำความสะอาดของคอนโดชื่อดังแห่ง       

               หนึ่งว่า พบศพ ควอนจียง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ จีดราก้อน นักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง

               ในห้องพักของตนเอง

               โดยสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการรับประทานยานอนหลับเกินขนาด

               คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง

               ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หรือเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมาย

               ลาตายของผู้ตาย และผู้ตาย มีประวัติเข้ารับการรักษาอาการทางจิต ซึ่งมีการใช้ยารวมอยู่ด้วย

               เหตุจูงใจ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องธุรกิจ หรือความขัดแย้งระหว่างหุ้นส่วน

               ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในเวลาต่อไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    T A L K

    แปลงมาจากมยองยอลมาเลยค่ะ เกร๋มาก ก๊อปมาเรียกได้ว่า 90% เลยทีเดียว ถถถถถถถถถถถถถถถ

    แต่พอเป็นจีรินี่บอกเลยว่าฟินกว่ามาก ส่วนหนึ่งเพราะชิปคู่นี้ (บ้าจริง นี่ฉันไม่ได้ชิปมยองยอลนะ..5555)

    ฉากจูบรีไรท์ใหม่นิดหน่อย แล้วก็รีไรท์บางส่วนที่ซึงรีมันมุ้งมิ้งน้อยกว่ายอล 55555

    ส่วนจียงกับแอลบุคลิกใกล้เคียงกันอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา

    ขอบคุณทุกคนที่อ่านฟิคป่วง ๆ ของพะโพดมาจนจบ ขอบคุณมากค่ะ ขอคอมเมนท์ด่าทอเรื่องภาษาเยอะ ๆ ทีค่ะ

    อ่านแล้วงงบอกน้องที ;3;

     

     

     

     

     

    Key :    สรุปแล้วกระดิ่งเป็นเพียงแค่เครื่องรางอย่างแดขราว่าจริง ๆ แต่จียงเครียดแล้วก็ช็อคเรื่องซึงรีมากจนสติเริ่ม         

               ผิดปกติ แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว ลูกอมที่ได้กินอยู่ทุก ๆ วันคือยานอนหลับค่ะ เพราะจียงเครียดมากจนนอนไม่ได้

               พอได้รับยาเกินขนาดก็เริ่มเห็นภาพหลอน สัมผัสได้ถึงสายลม เห็นทะเล เห็นซึงรีมาหาตัวเอง

               พอได้กระดิ่งมา สมองก็คุ้มกันตัวเองด้วยการคิดไปว่ากระดิ่งทำให้ตัวเองได้เจอกับซึงรีไม่ใช่เพราะ

               อาการทางจิตของตัวเองค่ะ






    Thanks :)  Shalunla

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×