คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Bell, Wind & Candy {NyongTory}
[SF] Bell, Wind & Candy
PG-15
Jiyong & Seungri
Summary : ระหว่างความฝันแสนสวยงามและความจริงแสนโหดร้าย คุณจะเลือกอะไร ?
ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง เป็นร้านขายของโบราณเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างจะสวยหรู ทั้งที่ปกติแล้ว ผมเองก็เดินผ่านร้านนี้อยู่ทุกวัน แต่กลับไม่มีวันไหนที่ผมสนใจร้านนี้เลยสักครั้ง อาจเป็นเพราะเวลาที่ช่างแปรผกผันกับหน้าที่การงานของผม ทำให้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันก็หลุดรอดผ่านสายตาของผมได้ ถ้ามันไม่เกี่ยวกับงาน
ซึ่งนั่นอาจจะรวมถึง ความรัก และคนรักของผมด้วย
จิตใต้สำนึกเล็ก ๆ ที่ใหญ่เกินตัวนำพาร่างของผมเข้าไปในร้าน กลิ่นไม้หอมเก่า ๆ ลอยปะทะจมูก ถึงไม่ใช่กลิ่นหอมแบบไม้หอมทั่วไป แต่มันกลับช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมเดินมองไปรอบ ๆ ร้านที่ตกแต่งสไตล์คลาสสิก มีแต่ของโบราณเล็ก ๆ ที่น่าสะสมเต็มไปหมด แล้วชั่วครู่หนึ่ง ผมก็คิดถึงเขาขึ้นมา
“คิดถึงใครอยู่ล่ะสิ”
เสียงของคนที่ผมทึกทักเอาเองว่าเป็นเจ้าของร้าน ดังขึ้นจากชั้นบน สักพักร่างเล็กก็ก้าวลงมาจากบันไดวนนั้น ผมซอยสั้นสีบลอนด์รับกับใบหน้าได้รูป แต่ผิดคาดที่เจ้าของร้านแบบนี้ กลับกลายเป็นเด็กผู้ชายวัย 20 กว่า ๆ เท่านั้นเอง
ผมเลิกคิ้วนิด ๆ “ก็... ประมาณนั้นแหละครับ” ผมเสมองไปทั่วร้าน สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ “แต่เขาคงไม่มีวันกลับมาหาผม”
“ไม่ใกล้ไม่ไกลนักหรอก” เจ้าของร้านยิ้มหวาน “ไม่ใกล้พอที่จะมองเห็น แต่ก็ไม่ไกล...เกินกว่าจะสัมผัส”
ผมมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย จนเจ้าตัวหัวเราะออกมา “ขอโทษนะที่ผมพูดอะไรแปลก ๆ ..เอาเป็นว่า...” พูดไปก็พลางเดินไปที่ตู้ใบหนึ่ง ก่อนจะหยิบของบางอย่างให้กับผม
“กระดิ่งสีขาว ฉันให้เป็นเครื่องราง... ถ้าหากคิดถึง... เพียงแค่สั่นกระดิ่งนี้นะ”
Bell, Wind & Candy
“ปิ๊บ” เสียงคีย์การ์ดดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ทำให้ผมอยากทิ้งตัวลงบนเตียงให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากวันอื่น ๆ คือ วันนี้มีกระดิ่งสีขาวหน้าตาแปลก ๆ ติดมือผมมาด้วย
ผมโยนกระดิ่งลงบนที่นอน มันสั่นเบา ๆ ตามแรงโยน แต่จู่ ๆ ก็มีลมหอบใหญ่ปะทะเข้าที่ใบหน้าผม
ผมหยุดกึกไปชั่วครู่ เพราะห้องนอนของผมเป็นห้องทึบไม่มีหน้าต่าง...สัญชาตญาณและความช่างสังเกตของผมทำให้สมองคิดไปต่าง ๆ นานา และจ้องมองไปยังกระดิ่งอันนั้น
‘บ้าน่า.. มันก็แค่กระดิ่ง’ ผมคิดในใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มหยุ่น ความเหนื่อยล้าที่เข้าถาโถม
ทำให้ผมหลับไปอย่างรวดเร็ว
‘ซึงรี นายอยู่ไหน ? อยู่บ้านรึเปล่า ?!’ ผมกรอกเสียงเครียดใส่โทรศัพท์
(‘อยู่ ๆ จะถามถึงเอกสารบนโต๊ะใช่ไหม ? ฉันกำลังจะเอาไปให้พอดีเลย’)
‘จริงเหรอ ? งั้นรีบหน่อยนะ ฉันต้องประชุมใน 10 นาทีนี้แล้ว !’
(‘10 นาที ? ฉันจะไปทันได้ยังไงเล่า ?’) ปลายสายตอบกลับเสียงกวน ๆ
‘ไม่ทันก็ต้องทัน ! อีซึงฮยอน !!’ ผมตวาดใส่ปลายสายกลับไป
(‘...งั้นก็ได้... ผมรักพี่นะ ‘) ซึงรีตอบผมอย่างเศร้า ๆ แต่ ณ ตอนนั้น ผมไม่มีเวลามานึกถึงหรอก
ผมกดวางโทรศัพท์อย่างไม่ติดใจอะไร คิดในใจว่ากลับบ้านไปก็คงจะไปขอโทษ อ้อนอีกสักหน่อยก็คงหาย
แล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่ใครจะคิด... ว่านั่นจะเป็นคำบอกรักครั้งสุดท้ายจากคนที่ผมรักที่สุด.. อีซึงฮยอน
‘...’ ผมโทรหาซึงรีนับครั้งไม่ถ้วน การประชุมเริ่มต้นขึ้น และบอสกำลังรอชิ้นงานของผมอยู่
ปากของผมพร่ำบ่นให้ปลายสายรับโทรศัพท์ เรียกชื่อซึงรีไป พลางขอโทษบอสไปไม่รู้กี่ร้อยครั้ง
และวันนั้นก็เป็นวันแรกที่รู้สึกว่าคำขอโทษใด ๆ ก็ตามมันจะไม่มีความหมายเลย
ถ้าเราใช้มันกับคนที่ไม่สำคัญและไม่เห็นคุณค่าของคำนั้น
‘...เอ่อ’ ในที่สุดเขาก็รับโทรศัพท์ของผม
‘อีซึงฮยอน ! นายอยู่ไหน ?! ทำไมยังไม่มาอีก ?!!’
‘ญาติคุณอีซึงฮยอนใช่ไหมคะ ? ตอนนี้คุณอีซึงฮยอนเขา...’
“เฮือก !” ผมสะดุ้งขึ้นมา พร้อมกับเหงื่อที่ชื้นเต็มตัวของผม “ฝัน... อีกแล้วเหรอ...”
ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ แล่นเข้ามาในสมองต่อจากความฝันนั้นราวกับมีใครมาเปิดวิดีโอให้ผมดู โทรศัพท์เครื่องสวยตกกระแทกพื้นอย่างไม่มีชิ้นดี
พร้อมกับหัวใจของผม ที่แหลกสลายไปอย่างไม่มีชิ้นดีเช่นกัน...
ผมมองรอบ ๆ และพบว่าตัวเองยังอยู่บนที่นอนนุ่มหยุ่นที่นอนอยู่ทุกวัน ข้างตัวผมยังคงมีกระดิ่งสีขาววางอยู่ น้ำตาของผมไหลลงมาอีกครั้ง
ตั้งแต่วันนั้นผมได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึงรีจากผมไป ถ้าผมไม่เร่งให้ซึงรีรีบมาหาผม ถ้าผมไม่โง่พอที่จะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งความรู้สึกของคนที่ผมรักที่สุด เรื่องราวทั้งหมด มันคงไม่เป็นแบบนี้...
และผมก็คงไม่ต้องร้องไห้อยู่อย่างนี้ทุกคืน
ผมหยิบกระดิ่งที่วางอยู่บนที่นอน มือลูบกระดิ่งไปเรื่อยอย่างคนไร้สติ เสียงกระดิ่งดังขึ้นเบา ๆ ตามแรงจากมือ สายลมอ่อน ๆ ไหลวนรอบตัวผมอยู่เรื่อย ๆ ผมยิ้มให้กับความมืดเป็นการขอบคุณสายลมที่คอยปลอบโยนผม ก่อนที่เสียงใส ๆ จะดังขึ้นกระทบโสตประสาท..
‘... ถ้าหากคิดถึง... เพียงแค่สั่นกระดิ่งนี้นะ’
“กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง”
Bell, Wind & Candy
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง.. ผมยังคงอยู่ที่เดิม บนเตียงนุ่ม ๆ ของผม ข้างตัวผมยังคงมีกระดิ่งสีขาววางอยู่ ผมหยิบมันขึ้นมามองอีกครั้ง
สายลมเบา ๆ พัดโอบล้อมตัวผม ทั้งที่ห้องนี้เป็นห้องทึบ ผมลูบหน้าตัวเองช้า ๆ ทำลายความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นในสมอง
“ตื่นแล้วเหรอ คุณควอนจียง” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นกระทบโสตประสาท ก่อนที่เตียงนุ่มจะยุบลงไปตามน้ำหนักของอีกคนที่ทิ้งตัวลงมา
“ซ...ซึงรี...” ผมจ้องหน้าคนข้างกายผมไม่กระพริบตา จนเจ้าของชื่อที่ผมเพ้อถึงหัวเราะขึ้น “อะไร ? ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้ ฮ่าๆ”
“...” ผมเงียบ มองร่างของซึงรีสลับกับมองกระดิ่งในมือ อีกฝ่ายพอเห็นท่าทีแปลก ๆ ของผมจึงยื่น
หน้าเข้ามาใกล้ ๆ
“อ๊ะ” ผมคว้าร่างของซึงรีมากอดแน่น “คิดถึง...มากๆ” น้ำตาของผมไหลลงมาช้า ๆ สัมผัสเหล่านี้
ยังคงเหมือนเดิม
คิดถึง... เหลือเกิน...
“พูดอะไรของพี่เนี่ย เราก็เจอกันทุกวันนี่นา” ซึงรีดันตัวผมออกช้า ๆ “นี่.. พี่ร้องไห้ ?”
ผมขยับตัวเข้าหาซึงรี ซบหน้าลงไปกับไหล่ลาดนั่นอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ “แค่ฝุ่นเข้าตาน่ะ”
ซึงรีหัวเราะเบา ๆ ลูบหลังผมอย่างปลอบโยน สักพักก็ทำท่าทางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“กินไหม ?” ซึงรียื่นกระปุกลูกกวาดหลากสีมาให้ผม “อร่อยมากนะฮะ นี่ได้มาจากญี่ปุ่นเลย”
“ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบกินลูกอม”
พรึ่บ !
ลมหอบใหญ่ปะทะร่างของผม จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ..
ผมลืมตาอีกครั้ง สายตากวาดหานาฬิกาปลุก แต่ตัวเลขบนเรือนนั้นก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผมได้ตั้งเอาไว้ ผมเองได้แต่แปลกใจที่จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมากลางดึก
มือของผมยังคงกำกระดิ่งสีขาวเอาไว้แน่น ผมจ้องมองที่กระดิ่งอีกครั้ง ราวกับจะค้นหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากมัน พอรู้สึกตัวผมก็สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
น่าแปลกที่คืนนี้ ผมไม่ฝันร้ายอีกแล้ว
Bell, Wind & Candy
ผมกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับกระดิ่งสีขาวของผม ผมจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองก่อนจะเข้านอนเร็วกว่าทุก ๆ วัน
ผมหลับตาพริ้ม ภาพเมื่อวานของซึงรีไหลวนในห้วงความคิด ผมยิ้มให้กับความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้น พลางลูบกระดิ่งในมือเบา ๆ
เสียงกระดิ่งดังก้องในห้องนอนสีหม่นอีกครั้ง ลมวูบใหญ่พัดโอบรอบผมพร้อมกับสติที่ถูกพัดพา
ออกไปไกลแสนไกล...
ผมลืมตาขึ้น ในอ้อมกอดผมมีร่างนุ่มนิ่มของซึงรีหลับตาพริ้มอยู่ เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้อง
ทำให้มุมปากของผมยกยิ้มอย่างรู้งาน มือหนาของผมลูบศีรษะกลมอย่างนุ่มนวลราวกับอยากจะปกป้องร่างกายนี้เอาไว้ไม่ให้ถูกพรากไป...
ถึงในความเป็นจริง.. ผมจะทำไม่ได้ก็ตาม...
ซึงรีขยับตัวเบา ๆ ในอ้อมแขนของผมก่อนจะลืมตาขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอ ?” ผมถามก่อนจะสูดความหอมจากแก้มคนตรงหน้า
“ยังไม่ตื่นมั้งฮะ ถามอะไรแปลก ๆ ฮ่าๆ” คนตรงหน้าหยิกแก้มผมกลับ
“หิวมั้ย” ผมถาม เพราะตัวผมเองก็เริ่มจะหิวแล้วเหมือนกัน
“ถามแบบนี้หิวล่ะสิ ? รอก่อนนะฮะ เดี๋ยวไปทำให้” ซึงรีพูดทุกอย่างตามความคิดของผมเป๊ะ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรักเขามากเหลือเกิน
“ครับผม” ผมยิ้มหวาน
“อ๊ะ.. พี่จียงหลับตาก่อน ผมจะลุกไปแล้วนะ” ซึงรีก้มหน้าก้มตาพูดด้วยความเขิน
“อายอะไรอีกล่ะ.. เห็นหมดแล้ว” ผมหยอกกลับ และนั่นทำให้ผมได้หมอนใบใหญ่ที่ถูกปาใส่หน้า
กลับคืนมา...
ไม่นาน กลิ่นอาหารเช้าหอม ๆ ก็ลอยปะทะจมูก นำพาร่างหิวโซของผมไปยังครัว ผมแอบมองซึงรีวุ่นวายอยู่หน้าเตา หมุนไปหมุนมาทั่วครัว และนั่นก็ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ แต่ผมอาจจะแอบดูโจ่งแจ้งไปหน่อยจนเป้าสายตาของผมหันกลับมาโวยวาย
“พี่ ! ยืนขำอยู่ได้ มาช่วยกันเลย เร็ว ๆ เลย”
ผมเดินตามคำสั่งของแฟนสุดที่รักเข้าไปในครัว เรื่องทำอาหารนี่ไม่ใช่เรื่องถนัดของผม รวมทั้งซึงรีด้วยเหมือนกัน ถึงจะเป็นแค่อาหารเช้าง่าย ๆ อย่างไส้กรอก แฮม หรือไข่ดาว แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็ชอบทานฝีมือของซึงรีอยู่ดี ถึงอีกฝ่ายจะปฏิเสธตลอดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนทอดมันเท่านั้นเอง
ในที่สุด อาหารเช้าแสนอร่อยก็สำเร็จได้ด้วยดี ผมรีบยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะที่จัดไว้เรียบร้อย ตามด้วยอุ้มเชฟส่วนตัวที่เอาแต่ร้องโวยวายอยู่ว่า ยังไม่ได้แช่กระทะที่ใช้แล้วเลย ผมวางซึงรีลงบนเก้าอี้ ก่อนจะรีบทานอาหารฝีมือของเขาทันที
“รีบไปไหนรึเปล่าฮะ ?”
“ก็ฉันหิวนี่นา...” ผมพูดพลางตักเข้าปากคำโต “อร่อย.. อร่อยมาก” น้ำตาของผมรื้นขึ้นมาอีกครั้ง รสชาติที่ผมคุ้นเคยที่หาทานที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“โหย ซึ้งอะไรขนาดนั้น ฮ่าๆๆ.. อ้อ กินเสร็จแล้วก็กินลูกอมนี่นะฮะ ลูกอมน้ำเชื่อมมะนาวน่ะ อร่อยมากเลยนะ แม่ผมซื้อมาฝาก” ซึงรีพูดก่อนจะเลื่อนโหลแก้วใสที่ภายในบรรจุลูกอมสีเหลืองอ่อนราดน้ำเชื่อม
ไว้เต็มไปหมด
ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน เมื่อผมปฏิเสธลูกอมจากซึงรี ผมก็ตื่นขึ้นทันที ผมไม่อยากให้เวลาที่
แสนสวยงามของผมจากไป
ผมต้องกินลูกอมนี่หรือเปล่า ? หรือมันจะเป็นเพียงแค่ความคิดแปลก ๆ ของผมแน่ ? ...
“ไม่กินได้ไหม กินลูกอมแต่เช้าไม่ไหวมั้ง”
พรึ่บ !
เหมือนเดิม... อีกครั้ง...
Bell, Wind & Candy
ผมสาวเท้าอย่างรีบร้อนไปที่ร้านขายของเล็ก ๆ นั่นอีกครั้ง ประตูร้านเปิดขึ้นอย่างแรงด้วยน้ำมือของผม เสียงกระดิ่งตรงประตูดังก้องในร้าน สายตาของผมกวาดไปทั่ว มองหาเด็กคนนั้นที่เป็นเจ้าของร้าน ผมหายใจเข้าลึก ปลอบให้ตัวเองใจเย็นลงอีกนิด
“เปิดเบา ๆ หน่อยสิ ตกใจหมดเลย” เจ้าของร้านละจากการทำความสะอาดในร้านเพื่อมาคุยกับผม
“กระดิ่งนั่น... มันยังไงกันแน่” ผมถามเสียงแข็ง
“ก็เป็นเครื่องรางธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ.. แต่มันก็ช่วยให้นายสบายใจขึ้นได้ใช่ไหมล่ะ ?” เขายิ้มตอบผม
ผมเงียบ เพราะผมปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ากระดิ่งนั่นทำให้ผมมีความสุขขึ้นมาก ผมได้พบกับซึงรีอีกครั้ง นั่นคือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของผม
“แล้วลูกอมล่ะ ? ผมต้องกินมันใช่ไหม ?” ผมถามเสียงอ่อน ผมไม่ต้องการให้ช่วงเวลาอันแสนมีค่าต้องจบลงอย่างง่ายดายแบบนั้น
“ไม่รู้สิ.. ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร” คำตอบของเขาทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ยังรอคำตอบต่อไปจากปากของเขา
“แต่คุณไม่เคยได้ยินเหรอ ? เวลาที่ไม่สบายใจน่ะ เขาให้กินลูกอมกันนะ”
Bell, Wind & Candy
ผมกลับมาที่ห้องของผม เพื่อทดลองสมมติฐานที่ผมคิดได้เมื่อไปที่ร้านแห่งนั้น ผมจัดการตัวเองอย่างรีบร้อน คว้ากระดิ่งที่สั่นไหว แล้วทรุดตัวลงบนโซฟาบุนวมมันวาว
เสียงกระดิ่งดังก้องขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่สายลมพาดพัดผ่านไป ผมก็รู้สึกได้ความเย็นและเปียกชื้นอยู่รอบตัวผม เมื่อลืมตาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสระว่ายน้ำ
ความตกใจทำให้ผมทรงตัวไม่อยู่ และเริ่มตะเกียกตะกายหาอากาศ สักพักเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นจาก
ด้านบน
"พี่จียง ! พี่จียงเป็นอะไรไหม ?!" ผมตะเกียกตะกายไปยังจุดที่เท้าพอหยั่งถึง ก่อนจะโผล่หน้าขึ้นมาสูดออกซิเจนเข้าเต็มปอด
"มะ.. ไม่เป็นไร..." ผมฝืนยิ้มให้กับคนที่อยู่ตรงขอบสระ
"บ้าจริง ! พี่ทำผมใจหายใจคว่ำหมด... อยู่ ๆ เป็นอะไรเนี่ย ? ปกติพี่จียงว่ายน้ำเก่งจะตาย"
"ตะคริวกินนิดหน่อยน่ะ ว่าแต่นายไม่เล่นน้ำเหรอซึงรี"
"ไม่เอาอะ หนาว" ซึงรีที่นั่งจุ่มเท้าในสระอยู่ไม่ไกลจากผมตอบกลับอย่างหวาด ๆ ผมเลยอุ้มร่างคนตัวเล็กลงน้ำทันที
"ทำอะไรน่ะ ! หยุดนะพี่จียง !! ฮ่าๆ"
จากนั้นเสียงโวยวาย เสียงหัวเราะ และเสียงน้ำกระเซ็นก็ดังขึ้นไปทั่วบริเวณ แต่มันก็ดังอยู่อย่างนั้นได้เพียงไม่กี่นาที...
เพราะต้นเหตุของเสียงโวยวายนั้นเงียบลงไปด้วยจูบของผมเรียบร้อยแล้ว
เล่นน้ำได้สักพักก็ขึ้นมาพักเหนื่อยกันที่ริมสระ ซึงรีส่งผ้าขนหนูขนาดปานกลางให้ผม ผมรับไว้แต่กลับใช้มันเช็ดผมคนตรงหน้าแทน และนั่นทำให้คนที่เพิ่งเอาผ้าเช็ดตัวให้ผมหน้าแดงก่ำ ผมหัวเราะน้อย ๆ กับความน่ารักของซึงรี ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
"ลูกอมมินท์ฮะ อร่อยนะ" ซึงรียื่นลูกอมที่อยู่ในซองสีหวานน่ารักให้กับผม ผมมองลูกอมสีหวานในมือ และบรรจงหยิบมันเข้าปาก
หัวใจของผมเต้นรัวเร็วราวกับจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการกินลูกอมสักเม็ดหนึ่งมันช่างยากลำบากเหลือเกิน
ผมหลับตา พลางคิดในใจว่า ลูกอมเม็ดเล็ก ๆ เม็ดเดียวจะทำให้ความสุขของผมจากไปง่าย ๆ อย่างนั้นเลยหรือ
แค่ 1 วินาทีที่ผ่านไป ผมกลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปร่วมเดือน รสหวานของน้ำตาลและความเย็นของมินท์กระจายไปทั่วปาก รสชาติมันก็เหมือนกับลูกอมธรรมดา แต่กลับรู้สึกพิเศษกว่าเป็นไหน ๆ
"แหมพี่ ทำหน้าฟินซะนานเชียว อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอฮะ ?" เจ้าของเสียงยิ้มกวน ๆ ให้กับผม ผมลืมตาขึ้นและพบว่าผมยังคงอยู่ที่เดิม
ในที่สุด ผมก็สามารถหยุดเวลาของผมเอาไว้ได้
Bell, Wind & Candy
เข็มบนนาฬิกาผนังแบบโมเดิร์นของผมบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ได้ข้ามคืนของวันใหม่ไปแล้ว คืนนี้ผมเลิกงานช้ากว่าปกติ และนั่นทำให้ผมหงุดหงิด
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผมรีบกลับมาที่ห้องของผม ราวกับมีใครสักคนกำลังรอผมอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่ไกลแสนไกล และผมก็อดทนที่จะพบกับเขาคนนั้นตลอดเวลา
เสียงกระดิ่งดังก้องขึ้นเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้นับตั้งแต่ได้รับกระดิ่งนี้มา ผมหลับตา ยิ้มรับลมวูบใหญ่ที่ปะทะเข้าที่ตัวผม และพัดพาผมไปยังอีกดินแดนหนึ่ง
ที่ที่มีคนรักของผมรออยู่ ...อีซึงฮยอน
"พี่จียง วันนี้ไปดูหนังกันเถอะ !" ซึงรีจับมือผม กึ่งจูงกึ่งลากออกมานอกห้อง
ผมได้แต่หัวเราะกับการกระทำแบบนั้นก่อนจะพูดออกไป "ใจเย็นสิซึงรี อยากดูขนาดนั้นเลย ?"
"ผมจองตั๋วไว้แล้วน่ะสิ นี่หนังจะฉายแล้วนะฮะ !" ซึงรีทำเสียงเหวี่ยงใส่ ก่อนที่ผมจะเดินตามไป
อย่างว่าง่าย
วันนี้เป็นวันเกิดของซึงรี วันที่สำคัญเสียยิ่งกว่าวันเกิดของตัวผมเองอีก บางทีเขาคงคิดว่าผมอาจจะลืมมั้ง เลยจัดการเตรียมทุกอย่างไว้เอง
นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมรักซึงรีมาก ๆ เขาเป็นคนพูดเก่งก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนเรื่องมาก ไม่ใช่คนขี้น้อยใจแบบที่แฟนส่วนใหญ่ชอบเป็นกัน ซึงรีเคยบอกกับผมอีกว่า วันเกิดของเรา คนที่ควรจะได้รับของขวัญมากที่สุดคือพ่อกับแม่ที่ทำให้เราเกิดมา จากประโยคนั้นทำให้ผมชักอยากจะไปขอบคุณพ่อแม่ของซึงรี ที่ทำให้อีซึงฮยอนคนนี้เกิดมา เป็นคนรักที่แสนพิเศษของผม
หนังที่ซึงรีเลือกก็ไม่พ้นหนังรักที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้ ตลอดทางผมได้ฟังซึงรีเล่าเรื่องหนังพวกนี้ไปมากพอสมควร ผมไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังโรแมนติกแนวนี้สักเท่าไร ผิดกับตัวซึงรีที่ตอนนี้กำลังจ้องจอภาพยนตร์อย่างใจจดใจจ่อ ผมเองก็ทำได้แค่จ้องหน้าคนที่นั่งข้างผม และจับมือนุ่ม ๆ นั้นเอาไว้ตลอดเวลา
ภาพยนตร์ฉายมาจนใกล้จะถึงตอนจบ เหมือนเรื่องอื่น ๆ ที่ตอนจบมักจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง พระเอกและนางเอกจะครองรักอยู่ด้วยกันปิดท้ายด้วยฉากจูบอันแสนดูดดื่ม
“เอาบ้างมั้ย ?” ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้มือเย็นเฉียบ
“บ้า !” ซึงรีพูดพลางประทับฝ่ามืออีกข้างลงบนแก้มผมเบา ๆ ..มันก็ไม่ได้เบาอะไรขนาดนั้นหรอก
ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงร่างของซึงรีเข้าแนบกาย บรรจงจูบไปที่กลีบปากเรียวเล็กที่น่าหลงใหล ซึงรีที่ตอนแรกทำเหมือนต่อต้าน กลับโอนอ่อนตามอารมณ์ที่ผมมอบให้ เผยอริมฝีปากให้ลิ้นร้อนของผมแทรกเข้าไปตักตวงความหอมหวาน ละเลียดชิมริมฝีปากนั้นราวกับอมยิ้มที่ไม่มีวันหมด รสชาติมันหวานหอม แต่ผมรู้สึกว่ามันหวานจริง ๆ หวานเกินไป
หยุดคิดไปเพียงชั่วครู่ ปลายลิ้นของผมก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ตวัดโลมเลียไปทั่วโพรงปาก ก่อนคลายออกช้า ๆ ขบกัดเบา ๆ ที่ริมฝีปากเป็นการหยอกเย้า ผมประคองใบหน้าซึงรีให้เอียงน้อย ๆ เพื่อรับจูบอันดูดดื่มอีกครั้ง แล้วผมก็พบต้นเหตุของความหวานที่ผมรู้สึก ก่อนจะใช้ลิ้นตวัดมันเข้าปากของตัวเอง
"พะ..พี่จียง... ขโมยลูกอมผม..." ซึงรีมองผมตาโต แก้มใสขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
"อร่อยนะ กินจากปากนายเนี่ย" ผมหัวเราะกวน ๆ ก่อนจะลุกจากที่นั่งเมื่อภาพยนตร์จบลง
ผมเดินจับมือกับซึงรีเดินรอบ ๆ ห้างสรรพสินค้า ร่างเพรียวเล่าเรื่องต่าง ๆ ในวัยเด็กให้ผมฟัง แต่ตลอดการพูดคุย ผมก็มองเห็นสีหน้าที่คาดหวังและรอคอยอะไรบางอย่าง ผมไม่ลืมวันเกิดของซึงรีหรอกนะ ผมกำลังจะเซอร์ไพรส์เขาต่างหาก
"ไปดูร้านนี้กัน" ผมเดินนำเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง สีหน้าเพลีย ๆ ถูกส่งมาจากคนที่เดินตามผมมา "ซื้ออีกแล้วเหรอฮะ ?"
"อื้ม ซื้อให้นายไง" ผมยิ้ม "อ้อ ซื้อให้ผม.. เหอะ! ...เดี๋ยว ? ให้ผม ??" ซึงรีทำตาโต เหมือนเด็กที่พ่อแม่สัญญาว่าจะซื้อของเล่นให้
ผมหัวเราะเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน มือหนาโอบไหล่ของซึงรี กระซิบข้างหูแผ่วเบา "อยากได้ตัวไหนก็บอกนะ"
ซึงรียิ้มร่า ก่อนจะหันกลับมากอดผมแน่น "ขอบคุณนะฮะพี่จียง ขอบคุณมาก ๆ เลย"
ผมกอดตอบไป โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายิ้มออกมาเมื่อไร
Bell, Wind & Candy
"ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ" เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมตื่นจากความฝันแสนสวยงาม ที่ผมอยากมันกลับกลายเป็นความจริงเหลือเกิน
ผมตื่นเวลาเดิม อาบน้ำ แต่งตัวใส่ชุดทำงานที่ผมรีดเอง ทานอาหารเช้าที่เพียงแค่ใส่ในไมโครเวฟ รอไม่กี่นาทีก็พร้อมทาน มันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่ซึงรีจากผมไป
ไม่มีคนคอยปลุกผมเมื่อยามตื่น ไม่มีชุดที่รีดให้ผมพร้อมใส่ในทุกวัน ไม่มีอาหารเช้าแสนอร่อยตั้งรอ
ผมอยู่
ไม่มีหัวใจอีกครึ่งดวงของผม
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชีวิตประจำวันของผมยังเหมือนเดิม ยังคงไปทำงานแต่เช้า ฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัด แช่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่สูงขึ้น พบเจอผู้คนมากมายที่ในสมองมีแต่เรื่องธุรกิจและการประจบประแจง ใช้คำพูดสวยหรูแต่ไม่ได้มีความจริงใจในนั้นเลยสักนิด
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองมองเรื่องแบบนี้สำคัญกว่าซึงรีได้ยังไง
ผมกลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้าเหมือนทุกวัน ร่างกายของผมตรงไปที่เตียงโดยอัตโนมัติ กระดิ่งสีขาวถูกสั่นขึ้น เสียงใสก้องกังวานในความมืดอีกครั้ง...
กลิ่นเค็มจากไอทะเลลอยมาปะทะจมูก ผมลืมตาขึ้นช้า ๆ มือของผมกอบกุมมือของซึงรีไว้แน่น คนข้างกายผมกำลังหลับตาพริ้ม ยืนรับลมทะเลพัดเย็น
"ทะเลนี่... ดีจังเลยนะฮะ" ซึงรีพูดพลางส่งยิ้มให้กับผม
ผมมองไปรอบตัว รอยยิ้มของซึงรียังคงเหมือนเดิม สัมผัสอุ่น ๆ ที่ฝ่ามือนี้ยังคงเหมือนเดิม แต่ในใจของผมกลับรู้สึกแปลก และค่อนไปทางต่อต้านด้วยซ้ำไป
ลมทะเลพัดโอบล้อมร่างของเราสองคน ซึงรียังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ผมพาซึงรีเดินทอดหาดทรายสีขาวไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบร่างของเขาเอาไว้ ความรู้สึกที่แสนสุขเหล่านี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบมันอีกครั้งตั้งแต่ที่เสียซึงรีไป ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น ความรู้สึกผิดในใจผมก็เหมือนถูกรื้อขึ้นมาใหม่
ท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงลมทะเลพัดไหว และเสียงของหัวใจของผมที่เต้นช้า ๆ ไม่มีคำพูดใด ๆ เล็ดลอดมาระหว่างเราสองคน มีเพียงอ้อมกอดที่ผมโอบซึงรีเอาไว้
ผมจ้องมองซึงรีที่ยังคงเพลิดเพลินกับทะเลสีคราม ในใจก็มีแต่คำถามมากมายที่อยากจะถาม
และก็ได้แต่คิดว่า ถ้าหากคน ๆ นั้นเป็นผม มันคงจะดีกว่านี้
"ซึงรี.." ในที่สุดผมก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้น เจ้าของชื่อเบนหน้าเล็กน้อยก่อนจะขานรับ "ว่าไงฮะ ?"
"ถ้าฉันทำอะไรผิดไป... นายจะให้อภัยฉันไหม ?"
คำถามที่อยู่ในใจผมมาตลอด ถูกถามกับซึงรี...ที่ตอนนี้.. เป็นเพียงภาพความฝันของผม
ซึงรีสูดหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูด "พี่จียงฮะ... จำคำพูดของผมเอาไว้นะ"
"..."
"ผมรักพี่จียง... เกินกว่าที่ความผิดพลาดของพี่ จะมาลบล้างความรักที่ผมมีให้ได้..."
"ซึงรี..."
"... ถ้าพี่ทำผิดมาก ผมก็จะยิ่งรักพี่มากขึ้น... รักมากขึ้น ในทุก ๆ วัน..."
"..."
"...และ... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พี่จียงจะยังเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด... รัก...เกินกว่าชีวิตของผม...”
น้ำใส ๆ ไหลลงมาจากตาของผม ในใจของผมแต่คำว่ารัก รักคนตรงหน้า รักซึงรีคนนี้อยู่เต็มหัวใจ ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา แต่สุดท้าย ไม่ว่าใครก็ฝืนธรรมชาติไม่ได้ น้ำตาของผมหยดลงบนพื้นทรายสีขาวมากมาย
ผมไม่เคยคิดว่า คน ๆ นึง จะรักใครอีกสักคนได้มากมายขนาดนี้ และผมไม่เคยคิดว่าอีซึงฮยอนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด จะรักผมมากขนาดนี้
ผมคว้าร่างของซึงรีมากอดไว้แน่น ถ่ายเทความรู้สึกในใจที่มีทั้งหมดผ่านอ้อมกอดที่ผมมอบให้ซึงรี น้ำตาของผมไหลลงมาไม่หยุด ความรู้สึกผิดที่ไม่เคยสนใจความรัก ความหวังดีอันมากมายที่ซึงรีมีให้ กัดกินหัวใจผมอีกครั้ง...
"ซึงรี... พี่ขอโทษ.. ขอโทษจริง ๆ..." ผมพูดพลางสะอื้น
"พี่จียงขอโทษเรื่องอะไรฮะ ขอโทษทำไม หื้ม ? ... อย่าร้องนะฮะ.."
“ฉันทำผิดซึงรี... ฉันขอโทษที่ฉันไม่เคยดูแลนายเลย ไม่เคยสนใจ.. ความรู้สึกของนายเลย”
ผมพร่ำพูดขอโทษไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผิดของผมลดลงไปด้วยซ้ำ ถ้าหากวันนั้นผมไม่สนใจงานมากกว่าซึงรี เขาคงไม่ต้องพบกับอุบัติเหตุ และในวันนี้ผมคงจะได้กอดซึงรีที่มีความรู้สึก มีตัวตน มีหัวใจที่รักผมอยู่ตลอดเวลา
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคอยตอกย้ำความโง่เง่าของผม ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยดูแลซึงรีได้ดีเลย ทั้งที่อีกฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อผม คำบอกรักที่พูดกับซึงรีแทบจะนับครั้งได้ คำขอโทษในหลาย ๆ เรื่องที่ยังไม่ได้พูด หลาย ๆ อย่างที่ผมตั้งใจว่าจะทำด้วยกันกับซึงรีมันพรั่งพรูเข้ามาในความทรงจำของผม วันเวลาที่แสนจะมีค่า วันเวลาที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางคืนย้อนกลับมา
ไม่มีเลยแม้กระทั่งความทรงจำ ไม่มีแม้กระทั่งตัวตนของคนที่ผมรักมากที่สุด...
ผมเพิ่งเข้าใจคำพูดที่ว่า
คนเรามักจะเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีค่า ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียมันไปแล้ว
Bell, Wind & Candy
ผมกอดซึงรีอยู่เนิ่นนาน จนซึงรีเริ่มมีท่าทีตกใจกับความผิดปกติของผม เหมือนกับลมทะเลที่พัดแรง
ขึ้นเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน
“ซึงรี เราเข้าไปข้างในกันเถอะ” ผมชวนให้ซองยอลกลับไปที่บ้านพัก แต่ร่างบอบบางนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อน
“ซึงรี..” ผมหันกลับไปมองร่างของซึงรีอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงสู่อ้อมแขนของผม
“ซึงรี !!! ซึงรีเป็นอะไรไป ?!!” ผมแผดเสียงลั่น สายลมวูบใหญ่พัดมา ทำให้ผมเริ่มทรงตัวไม่อยู่
ผมทรุดตัวลงนั่ง ในอ้อมแขนมีร่างไร้สติของซึงรีอยู่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งไปเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง
แม้กระทั่งในความฝัน... ผมยังปกป้องซึงรีไว้ไม่ได้เลย...
ลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับพัดพาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในตัวผมออกไปไม่เหลือ มองซึงรีที่ตอนนี้ตัวซีดเผือดในอ้อมแขนของผม มือหนาป้องลมไม่ให้ปะทะใบหน้าของตัวเองและของซึงรีด้วย ท่ามกลางลมที่คล้ายกับพายุ กลับมีเสียงกระดิ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากที่ไกล ๆ ผมหันมองหาต้นเสียงกระดิ่งนั้น แต่กลับไม่พบแม้แต่วี่แวว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น พร้อมกับร่างของซึงรีที่เย็นลงเรื่อย ๆ
เหมือนโลกความฝันของผมกำลังจะสลาย น้ำตาของผมไหลไม่ขาดสาย อยู่ด้วยกันตรงหน้าแท้ ๆ
แต่กลับปกป้องคนที่รักที่สุดไว้ไม่ได้
“ขอร้องล่ะ !!!!” ผมแผดเสียงดังลั่น
“พระเจ้า !! ท่านจะพรากคนที่ผมรักที่สุดไปอีกหรือ แม้กระทั่งจากความฝันของผมอีกอย่างนั้นหรือ ?!!!”
ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า ตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียง มันอาจเป็นวิธีที่แสนจะงี่เง่า แต่เพื่อไม่ให้ต้องจากคนรักของผมไป ผมทำได้ทุกอย่าง
“ถ้าท่านจะพรากซึงรีไป.. ท่านพาผมไปดีกว่า !!! เอาผมไปแทนซึงรี!!!!”
“ขอร้องเถอะ ! ลมหยุดพัดที !! ลมช่วยหยุดพัดที !!!”
แล้วแรงเฮือกสุดท้ายของผม.. ก็หมดลง..
Bell, Wind & Candy
สายลมพัดเอื่อย ๆ ปลุกผมจากภวังค์ ผมลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในห้องว่างสี่เหลี่ยมสีขาวสว่าง ทั้งที่เป็นเพียงสี่เหลี่ยมสีขาวที่ไม่กว้างมากนัก แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดอะไร สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดไปที่มุมห้องมุมหนึ่ง
ซึงรีกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง กลิ่นของมันออกจะหวาน ๆ คล้าย ๆ กับผลไม้ ผมเดินเข้าไปหาซึงรีที่นั่งอยู่ตรงนั้น
เหมือนเจ้าตัวเองจะรู้สึกตัวกับการมาของผม ร่างบอบบางเงยหน้ามอง ก่อนจะส่งยิ้มหวานที่ผมคุ้นเคยให้
“ผมลองทำลูกอมผลไม้อยู่นะฮะ ทำเสร็จแล้ว กำลังห่อเลยดูสิ”
ผมนั่งลงข้างซึงรี ก่อนจะหยิบลูกอมผลไม้กวนขนาดพอดีคำมาเพ่งดู สีแดงสดนั้นมันตัดกับสีขาวสว่างของห้องนี้มาก
ผมมองลูกอมในมือสลับกับเจ้าของลูกอมพวกนี้ ที่กำลังห่อลูกอมผลไม้ด้วยกระดาษห่อลูกอมสีสันสดใสอยู่
“เนี่ย ผมทำเพื่อพี่จียงเลยนะ ลองกินดูสิ” ซึงรีป้อนลูกอมเม็ดหนึ่งเข้าปากผม รสชาติเหมือนกับสตรอเบอร์รี่ หอม หวานอมเปรี้ยว ผมกล้าพูดเลยว่า นี่เป็นลูกอมที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่ผมเคยกินมา
“อร่อยมากเลย.. นายนี่เก่งจัง” ผมยิ้มหวานก่อนจะลูบหัวซึงรีเบา ๆ
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลยฮะ.. เราจะได้อยู่ด้วยกันไง” ผมมองซึงรีที่พูดประโยคแปลก ๆ ขึ้น ก่อนเรื่องราวเกี่ยวกับ กระดิ่งสีขาว สายลมและลูกอม ทั้งหลายจะพรั่งพรูเข้ามาในสมองไปหมด
สมมติฐานที่ว่า ถ้าผมรับลูกอมจากซึงรีและกินมันเข้าไป จะไม่ทำให้ความฝันของผมจบลงนั้น ผมพิสูจน์แล้วว่ามันคือเรื่องจริง แต่ในทุก ๆ ครั้ง ผมก็ได้แค่กินลูกอมทีละเม็ด ทีละเม็ดเท่านั้น...
ถ้าหาก.. ผมลองกินลูกอมมากกว่านั้นล่ะ ? ...
ผมจ้องไปที่ลูกอมสตรอเบอร์รี่กวนที่วางอยู่เรียงรายเต็มไปหมด ในสมองคิดว่าถ้าผมกินมันทั้งหมดนี่เลยจะเกิดอะไรขึ้น น่าแปลก ที่ไม่ว่าผมคิดอะไร ซึงรีก็จะรู้ไปเสียหมด เหมือนกับวันนี้
“ก็บอกแล้วไงฮะว่าให้กินเยอะ ๆ” ซึงรียิ้มหวานให้ผม
“หมายความว่าไง ?” ผมถามกลับ
“พี่จียง.. อยากอยู่กับผมไหม ?”
ผมเงียบ แต่ตอบคำถามด้วยการพยักหน้าช้า ๆ
“พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อผมไหม ?”
ผมหลับตาลง ...
ถ้าหากทอดทิ้งทุกอย่างแล้วผมจะได้มีความสุขในชีวิต ผมก็ยินดี
“เพื่อนาย... ฉันทำได้ทุกอย่าง อีซึงฮยอน...”
ลูกอมเม็ดที่สองสัมผัสที่ลิ้น ซึงรีกอดผมแนบแน่น ผมรู้สึกเหมือนร่างกายของผมเบาหวิว รู้สึกเหมือนพร้อมจะล่องลอยไปบนท้องฟ้า หัวใจของผมที่เต้นรัวเร็ว กลับเต้นช้าลงอย่างน่าประหลาด ความสุขสงบเกิดขึ้นในจิตใจของผม
ผมประทับจูบลงบนหน้าผากของซึงรีเนิ่นนาน
เหมือนเป็นคำสัญญา... ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...
Bell, Wind & Candy
ข่าวด่วน
วันนี้เช้า เวลา 8.23 นาที เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพนักงานทำความสะอาดของคอนโดชื่อดังแห่ง
หนึ่งว่า พบศพ ควอนจียง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ จีดราก้อน นักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง
ในห้องพักของตนเอง
โดยสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการรับประทานยานอนหลับเกินขนาด
คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หรือเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมาย
ลาตายของผู้ตาย และผู้ตาย มีประวัติเข้ารับการรักษาอาการทางจิต ซึ่งมีการใช้ยารวมอยู่ด้วย
เหตุจูงใจ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องธุรกิจ หรือความขัดแย้งระหว่างหุ้นส่วน
ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในเวลาต่อไป
END
T A L K
แปลงมาจากมยองยอลมาเลยค่ะ เกร๋มาก ก๊อปมาเรียกได้ว่า 90% เลยทีเดียว ถถถถถถถถถถถถถถถ
แต่พอเป็นจีรินี่บอกเลยว่าฟินกว่ามาก ส่วนหนึ่งเพราะชิปคู่นี้ (บ้าจริง นี่ฉันไม่ได้ชิปมยองยอลนะ..5555)
ฉากจูบรีไรท์ใหม่นิดหน่อย แล้วก็รีไรท์บางส่วนที่ซึงรีมันมุ้งมิ้งน้อยกว่ายอล 55555
ส่วนจียงกับแอลบุคลิกใกล้เคียงกันอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา
ขอบคุณทุกคนที่อ่านฟิคป่วง ๆ ของพะโพดมาจนจบ ขอบคุณมากค่ะ ขอคอมเมนท์ด่าทอเรื่องภาษาเยอะ ๆ ทีค่ะ
อ่านแล้วงงบอกน้องที ;3;
Key : สรุปแล้วกระดิ่งเป็นเพียงแค่เครื่องรางอย่างแดขราว่าจริง ๆ แต่จียงเครียดแล้วก็ช็อคเรื่องซึงรีมากจนสติเริ่ม
ผิดปกติ แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว ลูกอมที่ได้กินอยู่ทุก ๆ วันคือยานอนหลับค่ะ เพราะจียงเครียดมากจนนอนไม่ได้
พอได้รับยาเกินขนาดก็เริ่มเห็นภาพหลอน สัมผัสได้ถึงสายลม เห็นทะเล เห็นซึงรีมาหาตัวเอง
พอได้กระดิ่งมา สมองก็คุ้มกันตัวเองด้วยการคิดไปว่ากระดิ่งทำให้ตัวเองได้เจอกับซึงรีไม่ใช่เพราะ
อาการทางจิตของตัวเองค่ะ
ความคิดเห็น