บ่อนอกนา
ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงด้วยลูกเป็นเหตุกว่าจะเห็นคุณค่าความเป็นเพื่อนก็เกือบสายไป
ผู้เข้าชมรวม
49
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
น้ำใสกริบจนมองเห็นท้องบ่อแมงเข้ตัวเล็กๆโขยกตัวไปมาบนผิวน้ำจนน้ำเกิดเป็นละลอกคลื่นเล็กๆรอบบ่อตาน้ำเล็กๆขนาดเท่าหัวแม่มือโตนน้ำออกมารอบๆบ่อ ซึ่งเป็นดินเหนียวสีแดงลึกลงไปในก้นบ่อเห็นได้ชัดเป็นดินทรายมีตาน้ำซับขนาดใหญ่พวยพุ่งน้ำออกมาตลอดเวลา เดือนห้าและเดือนแปดซึ่งเป็นระยะเวลาที่น้ำแห้งที่สุดของแต่ละปี บ่อแห่งนี้ไม่เคยที่จะแห้งขอดเหมือนบ่ออื่นๆ
มันเป็นสบรวบของพื้นที่มุมแหลมทีมาชนกันในที่มาบลุ่มพอดี ตาน้ำหลายๆสายไหลมาสบรวบกันที่ตรงนี้สองครัวที่เป็นเจ้าผู้ครอบครองพื้นที่สบรวบมุมแหลมนี้ได้ตกลงกันขุดบ่อในที่มาบลุ่มเพื่อใช้น้ำห่างจากสบรวบที่ขุดบ่อเป็นที่ลุ่มป่าน้ำราดและเป็นที่ลุ่มธารน้ำไหลชาวบ้านที่เป็นผู้ครอบครองพื้นที่ลุ่มจึงร่วมกันหักนาทำการปลูกข้าว แต่การปลูกข้าวไม่ค่อยได้ผลมากนักเนื่องจากฝูงนกตีดที่รวมพลกันลงมากินข้าวในนาจนร่อยหรอนี่สุดชาวบ้านจึงปล่อยให้รกร้างกลายเป็นที่น้ำขัง
บุญล้อมกับบุญเรืองจึงได้ลงขันกันซื้อที่ดินที่ติดกับนาร้างเนื้อที่สิบไร่กว่าๆถูกตัดออกเป็นสองแปลงพื้นที่เป็นรูปมุมแหลมที่เป็นเขตแดนของที่ดินทั้งสองแปลงไปสบรวบกันที่ปลายนาซึ่งเป็นที่ลุ่ม บุญล้อมกับบุญเรืองพยายามเสาะหาแหล่งน้ำที่อยู่ในพื้นที่ของตัวเองแต่บังเอิญเมื่อขุดบ่อลงไปแล้วพบปัญหาอุปสรรคคือบ่อทุกบ่อที่ขุดพอถึงหน้าแล้งน้ำจะแห้งขอดหมดก้นบ่อทั้งสองจึงพยายามสำรวจพื้นที่เพื่อหาทำเลที่จะขุดบ่อใหม่บังเอิญมีพื้นที่แห่งเดียวที่สามารถขุดบ่อคือพื้นที่ปลายแหลมสบรวบพื้นที่ที่อยู่ติดกับนาร้าง ทังสองจึงตกลงใจช่วยกันขุดบ่อๆที่ขุดลึกไม่มากนักประมาณสามถึงสี่เมตรก็เจอกับตาน้ำขนาดใหญ่มันเป็นบ่อทรายมีตาน้ำขนาดใหญ่ไหลออกมาคลักๆใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดบ่อนอกนาจึงกลายเป็นบ่อที่สองครอบครัวใช่ประโยชน์ร่วมกัน
ครอบครัวบุญเรืองกับครอบครัวบุญล้อมจึงมีความผูกพันกันไม่เป็นญาติก็เหมือนเป็นญาติใกล้ชิดพึ่งพาอาศัยด้วยอัธยาศัย ความบาดหมางเริ่มเกิดขึ้นเมื่อลูกๆของทั้งสองครัวโตขึ้นเย็นวันหนึ่งตะวันใกล้โพล้เพล้ จ้อยกับจอยลูกชายหญิงของบุญล้อมกับเรวดีไปอาบน้ำที่บ่อนอกนาในขณะเดียวกันต้อมกับติ๋วลูกของบุญเรืองกับสุจินต์ก็ไปอาบน้ำที่บ่อนอกนาในเวลาเดียวกัน
“เอ็งหยุดให้ข้าอาบบางซี” เสียงต้อมเด็กวัยไล่เลี่ยกันเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวซีข้ากับจอยมาก่อนให้ข้าอาบเสร็จแล้วเอ็งสองคนค่อยอาบ” จ้อยพูดขึ้นขณะที่กำลังยกถังน้ำเต็มถังราดลงหัวที่ฟอกด้วยสบู่และยาสระผม
“นี่ก็จะค่ำแล้วเอ็งวางถังให้ขาอาบก่อนล้วเราค่อยกลับพร้อมๆกัน” ต้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
จ้อยไม่ได้โต้ตอบแต่ยังคงหย่อนถังลงในบ่อสาวเชือกตักน้ำจากบ่อขึ้นมารดศีรษะล้างคราบสบู่และแชมพูโดยไม่ฟังเสียงของต้อม หลังจากจ้อยอาบเสร็จจ้อยก็ยื่นถังให้จอยอาบต่อท่ามกลางความไม่พอใจของต้อมและติ๋ว
ก่วาจอยจะอาบน้ำเสร็จตะวันก็โพล้เพล้ต้อมกับติ๋วจึงได้เริ่มอาบน้ำเมื่อต้อมกับติ๋วอาบน้ำเสร็จก็มืดค่ำไปนานแล้วเมื่อทั้งสองมาถึงบ้านต้อมก็ระเบิดคำพูดด้วยความไม่พอใจให้สุจินต์ฟัง
“มันแกล้งกันนี่หว่า..ถือว่ามันมาก่อนแล้วไม่ยอมให้เราใช้ถังตักน้ำบ้าง” ต้อมฟ้องสุจินต์ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“มันแกล้งอาบน้ำช้าๆเพื่อถ่วงเวลาแกล้งเราทำให้เรามืดค่ำน่าโมโหนัก”ติ๋วฟ้องขึ้นบ้าง
“ยอมไม่ได้บ่อนอกนาไม่ใช่บ่อที่มันเป็นเจ้าของเพียงเจ้าเดียวมันเป็นบ่อของเราด้วย” สุจินต์ระเบิดคำพูดอออกมา
“พี่เรืองจะว่าอย่างไรเรื่องนี้” สุจินต์หันไปถามสามี
“มันก็ไม่ถูกถ้าแกล้งกันแบบนี้..เธอต้องไปบอกพ่อแม่ของมันให้มันรับรู้พฤติกรรมของลูกมันว่านิสัยลูกของมันเป็นอย่างไร?” บุญเรืองเอ่ยขึ้นเมื่อฟังภรรยาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
เมื่อสุจินต์เล่าเรื่องทั้งหมดให้บุญล้อมและเรวดีฟังทั้งสองก็นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรเพื่อต่อล้อต่อเถียงหลังจากที่สุจินต์กลับไปแล้วบุญล้อมก็เอ่ยขึ้นกับเรวดี
“มันฟังลูกของมันเล่าข้างเดียว...เข้าข้างลูกมันบ่อนอกนาตอนขุดเราก็ตกลงใช้ร่วมกัน..มันอวดดียังไงมาด่าว่าลูกเรายังงี้จะคบกันได้ยังไง?” บุญล้อมระเบิดคำพูดกับเรวดีด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
ตะวันคล้อยใกล้จะลับเหลี่ยมเขาแดดสีเหลืองแรแสงอ่อนๆสาดไปทั่วทั้งนาร้างที่บ่อนอกนาบุญล้อมสุจินต์และลูกๆนำถุงพลาสติกใส่ขยะพากันเดินไปยังบ่อนอกนา
“เมื่อกูใช้ไม่สะดวกก็อย่าใช้มันเลยไอ้เรือง” บุญล้อมพูดด้วยอารมณ์โกรธ
“เอาขยะนี่เทลงไปในบ่อดูซิว่ามันจะใช้น้ำอย่างไร?”บุญล้อมพูดกับสุจินต์ภรรยาและลูกๆ
“อยากรู้นักเวลาพวกมันมาอาบน้ำใช้น้ำมันจะทำอย่างไร บุญล้อมเอ่ยขึ้นลอยๆหลังจากโยนขยะลงในบ่อ
เย็นวันต่อมา
“เอ็งเห็นแน่รึ?” บุญเรืองถามต้อมบุตรชายด้วยเสียงคาดคั้น
“เห็นแน่ครับไม่เชื่อพ่อถามติ๋วดูซี” ต้อมพูดขึ้น
“จริงค่ะพ่อในบ่อมีแต่ถุงพลาสติกโฟมและขยะ” ติ๋วยืนยัน
“มันแกล้งกันนี่หว่ายังงี้ต้องถมบ่อ..เมื่อมันมีปัญหากันมากนัก” บุญเรืองพูดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวพร้อมเดินไปทางหลังบ้านแบกจอบเสียมเดินออกไปที่บ่อนอกนาโดยมีสุจินต์ ต้อมและติ๋วตามหลังไปติดๆ
“ถมบ่อแล้วเราจะเอาน้ำที่ไหนมาใช้รึพี่เรือง?” สุจินต์เอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล
“ไปพลอยอาศัยอาบบ้านตาขำยายเขียวชั่วคราวก่อนเถอะ” บุญเรืองเอ่ยกับสุจินต์
หลังจากถมบ่อครอบครัวบุญล้อมก็พาลูกๆไปอาศัยอาบน้ำที่บ่อตาขำยายเขียวเช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองครัวจะใช้บ่อคนละเวลากัน
ค่ำแล้วเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมมันเป็นคืนเดือนมืดสนิทดาวรายเต็มท้องฟ้าบุญล้อมนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆอยู่คนเดียวเรวดีและลูกๆหลับไปนานแล้ว
“ล้อมเว้ย...ล้อมเว้ย....”เสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน
“ใครวะ?” บุญล้อมถามด้วยเสียงกระชากทั้งๆที่จำได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของบุญเรือง
“ข้าเองวะบุญเรือง” ไอ้ต้อมลูกข้ามันถูกงูกัด!” เสียงบุญเรืองดังมาจากทางหน้าบ้านบุญล้อมเดินเข้าไปที่ข้างขวาหยิบมีดพร้อมปลอกมาเหน็บไว้ที่เอวด้วยความหวาดระแวงว่าบุญเรืองจะวางแผนทำร้ายตน
“เอ็งช่วยขับรถมอเตอร์ไซด์ไปที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหมวะ?....เรวดีมันตกใจทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
“จริงรึวะ?” บุญล้อมย้อนถามด้วยความไม่แน่ใจ”
“จริงซิวะข้าจะหลอกเอ็งทำไม..รีบเถอะขืนชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการ” บุญเรืองพูดด้วยเสียงร้อนรน
“ไปซิ” บุญล้อมตัดสินใจพร้อมวิ่งลงบันไดไปสตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์เสียงดังสนั่นขับไปที่บ้านของบุญเรืองโดยมีบุญเรืองนั่งซ้อนท้ายเมื่อมาถึงบ้านบุญเรืองซึ่งอยู่ติดแดนกันก็เห็นสุจินต์เรวดีกับติ๋วกำลังช่วยปฐมพยาบาลต้อมอยู่เสียงต้อมร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด บุญล้อมรีบลงจากรถเข้าไปดูต้อมด้วยความเป็นห่วงลืมเรื่องบาดหมางที่มีต่อกันโดยสิ้นเชิง
“เขี้ยวยังงี้มันงูเห่าแน่ๆ” บุญล้อมพุดขึ้นเอ็งเอาผ้ารัดไว้ก็ดีแล้ว.....งั้นเรารีบไปอนามัยให้หมอฉีดเซรุ่มกันเถอะ” บุญล้อมพูดด้วยเสียงรีบร้อนเขารีบก้มหน้าลงอุ้มต้อมไปที่รถจักรยานยนต์
“อดทนหน่อยนะเว้ยต้อมพอถึงโรงพยาบาลหมอฉีดยาให้เดี๋ยวเอ็งก็ปลอดภัย” บุญล้อมพูดกับต้อมด้วยความสงสาร เขาอุ้มต้อมมานั่งบนเบาะขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์โดยมีบุญเรืองนั่งซ้อนท้ายกอดประคองต้อมไว้ในอ้อมแขนเสียงจักรยานยนต์ดังแผดเสียงขึ้นบุญล้อมรีบเร่งเครื่องขับจักรยานยนต์มาจนถึงโรงพยาบาล บุญเรืองรีบกุลีกุจออุ้มจ้อยลงนั่งที่เปลหามที่บุรษพยาบาลนำมาหามร่างของจ้อยพาหายไปในห้องตรวจของแพทย์
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ..มันเป็นเช้าที่สดใสผีเสื้อสามสี่ตัวขยับปีกโผบินดูดน้ำหวานจากดอกไม้ป่าข้างทาง เสียงจอบถูกสับลงบนดินดังฉึกติดๆกันอย่างต่อเนื่องบุญล้อมกับบุญเรืองช่วยกันขุดช่วยกันคุ้ยดินที่ถมไว้ออกจากบ่อทั้งสองหยุดเอามือปาดเหงื่อแล้วยืนมองหน้ากันแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะเหมือนจะขำอะไรกันหนักหนาโดยไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาจากปากของคนทั้งสองแม้แต่คำเดียว...............................
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ยอดภู ณ หัวทุ่ง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ยอดภู ณ หัวทุ่ง
ความคิดเห็น