ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #43 : ตอนที่ 21 ไตรกีฬาสุดทรหด การก่อกวนอันหนักหน่วงและการโต้ตอบของพวกไทรเวเซอร์ ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10
      0
      30 ก.ย. 64

              ที่เฟิร์สฮิลล์ หลังจากการบุกของพวกไซเอมเทรี่ยนจบลงไปได้จนถึงช่วงเย็น กองบัญชาการกองรบที่ 11         

              "พวกเธอทำได้ดีมากเลยนะ กับการปฏิบัติการณ์ในคราวนี้น่ะ" เพอซิอัสกล่าวต่อพวกไทรเวเซอร์ที่เข้ามารายงานตัว

              เนคมาดูซัมบอก "แม้ว่าพวกเราจะใช้กลอุบายในการปฏิบัติการณ์กับพวกริดโอที่หวังจะล้วงเอาข้อมูลไปก็ตาม พวกเราก็ปฏิบัติการณ์แบบตรงไปตรงมาจนสามารถจัดการขับไล่พวกไซเอมเทรี่ยนไปได้นะครับ"

              "มันก็จริงอยู่น่ะ ที่พวกเราและพวกเธอร่วมแรงกับกองรบของพวกนายพลวอลเลนซ์ที่จอมพลแฮซกริฟส่งมา คลี่คลายสถานการณ์กันไปได้ก็จริง" จูเดทต้าบอก "แต่พวกเดลอาเนี่ยนเองก็ได้รู้ว่าพวกเธอเองมีพลังแปลงร่างอยู่ ซึ่งนั้นอาจจะทำให้พวกนั้นมีโอกาสวางแผนเล่นงานพวกเธอเป็นรายตัวกันอยู่ จนตัดกำลังพวกเธอลงไปได้เลยน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เราทราบดีแล้วละครับว่าพวกเราไม่มีทางเลือกจริงๆ หาไม่แล้ว พวกทหารไฮบริดจ์ของไซเอมเทรี่ยนจะจัดการผู้คนในเมือง รวมถึงพวกเราแน่นอนนะครับ"

              "แม้กระทั่งแปดพี่น้องด้วยสิน่ะ ที่เป็นเหล่าบุตรมิวแทนอยด์ของแม่ทัพไวซ์ไมเซล ซึ่งถูกแปรสภาพให้มีร่างอันน่ากลัว จนเกือบจะทำลายอาร์คไปในครั้งนั้นแล้วสิน่ะ" เพอซิอัสกล่าว

              พีวิลตอบ "แต่พวกเราสามารถหยุดยั้งและคลี่คลายสถานการณ์ จนช่วยพวกบรอนเซอรูทกลับมา พร้อมกับจัดการกับไวซ์ไมเซลในร่างใหม่ลงได้เป็นผลสำเร็จแล้วละครับ"

              "รวมถึงหน่วยรบวิหคเงานั้นด้วย การปรากฎตัวของพวกเขาทั้งห้านั้น ก็ทำให้พวกริดโอรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่เมืองนี้ ในฐานะพลเมืองกันด้วย ต่อให้นีลเซนท์แจ้งพวกเขา จัดการแปลงร่างสวมเกราะสแตนด์บายไว้ก่อนน่ะ" เพอซิอัสกล่าว "และถึงแม้ว่าพวกเราใช้แผนการหลอกพวกริดโอว่าฉันร่วมมือกับวอลเลนซ์ในแผนการจับกุมพวกริดโอ จนทำให้ริดโอบิทต้องหลบซ่อนหนีการจับกุม ริดโอบุลท์สั่งให้ริดโอแบทและริดโอโบลออกตามหากัน ซึ่งอาจจะทำให้การติดต่อค้าอาวุธกับพวกเดลอาเนี่ยน ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธไม่ได้ชะงักลงไปเลยก็ตามน่ะ"

              โฟรซ่าถาม "ท่านกลัวว่าพวกริดโอจะส่งมือสังหารมาจัดการกับท่านและนายพลวอลเลนซ์สิคะ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละ เพราะต่อให้ริดโอบิทถูกจับหรือถูกฆ่าตาย พวกริดโอที่เหลือยังเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะแรงสนับสนุนของหนอนบ่อนไส้ในกองทัพกันนี้แหละ ซึ่งนั้นหมายถึง พวกเขาอาจจะรู้ถึงแผนการของพวกเราที่ริบอยและริเกิร์ลมีส่วนร่วมก็เป็นได้น่ะ" จูเดทต้าบอก

              เพอซิอัสกล่าว "ดังนั้นเรื่องการจับกุมริดโอบิท ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรมตำรวจและหน่วยสืบราชการกันเท่านั้น ส่วนพวกเธอเองก็ควรปฏิบัติตามกฎและหน้าที่กันไว้น่ะ"

              "นี้ขนาดพวกเราช่วยนายพลวอลเลนซ์แล้ว เขายังไม่คิดเปลี่ยนใจกันเลยหรือ" สเปียริทบอก

              จูเดทต้าส่ายหน้า "แย่หน่อยน่ะ ที่ต่อให้พวกเธอพยายามช่วยนายพลวอลเลนซ์และนายพลอีกสองคนไว้ได้จริง แต่กฎเกณฑ์นั้นถูกอนุมัติให้มีผลไปนานตั้ง 2-3 สัปดาห์แล้ว หวังว่าพวกเธอกับพวกคงไม่มีใครฝ่าฝืนกฎกันบ้างน่ะ"

              "แต่อย่างน้อย กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดก็ช่วยเบรคให้เราไม่ทำอะไรบ้าๆจนนายพลวอลเลนซ์หาเรื่องลงโทษพวกเรากันได้น่ะ" โฟรซ่าบอก

              แอนเดรียถาม "รวมถึงพวกเฮเรเค้นกันด้วย แม้ว่าพวกเขาไม่ชอบที่ต้องอยู่ภายใต้การกดดันจากกฎเกณฑ์ที่รัดแน่นเกินไปกันนะคะ"

              "บีสทอยด์มีกฎเกณฑ์ภายในเผ่า แมนิเกเตอร์ที่แคสเซรอน-4 รวมถึงแกตไทซ์กับควอเดี่ยมก็มีกฎเกณฑ์ พวกเราและพวกเธอในฐานะของทหารและพลเมืองบนดาวนี้ก็มีกฎด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าไม่ทำตาม ฝ่าฝืนหรือขัดคำสั่งก็จะต้องได้รับโทษ โดยที่พวกเธอเองก็มีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์หรือแก้ต่าง เพราะว่าพวกเธอเองก็มีเหตุมีผลให้กระทำที่ขัดต่อกฎอยู่แล้วน่ะ" จูเดทต้ากล่าว "เช่นเดียวกันกับภารกิจในคราวนี้ ซึ่งพวกเธอต้องรับมือกับพวกศัตรูภายในเขตเมืองที่ค่อนข้างแออัดและมีพื้นที่จำกัดในบางจุด โดยที่พวกเธอบางกลุ่มใช้อาวุธปืนหรือปืนหนักไม่ได้แน่นอน แถมบางกลุ่มเองก็ต้องรับมือโดยที่มีบางคนใช้อาวุธปืนไม่ได้อยู่ด้วย แม้กระทั่งต้องรับมือในสถานการณ์ที่ความถนัดของพวกเธอใช้ไม่ได้ด้วยน่ะ"

              เพอซิอัสเสริม "รวมถึงการส่งสมาชิกในทีมเพียงคนเดียวหรือสองสามคนออกไปรับมือกับพวกศัตรูเป็นสิบๆกันด้วย ดีน่ะที่พวกเธอมีกองรบของลากูด้าและนาธาเอลท์มาช่วยไว้ ไม่อย่างงั้นพวกเธอต้องเสียเจ้าหน้าที่แอนเดรีย นักบินฮาสตันและนักบินอัลเดย์ไปพร้อมกับหุ่นเบอร์แปดและเบอร์เก้าไปนานแล้วละ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกเดลอาเนี่ยน ใช้ทุกวิธีการและกองรบที่อันตรายยิ่งกว่าทหารไฮบริดจ์เหล่านั้นมาจัดการกับพวกเรา และทุกกองกำลังในกองทัพของฝ่ายเราเลยสิครับ" เนคมาดูซัมบอก

              เพอซิอัสพยักหน้า "ถึงแม้ว่าพวกเธอมีพลังและความสามารถมากจนสามารถแปลงร่างแทรนซิ่งได้ก็จริง แต่ก็อย่าลืมน่ะ ว่าฝ่ายตรงข้ามที่พวกเธอต้องเผชิญนั้น คิดที่จะแซงหน้าพวกเธอและพวกเราให้มากที่สุดกันด้วย ฉันจึงแนะนำให้พวกเธอหมั่นฝึกซ้อมกันให้มาก รวมถึงจัดหายุทธวิธีและเครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มเติมกันด้วยน่ะ"

              "ส่วนเรื่องฝึกฝนนั้น ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ไม่ต้องฝืนกันก็ได้น่ะ เพราะนั้นจะยิ่งเป็นผลเสียต่อพวกเธอกันด้วย โดยเฉพาะกับคนที่เกือบตายเพราะยังควบคุมพลังในตัวได้ไม่ดีพอกันน่ะ" จูเดทต้ากล่าวและพูดถึงลิเนียร์ตี้กันด้วย ซึ่งเธอก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี

              เพอซิอัสบอก "ตอนนี้ พวกเธอกลับไปกันได้แล้วละ" 

              "ไม่นึกเลยน่ะ ว่าข่าวลือที่พวกคุณเอาชนะศัตรูระดับแม่ทัพของไซมาเทนลงได้ด้วยพลังแทรนซิ่งนั้น ก็เป็นความจริงเลยสิน่ะ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเชื่อหลังจากที่ได้ยินมาเป็นครั้งแรกเลยน่ะ" นีลเซนท์กล่าวโดยที่เขาจัดการซ่อมแซมระบบหลัก รวมถึงจัดการถอดเซอร์เวอร์ตัวล่อออกไปกันแล้ว

              สเตฟอร์ดบอก "แน่ละ ก็เธอเล่นเก็บตัวอยู่ในห้องมาตลอด โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของมหาสงครามกันด้วย จนไม่คิดจะมองผ่านกล้องวงจรปิดหรือคาเมร่าอายของสกรีแทนที่อยู่แนวหน้าด้วยน่ะ"

              "ก็คู่ต่อสู้ของพวกคุณที่ต้องเจอตอนอยู่นอกดาวแรซัลก้านั้น เป็นถึงเทพแห่งสงครามและมารดรเทพที่ทรงอำนาจมากๆ ซึ่งผมก็ต้องกลัวว่าพวกคุณไม่น่าชนะได้กันอยู่แล้วนะครับ" นีลเซนท์บอก "แต่พอเห็นพวกคุณไล่จัดการกับพวกทหารลูกครึ่งที่ต่างดาวจานบินนำเข้ามาไป พร้อมกับพวกคุณบรอนเซอรูทกันด้วยแล้ว ถ้าผมไม่เชื่ออีกก็แย่แล้วนะครับ"

              คลอเวฟบอก "ทีนี้เชื่อแล้วหรือยังละ ว่าพวกเราแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการกับพวกกองรบที่พวกเดลอาเนี่ยนส่งมากันได้น่ะ"

              "คลอเวฟ นายลืมคำเตือนของนายพลเพอซิอัสไปแล้วหรือ" เนคมาดูซัมกล่าวจนคลอเวฟค่อนข้างหงุดหงิด

              ริเกิร์ลพูดอย่างโล่งใจ "อย่างน้อย พวกเราก็วางใจได้คะ ว่าพวกคุณสามารถปกป้องระบบดาวนี้ไว้ได้นะคะ" และหันมาถาม "ในเมื่อพวกคุณส่วนมากสามารถแทรนซิ่งได้ตามที่เล่าลือกัน แล้ว พวกคุณบรอนเซอรูทนิ ทำไมถึงดูต่างจากพวกคุณละคะ"

              "สงสัยว่าคงต้องเล่าให้พวกเธอสองคนฟังเสียหน่อยแล้วละ ในส่วนที่บรอนเซอรูทและพวกไม่ได้เล่าให้ฟังน่ะ" เจเนลกล่าว โดยเล่าเรื่องที่พวกบรอนเซอรูทเป็นมิวแทนอยด์ของไวซ์ไมเซลและไวซ์แลงค์ ตั้งแต่ตอนเกิดมา ไปจนถึงช่วงที่....

              "งั้นร่างโคลนของแม่ทัพไวซ์ไมเซลในตัวหุ่นแมงมุม ซึ่งถูกปลุกให้ทำงานขึ้นมาหลังจากที่ตนเองเสียชีวิต เข้าแทรกซึมไปกับกล่องเสบียงที่ถูกขนขึ้นยานอาร์ค ติดไปกับพวกคุณที่ออกเดินทางจากระบบสุริยะจักรวาลไปยังอวกาศ และลงมือจัดการกับพวกคุณบรอนเซอรูท เพื่อเปลี่ยนพวกเขาเป็นร่างปีศาจมิวแทนอยด์ที่น่ากลัวอย่างงั้นสินะครับ" ริบอยกล่าว "แล้วพวกคุณไม่มีหนทางแก้อื่นใดเลยหรือครับ"

              "ทีแรก พวกเราไม่มีทางหยุดยั้งพวกบรอนเซอรูทให้กลับมาเป็นแบบเดิมได้ เพราะสภาพเช่นนั้น มีแต่ต้องฆ่าสถานเดียวที่จะช่วยได้ และเราก็ถูกไวซ์ไมเซลบีบให้ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้วก็จริง" พีวิลบอก "โชคยังดี ทินเหมาลีเก็บดาบปีกของไวซ์แลงค์ที่หลงเหลือเอาไว้ทั้ง 6 เล่ม โดยเอาไปให้รัฐมนตรีด็อดเจอร์ตีเป็นกระบี่จีน 6 เล่มเก็บไว้ดูต่างหน้า ซึ่งกระบี่นั้น คือกุญแจที่ช่วยหยุดไวซ์ไมเซลและช่วยพวกบรอนเซอรูทจากการถูกควบคุมของตัวไวซ์ไมเซลขึ้นมา โดยทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนเป็นร่างปีศาจได้ จนสามารถเปิดช่องให้เราจัดการกับไวซ์ไมเซลกันนี้แหละ"

              แอบไบออสบอก "และฉันก็ต้องเป็นคนจัดการกับไวซ์ไมเซล แม้ว่านั้นเป็นการปะทะครั้งแรกๆเลยก็ตามน่ะ"

              "แล้วตัวกระบี่ที่ใช้ช่วยพวกคุณบรอนเซอรูทละคะ" ริเกิร์ลบอก

              สเปียริทกล่าว "มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนต้องหลอมเป็นกระบี่จีนเล่มเดียว และยังอยู่ในบ้านของพวกบรอนเซอรูทเก็บเอาไว้เป็นเครื่องบูชาและของดูต่างหน้าแม่ของพวกเขากันนี้แหละ ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆ หากกระบี่นั้นมันหายไปแล้วกันน่ะ"

              "หมายถึงกระบี่ที่ใส่ไว้ในกล่องกระจก พร้อมกับตู้ที่คล้ายเหมือนเป็นบ้าน แต่มีกระถางเถ้าสีเทาๆปักกับแท่งธูปอย่างงั้นนะหรือครับ" ริบอยบอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ตู้นั้นเป็นศาลตี๋จู้เอี้ย ซึ่้งเป็นเทพอารักษ์ดูแลคนในบ้านตามความเชื่อของชาวจีนนะสิ พวกบรอนเซอรูททำขึ้นไว้เพื่อกราบไหว้เหมือนเช่นเดียวกับแมนิเกเตอร์ชาวจีนทำกันนะสิ" 

              "แปลว่านั้นเป็นขนบธรรมเนียมของแมนิเกเตอร์ที่อยู่ในเขตชุมชนหนึ่งของเมืองนี้เลยสิคะ" ริเกิร์ลบอก

              โฟรซ่ากล่าว "แต่คงยากน่ะ เพราะว่าพวกเธอสองคนถูกกักบริเวณเอาไว้ ไม่ให้ออกไปนอกเขตกองบัญชาการกันได้เลยน่ะ"

              "เพราะเราทำให้คุณริดโอบิทหนีหัวซุกหัวซุนเลยสิครับ" ริบอยกล่าว

              เจเนลบอก "เป็นเช่นนั้นแหละ อย่างน้อยนั้นก็ดีต่อพวกเราและพวกคนอื่นๆ รวมถึงพวกบรอนเซอรูทกันด้วยน่ะ"

              "พวกเรารู้ดีคะ ว่านั้นอาจทำให้พวกคุณลำบากใจไม่น้อย แม้ว่าพวกเราเกือบจะถูกพวกคุณริดโอแบทจับได้เลยก็ตามนะคะ" ริเกิร์ลบอก

              ริบอยกล่าว "ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับพวกคุณริดโอบุลท์ พวกเราจะแจ้งพวกคุณให้ทราบเลยนะครับ"

              "ผมเองก็เกือบใจหายใจคว่ำแล้วนะครับ กับภารกิจในคราวนี้น่ะ" นีลเซนท์บอก "แม้พวกพี่นาเธมจะมาช่วย โดยอาศัยการบินจากฐานบัญชาการไปทางทิศตะวันตก อ้อมผ่านเขตป่าไปยังด้านหลังเขตหุบเขาทางเหนือจนพวกริดโอหรือพวกเดลอาเนี่ยนไม่ทราบกันก็จริง แต่...ไม่วันใดวันหนึ่ง ฝ่ายศัตรูก็คงรู้เรื่องนี้กันแล้วละครับ"

              พีวิลบอก "เพราะว่าหนอนบ่อนไส้นั้นเป็นคนในกองทัพเองก็รู้เรื่องภารกิจนั้นจากท่านนายพลเพอซิอัสและนายพลจูเดทต้า เอาไปบอกกับพวกริดโอกันสิน่ะ"

              "ครับ ถึงแม้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะอ้างว่าผมเป็นคนทำเช่นนั้นได้จริง แต่....พวกท่านก็โดนตำหนิในเรื่องการแอบอ้างทำข้อมูลการปฏิบัติการณ์ปลอม และใช้เซอร์เวอร์เลียนแบบของทหารมา ต่อให้เอามาใช้เป็นเหยื่อล่อเลยก็ตามนะครับ" นีลเซนท์กล่าว

              แอนเดรียบอก "แล้วจอมพลแฮซกริฟเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากเลยสิ"

              "ผมแค่หวังว่า มันคงไม่เลวร้ายถึงขั้นต้องสั่งปลดคุณพ่อและคุณแม่ออกจากตำแหน่งกันนะครับ" นีลเซนท์บอกด้วยความกังวลใจไม่น้อย

              ฟิเกซกล่าว "อย่าห่วงไปเลยน่า นีลเซนท์ ท่านนายพลเพอซิอัสและนายพลจูเดทต้าเป็นคนที่เถรตรงและกล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ทำไปแล้ว เราเชื่อว่าพวกเขาคงจะได้โทษสถานเบากันบ้างน่ะ"

              "เอาเป็นว่าตอนนี้ พวกคุณเตรียมพร้อมสำหรับการรุกรานครั้งต่อไปจะดีกว่านะครับ" นีลเซนท์กล่าว พวกเมนซิกส์ทีนเลยต้องออกจากห้องและกองบัญชาการ ไปสู่เวเซอร์เฮาส์ตามเดิม

              "ผบ.บัลโต้จะข่มขวัญพวกริดโอ หรือว่าจะยั้วะโมโหพวกมันกันแน่ละเนี้ย" เจเนลกล่าวโดยเปิดภาพข่าวการจับกุมสมุนของริดโอบิทของผู้การเดลิคขึ้นมา ซึ่งพวกเขาได้รับรู้กันแล้ว

              "ภาวนาว่าริดโอบิทไม่รู้ว่าที่เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปนั้น เป็นฝีมือของริบอยและริเกิร์ลกันจะดีกว่าน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              พลัสเชอริทเสริม "แม้ว่าแผนการใช้เซอร์เวอร์ตัวล่อของนายพลจูเดทต้านั้น จะช่วยสกัดกั้นมิให้ริดโอบิทเจาะเข้าเมนเซอร์เวอร์ของกองบัญชาการที่ 11 ได้ก็จริง แต่นั้นก็ทำให้ริดโอบิทมีกุญแจเปิดล็อกอยู่กับตัวกันแล้วละ"

              "นั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคะ เพราะว่านายพลจูเดทต้าสั่งเปลี่ยนรหัสเข้าเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลเอาไว้ บวกกับการเสริมโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและระบบสะท้อนการแฮคเข้าไป หลังจากที่เรื่องเลวร้ายนั้นจบลงกันแล้วละคะ" แอมเบอร์บอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ส่วนหนึ่งก็เพราะความช่วยเหลือของริบอยและริเกิร์ลเลยสิน่ะ ดีแล้วละ อย่างน้อยพวกริดโอจะได้ไม่ต้องใช้ยุทธวิธีทางไซเบอร์มาเล่นงานพวกเรากันน่ะ"

              "แต่ยังไงก็อย่าลืมน่ะ ว่าหนอนบ่อนไส้นั้น ไม่เพียงช่วยเหลือพวกริดโอและพวกเดลอาเนี่ยนกันอย่างเดียว ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเองก็เช่นกัน แม้ว่าสองกลุ่มหลังนั้น จะมีคริฟทรอนอฟร่วมแจมด้วยก็ตามน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              แอบไบออสบอก "หวังว่าข่าวในวันนี้คงไม่มีชาวดาวดวงไหนตกเป็นเหยื่อการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองพวกกันอีกน่ะ"

              "ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะน่า" เจเนลบ่นพร้อมกับเปิดช่องรายการของทางสมาพันธ์อวกาศ จนไปเจอกับโฆษณาอันหนึ่งเข้า

              "คุณมีความแข็งแกร่งมากใช่มั้ย คุณมีความทรหดอดทนมากหรือเปล่า คุณว่องไวและปราดเปรียวกว่าคนปกติหรือไม่ อย่าได้ถามพวกเราเลย เพราะมีแต่พวกคุณเท่านั้นแหละที่จะพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการแข่งไตรกีฬาอวกาศครั้งที่ 78 ของสมาพันธ์อวกาศ จัดขึ้นที่หาดโพโดช่า ดาววาริดอล ทางเรา รับสมัครผู้กล้าและผู้ท้าทายจากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวประเภทต่างๆ" โดยภาพโฆษณามีต่างดาวกล้ามโตจากเผ่าต่างๆ ซึ่งท้ายโฆษณานั้น เกรเบคก็โผล่มาพร้อมกับเหล่าทหารต่างดาวด้วย "ผมเองก็เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้น ถ้าพวกคุณแน่จริง ก็สมัครมาได้เลย"

              "นี้ตกลงผู้การเกรเบคทำจริงหรือเปล่าเนี้ย เพราะเท่าที่ดูๆมา บุคลิกของผู้การเกรเบคดูเงียบๆและไม่ค่อยแสดงออกมาเทียบเท่ากับผู้การมิลเดียเลยนิน่า" พีวิลบอก

              แอบไบออสบอก "ร้อยเอกคงไม่ทราบหรอกน่ะ ว่าผู้การเกรเบค เป็นแชมป์ไตรกีฬาอวกาศ 8 สมัยซ้อนในช่วง 20 ปีก่อนนะสิ"

              "จริงหรือ แอบไบออส นี้คงไม่ได้พูดมั่วๆกันหรอกน่ะ" คลอเวฟไม่เชื่อเสียสักเท่าไหร่ เพราะไม่คิดว่าเกรเบคจะได้แชมป์มา 8 สมัยด้วยกัน

              พลัสเชอริทบอก "ลืมไปแล้วหรือ ว่าคุณเมซ่า แม่ของผู้การเกรเบค เป็นแมนิเกเตอร์มนุษย์โคลนนิ่งกันน่ะ ด้วยคุณลักษณะที่ได้รับมาแต่กำเนิดนั้น คือเหตุผลที่เขาได้แชมป์มา ซึ่งก็ได้มาอย่างขาวสะอาดด้วยน่ะ"

              "งั้นหรือ ทีแรกก็คิดว่าผู้การคัลแดนซ์และพวกใช้อิทธิพลเปลี่ยนแปลงกฎ ใช้กำลังข่มขู่ หรือใช้กลโกงสารพัดเพื่อเขี่ยคู่แข่งออกไปกันน่ะ" เจเนลบอก "แต่ การแข่งไตรกีฬานิ ในอวกาศมันมีด้วยหรือ"

              โฟรซ่าตอบ "มีสิ ฉันได้ลองค้นข้อมูลมาน่ะ พบว่าการแข่งไตรกีฬานั้น มันเริ่มขึ้นเมื่อต่างดาวฝั่งสมาพันธ์เห็นมนุษย์ฝั่งเฮนรี่ ไนท์แข่งไตรกีฬากันในเขตดาวเข้า ซึ่งพวกต่างดาวเผ่าหลักทั้ง 25 เผ่าเองก็ทึ่งกับความอึดทรหดของมนุษยชาติกันไม่น้อย ประกอบกับว่า พวกเขาเองก็มีการฝึกฝนทำนองนี้ด้วย เลยให้มาแข่งกัน ซึ่งแน่นอน ว่าครั้งแรกๆ มนุษยชาติเสียเปรียบต่างดาวบางเผ่าที่ชำนาญเรื่องความเร็ว เรื่องความอึด และการแหวกว่ายน้ำกัน เลยมีบางคนคิดโกงด้วยการใช้ยาหรือสารกระตุ้น ซึ่งล้วนแล้วถูกปรับแบนห้ามลงแข่งกันทั้งนั้นน่ะ"

              "แล้วฝั่งมนุษย์เองไม่มีใครชนะกลุ่มต่างดาวของฝ่ายสมาพันธ์กันเลยหรือคะ" แอนเดรียบอก

              โฟรซ่าบอก "ก็มีอยู่บ้างน่ะ อย่าลืมสิ ว่าบางเผ่าแม้จะชำนาญเรื่องวิ่งและว่ายน้ำกันก็จริง แต่....ก็ไม่ได้ชำนาญหรือเก่งกาจไปซะทุกเรื่อง และที่สำคัญ มนุษยชาติเองก็มีความอุตสาหะ มานะพยายามอย่างมากด้วยแล้ว ต่อให้ชนะการแข่งไม่ได้ แต่ก็ชนะใจคนดูในฐานะผู้รักษากติกากันได้นี้แหละ"

              "หวังว่าทุกๆคนคงไม่รู้ว่าผู้การเกรเบคเป็นลูกครึ่งแมนิเกเตอร์กันบ้างนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              เจเนลบอก "และการแข่งขันในครั้งนี้ พวกเราคงไม่ได้รับเชิญอีกแน่ๆเลยละ เพราะในโฆษณาแทบไม่เอ่ยถึงแมนิเกเตอร์ด้วยน่ะสิ"

              "แต่การแข่งขันที่ประกาศขึ้นมานั้น เป็นของสมาพันธ์อวกาศใช่มั้ยละ" มาสวาร์ทาร์บอก เจเนลพยักหน้า ดาบมือหนึ่งเลยพูดต่อ "ฉันคิดว่าตอนนี้แม่ทัพไซบัลจ์และผบ.ฮาซาเดนจะต้องเรียกพวกเราให้เข้าร่วมแข่งขันเลยนะสิ"

              สเปียริทบอก "ส่วนหนึ่งเพราะผู้การเกรเบคประกาศผ่านโฆษณานี้ โดยที่คริฟทรอนอฟได้ดูและคิดวางแผนแย่ๆเลยสิน่ะ"

              "เป็นไปได้สูงเลยละ สเปียริท เพราะเรารู้ดี ว่าคริฟทรอนอฟในตอนนี้ ทำได้ทุกอย่างเพื่อความสะใจของตนเองกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              จายด์บอก "และมีแต่พวกเราเท่านั้นที่หยุดการคุกคามของคริฟทรอนอฟลงได้น่ะ เพียงแต่ พวกเราไม่รู้ว่าจะสมัครได้หรือเปล่าละ"

              "เอาเป็นว่าตอนนี้ เรารอให้ผบ.ฮาซาเดนติดต่อมาจะดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก "แล้ววันแข่งขันจะมีขึ้นเมื่อไหร่ละครับ รุ่นพี่"

              โฟรซ่าบอก "ประมาณ 10 วันหลังจากนี้แล้วนะสิ ซึ่งยังมีเวลารับสมัครผู้แข่งขันกันบ้างน่ะ"

              "......." สเตฟอร์ดมองดูเนคมาดูซัมอย่างจดจ่อ จนเฮฟวี่คอมแมนโด้หันมาเห็นและถามกลับ "สเตฟอร์ด มีปัญหาอะไรหรือ ถึงได้มองฉันอยู่ได้น่ะ"

              สเตฟอร์ดบอก "ไม่มีสักหน่อยนิ แค่เห็นความแข็งแกร่งของนายก็เท่านั้นเองแหละ จริงมั้ยละ โฟรซ่า"

              "เออ ใช่ ทำนองนั้นแหละ" โฟรซ่ารับคำ แม้จะไม่รู้ว่าสเตฟอร์ดคิดอะไรกันแน่

              จิลบอก "เออ นายคงไม่คิดที่จะ....ใช้การแข่งไตรกีฬานี้....ท้าดวลกับเนคมาดูซัมเลยสิน่ะ"

              "ชะ...." สเตฟอร์ดตกใจไม่น้อยเพราะโดนจิลอ่านใจได้เสียก่อน

              จิลหันมายังโฟรซ่าพร้อมกับบอกว่า "และฉันก็รู้ด้วยน่า ว่าเธอเองอยากจะชนะลิเนียร์ตี้ด้วยการแข่งไตรกีฬา เพราะว่าลิเนียร์ตี้เองมีขีดความสามารถและพลังที่อาจจะเหนือกว่าเธอเลยใช่มั้ยละ"

              "เป็นความจริงหรือเปล่าละ ยัยเปี้ยก" สเปียริทบอก จิลได้ฟังก็หน้าหงิกด้วยความไม่พอใจ

              เนคมาดูซัมถาม "สเตฟอร์ด โฟรซ่า ที่จิลว่ามานิ จริงหรือเปล่าละ"

              "รุ่นพี่ครับ....." พีวิลช่วยพูดย้ำเพื่อกระตุ้นให้สเตฟอร์ดพูดออกมา จนเจ้าตัวต้องบอกไปว่า

              "ฉันกะจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องลับเฉพาะแล้วแท้ๆเลยน่า จิลไม่น่าทำเสียเรื่องเลยน่ะ ให้ตายสิ"    


    TriVeser Manigator Saga:The Del-Arnian War
    ตอนที่ 21 ไตรกีฬาสุดทรหด การก่อกวนอันหนักหน่วงและการโต้ตอบของพวกไทรเวเซอร์


              "นายมีเหตุผลอะไรกันละ ถึงอยากจะท้าดวลกับฉันกันน่ะ ในเมื่อ เราวัดกันผ่านการฝึกฝนไปแล้วมิใช่หรือ" เนคมาดูซัมบอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "ถ้าเป็นทักษะการต่อสู้นั้นละก็ มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเราต่างรู้กันอยู่แล้วนะสิ แต่...ฉันยังค้างคาใจในเรื่องขีดความสามารถของนาย ในช่วงที่เจอกันครั้งแรกนะสิ"

              "ถ้าเป็นครั้งแรกที่ฉันเจอกับนายที่หน้าบ้านนี้ตอนที่มันตั้งอยู่ในอาร์ค นั้นก็รู้ผลกันไปแล้วนิน่า" เนคมาดูซัมกล่าว

              สเตฟอร์ดส่ายหน้า "ฉันหมายถึงทักษะทางร่างกายต่างหากละ เนคเกอร์ ใช่ นับตั้งแต่ตอนที่เราฝึกเล่นสแมคบอลนั้น แม้ว่ามือนายจะเจ็บกันบ้างก็จริง แต่นายก็แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถทางร่างกายที่นายมีจนฉันรู้สึกทึ่งไม่น้อย ด้วยความอึดและทรหด แม้ว่าตลอดการแข่ง 5-6 นัดที่ผ่านมา นายมีลงในตำแหน่งบล็อกเกอร์และรันเนอร์เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ฉันยังไม่รู้เลยว่านายอึดและอดทนมากแค่ไหนเลยน่ะ"

              "จะว่าไปก็ใช่น่า เพราะเราต่างก็เก่งกาจกันในเรื่องการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและการใช้อาวุธ แต่ยังไม่ได้ทดสอบในเรื่องการแข่งกีฬากันเลยนิน่า" พีวิลบอก

              ฟิเกซบอก "ทั้งๆที่นายรู้ผ่านการสู้กับพวกแกตไทซ์ไปแค่ไม่กี่ครั้ง เลยอยากจะดวลกับเนคมาดูซัมที่เป็นแกตไทซ์กันด้วยการแข่งกีฬาเลยสิน่ะ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละ เพราะฉันก็เหมือนกับเนคมาดูซัมในทุกแง่ ทั้งเป็นแมนิเกเตอร์ตัวโตเหมือนกัน ชำนาญเรื่องการใช้พละกำลังและการใช้อาวุธหนักเหมือนกัน และมีคู่หูเป็นแมนิเกเตอร์หญิงผอมเพียวว่องไวเหมือนกันนั้น ฉันจึงเห็นว่านั้นเป็นโอกาสดีที่จะได้ทดสอบว่าฉันกับเนคมาดูซัม ใครจะอึดและทรหดกว่ากันน่ะ ซึ่งฉันคิดว่าฉันน่าจะเหนือกว่านายได้แน่นอน" สเตฟอร์ดบอก

              เนคมาดูซัมบอก "แต่ฉันกับลิเนียร์ตี้เป็นแมนิเกเตอร์แบบหุ่น ในขณะที่นายกับโฟรซ่าเป็นอดีตมนุษย์กัน ส่วนฉันเองก็ไม่ได้เก่งวางและกู้ระเบิดได้ดีเหมือนกับนาย แถมลิเนียร์ตี้และโฟรซ่าเอง ไม่เพียงอายุห่างกัน แต่ถนัดการใช้อาวุธปืนต่างกันแบบนั้นก็ตาม ถ้านายอยากจะท้าฉันละก็ ฉันรับคำท้ากันเลยน่ะ"

              "ดีแล้วละ เนคมาดูซัม เพราะฉันรู้ดี ว่านายไม่มีทางปฏิเสธได้แน่ๆเลยละ" สเตฟอร์ดบอก

              แอนเดรียถาม "เออ เรื่องที่คุณสเตฟอร์ดดวลกับคุณเนคมาดูซัมนั้น พอเข้าใจได้นะคะ ว่าเป็นการแข่งขันระหว่างคนที่มีขนาดเท่ากัน แต่...คุณโฟรซ่ามีเหตุผลอะไรที่อยากจะแข่งกับลิเนียร์ตี้กันละ"

              "เธอกับพวกน่าจะรู้แล้วน่ะ ว่าลิเนียร์ตี้มีพลังเยอะมากแค่ไหนกันน่ะ" โฟรซ่าบอก "แม้ว่าเธอจะได้พลังจากเพรแครทไดรมอนด์อันทรงพลัง ซึ่งตอนนี้ก็ถูกผนึกเพื่อมิให้พลังในตัวเพิ่มพูนจนควบคุมไม่ได้กันแล้ว แต่ลิเนียร์ตี้ก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์หนักหนาได้ เพราะขีดความสามารถทางสมองที่มีมากถึง 3 เท่าที่ติดตัวมาอยู่แล้วนะสิ"

              ไซโคลเนียกล่าว "เรื่องนั้นเรารู้นานแล้วละ โฟรซ่า แค่เราอยากรู้เหตุผลของเธอเองน่ะ"

              "เหตุผลของฉันก็ไม่ต่างอะไรจากของสตีฟหรอกน่ะ เพราะต่อให้มีสมรรถนะในการต่อสู้ถึง 3 เท่ากันก็จริง แต่บอดี้ที่เป็นเมดลิคซ์ของอีเนอไมนด์ ซึ่งผ่านการคืนชีพโดยคุณมอร์ทิสซ่านั้น ไม่รู้ว่าจะมีความทนทานไปได้สักแค่ไหนกันน่ะ" โฟรซ่าบอก "ดังนั้น ฉันจึงอยากจะรู้ว่า ระหว่างฉันกับลิเนียร์ตี้ ใครมีลูกฮึดมากที่สุดกันน่ะ ซึ่งเธอคงไม่อยากจะอยู่รั้งท้ายจนอาจจะเป็นตัวถ่วงของพวกเรากันใช่มั้ยละ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "คุณโฟรซ่าพูดมาแบบนี้ มีหรือที่ฉันจะไม่ปฏิเสธกันน่ะ เพราะว่าฉันจะชนะการแข่งนี้ให้ได้เลยละคะ"

              "เดียวก่อนน่ะ เรื่องที่ไอ้เนคเกอร์กับสเตฟอร์ดแข่งไตรกีฬานิ พอเข้าใจได้น่ะ เพราะแม่มแกร่งกันทั้งคู่อยู่แล้ว" คลอเวฟแย้ง "แต่....เธอจะชนะยัยลิเนียร์ตี้ได้หรือ ในเมื่อแขนขาเธออาจจะหลุดอยู่ใต้ท้องทะเลกันได้น่ะ"

              โฟรซ่าบอก "เจมส์ พีท บอกกราดิเอเตอร์มารีนหน่อยสิ ว่าหน่วย 54 อย่างพวกเรา เคยแข่งไตรกีฬากันหรือเปล่า"

              "เคยอยู่แล้วละ เจ้ เพราะถึงแม้เราเป็นนักเรียนนายทหารเอง ก็ต้องลงแข่งเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราแน่กว่าพวกโอเวอร์เดสกันแค่ไหนกันน่ะ" เจเนลคุยโวขึ้นมา

               จิลบอก "หรือ แต่คงจะได้ตำแหน่งบ๊วยเลยละสิ"

              "เราไม่ได้ที่โหล่กันหรอกน่ะ ก็แค่....ไม่ติด 3 อันดับและ 10 อันดับแรกก็เท่านั้นเองแหละ" พีวิลบอก

              สเปียริทบอก "ก็ยังดีกว่ามีใครบางคนร่วงกลางทางกันกระมั่ง โดยเฉพาะเธอเองนี้แหละ" แล้วก็ชี้มายังโฟรซ่า

              "หรือ....แต่...เธอรู้จักไตรกีฬาหรือเปล่า ว่ามันเป็นการแข่งแบบไหนกันน่ะ" โฟรซ่าถามแบบเป็นต่อขึ้นมา

              สเปียริทได้ฟังและหันมาถาม "พีวิล เออ ไตรกีฬามันเป็นการแข่งสามอย่าง ที่แข่งอย่างละครั้งหรือเปล่าละ"

              "ไม่ใช่หรอก สเปียริท ไตรกีฬานั้น มันเป็นการแข่งขันสามอย่างเรียงลำดับกันนะสิ ซึ่งสามอย่างนั้นก็มี ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน แล้วก็ วิ่ง กันนี้แหละ" พีวิลบอก

              เจเนลกล่าว "ซึ่งการว่ายน้ำนิ ไม่ได้ว่ายในสระกันหรอก แต่ไปว่ายกันในทะเลโน่น โดยว่ายตามเส้นทางที่กำหนดไว้ไปยังหาด เพื่อขึ้นขี่จักรยานไปตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ จากนั้นก็ลงจากจักรยาน เพื่อวิ่งระยะทางไกล ไปให้ถึงเส้นชัยกันนี้แหละ"

              "ถ้าเป็นเรื่องว่ายในทะเลละก็ กูถนัดมากเลยวะ" คลอเวฟกล่าว

              สเตฟอร์ดบอก "ถนัดน่ะใช่ แต่เขาให้ใช้ขาว่าย ไม่ได้ใช้บูสเตอร์แท็งค์ที่อยู่ด้านหลังสักหน่อยน่ะ เพราะการแข่งนี้ เขาวัดกันที่ความอึด ไม่ใช่พลังขับเคลื่อนใต้น้ำเลยน่ะ"

              "แล้วการแข่งนี้ มันต่อเนื่องจนถึงเส้นชัยเลยหรือคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฟรซ่าพยักหน้า "แม้จะมีเช็คพอยน์ระหว่างการแข่งสองอย่างกันก็จริง แต่ก็มีเวลาให้พักสั้นมาก ซึ่งถ้าไม่ไหวจริง ก็ไม่เป็นไรเลยน่ะ"

              "ถ้าลิเนียร์ตี้ไม่ไหวจริง ฉันก็ลงแข่งได้เลยมั้ยละ" สเปียริทกล่าว

              โฟรซ่าถามกลับไปว่า "หรือ แล้วเธอ....ว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า แล้วขี่จักรยานเป็นมั้ยละ...." สเปียริทได้ฟังก็อ้ำๆอึ้งๆ จนโฟรซ่ายิ้มและบอกว่า "กะแล้วเชียว ว่าทำไมตอนอยู่ที่หาดก็ดี ตอนอยู่ที่สระว่ายน้ำก็ดี เธอไม่เคยลงสระหรือลงทะเลเพื่อว่ายน้ำ เอาแต่นอนแอบแดดกันแบบนี้ แปลว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็นละสิ"

              "ก็....." สเปียริทเถียงไม่ออก เพราะเธอว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ

              คลอเวฟหัวเราะเยาะเย้ย "อ่า สุดท้าย เธอก็มีจุดอ่อนละสิ แต่ถึงเธอว่ายน้ำได้ ก็คงแย่กว่าลูกหมาตกน้ำกันกระมั่ง"

              "ปากดีนักน่ะ นายบื้อ....." สเปียริทได้ฟังก็โวยกลับ ซึ่งก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้นั้น

              แอมเบอร์โผล่มาทันที "เออ สายตรงจากผบ.ทิลเทอแรน กองกำลังพันธมิตรมนุษย์เข้ามากันแล้วละคะ"

              "ผบ.ฮาซาเดนมาตรงจังหวะพอดีแล้วละ" พีวิลกล่าวและสั่ง "แอมเบอร์ ต่อสายเข้ามาได้เลย"

              แอมเบอร์เลยต่อสายให้โฮโลแกรมของโทมาสโผล่มา "พวกนายคงจะได้เห็นโฆษณาของทางสมาพันธ์อวกาศกันแล้วสิน่ะ" โทมาสเกิร์นนำ

              "เห็นแล้วละครับ ผบ.ฮาซาเดน และเราก็กังวลไม่น้อยเกี่ยวกับผู้การเกรเบคที่เป็นพรีเซนเตอร์สปอตโฆษณานี้นะครับ" พีวิลกล่าว โทมาสพยักหน้า

              แอบไบออสบอก "ที่แจ้งมานี้ คงจะเพื่อให้พวกเราเข้าร่วมแข่งขันเลยสิครับ"

              "ใช่ จากการที่เกรเบคเป็นพรีเซนเตอร์เชิญชวนให้เข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬาของทางสมาพันธ์ โดยมีพวกเราร่วมจัดและส่งคนเข้าแข่งขันด้วยนั้น ทางเรารู้สาแก่ใจดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ว่าคริฟทรอนต้องไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้เอาคืนอย่างสาสมกันแน่นอน ซึ่งนั้นหมายถึงการก่อวินาศกรรมและก่อการร้ายจะต้องเกิดขึ้น โดยที่หน่วยรักษาความปลอดภัยหรือหน่วยคุ้มกันการแข่ง ไม่มีทางรับมือกันได้แน่นอน" โทมาสกล่าว "พอดีเลย ที่แม่ทัพไซบัลจ์เองต้องการให้พวกนายลงสนามเพื่อเข้าแข่งขันไว้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงหมดก็ได้ เพราะอย่างน้อย คนที่ไม่ได้ลงจะได้ช่วยเหลือหน่วยคุ้มกันการแข่งจากการคุกคามของคริฟทรอนน่ะ"

              เนคมาดูซัมถาม "แล้วผบ.มีแจ้งกับท่านประธานาธิบดีแล้วหรือยังละครับ"

              "ฉันแจ้งกับมหาประธานาธิบดีจนรับทราบกันแล้วละ แม้ว่าภายในเมืองจะมีเรื่องจากการถูกพวกเดลอาเนี่ยนรุกรานมามาดๆเลยก็ตาม แต่ท่านก็เห็นชอบในเรื่องที่จะส่งพวกนายเข้าแข่งขันกัน แม้จะรู้ว่าพวกนายไม่ได้ฝึกฝนให้เข้าร่วมแข่งขันเลยก็ตามน่ะ" โทมาสบอก "ดังนั้น เวลาแข่งจริงก็คือ 10 วันหลังจากนี้ นั้นก็มากพอที่จะให้เวลาพวกนายฝึกฝนเพื่อการแข่ง หรือ....แจ้งกับทางเราว่าจะส่งใครแข่งและส่งไปกี่คนด้วย อย่างน้อยทางเราจะได้จัดแก้ไขกันได้บ้างน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นั้นก็ดีเลยครับ อย่างน้อย ทางเราเซตลูกทีมไว้ลงแข่งกันตั้งนานแล้วละครับ"

              "อืม ถ้าเช่นนั้น หวังว่าพวกนายคงจะไม่ก่อเรื่องก่อนการแข่งกันหรอกน่ะ แม้ว่าตอนนี้ เกรเบคพยายามไม่น้อยในการรักษาแชมป์กันอยู่ ซึ่งเขารู้ ว่าเขาต้องยอมมอบถ้วยแชมป์สมัยที่เก้าให้กับแชมป์หน้าใหม่ได้แน่นอน แม้ว่าพวกนายจะเป็นหนึ่งในผู้รับถ้วยรางวัลก็ตาม ฉันจึงอยากให้คนที่เข้าร่วมแข่งนั้น มีน้ำใจนักกีฬากันบ้างน่ะ" โทมาสบอก

              แอบไบออสบอก "วางใจได้อยู่แล้วละน่า ผบ. ถึงพวกเราบางคนไม่ได้เข้าแข่ง แต่ก็ไม่มีเจตนาที่จะโกงการแข่งกันได้หรอก"

              "ดีแล้วละ เพราะฉันรู้สึกเป็นห่วงเกรเบคกันอยู่ แม้จะเสร็จจากการช่วยกรมตำรวจอวกาศตรวจสอบที่เกิดเหตุของคาชาน่ากันแล้วก็ตาม แต่ฝ่ายปองเอาชีวิตนั้นก็คือคริฟทรอนด้วยแล้ว ฉันกลัวว่าเกรเบคจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมนะสิ" โทมาสบอก

              คลอเวฟกล่าว "วางใจได้น่า ผบ.ฮาซาเดน พวกเราไม่ปล่อยให้ไอ้เวรหักหลังนั้นมันได้ใจไปกว่านี้กันหรอกน่ะ"

              "แล้วผบ.ไม่เรียกแอสเทลน่าให้มาช่วยงานเลยหรือ" เนคมาดูซัมถาม

              โทมาสส่ายหน้า "แอสเทลน่ามีงานที่ต้องดูแลนักโทษที่อยู่ในยาน ซึ่งรวมถึงเบย์แทนด์ด้วย กับพวกที่ถูกจับมาหรือส่งจากเรือนจำเดิมไปที่อื่น อีกทั้งแพลตตินั่มอามาด้าก็ตรวจตราทั่วเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ เพราะการคุกคามของทรอยอาร์และสเตรดาร์ธที่เกิดขึ้นมาก่อนนั้น อาจจะเกิดซ้ำอีก ซึ่งนั้นรวมถึงพวกเฮซเทิร์ซกันด้วยน่ะ"

              "แล้วคุณเบย์แทนด์ละคะ" แอนเดรียถาม

              โทมาสบอก "เบย์แทนด์ทำหน้าที่ในฐานะนักโทษและผู้ให้คำแนะนำในการสืบสวนต่อแอสเทลน่า แม้ว่านั้นจะขัดต่อกฎที่พัศดีห้ามพูดคุยกับนักโทษ โดยเฉพาะนักโทษคนสำคัญอย่างเบย์แทนด์กันนี้แหละ เพราะกลัวว่าแอสเทลน่าจะลืมคำสอนของชาวดาวฤกษ์กลุ่มโพรทร้ากันไว้น่ะ ซึ่งนั้นรวมถึงการพูดคุยกับนักโทษคนอื่นๆเวลาให้อยู่รวมกันตอนทานข้าวด้วยน่ะ"

              "เบย์แทนด์อยากจะเรียนรู้ชนเผ่าต่างดาวจากเหล่านักโทษกันก็เท่านั้นเองนะครับ" พีวิลบอก

              โทมาสพยักหน้าอย่างเข้าใจดี "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่แอสเทลน่าบ่นให้ฉันฟังในทันทีที่กองยานของฉันเจอกับยานเรือนจำของเธอกันน่ะ หวังว่าพวกนายคงจะหาเวลาไปติดต่อกับเบย์แทนด์กันบ้างน่ะ"

              "นั้นไว้ให้เรามีโอกาสเสียก่อนนะครับ ผบ." เนคมาดูซัมกล่าว

              เจเนลถาม "แล้วเรื่องที่คูลดาลนัสนั้น เป็นยังไงกันบ้างละ ผบ.ฮาซาเดน"

              "ถึงนายไม่พูดถึง ฉันก็เกือบลืมเสียแล้วละน่ะ" โทมาสบอก "รู้มั้ย ว่าสปอนเซอร์ที่สนับสนุนการแข่งขันไตรกีฬาในคราวนี้ มีเครือบริษัทตระกูลแพนเธอร์และตระกูลเลนเดรสด้วย เพียงแต่ว่า...."

              พีวิลถาม "เพียงแต่ว่าอะไรกันละครับ"

              "ฉันได้ถามอดีตผู้ว่าการคูลดาลนัสมาแล้ว เขาบอกว่าเขาถูกข่มขู่ให้แจ้งข่าวเรื่องอุบัติเหตุของนิคและรีฟไว้ และต้องการให้ข่าวนั้นถูกเผยแพร่ขึ้นมาทั่วจักรวาลกันไว้ ซึ่งถ้าตัวจริงที่รับทราบข่าวมานั้นไม่ปรากฎตัวขึ้นมา ครอบครัวของเขาที่แม้จะอยู่ที่ดาวบานอฟลี่-5 จะไม่ได้มีชีวิตกลับไปกันแน่นอน...." โทมาสกล่าว

               แอนเดรียบอก "แล้วพวกคุณส่งคนไปปกป้องครอบครัวของอดีตผู้ว่าการแล้วหรือยังละคะ"

              "ฉันจัดการไปแล้วละ ซึ่งนั้นช่วยทำให้อดีตผู้ว่าการวางใจได้บ้าง กับความปลอดภัยของครอบครัวของเขากันน่ะ" โทมาสบอก

              พีวิลถาม "แต่ในเมื่ออดีตผู้ว่าการอยู่ในเรือนจำแล้ว ที่คูลดาลนัสมีการเลือกผู้ว่าการคนใหม่หรือเปล่าละครับ"

              "นั้นแหละคือปัญหาล่ะ ผู้ว่าการคนใหม่ของคูลดาลนัสไม่ยอมให้กองทหารของฝ่ายฉัน และของกลุ่มอื่นๆเข้าไปตรวจสอบภายในดวงดาวเสียเลย แม้ว่าในช่วง 2 สัปดาห์ก่อน จะมียานอวกาศขนาดใหญ่เข้าออกดาวดวงนี้ทุกๆ 2 ชั่วโมงกัน แถมยานทุกลำทาสีป้องกันการตรวจสอบจากระยะไกลด้วยน่ะ" โทมาสบอก

              เจเนลกล่าว "แล้วผู้ว่าการคนใหม่ก็ไม่อนุญาตให้พวกผบ.สแกนภายในยานขนส่งเหล่านั้นเลยหรือ"

              "ใช่ ผู้ว่าการคนใหม่นั้นเขาอ้างว่า เขากับพวกจัดการเรื่องนี้ได้เอง และสามารถรับผิดชอบได้ดีกว่าคนก่อนที่เป็นสุนัขรับใช้ตระกูลทิลเทอแรน ทั้งๆที่เขาร่วมมือกับพี่ใหญ่ในเรื่องโค่นล้มเฮนรี่ ไนท์และสมาพันธ์อวกาศกัน มิใช่ฝ่ายฉันและคนอื่นๆที่ยังอยู่ในเวลานี้ ในเมื่อเขาไม่อนุญาต แล้วฉันจะไปบีบบังคับกันทำไมล่ะ" โทมาสบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่คุณยังสงสัยว่าผู้ว่าการคนใหม่นั้น เกี่ยวข้องกับคริฟทรอนอฟกันเลยสิครับ"

              "น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะยานอวกาศขนาดใหญ่นั้น ไม่ได้แค่เข้าออกดาวคูลดาลนัสกันอย่างเดียว แต่ไปโผล่ที่ดาวในระบบออริงก้าและเขตสเตรดัสท์เซคเตอร์กันด้วย" โทมาสบอก จนทุกๆคนที่ได้ฟังก็รู้สึกหวั่นเกรงไม่น้อย "ซึ่งเหตุผลเหล่านั้นคือเหตุผลที่ฉันอยากจะใช้อ้างเพื่อตรวจสอบยานขนส่งดังกล่าว เพราะโดยปกติแล้ว เครือบริษัทตระกูลแพนเธอร์และเลนเดรส ไม่น่าจะส่งซื้อวัสดุเข้าโรงงานจากระบบดาวที่เคยถูกรุกราน และยานขนส่งเองก็มักจะใช้ขนาดกลาง ไม่น่าใช้ขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ แถมตกแต่งยานเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบกันเสียด้วยน่ะ"

              เนคมาดูซัมบอก "แสดงว่า คริฟทรอนอฟจะขนย้ายอาวุธอันตรายที่ไปเก็บเกี่ยวมาจากดาวดังกล่าวเลยสิน่ะ"

              "แล้วมีแจ้งเฮนรี่ ไนท์ถึงเรื่องนี้หรือเปล่าละครับ" พีวิลถาม

              โทมาสพยักหน้า "เฮนรี่เองก็อยากจะให้มีการตรวจสอบกัน แต่....ถ้าผู้ว่าการคนใหม่เขาไม่อนุญาต ต่อให้ทางเรามีเหตุผล เฮนรี่ ไนท์เองก็ไม่อยากจะใช้อำนาจบีบบังคับผู้ว่าการกันให้เสียชื่อเสียงกันหรอกน่ะ"

              "เพราะว่าแพททริคกับพวกทำเสียชื่อเสียงไปไม่น้อยเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว

              แอบไบออสบอก "แล้วคริฟทรอนอฟก็คงจะเอาอาวุธที่ได้จากดาวเหล่านั้นมาใช้ก่อความวุ่นวายในการแข่งไตรกีฬาเลยสิน่ะ"

              "ใช่ ด้วยเหตุนี้ฉันถึงต้องให้พวกนายเข้าร่วมในการแข่ง ทั้งอยู่ในและนอกการแข่งขันกันด้วย เพราะลำพังกองรบของเกรเบคและของฉันที่ส่งไป คงไม่มีทางหยุดสิ่งประดิษฐ์ของคริฟทรอนกันได้หรอกน่ะ" โทมาสบอก "แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะให้พวกนายเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันกันเสียหน่อยน่ะ"

              เนคมาดูซัมกล่าว "ไม่มีปัญหากันอยู่แล้วละครับ ผบ.ฮาซาเดน งั้นพวกเราขอยุติการติดต่อนะครับ"

              "โชคดีแล้วกันน่ะ" โทมาสกล่าว แล้วเนคมาดูซัมก็ปิดสายลง


              มนุษย์ต่างดาวชาวแรบบาแนคหนุ่ม ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวกระต่ายตัวสูงผิวสีเทาเดินเข้ามา "นายมีหน่วยลับของนายอยู่แล้วนิ น่าจะส่งพวกเขาไปที่คูลดาลนัสก็ได้น่ะ" 

              "ไม่ได้หรอก บัซเซิ่ล นายก็น่าจะรู้ดีแล้วนิน่า ว่าหน่วยลับของฉันนั้น เป็นยังไงกันน่ะ ถ้าฉันสั่งให้พวกเขาตามที่นายแนะนำมา สมาชิกส่วนมากในสมาพันธ์อวกาศก็จะรู้ทันที ว่าเราปล่อยให้คนจากระบบอวกาศฝั่งตะวันออกเข้ามาในถิ่นของพวกเขากัน ต่อให้พวกนี้เป็นกบฎหรือสมาชิกกลุ่มต่อต้านที่ลี้ภัยเพราะสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนไม่ได้เลยก็ตามน่ะ" โทมาสบอก "และถ้าส่งพวกเขาลงไป แล้วเกิดว่าคริฟทรอนเปลี่ยนพวกเขาเป็นเหล่าสมุนขึ้นมา มิยิ่งแย่ไปกว่านี้เลยหรือ"

              บัซเซิ่ลได้ฟังก็เห็นด้วย "แม้กระทั่งส่งฉันไปสืบก็ด้วยสิน่ะ"

              "แน่นอน เพราะว่าเผ่าของนายและอีก 24 เผ่านั้น มีส่วนหนึ่งที่กลายสภาพเป็นแมนิเกเตอร์โดยไม่ได้รับการแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมอยู่ ฉันไม่อยากให้นายต้องเป็นตามพวกเขาด้วยนะสิ" โทมาสกล่าว

              บัซเซิ่ลบอก "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่คริฟทรอนรู้จุดอ่อนว่านายกับเฮนรี่ ไม่มีทางที่จะใช้อำนาจของผู้บังคับบัญชาการทางทหารและผู้นำกลุ่มในการบีบบังคับระบบดาวภายใต้การปกครอง ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชาวอาณานิคมอวกาศเดิมที่เดินทางตามผู้นำของนายมาเมื่อหลายปีก่อนสิน่ะ"

              "ใช่ ดาวคูลดาลนัสและอีก 4 ระบบที่อยู่ใกล้เคียงนั้น เป็นระบบดาวของกลุ่มชาวอาณานิคมอวกาศที่อยู่ในขอบเขตใกล้โลกและดวงจันทร์ ซึ่งอยู่ห่างไกลไปมากที่สุดจนอำนาจของสหพันธ์โลกครอบคลุมไปไม่สุดกันน่ะ" โทมาสบอก "ในช่วงยุคทองนั้น วิทยาการเรื่องอวกาศและการสร้างสเปซโคโลนี่นั้นก้าวไกลไปอย่างมาก จนทำให้มีโคโลนี่ทรงกระบอกปรากฎขึ้นหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งก็ช่วยลดปัญหาประชากรล้นโลกไปได้ครึ่งหนึ่งกันก็จริง แต่...."

              บัซเซิ่ลถาม "แต่ พอพวกเขาไปอยู่นอกโลก พวกเขาก็มีอิสระมากพอที่จะไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ของกลุ่มปกครองของพวกนายที่อยู่บนดาวโลก ถึงขั้นที่อยากจะตั้งตนเป็นอิสระ ด้วยการสร้างและสะสมกำลังอาวุธไว้โต้ตอบกองทัพของโลก รวมไปถึงการรุกรานเลยสิน่ะ"

              "โคโลนี่ 30 แห่งที่ถูกสร้างขึ้นมารอบโลกและดวงจันทร์นั้น พวกที่คิดจะแยกตัวจากสหพันธ์โลกก็มีตั้งเกินครึ่้ง ซึ่งไม่ใช่แค่มนุษย์ปกติกันอย่างเดียว ด้วยวิทยาการอันล้ำสมัยในช่วงยุคทองนั้น ไม่เพียงก่อเกิดเหล่าแมนิเกเตอร์กันอย่างเดียว แต่ได้ทำให้มีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ชาญฉลาดกว่า หน้าตาดีกว่า และสามารถลงมือกระทำสิ่งต่างๆได้เร็วกว่ามนุษย์ปกติ แม้กระทั่งมีประสาทสัมผัสที่เฉียบไวกว่า ถึงขั้นที่สามารถรับรู้จิตของอีกฝ่ายจากระยะไกล ซึ่งอยู่ในห้วงอวกาศกันได้ด้วย ซึ่งนายพลรีโซวฟ์ ดิสทรอบัลท์ นายพลของกองทัพสหพันธ์โลก เล็งเห็นแล้วว่า ชาวอาณานิคมเหล่านั้นอาจจะก่อสงครามต่อสหพันธ์โลกได้อย่างแน่นอน และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโลกนั้นจะยิ่งหนักหนาและรุนแรงมากขึ้น หากว่าพวกเขา สิ้นคิดถึงขั้นที่ต้องเอาโคโลนี่ทุ่มลงบนพื้นโลกกันน่ะ" โทมาสบอก

              บัซเซิ่ลบอก "แล้วนายพลผู้นั้นก็คงคิดว่า การทำสงครามกับชาวอาณานิคมอวกาศนั้น ไม่ใช่ทางออกที่ดีอย่างงั้นละสิ"

              "นายพลรีโซวฟ์รู้ว่า การใช้กำลังทหารไปสู้กับชาวอาณานิคมที่เป็นชาวโลกที่ย้ายไปอยู่นอกโลกนั้น มีแต่เสียกับเสีย และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้มันจบลงได้อย่างแท้จริง เขาเลยตัดสินใจ เป็นตัวแทนของฝ่ายสหพันธ์โลก เปิดการประชุมหารือกับเหล่าผู้นำโคโลนี่ที่กระด้างกระเดืองต่อสหพันธ์โลก รวมถึงพวกที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติกัน ซึ่งการประชุมเกือบจะล่มกลางคัน เพราะผู้นำทุกคน เห็นว่าสหพันธ์โลกกดขี่ กีดกันสิทธิของพวกเขา รวมถึงการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม จากการที่กองทหารที่มาประจำการใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาจนมีคนล้มตายเกือบครึ่งโคโลนี่กันแล้ว" โทมาสบอก "รีโซวฟ์จึงตัดสินใจ สั่งให้ผู้นำโคโลนี่ที่มีท่าทีเหล่านั้นออกไปตั้งรกรากบนดาวอื่นในระบบสุริยะ ซึ่งนั้นยิ่งทำให้ผู้นำเหล่านั้นโกรธมากกว่าเดิม เพราะคิดว่ารีโซวฟ์จะขับไล่และส่งพวกเขาไปตายบนดาวอื่นที่อยู่ห่างไกลโลก แม้เขาจะอธิบายว่า ดาวทั้งแปดดวง มีการสำรวจและมีโครงการที่จะพัฒนาดาว และดวงจันทร์ที่โคจรรอบดาวที่เป็นดาวก๊าซให้สามารถอยู่อาศัยได้แล้วก็ตาม ผู้นำเหล่านั้นก็ไม่ยอมอยู่ดีนี้แหละ"

              บัซเซิ่ลบอก "จนกระทั่ง เฮนรี่ และนายพลเกรย์สันเดินทางกลับระบบดาวเข้ามาที่การประชุมของนายพลรีโซวฟ์เลยสิน่ะ"

              "ใช่ เฮนรี่และคุณพ่อรับทราบเรื่องจากนายพลรีโซวฟ์กันแล้ว เขาจึงลงไปช่วยชี้แจงให้เหล่าผู้นำโคโลนี่ดังกล่าวรับทราบกันว่า ถ้าไม่สามารถตั้งรกรากบนดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลกันได้ ทำไมถึงไม่ไปตั้งรกรากบนดาวที่เหมือนโลกที่มีอยู่หลายดวง ซึ่งอยู่นอกเขตระบบสุริยะกันเสียเลยละ" โทมาสบอก "เฮนรี่และคุณพ่ออธิบายอย่างอดทนต่อเหล่าผู้นำว่า ตอนนี้พวกเขาต้องการสร้างขอบเขตของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์กัน ด้วยการคัดเฟ้นหาผู้ร่วมเดินทางไปกับพวกเขาในฐานะมวลมนุษยชาติในสังคมอวกาศอันยิ่งใหญ่ แน่นอน ว่าพวกเขามีอิสระมากพอที่จะตั้งตนเป็นรัฐได้ แต่ต้องไม่เบียดเบียนกลุ่มต่างดาวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อีกทั้งดาวทุกดวงที่อยู่ในเขตอวกาศก็มีสภาพแวดล้อมเหมือนโลก มีทรัพยากรอันมีค่าที่หาที่โลกนี้ไปไม่ได้แน่ๆ ซึ่งก็มากพอที่จะให้พวกเขาตั้งรกรากสร้างอารยธรรมบนดาวได้เอง โดยไม่ต้องมีปัญหากับชาวโลกให้เสียเลือดเสียเนื้อขึ้นมา ซึ่งเหล่าผู้นำเหล่านั้นต่างก็สนใจไม่น้อย เพราะพวกเขาเห็นว่าการมาแย่งโลกเพียงใบเดียว แต่ในอวกาศมีดาวแบบโลกกันอยู่ตั้งหลายดวง มันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าตามที่นายพลรีโซวฟ์อธิบายกันไว้ ผลก็คือ เหล่าผู้นำโคโลนี่เกินครึ่งนั้น ตัดสินใจติดตามเฮนรี่และคุณพ่อ ออกเดินทางไปตั้งรกรากตามเขตดาวต่างๆ ในฐานะชาวอาณานิคมอวกาศจากโลกและมนุษย์กลุ่มแรกของฝ่ายพันธมิตรมนุษยชาติ จนกลายเป็นระบบดาวแรกๆของพวกเรา เรื่องนี้ไม่เพียงสร้างชื่อเสียงของเฮนรี่ ไนท์และคุณพ่อให้กับโลก นายพลรีโซวฟ์เองก็ได้รับการยกย่องในฐานะนายทหารผู้หยุดยั้งความขัดแย้งระหว่างชาวโลกและชาวอาณานิคมอวกาศ มิให้เกิดสงครามแย่งชิงโลกอันบานปลายขึ้นมากันนี้แหละ"

              บัซเซิ่ลบอก "แต่นั้นก็ทำให้ชาวโลกเบนเข็มมาทางแมนิเกเตอร์เสียเองละสิน่ะ เพราะไม่มีปัญหาความขัดแย้งกับชาวอาณานิคมอวกาศที่มีท่าทีอยากจะยึดโลกกันน่ะ"

              "และนายรู้มั้ย ว่ากิซซีรีย์ที่สร้างขึ้นที่ดาวกิซซาเทมนั้น ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหมด ล้วนแล้วมาจากบริษัทในระบบดาวของชาวอาณานิคมอวกาศนอกโลกกันทั้งนั้น ตั้งแต่ระบบขับเคลื่อนจากเซออนิฟอินดัสทรี่ ระบบปฏิบัติการณ์และระบบสื่อสารจากซาฟทรันอีเลคทริค โครงสร้างคอกพิตและตัวหุ่นด้านในจากซันคาร์ล่าแฟคทรอเรียล ชิ้นส่วนอาวุธจากเครือบริษัทโรน่าโดคาตีส ระบบพลังงานและระบบอื่นๆจากสถาบันวิจัยเอลอนอินโนเวชั่น แล้วก็อื่นๆอีกมากกันน่ะ" โทมาสบอก "แม้ว่าคนในบริษัทดังกล่าวนั้นจะมีส่วนในแผนการของพี่ใหญ่ในการโค่นล่มเฮนรี่และสมาพันธ์อวกาศกันก็ตาม แต่อย่างน้อย นั้นก็ดีกว่าเราปล่อยให้โลกเสียหายจากการมีโคโลนี่ร่วงลงบนโลกไปสามสี่แห่งกันด้วยน่ะ"

              บัซเซิ่ลบอก "สุดท้าย โลกก็ต้องเสียหายเพราะเมืองลอยฟ้าที่ถูกถล่มจนร่วงลงมาอยู่ดีสิน่ะ" ซึ่งเขารู้จากเฮนรี่ในช่วงที่เขาเดินทางมาที่โลกในช่วงที่ฝ่ายโคเคสกำลังสู้กับโซลูนาสตี้บนโลกกันอยู่

              "คูลดาลนัสเองก็เช่นกัน เพราะว่าดาวดวงนี้มีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ไปก่อตั้งจนมีลูกหลานสืบสกุลกันหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งฉันพึ่งจะมาทราบว่าดาวดวงนี้ถูกจู่โจมและมีการลักพาตัวผู้คนในงานไปดัดแปลงแมนิเกเตอร์ ในช่วงหลังการรุกรานกลุ่มดาวฤกษ์ของแลมซีนีไนซ์ผ่านไปกันแล้วน่ะ" โทมาสบอก "และดาวคูลดาลนัสแม้ว่าจะเป็นดาวเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีย่านธุรกิจและอุตสาหกรรมอยู่ไม่น้อย ซึ่งรวมถึงโรงประกอบชิ้นส่วนโมบิลทรูปเปอร์กิซซีรีย์กันอีกหลายสิบแห่ง ในกรณีที่ดาวกิซซาเทมและดาวสำรองไม่สามารถสร้างหรือผลิตกิซซีรีย์ได้อีกนะสิ"

              บัซเซิ่ลบอก "นายเลยกลัวว่าคริฟทรอนจะใช้ดาวคูลดาลนัสเป็นฐานผลิตกิซซีรีย์แบบเดียวกับที่สร้างขึ้นในดาวพูทาชาร์ท-6 จนสร้างเป็นกองทัพได้เลยสิน่ะ"

              "ถูกต้อง....แม้ว่าเราหยุดการผลิตกิซซีรีย์ของคริฟทรอนอฟที่ดาวดวงนั้นได้ แต่ฉันรู้นิสัยคริฟทรอนดี ว่าเขาไม่ยอมให้พวกเราขัดขวางแผนการของเขาได้แน่นอนน่ะ" โทมาสบอก

              บัซเซิ่ลกล่าว "มีแต่พวกไทรเวเซอร์เท่านั้นที่จะหยุดปัญหาของคริฟทรอนเลยสิน่ะ"

              "แทบไม่คิดเลยนะ ว่าก่อนหน้านั้นโลกเกือบจะมีสงครามกับฝ่ายสเปซโคโลนี่กันแล้วน่ะ" พีวิลกล่าว เมื่อฟังแอบไบออสเล่าถึงเรื่องดาวคูลดาลนัส ไปจนถึงกลุ่มดาวของชาวอาณานิคมอวกาศนอกโลกที่ติดตามเฮนรี่และเกรย์สันมายังเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์

              ไซโคลเนียกล่าว "นั้นสิ ฉันคิดว่าโลกน่าจะปะทะกับกองรบโมบิลทรูปเปอร์จากสเปซโคโลนี่กันมาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีนายพลเข้ามาขวางจนไม่เกิดสงครามอวกาศเสียได้น่ะ"

              "ดีแล้วละที่นายพลรีโซวฟ์คนนั้นหยุดยั้งปัญหานี้ไปได้ ไม่งั้น....ประเทศฉันคงต้องเสียซิดนีย์จากสเปซโคโลนี่ร่วงชนไปนานแล้วละ" จิลบอก

              คลอเวฟกล่าว "แต่....ถ้านายพลคนนั้นร่วมมือกับเฮนรี่ ไนท์และนายพลเกรย์สัน แก้ปัญหาไม่ให้พวกสเปซโคโลนี่ก่อสงครามกันได้จริง แล้วไม่กลัวว่าพวกนั้นจะส่งกองกำลังกลับมาที่โลกเลยหรือวะ"

              "นั้นไม่เกิดขึ้นอยู่แล้วละ เพราะผู้นำสเปซโคโลนี่เหล่านั้น ทำข้อตกลงว่าจะไม่ส่งกองกำลังหรือพลเมืองของพวกเขาเดินทางกลับโลก เพื่อไปก่อความเดือดร้อนกับโลกและระบบสุริยะกันไว้ ซึ่งนายพลเกรย์สันส่งทหารมาสังเกตุความเคลื่อนไหวของกลุ่มสเปซโคโลนี่ ที่ไปตั้งรกรากบนดาวที่พวกเขาไปสำรวจมาโดยตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้โลกส่งกองกำลังไปรังควานจนก่อสงครามกันในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์นะสิ" แอบไบออสบอก "แน่นอน ว่าจนปานนี้ไม่มีดาวไหนกล้ากลับไปที่โลกกันได้เลย แม้กระทั่งตอนที่เฮนรี่ตัดการสื่อสารระหว่างอวกาศไปยังโลกเองก็ด้วยน่ะ"

              โฟรซ่าบอก "แต่สุดท้าย เฮนรี่ก็ต้องกลับมาที่โลกกันจนได้สิน่า"

              "เดียวก่อนนะคะ ถ้าเกิดว่าโลกไม่ได้ทำสงครามกับชาวอาณานิคมอวกาศกัน เพราะว่าพวกเขาติดตามเฮนรี่ไปยังอวกาศกันแล้วนิ ก็เท่ากับว่า...." ลิเนียร์ตี้กล่าว

              เจเนลบอก "จริงสิ โลกยังมีแมนิแฟคเตอร์กันอยู่ด้วยนิหว่า...พอไม่มีขั้วอำนาจจากนอกโลกที่เป็นมนุษย์ก่อเรื่องขึ้น สหพันธ์โลกก็เบนเข็มมาที่แมนิแฟคเตอร์หรือแมนิเกเตอร์กันเต็มที่เลยละ"

              "นั้นเป็นข้อเสียบนข้อดีกันเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก "แล้วนายพลผู้ที่หยุดภัยสงครามจากนอกโลกนั้นละ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "เท่าที่อ่านประวัติของนายพลรีโซวฟ์นั้น หลังจากที่เขาคลี่คลายปัญหาจากนอกโลกจนโลกเหลือสเปซโคโลนี่เพียง 10 แห่งที่ยังใช้งานอยู่ เขาก็ทำงานรับใช้สหพันธ์โลกด้วยการประจำการขึ้นที่เมืองลอยฟ้าแห่งที่ 3 ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมาตราการที่สองต่อจากสเปซโคโลนี่ที่เดินทางตามเฮนรี่ ไนท์ไปแล้ว ทำหน้าที่สอดส่องดูแลความเรียบร้อยบนโลกมาตลอด 24 ปีเต็ม จากนั้นก็ถูกพวกแมนิแฟคเตอร์หัวรุนแรงลอบสังหารจนเสียชีวิต การตายของเขาได้ทำให้สหพันธ์โลกคิดแผนควบคุมแมนิแฟคเตอร์เหล่านั้นไว้ แต่ถูกคนทั่วไปคัดค้านกันไม่น้อย ซึ่งรวมถึงดร.เดลวีแองนูรุ่นที่สี่กันนี้แหละ ส่วนชื่อของเขานั้นก็ถูกบันทึกลงในฐานะ ผู้หยุดยั้งสงครามอวกาศที่เลวร้ายมากที่สุด ร่วมกันกับเฮนรี่ ไนท์ด้วยนะสิ"

              "อย่างน้อย เราก็รู้ว่ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่สเปซโคโลนี่นั้นมีชีวิตในอวกาศอันกว้างใหญ่กันยังไงนะคะ" แอนเดรียกล่าว แม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นเกรง เมื่อได้ยินว่าปู่ของเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องคัดค้านการควบคุมแมนิเกเตอร์ไว้ก็ตาม

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "และต้องขอบใจเฮนรี่ ไนท์ที่ดึงเอาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองออกไปได้ แม้ว่านั้นจะหมายถึงมนุษย์บนโลกจะเบนเข้มมาทางแมนิเกเตอร์เลยก็ตามน่ะ"

              "ตอนนี้ เราพักเรื่องอดีตระหว่างมนุษย์โลกและสเปซโคโลนี่กันได้มั้ย เพราะว่าเราต้องฝึกสำหรับแข่งไตรกีฬากันดีกว่าน่ะ" สเตฟอร์ดพูดตัดบท

              โฟรซ่าเห็นด้วย "นั้นสิน่ะ แม้ว่าจะมีสิบวันอยู่ก็จริง ถ้าเราไม่เตรียมพร้อมตอนนี้ แล้วจะให้ลงมือกันตอนไหนเลยละ"

              "เดียวนี้เลยหรือคะ แต่เราพึ่งจะพักเหนื่อยหลังจากการรบกับพวกไซเอมนอยด์กันนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              สเปียริทบอก "รู้น่ะ ว่าเธออยากจะแข่งจนตัวสั่นมากๆ แต่ก็ควรดูว่าพวกเราไหวหรือเปล่าน่ะ"

              "เออ จริงด้วยน่ะเนี้ย" โฟรซ่ากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนๆมา

              แอนเดรียบอก "และตอนนี้ ก็เป็นเวลาอาหารเย็นด้วยแล้วนะคะ ซึ่งก็เสียเวลาในการเข้าครัวไปทำกับข้าวกันด้วยน่ะ"

              "หวังว่าพรุ่งนี้ ท่านนายพลคงจะเรียกเราในเรื่องการแข่งไตรกีฬากันบ้างน่ะ" เนคมาดูซัมบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า

              พีวิลบอก "อย่างน้อย เรามีเวลา 8-9 วันในการฝึกแข่งขันไตรกีฬากันบ้างน่ะ"

              หลังจากนั้น เวลาผ่านไปจนถึงเช้าของวันต่อมา ที่ห้องทำงานของนายพลเพอซิอัส

              "ฉันทราบเรื่องนี้จากผบ.บาโธโรมิวและผบ.ทิลเทอแรนมาแล้วละ ว่าพวกเธอต้องเข้าร่วมในการแข่งไตรกีฬาอวกาศกันที่ดาววาริดอล ทั้งในฐานะผู้แข่งขันและเจ้าหน้าที่สนับสนุนกองกำลังคุ้มกันการเข้ามาก่อกวนของคริฟทรอนอฟกันไว้น่ะ" เพอซิอัสบอก

              จูเดทต้าถาม "แล้วพวกเธอจะส่งใครลงแข่งกันละ"

              "สเตฟอร์ดและโฟรซ่าท้าผมและลิเนียร์ตี้ให้ลงแข่งไตรกีฬากันนะครับ ท่านนายพล" เนคมาดูซัมบอก

              สเตฟอร์ดพูดไปว่า "คือ ผมอยากจะรู้ว่า ระหว่างอดีตมนุษย์กับแมนิเกเตอร์มนุษย์หุ่นยนต์นั้น กลุ่มไหนจะอึดและทรหดกว่ากันนะครับ"

              "และนั้นคงเป็นเหตุผลที่เธอท้าเนคเกอร์และจนท.ลิเนียร์ตี้ให้ลงแข่งพร้อมกับพันโทโฟรน่าเลยสิน่ะ" จูเดทต้าบอก และหันมาถาม "แล้วที่เหลือล่ะ"

              พีวิลบอก "เออ พวกเราก็กำลังรอคำสั่งอนุมัติจากท่านนายพลให้พวกเราฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกันนะครับ"

              "ดีแล้วละ ที่พวกเธอไม่รีบออกไปฝึกก่อนที่เราจะอนุมัติให้กันน่ะ" เพอซิอัสบอก "เพราะตามข้อมูลของพวกเธอที่ฉันกับจูเดทต้าตรวจสอบกันมาแล้ว พบว่า มีแค่อดีตสมาชิกหน่วยรบที่ 54 อย่างเธอ เจเนล สเตฟอร์ดและโฟรซ่านั้น ที่ลงแข่งไตรกีฬากันมาก่อนเลยน่ะ"

              จูเดทต้าบอก "แถมในบางภารกิจที่พวกเธอลงไปยังเขตดาวมหาสมุทรหรือปะทะกับพวกแอตแลนไทซ์ในช่วงท้ายของมหาสงครามนั้น ส่วนมาก พวกเธอระวังตัวไม่น้อยในเรื่องการไม่ตกเรือ และมักจะใช้โมบิลลอยด์ปฏิบัติการณ์ใต้น้ำโดยหลีกเลี่ยงการโจมตีให้น้อยที่สุดอย่างงั้นสิน่ะ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละครับ ท่านนายพลจูเดทต้า อีกอย่าง คลอเวฟเองก็เก่งกาจเรื่องต่อสู้ใต้น้ำจึงไม่น่ามีปัญหาใดๆเลยนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เพอซิอัสบอก "แต่เธอก็น่าจะรู้น่ะ ว่ามันต้องมีสถานการณ์ที่กราดิเอเตอร์มารีนไม่สามารถต่อสู้กันได้ และพวกเธอเองก็ไม่ได้ฝึกฝนเรื่องเหตุฉุกเฉินหากเรือล่มจมทะเลกันด้วยแล้ว นั้นเป็นความผิดพลาดที่แย่มากๆในช่วงที่พวกเธอมีนอร์ติลุสกันน่ะ"

              "นอกจากลูกเรือเดิมที่มาจากนอร์ติลุส ซึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งของนาวาตรีบริคซ์ บาโธโรมิวที่ผ่านการอบรมเรื่องการกู้ภัยในสถานการณ์ที่เรืออัปปางหรือล่มกลางทะเลมาก่อน สมาชิกตัวหลักส่วนมาก ไม่ได้เข้ารับการอบรมดังกล่าวเลยสักคนแบบนี้ นั้นก็เสี่ยงไม่น้อยเลยน่ะ หากว่าไทรแองเกิ้ลถูกสอยจนจมใต้ท้องทะเลกัน จนพวกเธอหนีขึ้นโมบิลลอยด์ไม่ทันเลยน่ะ" จูเดทต้าบอก แล้วก็สั่งการให้ "แต่ก็ดีแล้วละ ที่พวกเธอได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกับลงแข่งไตรกีฬากันในอีก 9 วันต่อจากนี้ ดังนั้น พวกเธอจะต้องได้รับการฝึกการว่ายน้ำกันเดียวนี้เลยละ"

              โฟรซ่าถาม "โอ้ว นั้นเร็วมากเลยนะคะ ท่านนายพล"

              "เพียงแต่พวกเธอโชคดีมาก ที่ฉันไม่สามารถลงมาอบรมพวกเธอในเรื่องการว่ายน้ำได้ เพราะฉันต้องช่วยนิลเซนท์จัดระเบียบระบบรักษาความปลอดภัยภายในกองบัญชาการใหม่ ทั้งๆที่กองบัญชาการของเรามีสระว่ายน้ำภายในอาคารแล้วก็ตาม แต่อย่าคิดน่ะ ว่าพวกเธอจะลำพองใจกับวิทยากรที่ฉันเรียกมาเมื่อคืนกันน่ะ" จูเดทต้าบอก

              สเปียริทกล่าว "คงไม่ได้ให้ยัยโดโรรีนลงมาฝึกพวกเราเลยละสิ"

              "ฉันสั่งโดโรรีนให้ไปตรวจตราด้านหลังเขตเมืองพร้อมกับนาธาเอลท์ตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนโดเรร่านั้นก็ไปดูแลพื้นที่เพาะปลูกและอยู่ที่นั้นทั้งวันน่ะ" เพอซิอัสกล่าว และมองดูพวกเมนซิกส์ทีน "แต่ก่อนอื่นเลย พวกเธอบางคนมีชุดเปลี่ยนสำหรับลงสระหรือเปล่าละ"

              จูเดทต้าบอก "และฉันไม่อนุญาตให้พวกเธอใส่บิกินี่ หรือทูพีชแบบสายเดี่ยวกันด้วย เพราะพวกเธอเป็นทหาร เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ภาคสนามของกองทัพกันน่ะ"

              "แล้วใครจะมาเป็นวิทยากรมาสอนพวกเราละครับ" พีวิลถาม

              จูเดทต้าบอก "พวกเธอไปถึงเดียวก็รู้เองแหละ ดังนั้น ฉันให้พวกเธอลงไปที่สระว่ายน้ำกัน หากแต่ เธอสองคนนั้น...."

              แล้วทั้งหมดก็ลงมายังสระว่ายน้ำที่อยู่ในชั้นสองของกองบัญชาการ 

              "สรุปคือ นายกับจายด์ลงไม่ได้เลยหรือ" พีวิลกล่าวโดยตอนนี้อยู่ในชุดว่ายน้ำแบบชิ้นเดียวและกางเกงสามส่วนไว้ ผิดกับฟิเกซที่สวมกางเกงว่ายน้ำสามส่วน และแอบไบออสที่สวมสกินสูทคล้ายชุดดำน้ำ โดยสวมหมวกครอบปิดผมปล้องของเขาไว้หมดจดด้วยกัน เช่นเดียวกับพลัสเชอริทที่สวมชุดกันน้ำไว้เกือบทั้งตัว ส่วนที่เหลือนั้นสวมชุดวันพีชแบบมีกางเกงสามส่วนกันทั้งหมด แต่คละสีกัน

              คลอเวฟบอก "นายพลจูเดทต้าไม่อยากให้น้ำในสระมันหดหายไปครึ่งหนึ่งจากการที่เพื่อนร่วมทีมตัวโตลงสระกันหรอกน่ะ และเกราะของฉันเองจะได้ไม่ต้องเป็นสนิมจากคลอรีนด้วยน่ะ"

              "แน่ละ เพราะว่านายถูกออกแบบให้ปฏิบัติการณ์ใต้ท้องทะเลและแม่น้ำ มิได้ออกแบบให้อยู่ในสระได้แต่แรกกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              คลอเวฟบอก "แต่หวังว่าผิวกายที่ทำด้วยอัลคาเนี่ยมของนายคงไม่ทำให้น้ำสระขุ่นเร็วกันหรอกน่ะ"

              "พวกสเปียริทนิ ช้าจังเลยน่า คงจะเลือกสีไม่ได้เลยละสิ" พีวิลบอก

              เจเนลกล่าว "และไม่ต้องเดาหรอก ว่ายัยเปี้ยกจิลออกเป็นคนแรกน่ะ" ซึ่งก็จริงอย่างที่เจเนลว่าไว้ จิลออกมาด้วยชุดว่ายน้ำชิ้นเดียวสีชมพูพร้อมกระโปรงเล็ก ซึ่งสวมหมวกว่ายน้ำสีดำเข้มด้วย "เออ นี้สระผู้ใหญ่นะ ไม่ใช่สระเด็กกันน่ะ" มาถึง เจเนลก็แขวะแซวทันที

              "ถ้าหมวกนี้ไม่เป็นสีดำละก็น่า...." จิลบ่นอย่างหงุดหงิด เพราะหมวกสีดำนั้นบล็อกการใช้พลังจิตของจิลเอาไว้ เธอจึงใช้พลังจิตกดขมับเจเนลไม่ได้เลย สเตฟอร์ดเลยต้อง "โป้ก" ใช้หลังแหวนตบหลังหัวไปเต็มๆ

              "พอเลย เจมส์ ยังจะปากดีกันอีกน่า" สเตฟอร์ดบ่น

              "พวกนายมารอกันแล้วหรือ" สเปียริทกล่าว โดยตอนนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำวันพีชแบบสีเทามีขอบสีแดงอยู่ข้างเอวเดินมากับแอนเดรียซึ่งใส่วันพีชสีออกส้ม และสวมหมวกที่ครอบหัวเอาไว้ แม้จะต้องสวมปลอกครอบหางเปียของเธอไว้ก็ตาม มาสวาร์ทาร์ที่มองแอนเดรียก็รู้สึกเขินขึ้นมา

              "คุณไม่เป็นไรกันนะคะ คุณมาสวาร์ทาร์" แอนเดรียบอก

              "ไม่เป็นไรหรอกน่ะ แม้ผมจะกังวลว่าคุณจะสวมหมวกครอบผมของคุณได้ยังไงน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวแบบเก้อเขินขึ้นมา

              แอนเดรียบอก "คุณกลัวว่าหมวกว่ายน้ำจะครอบผมยาวของฉันไม่ได้เลยสิคะ อย่างน้อย ปลอกคลุมผมเปียนี้ก็ยังอยู่นะคะ"

              "นายกลัวว่าแอนเดรียจะมีหัวโตเหมือนไว้ทรงแอฟโฟรละสิ" เจเนลบอก มาสวาร์ทาร์กระแอ้มแทนคำพูดไว้

              พีวิลบอก "ไอ้ที่โดนรุ่นพี่สเตฟอร์ดฟาดหลังหัวไปนั้น ยังไม่พออีกหรือ"

              "มาแล้วละ" โฟรซ่ากล่าวโดยที่เธอสวมชุดวันพีชลายพลางสีเขียวขี้ม้าสลับกับเขียวแก่ มาพร้อมกับลิเนียร์ตี้ที่ใส่วันพีชสีแดงสลับม่วง ส่วนไซโคลเนียสวมชุดวันพีชสีฟ้าล้วนเดินตามหลังมา

              "คงเสียเวลาเอาแขนลอดผ่านเลยสิน่ะ" ฟิเกซบอก

              "เปล่าหรอก ส่วนเกราะแขนที่เป็นเครื่องยิงไมโครมิไซล์นั้นถอดออกได้กันอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหากันหรอกน่ะ" ไซโคลเนียบอก "ที่เสียเวลาจริงๆ ก็คงเป็นโฟรซ่านี้แหละ ที่ต้องสวมปลอกแขนกันน้ำครอบทั้งสองข้างกันน่ะ" เพราะแขนของโฟรซ่านั้นคือเรซเซอร์อาร์ม ซึ่งมีผลทำให้เธอฟาดส่งคลื่นตัดออกไปตอนที่แกว่งแขนว่ายน้ำโดยไม่รู้ตัวแน่นอน

              โฟรซ่าบอก "ก็ฉันไม่อยากจะพังสระหรือผ่าใครที่ว่ายอยู่ใกล้ๆกันเลยนิน่า"

              "เอาเถอะ อย่างน้อยรุ่นพี่ก็ป้องกันได้ไปส่วนหนึ่งแล้วละ" พีวิลกล่าวและหันมาถาม "แล้ววิทยากรที่มาสอนเรากันละ" สเปียริทบอก "ปานนี้ คงไม่มากันแล้วละมั่ง"

              "เออ....พวกคุณคือจนท.จากกองกำลังไทรเวเซอร์ที่มารับการฝึกจากฉันใช่มั้ยละคะ" ไม่ทันไร ก็มีหญิงสาวผมยาวสีเทาในชุดพละสีเขียวเดินเข้ามา

              มาสวาร์ทาร์ตอบ "ใช่ครับ เออ ไม่ทราบว่า คุณคงจะเป็นวิทยากรที่นายพลจูเดทต้าพูดถึงเลยสิครับ"

              "ถูกต้องแล้วละคะ" หญิงสาวผมเทาบอก พร้อมกับ "ปรี้ดดดดด" เป่านกหวีดดังขึ้นมา พร้อมกับสั่ง "กรุณาจัดแถวด้วยคะ" แล้วพวกเมนซิกส์ทีนที่เหลือ 14 ตนรีบจัดแถวโดยเร็ว

              "เดียวก่อนน่ะ เธอคงไม่ใช่ลูกสาวคนที่สามของจูเดทต้าอย่างงั้นละสิ" โฟรซ่าบอก

              "แม่นแล้วละคะ ฉันคือโดรารี่ พี่ของโดเรร่าและโดโรรีน บุตรสาวคนโตของสามใบเถาอาร์ซีนอฟกันนะคะ" หญิงสาวกล่าว "และเป็นตามที่คุณแม่ว่าไว้ไม่มีผิด ขนาดเอากราดิเอเตอร์แชมป์สแมคบอลกับยักษ์ใหญ่ออก พวกคุณก็ยังจัดแถวได้ช้ากว่าเดิมเลยนะคะ"

              พีวิลถาม "เออ เนคมาดูซัม ฟิเกซ พวกนายไม่ได้บอกกับเราถึงบุตรสาวคนโตเลยหรือ"

              "จะบอกได้ไง ในเมื่อเธอไม่ได้โผล่หน้ามาให้เราเห็นและรู้จักกันในค่ายเมื่อ 3 ปีที่โฟรเดริม-4 กันนะสิ" เนคมาดูซัมบอก

              โดรารี่บอก "นั้นไม่แปลกหรอกคะ เพราะว่าฉันถูกสั่งให้อยู่ในโรงหมอบนยานลำนี้ โดยทำหน้าที่ดูแลพี่นาเธมและนีลเซนท์ที่พึ่งรอดจากการถูกปองร้ายมา พร้อมกับพวกทหารที่โดนเล่นงานอีกหลายสิบคน ซึ่งฉัน....อยากจะออกไปช่วยคุณพ่อและพวกแม่ทัพใหญ่ใจจะขาดอยู่แล้ว แม้กระทั่งตอนที่ออกไปต่อสู้กับพวกคุณเป็นครั้งที่สองนั้น ฉันถูกคุณแม่สั่งให้อยู่ในโรงหมอตลอดการรบเลยน่ะ ซึ่งฉันเองยังไม่รู้เลยว่ามันเพราะอะไรกันน่ะ"

              "นั้นไม่แปลกหรอกที่คุณแม่จะทำอย่างงั้น เพราะว่าพี่เองก็ถูกสะกดจิตให้ขับสกรีแทนมาร์ควันออกไปสู้กับพวกคุณเนคเกอร์ จนหวิดถูกพวกเฮเรเค้นที่ใช้เซนครีทจัดการกันไปแล้ว ซึ่งพอคุณแม่รู้เลยรีบเบรคพี่ไว้ก่อนกันน่ะ" นีลเซนท์กล่าวผ่านลำโพงในสระว่ายน้ำภายในเอาไว้

              ลิเนียร์ตี้บอก "จริงด้วยน่ะ ถ้าขนาดเธอถูกสะกดจิตจนออกนอกห้องได้ คุณโดรารี่เองก็คงโดนด้วยนะคะ"

              "พอเลยๆ พวกคุณหยุดออกนอกประเด็นได้แล้วละ นีลเซนท์ ไม่ต้องติดต่อผ่านลำโพงอีกเลยน่ะ เข้าใจมั้ย" โดรารี่พูดตัดบท แม้จะรู้จากน้องชายตัวดีแล้วก็ตาม ซึ่งนีลเซนท์ก็โดนเอ็ดตะโรและกลับไปทำงานต่อ ส่วนโดรารี่ก็เข้าประเด็นหลักในทันที "พวกคุณรู้กันแล้วสินะคะ ว่าฉันเป็นวิทยากรมาสอนวิชาว่ายน้ำให้กับพวกคุณ แม้ว่าบางคนจะว่ายเป็นและว่ายแข็งก็จริง แต่....อวัยวะที่ไม่ใช่ของเดิมที่พ่อแม่ให้มาคงจะเป็นปัญหาไม่น้อยเลยนะคะ"

              สเปียริทถาม "เดียวก่อนน่ะ เธอบอกว่าเธอทำงานอยู่ในโรงหมอมาใช่มั้ย แล้วเธอมาเป็นครูพละสอนพวกเราว่ายน้ำกันยังไงละ"

              "ความจริงแล้ว ฉัน เป็นครูฝึกเหล่าทหารเกณฑ์ที่ถูกส่งมาประจำการกองรบนี้กันนะคะ ซึ่งฉันเก่งกีฬาทุกประเภท แม้กระทั่งว่ายน้ำเอง ฉันก็ได้เหรียญทองมาไม่น้อย รวมถึงเป็นตัวช่วยให้ทีมแข่งกีฬาประเภทต่างๆจนได้ชัยชนะมาบ้าง ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อเลยให้ฉันทำหน้าที่เป็นครูฝึกพลทหารให้พร้อมที่จะจับอาวุธและต่อสู้อย่างมีระเบียบวินัยเลยนี้แหละ" โดรารี่กล่าว "แน่นอน ว่าพลทหารที่ร่วมวิ่งกับพวกคุณในช่วงเช้ามืดน่ะ ฉันเป็นคนสอนพวกเขาเองนะคะ"

              เจเนลบอก "ถ้าเธอเก่งกีฬาจริง เธอก็น่าจะลงแข่งสแมคบอลกันได้เลยนิ"

              "ขอโทษนะคะ ฉันเก่งกรีฑา ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน วอลเลย์บอล บาสเก็ตบอล ฟุตบอลและลาคอสกันก็จริง แต่ไม่ได้เล่นแบบที่พวกคุณเล่นกันเลยนิคะ" โดรารี่บอก "อีกอย่าง ฝ่ายตรงข้ามของพวกคุณในรอบชิงนั้นก็เป็นถึงเฮโลลิคเตอร์ด้วย ซึ่งเขาเก่งและฉลาดไม่น้อยจนฉันเองแทบอิจฉามากๆ แม้จะอึ้งไปไม่น้อยที่รู้ว่าพวกคุณชนะเขาได้น่ะ"

              คลอเวฟบอก "แสดงว่าเธอเองก็ไม่ชอบหน้าไอ้ปากดีงั้นละสิ"

              "เออ ฉันไม่ได้คิดอยากจะขอบคุณอะไรกับคุณเลยนะคะ เพราะฉันเองก็รู้ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เฮโลลิคเตอร์แปรพักตร์ไว้ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะบอกความจริงกับฉันในเรื่องนี้ แต่เรื่องที่เกิด มันก็เป็นความผิดของคุณอยู่ดีนะคะ" โดรารี่บอก เนคมาดูซัมกระแอ้มเบรคทั้งบุตรสาวคนโตของจูเดทต้าและกราดิเอเตอร์มารีนขี้โมโหเอาไว้

               ฟิเกซบอก "ตอนนี้ เธอมาเป็นวิทยากรฝึกพวกเรานั้น คงไม่ได้แค่ฝึกว่ายน้ำเองอย่างเดียวสินะ"

              "คะ ถึงแม้ว่าพวกคุณบางคนวิ่งได้เร็ว วิ่งอึดและนานพอ ฉันก็ต้องฝึกพวกคุณกันอยู่ดี แต่....ก่อนที่พวกคุณจะลงน้ำได้นั้น" โดรารี่บอก "มาวอร์มอัพกันก่อนดีกว่านะคะ"

              แอนเดรียบอก "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะถ้าเราออกแรงว่ายเลย ร่างกายมันจะปรับตัวไม่ทันเลยน่ะ"

              หลังจากที่วอร์มอัพไปได้ 5 นาทีด้วยกันนั้น

              "ก่อนอื่นเลย ฉันอยากจะรู้ว่าพวกคุณบางคนว่ายน้ำได้หรือเปล่า ดังนั้น...ฉันให้แบ่งเป็นคู่ๆ โดยว่ายจากฝั่งใต้ขึ้นไปฝั่งเหนือเพียงรอบเดียวเท่านั้นนะคะ" โดรารี่บอก "งั้นเริ่มจาก ร้อยตรีจีน่า แล้วก็ เออ....พริตซีล่า สคา....ชื่อคุณเรียกยากมากเลยนะคะ" เธออ่านชื่อจริงของไซโคลเนียไม่ค่อยได้

              แอนเดรียบอก "งั้นให้เรียกเป็นคุณไซโคลเนียจะดีกว่านะคะ"

              "ก็ได้คะ เออ เรืออากาศโทไซโคลเนีย ประจำที่พร้อมกับร้อยตรีจีน่าได้แล้วคะ" โดรารี่กล่าว ซึ่งทั้งคู่ตั้งท่าพร้อมจะโดดลงสระกันแล้ว และ "ปรี้ดดดด" โดรารี่เป่านกหวีดให้สัญญาณออกตัวแก่จิลและไซโคลเนีย ซึ่งทั้งคู่ก็ "ตรูมมมม" โดดลงสระพร้อมกับว่ายฟรีสไตล์ไปทันที จิลว่ายด้วยการจ้วงแขนไปอย่างรวดเร็ว แต่ไซโคลเนีย "ซ่า" ว่ายนำไปโดยที่จ้วงแขนไปหลายทีด้วย จนเอามือแตะขอบสระฝั่งตรงข้ามไปได้ก่อนที่จิลจะว่ายมาถึง "ปรี้ดดดดดด" โดรารี่เลยเป่านกหวีดพร้อมกับ "เรืออากาศไซโคลเนียคะ คุณแพ้ฟาลว์แล้วละคะ"

              ไซโคลเนียกล่าวอย่างงงๆ "แพ้ฟาลว์นะหรือ ก็ฉันว่ายแบบตีขาเร็วกว่าจิลไปได้แล้วนิ"

              "เออ โดรารี่พูดถูกแล้วละ เพราะเราเห็นเธอใช้เจ็ทบู้ทเร่งความเร็วแซงหน้าจิลไปครึ่งสระแล้วน่ะ" เจเนลบอก

              พีวิลกล่าว "ถึงจะช่วยให้ว่ายได้เร็ว แต่เอาไปใช้แข่งจริงไม่ได้หรอก เพราะมันผิดกติกาดีๆนี้เองนะสิ"

              "หว่า นึกว่าวิธีนี้จะชนะจิลได้แล้วเสียอีกนะ" ไซโคลเนียได้ฟังก็กล่าวแบบผิดหวังเล็กน้อย

              จิลบอก "สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เธอเล่นโกงกันละ"

              "ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ แม้ว่าวิธีนี้จะใช้ได้ในยามจวนตัวแล้วก็ตามน่ะ" โดรารี่บอก แล้วก็กล่าว "ต่อไป ร้อยโทหญิงเอลซ่ากับจ่าสิบเอกแอนเดรีย ประจำที่ได้แล้วละคะ" สเปียริทและแอนเดรียเข้าที่

              มาสวาร์ทาร์มองแอนเดรียก็รู้สึกเป็นห่วงและคิดในใจว่า "ไม่รู้ว่าคุณจะว่ายได้หรือเปล่า เพราะว่าคุณเกือบจมน้ำตายจากการที่ผมหยุดปืนใหญ่พลาสม่าที่ยิงคุณและดร.เดลวีแองนูที่อยู่ที่เรือไม่ทันเลยน่ะ" 

              "เริ่มได้คะ" โดรารี่กล่าวและ "ปรี้ดดด" แอนเดรียและสเปียริทโดดลงสระพร้อมกัน ซึ่งแอนเดรียก็ว่ายด้วยท่ากบ และว่ายไปอย่างช้าๆ เพียงแต่สเปียริท.... "ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" หมุนแขนวนไปหลายรอบและตีขาไปหลายทีจนน้ำกระจายออกนอกสระไปเยอะ แต่ก็ไม่ขยับไปไหนเลย จนเธอหมดแรงและตัวลอยในท่าคว่ำไว้

              "ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วะฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยัยบื้อว่ายไม่ไปแบบนี้ กะแล้วว่าแย่กว่าว่ายท่าลูกหมาตกน้ำเลยละ" คลอเวฟหัวเราะลั่นกับสภาพน่าสมเพชของเมดเดนออฟสเปียร์ผู้นี้

              "โป้กกก โป้กกก" เนคมาดูซัมและพีวิลเลยเดินมาเสยหลังแหวนเข้าที่หัวและหน้าไปเต็มๆ "นายนิปากดีเหลือเกินน่ะ ให้ตายสิ" เนคมาดูซัมบ่น

              พีวิลกล่าว "นายไปเยาะเย้ยสเปียริทที่ไม่รู้วิธีว่ายน้ำกันแบบนี้ มันไม่เป็นลูกผู้ชายเสียเลยน่า" แล้วก็โดดลงสระเพื่อพาตัวสเปียริทขึ้นจากสระโดยเร็ว

              "ไม่เป็นไรใช่มั้ยละคะ" แอนเดรียกล่าว

              สเปียริทบอกอย่างเหนือยอ่อนไปว่า "ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านายบื้อมาหัวเราะเยาะเย้ยฉันแล้วละ ได้ยินแล้ว น่าหงุดหงิดสิ้นดีเลยน่ะ" แล้วเธอก็สำลักเอาน้ำออกไปด้วย

              "สงสัยว่าคุณต้องเรียนรู้เยอะกันสักหน่อยแล้วละคะ" โดรารี่บอก "งั้นคู่ต่อไปเลยแล้วกันคะ" จากนั้นโดรารี่ก็เลือกสมาชิกเพศชายมาว่ายกันทีละคู่  โดยเริ่มจากคู่ของพีวิลและเจเนล ที่ทั้งคู่มีแขนกลขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งมีปัญหาในเรื่องการตวัดแขนเพื่อว่ายไปข้างหน้า แต่ส่วนขายังเป็นขาเดิม เลยทำให้ว่ายไปได้ค่อนข้างช้า ต่อมาก็คือคู่ของฟิเกซและมาสวาร์ทาร์ ซึ่งฟิเกซได้เปรียบมาสวาร์ทาร์ในเรื่องแขนทั้งสองคู่ จึงทำให้ว่ายได้เร็วกว่าอดีตมนุษย์ดาบมือหนึ่งที่มีแขนเพียงคู่เดียว ตามด้วย

              "ไม่คิดว่าพลัสเชอริทจะว่ายได้เร็ว ทั้งๆที่ไม่เคยถูกส่งไปปฏิบัติการณ์ในน้ำกันเลยนิ" พีวิลบอก โดยที่พลัสเชอริทว่ายแข่งกับแอบไบออสจนชนะไปได้

              "อย่าลืมสิ ว่าฉันต้องรับมือในช่วงที่ฉันไม่สามารถเอาตัวรอดอยู่ในน้ำ แม้ว่านั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถทำได้ในกรณีนั้น หากปราศจากชุดกันน้ำหรือชนวนป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรกันน่ะ" พลัสเชอริทบอก โดยรีบเอาเครื่องเป่าผมมาเป่าให้ตัวแห้งเร็ว

              แอบไบออสบอก "นึกว่านายมองดูพวกเราว่ายน้ำแล้วเลียนแบบเสียอีกน่ะ"

              "แต่ไม่นึกว่าคุณจะว่ายน้ำได้เลยน่ะ ทั้งๆที่..." มาสวาร์ทาร์กล่าว

              แอนเดรียบอก "....ฉันรู้ดีคะ ว่าฉันเคยประสบเหตุร้ายจนฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก่อน แต่...ถ้าฉันเอาแต่กลัวขึ้นมาก็คงทำไม่ได้แน่ๆเลยละคะ"

              "นั้นก็ดีแล้วละ ที่คุณลืมอดีตไปได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์พูดอย่างโล่งใจไม่น้อย

              เจเนลดื่มน้ำเพื่อคลายเหนือยจากการว่ายน้ำมา "ให้ตายสิ ถ้าแขนของเราสองคนไม่เป็นแบบนี้ละก็ คงว่ายได้เร็วไปแล้วละ"

              "มันก็ช่วยไม่ได้เลยน่ะ เพราะการที่ฉันกับนายเสียแขนไปนั้น ล้วนแล้วเป็นความผิดของเราทั้งนั้นเลยน่ะ" พีวิลกล่าว "อย่างน้อย ขาของเรายังเป็นขาเดิมอยู่เลยพอใช้ตีขาว่ายไปได้บ้างน่ะ"

              เจเนลกล่าว "ผิดกับใครบางคนที่มีแขนกลและขากล แต่ดันใช้ระบบขับเคลื่อนโกงกันซะหน้าด้านๆเลยน่ะ"

              "พอเลย เจเนล อยากโดนเหมือนคลอเวฟบ้างมั้ยละ" ไซโคลเนียตอบกลับ จนเจเนลได้ฟังก็หยุดแซวในทันที

              โดรารี่บอก "ต่อไปก็ หัวหน้าเนคเกอร์และพันเอกสเตฟอร์ด ตาพวกคุณแล้วละคะ" 

              "ขอให้ไอ้เนคเกอร์ว่ายแล้วจมใต้สระกันบ้างน่ะ" คลอเวฟแช่ง จายด์ที่นั่งใกล้ๆเลยกระแอ่มขู่คลอเวฟแทน ซึ่งเนคมาดูซัมและสเตฟอร์ดเข้าประจำที่ โดรารี่เห็นแล้วก็ "ปรี้ดดดด" เป่านกหวีดจน "หวับบบ ตรูมมมมม" ทั้งคู่กระโดดลงสระจนน้ำกระจายไป เพราะบอดี้ของทั้งคู่ใหญ่ โดยเฉพาะเนคมาดูซัมที่มีบอดี้เป็นเหล็กทั้งตัว ซึ่งก็.... "ซ่าๆๆๆๆๆ" สเตฟอร์ดว่ายแบบฟรีสไตล์นำหน้าเนคมาดูซัม ซึ่งว่ายตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด หากแต่บอดี้ที่หนักกว่าของเนคมาดูซัม ต่างจากร่างที่มีมัดกล้ามเนื้อเทียมจำนวนมากของสเตฟอร์ด จึงได้แค่ที่สองไปเท่านั้นเอง ซึ่งกราดิเอเตอร์มารีนเห็นก็อึ้งไปไม่น้อย "เดียวสิ เนคเกอร์มันว่ายน้ำได้ด้วยหรือ แถมว่ายจนสูสีกับสเตฟอร์ดกันนิ มันโกงหรือเปล่าละ"

              ฟิเกซบอก "ไม่อยากจะบอกหรอกน่ะ แต่ เนคมาดูซัมเคยแข่งว่ายน้ำมาก่อนนะสิ"

              "เป็นความจริงน่ะหรือ ฟิเกซ" พีวิลถาม

              ฟิเกซพยักหน้า "ถึงแกตโตเดี่ยนจะเป็นดาวหุบเขาที่แทบไม่มีพืชพันธุ์เขียวขจีและมีปรากฎการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงไม่น้อย แต่ก็ยังมีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่บนดาวเหมือนกับโลกมนุษย์ของพวกนายกันน่ะ ซึ่งในการแข่งทดสอบเพื่อเดินทางออกนอกดาวของพวกแกตไทซ์วัยรุ่นที่บรรลุถึงเกณฑ์นั้น ก็มีแข่งว่ายน้ำระยะไกลกันด้วยนะสิ"

              "ที่ว่าระยะไกลนิ คงไม่ไปค่อนมหาสมุทรเลยหรือ" ไซโคลเนียถาม

              ฟิเกซส่ายหน้า "แค่จากหาดทรายไปยังเกาะเล็กๆที่ถูกกำหนดเอาไว้กันน่ะ ทั้งนี้ แกตไทซ์อายุ 15-16 ปีนั้น สามารถว่ายได้ไกลสูงสุดถึง 60 กิโลเมตรกันน่ะ" 

              "ให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่านายจะว่ายได้ไกลอย่างที่ฟิเกซพูดเลยน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าวและถาม "แล้วนายคงจะได้ที่หนึ่งหรือติดสามอันดับแรกเลยสิน่ะ"

              เนคมาดูซัมบอก "ฉันได้ที่สองนะสิ ถ้าไม่ติดว่ามือของฉันสองข้างร้าวเสียก่อนน่ะ"

              "แล้วที่หนึ่งนิ ใครได้ไปกันละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              เนคมาดูซัมบอกพลางขึ้นจากสระไปด้วย "เกฟฟาร์ดนะสิ เขาเป็นลูกของคุณอาเกฟฟอร์ค น้องชายของคุณพ่อ ซึ่งแต่งงานกับวอริอาร์ทสาวจากเผ่าบานกาท และอยู่ที่เผ่านั้นมา แน่นอนว่าเขาเก่งกาจกว่าฉันเกือบจะทุกด้าน และมีโอกาสสูงที่เขาจะออกไปจากแกตโตเดี่ยนแทนที่ฉันได้กันน่ะ"

              "แล้วนายคงจะชนะหมอนั้นด้วยกลโกง จนออกจากดาวอย่างงั้นละสิ" คลอเวฟบอก

              เนคมาดูซัมกล่าวไปว่า "ถึงฉันจะเสียเปรียบที่มือฉันเป็นอย่างงี้ และมีแกตไทซ์ที่เชียร์เกฟฟาร์ดคอยดูถูกถากถางเพื่อตัดกำลังใจฉันไปได้ แต่....ฉันก็อดทนอดกลั้น สู้กับเกฟฟาร์ดอย่างใจเย็นและรอบคอบ โต้ตอบการโจมตีของเกฟฟาร์ดและสวนกลับไปทุกครั้ง จนเอาชนะเขาด้วยหมัดของฉันลงไปได้นี้แหละ" โดยที่กำหมัดซ้ายที่ยังมีรอยร้าวบางๆอยู่

              "แสดงว่า นายเองก็ชนะตนเองและเกฟฟาร์ดจนพานายออกจากดาวบ้านเกิดของนายได้เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "แม้ว่าฉันรู้สึกผิดไม่น้อยกับการทำให้เกฟฟาร์ดเสียโอกาสที่จะออกจากดาวไป แต่...ฉันหวังว่าเกฟฟาร์ดคงจะยอมรับได้น่ะ เพราะว่าฉันไม่ได้โกงเขาเลยสักอย่างน่ะ"

              "และนายคงจะหวังว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่เลยสิน่ะ แม้ว่าการที่เขารอดมาอาจจะหมายถึงเขาต้องมาเอาคืนนายและพวกเรากันน่ะ" สเตฟอร์ดบอก เนคมาดูซัมกล่าว "ถึงตอนนั้น ฉันคงเลี่ยงการปะทะกับเกฟฟาร์ดไปไม่ได้อยู่แล้วละ"

              "เออ ขอหยุดเรื่องแกตไทซ์กันดีกว่านะคะ เพราะยังเหลือคู่สุดท้ายกันแล้วนะคะ" โดรารี่พูดเข้าประเด็นหลัก เพราะลิเนียร์ตี้และโฟรซ่ามารออยู่ ซึ่งลิเนียร์ตี้สวมหมวกว่ายน้ำ และสวมปลอกกันน้ำใส่ที่คมมีดกันแล้ว

              จิลบอก "หวังว่าลิเนียร์ตี้คงจะว่ายได้กันบ้างน่า"

              "เริ่มได้คะ" โดรารี่กล่าวแล้วก็ "ปรี้ดดดด" เป่านกหวีด โฟรซ่าและลิเนียร์ตี้จึงพุ่งกระโจนลงสระพร้อมกับ "ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" ว่ายท่าฟรีสไตล์ไป ซึ่งก็ "แป๊ะ" มือของลิเนียร์ตี้แตะขอบสระฝั่งตรงข้ามได้ก่อน

              "เดียวสิ ลิเนียร์ตี้โกงหรือเปล่าน่ะ เธอคงใช้ฝ่าเท้าเร่งความเร็วเหมือนยัยไซโคลเนียทำแน่ๆเลยละ" คลอเวฟกล่าวอย่างไม่เชื่อขึ้นมา

              "ไม่ได้โกงหรอกคะ แม้จะตกใจไม่น้อยที่สิบโทลิเนียร์ตี้ตีขาได้เร็วและต่อเนื่องกว่าก็ตามนะคะ" โดรารี่บอก

              โฟรซ่ากล่าวพลางหอบเหนื่อยไปว่า "ฉันนึกว่าเธอจะว่ายน้ำไม่เป็นเสียอีกน่ะ แล้วเธอไปฝึกกันตอนไหนละ"

              "ก็ตอนอยู่ควอดาน่าหลังจากที่ช่วยพวกบรอนเซอรูทกันไว้แล้ว ฉันเห็นกริมเบอรี่และโมคุโตะว่ายน้ำกันที่ทะเลสาปอยู่ เลยรีบลงไป แต่ไม่รู้ว่ามันลึกมากจนฉันจมและทำอะไรไม่ถูก ทั้งคู่เห็นเลยรีบเข้ามาช่วยไว้" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "แล้วทำไมถึงไม่มาบอกตั้งแต่ตอนนั้นเลยละ ลิเนียร์ตี้ แบบนั้นมันไม่ดีเลยน่ะ"

              "ก็กลัวว่านายจะโกรธฉันนะสิ ฉันเลยขอให้กริมเบอรี่และโมคุโตะปิดนายไว้ พร้อมกับขอร้องให้ทั้งคู่สอนฉันให้ว่ายน้ำได้ ซึ่งทุกเย็นๆ ฉันก็ฝึกกับพวกเขาจนว่ายได้คล่องกันนี้แหละ" ลิเนียร์ตี้บอก

              สเปียริทกล่าว "เยี่ยม สองคนนี้ก็ชอบปิดเป็นความลับกันจริงๆเลยน่า"

              "นั้นก็ได้ข้อสรุปกันแล้ว นอกจากร้อยโทหญิงสเปียริท ที่เหลือผ่านเกณฑ์กันแล้วละคะ" โดรารี่บอก

              สเปียริทกล่าว "แล้วเธอคงจะไม่สอนฉันว่ายน้ำเลยสิน่ะ"

              "ทำไงได้ละคะ คุณแม่สั่งให้ฉันเป็นเทรนเนอร์ดูแลหัวหน้าเนคเกอร์ พันโทสเตฟอร์ด พันโทหญิงโฟรซ่า และสิบโทลิเนียร์ตี้ ซึ่งต้องลงแข่งไตรกีฬากันแล้ว เกรงว่า คุณต้องให้ใครเป็นเทรนเนอร์สอนคุณเองแล้วละคะ" โดรารี่บอก

              คลอเวฟบอก "และฉันก็ไม่คิดจะสอนเธอกันหรอก เดียวเธอก็ทำฉันจมน้ำกันพอดีนะสิ"

              "ว่าแต่ ผมสอนสเปียริทว่ายน้ำจะได้มั้ยละ" พีวิลกล่าว

              โดรารี่ได้ฟังก็บอกว่า "มันจะดีหรือคะ เพราะว่าฉันทราบมาว่าคุณสนิทกับร้อยโทหญิงสเปียริทมาตั้งแต่ ตอนที่เข้าร่วมกองกำลังของประธานาธิบดีบนโลกแล้ว ไม่กลัวว่าคุณจะมีสัมพันธ์เกินเลยจนฝ่าฝืนกฎไปเลยหรือคะ"

              "ถ้าเช่นนั้น....ฉันกับจายด์จะคอยดูพีวิลและสเปียริทฝึกไปเลยมั้ยละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              ฟิเกซบอก "ถ้ามีหลายคนช่วยดู อย่างน้อยก็ดีกว่าให้ฝึกกันลำพังสองต่อสองบ้างน่ะ"

              "เอาไงก็ได้นะคะ เพราะถ้ามีหลายๆคนคอยดู ก็คงไม่เสียหายตรงไหนเลยคะ" โดรารี่บอก "ส่วนเรื่องวิ่งนั้น พวกคุณทำกันตอนเช้ามืดอยู่แล้ว ที่เหลือก็คงจะเป็นการขี่จักรยานกันละ"

              เนคมาดูซัมกล่าว "จักรยานนะหรือ...."

              แล้วทั้งหมดก็ออกมายังลานกว้างหน้าอาคารกองบัญชาการหลัก โดยทั้งหมดสวมชุดพละกันแล้ว โดรารี่เลยให้ทหารนำจักรยานเสือภูเขาออกมา

              "อา....นี้จะให้ขี่สองล้อเท้าหมุนลงแข่งกันหรือ" เนคมาดูซัมกล่าวเมื่อเห็นจักรยานขึ้นมา

              พีวิลบอก "เออ เนคมาดูซัม ที่แกตโตเดี่ยนเขาเรียกจักรยานกันแบบนั้นหรือ"

              "เออ จักรยานของพวกนายนั้น แกตไทซ์เรียกมันว่ารถสองล้อเท้าหมุนกันนะสิ" ฟิเกซบอก "เพียงแต่ของแกตไทซ์นั้นตัวเครื่องและล้อจะอวบหนากว่านี้ เพราะขนาดและน้ำหนักตัวของแกตไทซ์คงรับกับจักรยานคันบางๆแบบนี้ไม่ได้หรอกน่ะ"

              คลอเวฟบอก "แม้กระทั่งกูกับจายด์ก็ด้วยละสิ"

              "หัวหน้าเนคเกอร์เรียกจักรยานแบบนั้นก็ไม่ประหลาดใจหรอกคะ เพราะนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเราที่พบปะกับแกตไทซ์ที่ไม่มีโฮฟไบค์มา แต่ขี่จักรยานคันหนาๆแบบนี้กันแล้วนะคะ" โดรารี่บอก

              เจเนลกล่าว "หรือโฮฟไบค์เสียเลยต้องเอาไปซ่อมเลยสิน่ะ" แล้วก็เดินมานั่งบนเบาะจักรยานและ "แกร็กๆๆๆๆๆๆๆ" ปั่นจักรยานบนลู่วิ่งโชว์ไปสองรอบติดๆกัน เช่นเดียวกับพีวิลที่ขี่ตามหลัง แต่โชว์ยกล้อหน้าไปด้วย

              "โว้ว งั้นพีวิลก็เก่งเรื่องขี่จักรยานแบบนี้มาก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์ได้เลยสิน่ะ" สเปียริทบอก

              โดรารี่บอก "โอ้ว นั้นก็ตรงตามที่คุณแม่บอกไว้เป๊ะๆเลย ว่าคุณเป็นแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้ที่เก่งด้านการขับขี่ที่โลดโพนโจนทะยานมากที่สุดกันเลยน่ะ แม้ว่าร้อยเอกเจเนลจะขี่ก่อนแล้วก็ตามน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "แต่ก่อนอื่นเลย ขอดูหัวหน้าเนคเกอร์และพันโทสเตฟอร์ดมาขี่รุ่นหมีภูเขาก่อนเลยคะ"

              "เข้าใจแล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าว แล้วก็เดินไปขึ้นจักรยานคันที่อวบหนา โดยที่สเตฟอร์ดขึ้นขี่เตรียมไว้แล้ว

              ฟิเกซเห็นเนคมาดูซัมเอาเท้าซ้ายวางบนแป้นเท้าหมุนก็รู้สึกใจคอไม่ดี "โอ้ว นั้นไม่ดีแล้วละสิเนี้ย"

              "เริ่มได้คะ" โดรารี่กล่าวแล้วก็ "ปรี้ดดดดด" เป่านกหวีดเพื่อให้สเตฟอร์ดและเนคมาดูซัมขี่ แต่ปรากฎว่า... "ครืดๆๆๆๆ" สเตฟอร์ดปั่นนำหน้าไปก่อน ส่วนเนคมาดูซัมนั้น "ครืดด ครืดดด โครมมมม" แค่ปั่นไปเพียงสองรอบ ก็เอียงล้มลงข้างซ้ายไปเต็มๆ จนทุกๆคนตกใจมาก โดรารี่เลยรีบเป่านกหวีดหยุดสเตฟอร์ดไว้ ซึ่งเจ้าตัวรีบเบรคและตีรถกลับมา

              "เป็นอะไรบ้างหรือเปล่าละ เนคมาดูซัม" สเตฟอร์ดกล่าว

              "ไม่เป็นไรหรอกน่ะ แค่ล้มไปเท่านั้นเองแหละ" เนคมาดูซัมพูดโดยลุกขึ้นแบบไม่รู้สึกเจ็บเลย

              มาสวาร์ทาร์ถาม "ฟิเกซ ทำไมเนคมาดูซัมขี่จักรยานแล้วเอียงล้มไปด้านข้างเลยละ"

              "นั้นแหละ ปัญหาละ เวลาที่เนคมาดูซัมขี่จักรยานนั้น เขามักจะล้มไปด้านข้าง ไม่ซ้ายก็ขวากันนะสิ" ฟิเกซกล่าว

              พีวิลถาม "แล้วเวลาที่เขาเลี้ยวโค้งนั้น ก็คงล้มด้วยใช่มั้ยละ"

              "ตอนเลี้ยวโค้งนั้น ไม่มีปัญหากันหรอก เว้นแต่ตอนขี่ในทางตรงนั้น เนคมาดูซัมจะเอียงล้มกันนี้แหละ" ฟิเกซอธิบาย

              พีวิลกล่าว "แต่เดียวก่อนน่ะ ถ้าเนคมาดูซัมขี่จักรยานเอียงแบบนั้น แล้วเขาขี่โฮฟไบค์ได้คล่องปรือเลยหรือ"

              "คงไม่ใช่ว่า พอขี่จักรยานไม่ได้ เลยหันมาขี่โฮฟไบค์ซะเลยใช่มั้ยละ" คลอเวฟกล่าว

              ฟิเกซส่ายหน้า "เปล่าเลย คลอเวฟ แกตไทซ์จะขี่โฮฟไบค์ไม่ได้ หากไม่สามารถขี่จักรยานได้เสียก่อนน่ะ เพราะ โฮฟไบค์มันลอยเหนือพื้นซึ่งควบคุมได้ยากกว่าจักรยานที่ล้อติดพื้นไว้ เนื่องจากต้องกะความห่างระหว่างพื้นกับตัวรถที่ลอยให้พอดีกันนี้แหละ"

              "แล้วเนคมาดูซัมต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะขี่จักรยานได้กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม

              ฟิเกซบอก "ตอนเนคมาดูซัมอายุ 10 ขวบ ป้าแรนเบร่าฝึกเนคมาดูซัมขี่จักรยานเพียง 2 ปีจนสามารถขี่ได้คล่อง แม้ว่าจะล้มไปด้านข้างน้อยครั้งเลยก็ตาม เนคมาดูซัมเลยได้ขี่โฮฟไบค์ ซึ่งก็ขี่ได้ดีกว่าจักรยาน ที่ไม่ได้ขี่มาตั้งแต่นั้นมาเลยน่ะ"

              "สรุปคือ นายไม่ได้ขี่จักรยานมานานจนลืมแล้วสิเนี้ย" สเตฟอร์ดบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "แน่ละ เพราะฉันไม่ได้คิดเลยนิ ว่าการแข่งสามอย่างนั้น ต้องขี่สองล้อปั่นไปด้วยนะ" และหันมาถาม "แล้วไม่มีการขี่โฮฟไบค์กันเลยหรือ"

              "เออ เกรงว่าไม่มีหรอกน่า เนคมาดูซัม เพราะการแข่งนั้นเขาวัดที่ความอึดและทรหดของส่วนขากันด้วยน่ะ" พีวิลบอก

              คลอเวฟกล่าว "สงสัยว่านายคงจะแป็กกับไอ้สองล้อปั่นของนายเสียแล้วกระมั่ง..."

              "พอเถอะคะ พวกคุณเสียเวลาไปมากแล้วนะคะ ฉันจะได้เช็คคนถัดไปเลยแล้วกัน" โดรารี่บอก แล้วให้โฟรซ่าและลิเนียร์ตี้ขี่จักรยาน ซึ่งก็...

              "คุณโฟรซ่านิ ปั่นเร็วจังเลยนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว เพราะเธอตามหลังโฟรซ่าที่ปั่นจักรยานนำหน้าเธอไปหลายเมตรด้วยกัน

              "ก็ไม่ถึงกับเร็วนักหรอก ส่วนหนึ่งเพราะขาจักรกลสองข้างของฉันช่วยไว้กันน่ะ" โฟรซ่ากล่าว และหันมาบอกต่อสเปียริท "คราวนี้ เธอคงจะไม่ปั่นจนโซ่หลุดจากวงล้อหลังกันหรอกน่ะ" สเปียริทได้ฟังก็หน้าบึ้งขึ้นมา ซึ่งมือสไนเปอร์สาวมั่นใจว่าสเปียริทที่ว่ายน้ำไม่เป็นนั้น คงต้องแป็กในเรื่องจักรยานแน่ๆ

              แต่ว่า.... "ยัยบื้อ นี้เธอแอบไปขี่จักรยานมาใช่มั้ยละ" คลอเวฟโวย เพราะสเปียริทขี่จักรยานไปอย่างรวดเร็ว ผิดกับแอนเดรียที่ขี่แบบปกติเหมือนตอนออกไปซื้อของ เลยมาถึงเส้นชัยช้ากว่า

              "ถ้าจะบอกว่าฉันขี่จักรยานมาตอนไหนแล้วละก็ ฉันขี่ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ลิเนียร์ตี้ฝึกว่ายน้ำกับกริมเบอรี่และโมคุโตะกันนี้แหละ" สเปียริทบอก "หากแต่ฉันลองกับอันที่มันตั้งอยู่กับที่ ซึ่งอยู่ในห้องบนเรือของนายก่อน แล้วค่อยมาลองกับสองล้อที่ไม่มีอะไรยึดไว้ โดยฉันค่อยๆปั่นไปช้าๆ และคิดอยู่ตลอดว่าจักรยานที่ขี่ มีสภาพเดียวกับที่ตั้งนิ่งๆในห้องกัน จนฉันขี่ได้อย่างที่เห็นนี้แหละ"

              โฟรซ่าบอก "สรุปคือ เธอขี่ได้ เพราะมโนว่าจักรยานเสือภูเขาคันนี้ เป็นจักรยานในยิมอย่างงั้นละสิ"

              "แต่เป็นวิธีการขี่ที่ง่ายมาก และเสี่ยงล้มง่ายเพราะว่าจักรยานในยิมกับอันที่ใช้ขี่ออกไปข้างนอก มันไม่เหมือนกันเลยนะคะ" โดรารี่กล่าว แล้วก็ให้ที่เหลือ ยกเว้นคลอเวฟและจายด์ รวมถึงพีวิลและเจเนลที่ขี่นำไปก่อนหน้ามาขี่จักรยานต่อ

              "ยัยจิลขาสั้นขนาดนั้นแต่ก็ปั่นได้เร็วกว่ายัยไซโคลเนียกันนิ ใช้พลังจิตหรือเปล่าละยะ" สเปียริทบอก

              "ฉันเซตเบาะให้เตี้ยลงเพื่อให้เท้ามันแตะแป้นเหยียบได้เองนะ" จิลบอก

              โดรารี่กล่าว "แต่คราวหน้าคงต้องหาจักรยานที่พวกโนมฟอร์มและดอว์ฟฟอร์มขี่ได้กันแล้วนะคะ" แล้วก็สรุป "นอกเหนือจากหัวหน้าเนคเกอร์ ทุกๆคนผ่านในเรื่องจักรยาน ซึ่งหัวหน้าเนคเกอร์ คุณต้องรื้อฟื้นเรื่องขี่จักรยานกันสักหน่อยแล้วนะคะ"

              "แจ่ม เวลาสองปีที่แม่สอนขี่จักรยานกลับมาจนได้สิน่า แม้ว่าต้องฝึกให้ขี่คล่องภายใน 8-9 วันกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              โดรารี่กล่าว "แต่ เนื่องจากพวกคุณบางคนต้องฝึกเพื่อเข้าแข่งขัน และมีบางคนต้องฝึกพิเศษกันเสียหน่อย ซึ่งสมาชิกทีมรองที่รวมถึงนาวาโทเบติสและนาวาอากาศโทวิลด้าคงไม่ได้มาช่วยฝึกซ้อมการต่อสู้กันแน่ๆ ฉันจึงอยากจะให้คุณไปแจ้งกับพวกเขาเสียหน่อยน่ะ"

              "ถ้าเป็นเรื่องนั้นเราจะแจ้งกับพวกเฮเรเค้นให้รับทราบกันแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก

              โดรารี่พยักหน้า "ดีแล้วคะ เพราะฉันจะเริ่มฝึกกันจริงๆในช่วงบ่ายนี้เลยนะคะ"


              "สรุปคือ อาจารย์มาสวาร์ทาร์กับครูแอนเดรียสอนวิชาการให้พวกเราตามปกติ แต่ไม่มีการฝึกซ้อมการต่อสู้เลยสิน่ะ" ฟลาแน็กซ์บอก เมื่อเนคกี้และเนคกัสลงมาแจ้งหลังจากที่รับทราบเรื่องจากเมนซิกส์ทีนแล้ว

              เทรอนเร็กซ์บอก "แต่มันก็ตลกไม่น้อยเลยน่า ที่หัวหน้าของเราขี่จักรยานแล้วล้มไปด้านข้างเลยน่ะ"

              "หรือ ตอนที่อยู่บีสท์โทเปียบนโลก นายก็ขี่จักรยานแล้วล้มมาหลายครั้ง จนไปแย่งจักรยานเด็กที่มีล้อหลังติดล้อเล็กมาขี่ แล้วโดนอาจารย์มาสวาร์ทาร์ตำหนิไปหลายที ยังไม่ลืมเลยหรือ" เฮเรเค้นกล่าว เทรอนเร็กซ์ได้ฟังก็ยั้วะ

              ชาร์เครฟบอก "แต่ไม่คิดเลยว่า เจ้สเปียริทจะว่ายน้ำไม่เป็นเสียได้น่ะ" และหันมาถาม "แล้วใครจะเป็นคนสอนเจ้สเปียริทว่ายน้ำกันละ"

              "ก็ลูกพี่พีวิลนะสิ" ไกซ์บอก ซึ่งก็ทำให้เฮเรเค้น ชาร์เครฟ มัลแด็กซ์ เรปไซท์ ไลเอิร์ทถึงกับหูพึงขึ้นมา แต่ก็ได้แค่สองวินาที ก่อนที่ไกซ์จะพูดต่อไปว่า "แล้วก็พวกคุณมาสวาร์ทาร์กันด้วยน่ะ"

              เฮเรเค้นบ่น "อะไรกันวะ นึกว่าลูกพี่พีวิลจะฝึกเจ้สเปียริทว่ายน้ำกันสองต่อสองแล้ว พวกอาจารย์ไม่น่ามาขวางเลยน่ะ"

              "พวกนายลืมไปแล้วหรือ ว่ากฎเขาห้ามเจ้าหน้าที่ชายหญิงอยู่กันสองต่อสอง โดยปราศจากบุคคลอื่นคอยดูกันไว้เลยน่ะ" เนคกี้กล่าว

              เนคกัสบอก "และที่สำคัญน่ะ ว่าพวกพี่ใหญ่ถูกนายพลวอลเลนซ์ใช้เป็นตัวอย่างในที่ประชุม จนอนุมัติให้ออกกฎที่กดดันพวกเราจนถึงบัดนี้เลยน่ะ"

              "งั้นที่พวกอาจารย์ต้องทำแบบนั้นเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษอย่างงั้นสิน่ะ" ฟลาแน็กซ์บอก เนคกัสพยักหน้า

              ดิเรนท์ถาม "แต่การฝึกนั้นมีตั้งแต่ช่วงเช้าและช่วงบ่ายนิ ถ้าอาจารย์มาสวาร์ทาร์และครูแอนเดรียมาสอน แล้วที่เหลือจะช่วยดูอย่างงั้นนะหรือ"

              "ใช่ คุณมาสวาร์ทาร์ให้คุณฟิเกซและคุณพลัสเชอริทคอยดูไปด้วยน่ะ" เนคกี้บอก

              มิลด์ถาม "แล้วพวกเราเข้ามาร่วมฝึกกับพวกคุณพีวิลด้วยหรือเปล่าละ"

              "เกรงว่าจะไม่ได้หรอกน่ะ เพราะต่อให้พวกนายเป็นสมาชิกทีมรองกันก็จริง แต่นายพลจูเดทต้าไม่อยากให้พวกนายเข้ามารบกวนการฝึกซ้อมกันอยู่น่ะ" เนคกัสกล่าว

              แบร็อกบอก "เดียวก่อนน่ะ ถ้าไม่มีการฝึกซ้อมการต่อสู้ขึ้นมา งั้นไอ้สามหน่อนั้นก็สบายตัวไปเลยสิ"

              "วางใจได้น่า เพราะต่อให้พวกคุณมาสวาร์ทาร์และคุณพีวิลไม่อยู่ฝึก ก็ยังมีพวกคุณบรอนเซอรูทและพวกคุณบาร์ทกันอยู่ แถมพวกคุณแดนยังอยู่ในเมืองนี้คอยช่วยจับตาดูให้ด้วยน่ะ" มิลด์กล่าว

              ดิเรนท์กล่าว "ดีแล้วละ อย่างน้อยพวกน็อกกี้จะได้ไม่ต้องไปก่อเรื่องออกนอกเขตเมืองนี้กันเลยน่ะ"

              "เออ พวกเธออยู่นี้กันใช่มั้ยละ เราจะมาบอกว่า พวกเธอต้องเข้าฝึกตอนบ่ายโมงครึ่งกันน่ะ" ทอฟคานิคกล่าวโดยมากับคลอเวฟและจายด์ด้วย

              เรปไซท์บ่น "แจ่ม นึกว่าช่วงบ่ายจะให้เราได้พักแล้วเสียอีกน่ะ"

              "เอาเถอะน่า อย่างน้อย การฝึกของพวกเธอก็ไม่ควรจะขาดตอนกันเลยน่ะ" จายด์บอก

              ไลเอิร์ทกล่าว "แล้วในการแข่งขันนิ พวกเราทำอะไรได้บ้างกันละ"

              "เดียวพวกมาสวาร์ทาร์จะแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเธอทราบเอง ดังนั้น หวังว่าพวกเธอทั้งหมด คงไม่เบี้ยวการฝึกกันหรอกน่ะ" ทอฟคานิคบอก

              คลอเวฟบอก "เพราะถ้าเรารู้ว่าพวกเธอคนใดคนหนึ่งโดดฝึกแล้วละก็ รู้ใช่มั้ย ว่าพวกเธอต้องแปะแผ่นบรรเทาปวดเท่ากระดาษ A2 แล้วให้นอนทั้งวันเลยน่ะ"


              แล้วหลังจากนั้น การฝึกเพื่อเข้าร่วมแข่งไตรกีฬาของเนคมาดูซัม ลิเนียร์ตี้ สเตฟอร์ดและโฟรซ่าก็เริ่มขึ้น ซึ่งโดรารี่ทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์คอยดูการฝึก โดยช่วงเช้านั้นเป็นการฝึกว่ายน้ำในสระภายในอาคาร ไปพร้อมกับ... "ซ่าๆๆๆๆๆ" สเปียริทตีขาเป็นจังหวะ โดยที่เธอเยียดตัวตรงและยื่นแขนจับตรงมือของพีวิลที่เป็นครูสอนไว้

              "ดีแล้วละ อย่ารีบตีขาเร็วมากนักน่ะ" พีวิลบอก

              สเปียริทกล่าว "ฉันยังรู้สึกงงๆน่ะ ฉันพยายามทำให้เหมือนกับที่ไซโคลเนียและจิลว่ายกันแล้ว แต่ทำไมถึงว่ายไม่ไปกันน่ะ"

              "นั้นเพราะว่า เธอตีขาแรงและเร็วจนน้ำกระฉอกออก แถมยังแกว่งแขนทั้งสองข้างพร้อมกันอย่างเร็วและแรงจนไม่เป็นจังหวะไปพร้อมกับขาที่ตี เลยทำให้ว่ายแล้วไม่ไปไหนเลยน่ะ" พีวิลบอก

              สเปียริทกล่าว "งั้นหรือ...มิน่าละ ฉันพยายามจ้วงแขนไปให้เร็ว แต่ก็ไม่เคลื่อนไปข้างหน้าเลยน่ะ นึกว่าฉันตัวหนักเสียอีกน่ะ"

              "ไม่หรอก แต่เธอก็ยังลอยตัวได้อยู่ ถ้าตัวหนักจริงคงจมเหมือนกับคลอเวฟไปแล้วละ" พีวิลอธิบาย "ทีนี้ ฉันจะปล่อยมือไว้ แล้วว่ายไปโดยนับจังหวะด้วยน่ะ" สเปียริทพยักหน้า พีวิลเลยเคลื่อนไปด้านข้าง โดยให้สเปียริทว่ายตีขาเป็นจังหวะและเหยียดแขนไปข้างหน้า ซึ่งก็ทำให้เธอว่ายเคลื่อนไปข้างหน้าได้

              พลัสเชอริทบอก "คิดถูกแล้วละที่ให้พีวิลเป็นคนสอนสเปียริทไว้น่ะ ถ้าเป็นคนอื่น เธอคงว่ายอยู่กับที่อีกตามเคยน่ะ" โดยที่เขาอยู่สังเกตุการณ์พร้อมกับฟิเกซ

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าสเปียริทเองเชื่อในตัวพีวิลเลยสิน่ะ แม้ว่านาย พีวิลและมาสวาร์ทาร์ รวมถึงคลอเวฟ ไม่รู้ว่าเธอมาจากไหนกันแต่แรกเลยสิน่ะ" ฟิเกซกล่าว เพราะเขาทราบมาก่อนแล้ว ว่าสเปียริทถูกพบอยู่ในแคปซูลที่อยู่ในเขตซากยาน บนทะเลทรายซาฮาร่า

              พลัสเชอริทเล่า "ในตอนแรกๆที่เข้าร่วม พีวิลกับสเปียริทเองก็ต้องออกจากกองกำลังต่อต้านของประธานาธิบดีโคเคส เพราะสมาชิกในกองกำลังต่อต้านนั้นไม่เชื่อถือในตัวพีวิล ที่เป็นตัวการที่ทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งเสียพวกพ้อง เช่นเดียวกับสเปียริทที่อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับพวกโอเวอร์เดสอยู่ ได้เข้ามาช่วยพวกผู้การเฮลิคจากการคุกคามของเนโมและกองรบสามประสานเอาไว้ ทั้งคู่เลยเริ่มความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนมานับแต่นั้นเองแหละ"

              "และร่วมต่อสู้กันมาตลอด จนถึงบัดนี้เลยสิน่ะ แม้ว่าทั้งคู่จะถูกพวกเดลอาเนี่ยนจับมาปะทะกันเลยก็ตามน่ะ" ฟิเกซกล่าว

              พลัสเชอริทตอบ "ตอนนี้ ฉันหวังแค่ว่าพีวิลคงจะฝึกให้สเปียริทว่ายน้ำและเอาตัวรอดเวลาตกทะเลไปได้น่ะ เช่นเดียวกับที่ต้องฝึกเนคมาดูซัมให้ขี่จักรยานได้กันนี้แหละ"

              "ถ้าเป็นสหายละก็ ต่อให้ป้าแรนเบร่าไม่อยู่ เนคมาดูซัมเองก็มีความตั้งใจและพยายามมาก ไม่เกินวันสองวันก็คล่องแล้วละ แม้จะต้องล้มเพราะสมดุลย์ไม่เท่ากันก็ตามน่ะ" ฟิเกซบอก

              พลัสเชอริทกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะ แกตไทซ์เป็นแมนิเกเตอร์ที่มีมวลน้ำหนักเยอะพอๆกันกับแอตแลนไทซ์แบบเฮอคูลอน ซึ่งพอมาขี่จักรยานที่มีลักษณะบางและตั้งตรงอยู่ ถ้าจักรยานไม่ขยับเพราะรับน้ำหนักตัวคนขี่ไม่ไหว ก็ต้องล้มเพราะของที่หนักนั้นจะถ่วงให้เสียสมดุลย์ขึ้นมา แน่นอน ว่านั้นไม่ใช่ปัญหาของเนคมาดูซัมแค่ตนเดียวละสิ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละ พลัสเชอริท ด้วยเหตุที่แกตไทซ์ขี่จักรยานแล้วมีปัญหาแบบนี้ พวกเขาเลยสร้างโฮฟไบค์ขึ้นมากันด้วยนะสิ" ฟิเกซกล่าว

              พลัสเชอริทบอก "เพราะการขี่จักรยานที่ลอยเหนือพื้นนั้น จะทำให้พวกเขาไม่ล้มเหมือนขี่แบบล้อติดพื้นเลยสิน่ะ"

              "ค่อยๆน่ะ เนคมาดูซัม" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยให้เนคมาดูซัมขี่แบบปกติ แต่ให้ไปแบบช้าๆ ซึ่งไม่ทันไรก็เริ่มเอียง "ถ้านายเริ่มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ให้นายโยกตัวไปฝั่งตรงข้ามกับจุดที่เอียงเสียก่อน เพื่อรักษาบาลานซ์ในตัวกลับมาอยู่ในท่าตรงกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์แนะนำ โดยที่เนคมาดูซัมรีบเหยียดเท้าข้างซ้ายเหยียบพื้นโดยเร็ว

              "ไม่ค่อยดีเลยน่า ถ้านายทำแบบนี้ต่อไป นายคงไม่ไปไหนกันพอดีนะสิ" แอบไบออสกล่าว

              "มันก็จริงน่ะ เพราะตอนที่แม่ยังอยู่ ในจังหวะที่ฉันล้มเอียงจนฉันต้องรีบเหยียดขายันพื้นไว้ แม่ฉันก็เข้ามาตีฉันด้วยไม้ตะพดที่ก้นไปหลายที พร้อมกับบอกว่า ถ้าจะล้มก็ปล่อยให้มันล้มไปเลย แล้วค่อยลุกขึ้นมาใหม่ได้น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "ซึ่งฉันรู้ดี ว่าแม่ต้องการให้ฉันยืนหยัดด้วยขาของฉันเอง แม้จะล้มลงไปก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ได้ แต่การต่อสู้ที่หนักหนาและอันตรายชนิดที่ว่าพลาดครั้งเดียวจบเห่นั้น ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องพลาดพลั้ง แม้จะหมายถึงการสะดุดล้มในจังหวะสำคัญเลยก็ตามน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "ฉันเข้าใจนายดีน่ะ ว่าการต่อสู้นั้น เราไม่ควรที่จะพลาดกันอยู่แล้ว แต่เรื่องขี่จักรยานนั้น นายควรฟังคำแนะนำของคนอื่นกันบ้างน่ะ"

              "ฉันรู้ แต่ฉันไม่สามารถปรับสมดุลย์ในเวลากระชั้นชิดไปได้ง่ายๆหรอกน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              เจเนลเลยกระแอ่มพร้อมกับบอกว่า "ไม่อยากจะบอกเลยน่ะ แต่ ลูกพี่สตีฟเคยขี่จักรยานแล้วล้มไปหลายครั้งด้วยนะสิ"

              ".....ที่นายว่ามานิ เป็นอย่างงั้นจริงหรือเปล่าละ" เนคมาดูซัมได้ฟังก็ถามกลับ

              เจเนลพยักหน้าและกระทุ้งศอกให้พีวิลช่วยพูดเสริมให้ด้วยว่า "รุ่นพี่สตีฟก็เหมือนนายในตอนนี้แหละ แม้ว่าจะล้มจนหัวเข่าถลอก และมีแผลตามตัว แต่ก็ไม่ยอมไปทำแผลจนกว่าจะขี่ได้คล่องปรือ กว่าจะขี่ได้ก็ใช้เวลาตั้ง 3 วันด้วยกันน่ะ" แล้วพีวิลก็พูดต่ออีกด้วยว่า "ในเมื่อนายเองก็ประสบเหมือนกับรุ่นพี่สตีฟแล้ว ทำไมนายไม่พยายามเหมือนตอนที่คุณแรนเบร่ายังอยู่กันละ"

              "อืมมมมม ถ้าสเตฟอร์ดล้มแบบนั้นและพยายามด้วยตัวเองขึ้นมาแล้ว นึกหรือว่าฉันจะยอมกันได้น่ะ" เนคมาดูซัมฟังแล้วคิดได้ จึงพยายามขี่โดยพยายามควบคุมตัวเองไว้ สเตฟอร์ดที่กำลังขี่วนรอบอยู่ก็เห็นเข้า โดยที่โฟรซ่าขี่ตามหลังมาด้วย

              "ดูเหมือนว่า พีวิลและเจเนลจะช่วยพูดให้เนคมาดูซัมตั้งใจขี่จักรยานกันแล้วสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้เห็นก็กล่าวขึ้นมา

              "แน่ละ ทั้งคู่พูดโดยใช้ฉันที่ประสบแบบเดียวกันมากระตุ้นให้เนคมาดูซัมทำได้กัน ซึ่งฉันรู้ ว่าเนคมาดูซัมต้องทำได้แน่ๆเลยละ" สเตฟอร์ดบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "งั้นหรือคะ แต่ฉันคิดว่าพวกคุณสองคนคงจะไม่ไปยั่วยุให้เนคมาดูซัมโกรธกันเลยนะคะ"

              "ถ้าทำแบบนั้นแล้วเนคมาดูซัมโมโหจนหาเรื่องกับเราขึ้นมา สู้อย่าไปพูดจาแย่ๆเลยจะดีกว่าน่ะ" โฟรซ่ากล่าว และบอกไปว่า "แต่เธอคงจะใช้สูตรเดียวกันกับสเปียริทเลยละสิ ถึงได้ขี่จักรยานได้คล่องเลยน่ะ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ความจริงแล้ว แอนเดรียขี่จักรยานเป็น เลยขอให้ช่วยสอนตั้งแต่ตอนอยู่ควอดาน่ากันนะสิ แม้ว่าจะขี่จนแว่นแก้วแตก หรือล้มทั้งจักรยานเลยก็ตามน่ะ"

              "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เพราะตอนที่แอนเดรียไปตลาดเพียงคนเดียว ก็ขี่จักรยานไปด้วยน่ะ" โฟรซ่าบอก เพราะเธอเห็นกิจวัตรของแอนเดรียในตอนนั้นมาด้วย และถามต่อ "แล้วเธอก็พยายามทำให้ดีขึ้นเลยสิน่ะ"

              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "ใช่ เพราะอย่างน้อย ฉันก็มีทักษะบางอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวกับการต่อสู้ไว้ใช้ในยามปกติกันนี้แหละ"
    "งั้นก็มาพยายามฝึกซ้อมกันดีกว่าน่ะ แม้ว่าวันแข่งจริง ฉันจะไม่ออมมือให้กันเลยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว สเตฟอร์ดบอก "เนคมาดูซัมเองก็คิดเช่นนั้นด้วยน่ะ แม้ว่าการแข่งขันนั้นจะมีปัญหาเกิดขึ้นเลยก็ตามน่ะ"

              "ว่าแต่ นายแจ้งแคร์เรี่ยนและแอร์ไพล์มมิสเรื่องตระกูลแพนเธอร์ที่คูลดาลนัสทราบหรือยังละ" พีวิลถามเจเนล ซึ่งให้คำตอบไปว่า

              "ฉันแจ้งมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ซึ่งเธอพานิคและรีฟมาด้วย เพื่อมารับฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในคูลดาลนัสไว้ แม้จะรู้ว่านั้นอาจจะทำให้นิคหรือรีฟไปที่ดาวดวงนั้น เพื่อสืบหาความจริงกันนะสิ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ คนในตระกูลแพนเธอร์และเลนเดรส ซึ่งพวกนิโคลัสคิดว่า พวกเขาได้ถูกไวล์สเลฟฆ่าตายไป จะโผล่มาทำงานเหมือนไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอย่างงั้นละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              เจเนลพยักหน้า "เพราะเครือบริษัทตระกูลแพนเธอร์และเลนเดรสจะทำงานต่อไปไม่ได้แน่ๆ หากปราศจากคุณปู่ คุณพ่อและเหล่าลุงป้าน้าอาในตระกูล เพราะคนงานในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในความดูแลของสองตระกูล เป็นประเภทที่ต้องรับคำสั่งจากคนในตระกูลเท่านั้นเลยนะสิ"

              "เดียวก่อนน่ะ งั้นไอ้คนงานพวกนี้ก็ต้องทำงาน โดยที่ออกความเห็น ซักถามข้อสงสัย หรือรวมตัวกันประท้วงต่อเบื้องบนไม่ได้เลยหรือวะ" คลอเวฟกล่าว

              เจเนลพยักหน้า "นิคและรีฟยืนยันมาเช่นนั้น เพราะถ้าไม่มีคำสั่งหรือคำอนุมัติจากลุงป้าน้าอาหรือคุณพ่อกับคุณปู่ ซึ่งต้องยืนยันด้วยตัวเองแล้วละก็ งานการในเขตนิคมอุตสาหกรรมจะไม่เคลื่อนไหวเลย แม้กระทั่งอนุมัติให้นำยานขนส่งออกนอกดาวกันด้วยนะสิ" แล้วก็พูดต่อ "ส่วนเรื่องประท้วงนั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หากแต่ ทางบริษัทได้ใช้มาตราการเจรจาผ่อนปรนอยู่เสมอ เพื่อมิให้เกิดเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ ด้วยการยอมข้อเสนอของผู้ประท้วง แต่ต้องทำงานตรงตามเวลาที่กำหนดไว้กันน่ะ"

              "แล้วนิคและรีฟมีท่าทีเป็นเช่นไรกันละ" เนคมาดูซัมถาม

              เจเนลบอก "ทั้งคู่เองก็อยากจะไปกับทางเรากันอยู่แล้ว แต่ แอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยนก็ห้ามเอาไว้ เพราะครั้งก่อนพวกเขาหวิดถูกไวล์สเลฟจับได้เข้า บวกกับว่าฉันบอกกับพวกเขาว่า คริฟทรอนอฟอาจจะส่งอาวุธชีวภาพจากเขตดาวของพวกสเตรดาร์ธ และอาวุธผลึกที่หลงเหลืออยู่ที่ระบบดาวออริงก้านั้น ทั้งนิคและรีฟก็ยอมรับด้วยเพราะไม่อยากจะโดนลงโทษจนเสียโอกาสออกปฏิบัติการณ์กันนะสิ"

              "ดีแล้วละ ที่นายบอกเช่นนั้นไว้น่ะ เจเนล เพราะถึงเรารู้ว่าคริฟทรอนอฟเอาอะไรออกมา แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่นำมานั้นมีหน้าเป็นเช่นไร และจะเอาลงมาตรงไหนและตอนไหนกันนะสิ" พีวิลบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เอาเป็นว่าตอนนี้เราฝึกซ้อมสำหรับการแข่งไตรกีฬากันก่อนดีกว่าน่ะ" เพราะตอนนี้โดรารี่ยืนหน้าบึ้งมานานแล้ว

              หลังจากนั้น การฝึกก็ดำเนินผ่านไป จนถึงวันที่ 5

              "นายไม่น่าฝึกยัยบื้อกันเสียน่า พีวิล" คลอเวฟบ่นเสียงดัง เมื่อเห็นสเปียริทว่ายฟรีสไตล์ได้แล้ว แถมยัง "ฟึ่บบ ซ่า" พลิกตัวเพื่อว่ายกลับไปได้อีกด้วย

              "แล้วเธอฝึกสเปียริทว่ายท่าอื่นๆบ้างหรือเปล่าละ" โฟรซ่าถาม แม้จะอิจฉาที่สเปียริทว่ายน้ำได้ภายใน 4 วันแล้วก็ตาม

              "วันนี้กะว่าจะให้ฝึกท่ากรรเชียงก่อนนะครับ รุ่นพี่ แล้วค่อยมาท่ากบและท่าผีเสื้อกันในวันต่อมาเลยน่ะ" พีวิลบอก

              ไซโคลเนียกล่าว "แต่สปีดการว่ายนิ เร็วกว่าที่ฉันใช้เจ็ทบู้ทเสียอีกน่า"

              "เออ พีวิล สเปียริทว่ายมานานแค่ไหนกันละ" เจเนลถาม

              พีวิลกล่าว "นี้ก็ผ่านไป 30 นาทีกันแล้ว เธอบอกว่าเธอจะว่ายให้ได้ 40-50 รอบกันด้วยน่ะ ซึ่งฉันเห็นว่าควรจะให้เธอขึ้นจากสระแล้ว...."

              "ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทว่ายไปได้ครึ่งสระเข้าก็... "เออ อ้า..." เธอร้องพร้อมกับแกว่งแขนไปหลายทีด้วยกัน

              คลอเวฟเห็นก็กล่าว "คราวนี้ยัยบื้ออยากจะล้อเล่นกับนายงั้นสิ"

              "ไม่ใช่ละ คลอเวฟ นั้นแหละคือสิ่งที่ฉันกังวลล่ะ" พีวิลกล่าวแล้วก็ "ฟึ่บบบ ตรูมมมม" กระโดดลงสระเพื่อรีบไปช่วยสเปียริท ด้วยการช้อนแขนเอาตัวเธอขึ้นมาจากสระไว้

              "เป็นอะไรหรือเปล่าละ สเปียริท" ลิเนียร์ตี้ถาม

              "อยู่ๆขาก็ปวดมาก แถมยึดตรึงเปี้ยะจนขยับไม่ได้เลยนะสิ" สเปียริทบอก

              โฟรซ่าส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า "ชัดเลย ตะคริวกินจนได้สิน่ะ"

              "ตะกริวนั้น มันคืออะไรกันหรือวะ" คลอเวฟถามแบบโง่ๆ

              พลัสเชอริทบอก "มันเป็นอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดอาการปวดและตรึงแน่นแบบฉับพลันขึ้นมา โดยมากมักจะเกิดตอนที่นอนหรือตอนที่ออกกำลังกายเป็นเวลานานๆนะสิ"

              "แต่สเปียริทเป็นแมนิเกเตอร์แบบหุ่นแอนดรอยนิ ไม่น่าจะเกิดตะคริวได้เลยนิน่า" ไซโคลเนียกล่าว

              ฟิเกซส่ายหน้า "ต่อให้มีผิวกายเป็นเหล็กหรือเคลือบเพชรมา แต่ก็มีกล้ามเนื้อเทียมอยู่ข้างใต้ผิวเหล็กด้วย ดังนั้น ทั้งพวกแมนิเกเตอร์แบบหุ่นในแรซัลก้า แกตไทซ์หรือควอเดี่ยม มีสิทธิ์เป็นตะคริวได้เช่นกันนั้นแหละ"

              "แล้วไม่มีทางไหนแก้ได้ละเนี้ย โอ้ย เจ็บตรงต้นขามากเลยน่ะ" สเปียริทกล่าว

              พีวิลเลยต้องนั่งลงพร้อมกับบอก "ขาตรงๆ และทำตัวให้ผ่อนคลายหน่อยน่ะ" สเปียริทพยักหน้า โดยพีวิลมาจับตรงปลายเท้าซึ่งไม่มีนิ้วเท้าของสเปียริทแล้วก็ "กึกๆๆ" ใช้มือโตๆดันปลายเท้าไปทางสเปียริทเข้า โดยดันไปอย่างช้าๆ

              "อี้ค เจ็บๆๆๆๆๆ อือ นายทำอะไรของนายกันน่ะ แบบนั้นฉันก็เจ็บแย่ละสิ" สเปียริทกล่าว

              "ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้างละ" ลิเนียร์ตี้ถาม

              สเปียริทกล่าว "ก็เจ็บนะ....อือ...เออ อาการเกร็งปวดหายไปแล้วนะสิ" จากเดิมที่อารมณ์เสียอยู่ พอรู้สึกว่าขาของเธอหายเกร็งเลยรู้สึกดีขึ้น แล้วก็บอกไปว่า "โทษทีน่ะ พีวิล ที่ฉันพูดอะไรแรงๆกับนายไปน่ะ"

              "ฉันไม่ถือสากันหรอกน่ะ เพราะว่าฉันไม่อยากให้เธอเจ็บเลยน่ะ" พีวิลกล่าว

              โฟรซ่าหันมาถาม "แล้วก่อนลงว่ายนิ เธอมีวอร์มอัพยืดเส้นยืดสายหรือเปล่าละยะ"

              "ก็ไม่ได้ทำนะสิ พอรู้ว่าตัวเองว่ายได้ก็ลงสระแล้วว่ายไปเลยนั้นแหละ" สเปียริทบอก

              โฟรซ่าบอก "กะแล้วเชียว ว่าทำไมเธอที่มีร่างกายที่แข็งแรงแบบนั้นจะเป็นตะคริวได้ง่ายกันน่ะ ก่อนออกกำลังกายเขาให้วอร์มอัพก่อน เพื่อให้ร่างกายมันปรับตัวพร้อมจะใช้กำลังเยอะๆ แต่เธอเล่นว่ายก่อน แถมยังว่ายต่อเนื่องแบบไม่หยุดพักแบบนี้ ดีน่ะที่พีวิลเห็นแล้วมาช่วยไว้ ไม่งั้น เธอจมน้ำใต้สระได้แน่ๆเลยละ"

              "แล้วตกลงยัยบื้อว่ายน้ำต่อไปไม่ได้ทั้งวันเลยละสิ" คลอเวฟถาม

              สเตฟอร์ดบอก "เปล่าหรอก คนหายจากเป็นตะคริวจากการรักษาของพีวิลไปนั้น ให้อยู่นั่งๆสักพักหนึ่งก่อน แล้วก็ดื่มน้ำเกลือแร่เยอะๆไว้ แล้วค่อยลงว่ายน้ำได้กันนี้แหละ"

              "และ อย่าว่ายแบบหักโหมมากนักน่ะ เพราะคนที่ใช้แรงเยอะแบบเธอนั้น อาจจะเดี้ยงเร็วเหมือนคราวนี้ก็ได้น่ะ" โฟรซ่าบอก

              สเปียริทกล่าว "ถ้าไม่เพราะว่าเธอต้องแข่งกับลิเนียร์ตี้ละก็น่า...."

              "เนคเกอร์ขี่จักรยานได้แล้วละสิน่ะ" เพอซิอัสกล่าว โดยที่โดรารี่มารายงาน "คะ แม้ว่าจะใช้เวลาราวสามวันกว่าจะขี่ให้ตรงโดยไม่ล้มได้ ตอนนี้ฉันให้เขาขี่แข่งกับพันโทสเตฟอร์ดกันแล้ว แม้ว่าจะตามหลังกันอยู่เลยนะคะ"

              "นั้นไม่แปลกหรอกน่ะ เพราะแรนเบร่าสอนเนคเกอร์มาตั้งแต่เด็กแล้ว บวกกับการที่เขามีพวกพีวิลและเจเนลที่มีประสบการณ์ด้วยแล้ว นั้นช่วยได้มากแล้วละ" จูเดทต้าบอก แล้วก็เอาผลประเมินของลิเนียร์ตี้และโฟรซ่ามา "ดูเหมือนว่า ลิเนียร์ตี้เองก็ทำเวลาได้สูสีกับโฟรซ่ากันแล้วสิน่ะ แม้ว่าเธอจะถูกลดพลังลงไปแล้วก็ตามน่ะ"

              โดรารี่บอก "แต่พันโทโฟรน่าเองก็ใช่ย่อยนะคะ หนูคิดว่าอดีตมนุษย์ที่มีแขนขากลนั้นจะว่ายได้ช้าหรือว่ายไม่ได้กันเสียอีกน่ะ"

              "ลูกเคยได้ยินกีฬาคนพิการกันมั้ยละ ต่อให้นักกีฬาไม่สามารถวิ่งหรือทำอะไรได้เหมือนกับคนปกติที่มีแขนขาหรืออวัยวะครบถ้วน แต่ด้วยความมานะพยายามและไม่ย่อท้อ บวกกับมีกำลังใจจากรอบด้านช่วยส่งเสริมด้วยนั้น พวกเขาก็สามารถลงแข่งได้ แม้ว่าจะต้องนั่งรถเข็นหรือมีแขนขาเทียมกันบ้างน่ะ" เพอซิอัสบอก "แล้วลูกให้ทั้งสี่ว่ายในทะเลแล้วหรือยังละ"

              โดรารี่บอก "หนูฝึกพวกเขาตอนเช้าไปแล้วละคะ คุณพ่อ แม้ว่าช่วงนี้มีคลื่นทะเลที่ไม่นิ่งเลยก็ตาม แต่พวกเขาก็พยายามกันไม่น้อย เพราะแน่ใจว่าการแข่งจริงต้องมีปัญหาตรงนี้ขึ้นแน่นอนละคะ"

              "พวกเขาต้องปลอดภัยแน่นอน เพราะว่าฉันเห็นคลอเวฟกับบริคซ์และลูกเรือสแตนด์บายไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา เหมือนเช่นเดียวกับสเปียริทกันนะคะ" จูเดทต้าบอกพลางถอนใจไป "ถึงเธอจะรอดจากการตามล่าของพวกซีรีสตรัลมาตลอด 4-5 วันบนดาวของฝ่ายตรงข้าม โดยไม่มีหยุดพักกันก็จริง นั้นแค่บนบกเอง ในน้ำนั้นเป็นคนละเรื่องสำหรับเธอเลยน่ะ"

              เพอซิอัสบอก "ดีน่ะที่พีวิลมาช่วยไว้ได้ทัน ไม่งั้นแย่แน่ๆเลยละ"

              "แล้วการแข่งจักรยานระยะไกลนั้นละ" จูเดทต้าถาม

              โดรารี่บอก "ช่วงบ่ายนั้นฉันให้พวกเขาแข่งจากเขตป่า ซึ่งทำเส้นทางเอาไว้ แม้ว่านั้นจะลำบากไม่น้อย เพราะตามความเป็นจริงแล้ว เราต้องแข่งบนถนนที่ตัดผ่านเขตป่าเขากันอยู่ แต่เพราะว่าเราไม่มีถนนตัดผ่านจากด้านหลังเมืองไปยังทางเหนือ เลยต้องให้ขี่ผ่านป่าไปเลยนะคะ"

              "ลูกก็น่าจะรู้ดีแล้วนิ ว่าเนคเกอร์และสเตฟอร์ดมีขนาดตัวใหญ่ ซึ่งเขตป่านั้นก็มีบางจุดที่แคบเกินกว่าแมนิเกเตอร์ชายตัวโตจะผ่านไปได้กันน่ะ" จูเดทต้าบอก

               โดรารี่กล่าว "หนูทราบดีแล้วละคะ คุณแม่ อีกอย่างพวกเขาเองก็ให้พวกบรอนเซอรูทกับเจ้าหน้าที่คาเซคาว่ามาช่วยดูด้วยอีกแรง จึงไม่น่ามีปัญหาเลยคะ"

              "พวกบรอนเซอรูทนิ ไปกันหมดเลยหรือ" เพอซิอัสบอก

              โดรารี่บอก "ที่ไปนั้นแค่คุณโมคุโตะ คุณเซเทธ คุณฟันดิวเรค และคุณเลอแชนนะคะ ที่ไม่ได้เอ่ยมานั้นอยู่ฝึกกับพวกบีสทอยด์และสามทหารบื้อกันนะคะ"

              "แม้กระทั่งพวกบาร์ท รีเวอร์เชนจ์ด้วยสิน่ะ" เพอซิอัสกล่าว โดรารี่พยักหน้า ท่านนายพลกล่าว "ดีแล้วละ เพราะว่าผบสส.บาโธโรมิวแจ้งให้ฉันทราบไว้ เกี่ยวกับการฟอร์มทีมแบ็คไซด์คอมแบทฟอสขึ้นมาใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานคู่ขนานกับไทรเวเซอร์ขึ้น โดยเฉพาะกับพวกวูเซียท ที่มีปัญหาเรื่องการป้องกันตัวเองจากอาวุธของพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธกันน่ะ"

              จูเดทต้าบอก "ฉันก็เห็นด้วยนะคะ เพราะว่าการที่พวกเขาเป็นมิวแทนอยด์และเป็นนักสู้ผู้เก่งกาจกันก็จริง แต่การบุกฝ่ากลุ่มศัตรูที่ถือปืนและอาวุธหนักนั้น เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าอย่างมากเลยละคะ"

              "แล้วทางกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวนั้น วางแผนอะไรกับพวกจอมยุทธ์ที่สอนพวกบีสทอยด์นั้นละคะ" โดรารี่บอก

              เพอซิอัสนำแพดมาเปิดดูข้อมูลขึ้นมา "แค่มาตราการที่ช่วยให้พวกเขาป้องกันจากลำแสงและกระสุนอาวุธหนักได้นี้แหละ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ชอบที่ต้องปิดหน้าปิดตาเลยก็ตามน่ะ"

              "เหลืออีก 2 วันก็จะถึงวันแข่งแล้วสิน่ะ" จูเดทต้ากล่าว

              เพอซิอัสพยักหน้า "ดังนั้น วันพรุ่งนี้ก็ต้องซ้อมกันมากขึ้นแล้วละ แม้ว่าทั้งสี่และที่เหลือจะวิ่งอึดบ้างก็ตามน่ะ"

              "เฮ้อ สุดท้ายก็ผ่านการประเมินจากยัยโดรารี่จนได้สิน่า" สเปียริทกล่าว โดยที่เธอนอนตรงโซฟากลางหลังจากที่ฝึกว่ายน้ำมาตลอด 7 วันด้วยกัน

              ไซโคลเนียบอก "แน่ละ เพราะว่าเธอว่ายท่ากรรเชียง ท่ากบและผีเสื้ออยู่แล้ว แม้ว่าท่าสุดท้ายนั้นจะทำน้ำกระจายเยอะเลยก็ตามน่ะ แต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้วละ"

              "แล้วเธอเองคงไม่คิดที่จะใช้เจ็ทบู้ทใต้น้ำกันละสิ" จิลถาม

              ไซโคลเนียกล่าว "ฉันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุฉุกเฉินนะสิ ถึงแม้ว่า ฉันจะสามารถแวกว่ายกลางอากาศได้ก็ตามน่ะ"

              "แต่อย่างน้อย กลุ่มของพวกเราก็มีแค่สี่หน่วยเท่านั้นแหละที่ลงแข่งจริงกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เจเนลกล่าว "แล้วพวกเราจะไปอยู่กลุ่มไหนกันบ้างละ มาสวาร์ทาร์ เพราะตอนนี้เราเหลือเพียง 12 หน่วยกันน่ะ"

              "ก่อนอื่นเลยน่ะ การแข่งไตรกีฬานั้น เริ่มจากจุดสตาร์ทที่หาดโพโดซ่า ว่ายน้ำไปตามเส้นทางทิศตะวันออก 56 กิโลเมตรไปจบลงที่หาดอิชทรัล ซึ่งมีเช็คพอยน์สำหรับการขี่จักรยาน ไปตามเส้นทางถนนหมายเลข 15 จากตัวหาด ผ่านเขตเมืองไปจนถึงเขตป่าทางตอนเหนือด้วยเส้นทาง 52 กิโลเมตร และไปลงท้ายบนหุบเขาวาชัล เพื่อเอาจักรยานไปจอดและเข้าสู่การแข่งวิ่งมาราธอนอีก 54 กิโลเมตร" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ดังนั้น คิฟทรอนอฟจะจู่โจมสามจุดด้วยกัน นั้นคือ จากใต้ท้องทะเล จากถนนข้างทางที่ไม่มีการป้องกันหรือไม่มีหน่วยคุ้มกันประจำ และภายในป่าเขา ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายที่สุดกันด้วยน่ะ"

              จายด์ถาม "แล้วผบ.ฮาซาเดนส่งกองรบไหนมาช่วยคุ้มกันการแข่งละ"

              "ก็มีกองรบที่ 1 ของผบ.ฮาซาเดน กองรบที่ 4 ของผู้การเกรเบค ซึ่งแบ่งกำลังครึ่งหนึ่งลงมาช่วย ในขณะที่อีกครึ่งอยู่เฝ้าที่ดิสก์เวิร์ด รวมถึงกองรบที่ 5 ของผู้การมิลเดีย ซึ่งเธอทำหน้าที่ประสานงานกับทีมงานในการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย" มาสวาร์ทาร์บอก "ตอนนี้ เนคมาดูซัม สเตฟอร์ด ลิเนียร์ตี้และโฟรซ่ากำลังฝึกซ้อมด้วยการฝึกใกล้ๆกับเขตเมืองเพื่อให้ชินกับการแข่งจริงไว้ เลยให้ฉันรับผิดชอบในการเลือกว่าใครจะอยู่กลุ่มไหนกันนะสิ"

              แอบไบออสบอก "นั้นก็ดีแล้วละ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอด้วยน่ะ"

              "แล้วจะให้ใครไปอยู่กลุ่มไหนละคะ" แอนเดรียกล่าว

              มาสวาร์ทาร์บอก "เริ่มจากทีมที่ต้องช่วยหน่วยคุ้มกันทางทะเลในการแข่งว่ายน้ำนั้น คลอเวฟ ฉันให้นายเป็นหัวหน้าหน่วยเลย"

              "ถึงนายไม่บอก ฉันก็รู้อยู่แล้วละน่า แล้วจะให้ใครเป็นลูกทีมกันละ" คลอเวฟบอก

              มาสวาร์ทาร์วิเคราะห์ดู "คิฟทรอนอฟต้องใช้แมนิเกเตอร์ที่ดำน้ำได้เก่งและมีความว่องไวสูง เช่นเดียวกันกับมีพลังความแข็งแกร่งกันอยู่ด้วยแล้ว เพราะหน่วยคุ้มกันไม่ค่อยมีอาวุธหนักติดตัว ดังนั้น...." แล้วก็ชี้มายัง "สเปียริท เจเนล และจายด์ ฉันให้พวกนายสามคนอยู่ทีมของคลอเวฟ โดยให้อยู่บนเรือของหน่วยคุ้มกันไว้น่ะ"

              "เดียวสิวะ ให้ยัยบื้อร่วมทีมแบบนั้น แล้วเกิดยัยนั้นโดนเล่นงานจนตะคริวงาบขึ้นมากันละวะ" คลอเวฟบอก

              จายด์กล่าว "ถ้านายไม่ไปช่วย ฉันก็ลงไปช่วยได้อยู่แล้วละน่า"

              "งั้น ฉันจะระวังไม่ให้พวกศัตรูมันเล่นงานจนร่วงตกน้ำเลยแล้วกันน่ะ" สเปียริทกล่าว

              พีวิลบอก "นั้นก็ดีแล้วละ และอย่าประมาทฝ่ายตรงข้ามกันด้วยน่ะ" และหันมาถาม "แล้วทีมต่อมาล่ะ"

              "พอผู้แข่งขันขึ้นมาที่หาดเพื่อเริ่มแข่งจักรยานกันนั้น คิฟทรอนอฟจะบุกจู่โจมใส่ผู้แข่งขันบนถนนด้วยพาหนะความเร็วสูง รวมถึงการจู่โจมจากฟากฟ้าไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือบนถนนที่ตัดผ่านเขตป่าเข้าไปยังหุบเขากันด้วย ทีมคุ้มกันนั้นถึงมีรถมา แต่คงรับมือกับการบุกมาทั้งภาคพื้นและภาคอากาศไม่ได้แน่ๆ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ทีมนี้ฉันจะคุมเอง ต่อมาก็คือไซโคลเนีย เธอรับมือกับการบุกของฝ่ายตรงข้ามที่บินมาให้ได้ละ"

              ไซโคลเนียกล่าว "เข้าใจแล้วละ"

              "ที่เหลืออีกสองนั้นก็คือ พลัสเชอริท นายรับมือกับศัตรูที่มาด้วยความเร็วสูงบนภาคพื้น ต่อมา แอนเดรีย รับผิดชอบในการป้องกันหน่วยคุ้มกันด้วยโปรเทคชั่นฟิลด์ และเป็นหน่วยพยาบาลด้วย ดังนั้น คุณควรจะระวังตัวไว้ให้มากแล้วกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              แอนเดรียพยักหน้า "ฉันจะช่วยเท่าที่สามารถช่วยได้กันนะคะ"

              "ทีมสุดท้ายก็คือคุ้มกันการแข่งวิ่งมาราธอนในเขตป่าเขา เท่าที่ทราบจากผบ.ฮาซาเดนแจ้งเกี่ยวกับสถานที่นั้น เส้นทางเขตป่าทางตอนเหนือไปยังหุบเขาวาซัลนั้น ค่อนข้างหนาทึบ จึงทำให้ต้องมีการปักเสาไฟสว่างเพื่อชี้ทางให้กับนักวิ่งมิให้วิ่งหลงทิศจนออกนอกเส้นทางไว้ สภาพแวดล้อมที่ว่ามานั้น คือข้อได้เปรียบสำหรับคิฟทรอนอฟที่ต้องการสังหารใครที่เดินหลงหรือเดินตามเส้นทางกันไว้ แม้กระทั่งหน่วยคุ้มกันที่มีตำรวจป่าไม้ประจำดาวประสานงานอยู่ก็ต้องตกเป็นเหยื่อลอบสังหารได้แน่นอน"  พีวิลกล่าว "ฉันจะเป็นหัวหน้าทีมสุดท้ายนี้ โดยที่มีฟิเกซ ซึ่งมีความถนัดในเรื่องป่าทึบเป็นอย่างดี จิล รับผิดชอบในเรื่องใช้พลังจิตตรวจจับจิตสังหารของผู้ปองร้ายเหล่านั้น และสิบเอก คุณมีหน้าที่รับมือกับมือสังหารที่มีขนาดตัวที่ใหญ่เกินพวกเราสามคนรับมือกันได้น่ะ"

              แอบไบออสบอก "เพราะว่าคิฟทรอนอฟอาจจะส่งบุตรของมิทด็อกที่กลายพันธุ์เข้ามาป่วนการแข่งช่วงสุดท้ายเลยสิน่ะ ร้อยเอก" พีวิลพยักหน้า

              "แล้วถ้าเกิดว่า มือสังหารของคิฟทรอนอฟมันเบนเข็มมายังพวกเนคเกอร์กันนิ แล้วพวกเนคเกอร์จะพกอาวุธมาด้วยหรือเปล่าละ" คลอเวฟถาม

              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้าและบอก "เกรงว่าไม่ได้นะสิ กฎการแข่งขันเขาห้ามนักกีฬาพกอุปกรณ์เสริม อย่างยาโด๊ป เครื่องไม้เครื่องมือขนาดเล็กที่เอาไว้ใช้ก่อกวนผู้แข่งขันคนอื่นๆ ซึ่งรวมถึงอาวุธทุกชนิดด้วย ทั้งแบบถือพกพามาหรือติดตัวไว้แต่แรกด้วยน่ะ"

              "อ้าว แบบนี้พวกเนคมาดูซัมไม่โดนเล่นงานเพียงฝ่ายเดียวเลยหรือ เพราะฝ่ายตรงข้ามมันประสงค์ร้ายต่อผู้การเกรเบคกันน่ะ" เจเนลบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "โชคยังดีมาก ที่นายพลไซบัลจ์อนุโลมให้เพราะว่าพวกเราส่วนหนึ่งได้รับมอบหมายให้มาช่วยหน่วยคุ้มกันด้วย และรู้ว่าคิฟทรอนอฟส่งมือป่วนมาเพื่อกำจัดเกรเบคและทำลายการแข่งขันด้วย เพียงแต่ ในระหว่างการแข่ง พวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง เว้นเสียแต่จะส่งใครเข้าไปเป็นผู้ช่วยประจำจุดเช็คพอยน์สองจุดเท่านั้นแหละ"

              "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เพราะการแข่งไตรกีฬาแบบทีมนั้น จะต้องมีผู้ช่วยที่คอยดูแลจักรยานสำหรับแข่งปั่นจักรยานด้วย เพราะเท่าที่ดูมา เคยมีบางทีมแอบไปพังจักรยานของอีกทีมจนพังขึ้นมากันน่ะ" ไซโคลเนียบอก

              จิลกล่าว "และจุดพักเริ่มแข่งวิ่งเองก็ต้องเตรียมเครื่องติดตามและนำทางสำหรับนักวิ่งเอาไว้ เพราะเส้นทางแข่งวิ่ง มันเป็นเขตป่าเขาด้วยน่ะ"

              "แล้วจุดเช็คพอยน์สองจุดนิ สงสัยว่าเราคงจะต้องเลือกแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก

              พีวิลพยักหน้า "ตัวเลือกช่วยรุ่นพี่ทั้งสองกับเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้ อยู่ใกล้ๆแค่นี้เองน่ะ"


              "กลับมาแล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าวและเข้ามาในบ้าน พร้อมกับลิเนียร์ตี้ สเตฟอร์ดและโฟรซ่า ซึ่งกลับมาอย่างเหนื่อยอ่อนไม่น้อย และหันมาถาม "นายกับพีวิลจัดแจงเรื่องทีมช่วยหน่วยคุ้มกันแล้วสิน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้วละ และกำลังรอนายตัดสินใจเรื่องผู้ช่วยในเช็คพอยน์ทั้งสองจุดกันนี้แหละ"

              "แต่ตอนนี้ พวกคุณกลับมาเหนือยๆกัน งั้นรอฉันไปทำกับข้าวก่อนนะคะ" แอนเดรียบอก โดยที่จิลและไซโคลเนียเดินตามไปช่วยด้วย จากนั้นทั้งหมดก็กินข้าวมื้อเย็นกัน และเข้าไปนอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้กันแล้ว

              ทว่า... "ยังไม่นอนเลยหรือ ลิเนียร์ตี้ มีอะไรเกิดขึ้นนะหรือ" เนคมาดูซัมถาม

              "เนคมาดูซัม ทีจริง ฉันอยากจะบอกกับนายตั้งแต่วันที่อยู่ในแคสเซรอน-4 หลังจากที่พวกคุณโฮร่าไปแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสบอกกับนายได้จริงๆเสียทีน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "งั้นหรือ ตอนนี้ก็รีบบอกได้เลย อย่างน้อย จะได้ไม่ต้องมีเรื่องค้างคาใจจนเสียสมาธิในการแข่งไปเลยน่ะ"

              "..........." ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็นิ่งไปพักใหญ่ แล้วก็ "ฟึ่บบบบ" โผเข้าโอบกอดเนคมาดูซัมขึ้นมา "ลิเนียร์ตี้ นี้เธอทำอะไรกันน่ะ มันไม่ดีเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก แต่

              ลิเนียร์ตี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยขึ้นมา "ฉันกลัว ฉันกลัวมากเลยน่ะ เนคมาดูซัม..." ซึ่งเธอเงยหน้าพร้อมกับน้ำตาทั้งสองข้างไว้ "ถึงแม้ฉันจะพยายามทำให้ตัวเองร่าเริงเหมือนไม่รู้สึกเศร้าเสียใจกันก็จริง แต่.....ฉันก็ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกที่ฉันประสบมาและไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับนายดีแล้วละ"

              "....งั้นหรือ ตอนนี้ เธอก็ควรพูดออกมาได้แล้วละ ฉันรับฟังอยู่น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยที่ลิเนียร์ตี้ปล่อยแขนที่โอบกอดเนคมาดูซัมออก พร้อมกับเช็ดน้ำตาทั้งสองข้างออกมา

              "นายรู้ใช่มั้ย ว่าฉันเกือบต้องตายไปแล้วครั้งหนึ่งด้วยน้ำมือของไซมาเทนกันน่ะ คราวนี้ ฉันกลับต้องมาประสบแบบนั้นอีกครั้ง เพียงแค่ ฉันไม่มีใครหลงเหลืออยู่เลย และไม่สามารถร้องรอความช่วยเหลือจากนาย จากทุกคน รวมถึงป้ารัคชูมี่และคุณเทาฟาดิลที่อยู่ข้างนอกกันด้วย ถ้าคุณโฮร่าไม่ได้มาช่วยฉันไว้ละก็ ฉันอาจจะต้องตายโดยที่ฉันยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และคุ้มค่ากันด้วย แถมไปโดยไม่ได้บอกลานายและทุกๆคนเลยน่ะ"

              "แสดงว่า เธอกลัวที่จะต้องตายอย่างว้าเหว่เลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แล้วฉันควรจะทำเช่นไรกันละ ถ้าหากว่าฉันต้องถูกแยกจากพวกนายไปยังที่ไกลแสนไกล จนพวกนายไม่สามารถติดตามไปช่วยฉันได้ ซึ่งนั้นไม่เพียงเปลี่ยนแปลงนายและทุกๆคน แต่ฉันเอง ซึ่งเกือบจะถูกคุณโลเดี่ยมยืมร่างไปใช้เป็นการถาวรแล้ว ก็อาจจะต้องสูญเสียความเป็นตัวตนของฉันเอง และกลายเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวฉันไปเลยน่ะ"

              ส่วนทางด้านสเตฟอร์ดและโฟรซ่านั้น ก็ออกมานั่งโซฟาในห้องโถงกันอยู่

              "ว่าแต่ เราคิดถูกหรือเปล่า ที่แข่งกับเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้กันน่ะ" โฟรซ่าบอก

              สเตฟอร์ดถาม "ทำไมเธอถึงลังเลไปได้กันละ ในเมื่อเราฝึกซ้อมมาถึงขั้นนี้แล้วนิ"

              "มันก็ใช่น่ะ เพราะว่าเราอยากจะรู้ว่าระหว่างคู่เราและคู่ของเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้ คู่ไหนจะเหนือกว่ากันเลยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว "ซึ่งฉันก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเสียเลย นับแต่รู้ว่าลิเนียร์ตี้ว่ายน้ำและขี่จักรยานได้เก่ง แม้จะถูกลดทอนด้านพลังไปส่วนหนึ่งเลยก็ตามน่ะ"

              สเตฟอร์ดกล่าว "เช่นเดียวกันกับเนคมาดูซัมด้วย 3 วันแรกนั้นก็สามารถขี่จักรยานสองล้อได้แล้ว และขี่จนแซงใกล้กับฉันแล้วด้วย ซึ่งนั้นก็ดีแล้วละ ที่เนคมาดูซัมช่วยกระตุ้นให้เราอยากจะแข่งอย่างเป็นจริงเป็นจังเลยน่ะ"

              "นายก็พูดได้นิ เพราะว่านายอึดและมีกล้ามเนื้อเยอะกว่าฉัน ที่มีแขนและขากลเลยน่ะ" โฟรซ่าบ่น

              สเตฟอร์ดกล่าว "ที่พูดมานิ คงจะอิจฉาลิเนียร์ตี้ที่เหนือกว่าเธอมาก จนคิดริษยาขึ้นมาเลยสิน่ะ"

              "จะบ้าหรือ สตีฟ ถ้าฉันเป็นอย่างที่นายว่ามาจริง ฉันคงทำให้คนที่เหมือนน้องสาวที่ตายไปแล้วของฉันเจ็บช้ำน้ำใจกันพอดีนะสิ" โฟรซ่าบอก

              สเตฟอร์ดถาม "น้องสาวที่ตายไปอย่างงั้นนะหรือ"

              "ใช่ เรซซี่ น้องสาวคนเล็กของฉัน เธอเป็นน้องสาวที่เหมือนกับลิเนียร์ตี้มากๆ ตรงที่เป็นคนร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยฉลาดและเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กปกติเลยก็ตาม สำหรับฉันแล้ว เรซซี่คือน้องสาวที่ทำให้ฉันหายเครียดด้วยรอยยิ้มที่มาจากใจจริงกันน่ะ" โฟรซ่ากล่าว โดยนำภาพถ่ายของเธอตอนอายุ 14 กับน้องสาวคนเล็กขึ้นมา "ถ้าเรซซี่ยังอยู่ ปานนี้เธอคงได้กลายเป็นดารานักร้องที่เธอใฝ่ฝันไปนานแล้วละ"

              สเตฟอร์ดกล่าว "แสดงว่าเรซซี่เสียชีวิตเพราะอาการป่วยงั้นสิ"

              "เรซซี่ตายเพราะอุบัติเหตุนะสิ รถโรงเรียนที่เธอโดยสารไปพร้อมกับเพื่อนๆเพื่อไปทัศนาศึกษาที่มองซานมิเชล ถูกรถบรรทุกขับฝ่าไฟแดงและเบรคแตกพุ่งชน เรซซี่กับเพื่อนอีก 8 คนโดนเข้าเต็มๆ แม้จะถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน น้องสาวของฉันก็จากไปก่อนที่หมอจะเข้ามาช่วยไว้น่ะ" โฟรซ่ากล่าวและปิดภาพลง "พ่อกับแม่รู้ดีว่า เรซซี่จะกลับมามีชีวิตต่อได้อีกครั้งแน่นอน เพียงแต่เธออาจจะกลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปด้วย พ่อแม่จำต้องฌาปนกิจร่างของเธอให้ไปสู่สุคติ โดยที่ฉันมาร่วมงานศพเอาก็ตอนวันสุดท้ายนี้แหละ"

              สเตฟอร์ดกล่าว "งั้นแสดงว่าตอนที่เธอขอออกจากห้องเรียนไปดื้อๆ ก็เพราะเหตุนี้สิน่ะ และพอเห็นหน้าและอุปนิสัยของลิเนียร์ตี้ที่ถอดแบบจากเรซซี่ ก็คงจะดีใจไม่น้อยละสิ"

              "เรซซี่ก็เรซซี่ ลิเนียร์ตี้ก็คือลิเนียร์ตี้กันน่ะ แม้ว่าลิเนียร์ตี้จะเป็นภาพสะท้อนของเรซซี่ตอนโตแล้วก็จริง นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเกลียดลิเนียร์ตี้ไม่ลง เพราะนั้นหมายถึงฉันสูญเสียความทรงจำที่มีต่อเรซซี่ไปด้วยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว

              สเตฟอร์ดบอก "เธอลืมไปแล้วหรือ ว่าที่เราท้าเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้มาแข่งนั้น เราไม่ได้หวังเอาชนะกันจริงๆหรอก ก็แค่วัดความสามารถของพวกเขาและของพวกเราด้วยก็เท่านั้นเอง ซึ่งเธอก็คิดเหมือนกับฉันเลยมิใช่หรือ"

              "จะว่าไปก็ใช่น่า ฉันเองก็ท้าลิเนียร์ตี้แข่งก็เพราะอยากจะรู้ว่าลิเนียร์ตี้ที่ถูกผนึกพลังลงไปนั้น จะมีขีดจำกัดทางร่างกายมากหรือน้อยกว่ากัน และวัดดูว่าฉันยังเหนือกว่าเธอหรือตัวฉันเองได้มากน้อยแค่ไหนหรือเปล่าน่ะ" โฟรซ่าบอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "เช่นเดียวกับฉันด้วย ถึงจะไม่ชนะเนคมาดูซัม แค่อยากรู้ถึงขีดจำกัดของฉันเอง เพราะคนที่คิดจะเอาชนะจนต้องใช้ทุกวิธีรวมถึงการโกงด้วยนั้น คือคนที่พ่ายแพ้มาตั้งแต่แรกแล้วน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะไม่ช้าก็เร็ว เดลอาเนี่ยนต้องส่งกองรบที่อันตรายยิ่งกว่า หนักหนาและแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เราเผชิญมาเลยสิน่ะ" โฟรซ่ากล่าว

              สเตฟอร์ดพยักหน้า "เนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้คงจะคิดเช่นนั้นเลยน่ะ เช่นเดียวกับพวกเราด้วยน่ะ"

              "งั้นพวกเราขึ้นไปนอนกันดีกว่าน่ะ เพราะเราต้องออกตอนตีสี่เลยน่ะ" โฟรซ่าบอก

              สเตฟอร์ดเห็นด้วย "และคงไม่ดีแน่ๆ หากฟิเกซหรือพีวิลที่ลงมาหาน้ำดื่มมาเจอเข้าเสียก่อนน่ะ" 


    ต่อช่วงที่ 2
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×