แค่นี้ก็ลืมแล้ว... - แค่นี้ก็ลืมแล้ว... นิยาย แค่นี้ก็ลืมแล้ว... : Dek-D.com - Writer

    แค่นี้ก็ลืมแล้ว...

    เค้าเป็นคนที่จะเข้ามาเติมเต็มหัวใจของเรา...ได้จริงๆน่ะหรือ

    ผู้เข้าชมรวม

    319

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    319

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 มี.ค. 52 / 20:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    จากใจผู้แต่งค่ะ

    เรื่องสั้นเรื่องนี้  อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เขียนดีอะไรหรอกค่ะ

    เป็นเรื่องที่เขียนไว้นานแล้ว  เมื่อตอนเด็กๆ

    ก็อาจจะใช้ภาษาไม่ลงตัวไปบ้าง  

    ก็ไม่ได้แก้ไขสำนวนอะไรจากของงเดิม

    อยากรับฟังไอเดีย ข้อเสนอแนะและคำติชมนะคะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


          สายลมอ่อนๆพัดพาน้ำในทะเลเข้าหาฝั่งอยู่เป็นระลอก  เม็ดทรายบนชายหาดกระจายออกเป็นคลื่นๆตามแรงปะทะของระลอกน้ำ  แสงจันทร์ยามวิกาลสาดส่องเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับทุกชีวิตบนโลก  แต่สำหรับดวงใจอันมืดมิดของ “เมญดา” แม้แต่แสงของจันทราก็ไม่สามารถจะเพิ่มความสว่างให้ได้     หญิงสาวในชุดราตรีสีขาวยืนอยู่ริมหาดอย่างอ้างว้าง สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังทะเลเบื้องหน้า น้ำตาใสๆพังเขื่อนแห่งความเข้มแข็ง ทะลักออกมาเปรอะเปื้อนใบหน้าของหญิงสาวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สองเท้าของเธอค่อยๆก้าวไปข้างหน้า พาร่างที่ดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกค่อยๆเคลื่อนจมลงไปในทะเล น้ำทะเลอันเย็นยะเยือกเข้ากลืนร่างของหญิงสาวอย่างช้าๆ
      “นี่คุณ!  คุณจะทำอะไรน่ะ!” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากริมหาด แต่จิตใจของหญิงสาวถูกปิดกั้นอย่างหนาแน่น จนเกินกว่าที่จะได้ยินเสียงเรียกใดๆ
          ชายหนุ่มเหวี่ยงเสื้อยีนส์ที่ใส่มาลงบนผืนทรายแล้วรีบรุด  ถลาไปที่หญิงสาวทันทีร่างของเมญดาถูกพาขึ้นฝั่ง  ชายหนุ่มพยายามประคองให้เธอเดินไปข้างหน้า  แต่ทว่าเธอกลับทรุดตัวลงบนทรายแล้วร้องไห้อย่างหนัก
      “มายุ่งกับฉันทำไม” หญิงสาวพูดปนตวาด  ทั้งๆที่ยังควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้
          เสียงสะอื้นของหญิงสาวราวกับเสียงหัวใจที่แตกสลายกำลังปลดปล่อยความอัดอั้นออกมา
      “ผมแค่ไม่อยากเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมต้องมาทนทรมานแบกรับความทุกข์อยู่เพียงลำพัง”  ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆหญิงสาว
          หญิงสาวฟังคำตอบแล้วเกิดสะกิดใจในคำพูด  เธอพยายามเก็บอารมณ์ก่อนที่จะพูดออกไป
      “คุณรู้หรอว่าฉันเป็นอะไร” เมญดาพูดปนสะอื้นอย่างห้ามไม่ได้
      “อกหักใช่มั๊ยล่ะ ประเด็นฮอตของคนที่ต้องการจะทำร้ายตัวเอง โดยเฉพาะวัยอย่างคุณ”
          เขาพูดพลางหันหน้ากลับมาดูเธอ 
          หญิงสาวไม่ตอบได้แต่เบือนหน้าหนีไปร้องไห้เงียบๆ  ชายหนุ่มจ้องมองไปยังทะเล  เขาปล่อยให้หญิงสาวได้ร้องไห้สักพักก่อนจะพูดต่อ
      “ทะเลน่ะ  เต็มแล้วนะคุณ  ไม่ต้องไปเพิ่มภาระให้เค้าอีกหรอก  คนเราน่ะเจ็บได้  แต่พอเจ็บแล้วก็ต้องรักษาไม่ใช่มาซ้ำเติมตัวเอง”
      “แล้คุณจะให้ฉันทำยังไง”  เธอขัดขึ้น  “จะให้ฉันทำเฉยๆน่ะหรอ  มันเจ็บนะคุณ  ฉันทนไม่ได้หรอก”
      “ก็แล้วทำไมต้องเพิ่มความเจ็บปวดให้ตัวเองด้วยล่ะ”  ชายหนุ่มตอบด้วยคำถาม แล้วหันกลับไปตามเดิม  “ความรักมันก็เหมือนละครฉากหนึ่ง  ที่ทุกๆคนคอยเล่นเป็นตัวละครตามเรื่องราวและบทบาท  จะต่างกันก็ตรงที่  ไม่มีใครมาเขียนบทไว้ให้  แต่ถ้าเล่นไปแล้ว  เผอิญว่าคนที่โชคร้ายเป็นเราที่จะต้องเสียใจเมื่อละครฉากนั้นจบลง  เราก็เลือกที่จะเล่นละครฉากต่อไปได้  แต่ถ้าคุณเก็บความรู้สึกเก่าๆนั้นมารบกวนจิตใจ  ไม่ว่าคุณจะเล่นละครอีกสักร้อยฉาก  ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็จะยังมาวนเวียนในใจคุณไม่จบสิ้น   กลับกันถ้าคุณเลือกที่จะเล่นละครฉากต่อไปโดยไม่ต้องไปจำความรู้สึกของละครฉากเดิม  ถ้าเราไม่สนใจมัน  ความเสียใจก็จะค่อยๆจางหายไป  หายไปพร้อมๆกับละครฉากเดิมโดยที่คุณไม่รู้ตัว  ” 
           เมญดาฟังคำพูดของชายหนุ่มแล้วคิดใคร่ครวญในใจ  ชายหนุ่มปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมทั้งคู่อีกครั้ง  ก่อนที่จะเอื้อมมือยันตัวลุกขึ้นไปหยิบเสื้อยีนส์ที่ถอดทิ้งไว้ขึ้นมา
      “เอ่อ...คุณ”  เมญดาเอ่ย  “อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้มั๊ย  ชั้นไม่อยากอยู่คนเดียว” 
           ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาแล้วคลุมเสื้อของเขาให้หญิงสาว  หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยอาการตกใจเล็กน้อย
      “อากาศมันเย็น  เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย”  ชายหนุ่มพูดเพื่อลบข้อสงสัย  แล้วนั่งลงที่เดิม
           ทั้งคู่คุยกันถึงเรื่องราวต่างๆอยู่จนดวงจันทร์เริ่มเก็บแสงของตัวเอง  แล้วเลื่อนหลีกทางให้เพื่อนคนละภพเข้ามาทำหน้าที่ต่อ   พระอาทิตย์เริ่มเผยแสงขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า  นภาแดงเลื่อมๆด้วยแสงแดดยามเช้า  ดวงอาทิตย์กลมๆค่อยๆตื่นจากนิทราดันตัวเองขึ้นมาเหินกลางเวหาอีกครั้ง

      “เริ่มต้นชีวิตใหม่  ให้เหมือนกับเช้าวันใหม่ที่สดใสอย่างนี้นะครับ”  ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวขณะยืนขึ้นชมธรรมชาติยามเช้า
      “ค่ะ  เมย์จะเริ่มต้นชีวิตใหม่  จะทิ้งละครบทเก่าไม่เก็บมันมาใส่ใจอีกแล้ว”  หญิงสาวพูดเบาพร้อมทั้งระบายยิ้มบางๆบนใบหน้า
      “ผมว่า  คุณไปพักผ่อนก่อนดีกว่ามั๊ยครับ  ผมก็จะขอตัวเหมือนกันเมื่อคืนเราก็ไม่ได้นอนทั้งคืนแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ” ชายหนุ่มพูดแล้วหันหลังเดินจากไป
      “เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ”  หญิงสาวตะโกนเรียก
      “ครับ?”  ชายหนุ่มหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
      “...ขอบคุณนะคะ...”  ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วต่างแยกย้ายกันกลับที่พักไป 
       
           แสงแดดรอนๆยามสายัณห์ส่องสะท้อนน้ำทะเลอย่างสวยงาม  คลื่นตีฟองเป็นวงๆ อยู่กลางทะเล  ฝูงนกเริ่มทยอยกลับลังที่มันจากมาทั้งวันเพื่อหาอาหารมาต่อชีวิตทั้งตัวมันเองและลูกตัวน้อยๆที่เฝ้าคอยอยู่  เมญดาออกมาเดินเล่นเลียบชายหาด  ภาพต่างๆปรากฏขึ้นอีกครั้ง  ผ่านสายตาคู่เดิม  ที่ครั้งหนึ่งมันเคยถูกกลบด้วยน้ำตา  แต่บัดนี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของคราบน้ำตาให้เห็นอีกแล้ว  ความวุ่นวายในใจก็ดูเหมือนจะคลี่คลายลง   ทะเล  ที่เธอเคยคิดจะฝังร่างของตัวเองเอาไว้กับความเสียใจ  ตอนนี้มันดูงดงามเกินกว่าจะให้มันแปะเปื้อน  ด้วยรอยมลทินในใจของมนุษย์
      “สายัณห์สวัสดิ์ครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างๆหญิงสาว 
           เธอหันกลับไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว    แล้วเผยยิ้มให้เป็นการทักทายเจ้าของเสียง
      “ขอบคุณมากนะคะสำหรับชีวิตใหม่  ที่คุณสอนให้เมย์สร้างมันขึ้นมา  แล้ว...นี่ค่ะ  เมย์ส่งร้านซักแห้งให้เรียบร้อยแล้ว”  เธอพูกพลางส่งเสื้อยีนส์คืนให้ 
      “ครับ”  ชายหนุ่มตอบรับพลางพินิจใบหน้าของหญิงสาว  “ดีขึ้นมากแล้วใช่มั๊ยครับ”
      “ไม่ค่ะ...”  หญิงสาวตอบแล้วเบือนหน้าออกไปทางทะเล  คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
      “ทำไมล่ะครับ”
      “มันไม่ใช่แค่ดีขึ้น แต่เมย์รู้สึกเหมือนว่าเมย์ทิ้งความรู้สึกนั่นไปได้แล้วต่างหาก”
          ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างอิ่มเอมใจ  ตะวันคล้อยหลบเข้ากลีบเมฆปล่อยให้แสงอ่อนๆเรื่อๆออกมาหยอกล้อกับน้ำทะเล  สายลมเอื่อยๆพัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของหญิงสาวปลิวสยายราวกับปุยนุ่น  พระอาทิตย์ยอแสง  กระทบกับใบหน้าอันอ่อนหวานของหญิงสาว  เพิ่มความงามให้กับท้องทะเลที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่
      “เมื่อคืน...”  เมญดาเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง  “เหมือนคุณจะบอกว่า ...คุณเคยเป็นอย่างฉันหรอคะ”
      “ครับ...มันนานมาแล้ว”  ชายหนุ่มถอนหายใจช้าๆ  “ผมเคยมาบอกรักคนรักของผมที่นี่  แล้ววันหนึ่งเค้าก็บอกเลิกผมที่นี่เหมือนกัน  วันนั้นมันเหมือนกับทะเลกำลังอาละวาท  จิตใจของผมมันก็มืดมนลงไปด้วย”
      “เอ่อ...แล้วคุณคิด...”
      “ครับ   ผมก็เคยคิดจะฆ่าตัวตาย  แต่ก็เหมือนกับมีอะไรบางอย่างบอกให้ผมรอมาถึงวันนี้  วันที่จะมีใครสักคนที่เค้าจะมาเติมชีวิตของผม...ให้เต็ม”  ชายหนุ่มพูดแล้วหันมามองหน้าหญิงสาว 
           สายตาของทั้งสองประสานกันอย่างเนิ่นนาน  ราวกับว่ากำลังค้นหาคำตอบบางอย่างในใจของกันและกัน  เมญดาหลบสายตาก่อน
      “เมย์...”
      “ผมรู้นะครับว่ามันเร็วเกินไป  เอาไว้ถ้าคุณแน่ใจเมื่อไหร่...ผมจะรอนะครับ”
      “คือ...เมย์คงต้องกลับกรุงเทพแล้วล่ะค่ะ  พอดีเมย์ทิ้งงานมา”
           หญิงสาวพูดพลางหันมามองหน้าชายหนุ่ม  ชายหนุ่มส่งกระดาษสีขาวใบเล็กๆที่เพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋าส่งให้หญิงสาว  เมญดารับมาไว้ในมือ
      “เบอร์ของผมครับ  ถ้าคุณแน่ใจเมื่อไหร่  ก็ติดต่อมานะครับ  ผมจะรอ”
           เมญดายิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป   เธอเดินกลับรีสอร์ตช้าๆ  ในใจครุ่นคิด  ‘ถ้าเมย์คิดจะมีใครสักคนที่เข้ามาเติมชีวิตของเมย์  เมย์ก็คงต้องเลือดคนอย่างคุณนี่แหล่ะค่ะ’ 
           หญิงสาวยิ้มให้ตัวเองอย่างเป็นสุข  ขณะที่เข้ามาถึงห้องพัก  เธอวางกระดาษใบนั้นไว้ในลิ้นชัก  แล้วหันไปเก็บของเดินทางกลับกรุงเทพ  พร้อมๆกับชีวิตใหม่ที่เธอได้มา


      “แม่คะ  เมย์กลับมาแล้วค่ะ”  เธอตะโกนเรียกหญิงร่างท้วมที่นั่งอยู่ในบ้านอย่างเป็นสุข 
           หญิงวัยกลางคนรีบเร่งเปิดประตูออกมารวดเร็วแล้วโผเข้ากอดเมญดาอย่างดีใจ
      “เมย์...แม่ดีใจนะลูก  ที่ลูกกลับมา  ไม่ไปทำอะไรโง่ๆ”  เธอพูดน้ำตาคลอ
      “ก็เกือบไปเหมือนกันค่ะแม่...แต่เมย์โชคดี  ที่เมย์เจอเค้า”  เธอพูดอมยิ้ม  แล้วจูงมือแม่ของเธอเข้ามาที่ห้องนอน
           เธอเปิดกระเป๋าออกแล้วรื้อเสื้อผ้าออกมา  เธอเปิดกระเป๋าจนครบทุกช่อง  รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว  พร้อมๆกับที่เธอเปิดกระเป๋าช่องสุดท้ายออก  เธอเริ่มรื้อข้าวของกระจัดกระจายจนทำให้ผู้เป็นแม่สงสัย
      “เมย์...หาอะไรน่ะลูก”
      “หานามบัตรค่ะแม่...คือ...ตอนเมย์ไปที่ทะเลเมย์เจอคนคนหนึ่งเค้าช่วยเมย์ไว้  แต่ดูเมย์สิคะไม่ได้เรื่องเลย  ขนาดชื่อของเค้าเมย์ยังลืมถามเลย”  เธอพูดทั้งๆที่มือยังพลิกกองเสื้อไม่หยุด 
      “ลูกคิดว่าเค้าสำคัญกับลูกมากรึเปล่าลูก”  ผู้เป็นแม่ถาม  ทำให้หญิงสาวชะงักชั่วครู่
      “คะ?” 
      “ก็ถ้าเค้าสำคัญจริงลูกจะไม่ลืมเค้าหรอกลูก  แต่นี่แม้แต่ชื่อ  เมย์ยังไม่ได้อ่านเลย  เค้าคงไม่ใช่คนสำคัญของลูกหรอกลูก”  หญิงร่างท้วมเข้าลูบหัวลูกสาวก่อนจะเดินออกไปช้าๆ
           เมญดานั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่  ทบทวนเรื่องราวในใจอย่างครุ่นคิด  ก่อนจะถอนหายใจช้าๆแล้วหันกลับไปเก็บของอย่างใจเย็น
      ‘ เมย์ของโทษนะคะ  แม้แต่ชื่อของคุณเมย์ยังไม่ใส่ใจเลย  เมย์คงช่วยเติมชีวิตของคุณให้เต็มไม่ได้  คุณก็คงเป็นผู้ต่อชีวิตให้เมย์  เป็นผู้ในมุมมองชีวิตใหม่ๆกับเมย์เท่านั้น  ไม่ใช่คนที่จะมาเติมชีวิตให้เมย์เช่นกัน  เฮ้อ...แค่นี้ก็ลืมแล้ว’  


       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×