ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 9 ทริปนอกอวกาศของไทรแองเกิ้ล ปัญหาใหม่โดยศัตรูเก่า ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8
      0
      26 ก.ย. 64

              เฟิร์สฮิลล์ เช้าของวันที่ 11 หลังจากการกวาดล้างแก็งค์ริดโอในป่าและหยุดพวกทรอยอาร์กับสเตรดาร์ธไปได้ 10 วันด้วยกัน

              "ไม่อยากจะเชื่อเลยน่า ว่านอกจากพวกคุณบรอนเซอรูทแล้ว พวกคุณบาร์ทเองก็เก่งใช่ย่อยเลยน่ะ" มัลแด็กซ์กล่าว โดยมานั่งโต๊ะม้าหินคุยกับเรปไซท์ ไรแกท เฮเรเค้น แบร็อค เทรอนเร็กซ์ ชาร์เครฟกันด้วย

              ชาร์เครฟบอก "นั้นสิ แต่ละคนก็ฉลาดกว่าที่เราคิดไว้เสียอีกน่า..." แล้วก็เปิดกระป๋องน้ำอัดลมเพื่อยกดื่ม "อย่างช็อปเปอร์นั้น หน้าตาดูแล้วไม่น่าเก่งกาจอะไรมากมายเลยนั้น พอเอาเข้าจริง ดันทำให้เราเจ็บมือไปซะได้น่ะ"

              "ใครจะไปคิดละ ว่าพี่แกฝึกวิชาผิวหนังเหล็กกล้า ที่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งกว่าโครมเมทาเลี่ยมแบบนี้กันนะ" แบร็อคบอก

              ไรแกทกล่าว "ลุงแรมเบจก็อีกคนหนึ่งน่า หน้าตาดูเถื่อนๆ อุปนิสัยก็แทบเหมือนกับลุงคลอเวฟ จนฉันคิดว่าเขาคงไม่ฉลาดแน่ๆ ที่ไหนได้ แกจับพวกเราทุ่มฟาดลงกับพื้นไปหลายทีด้วยกันน่ะ"

              "แถมลุงแกไปฝึกวิชาคนละสำนักกับพวกคุณบรอนเซอรูทกันด้วยแล้ว ไม่แปลกหรอกที่ฉันกับพวกจะโดนน็อกเร็วกันน่ะ" เทรอนเร็กซ์บอก "โดยเฉพาะพี่ของลุงแรมเบจ อย่างลุงรอมมิชนั้น เขาตำหนิฉันเหมือนกับครูมาสวาร์ทาร์กันด้วยน่ะ ว่าพวกเรายังต้องปรับปรุงวิธีการสู้จากการสู้แบบไม่มีหัวคิดกันด้วยน่ะ"

              มัลแด็กซ์บอก "ลุงรอมมิชคงอยากให้นายเลิกสู้แบบลำพองใจก็เท่านั้นเองแหละน่า"

              "ของฉันนั้น เจอกับอาเจ้โรซารี่ ซึ่งดูแล้ว ไม่น่ารู้ว่าฉันล่องหนเข้ามาลอบกัดได้ก็จริง แต่ไม่นึกเลย ว่าเธอจะดูออกและจับฉันทุ่มข้ามหัวไปหลายทีด้วยกันน่ะ" เรปไซท์บอก "อาเจ้แกคงมีตาทิพย์เหมือนกันกับป้าโฟรซ่าเลยละสิ"

              เฮเรเค้นบอก "เปล่าหรอก อาเจ้โรซารี่แกใช้สมาธิรับรู้จากรอบด้านก็เท่านั้นเองแหละ เลยรู้ว่านายเล่นลักไก่กับอาเจ้กันน่ะ"

              "นั้นไม่แปลกหรอก ที่นายเล่นใช้มือยืดยาวทิ้มลงดินขึ้นมา ยังโดนเหยียบมือจนนายร้องจ้ากลั่นป่าไปได้น่ะ" มัลแด็กซ์บอก "คุณบาร์ทเองก็เช่นกัน ถ้าครูมาสวาร์ทาร์เป็นยอดนักดาบที่เกิดและโตจากเกาะญี่ปุ่นกันละก็ คุณบาร์ทก็เป็นมือกระบี่ที่เก่งกาจที่สุดในประเทศจีนกันนี้แหละ"

              แบร็อคบอก "แต่พวกคุณบรอนอยู่บนหุบเขาเหนือเมฆากันมิใช่หรือ ลุงบาร์ทไม่น่ารู้จักกับพวกคุณบรอนกันเลยนิ"

              "ก็นับจากพวกครูพาพวกคุณบรอนลงจากเขาและมาช่วยเรารบกับพวกโอเวอร์เดสนั้น คำเล่าลือของพวกคุณบรอนกระจายไปถึงพวกมิวแทนอยด์ที่อยู่ตามที่ต่างๆในจีนแผ่นดินใหญ่ ต่างก็มาเข้าร่วมรบ เพราะพวกเขาคงได้รับรู้ถึงความเลวที่กองรบของโอเวอร์เดสก่อไว้กันนะสิ" เฮเรเค้นบอก

              ไรแกทถาม "แล้วพวกเขาคงไม่ได้กลายร่างเหมือนกับพวกคุณบรอนเซอรูทเลยสิวะ"

              "พวกบรอนเซอรูทเป็นมิวแทนอยด์ที่ไอ้ไวส์ไมเซลสร้างขึ้นมา แต่โดนป้าไวส์แลงค์พาตัวออกมาและไปส่งที่เขาหอเหนือเมฆากันนะสิ ส่วนพวกคุณบาร์ทนั้น คาดว่าน่าจะเป็นมิวแทนอยด์จากที่อื่น ซึ่งหนีมาหลบซ่อนในจีนกันนี้แหละ" มัลแด็กซ์บอก

              เฮเรเค้นกล่าว "และคงจะเจอเคล็ดวิชาหรือสำนักหมัดมวยที่ดีช่วยฝึกฝนให้เลยสิน่ะ"
              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมอยู่ๆพวกลุงในชุมชนคนจีนถึงได้ดีใจในช่วง 10 กว่าวันที่ผ่านมากันน่ะ" น็อกกี้กล่าว โดยลงมาเพียงคนเดียว "แต่ก็ดีแล้วละ ที่พวกนายได้พวกเขามาเป็นครูกันไว้น่ะ ไม่งั้น คงได้ลำบากพวกครูของพวกนายแน่ๆ"

              ชาร์เครฟกล่าว "นายพูดแบบนี้ คงไม่ได้แปลว่า นายโดนลุงแรมเบจลงโทษเหมือนที่พวกเราโดนกันละสิ"

              "อย่าถามเลยดีกว่าน่า อย่างน้อยก็โดนน้อยกว่าที่พวกนายโดนกันละว้า" น็อกกี้บอก "แล้วพวกนายจะมานั่งนิ่งๆทำไมละ ไม่หาอะไรทำตอนว่างๆเลยหรือ อย่างน้อยพวกนายก็ควรจะหาเงินได้เองน่ะ"

              แบร็อคบอก "ถึงนายไม่บอกเราก็ออกไปทำกันอยู่แล้วละวะ"


              "เอาราเมง 2 ชามไปให้คุณฮิงุเระในซอย 7 โดยเร็วเลย" เจ้าของร้านราเมงในชุมชนญี่ปุ่นส่งกล่องใส่ราเมงให้ชาร์เครฟรับแล้วขี่จักรยานไปส่ง เช่นเดียวกันกับ "อ้อ อย่าเผลอกินซูชิในถาดก่อนไปส่งคุณป้ามายูมิที่อยู่ในตรอกหมายเลข 2 กันด้วยละ" เตือนแฮมชัคและเวลลิทให้เอากล่องใส่ถาดซูชิไปส่ง

              "เรากินพวกเดียวกันได้ซะที่ไหนกันละคะ" เวลลิทบอก

              "เอาปิ่นโตไปส่งตามบ้านที่ให้ไว้กันนี้แหละ และอย่ารีบมากแล้วกันน่ะ" เจ้าของร้านกับข้าวสั่งดิเรนท์ ไลเอิร์ท และวูลเฟลล่าให้เอาปิ่นโตไปส่งตามบ้านต่างๆไว้ ซึ่งไม่ใช่แค่ไปส่งที่ชุมชนแมนิเกเตอร์ไทยอย่างเดียว แต่ไปส่งที่พื้นที่จีนด้วย ซึ่งก็....

              "เฮ้ย ไอ้ตี๋งู โต๊ะโน่นสั่งเย็นตาโฟ 2 เส้นเล็กแห้ง ทำไมถึงเอาของอีกโต๊ะไปส่งกันละ" เจ้าของร้านก๊วยเตี๋ยวตำหนิเฮเรเค้นที่เอาไปส่งผิดโต๊ะ เช่นเดียวกับเรปไซท์ที่เอาชามก๊วยเตี๋ยวออกจากร้าน "เดียวเหอะ อย่าเอาของที่จะเสิร์ฟให้ชั้นลอยออกไปกินได้มั้ยละว้า"

              "นี้ยังไม่เที่ยง ทำไมชามถึงเยอะกันละเนี้ย" บราไทน่าบ่นเพราะต้องมาล้างชามหลังร้าน ซึ่งมีจานชามลงมาอยู่เป็นเนื่องๆ ในเวลาเดียวกันกับ...

              "ขอบใจมากนะ ต้องลำบากเธอกับพวกไม่น้อยเลยน่า" คุณป้าบนอพาร์ตเมนต์เกาหลีกล่าวเมื่อฟลาแน็กซ์บินมาส่งข้าวกล่องที่สั่งไว้จากหน้าต่าง เช่นเดียวกับพวกมัลแด็กซ์ที่รับงานแบบเดียวกัน

              "ขนดีๆหน่อยนะ เพราะเครนยังซ่อมไม่เสร็จกันน่ะ" หัวหน้างานที่ท่าเรือกล่าวโดยที่พวกไรแกทขนคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเรือไป

              ส่วนพวกเทรอนเร็กซ์นั้น "ค่อยๆเอาของสดเข้าห้องเย็น และช่วยจัดวางให้ด้วยละ" ช่วยกันขนลังบรรจุปลาไปไว้ในห้องเย็น

              "ไม่ค่อยชอบเลยที่อยู่ในตู้เย็นขนาดใหญ่กันนะ ลูกพี่" พาลกีสบอก

              เทรอนเร็กซ์บอก "อย่างน้อยเสื้อหนาวที่ขอยืมป้าวิลด้ามาคงจะช่วยได้บ้างน่ะ" แล้วก็รีบเอาของไปไว้ในห้องเย็น ซึ่งมีของสดวางระเกะระกะเต็มไปหมด เลยต้องช่วยกันจัดเก็บโดยเร็ว แน่นอนว่าลูกน้องของบริคซ์แอบจับตาดูอยู่ด้วย

              "พวกนายไม่เหมาะกับงานแบบนี้กันหรอกน่า" แด็กซ์กล่าวโดยเอากาแฟร้อนกระป๋องมาให้พวกเทรอนเร็กซ์ที่เกือบจะแข็งตายกันแล้ว

              "ถ้าไม่ติดว่างานที่นั้นเงินเยอะและมีคนน้อยละก็น่า...." เทรอนเร็กซ์บอก

              "อย่างน้อยก็ช่วยให้นายรู้ว่า งานดีๆเงินเยอะๆ มันต้องออกแรงทำเยอะกว่าที่คิดไว้น่ะ" ไรแกทบอก

              ลพลาทกล่าว "หวังว่าเครนช่วยยกของคงจะซ่อมเสร็จน่า แม้ว่านั้นจะทำให้เราได้เงินน้อยก็ตามน่ะ"

              "เอาเถอะ หวังว่าพวกเฮเรเค้นคงไม่ได้เงินตอบแทนเยอะกันหรอกน่ะ" เทรอนเร็กซ์บ่น แล้วทั้งหมดก็เดินออกจากท่าเรือไป ซึ่งพวกเฮเรเค้นกับพวกฟลาแน็กซ์เดินมาด้วย

              "ถ้าให้เดาน่ะ ห้องเย็นเล่นนายซะแกลบเลยละสิ" เฮเรเค้นบอก

              "หรือ แต่นายคงจะโดนเจ้าของร้านตำหนิเรื่องสั่งอย่างแต่เสิร์ฟอย่างกันอีกละสิ" พาลกีสถากถางกลับ

              ดิเรนท์บอก "พอเถอะน่า แค่พวกเราได้เงินค่าจ้างมาก็ถือว่าเกินพอแล้วละ"


              "งั้นเราไปหาอะไรกินตอนนี้ดีกว่า เพราะเราหิวแล้วน่า" มัลแด็กซ์บอก

              ฟลาแน็กซ์กล่าว "จะว่าอะไรมั้ย หากเราไปที่ร้านโน่นกันละ" แล้วชี้ไปที่ร้านแบนดิทแซนวิช ร้านขายแซนด์วิชและอาหารฟาสท์ฟู๊ดสดใหม่ ซึ่งจัดโต๊ะกินกลางแจ้งกันด้วย

              "เยี่ยม ถ้าเป็นร้านที่ราคาถูกก็พอช่วยได้กันบ้างน่ะ ยิ่งเราได้ค่าจ้างน้อยๆกันอยู่น่ะ" เวลลิทบอก แล้วทั้งหมดก็ไปนั่งบนโต๊ะ

              "รีบเลือกก่อนและสั่งเดียวนี้เลย ก่อนที่เด็กเสิร์ฟจะมากันน่ะ" ดิเรนท์กล่าว

              "แน่ละ เพราะพวกนายมัวแต่มองเด็กเสิร์ฟที่ว่ากันว่าสวยและน่ารักกันด้วย จนไม่มีสมาธิสั่งอาหารกันนะสิ" เวลลิทกล่าว ไม่ทันไรก็มีเด็กเสิร์ฟสาว 2 คนมาพอดี แต่....

              "จะรับอะไรกันดี..." เด็กเสิร์ฟกล่าวและต้องตกใจเพราะ....

              "เฮ้ย นิๆๆๆ นี้ป้าโฟรซ่ากับเจ้ไซโคลเนียนิหว่า" ไลเอิร์ทกล่าว เช่นเดียวกับพวกไทรเมร่า ซึ่งเห็นโฟรซ่าและไซโคลเนียในชุดเด็กเสิร์ฟ ซึ่งเป็นชุดเกาะอกและกระโปรงสั้นแถมหมวกด้วย

              "เออ นี้ป้ากับพวกแอบตามพวกเรามาเลยหรือ" แฮมชัคบอก

              ไซโคลเนียกล่าว "ไม่ได้แอบตามกันสักหน่อยนิ เพราะว่าพวกเราเองก็ทำเหมือนที่พวกเธอทำกันนี้แหละ"

              "เดียวก่อนนะคะ นี้คงไม่ใช่งานพาร์ทไทม์ของพวกคุณงั้นสิคะ" บัลทาฟรีกล่าว

              โฟรซ่าบอก "คิดว่าพวกเราจะใช้เงินเดือนทหารกันอย่างเดียวนะหรือ มันไม่ตลกเลยน่ะ เพราะว่าพวกเราเองก็อยากจะมีเงินพิ่มกันอยู่แล้วละน่า แม้ว่างานพาร์ทไทม์ให้เงินน้อยกว่าที่คิดไว้ แถมต้องมาแต่งตัวแบบนี้กันน่ะ" และหันมาถาม "พวกเธอรีบๆสั่งได้แล้ว เราจะได้ไปโต๊ะอื่นๆบ้าง"

              "นอกจากพวกเจ้สองคนนิ แล้วก็ลุงคลอฟที่มีร้านเหล้าเป็นของตนเองแล้วนิ คงไม่มีคนอื่นๆไปทำงานนอกเวลาเลยสิน่า" เรปไซท์กล่าวพลางกินแซนด์วิชปลากรอบผสมกับผักขมไส้ชีสไปด้วย

              ไซโคลเนียบอก "มีอยู่แล้วละ ลินี่กับจิลไปช่วยแอนเดรียในร้านอาหารที่อยู่ไปอีกชั้นหนึ่งกันนะ" โดยตอนนี้ลิเนียร์ตี้รับออเดอร์ ในขณะที่จิลช่วยเสิร์ฟอาหารด้วยพลังจิต เช่นเดียวกับแอนเดรียที่ทำงานเป็นแม่ครัวกันอยู่ "มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม สเตฟอร์ด และฟิเกซไปช่วยงานในร้านกาแฟที่อยู่ในเขตเมืองส่วนล่างกันน่ะ ซึ่งน่าตกใจมากเลยน่ะ ที่เนคมาดูซัมและฟิเกซเองก็รู้จักสายพันธุ์กาแฟที่มาจากอวกาศกันด้วยน่ะ"

              "จริงดิ ลูกพี่หัวหน้าใหญ่ของเรารู้จักกาปูชี้โต้และเอสโซ่ด้วยหรือ นึกว่าในหัวมีแต่เรื่องกระสุนปืนและมิไซล์เล็กกันน่ะ" แบร็อคกล่าวอย่างไม่เชื่อ

              อิคกรีทบอก "คาปูชิโน่และเอสเปรสโซ่ต่างหากละ อันหลังนั้นมันปั้มน้ำมันแล้วน่า"

              "ฟิเกซก็พอๆกัน นึกว่าคนที่ไม่อยู่กับที่ได้นานเป็นปี ก็รู้จักวิธีทำฟองนมและดีไซน์วาดเป็นรูปเป็นเหมือนกันเลยน่ะ ยิ่งตอนอยู่ในยานอวกาศก็ยังชงเร็วกว่าด้วยน่ะ" โฟรซ่าบอก

              พาแรมบอก "แล้วแฟนป้าก็เอาแต่กินกาแฟเป็นอย่างเดียวละสิ"

              "นอกเหนือจากเรื่องวางระเบิดและเก่งมวยปล้ำแล้ว งานพิเศษตอนอยู่ในกองทัพก็คือพนักงานในร้านกาแฟที่กองบัญชาการกันนะสิ ซึ่งสเตฟอร์ดทำตอนที่เป็นนักเรียนนายทหาร เพราะต้องหาลำไพ่พิเศษไปด้วยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว "และร้านที่ทั้งสี่ไปทำอยู่นั้น เจ้าของร้าน เป็นเพื่อนทหารที่ร่วมรบกับโซเฟียทมาก่อน ซึ่งมาเปิดสาขาแรกกันที่นี้แหละ โดยมารู้เอาก็หลังจากที่กลับมากันได้ 3 วันเลยน่า"

              ไซโคลเนียกล่าว "ส่วนมาสวาร์ทาร์เอง แม้จะรู้ว่ากาแฟไหนต้องชงยังไง แต่....เรื่องชาไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว เพราะรู้และดื่มชาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกมาก่อนน่ะ"

              "นั้นไม่แปลกหรอกคะ ที่บางครั้งครูเขาชงชาสีเขียวบ้าง สีแดงน้ำตาลบ้างนะคะ" ดิเรนท์บอก เพราะเธอสังเกตุมาโดยตลอดแล้ว

              มัลแด็กซ์บอก "แล้วลูกพี่พีวิลและเจ้สเปียริทละ คงไม่มีงานเสริมเลยละสิ"

              "แย่หน่อยนะ ที่ทั้งคู่ก็มีงานเสริมกันนะสิ จากการที่สเปียริท ลืมกระเป๋าตังค์มาจากบ้าน แล้วไปกินข้าวทั้งอย่างงั้นกันน่ะ" ไซโคลเนียกล่าวโดยที่โฟรซ่ารีบไปรับออเดอร์มาจากสองโต๊ะโดยเร็ว

              "แล้วคุณสเปียริทไปกินที่ร้านไหนละคะ" ดิเรนท์กล่าว

              "ไว้ให้เราทำงานเสร็จ เดียวเราจะพาพวกเธอไปดีกว่าน่ะ ขอตัวก่อนละ" ไซโคลเนียบอก และรีบไปทำงาน โดยที่มีสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่ห่างจากพวกเฮเรเค้นไป 2 โต๊ะมองดูอยู่ จนกระทั่งทั้งสองทำงานจบลงตามเวลางานแล้ว เลยพามาที่...

              "อาพาเพลยินยาร์ดไดเนอร์นะหรือ...เดียวสิ นี้มันร้านอาหารที่เขาเล่าลือว่าป้าเจ้าของร้านนี้มีฝีปากที่สามารถสยบคุณโพโบโวโล่ได้เลยนิน่า" วูลเฟลล่ากล่าว

              "เดียวสิ นี้เจ้สเปียริทและลูกพี่พีวิลทำงานให้กับป้าปากไวนั้นนะหรือ...." เรปไซท์บอก

              โฟรซ่ากล่าว "พวกเธอน่าจะรู้กันมาก่อนแล้วนะ ว่าผู้ว่าการคนแรกของเราเป็นคนยังไง แต่กับป้าเจ้าของร้านนี้แล้ว แม้ฉันจะไม่เชื่อในทีแรก แต่พอมาได้เห็นและได้ยินขึ้นมา เลยรู้ว่าที่สเปียริทเล่ามานั้น ไม่ได้อำเล่นแน่นอนนะสิ"

              "มันจะมากไปแล้วนะ ที่เห็นลูกเห็นหลานไม่มีพ่อแม่ แล้วจะใช้ให้เขาทำงานบ้านโดยไม่เลี้ยงดูแทนกันได้น่ะ" เสียงผู้หญิงรุ่นป้าดังมาจากในร้าน ซึ่งกำลังต่อว่าหญิงร่างผอมจมูกยาวที่มากับหญิงอ้วนใส่ชุดกระโปรงสีเทาจนแลดูเหมือนกาน้ำชา โดยบอกไปว่า

              "พวกเราจะทำอย่างงั้นซะอย่างน่ะ แล้วจะทำไม อีปากมากเอ้ย" หญิงผอมจมูกยาวกล่าว

              "ใช่ เด็กนี้จะต้องอยู่กับพวกเรา เพราะว่าพวกเรามีสถานะเป็นผู้ปกครอง ซึ่งเราสามารถทำอะไรก็ได้ ดังนั้น เธอเป็นคนนอก อย่ามาสอดยุ่งเรื่องชาวบ้านกันดีกว่าน่ะ อีอวบระยะสุดท้าย" หญิงร่างอ้วนบอก จนมนุษย์ป้ายั้วะแล้วก็ตวาดใส่ไปว่า

              "พวกเธอสองคนคิดว่ากล้าดีมากใช่มั้ย อี ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" (อนึ่ง ชุดคำด่าดังกล่าวนั้นไม่สามารถพิมพ์หรือเขียนออกมาได้กันจริงๆ เพราะไม่เพียงด่าได้หยาบอย่างรุนแรงจนอีกฝ่ายเจ็บจี้ดมาก คนด่ามีอัตราความเร็วในการด่าที่เร็วและต่อเนื่องกว่าปืนกลหนักถึง 10 เท่าด้วยกัน จนไม่สามารถดึงคำด่าออกมาเขียนได้อย่างชัดเจน) ทำเอาคู่กรณีสองคนนั้นยืนอึ้งอย่างต่อเนื่อง
              "ตะกี้นี้ พวกนายฟังทันหรือเปล่าวะ" ไลเอิร์ทถาม

              เทรอนเร็กซ์ส่ายหน้า "กูยอมรับแล้ววะ ว่าที่ป้าด่ามานิ นอกจากฟังไม่รู้แล้วว่าป้าด่าอะไรไป ป้ายังด่าได้เร็วและต่อเนื่องมากๆเลยวะ"

              "นี้ป้าด่าด้วยพลังที่เหนือกว่าแรปิดเดเตอร์มาโรเดอร์หลายสิบกระบอกรวมกันเลยหรือเนี้ย" เรปไซท์กล่าว

              แฮมชัคบอก "แล้วป้าเอาอะไรหายใจกันละเนี้ย เพราะดูไม่ออกว่าป้าใช้จมูกหรือใช้เงือกหายใจในระหว่างการด่ากันน่ะ"

              "หนอยยยย ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฝากเด็กนี้ไว้เลยแล้วกันน่ะ" ป้าอ้วนสบถก่อนจะรีบวิ่งไป

              ป้าผอมจมูกยาวก็ตามไปด้วย "ไว้ให้เราดัดแปลงให้ด่าตอบกลับไปได้ละก็ เดียวจะกลับมาเลยแล้วกัน" แล้วพูดทิ้งท้ายไปด้วย

              "ถ้าคิดจะมาสู้กับอาพาเพล เดอะเชปป้ากันละก็ ยังเร็วไปแสนปีนะยะ" ป้าอ้วนเจ้าของร้านกล่าว แต่ก็สังเกตุเห็นพวกโฟรซ่าอยู่หน้าร้าน "อ้าว นี้พวกเธอ แอบฟังอยู่ตรงนี้เลยหรือเนี้ย รู้เปล่า พวกเธออยู่ตรงนี้แล้ว โมโหอารมณ์เสียกันจริงๆแล้วละ" โชคยังดี ที่...

              "เออ รุ่นพี่โฟรซ่า พวกเธอ แวะมาหาพวกเรากันนะหรือ" พีวิลกล่าว โดยที่สเปียริทโผล่หน้ามาจากเคาน์เตอร์ร้านไว้

              "โอ้ว นั้นเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเธอกับหนูผิวม่วงอย่างงั้นสิน่ะ" ป้าอาพาเพลกล่าว โดยเรียกสเปียริทว่าหนูผิวม่วง เพราะผิวกายของเธอเป็นเซรามิคูเลี่ยมผสมจิวเวลเลี่ยมซึ่งมีสีม่วงตามสีพลังของเธอ "แล้วก็พวกเธอที่อยู่ข้างหลังด้วย ถึงไม่รู้หรอกน่ะว่าพวกเธอเคยมีบทบาทอะไรในกลุ่มยอดฮีโร่ทั้งสามนี้ แต่ก็รู้ว่า พวกเธอ....ทำตัวน่าโมโหพอๆกันกับผู้ใหญ่อยู่แล้วละน่า"

              โฟรซ่าบอก "แล้ว นี้คุณป้า จ้างพีทและยัยสเปียริทให้มาทำงานชดใช้เงินเลยหรือคะ"

              "ใช่ ตั้งแต่ 2 เดือนก่อนนั้น แม่หนูผิวม่วงนี้มากินสเต็กนกกระจอกเทศตอนมื้อเที่ยง แล้วรีบออกไป ซึ่งฉันคิดว่าเธอต้องมาชักดาบแน่ๆ เลยรีบจัดการเบรคเธอไว้ และให้เธอทำงานในร้านชดใช้ค่าอาหารขึ้นมา ซึ่งพ่อหนุ่มคนนี้ก็โผล่มาและช่วยอธิบายเอาไว้ แม้จะรู้ว่าพ่อหนุ่มนี้กับแม่หนูคนนี้เป็นยอดฮีโร่ แต่....กินแล้วไม่จ่ายก็ต้องทำงานชดใช้กันอยู่ดีนะ" อาพาเพลบอก

              โดยที่ชายวัยกลางคนที่มีความสูงที่เตี้ยกว่าป้านิดหนึ่งกล่าว "ทีแรก แม่หนูคนนี้ทำงานครัวไม่เป็นกันหรือเปล่า เพราะเธอจับมีดมาแทบไม่ถนัดมือไม่ว่า มือเธอแรงจนหั่นเขียงขาดไป ดีน่ะที่ไม่กุดนิ้วขาดจนรวมกับอาหารที่ยกเสิร์ฟกันแล้วนะ" ซึ่งเขาพูดไป มือซ้ายก็ชี้จิ้มพรวดออกไปทุกครั้งด้วย

              "งั้นที่ให้ทำงาน ก็คือค่าเครื่องครัวที่ยัยสเปียริททำเจ็งละสิคะ" โฟรซ่าบอก

              อาพาเพลพยักหน้า "ถ้าไม่ติดว่าแม่หนูทนต่อเตาร้อนๆ หรือแบกจานชามที่เยอะตอนลูกค้าแห่แหนกันมาจนเต็มร้าน แล้วก็พ่อหนุ่มที่วิ่งไวและยกอาหารไปเสิร์ฟแบบสายฟ้าแลบและตรงโต๊ะที่ออเดอร์มาได้ทุกโต๊ะแล้วละก็ พวกเราสองคนคงได้เหนือยมากแน่ๆ" แล้วก็ถอดใจขึ้นมา "แต่ไม่คิดเลยน่า ว่าจะเกือบถูกต่างดาวจับได้กันน่ะ ไม่งั้นคงเสียลูกจ้างมือดีที่เป็นยอดทหารฮีโร่ไปแล้วละ"

              "เออ แม่หนูหัวตั้งนิ สนใจจะมาทำงานด้วยมั้ยละจ๊ะ" ยินยอร์ด สามีของป้าอาพาเพลถาม เลยโดนป้าอ้วน "เปรี้ยง" ตบคว่ำเข้าหลังหัวจนลงไปสลบชั่วขณะหนึ่ง

              โฟรซ่าบอก "เออ คงไม่ได้คะ เพราะไปสมัครงานกับอีกร้านไว้แล้วละคะ"

              "แล้วคงไม่ได้ทำงานกับซานารี่ รัชซีลม่า ที่ทำร้านฝั่งตรงข้ามกับไวท์คลิกเก็ตบูติกกันใช่มั้ยละ" อาพาเพลบอก

              โฟรซ่าส่ายหน้าและตอบไปตามตรง "หนูทำงานให้กับร้านแบนดิทแซนวิชนะคะ"

              "ดีแล้วละจ๊ะที่ไม่ไปทำงานในร้านนั้นน่ะ เพราะร้านนั้นโก่งราคากันเลยน่า" อาพาเพลอ้าง

              สเปียริทบอก "เออ ป้าคะ ลุงคะ เวลางานของหนูและของพีวิลหมดแล้วนะคะ ขอตัวกลับได้มั้ยละ"

              "เชิญเลยจ๊ะ เพราะลูกจ้างช่วงเย็นจะมาจัดการเองนะ" อาพาเพลบอก "ถ้าว่างก็มากินข้าวที่นี้ก็ได้นะจ๊ะ"

              โฟรซ่าบอก "ขอบคุณมากคะ เออ พวกเธอทั้งหมด กลับไปที่พักเดียวนี้เลยละ" แล้วก็สั่งพวกเฮเรเค้นให้กลับที่พักโดยเร็ว 

    TriVESER The Manigator Saga: The Del-Arnian War
    ตอนที่ 9 ทริปนอกอวกาศของไทรแองเกิ้ล ปัญหาใหม่โดยศัตรูเก่า

              ตอนช่วงเย็น ที่เวเซอร์เฮาส์ ช่วง 3 ทุ่ม

              "ช่วยงานครอบครัวโอดิลไปได้ดีเลยสิน่ะ เจเนล" พีวิลกล่าว

              เจเนลบอก "ไม่ค่อยชอบงานซ่อมเครื่องยนต์กันเสียเลยน่า เพราะงานนี้มันของถนัดของจายด์มิใช่หรือ"

              "ถึงฉันจะรู้ว่าจะซ่อมเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ แต่ด้วยบอดี้ของฉันที่ใหญ่ไป จนฉันเผลอทำบางอย่างพังไปเลยก็ได้น่ะ" จายด์บอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "เพราะเหตุนี้แหละ ฉันถึงให้นายไปช่วยจายด์ในฐานะลูกมือกันด้วย อย่างน้อยก็ช่วยทำในส่วนที่จายด์ทำไม่ถึงกันละน่า"

              "แต่อย่างน้อย นายก็ควรมีงานกันบ้างน่ะ เจเนล เผื่อว่าลุงเบติสและป้าวิลด้ากลับไปที่หมู่บ้านนิวมิโรเรี่ยมกันแล้วน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              คลอเวฟบอก "หวังว่า นายคงไม่แย่งลูกค้าประจำที่บาร์ของฉันด้วยกาแฟของนายกับพวกกันเลยดีกว่าน่า"

              "เราจะแย่งลูกค้าของนายไปทำไม ในเมื่อบาร์ของนายเปิดตอน 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มกัน แถมลูกค้าฝั่งนายอยากจะชดแอลกอฮอลล์มากกว่าคาเฟอีนกันด้วยแล้ว ยังไงไม่น่าไปแย่งลูกค้าของนายกันหรอกน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              คลอเวฟได้ฟังก็ตอบ "เออ แค่นั้นก็ถือว่าเกินพอแล้ววะ แม้ว่านั้นจะไม่ได้กำไร แต่ก็ไม่ขาดทุนเป็นใช้ได้ก็เกินพอแล้วละ"

              "เรื่องใครทำงานแล้วได้ผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน มันแค่เป้าหมายรองลงมา แม้ว่านั้นจะเป็นเรื่องหลักๆในแง่ของการเงินของพวกเราเลยก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "เพราะเป้าหมายหลักของเราที่ต้องไปทำงานพาร์ทไทม์นั้น คงรู้ใช่มั้ย ว่าเรื่องอะไรกันน่ะ"

              แอบไบออสบอก "แน่ละ เพราะถึงแม้พวกริดโอมันไม่ข้ามมาที่เมืองนี้กันก็จริง แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งดูดายกันได้หรอกน่ะ"

              "นี้ก็ผ่านไปตั้ง 10 วันแล้วนิ พวกมันคงไม่น่าก่อเรื่องกันได้แล้วมั่ง" เจเนลบอก

              ฟิเกซกล่าว "ต่อให้พวกมันไม่คิดก่อเรื่องในช่วงสิบวันที่ผ่านมา แต่พวกมันมีเครือข่ายที่ขยับขยายได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งไม่ใช่แค่ตามเมืองต่างๆกันอย่างเดียว มันหมายรวมถึงพื้นที่ที่ตำรวจไม่น่าเข้าไปได้ หรือไม่มีใครตรวจพบกันไปได้ เพราะสภาพแวดล้อมเป็นตัวกั้นเอาไว้ด้วยน่ะ"

              "อย่างเช่นในป่าเลนิลเกรดอย่างงั้นสิน่ะ" สเปียริทกล่าว

              ฟิเกซพยักหน้า "ถ้าฐานซ่องสุ่มและคลังแสงเก็บของผิดกฎหมายนั้นอยู่ใต้ดินละก็ การจะตรวจหานั้นก็ยิ่งยาก เพราะพวกริดโอได้เปรียบจากการที่พวกมันเตรียมการสร้างฐานลับหลายๆแห่งมาตลอด 4 เดือนกันไว้ และการที่พวกนั้นสร้างกระจัดกระจายโดยไม่เป็นเครือข่ายเต็มกันนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อมิให้มีการสืบสาวลึกเข้าไปมากกันน่ะ"

              "งั้น การที่เราถล่มรังโจรในป่าเลนิลเกรดก็ไม่ได้หยุดพวกมันได้จริงๆละสิ" จิลบอก

              เนคมาดูซัมตอบ "แต่จากการที่ข่าวได้เปิดเผยว่าพวกริดโอยังอยู่นั้น ตำรวจและทหารตามเมืองต่างๆเข้มงวดในการตรวจจับกันมากขึ้น พวกสมุนโจรในแก็งค์ริดโอที่พยายามจะดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายนั้นจะถูกกดดันให้งานดำเนินการได้ช้าลงในระดับหนึ่ง ซึ่งนั้นจะทำให้หน่วยสืบสวนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของแก็งค์ได้ยิ่งขึ้น แม้จะเสี่ยงกับการที่พวกนั้นถูกบีบให้ต้องใช้กำลังหนักข้อยิ่งขึ้นกันน่ะ"
              "และเมื่อ 8 วันก่อนนั้น กองยานที่ออกเดินทางไปยังเขตอวกาศภาคกลางนั้น ก็ได้เดินทางกลับมาพร้อมกับกองยานบุกเบิกที่อยู่รั้งท้ายกันไว้ รวมถึงลูกเรือที่อยู่ในยานฉุกเฉินกันด้วย การกลับมาของพวกเขานั้นได้ทำให้มีกำลังพลมากพอที่จะช่วยปกป้องดาวดวงนี้กันไว้ได้น่ะ" ฟิเกซบอก

              เจเนลกล่าว "นั้นรวมถึงสถานีอวกาศของพวกแอร์ไพล์มมิสที่สร้างเสร็จกันแล้ว ซึ่งนั้นก็ช่วยให้เราวางใจได้ถึงการปกป้องดาวจากกองยานของพวกเดลอาเนี่ยนได้แล้วละ"

              "แม้ข่าวเหล่านี้จะทำให้เราวางใจได้ก็จริง แต่เรื่องที่เรากำลังทำอยู่นี้ ประเด็นหลักก็คือ เราต่างรู้ว่าพวกเดลอาเนี่ยนส่งสปายแฝงตัวมาอยู่ในกองทัพ เพื่อก่อวินาศกรรมสร้างความปั่นป่วนจากภายใน รวมถึงลอบสังหารเหล่านายทหารคนสำคัญและทำลายบังเกอร์ของพวกออร์เลี่ยนที่เรายังไม่ได้ค้นพบเจอด้วยนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก "ว่าแต่ พวกนายมีใครต้องสงสัยที่โผล่มาในช่วง 10 วันที่ผ่านมากันหรือเปล่าละ"

              ไซโคลเนียยกมือขึ้นก่อน "มีอยู่แล้วละ และเป็นปัญหาคาราคาซังมาจนถึงบัดนี้แหละ ถึงเรื่องมีคนแอบติดตามกันอยู่ตลอดเวลาเลยน่ะ"

              "จริงหรือ ไซโคลเนีย เสืออากาศหลายฉายาอย่างเธอ มีพวกโรคจิตชอบแอบตามมาเลยหรือ" เจเนลกล่าว

              โฟรซ่าบอก "เจมส์ เป้าหมายที่ไล่ตามนั้น ไม่ใช่ไซโคลเนียหรอก แต่เป็นฉันเองแหละ และคนที่ไล่ตามก็มิใช่ชายโรคจิตกันด้วย" แล้วก็บอก "แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาไม่คุ้นกันเลยในช่วง 10 วันที่ผ่านมาเลยน่ะ"

              "หญิงสาวหน้าไม่คุ้นนะหรือ โฟรซ่า...พอจะบอกได้มั้ย ว่าคนๆนั้นเป็นใครกันละ" มาสวาร์ทาร์ถาม

              โฟรซ่ากล่าว "ฉันไม่ค่อยรู้ชื่อเธอหรอกน่ะ แต่...ฉันพอสังเกตุเห็นเธอได้ เธอคนนั้น อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลิเนียร์ตี้และไซโคลเนีย แต่แก่กว่าปีหรือสองปีกันนี้แหละ เธอมีผมสีดำ สีผิวเธอเป็นคนแถบเอเชีย หากแต่เธอสวมหมวกและใส่แว่นกันแดดอยู่ตลอดเวลากันนะสิ"

              "แล้วเธอมีติดตามหญิงคนนั้นกันบ้างหรือเปล่าละ" สเปียริทถาม

              โฟรซ่าตอบ "มี เมื่อ 6 วันก่อนนั้น ฉันออกไปทำงานตามปกติ แต่รู้สึกได้ว่ามีคนแอบติดตาม เลยรีบไล่ตามไป เพื่อที่จะจับให้ได้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ซึ่งฉันไล่ติดตามเธอเข้าซอยไปจนถึงซอยตัน ก็ไม่เห็นเธออยู่แล้ว ซึ่งการที่เธอหายไปทั้งๆที่ซอยตันนั้น เป็นผนังกำแพงอิฐของร้านขายเครื่องแก้วที่อยู่ด้านหลังที่มีความสูงมากๆ แมนิเกเตอร์ธรรมดาที่ไม่ได้รับการฝึกฝนในเชิงโลดโพนโจนทะยานไม่มีทางปีนขึ้นไปอีกฝั่งได้หรอก"

              "เธอคงจะบอกว่า แมนิเกเตอร์หญิงที่ติดตามเธอนั้น เรียนศาสตร์วิชานินจาอย่างงั้นสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              โฟรซ่าบอก "หลังจากนั้นเธอก็โผล่มาเป็นเนื่องๆ ซึ่งฉันพยายามจะเข้าไปใกล้เธอ แต่เธอกลับหายไปเฉยๆ ถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นใครกันละก็น่า...."

              "เมื่อกี้นี้เธอบอกว่า แมนิเกเตอร์หญิงนั้น มีผมสีดำ และเป็นเชื้อสายเอเชียอย่างงั้นสิน่ะ" สเปียริทบอก "ฉันคิดว่าหล่อนน่าจะชื่อ มาริ หรือมารี หรือไงกันนี้แหละ"

              โฟรซ่ากล่าว "ว่าแต่ เธอรู้ชื่อหญิงคนนั้นได้ไงกันละ"

              "รู้สิครับ เพราะว่าในร้านของป้าอาพาเพลที่ผมกับสเปียริทไปทำอยู่นั้น มีลูกค้าคนหนึ่งที่เข้ามากินข้าวเที่ยง เป็นชายหนุ่มผมสกินเฮด ซึ่งมีรอยสักเป็นแถบสีดำ มาในชุดเสื้อสีเขียวขี้ม้า กางเกงยีนสีดำ โดยเขาสั่งอาหารเสร็จนั้น ก็เอามือถือมาคุยกับเพื่อนอยู่น่ะ" พีวิลบอก

              เจเนลกล่าว "คนๆนั้นก็ทำจนเป็นเรื่องปกติก็ได้เลยน่า พีวิล มันไม่น่าเกี่ยวอะไรกับหญิงที่ติดตามเจ้โฟรซ่าไปได้กันน่ะ"

              "เกี่ยวสิ เพราะในวันเดียวกันกับที่รุ่นพี่ถูกติดตามกันนั้น เขามานั่งกินข้าวกันตามปกติ แต่หลังจากนั้นไม่นาน หญิงผมดำที่ใส่ชุดเหมือนที่รุ่นพี่ว่ามานั้น ก็เข้ามาในร้านและมานั่งที่โต๊ะเดียวกับเขาด้วย แน่นอน ว่าทั้งเขาและเธอก็ไม่รู้ว่า ช่วงนั้น ผมกับสเปียริทอยู่ในร้าน โดยที่ผมทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ หลังจากที่จดออเดอร์โต๊ะใกล้ๆ กับโต๊ะพวกเขา ผมได้เซตให้เครื่องบันทึกเสียงปล่อยตัวบันทึกเสียงไปอยู่หลังพนักเก้าอี้ และโดยบันทึกเสียงคำพูดของทั้งสองคนพร้อมแยกเสียงรอบนอกเอาไว้กันนะครับ" พีวิลบอก แล้วก็นำชิปไดร์ฟมาเสียบบนเครื่องอ่านบนโต๊ะรับแขก แอมเบอร์จึงเริ่มต้นเปิดข้อมูลบันทึกเสียงกันไว้

              "โอ้ว มารี นี้มาช้ากันเลยนิ คงไม่ได้บอกว่า เป้าหมายที่เธอแอบติดตามมานั้น ไล่กวดเธอกันแบบกระชั้นชิดสิน่ะ" เสียงชายหนุ่มกล่าว

              "แฮรี่ ใครจะไปคิดละเนี้ย ว่าคุณโฟรซ่าจะมีฝีเท้าที่ไวกว่าที่คิดไว้เสียอีก นึกว่าเป็นสไนเปอร์แล้วจะวิ่งช้ากว่าคนอื่นกันน่ะ" หญิงสาวนามมารีกล่าว แฮรี่บอก "เธออย่าลืมสิ ว่าคุณโฟรซ่ามีแขนขากลของพวกโซลูนาสตี้ ซึ่งทำให้เธอวิ่งและกระโดดได้ไวกว่าเสียอีกน่ะ แม้ว่าวิชานินจาของตระกูลคาเซคาว่าของเธอจะช่วยให้เธอรอดไปได้ก็ตาม"

              "แฮรี่ ไมท์ นายจะบ้าหรือ อย่าพูดชื่อตระกูลของฉันต่อหน้าคนส่วนมากได้มั้ยละ ยิ่งในร้านนี้....มีรุ่นน้องมือโตอยู่ด้วยน่ะ" มารีกล่าว

              แฮรี่กล่าว "วางใจได้น่า มาริ ต่อให้เขาเป็นพลขับเหมือนกับฉัน หากแต่ไม่พาดโพนโลดแล่นมากมายกันก็ตาม ตอนนี้เขาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ คงไม่ได้ระแวงหรือแอบฟังพวกเรากันได้หรอกน่ะ"

              "นายสบายใจกันเกินไปหน่อย ไม่แปลกหรอกที่คุณแทนจะต่อว่านายกันได้เรื่อยๆน่ะ หัวหน้าแดนและคุณเบ็ตตี้ น่าจะตำหนินายกันเสียบ้างน่ะ" มารีตำหนิโดยที่เธอเผยอีกชื่อหนึ่งไว้

              แฮรี่บอก "เอาเถอะน่า อย่างน้อย คุณแทนไม่ออกจากร้านที่เขาหุ้นส่วนอยู่ด้วย จนไปหาเรื่องกับคุณกราดิเอเตอร์มารีนในบาร์ของเขาก็ถือว่าเกินพอแล้วละ ส่วนคุณแดนและคุณเบ็ตตี้เองก็มีงานของเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลกันหรอกน่ะ" แล้วก็ "เออ ขอโทษนะครับ ขอสั่งอาหารหน่อยได้มั้ยละครับ"

              "แล้วหลังจากนั้น ฉันก็จัดการเอาตัวบันทึกเสียงออกจากพนักเก้าอี้ของมารีอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรับออเดอร์ไปตามปกติกันน่ะ" พีวิลกล่าว

              สเปียริทบอก "โล่งอก นึกว่านายเอามือไปทำอะไรกับตัวลูกค้าคนนั้นเสียอีกน่ะ"

              "ไอ้เวรผมลายแถบแสกสามเหลี่ยมนั้นนะหรือ ที่ชื่อไอ้แทนกันน่ะ ไอ้หมอนั้นมันน่าโมโหกันเสียจริงๆ" คลอเวฟบอก

              เนคมาดูซัมถาม "แล้วนายไปหาเรื่องอะไรกับคนชื่อแทนกันน่ะ" 

              "ฉันไม่ได้หาเรื่องมัน มันมาเรื่องฉันด้วยการมาขอไวน์ขาวขวดหนึ่งกันนะสิ เพราะว่ามีลูกค้าขอไวน์มา แต่ไวน์ดันหมดเสียก่อน ทีแรกฉันกะไม่ให้มัน แต่มันมาด้วยอาการร้อนรน บวกกับบริคซ์อยู่ในร้านมองค้อนใส่ด้วยความไม่พอใจ ฉันก็เลยให้มันไปตามที่ขอ โดยหวังว่ามันขอปุ๊บแล้ววันต่อมา มันก็ต้องเอาไวน์มาคืนพร้อมกับค่าไวน์ในวันต่อมาแน่นอน" คลอเวฟบอก "แต่ผ่านไป 3 วัน ไม่เห็นเงาหัวไอ้หมอนั้นโผล่มา ทีแรก ฉันกะจะตามหากันอยู่แล้ว แต่....อยู่ๆ มีแมนิเกเตอร์เกาหลีหน้าไม่คุ้นเดินมาพร้อมกับขวดไวน์เปล่า เอาขวดมาคืนพร้อมกับบอกว่า ขอบใจมากน่ะ สำหรับวัตถุดิบทำไก่ตุ๋นแช่เหล้ากันไว้ แต่ช่วยขออีกสามขวดได้มั้ยละ" ซึ่งพอเล่าไปคลอเวฟกำหมัดทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในทันที

              พีวิลถาม "แล้ว เขาคืนตังค์ด้วยหรือเปล่าละ"

              "กูก็ถามแบบเดียวกับที่นายว่ามากันนี้แหละ แต่ ไอ้หน้าเกาหลีที่ขอไวน์ฝากเพื่อนมันมาบอกไปว่า มันขอมาใช้แต่ไม่ได้มาซื้อ ดังนั้น มันไม่จำเป็นต้องจ่ายแต่อย่างใดเลย และคิดว่าที่นี้มีเหล้าเยอะ ขอสักขวดสองขวดไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลยน่ะ ไอ้เสียหายหรือไม่ แต่กูเสียขวดไวน์และไวน์ในขวดไปไม่ว่า กูเสียฟอร์มเพราะโดนหยามแบบนี้ มันน่าให้กระทืบกันเลยมั้ยละ" คลอเวฟยั้วะจนทุบโซฟาใกล้ๆจนยุบไปส่วนหนึ่ง "เหล้าในร้านกู กูได้แต่ละขวดนิ กูต้องจ่ายไม่ใช่น้อยๆเลยนะเฟ้ย อยู่ๆมาขอฟรีๆแล้วเอาขวดมาคืนกันแบบนี้ นึกหรือ ว่ากูจะยอมให้อภัยกันได้น่ะ"

               สเปียริทบอก "แน่ละ ส่วนหนึ่งเพราะนายมันหวงของกันแล้วนิ เลยโดนแบบนั้นก็สมควรแล้วละ"

              "เออ สเปียริท อย่าซ้ำเติมให้คลอเวฟโกรธไปมากกว่านี้จะดีกว่าน่า" โฟรซ่าบอก แล้วหันมาถาม "ว่าแต่ พลัสเชอริท นายรู้มั้ยว่านายแทนคนนั้น เป็นใครอยู่ที่ไหนในเขตเมืองนี้กันน่ะ"

              พลัสเชอริทบอก "คนที่ยืมไวน์จากฟูลบาร์ไปเมื่อ 6 วันก่อนนั้น คือแทน แกมเบิ้ล ชื่อจริงคือ ปาร์คทันกุน นายทหารลูกครึ่งเกาหลีใต้กับออสเตรีย เข้าร่วมโครงการซุปเปอร์โซลเยอร์ของกองทัพ ภายใต้รหัส แทโซ-16 และเข้าประจำการหลังจากประธานาธิบดีและพวกราว 2 เดือนครึ่ง โดยประสบเหตุเดียวกันกับพวกประธานาธิบดี นั้นคือ ถูกผู้หลักผู้ใหญ่ปรักปรำโยนความผิดที่ไม่ได้ก่อ จนถูกอัปเปหิจากแผ่นดินบ้านเกิดเร็วกว่าพวกประธานาธิบดีหน่อยหนึ่ง หากแต่....แทนเลือกจะสู้กับฝ่ายทหารที่เข้าข้างนายทหารกังฉินกันโดยตรง ด้วยการรวบรวมเพื่อนพ้องที่เห็นต้องกัน เข้าโต้ตอบการไล่จับของเหล่าทหารที่ได้รับคำสั่งหรือเกลี้ยกล่อมพวกที่ลังเลให้ถอนตัวจากยุทธการครั้งนั้น แถมยังรวบรวมเหล่าแมนิเกเตอร์ที่เป็นพวกเกาหลีไปหลบซ่อนในป่าเขากันไว้ และอยู่มานานจนพวกทหารหาตัวกันแทบไม่เจอเลยน่ะ"

              "แล้วประธานาธิบดีโคเคสเจอตัวพวกเขากันได้ไงละ" แอบไบออสถาม เพราะเขาไม่ได้อ่านข้อมูลการปฏิบัติการณ์ส่วนที่นอกเหนือจากที่เขารับทราบมา

              พลัสเชอริทบอก "ผู้การเฮลิคและผู้การเดลิครับรู้ข่าวลือของทันกุนมาโดยตลอดน่ะ ซึ่งหลังจากที่พวกริดิวิเนียนเข้ามาร่วมกับกองกำลังของเรากันได้แล้ว จึงได้ค้นพบฐานที่มั่น โดยที่ผู้การเฮลิคและผู้การเดลิคได้พาพวกส่วนหนึ่งมาพบและพูดคุยกับทันกุน ซึ่งเขายินยอมร่วมมือแต่โดยดี เพราะเขารู้จักชื่อเสียงของฝั่งเรามาไม่น้อย และเพราะทันกุนนี้แหละ จึงทำให้ทางเราค้นพบพวกมิวแทนอยด์ที่หลบซ่อนตามที่ต่างๆและรีบพามาอยู่ด้วยกันนี้แหละ" แล้วก็นำประวัติของทันกุน "แน่นอน ว่าทันกุนเปลี่ยนชื่อแซ่เป็นแทน แกมเบิ้ล โดยเขากับพวกไปอยู่ในกองรบเยลโลว์สตาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพลจู่โจมหลัก เพราะร้อยโทแทนนั้น ไม่เพียงมีขีดความสามารถที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับผู้การบัลโต้ แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนกันอีกด้วยน่ะ"

              "ประมาณว่า เขาคัสตอมอาวุธปืนเพื่อใช้เองและให้ลูกน้องใช้ได้เลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว

              พลัสเชอริทพยักหน้า "แต่ข้อมูลหลังจากนี้ ถือเป็นข้อมูลลับที่มีชั้นความลับระดับสูง โดยที่เราเองไม่มีสิทธิ์รับรู้กันด้วยนะสิ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ เขาอาจจะตกเป็นเป้าหมายลอบสังหารจากฝ่ายศัตรูได้เลยสิน่ะ" พีวิลบอก "แอมเบอร์ พอจะรู้ข้อมูลของแฮรี่ ไมท์กันได้มั้ยละ"

              แอมเบอร์กล่าว "แฮรี่ ไมท์ นามเต็ม แฮริสัน ไมท์ คลินสัน ทหารชั้นสิบเอก เข้ารับใช้กองทัพในช่วงวันเดียวกันกับบรูโน่ บาโธโรมิว และเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์ในรุ่นเดียวกัน หากแต่อยู่สังกัดกองทัพที่เท็กซัส เข้าร่วมเป็นสมาชิกในกองกำลังต่อต้านตามคำแนะนำของบรูโน่และหัวหน้าลูกเรือบริคซ์ มีหน้าที่เป็นพลขับพาหนะและพลส่งของ เคยเป็นนักกีฬามวยสากลและเข้าร่วมการแข่งชกมวยมา 20 ครั้ง มีสถิติการชก ชนะ 14 โดยชนะคะแนน 6 ชนะด้วยน็อกเอาท์ 8 ซึ่งมีการชนะ TKO ถึง 5 ครั้งด้วยกัน ตามด้วยเสมอ 4 แพ้ 2 โดยเป็นการแพ้แบบไม่ยุติธรรมกัน บทบาทในกองทัพนั้น ไม่ทราบแน่ชัด แต่รู้ว่าเคยเข้าร่วมในยุทธการสำคัญๆบนโลกถึง 30 ครั้ง โดยร่วมรบกับบรูโน่และพวกเพียง 12 ครั้งเท่านั้น ข้อมูลอื่นๆ ไม่ระบุอย่างชัดเจนนะคะ"

              "นายแฮรี่ เหมือนกับนายเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เป็นอดีตมนุษย์กันเสียอีกน่ะ" เจเนลบอก

              พีวิลพยักหน้า "สถิตชนะ 14 โดยน็อกคู่ต่อสู้จน TKO ตั้ง 5 ครั้งนั้น คงไม่แปลกหรอกที่ข้อมูลนอกเหนือจากนี้เป็นความลับ เพราะเขามีฝีมือใกล้เคียงกับฉันตอนอยู่ในกองทัพในช่วงแรกๆกันนี้แหละ" ซึ่งพีวิลรู้ดี ว่าแฮรี่ ไมท์ผู้นี้ก็เป็นทหารมีฝีมือเหมือนกัน

              "แอมเบอร์ เมื่อกี้นี้ ทหารหญิงที่ติดตามโฟรซ่านั้น ชื่อมารีใช่มั้ย ช่วยเติมนามสกุลคาเซคาว่าลงไปเพื่อหาข้อมูลให้ได้มั้ยละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              แอมเบอร์พยักหน้า "ทำการตรวจสอบตามที่สั่งไว้แล้ว......." แล้วก็ทำตามจนกระทั่ง "....คาเซคาว่า มาริ เพศหญิงสัญชาติญี่ปุ่น เข้าร่วมในโครงการซุปเปอร์โซลเยอร์ของทางการญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ชิโนบิเกคิดัน เข้าร่วมกับทางเยลโลว์สตาร์ก่อนหน้ายุทธการบุกโฮปป้าสคาโพรนอสเมื่อ 4 เดือนก่อนพร้อมกับสหายร่วมรุ่นที่ติดตามมาถึง 24 คน และเข้าร่วมกับกองทัพในช่วงที่ย้ายฐานมาที่เวลเซน่าในตอนที่โซลูนาสตี้ออกอาละวาด ข้อมูลประวัติความเป็นมา ข้อมูลทักษะการต่อสู้ ข้อมูลขอบข่ายการปฏิบัติงานและการปฏิบัติภารกิจ เป็นความลับเฉพาะ ไม่สามารถเข้าถึงได้หากเจ้าของประวัติไม่อนุญาต"

              "ไม่อนุญาตนะหรือ ยัยนั้นมีอะไรดี ถึงต้องปิดมันซะทุกอย่างกันน่ะ" สเปียริทบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "มาริปิดทุกอย่างไว้ไม่แปลกหรอก เพราะเธอ เป็นนินจาหญิง ที่เป็นบุตรหลานของตระกูลนินจาที่ทำงานภายใต้เงาของรัฐบาลญี่ปุ่นกันนะสิ"

              "นินจานะหรือ...โอ้ว นั้นไม่แปลกแล้วละ ว่าถ้าเธอไม่พลางตัวให้เข้ากับผนังสามมุมก็ต้องโดดสูงข้ามกำแพงไปได้แน่ๆน่ะ" โฟรซ่าบอก

              เนคมาดูซัมถาม "นายคงจะมีองค์ความรู้เกี่ยวกับประเทศของนายมามากพอสมควรเลยน่ะ มาส ช่วยอธิบายเกี่ยวกับตระกูลของมาริผู้นี้จะได้มั้ยละ"

              "ถึงฉันไม่ใช้พลังครอสเซี่ยมเพื่อสืบเสาะถึงเรื่องตระกูลของมาริ ฉันก็รู้จักตระกูลคาเซคาว่ากันอยู่แล้วละน่า" มาสวาร์ทาร์บอก "เพราะตระกูลคาเซคาว่านั้น เป็นตระกูลนินจาที่ก่อตั้งมาในช่วงเวลาที่นินจาฝั่งโคกะ อิกะ และฟูมะโลดแล่นอยู่ในช่วงเซนโคคุตอนปลายกัน โดยตระกูลนี้ เน้นหนักไปที่การต่อสู้ด้วยศาสตร์การต่อสู้ทุกประเภทจากการฝึกสอนของวงศ์ตระกูลที่รับสืบทอดกันมา ซึ่งไม่ใช่แค่นินจาที่ผ่านการฝึกกันอย่างเดียว นินจาหญิงคุโนอิจิที่มาจากตระกูลนี้ ส่วนใหญ่ล้วนทำงานให้กับกองทัพของทางญี่ปุ่นกันทั้งนั้นน่ะ"

              เจเนลบอก "ว้าว แปลว่านินจาพวกนี้มีสกิลการต่อสู้ที่เยี่ยมยุทธ์เอาเรื่องเลยละสิ"

              "แล้วพวกนี้ สามารถเสกกบเสกงูหรือใช้วิชานินจาได้หรือเปล่าละ" ไซโคลเนียบอก

              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "ไอ้ที่นินจาใช้ในการ์ตูนหรือเรื่องแต่งนั้น ไม่มีอยู่ในหลักสูตรของตระกูลคาเซคาว่ากันนะสิ แม้ว่าเวลาที่ผ่านพ้นไป ตั้งแต่ยุคทองแห่งมวลมนุษยชาติปรากฎขึ้น ตระกูลนินจาอื่นๆที่เกิดขึ้นมาสามารถใช้วิชานินจาได้ด้วยเทคโนโลยี่ล้ำหน้าอันทันสมัยก็ตาม แต่ตระกูลคาเซคาว่าก็ยังรักษาทักษะการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมาแต่ว่องไว้และเฉียบขาดกันไว้ เพื่อมิให้มันสูญหายไปตามกาลเวลากันนะสิ" แล้วก็เล่าต่อ "เฉกเช่นเดียวกับการประยุกต์การใช้อาวุธปืน ซึ่งตระกูลนี้ใช้ปืนมาในช่วงที่โอดะ โนบุนากะอิมพอร์ตปืนคาบศิลามาจากต่างชาติในช่วงเซนโกคุมาได้ 3 ปีหลังจากนั้น ปืนที่พวกคาเซคาว่าใช้มักจะเป็นปืนสั้นเสียซะมากกว่า เพราะพกพาได้ง่ายพอๆกันกับชูริเคนและอาวุธลับนินจากันน่ะ"

              "แล้วตระกูลนี้ ก็คงทำงานให้กับทางรัฐบาลญี่ปุ่นกันอย่างงั้นสิ" เจเนลถาม

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ใช่ เพราะถึงแม้ว่าตระกูลนี้รับใช้ตระกูลโทคุคาว่ามาจนเปลี่ยนถ่ายอำนาจมาให้จักรพรรดิ์กันแล้ว พวกเขาก็ยังคอยทำงานให้กับกลุ่มรัฐบาลญี่ปุ่นมาโดยตลอด เว้นแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนี้แหละ ที่พวกเขาไม่ขอเข้าร่วมเพราะไม่อยากจะสูญเสียคนในวงศ์ตระกูลจากสงครามที่ประเทศบ้านเกิดไปร่วมมือกับนาซีเยอรมัน ซึ่งก็เป็นอย่างงั้นจริง หลังจากที่นางาซากิและฮิโรชิม่าถูกถล่มด้วยระเบิดอะตอมมิค ญี่ปุ่นก็แพ้สงคราม ก็มีตระกูลนี้แหละที่ช่วยฟื้นฟูความเสียหายกันไว้ และช่วยงานของทางรัฐบาลอยู่ในเงาหลังฉาก นับแต่นั้นมาจนถึงบัดนี้เองแหละ"

              "งั้นที่นายรู้เรื่องของตระกูลนินจานี้ ส่วนหนึ่งเพราะนายทำงานให้กับรัฐบาลละสิน่ะ แต่ นายเป็นนายทหารฝ่ายวางแผนมิใช่หรือ" พีวิลถาม

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ก่อนหน้าที่ฉันจะไปช่วยงานคุณพ่อที่อังกฤษ ฉันทำงานอยู่ในฝ่ายวางแผน ของกองทัพรัฐบาลบ้านเกิดฝั่งแม่ของฉันมาตลอด 2-3 ปี ซึ่งฉันได้รู้ถึงข้อมูลส่วนมากของรัฐบาล โดยมีข้อมูลของตระกูลคาเซคาว่ารวมอยู่ด้วยนะสิ"

              "แล้วไอ้ชิโนบิคาเกคิดันโปรเจคนิ มันคือโปรเจคแบบไหนกันน่ะ" ฟิเกซบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "มันเป็นโปรเจคของทางรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 โปรเจค ที่นำยอดฝีมือจากทั่วสารทิศมารับการดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์เพื่อรับมือกับภัยคุกคามประเทศ ซึ่งในกรณีนั้นก็คือ กองรบจตุเทพของโอเวอร์เดสกันนี้แหละ ชิโนบิเกคิดัน คือโปรเจคที่รวบรวมนินจาและคุโนอิจิระดับย่อยแต่มีพรสวรรค์และฝีมือดีเยี่ยม มารับการฝึกและการดัดแปลง ซึ่งก็เหมือนกับโครงการซุปเปอร์โซลเยอร์ที่พวกประธานาธิบดีโคเคสทำกันนี้แหละ หากแต่กลุ่มนี้ เน้นหนักไปที่การปฏิบัติการณ์แบบลับสุดยอดสมชื่อกันน่ะ"

              "หมายถึงปฏิบัติการณ์ลอบฆ่าและสังหารตัวแมนิเกเตอร์ระดับเป้งหรือแม้กระทั่งบุกจู่โจมฐานที่มั่นแบบไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามไหวตัวได้เลยสิน่ะ" พลัสเชอริทกล่าว

              โฟรซ่าบอก "แล้วมาริกับเพื่อนๆคงไปก่อเรื่องอะไรจนถูกประเทศแม่ขับไล่เลยสิน่ะ"

              "เรื่องนี้ฉันก็ไม่ทราบกันนะ เพราะนับจากที่ฉันกลายเป็นนักรบของทางครอสตรีม ฉันก็แทบไม่ทราบความเคลื่อนไหวของประเทศแม่มาเลยนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก

              โฟรซ่ากล่าว "แต่นั้นก็บ่งบอกได้แล้วละ ว่ายัยมาริก็เป็นคุโนอิจิที่มีฝีมือแจ่มมากด้วยน่ะ" แล้วก็ถาม "แอมเบอร์ มาริ มีเอ่ยถึงชื่อเบ็ตตี้มาก่อนใช่มั้ย พอจะค้นหาข้อมูลของเบ็ตตี้ได้หรือเปล่าละ"

              "ฉันได้จัดการไปแล้วคะ" แอมเบอร์กล่าวและนำข้อมูลของ "เบธทร้า ลาเกรนัวร์ นายทหารหญิง เชื้อสายโปรตุเกส สังกัดกองทัพป้องกันภัยตนเอง มีประวัติในการร่วมรบกับทหารหน่วยอื่นมาอย่างโชกโชน หนึ่งในหน่วยนั้นคือ การร่วมทีมกับหน่วยที่ 54 มา 4 ครั้งด้วยกัน หากแต่เมื่อ 4 ปีก่อน เธอได้เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยที่ 54 จากการสู้กับพวกครอสตรีม โดยภายหลัง เธอได้รับการคืนชีพจากหมอเซริซ่า ไนติงเกลจนกลายเป็นแมนิเกเตอร์ และเข้าร่วมรบมาจนถึงบัดนี้ ข้อมูลหลังจากนี้คือข้อมูลความลับกันนะคะ"

              โฟรซ่าบอก "เบธทร้า ลาเกรนัวร์ จำได้แล้วละ ยัยหมอทหารเบ็ตตี้จากหน่วย 66 เองหรือเนี้ย นึกว่าเธอจะถูกสับเป็นชิ้นๆเสียอีกน่ะ"

              "โอ้ว ถ้าไม่เห็นภาพ ผมคงลืมไปแล้วละ ว่าเคยร่วมงานกับป้าหมอเบ็ตมาก่อนน่ะ" เจเนลบอก

              จายด์ถาม "แล้วนายพอรู้อะไรเกี่ยวกับคุณเบธทร้ากันละ เจเนล"

              "รู้สิ คุณเบ็ตตี้นั้นเป็นทหารแพทย์สนามจากหน่วย 66 ซึ่งไม่เพียงรับผิดชอบในแนวหลัง แต่เธอออกมาแนวหน้าเพื่อดูแลทหารที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ว่าจะช่วยรักษาคนเจ็บ ไปจนถึงช่วยรบแทนคนที่เจ็บกันไว้ ซึ่งคุณเบ็ตตี้ชื่นชอบการมาอยู่แนวหน้ามากๆจนทำให้หน่วยรบอื่นๆ แม้กระทั่งพวกเราเองต้องเป็นห่วงกันอยู่เรื่อยนะสิ" พีวิลบอก "แต่ไม่คิดเลยว่า คุณเบ็ตตี้จะได้รับการช่วยเหลือจากพวกประธานาธิบดีโคเคสไปเสียได้น่ะ"

              สเตฟอร์ดบอก "แจ่ม เบ็ตตี้ตายแล้วกลายเป็นแมนิเกเตอร์ก่อนหน้าพวกเรากันเลยหรือเนี้ย นั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงกันเสียจริงๆเลยน่ะ"

              "แล้วเธอคงจะทดลองสูตรยาให้กับคนป่วยกันด้วยหรือเปล่าละ" แอบไบออสบอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "อ่า แสดงว่านายเจอหมอเบ็ตตี้กันแล้วสิน่ะ สิบเอกโจเซฟ ว่าแต่ ตอนนี้หมอเบ็ตตี้คงจะอยู่ในสถานอนามัยกันละสิ"

              "แม่นแล้วละ เพราะตอนที่ฉันไปช่วยงานหมอเดเมี่ยนนั้น หมอเบ็ตตี้โผล่มาขอยืมตัวฉันไปลองยาสักหน่อย ดีนะ ที่หมอไม่ได้ทดลองยาปฏิชีวนะสูตรใหม่มา ไม่งั้น ฉันคงได้อ่วมแน่ๆเลยละ" แอบไบออสกล่าวอย่างจริงจัง เพราะโดนมากับตัวแล้ว

              โฟรซ่าบอก "นั้นคงเป็นเพราะยัยหมอเบ็ตตี้คงจะรู้ชื่อเสียงของพวกเรา โดยมีนายรวมอยู่ด้วยแน่ๆเลยละ"

              "พูดถึงหมอเดเมี่ยนแล้วนิ ก็คงหมายรวมถึงคุณเมย์แล้วก็เฟรด มาร์ตินด้วยสิน่ะ" แอบไบออสกล่าว "ตอนนี้ฉันเจอหน้าคุณแดน สามีของคุณเมย์และพ่อของเฟรดแล้วละ"

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "จริงหรือ แอบไบออส แล้วนายเจอตอนไหนละ"

              "เมื่อ 8 วันก่อนนะสิ หลังจากที่โดนเป็นหนูลองยาแก้หอบหืดจากหมอเบ็ตตี้ไปนั้น ฉันก็เจอคุณแดน มาขอโทษหมอเดเมี่ยนในเรื่องที่เฟรดไปขึ้นเสียงกันไว้น่ะ ซึ่งหน้าตาของคุณแดนก็เหมือนกับเฟรดกันนี้แหละ" แอบไบออสบอก

              เนคมาดูซัมถาม "แอมเบอร์ ข้อมูลของแดน มาร์ติน สามารถค้นเจอบ้างมั้ยละ"

              "แดน มาร์ติน นายทหารชาวอเมริกา บ้านเกิดเดิมอยู่แคลิฟลอเนีย เข้าร่วมกองทัพเมื่ออายุ 18 ปี ได้รับการดัดแปลงเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์ในเวลาไล่เลี่ยกับพวกประธานาธิบดีโคเคส และเข้าร่วมในกองกำลังเดียวกัน บทบาทภายในกองทัพนั้น อยู่ช่วยงานของทางเรดมูนมาโดยตลอด ข้อมูลการปฏิบัติภารกิจ เป็นความลับ" แอมเบอร์บอก

              จิลถาม "อีกแล้วหรือ นี้เป็นรายที่ห้าแล้วน่ะ ที่ข้อมูลประวัติส่วนหลังถูกปิดกั้นให้เป็นความลับกันไว้น่ะ"

              "แต่อย่างน้อย นั้นก็ทำให้เรารู้ว่าทั้งห้าที่โผล่มาในเขตเมืองของเราตลอด 10 วันนั้น เป็นพวกเดียวกันกับพวกเรานี้แหละ และคงไม่ได้มีเจตนาแย่ๆให้เราต้องหวั่นเกรงกันไว้น่ะ" พีวิลบอก

              คลอเวฟกล่าว "ภาวนาว่า ทั้งห้าคนคงไม่ใช่ไอ้พวกหน่วยรบวิหคสวมเกราะนั้นหรอกน่ะ โดยเฉพาะกับไอ้แทนด้วยแล้ว ถ้ารู้ว่าหน้ามันอยู่หลังหมวกของตัวใดตัวหนึ่งละก็น่า...."


              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงติดต่อเข้าขัดจังหวะคลอเวฟกันเสียก่อน "สายเข้าจากผบ.บัลโต้และนายพลเพอซิอัสกันนะคะ" แอมเบอร์กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "ต่อสายมาได้เลย แอมเบอร์" แล้วภาพโทรทัศน์จอแบนก็เผยภาพของเพอซิอัส โดยที่มีโฮโลแกรมของบัลโต้ปรากฎอยู่ใกล้ๆ "ว่าแต่ ท่านนายพลและผบ. มีธุระอะไรจะคุยกับพวกเรากันละครับ"

              "พวกนายยังไม่นอนอยู่สิน่ะ ดีเลย ฉันกับท่านนายพลจะแจ้งพวกนายกันสักหน่อยน่ะ" บัลโต้กล่าว และพูดเข้าประเด็นในทันที "ตอนนี้พวกนายรู้ใช่มั้ย ว่าสภาพการณ์ของดาวของพวกเราเป็นเช่นไรกันบ้างน่ะ"

              จายด์บอก "ตอนนี้กองยานส่วนที่ออกเดินทางไปช่วยเหลือกลุ่มผู้บุกเบิกที่ตกค้างหรืออยู่รั้งท้ายก็ได้กลับมากันแล้ว เช่นเดียวกับสถานีอวกาศที่ใช้ปกป้องดาวของเราแล้วเสร็จไปแล้ว"

              "เรื่องเหล่านั้น ถึงไม่พูด พวกเธอเองก็คงจะทราบแล้ว พอๆกันกับเรื่องพวกริดโอสิน่ะ" เพอซิอัสบอก "และพวกเธอน่าจะรู้กันใช่มั้ย ว่าสภาพการณ์เช่นนี้ พวกเธอสามารถทำอะไรได้กันบ้างน่ะ"

              พีวิลถาม "ท่านคงไม่ได้หมายความว่า พวกเราสามารถออกจากระบบดาวโดยไม่ต้องกังวลกันเลยสิครับ"

              "นั้นเป็นข่าวดีที่พวกเรามาแจ้งไว้กันนี้แหละ" บัลโต้บอก พวกไทรเวเซอร์ทั้งหมดได้ฟังก็ถึงกับดีใจไม่น้อย

              คลอเวฟบอก "มันต้องอย่างงั้นสิ ผบ.บัลโต้ เท่านี้พวกเราก็สามารถนำยานอวกาศออกนอกระบบดาวของพวกเราไปยังระบบดาวอื่นกันได้แล้วละ"

              "ใช่ พวกเธอออกไปยังระบบดาวอื่นได้ แต่....ถ้าให้พวกเธอออกไปทำซ่ากับพวกเดลอาเนี่ยนละก็ ทางเราไม่อนุญาตกันนี้แหละ" เพอซิอัสพูดขัดขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้คลอเวฟหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา

              เนคมาดูซัมบอก "แสดงว่าพวกเรายังไม่สามารถนำยานออกไปจู่โจมพวกเดลอาเนี่ยนกันอย่างงั้นสิครับ"

              "แน่นอน เพราะพวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนกันเลย ซึ่ง...ถึงพวกเธอมีความจำเป็นหรือไม่ก็ตาม ถ้ายานของพวกเธอไปโผล่ในระบบดาวของพวกนั้นขึ้นมา ก็เท่ากับว่าพวกเธอมีโทษฐานบุกรุกเขตอวกาศในทันที แน่นอน ว่าการที่พวกเธอโจมตียานอวกาศของฝ่ายนั้น ถ้าเป็นยานรบก็ถือว่าพวกเธอป้องกันตัว แต่ถ้าเป็นยานพาณิชย์หรือยานโดยสารกัน โทษที่พวกเธอได้รับจะเพิ่มขึ้นมาด้วย" เพอซิอัสกล่าว "ซึ่งนั้นไม่ใช่แค่ประธานาธิบดีและพวกเราจะไม่พอใจ แต่...มันหมายรวมถึงเพื่อนเธอที่อยู่ในการควบคุมของพวกดาวฤกษ์กันด้วยน่ะ"

              พีวิลบอก "แปลว่าตอนนี้ ขอบเขตนอกระบบดาวของพวกเราก็แค่เขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศละสิครับ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละ ตั้งแต่ระบบดาวเจเนซิลที่มีดาวแรซัลก้าและดาวเมลลอท-4 ตั้งอยู่ มาจนถึงระบบดาวใกล้เคียงกับระบบดาวของพวกเรากันนี้ คือขอบเขตที่พวกนายสามารถเดินทางไปได้กันน่ะ" บัลโต้กล่าว "แม้ว่ายานไทรแองเกิ้ลของพวกนายเป็นยานอวกาศที่เก่าแก่แต่เทคโนโลยี่ล้ำหน้าทันสมัยกันอยู่ พวกนายคงไม่จำกัดขอบเขตการใช้งานของมันแค่ดาวดวงนี้อย่างเดียวกันหรอกน่ะ"

              ไซโคลเนียบอก "แปลว่าพวกเราจะนำยานเพื่อทดสอบบินในอวกาศอย่างงั้นสิคะ"

              "ใช่ ซึ่งไม่ใช่แค่ทดสอบการบินระหว่างดาวหนึ่งไปอีกดาวหนึ่ง แต่ยังหมายรวมไปถึงการทดสอบระบบขับเคลื่อนความเร็วเหนือแสง การทะยานออกสู่อวกาศ การฝ่าชั้นบรรยากาศเข้าสู่ดวงดาว ทดสอบระบบยั่งชีพภายในยาน รวมถึงทดสอบการปฏิบัติการณ์ภายนอกยานกันไว้ด้วยน่ะ" เพอซิอัสกล่าว

              มาสวาร์ทาร์บอก "รวมถึงการปฏิบัติการณ์ในสภาพไร้แรงดึงดูด แล้วก็การนำโมบิลลอยด์ออกปฏิบัติการณ์ในอวกาศด้วยสินะครับ"

              "ถูกต้อง และหวังว่าการนำยานออกนอกระดับดาวนั้นคงจะไม่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับดาวอื่นๆกันบ้างน่ะ" เพอซิอัสบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "เรื่องนั้นพวกเราจะระมัดระวังอย่างเต็มที่กันนะครับ"

              "ขอให้มันเป็นอย่างที่เธอพูดมาเถอะน่ะ เนคเกอร์" เพอซิอัสกล่าว "อ้อ เกือบลืมไปน่ะ มีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่พวกเธอจะต้องทำในช่วงที่นำไทรแองเกิ้ลออกบินนอกเขตดาวของเราไว้ด้วยน่ะ ซึ่งผบ.บาโธโรมิวจะอธิบายเอง"

              บัลโต้พยักหน้า "พวกนายคง ไม่ได้ลืมนายพลฮาซาเดนและเหล่าพี่น้องทิลเทอแรน รวมถึงกองกำลังฝ่ายสมาพันธ์อวกาศกันเลยสิน่ะ"

              "พวกเรายังไม่ลืมแน่นอนนะครับ ผบ.บัลโต้ ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานั้น เราต่างได้ยินข่าวของพวกเขาอยู่เป็นระยะๆกันนะครับ" พีวิลกล่าว

              บัลโต้พูดเข้าเรื่อง "เช่นเดียวกันกับผู้นำเฮนรี่ ไนท์ด้วย ท่านผู้นำได้คุยกับท่านประธานาธิบดี ในช่วงที่ระบบดาวของเราถูกพวกเดลอาเนี่ยนบุกขึ้นมา ซึ่งท่านประธานาธิบดีเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แม้กระทั่งเรื่องที่พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธรังควานและแทรกซึมเข้ามาในดาวของเรากันด้วย ซึ่ง....ผู้นำเฮนรี่ก็รู้ ว่าพวกแมนิเกเตอร์ที่มาจากสเตรดัสท์เซคเตอร์นั้น เพ่งเล็งเป้าหมายมาที่ระบบดาวของเรา เช่นเดียวกันกับการบุกจู่โจมฐานทัพและเขตดาวของฝ่ายมนุษย์ที่ไปตั้งรกรากบนดาวดวงใหม่ หลังจากที่พวกเขาสูญเสียบ้านเกิดเดิมที่ถูกแพททริคถวายให้กับไซมาเทนไป แน่นอนว่า พวกทรอยอาร์เองก็เคลื่อนไหวกันด้วยเช่นกัน...."

              "นี้แสดงว่า นอกจากจะบุกดาวของเรา ทั้งพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธ คิดจะจู่โจมระบบดาวของทางสมาพันธ์อวกาศกันด้วยละสิ" สเตฟอร์ดบอก

               บัลโต้พยักหน้า "แถมเราต่างรู้ดี ว่าแก็งค์กริเดี้ยนโร็คของเจ้าคามาลตัสนั้น อาจจะกลับมาได้ทุกเมื่อแน่นอน ดังนั้น การไปที่ดิสก์เวิร์ดในครั้งนี้ ไม่เพียงรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับทางประธานสภาบาแลมโซ่กันอย่างเดียว แต่....พวกนายควรจะให้ความร่วมมือกับกองรบของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ในปฏิบัติการณ์ที่อาจจะเริ่มขึ้นได้อีกด้วย" แล้วก็จิบน้ำก่อนจะพูดต่อไปว่า "ดังนั้น ในฐานะที่พวกนายเป็นกองกำลังหัวหอกที่ผ่านการรีบู๊ทขึ้นเองนั้น คงจะรู้แล้วน่ะ ว่าพวกนายจะทำตัวกันยังไงน่ะ"

              "รู้อยู่แล้วละ อย่างน้อยถ้าไอ้เด็กเวรแลมบาร์ทไม่เผลอเหยียบนายพลฮาซาเดนกันซะก่อนน่า" คลอเวฟบอก

              เพอซิอัสกล่าว "แต่ การที่พวกไทรเมร่าออกมาจากดาวเมลลอท-4 นั้นอาจจะทำให้กองกำลังฝ่ายสมาพันธ์รู้ได้แน่นอน ว่าพวกเธอใช้วิธีลักไก่พาพวกเขาออกมาจากดาว โดยที่พวกเขาไม่รู้ ดังนั้น ฉันจึงแนะนำให้พวกเธอเดินทางไปที่ระบบดาวเจเนซิล เพื่อกลับไปเอาบางอย่างที่ขาดเหลือและไม่ได้นำเข้าผ่านประตูมิติจากที่โน่นมาก่อนจะไปดิสก์เวิร์ด อย่างน้อย น่าจะช่วยให้มีข้ออ้างกับทางนั้นได้บ้าง แม้ว่านั้นไม่อาจปิดบังซีคเทมพลาร์ของเอสเซคาร่าซารีทิสก็ตามน่ะ"

              "เออ ท่านนายพลครับ ซีคเทมพลาร์แอสเทลน่าไม่โผล่มาตลอด 4 เดือนเต็ม จากการที่เธอไว้ทุกข์ให้กับท่านซารีทิสนะครับ" เนคมาดูซัมกล่าว

              บัลโต้บอก "ซีคเทมพลาร์ไม่ได้ไว้ทุกข์กันแล้วละ เนคมาดูซัม ผู้นำเฮนรี่บอกมา ว่าตอนนี้ ประมุขคัลทานิส แต่งตั้งเธอให้เป็นหัวหน้าพัสดีเรือนจำเคลื่อนที่กันแล้ว ซึ่ง....เธอรับผิดชอบดูแลสหายเบย์แทนด์กันแล้วนะสิ"

              "จริงหรือครับ ผบ.บัลโต้ แปลว่าเบย์แทนด์ในตอนนี้ก็คงจะ...." พีวิลกล่าวอย่างดีใจไม่น้อย

              บัลโต้พยักหน้า "นับจากที่ฉันทราบมาว่าเบย์แทนด์ถูกย้ายไปอยู่ทัณฑ์สถานที่ขังแต่พวกโหดๆไว้ เลยกลัวว่าจะไปได้รอดมั้ย เพราะต่อให้มีปัญญาติดมือมา ก็คงเอาตัวไม่รอดแน่ๆ ถึงแม้ว่าจะมีผู้คุมเป็นชาวดาวฤกษ์กันก็ตามน่ะ" แล้วก็แจ้งบอกไปว่า "ดังนั้น ฉันอยากจะให้พวกนายแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเฮเรเค้น รวมถึงฟูลออเรสและเมดิน่าถึงเรื่องการเดินทางออกจากดาวของเรากันด้วยน่ะ"

              "แล้วจะให้ออกเดินทางกันเมื่อไหร่ละคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              เพอซิอัสกล่าว "เกรงว่าพรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้า พวกเธอต้องสตาร์ทยานออกจากดาวดวงนี้กันแล้วละ เพราะ เจ้าหน้าที่แอร์ไพล์มมิสจะทำหน้าที่ขนส่งเสบียงที่จำเป็นจากแคสเซรอน-4 ไปให้ ซึ่งฉันหวังว่าพวกเธอคงจะไม่ไปสายกันหรอกน่ะ" แล้วก็บอก "ดังนั้น หวังว่าการเดินทางของพวกเธอคงจะไม่ติดขัดอะไรกันแล้วละ เลิกการติดต่อ"


              "เป็นเรื่องจริงนะหรือครับ ที่ว่าพวกเราจะได้เจอกับรุ่นพี่เบย์แทนด์กันน่ะ" ฟูลออเรสกล่าวอย่างดีใจไม่น้อย พีวิลพยักหน้า

              เมดิน่าบอก "แล้วตอนนี้ รุ่นพี่อยู่ในเรือนจำที่ดาวดวงไหนละคะ"

              "เรือนจำที่เบย์แทนด์อยู่ด้วยนั้น เป็นยานอวกาศขนาดใหญ่ ซึ่ง...คนที่คุมนั้น...คือซีคเทมพลาร์แอสเทลน่ากันนะสิ" เจเนลกล่าว

              มิลด์บอก "คุณแอสเทลน่านะหรือคะ เฮ้อ ดีแล้วละคะ ที่เป็นคุณแอสเทลน่ากันน่ะ"

              "เออ ว่าแต่ คนที่ชื่อซีคเทมพลาร์แอสเทลน่านิ เป็นคนแบบไหนกันหรือ ถึงได้วางใจกันได้น่ะ" เมดิน่าถาม

              ไกซ์บอก "คุณแอสเทลน่าน่ะ เป็นนักรบลูกครึ่งมนุษย์กับชาวแอตทาเวี่ยน เธอเป็นลูกน้องมือขวาของเอสเซคาร่าซารีทิส ยอดนักรบตัวแทนของชนเผ่าดาวฤกษ์ หนึ่งในยอดนักรบของกองยานแพลตตินั่มอามาด้าอันเกรียงไกรของชาวดาวฤกษ์ แม้ว่าเธอจะดุดัน เย็นชา ไร้อารมณ์และไม่ชอบเข้าสังคมกับใครได้ แต่กับพวกเราและพวกลูกพี่นั้น คือหนึ่งสหายที่พวกเราพอไว้ใจได้กันนี้แหละ"

              "แล้วซีคเทมพลาร์นิ เป็นตำแหน่งเหมือนกับเอสเซคาร่ากันนะหรือ" ฟูลออเรสบอก

              พีวิลบอก "เอสเซคาร่าเป็นตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของชาวดาวฤกษ์ ส่วนตำแหน่งซีคเทมพลาร์นั้น เป็นสถานะนักรบที่โดดเด่นในการติดตามและไล่ล่าเป้าหมาย เป็นสถานะสูงสุดและเหมาะสมกับแอสเทลน่ากันอยู่แล้วละ"

              "แต่คุณบอกว่า คุณแอสเทลน่าเป็นลูกครึ่งกับมนุษย์นิ ใครเป็นผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์กันละคะ" เมดิน่าถาม

              วิลด้าบอก "แอสเทลน่าเป็นลูกสาวนอกสมรสของ....นายพลโทมาส ฮาซาเดน ทิลเทอแรน ผู้นำวงศ์ตระกูลทิลเทอแรนคนปัจจุบันและผู้บังคับบัญชากองทหารฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ ซึ่ง....พวกเธอสองคนน่าจะทราบดีแล้ว ว่าเขามีสถานะอะไรที่นอกเหนือจากที่ว่ามากันน่ะ"

              "นี้แปลว่า คุณแอสเทลน่ามีส่วนหนึ่งเป็นแมนิเกเตอร์ตามผู้การ เออ ท่านนายพลฮาซาเดนอย่างงั้นนะหรือครับ" ฟูลออเรสบอก

              เบติสกล่าว "ดังนั้น สำหรับพวกเรา แอสเทลน่าก็คือสหายร่วมเผ่าของพวกเรากันด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบในส่วนที่เธอสืบทอดจากนายพลฮาซาเดนมา แต่...นั้นก็โชคดีมากแล้ว สำหรับเบย์แทนด์ที่มีคนที่เราไว้ใจคอยดูแลกันไว้น่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ดังนั้น พวกเธอจะมานอนดึกไม่ได้กันแล้วนะ เพราะเราต้องออกแต่เช้า"

              "แล้วเราต้องเอาอะไรไปด้วยมั้ยละคะ" เมดิน่าบอก

              วิลด้ากล่าว "นอกจากเสื้อผ้าและเครื่องใช้สอยทั่วไปแล้ว แพดและแลบท็อปเอาไปเท่าที่จะใช้ได้เท่านั้น ที่สำคัญ อย่าพกอะไรเกินจำเป็นเสียละ"

              ในขณะนั้นเอง ที่บ้านของครอบครัวมาร์ติน

              "เฟรด พ่อทราบมาว่า ลูกเจอกับเพื่อนใหม่ๆกันแล้วนิ ลูกคิดว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้างละ" แดนถาม

              เฟรดกล่าว "นอกเหนือจากนาเดียแล้ว เกือบทุกคนที่ผมเจอ ล้วนมาจากกองทัพกันทั้งนั้น ทั้งๆที่ผมอยากได้เพื่อนที่ดูปกติกันแล้วน่ะ"

              "ทำไงได้กันละ เฟรด ทั้งลูกและพ่อ รวมถึงแม่เอง เป็นแมนิเกเตอร์กันน่ะ ดังนั้น ทุกๆคนที่อยู่ในเมืองนี้ แม้หน้าตาไม่ปกติหรือมีบางอย่างเพิ่มนั้นโผล่นี้ ล้วนก็เป็นแมนิเกเตอร์เหมือนกันนี้แหละ" แดนกล่าว "แล้วลูกคิดที่จะออกเดินทางไปอวกาศหรือเดินทางไปดาวดวงไหนกันหรือเปล่าละ"

               เฟรดบอก "ถ้าออกไปแล้วเจ็บตัวเหมือนกับพ่อ จนทำให้แม่เป็นห่วงแล้วล้มป่วยละก็ ผมไม่เอาดีกว่าน่ะ"

              "เฟรด พ่อเข้าใจดีน่ะ ถึงความเป็นห่วงของลูกที่มีต่อพ่อและแม่กันน่ะ" แดนบอก แล้วก็เงยหน้ามองดูพระจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน "แต่....ลูกจะมาจับเจ่าอยู่ที่เมืองนี้โดยไม่ออกไปดูโลกภายนอกกันไม่ได้เป็นอันขาดเลยน่ะ ถึงแม้ว่าโลกภายนอกไม่ว่าจะนอกเมืองนี้หรือนอกดาวดวงนี้ จะมีอันตรายมากแค่ไหน ลูกผู้ชายอย่างลูกและพ่อเอง ก็ต้องรู้จักเสี่ยงอันตรายและเลือกที่จะเจ็บตัวเพื่อคนอื่นกันอยู่แล้วน่ะ"

              เฟรดบอก "เหมือนที่พ่อชอบทำกันเป็นประจำเลยหรือ พ่อกลับมาบ้านพร้อมกับชุดที่โชกเลือดมาตั้งหลายครั้งแบบนั้น ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ดีกันเลยน่ะ ว่าพ่ออาจจะตายได้ ต่อให้พ่อ เป็นยอดทหารเหมือนกับพวกประธานาธิบดีกันน่ะ"

              "แย่หน่อยนะ ที่พ่อต้องทำเช่นนั้นจริงๆน่ะ เฟรด ซึ่งลูกก็ต้องรู้สึกเหมือนที่พ่อรู้สึกอย่างแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่งนี้แหละ" แดนกล่าว

              เฟรดส่ายหน้า "คงยากน่ะ เพราะผมคงไม่มีทางเป็นทหารกันได้หรอก ยิ่งให้เป็นเหมือนพวกเพื่อนๆหมอเดเมี่ยนด้วยแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้อยู่นั้นแหละ พ่อ"

              "แล้วถ้าเกิดวันนั้นมาถึงขึ้นมาละ เฟรด ถึงตอนนั้น ลูกหนีชาตะกรรมนั้นไปไม่พ้นหรอก" แดนถามกลับ

              เฟรดตอบ "ผมว่า พ่อกลับไปนอนจะดีกว่านะครับ เพราะว่าพ่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้วน่ะ" แล้วก็เดินเข้าห้องไป ซึ่งแดนได้ฟังก็คิดในใจไปว่า

              "เฟรด พ่อรู้ดี ว่าถึงลูกไม่อยากออกไปจากดาวดวงนี้ แต่ไม่วันใดวันหนึ่ง ที่ลูกกับพวกถูกปองร้ายจนออกนอกดาวไปได้แล้ว พ่อหวังว่าถึงตอนนั้น ลูกคงจะยอมรับในสิ่งที่พ่อทำเอาไว้ ถึงแม้ว่านั้นจะเป็นเรื่องที่อันตรายเอาเรื่องจนทำให้ลูกและแม่เป็นห่วงกันก็ตาม....นั้นเป็นสิ่งที่พ่อตัดสินใจกันไว้แล้วละ"

              แล้วหลังจากนั้น เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเช้าของวันต่อมา

              "เอ็กอี้ เอ็กเอ็กกกก" ไก่ขันร้องปลุกทุกคนในเขตชุมชนแมนิเกเตอร์ชาวไทยกัน ซึ่งทุกคนก็ออกมาทำกิจกรรมกันตามปกติ เพียงแต่ว่า "ครืดดดดด ตรึง ตรึงๆๆๆๆ" ฐานด้านหน้าอู่จอดยานไทรแองเกิ้ลได้เลื่อนออกไปยังทะเล โดยเลื่อนออกเป็นทางลาดที่ยาวไกลมากๆ

              "คราวนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ เฟรด" นาเดียกล่าวโดยที่เธอมองเห็นลานด้านหน้าอู่จอดยานไทรแองเกิ้ลยื่นออกไป

              เฟรดบอก "สงสัยว่าพวกเขาจะออกไปปฏิบัติภารกิจกันอีกละสิเนี้ย"

              "เปล่าเลย เฟรด นาเดีย ยานไทรแองเกิ้ลจะทะยานออกไปนอกดาวกันแล้วนะสิ" คีธบอก

              นาเดียกล่าว "ออกไปนอกดาวนะหรือ แต่พวกเขาคงไม่ได้คิดเอายานบินหนีไปเลยสิน่ะ"

              "ไม่หรอก เท่าที่รู้มาน่ะ ว่าตอนนี้กองยานส่วนที่ออกเดินทางไปยังเขตอวกาศทางตอนกลางได้กลับมาตั้งหลายวันแล้ว แถมมีสถานีอวกาศที่ตั้งอยู่นอกดาวด้วยแล้ว พวกไทรเวเซอร์จึงได้รับอนุญาตให้นำยานออกนอกระบบดาวกันแล้วนะสิ" คีธเล่า

              เฟรดบอก "นั้นดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่แค่ปกป้องดาวดวงนี้กันอย่างเดียวสิน่ะ"

              "โอเค คลอเวฟ หวังว่า 4 เดือนที่ผ่านมา นายคงจะไม่ลืมว่าจะนำยานขึ้นและแล่นลงกันยังไงน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              คลอเวฟบอก "วางใจได้น่า เพราะต่อให้เปลี่ยนเป็นยานลำใหม่ ฉันก็ไม่ลืมวิธีการขับยานกันไปได้หรอกน่ะ"

              "ขอให้มันจริงเถอะน่ะ" สเปียริทกล่าว โดยที่เพอซิอัสติดต่อเข้ามา

              "ตอนที่พวกเธอไม่อยู่นั้น กองรบที่ 11 กับพวกบรอนเซอรูทจะรับผิดชอบดูแลเฟิร์สฮิลล์ไปสักระยะหนึ่งก่อน ซึ่ง...พวกเธอวางใจในการปฏิบัติการณ์ได้กันน่ะ"

              "แล้วก็....อย่าก่อเรื่องกันให้ฉันโมโหกันจะดีกว่า ไม่งั้น พวกนายกลับมาคงได้โดนแน่" โพโบโวโล่กล่าว

              โฟรซ่าบอก "รู้แล้วละน่า พวกเราจะระวังเต็มที่กันอยู่แล้วน่า คุณผู้ว่าการ"

              "โอเค คลอเวฟ อย่าเสียเวลาเลย เอายานออกดีกว่า" พีวิลบอก

              คลอเวฟกล่าว "เข้าใจแล้วละ" แล้วก็ดันคันเร่งไปข้างหน้า "เอาละ ไทรแองเกิ้ล ทะยานออกไปเลย"

              "หึมๆๆๆๆๆๆๆ ครืนนนนนนน" บูสเตอร์ตรงกลางและด้านข้างจุดปะทุพร้อมกับออกตัวไปอย่างช้าๆก่อนจะเร่งสปีดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับ "วืดดดดดดด" ไฟบนลานส่งสว่างอย่างรวดเร็วและพุ่งไปยังปลายทาง โดยที่ไทรแองเกิ้ลแล่นไปตามลานส่งด้วยความเร็วจน "ฟ้าวววววว" ลอยลำขึ้นสู่ฟากฟ้าขึ้นและ "ซูมมมมม" พุ่งทะยานออกจากฟากฟ้าไปสู่นอกดวงดาวแคสเซเดี่ยนโดยทันที "เข้าสู่สภาวะไร้แรงโน้มถ่วง ระบบสร้างแรงดึงดูดภายในยาน ทำงาน ระบบยังชีพ อยู่ในสภาพดีพร้อม ระดับพลังเครื่องยนต์และตัวขับเคลื่อนภายในอวกาศ ทำงานในระดับ 50 เปอร์เซนต์เต็ม รวมถึงระบบขับเคลื่อนด้วยความเร็วเหนือแสง ระบบนำทางและเชื่อมต่อกับควอนตั่มรีเลย์ ทุกอย่างใช้ได้กันแล้วละคะ" แอมเบอร์กล่าว

              ลิเนียร์ตี้ตอบ "ขอบใจมากน่ะ แอมเบอร์ ที่ช่วยเช็คทุกอย่างในยานเอาไว้กันน่ะ"

              "ไม่เป็นไรหรอกคะ ฉันแค่ต้องให้แน่ใจว่าทุกๆคนที่โดยสารมากับยานลำนี้ปลอดภัยดีกันหรือเปล่านะคะ" แอมเบอร์บอก "ก่อนอื่น ก็มุ่งหน้าไปยังสถานีอวกาศ ไพล์มชิลด์กันก่อนเลยคะ" โดยเซตเส้นทางเอาไว้

              มาสวาร์ทาร์บอก "แอมเบอร์ ต่อสายไปยังสถานีอวกาศกันเดียวนี้เลย เราต้องการจะคุยกับแอร์ไพล์มมิสกันสักหน่อยน่ะ"

              "รับทราบคะ" แอมเบอร์รับคำสั่งและเชื่อมต่อข่ายสัญญาณจนแอร์ไพล์มมิสมาอยู่บนหน้าจอหลัก

              "อา พวกนายจะออกเดินทางเลยสิน่ะ พอดีเลย ผู้ว่าการเซริซ่าและป้ารัคชูมี่มีของมาฝากกันด้วย เลยอยากให้พวกนายช่วยนำของไปส่งที่เมลลอท-4 กันสักหน่อยนะ"

              "พอดีเลย พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังเมลลอท-4 อยู่พอดีนี้แหละ" สเปียริทกล่าว

              แอร์ไพล์มมิสบอก "เยี่ยม งั้นพวกนายเอายานเทียบท่าตรงสถานีนี้ได้เลย คลอเวฟ ค่อยๆเลื่อนยานมาอย่างช้าๆด้วยละ"

              "ถึงนายไม่บอก ฉันก็จะเบามือกันนี้แหละ" คลอเวฟบอก โดยค่อยๆนำไทรแองเกิ้ลมาจอดตรงท่าเทียบยาน ซึ่งเลื่อนตัวยานมาช้าๆ

              "เออ นายเอายานลอยขึ้นมาหน่อยได้มั้ย ฉันจะได้นำของส่งผ่านหลอดแก้วเข้าไปในส่วนโกดังเก็บของในยานกันน่ะ" คลอเวฟค่อยๆนำยานลอยลำขึ้น ซึ่งก็ระบุช่องเชื่อมต่อกับปลายหลอดแก้วเอาไว้ "ครืดดดด ตรึงงงง" ตัวหลอดแก้วได้เชื่อมต่อกับทางเข้าโกดังในยาน พร้อมกับ "ครืดๆๆๆๆๆ" กล่องคอนเทนเนอร์เลื่อนออกจากสถานีผ่านหลอดแก้วส่งของเข้าไปในโกดังเก็บของในไทรแองเกิ้ลอย่างช้าๆ ซึ่งกว่าจะโหลดของเข้าไปในยานจนหมด ก็ใช้เวลาราว 10 นาทีด้วยกัน

              "ของที่นายส่งมา ไม่น่ามีปัญหาอะไรกันแล้วสิน่ะ" คลอเวฟบอก

              "อย่างน้อย พวกนายก็ไม่ควรเปิดกล่องออกมากันก็เป็นใช้ได้กันนี้แหละ พวก" แอร์ไพล์มมิสกล่าว "ส่วนเรื่องการปกป้องดาวดวงนี้ในช่วงที่พวกนายไม่อยู่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของฉันกับพวกเลยแล้วกัน พวกนายออกเดินทางอย่างวางใจได้จะดีกว่าน่ะ"

              เนคมาดูซัมบอก "คงต้องลำบากนายกันแล้วน่ะ แอร์ไพล์มมิส งั้นพวกเราขอตัวกันก่อนดีกว่า"


              "โชคดีแล้วกันน่ะ" แอร์ไพล์มมิสกล่าว โดยเลื่อนเอาหลอดแก้วส่งของเข้าไปในสถานีอวกาศ ซึ่งคลอเวฟได้นำยานไทรแองเกิ้ลทะยานออกไป โดยบินตรงไปยังควอนตั่มรีเลย์ที่อยู่ใกล้กับดาวดวงที่ 10 กันอย่างรวดเร็ว

              "ทำการเซตเส้นทางเชื่อมต่อกับรีเลย์เพื่อเดินทางไปยังระบบดาวที่หมายด้วยควอนตั่มรีเลย์ ระบบไฮเปอร์ไดร์ฟทำงาน เข้าสู่โหมดเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง" คลอเวฟนำยานพุ่งไปโดยที่แอมเบอร์เซตระบบขับเคลื่อนกันไว้ แต่.... "ฟ้าววววว" ยานไทรแองเกิ้ลขับผ่านรีเลย์ไปอย่างหน้าตาเฉย

              "นายบื้อ ตกลงนายจะเอายานบินจากระบบดาวของเราโดยตรงหรือไงกันยะ" สเปียริทโวย

              คลอเวฟบอก "อ้าวหรือ นึกว่ามันไปถึงแล้วเสียอีกน่ะ" แล้วก็ "ฟึ่บ หวับๆๆๆๆ" สบัดพวงมาลัยหมุนอย่างเต็มที่ "....งั้นก็ ไทรแองเกิ้ลดริฟท์เทิร์น" เพื่อให้ยานไทรแองเกิ้ลตีวงเลี้ยวโค้งและพุ่งเข้ามายังควอนตั่มรีเลย์ "หวืมๆๆๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆๆ" ซึ่งปล่อยพลังเข้าใส่ยานเพื่อเร่งปฏิกิริยาให้ยาน "แฟ้วววววววว" พุ่งทะยานด้วยความเร็วเหนือแสงในทันที

              "เข้าสู่โหมดเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสงกันแล้ว หากแต่ การเลี้ยวยานแบบดันทุรังไปนั้นทำให้ลูกเรือส่วนหนึ่งเกือบเจ็บตัวด้วยกันนะคะ" แอมเบอร์บอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "ที่นายขับเลยรีเลย์ไปนิ คงไม่ได้ขับเพลินเลยสิน่ะ"

              "ทำไงได้ละ กูไม่ได้แตะพวงมาลัยออกนอกดาวมาตลอด 4 เดือนเต็ม มันก็ต้องมีฝืดและมีหวืดกันอยู่แล้วละน่า" คลอเวฟเถียง

              มาสวาร์ทาร์เตือนไปว่า "คราวหน้า นายต้องตั้งสมาธิให้ดีกว่านี้กันน่ะ เพราะนายมีลูกเรือรวมถึงพวกเราอีกหลายหน่วยที่อยู่บนยานลำนี้กันน่ะ"

              "รู้แล้วละน่า" คลอเวฟบอก แอมเบอร์เลยต้องรับผิดชอบในการควบคุมระบบนำร่องแทน แล้วมาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัมและพีวิลก็ลุกจากเก้าอี้เพื่อมา...

              "เกือบไปแล้วมั้ยละ นึกว่าลุงคลอเวฟจะเอายานไปชนรีเลย์กันเสียอีกน่ะ" ชาร์เครฟบอก

              "แต่ใครจะไปคิดกันละเนี้ย ว่าคุณคลอเวฟจะขับยานด้วยวิธีดริฟท์เลี้ยวโค้งตีวงแคบแบบบ้าดีเดือดกันแบบนี้น่ะ" เมดิน่าบอก

              พีวิลกล่าว "แต่อย่างน้อย พวกเธอคงไม่เจ็บตัวมากมายเลยสิน่ะ"

              "พวกเราแค่ถลกปอกเปิกกันเองนะคะ" ดิเรนท์บอก

              บริคซ์บอก "และนั้นก็เกือบทำให้คอนเทนเนอร์ที่แอร์ไพล์มมิสส่งมาล้มระเนระนาดกันแล้ว ถ้าสนามพลังแม่เหล็กไม่กักของทั้งหมดนี้เอาไว้ได้สมบูรณ์แบบกันเสียก่อนน่ะ"

              "ส่วนโมบิลลอยด์นั้น ล็อกเอาไว้แน่นหนาแล้ว อย่างน้อยคงไม่มีหุ่นตัวไหนล้มคว่ำกันบ้างน่ะ" เบติสบอก

              แบร็อคกล่าว "แต่กับหุ่นตัวโตสองตัวก็คงไม่แน่หรอกมั่ง" ฟูลออเรสจ้องหน้าแบร็อคเขม่งขึ้นมา

              "เอาเป็นว่าพวกเราตรวจเช็คภายในยานกันดีกว่าน่ะ แม้ว่าในการเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสงนั้นจะไม่มีอะไรขวางกันก็ตาม อย่างน้อย เราก็ต้องใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่ากันหน่อยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบภายในยานกัน

              "นายบื้อไม่น่าหาเรื่องยุ่งๆมาให้ในช่วงที่เราออกเดินทางกันเลยน่า" สเปียริทบ่น แล้วก็ไปช่วยพีวิลจัดเก็บลังใส่กระสุนปืนที่กระจัดกระจายเข้าไปในคลังแสงกันไว้

              "ถ้าคราวหน้าคลอเวฟทำแบบนี้อีก สงสัยว่าฉันคงต้องให้แอมเบอร์หรือบริคซ์มาควบคุมยานแทนแล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าว

              ลิเนียร์ตี้บอก "ถ้าไม่ติดว่าคลอเวฟมีทักษะการขับเรือและขับยานมาจากการคุมพวงมาลัยของนอร์ติลุสละก็น่า...."

              "เรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือ เราควรจะต้องไปที่ดาวเมลลอทเพื่อทำธุระสำคัญกันก่อนน่ะ" พีวิลบอก

              เนคมาดูซัมบอก "ภาวนาว่า การที่คลอเวฟเลี้ยวดริฟท์คงไม่ก่อเกิดความผิดพลาดอันใดขึ้นมากันหรอกน่ะ"


              "แฟ้วววววววววววววววว" แล้วยานไทรแองเกิ้ลก็มุ่งหน้ามายังระบบดาวเจเนซิลกันแล้ว "ว้าว นี้ใช้เวลาเกือบ 20 นาทีกว่าจะมาถึงเลยนะเนี้ย นึกว่าจะใช้เวลาเป็นวันเสียอีกน่ะ" ฟูลออเรสกล่าว

              เมดิน่าบอก "ส่วนหนึ่งเพราะการเดินทางที่เร็วเหนือแสงของยานลำนี้กับควอนตั่มรีเลย์เลยสิคะ"

              "ใช่ แม้ว่าของเดิม เราไปถึงระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ได้นั้น ก็ใช้เวลาเกือบสามวันเลยน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "แต่ในเคสนั้นเพราะว่าพวกนายเดินทางไปก่อนมิใช่หรือ เพราะตอนขากลับไปนั้นเรารีบไปให้เร็วกว่านั้นเลยน่ะ"

              "แทบไม่คิดเลยนะ ว่าเราจะได้กลับมาที่สมรภูมิสุดท้ายกันไว้น่ะ" สเปียริทบอก โดยที่มองไปข้างนอก ก็เห็นดาวแรซัลก้า ที่ตั้งของจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เรส ที่ตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยสนามพลังแพลนเน็ตการ์เดี้ยนโอ๊บเอาไว้

              แอมเบอร์กล่าว "ดาวดวงนั้นสิคะ คือดาวแรซัลก้า อันเป็นฐานที่มั่นของกองกำลังรุกรานในมหาสงครามนะคะ"

              "ถูกแล้วละ แอมเบอร์ และการต่อสู้กับไซมาเทนกับจักรพรรดินีโอเวอร์เรสนั้น ก็เริ่มต้นและจบลงตรงนี้เองแหละ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              ฟูลออเรสบอก "แล้วดาวดวงนั้นมันเรืองแสงอยู่นิ คงไม่ได้เป็นบาเรียปกคลุมดวงดาวละสิครับ"

              "นั้นเป็นแพลนเน็ตการ์เดี้ยนโอ๊บกันน่ะ โอเวอร์เรสเซตให้บาเรียปกคลุมดวงดาวนี้เอาไว้ ซึ่งไม่เพียงปกป้องดาวดวงนั้นจากภัยคุกคามจากภายนอก แต่ยังขวางกั้นมิให้แมนิเกเตอร์ในดวงดาวออกไปได้กันนะสิ" ฟิเกซบอก

              เมดิน่ากล่าว "นั้นไม่แปลกแล้วละคะ เพราะฝ่ายจักรวรรดิ์นั้นสร้างความวุ่นวายผ่านการรุกรานจนทำให้ทุกชนเผ่าในอวกาศเสียหายกันไม่น้อยนะคะ"

              "แม้ตายไปแล้ว โอเวอร์เรสก็ยังปกป้องมิให้พลเมืองของจักรวรรดิ์ที่เธอคุ้มครองออกไปก่อความเดือดร้อนต่อ แม้ว่านั้นหมายถึงการที่ดาวดวงนี้อยู่อย่างไม่เป็นสุขมาก็ตาม ถ้าพวกเขาคิดได้เหมือนกับพวกเราละก็น่า..." เนคมาดูซัมบอก

              คลอเวฟบอก "เราพักเรื่องดาวแรซัลก้าแล้วรีบเคลียร์เรื่องพวกเฮเรเค้นกันดีกว่าน่ะ"

              "โอเค ถัดจากแรซัลก้าก็คงจะเป็นเมลลอท-4 กันละสิน่ะ ถ้าเช่นนั้น เซตเส้นทางมุ่งหน้าไปยังดาวดวง...." เนคมาดูซัมสั่งการ แต่.... "หวอๆๆๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น

              "มีสัญญาณยานอวกาศมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วเหนือแสง เข้าขวางทางพวกเรากันนะคะ" แอมเบอร์กล่าว

              "ต้องเป็นยานอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์แน่ๆเลยละ" พีวิลกล่าว ไม่ทันไรก็ "แฟ้ววววววววว แว้งงงงง" ปรากฎยานทรงกรวยขนาดยาวใหญ่บินมาตรงหน้ายานไทรแองเกิ้ลกันไว้

              เมดิน่าบอก "นั้นคงเป็น ยานอวกาศของชนเผ่าต่างดาวของฝ่ายสมาพันธ์ละสิคะ"

              "ครืดดด แครดดด..." ฉับพลัน โฮโลแกรมภาพแอมเบอร์ก็สั่นไหวขึ้นมา "เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ แอมเบอร์" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              แอมเบอร์บอก "ยานอวกาศลำนั้น....พยายามส่งคลื่นตรวจสอบยานลำนี้....อือ....อือออ อันตราย คลื่นความถี่ตรวจสอบมีความหนักหนามาก ส่งผลให้ระบบการ ประมวลข้อมูล ระบบความจำของ....ฉัน....ไม่สามารถประคองไว้.... อือออ เออ อืออ อืออออ...."

              "แอมเบอร์เป็นแบบนี้ คงให้ทำงานต่อไม่ได้แล้วละ" ลิเนียร์ตี้กล่าวแล้วก็ "ปี้บๆๆๆ" กดปุ่มบนแป้นเพื่อ "แว้งงงง" ฉายแสงสีเขียวเพื่อทำให้ระบบของแอมเบอร์อยู่ในโหมดสแตนด์บายเอาไว้ พร้อมกับ....

              "ถึงยานอวกาศไม่ทราบชนเผ่า กรุณารับข่ายสัญญาณที่ฝ่ายเราส่งไปกันเดียวนี้เลยคะ โปรดฟังอีกครั้ง..." ไม่ทันไร มอนิเตอร์ก็ปรากฎภาพของหญิงต่างดาวผิวสีเทาผมสีขาวขุ่นกับเปียยาวสามเปีย ในชุดสีขาวสลับแดงยืนอยู่ "นี้คือ รัลดานาส นาวาเรือนจำเคลื่อนที่หมายเลข 15 ของกองกำลังพิทักษ์อวกาศ ถึงยานอวกาศไม่ทราบสัญ....เออ นี้พวกนายเองหรือเนี้ย...."

              "คนๆนี้คงเป็นต่างดาวอย่างงั้นละ...อือ...เออ" ฟูลออเรสกล่าว แต่ไม่ทันไรก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา

              เมดิน่าบอก "ฟูลออเรส เป็นอะไรไปกัน....โอ้ย ทำไม ถึงรู้สึกเหมือนจะเป็นลมกันน่ะ หลังจากที่มองหน้ามนุษย์ต่างดาวกันไว้น่ะ" แล้วเธอก็ทรุดไปด้วย

              "พวกเธอสองคนคงจะพึ่งเจอกับ...สหายแอสเทลน่ากันเป็นครั้งแรกเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว

              ฟูลออเรสได้ฟังก็อุทานขึ้น "คนๆนี้นะหรือครับ ที่ว่าเป็นมือขวาของยอดแม่ทัพซารีทิสกันน่ะ" แม้รู้สึกหน้ามืดกันอยู่ แอนเดรียเลยเอายาดมมาให้เมดิน่าดมให้สดชื่นขึ้นมาในระดับหนึ่ง "แต่ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกกันน่ะ"

              "แสดงว่าพวกเธอคงจะเจอกับอำนาจกระแสจิตอันแรงกล้าจากชาวดาวฤกษ์กันละสิ โดยเฉพาะพวกตอบสนองทางจิตที่ไวกว่าปกติกันน่ะ" คลอเวฟบอก

              แอสเทลน่าบอก "นั้นก็บ่งบอกได้ว่าพวกนายมีลูกน้องหน้าใหม่เข้ามากันนี้แหละน่ะ" แล้วก็เอ่ยคำทักทาย "กานาฟ่าซารีทิส เหล่าสหายเวเซอร์ เออ ไม่สิ ที่ถูกควรเป็นไทรเวเซอร์เลยสิน่ะ นับตั้งแต่พวกนายฟอร์มกองกำลังขึ้นมาใหม่หลังจากที่ปะทะกับพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้น่ะ"

              "กานาฟ่าซารีทิส ซีคเทมพลาร์แอสเทลน่า ดูเหมือนว่าคุณคงจะยุติการไว้ทุกข์และกลับมาทำงานตามเดิมเลยสิน่ะ" พีวิลกล่าว

              แอสเทลน่าพยักหน้า "ถึงแม้ว่าการจับตาดูเหล่านักโทษที่อยู่ในเรือนจำ และการไล่ตามจับกุมนักโทษชุดใหม่ๆมานั้น จะไม่ใช่งานที่ฉันอยากจะได้เลยก็ตาม แต่อย่างน้อย ฉันก็สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของทุกชนเผ่า รวมถึงของพวกนายกันด้วยนี้แหละ..." และหันมายังแอมเบอร์... "และการสแกนยานอวกาศลำใหม่ ซึ่งฉันกับลูกเรือชาวดาวฤกษ์ส่วนมากต่างรู้ดี ว่ายานลำนี้เป็นของชนเผ่าออร์เลี่ยนที่สิ้นสูญไปหลายร้อยปีกันแล้ว คงจะทำให้ระบบเอไอของพวกนายมีอาการเหมือนกับเจ้าหน้าที่คนใหม่ทั้งสองคนสิน่ะ"

              "หวังว่าคราวต่อไปคงจะไม่ทำแบบนี้กันอีกนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว โดยตอนนี้แอมเบอร์เริ่มฟื้นฟูสภาพขึ้นมาแล้ว

              แอสเทลน่าบอก "แล้วว่าแต่ พวกนายออกจากระบบดาวของพวกนายนิ คงไม่ได้ขับไล่พวกเดลอาเนี่ยนออกไปกันได้เลยสิน่ะ"

              "พวกเราเดินทางมานี้เพราะว่าตอนนี้กองยานของฝ่ายเรากลับจากการไปรวบรวมเหล่าแมนิเกเตอร์ที่ไปกับกองยานบุกเบิกซึ่งอยู่รั้งท้ายขบวนกันไว้กันแล้วน่ะ แอสเทลน่า" เนคมาดูซัมกล่าว

              แอสเทลน่าบอก "เรื่องนั้นฉันก็พอทราบเช่นกันน่ะ เพราะกองยานแพลตตินั่มอามาด้ามีการส่งกองยานส่วนหนึ่งเข้าไปในแถบอวกาศตอนกลางกันไว้แล้ว" และเอ่ยไปว่า "แต่การที่พวกนายมานี้ คงจะเป็นเพราะ...เหล่าลูกศิษย์ของดาบมือหนึ่ง หลุดเข้าประตูมิติจากดาวเมลลอท-4 ไปโผล่ที่ดาวของพวกนายสิน่ะ"

              "ว้าว นี้คุณแอสเทลน่ารู้ไวกว่าเลยหรือคะ ทั้งๆที่เราสื่อสารจากยานลำหนึ่งไปอีกลำหนึ่งกันน่ะ" เมดิน่ากล่าว

              แอสเทลน่าบอก "อย่าดูถูกอำนาจพลังจิตของฉันหน่อยเลยดีกว่าน่ะ เมดิน่า แดลิล แม้ว่าฉันจะมีส่วนหนึ่งที่ได้จากคุณพ่อที่เป็นมนุษย์ แต่ฉันได้ผ่านพิธีตัดพันธะกันไปแล้ว ดังนั้น ฉันจึงมีสถานะเป็นชาวดาวฤกษ์ขนานแท้ แม้จะมีส่วนของแมนิเกเตอร์หลงเหลืออยู่กันก็ตามน่ะ" และบอกไปว่า "เช่นเดียวกับเธอและฟูลออเรส แรมบาร์ทด้วย ถึงพวกเธอมีขีดความสามารถมากพอที่สามารถควบคุมโมบิลลอยด์ระดับทรงพลังรุ่นใหม่ที่พึ่งซ่อมแซมมาใช้สู้กับพวกเดลอาเนี่ยน แต่พวกเธอ ยังเร็วไปที่จะตายกันได้น่ะ"

              "เออ พวกคุณไม่รู้สึกหงุดหงิดเลยหรือ ที่โดนอีกฝ่ายรู้ก่อนล่วงหน้าโดยไม่มีการบอกกล่าวกันน่ะ" ฟูลออเรสบอก

              สเปียริทกล่าว "อีกหน่อยก็ชินไปเองแหละ ฟูลออเรส"

              "ถ้าเช่นนั้นก็ ฉันจะอนุมัติให้พวกนายเอายานลงจอดที่ดาวเมลลอท-4 กันได้ เช่นเดียวกับ ให้นายคุยกับนักโทษหมายเลข 369 จากยานของพวกนายกันไว้เท่านั้นแหละ" แอสเทลน่ากล่าว

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "คุยกันแค่ในยานลำนี้นะหรือ เราเข้าไปในยานของพวกเธอ เพื่อไปเยี่ยมและดูหน้าชัดๆไม่ได้หรือไงกันน่ะ"

              "เกรงว่าไม่ได้นะสิ โดยเฉพาะแมนิเกเตอร์ที่มีพลังควอตไซเซอร์ระดับสูงอย่างนายด้วยแล้ว สภาอาวุโสไม่อนุญาตให้ฉันพานายหรือพวกพ้องเข้ามาเยี่ยมถึงยานลำนี้ได้น่ะ" แอสเทลน่าบอก "ดังนั้น ฉันจะต่อสายไปที่ห้องขังของนักโทษ 369 กันดีกว่าน่ะ" แล้วภาพของเบย์แทนด์ก็ปรากฎขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมเผ้าของเขายาว เช่นเดียวกับมีหนวดเครากันแล้ว

              "โอ้ว คุณพีวิล คุณมาสวาร์ทาร์ คุณเนคมาดูซัม คุณสเปียริท คุณแอนเดรีย คุณลิเนียร์ตี้ คุณคลอเวฟ คุณสเตฟอร์ด คุณฟิเกซ ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะครับเนี้ย"

              "โว้ว นายดูโทรมมากๆเลยน่ะ เบย์แทนด์ ตอนอยู่เรือนจำคงจะลำบากแย่สิน่ะ" พีวิลกล่าว

              เบย์แทนด์พยักหน้า "ผมทราบดีนะครับ ว่าการมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนที่โหดร้ายซึ่งถูกกักขังไปนั้น อาจจะเปลี่ยนผมไปอย่างสิ้นเชิง เผลอผมอาจจะเป็นเหมือนพวกเขาไปเลยแน่นอน แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณจากฝ่ายสมาพันธ์อวกาศกันนั้น ผมพยายามอดทนอย่างเต็มที่กันเลยนะครับ" และมองมายังฟูลออเรสและเมดิน่า "แต่ ไม่คิดเลยน่ะ ว่าเธอสองคนจะมาร่วมงานกับพวกเขากันเลยน่ะ ฟูลออเรส เมดิน่า"

              "พวกเราดีใจมากเลยคะ ที่ได้เห็นหน้ารุ่นพี่กันเลยนะคะ" เมดิน่ากล่าว

              ฟูลออเรสบอก "ว่าแต่ รุ่นพี่มีสู้กับพวกนักโทษที่โน่นกันหรือเปล่าละครับ เพราะว่าตอนนี้ผมมีหุ่นยนต์ยักษ์ควบคุมต่อสู้กันอยู่นะครับ"

              "เธอยังชื่นชอบหุ่นยนต์ต่อสู้เหมือนเช่นเคยเลยนะ ฟูลออเรส แล้วก็คงจะทำให้เมดิน่าหงุดหงิดแย่จนพลอยตามเธอไปด้วยสิน่ะ" เบย์แทนด์กล่าว ฟูลออเรสและเมดิน่าก็พยักหน้า

              แอนเดรียบอก "นี้แปลว่า คุณก็ทราบเรื่องที่ฟูลออเรสและเมดิน่าขึ้นควบคุมเพรโทรแน็กซ์รุ่นใหม่สองตัว ในช่วงที่คุณถูกควบคุมตัวอยู่ละสิคะ"

              "คุณแอสเทลน่าเล่าให้ฟังกันน่ะ ถึงความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับพวกคุณไว้ แม้ว่าผมจะตกใจไม่น้อยกับทั้งสองเลยก็ตาม แต่อย่างน้อย ถ้ามีพวกคุณคอยช่วยขัดเกลาสอนสั่งพวกเขากันด้วยแล้ว ผมก็รู้สึกวางใจได้บ้างนะครับ" เบย์แทนด์บอก และหันมาถาม "แล้วตอนนี้ ทุกคนบนดาวสบายดีกันหรือเปล่าละครับ"

              สเตฟอร์ดบอก "ประธานาธิบดีและทุกๆคนสบายดีกันอยู่นะ เบย์แทนด์ แม้กระทั่งผู้ว่าการเซริซ่าและนายแม่รัคชูมี่กับพรรคพวกกันด้วยน่ะ"

              "แม้ว่า พวกเขาส่วนมากคิดจะบุกเขตอวกาศของเดลอาเนี่ยนเพื่อเอาคืนกันก็ตาม แต่อย่างน้อย คุณป้าคงจะคุมพวกเขากันได้น่ะ" ฟิเกซบอก

              เบย์แทนด์กล่าว "ผมหวังว่านายแม่รัคชูมี่คงจะช่วยผู้ว่าการเซริซ่ากันได้นะครับ" แล้วก็มีสัญญาณกระพริบขึ้น "สงสัยว่าจะหมดเวลากันแล้วละครับ ขอให้พวกคุณโชคดีแล้วกันน่ะ"

              "ถ้ามีโอกาสค่อยมาคุยกันในภายหลังน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              เบย์แทนด์กล่าว "ฟูลออเรส เมดิน่า หวังว่าพวกเธอสองคนคงจะช่วยพวกคุณพีวิลกันได้บ้างน่ะ"

              "เข้าใจแล้วละครับ รุ่นพี่เบย์แทนด์" ฟูลออเรสบอก

              เมดิน่ากล่าว "รุ่นพี่เองก็รักษาตัวไว้กันนะคะ อย่างน้อยก็คงไม่ไปหาเรื่องกับพวกนักโทษในเรือนจำที่อยู่กันนะคะ" แล้วการติดต่อจากยานไทรแองเกิ้ลและห้องขังของเบย์แทนด์ก็จบลง


              "เอาละ พวกนายรีบลงไปที่ดาวแล้วรีบเคลียร์เรื่องให้เสร็จกันดีกว่าน่ะ เพราะพวกนายต้องเดินทางไปยังดิสก์เวิร์ดกันต่อน่ะ" แอสเทลน่าบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "ถึงเธอไม่บอก พวกเราก็รู้อยู่แล้วละน่า" แล้วก็กล่าว "เตรียมยานลงจอดที่ดาวกันได้เลย"

              "รับทราบแล้วละ" คลอเวฟกล่าว แล้วก็นำไทรแองเกิ้ลเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ "ฟ้าววววว ซูมมมม" ถึงแม้จะนำยานทิ้มหัวลง แต่โชคยังดีที่ยานกางบาเรียต้านการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศเอาไว้ "นั้นคงเป็นสภาพของดาวเมลลอทสิน่ะ นั้นเหมาะกับพวกเฮเรเค้นไม่น้อยเลยละ" คลอเวฟบอก เมื่อเห็นสภาพดาวที่เป็นป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งก็มีทะเลสาปขนาดใหญ่เป็นแหล่งน้ำที่ค้ำจุนป่าแถบนี้ รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าบีสทอยด์ปลาและสัตว์น้ำด้วย

              สเปียริทกล่าว "เธอกับมาสวาร์ทาร์คงจะได้เห็นสภาพของดาวกันไว้แล้วสิน่ะ"

              "ยังเลย แค่พวกเราเจอกับพวกหัวหน้าเผ่ากันในถ้ำที่มีประตูมิติซึ่งพวกเฮเรเค้นไปเจอเข้ากันนะคะ" แอนเดรียบอก

              พีวิลถาม "แล้วนายพอรู้เรื่องเกี่ยวกับดาวดวงนี้กันบ้างหรือเปล่าละ ฟิเกซ เนคมาดูซัม"

              "เห็นว่าดาวดวงนี้ มันมีคนเสนอโปรเจคดำเนินการที่หลากหลายกันเลยน่ะ อย่าง ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าแมนิเกเตอร์สูงอายุให้อยู่อย่างสงบก็ดี ใช้เป็นศูนย์กลางการเดินทางออกนอกระบบดาวก็ดี ใช้เป็นอุทยานอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชหายากก็ดี แม้กระทั่ง ใช้เป็นศูนย์การฝึกเหล่าทหารก็มีกันนะสิ" ฟิเกซบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "ผลก็คือ ดาวดวงนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นศูนย์กลางการเดินทางสู่อวกาศ ซึ่งไม่เพียงต้องถางป่าเขาเหล่านี้ให้เรียบเพื่อทำสถานีอวกาศยานและท่าจอดยานกันไว้ แต่....ยังจัดเตรียมสร้างย่านการค้าไว้สำหรับค้าขายกับพวกต่างดาวกันด้วยนะสิ"

              "นี้แปลว่าจักรวรรดิ์จะค้าขายกับพวกต่างดาวของฝั่งสมาพันธ์อย่างงั้นนะหรือ กูฟังไม่ผิดใช่มั้ยละ" คลอเวฟกล่าวอย่างไม่เชื่อ

              ฟิเกซบอก "นั้นเป็นแนวคิดที่น่าตกใจเอาเรื่องกันมากๆเลยน่ะ เพราะพวกแมนิเกเตอร์ในแรซัลก้านั้น ต่างมีเศรษฐกิจจากการค้าขายภายในดวงดาว ระหว่างเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งมาตลอดหลายปีนับแต่ก่อตั้งมานั้น การที่อยู่ๆจะสร้างสถานีอวกาศเพื่อการนำเข้าส่งออกสินค้าจากต่างดาวนั้น เป็นเรื่องใหม่เอาเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งไม่มีชนเผ่าไหนในแรซัลก้าหรอกที่ไม่ทราบเรื่อง"

              "แล้วตกลง แนวคิดนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดีหรือเปล่าละคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม

              เนคมาดูซัมส่ายหน้าพร้อมถอนใจไปว่า "การก่อสร้างสถานีอวกาศยานนั้นมันใกล้จะสำเร็จแล้วก็จริง แต่....ก็มีเหตุโกงกินงบประมาณการสร้างสถานีอวกาศและโปรเจคอีกหลายโปรเจคนับสิบที่จะเริ่มต้นจนถึงบัดนี้ เลยทำให้....สถานีอวกาศที่สร้างใกล้เสร็จนั้น....ต้องชะงักลงพร้อมกับโปรเจคการค้านอกระบบดาวที่ต้องดับอนาจลง โดยลากเอาโปรเจคการค้านับสิบโปรเจคลงไปด้วยกันนี้แหละ"

              "หมายถึง อาคารสนามบินขนาดใหญ่ที่ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ ที่อยู่ทางตอนเหนือไปเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวโดยนำภาพของสถานีอวกาศยาน ซึ่งอยู่กลางป่า โดยในเวลานี้ถูกเถาไม้เลื้อยและพืชเกาะตามเสาตามพื้นกันไว้ "แว้งงง แว้งง แว้งงง" ซึ่งก็มีแสงกระพริบขึ้นตรงส่วนหอสื่อสารร้าง

              "โอ้ว คุณคูริแนนซ์ส่งสัญญาณแสงระบุให้เรานำยานลงจอดกันแล้วละ" ฟิเกซบอก

              "ทั้งๆที่ลานจอดมันดูไม่น่าแลนดิ้งกันเลยเนี้ยน่ะ" คลอเวฟบอก

              แอมเบอร์กล่าว "วางใจได้คะ เพราะสภาพพื้นที่ใช้จอดยานนั้นถูกปรับแต่งกันไว้แล้ว ดังนั้น เราจึงแลนดิ้งได้ง่ายๆกันนะคะ"

              "ขอให้การแลนดิ้งมันดีจริงอย่างที่เธอรายงานมากันน่า" สเปียริทกล่าว โดยตอนนี้คลอเวฟนำไทรแองเกิ้ลแลนดิ้งลงมากันอย่างช้าๆ "ครืดดดด ตรึงงงงง" ขาตั้งแลนดิ้งเกียร์จากใต้ท้องยานเลื่อนประทับลงบนพื้นเอาไว้อย่างมั่นคง แม้สภาพพื้นจะผ่านการตัดหญ้าถอนวัชพืชออกไปแล้วก็ตาม จากนั้นก็.... "ครืดดดด ตรึงงง" ประตูใต้ท้องยานเลื่อนเปิดออก พร้อมกับฟิเกซและเหล่าพวกพ้องไทรเวเซอร์เดินลงมา คูริแนนซ์เลยพาพวกควอเดี่ยมมาพอดี

              "ลำบากแย่เลยสิน่ะ คุณคูริแนนซ์" ฟิเกซบอก

              "ไม่เป็นไรนะครับ นายน้อยฟิเกซอท เพราะผมทราบว่านายน้อยกับพวกอาจจะมาที่ดาวดวงนี้ เลยจัดการถากถางพวกหญ้าและวัชพืชออกจากลานบินเอาไว้กันนะครับ แม้ว่านั้นจะทำให้พื้นลานบินไม่มีอะไรยึดไปเลยก็ตามนะครับ" คูริแนนซ์บอก "แล้วว่าแต่ นายน้อยมาที่นี้คงไม่ได้มาแค่มาเยี่ยมพวกเราและพวกบีสทอยด์ละสิครับ"

              ฟิเกซบอก "คุณป้าฝากของให้พวกเรานำมาส่งกันน่ะ" โดยให้พวกลูกเรือขนเอากล่องสินค้าที่ได้รับจากแอร์ไพล์มมิสลงมา ซึ่งคูริแนนซ์ให้พวกควอเดี่ยมเข้ามาเช็คดู

              "ว่าแต่ ป้ารัคชูมี่ฝากอะไรมาให้พวกคุณกันละครับ" เนคมาดูซัมถาม

              คูริแนนซ์กล่าว "สมุนไพรที่ปลูกจากเรือนเพาะชำในป่านิวควอดาน่าไว้สำหรับปลูกขึ้นที่นี้ และเอามารักษาพวกบีสทอยด์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการท้าดวลกับนักรบฝ่ายสมาพันธ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์สำหรับซ่อมแซมและผลิตโมบิลลอยด์ที่ขาดหายไป แล้วก็...ชิ้นส่วนสำหรับระบบสื่อสารจากดาวนี้ไปที่ดาวของพวกท่านนายน้อยและพวกท่านนายแม่กันนะครับ" โดยพวกควอเดี่ยมนำชิ้นส่วนที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ เช่นเดียวกับโหลใส่พืช รากไม้และต้นหญ้าออกมาตรวจดู "แม้ว่านั้นจะได้มาช้ากว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้รับแล้วทุกอย่างสายเกินไปนะครับ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกทรอยอาร์กับพวกสเตรดาร์ธอาจจะโผล่มาก็เป็นได้ละสิครับ คุณคูริแนนซ์" พีวิลกล่าว

              คูริแนนซ์พยักหน้า "นับแต่ทราบเรื่องจากท่านคาตาตะลอร์ดและคุณแอนเดรียเล่ามา ว่าก่อนหน้าที่จะพบประตูมิตินี้ พวกเขาปะมือกับกองรบของทรอยอาร์และสเตรดาร์ธกันมาก่อน แน่นอนว่าพวกเราต่างก็รู้สาแก่ใจดีนะครับ ว่าความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิ์แรซัลก้านั้น จะทำให้พวกทรอยอาร์ที่อยู่ห่างจากระบบดาวเจเนซิลรับทราบและเตรียมบุกจู่โจมระบบดาวของพวกคุณกันไว้ ซึ่ง....ทีแรก พวกเราต่างก็เตรียมการรับมือกันไว้ เพียงแต่ ที่บุกมาที่ดาวดวงนี้ ก็คือฝ่ายสมาพันธ์อวกาศกันนะครับ"

              "และคงจะแปลกใจมากสิน่ะ ที่พวกนั้นบุกมาที่ระบบดาวของพวกเราโดยตรง แทนที่จะบุกมาที่ระบบเจเนซิลกันน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              คูริแนนซ์กล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะว่า พวกเขาคงไม่เสี่ยงถูกฝ่ายสมาพันธ์อวกาศจู่โจมจนขัดจังหวะการเดินทางไปได้นะครับ ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาคงใช้ยานอวกาศที่ติดตั้งไฮเปอร์ไดร์ฟและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือแสงไปตามเส้นทางใกล้กับชายแดนเขตอวกาศทางตอนกลางนะครับ"

              "แล้วพวกที่อยู่ใกล้กับเขตระบบดาวนี้ออกไปพอสมควรกันละ" ฟิเกซถาม

              คูริแนนซ์บอก "ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่เสี่ยงมากพอที่จะเอายานไปโผล่ในระบบดาวนี้ได้แน่นอนนะครับ เพราะตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายสมาพันธ์อวกาศส่งกองยาน 2-3 ดาวจาก 25 เผ่าเข้ามาลาดตระเวนแถวนี้เป็นระยะๆ เช่นเดียวกับกองยานแพลตตินั่มอามาด้ากันด้วย โดยอย่างหลังนั้น พวกทรอยอาร์คงไม่กล้าเสี่ยงหาเรื่องกับกองยานของเผ่าแอตทาเวี่ยนกันแน่นอนนะครับ"

              "ดีแล้วละ เพราะถึงหลีกเลี่ยงพวกแอตทาเวี่ยน แต่พวกนี้ก็ไม่กลัวเกรงพวกเดลอาเนี่ยนที่มาระรานดาวของพวกเรากันเลยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              คูริแนนซ์บอก "อย่างน้อย การมีพวกคุณอยู่เป็นก้างขวางคอพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธนั้น ช่วยได้มากเลยนะครับ"


              แล้วคูริแนนซ์ก็พาพวกไทรเวเซอร์และพวกไทรเมร่าเข้าไปในป่า ซึ่งก็มีแท่งไฟระบุนำทางไปยังเขตหมู่บ้านของพวกบีสทอยด์ โดยใช้เวลาเกือบ 5 นาทีกว่าจะไปถึง "ว้าว นั้นไม่ได้เห็นมานานแล้วน่ะ กับหมู่บ้านของพวกบีสทอยด์เสือ นับจากครั้งสุดท้ายที่อยู่ในป่าเขี้ยวเสือบนโลกกันน่ะ" คลอเวฟกล่าว เมื่อเห็นกระท่อมไม้ตั้งอยู่บนต้นไม้สูงโดยมีสะพานไม้เชื่อมต่อกัน ซึ่งก็มีบ้านเรียงรายกันอยู่รอบๆต้นไม้ อันเป็นที่อยู่อาศัยของพวกบีสทอยด์เผ่าอื่นๆ ตั้งแต่เผ่าลิง เผ่านก เผ่ากวาง เผ่าสิงโต บนผนังผานั้นเป็นที่อยู่อาศัยของพวกแรด เผ่าหมาป่า เผ่าแมลงที่บินได้ และเผ่าไดโนเสาร์ โดยมีหลุมกว้างอยู่ตรงกลาง ที่มีบันไดขนาดใหญ่ นำทางไปยังที่ตั้งของเผ่าเลื้อยคลาน และเผ่าแมลงที่อยู่ใต้ดินด้วย

              "นั้นคงเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านนี้เลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              "คือเราได้แนะนำให้หัวหน้าเผ่าสร้างเขตชุมชนรวมตัวของบีสทอยด์เผ่าต่างๆกันไว้ ก่อนจะเริ่มกระจัดกระจายไปตั้งรกรากตามเขตต่างๆบนดาวดวงนี้กันนะครับ" คูริแนนซ์บอก โดยตอนนี้

              "พวกพี่ดิเรนท์กลับมากันแล้วละ" พวกบีสทอยด์แวนิมอลเด็กๆรีบเข้ามาหากันยกใหญ่ ซึ่งพวกเฮเรเค้นต่างก็ทักทายกับพวกเด็กกันเป็นอย่างดี

              "พวกท่านกลับมากันแล้วสิน่ะ นึกว่าจะไม่ได้แวะมาเสียอีกน่ะ" ไวเปอรอนกล่าว โดยทั้งหมดมายังห้องประชุมของหัวหน้าเผ่า

              มาสวาร์ทาร์บอก "ตอนนี้กองยานที่เดินทางไปยังเขตอวกาศตอนกลางได้กลับมากันแล้ว พวกเราจึงนำยานออกมาที่ระบบดาวนี้ก่อนจะไปยังดิสก์เวิร์ดกันนะครับ"

              "อืมมมม แทบไม่เชื่อเลยน่า ว่าแรซัลก้ายังมีพันธมิตรเป็นกองกำลังนักรบศักดิ์สิทธิ์ไปเสียได้กันน่ะ" เกรทไทเกอร์กล่าว

              ฟาลเคนอนบอก "ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่บุกมาที่ดาวดวงนี้กันก็ตาม เพราะกลัวเกรงต่อขุมอำนาจของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศและรู้ถึงความพ่ายแพ้ของแรซัลก้ากัน ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะบุกมาโจมตีพวกคุณกันเสียก่อนน่ะ"

              "ท่านก็น่าจะบอกกับพวกเราก่อนก็ได้น่ะ อย่างน้อย ให้พวกเราไปสู้กับพวกนั้นถึงดวงดาวกันซะก็สิ้นเรื่องเลยน่ะ" จูแลซ หัวหน้าเผ่าไดโนเสาร์และพ่อของเทรอนเร็กซ์กล่าว

              แต่เมอเซด้า หัวหน้ากลุ่มเผ่าปลากล่าวขัด "แล้วท่านไม่ห่วงสภาพอาการบาดเจ็บของท่านกันเลยหรือ เกรงว่าท่านอาจจะโดนพวกนั้นจัดการได้ก่อนกันพอดีเลยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกคุณคงจะได้ดวลกับเหล่านักรบจากฝ่ายสมาพันธ์อวกาศกันละสิครับ" พีวิลตอบ

              เกรทไทเกอร์บอก "ใช่ ตามที่พวกนั้นว่าไว้ หากพวกเรามีดาวเป็นเจ้าของกันแล้ว พวกเขาจะเข้ามาท้าดวลกับพวกเราในทันทีนะสิ แม้ว่าพวกเราคิดว่าพวกเราสามารถสู้กับพวกเขาได้แน่ๆ แต่เอาเข้าจริงๆ พวกเรารู้สึกท้าทายยิ่งกว่าเดิม เพราะพวกเขามีฝีมือและความสามารถการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าที่คิด แม้ส่วนหนึ่งพวกเขาจะได้รับพลังจากอนิสงห์ของอาวุธลับของฝั่งแรซัลก้ากันน่ะ"

              "โปรเจคเนมิซีสของแม่ทัพโอลดาธที่คิดว่าจะทำให้พวกต่างดาวในฝั่งสมาพันธ์กลายเป็นแมนิเกเตอร์นั้น กลับให้ผลลัพธ์ที่สวนทางกว่าที่เขาคิดไว้เลยสิน่ะ" ฟิเกซบอก

              เมอริด้ากล่าว "และโชคดีมากๆ ที่พวกเรามียานรบซัลคาลาสที่ได้มาจากการสู้บนควอดาน่ามา ซึ่งนั้นช่วยให้เราสามารถสร้างโมบิลลอยด์ขึ้นมา ซึ่งพวกเราต่างลองผิดลองถูกกันนี้แหละ"

              "ตรึงๆๆๆๆ" แล้วก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก พวกไทรเวเซอร์จึงรีบรุดออกมาดูข้างนอก ก็ได้เห็น.... "อะไรกันวะเนี้ย...โมบิลลอยด์นั้นมันเซนครีท แต่แขนเป็นการ์เซนท์กันนิหว่า" คลอเวฟกล่าวเมื่อใช้กล้องส่องทางไกลมองดู

              คูริแนนซ์กล่าว "นั้นคือการ์เซนครีท ผลงานชิ้นเยี่ยมของพวกบีสทอยด์กันนะครับ โดยที่มีพวกเรามาช่วยกันอีกแรงนะครับ"

              "แจ่ม แต่เอาชิ้นส่วนหุ่นแต่ละตัวมาประกอบกันนั้น มันไม่มีปัญหากันเลยหรือ เพราะดูแล้ว การนำชิ้นส่วนหุ่นการ์เซนท์มาใช้กับเซนครีทที่มีการตอบสนองที่เหนือกว่า อาจจะทำให้การขับเคลื่อนไปไม่พร้อมกันก็ได้เลยน่า" โฟรซ่าบอก

              เกรทไทเกอร์บอก "ทีแรก พวกเราคิดว่าคงไม่มีทางทำให้หุ่นขยับกันได้แน่ๆ เพราะแบบแปลนที่เราดัดแปลงมานั้น ดูแล้วมันไม่ค่อยสมดุลย์กันเสียเลยก็จริง"

              "แต่ก็ต้องขอบใจคุณคูริแนนซ์กับพวกควอเดี่ยมที่ช่วยเหลือในการดัดแปลง จนเราสามารถสร้างการ์เซนครีทกันได้เป็นผลสำเร็จกันน่ะ แม้ว่าเราสร้างเสร็จในช่วงที่" ปาปิยอง หัวหน้าเผ่าผีเสื้อกล่าว

              ไซโคลเนียบอก "แต่คงเอาออกบินไม่ได้เลยสิน่ะ"

              "เมื่อสามเดือนก่อน เราทำให้การ์เซนครีททะยานสู่ท้องฟ้าและโบยบินไปทั่วดาวดวงนี้กันแล้วละ" ฟาลเคน่อนบอก โดยเห็นการ์เซนครีท 6 ตัวบินผ่านหมู่บ้านและเขตหุบเขากันไว้

              เมอเซด้าบอก "รวมถึงการทดสอบใต้ท้องทะเลสาปกันด้วย แม้ว่าเรายังไม่ได้ทำการทดสอบการใช้งานในระดับใต้มหาสมุทรกันในภายหลังเลยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกคุณมีแบบแปลนที่ประธานาธิบดีมอบให้ก่อนจากไปพร้อมกับยานซัลคาลาสเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เกรทไทเกอร์บอก "ตอนนี้เราจะมอบการ์เซนครีทให้พวกดิเรนท์นำไปใช้กันไว้ ซึ่งเรามีข้อมูลอาวุธจากในยานให้ด้วย แม้ว่าเราไม่รู้ว่าจะสร้างขึ้นใหม่กันยังไงน่ะ"

              "นั้นดีแล้วละ เพราะอย่างน้อยพวกคุณคงไม่ทำให้สิ่งที่สร้างมาระเบิดเข้าได้กันนะครับ" คูริแนนซ์บอก

              ไวเปอรอนกล่าว "เราหวังว่าพวกท่านคงจะช่วยดูแลพวกเฮเรเค้น ได้ดีพอๆกันกับปกป้องพวกเขากันไว้ด้วยน่ะ"

              "พวกท่านเองก็รักษาตัวให้ดีแล้วกันนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วหลังจากนั้นก็....

              "ลุงด็อดเจอร์คงโมโหแย่เลยละ กับการเอาโมบิลลอยด์ระดับนายทหารมาติดตั้งชิ้นส่วนโมบิลลอยด์ของพลทหารกันไว้น่ะ" ฟูแรมบอก

              "หมายถึงเอาชิ้นส่วนของการ์เซนท์มาติดตั้งกับหุ่นเซนครีทกันนะหรือ แต่หุ่นการ์เซนท์นั้นถูกออกแบบให้ติดตั้งชิ้นส่วนได้ตามใจชอบกันนิ ก็ไม่เห็นมีปัญหาตรงไหนเลยนิน่า" ฟูลออเรสบอก

              ฟูแรมส่ายหน้า "มีสิ เซนครีทถูกออกแบบสร้างโดยมีเซฟิค โมบิลทรูปเปอร์ตัวต้นแบบที่พวกครอสตรีมใช้สร้างลอร์ดวาทรัล ซึ่งตัวหุ่นถูกออกแบบให้มีความคล่องตัวที่สูงและมีขีดความสามารถในการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่า เหมาะสำหรับยอดนักบินระดับแนวหน้าและหัวหน้าหน่วยที่มีชั่วโมงบินควบคุมการ์เซนท์มามากแล้วนะสิ" แล้วก็มองดูการ์เซนครีทที่ถูกขนเข้ามาในโรงเก็บ "ดีน่ะ ที่คุณคูริแนนซ์มีพวกควอเดี่ยมสมองไบร์ทและเก่งด้านเครื่องยนต์กลไก รวมถึงเป็นกลุ่มช่างที่ช่วยลุงด็อดเจอร์ซ่อมแซมโมบิลลอยด์ของพวกเรากันเสียก่อนน่า"

              "แต่เอาหุ่นเปล่าๆมาให้เลยนิ คงคิดว่าพวกเราสามารถปรับแต่งหุ่นกันได้เลยสิน่ะ" เมดิน่าบอก "แล้วพวกเทรอนเร็กซ์มามองอะไรกับหุ่นเหล่านั้นกันละ"

              เนคกัสบอก "อ้อ สงสัยว่ากำลังจะมองดูว่า หุ่นแต่ละตัวนั้น จะดีไซน์และสาดสีใส่กันยังไงนะสิ"

              "เทรอนเร็กซ์เป็นพวกศิลปินวาดภาพอย่างงั้นนะหรือ หน้าตาออกเถื่อนๆกันเนี้ยน่ะ" ฟูลออเรสกล่าว

              เนคกี้บอก "เห็นหน้าตาเถื่อนจนพี่ใหญ่กลัวนิดๆ เทรอนเร็กซ์ก็วาดภาพสวยและลงสีได้ดีเยี่ยม ถึงแม้ว่านั้นจะเป็นการละเลงบนผนังซากตึกที่พังพินาศไปเลยก็ตามน่ะ"

              "ภาวนาว่าคงไม่สาดสีใส่ผนังทางเดินภายในยานกันเลยน่า" เมดิน่ากล่าว

              ฟูแรมบอก "งั้นมาช่วยพวกเฮเรเค้นเซตระบบอาวุธดีกว่า ว่าพวกเขาจะติดตั้งอะไรกันบ้างน่ะ"

              "แทบไม่เชื่อเลยนะคะ ว่าพวกบีสทอยด์ปรับตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมบนดาวดวงนี้กันได้ เพราะความหนาแน่นของเขตป่าและพื้นที่ส่วนที่เป็นทะเลและมหาสมุทร มีอัตราส่วนเพียง 40 เปอร์เซนต์เองนะคะ" แอมเบอร์บอก

              แอนเดรียกล่าว "อย่างน้อย นั้นเป็นหลักฐานบ่งบอกว่าพวกเขาสามารถอาศัยอยู่บนดาวดวงนี้ได้ แม้ว่าจะต้องเจอกับการต่อสู้จากฝ่ายสมาพันธ์อวกาศกันก็ตามน่ะ"

              "เช่นเดียวกันกับพวกเราที่ต้องสู้กับศัตรูทั้งภายนอกและภายในกันด้วยแล้ว อย่างน้อย ทั้งพวกเราและพวกเขาต่างสู้เพื่อปกป้องกันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก

              พีวิลกล่าว "เช่นเดียวกันกับเรื่องที่พวกเรามาที่ดาวดวงนี้กันแล้ว ต่อไปก็คือ ดิสก์เวิร์ดกันละ"

              "หวังว่าการมาของพวกเราคงไม่ได้รับการต้อนรับด้วยกองยานรบขนาดใหญ่กันหรอกน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "นำยานออกไปได้เลย คลอเวฟ"

              คลอเวฟตอบ "เข้าใจแล้วละ พวก"

              "ซูมมมมมมม ครืนนนนนนน" ยานไทรแองเกิ้ลทะยานออกจากท่าอวกาศยานร้างและลอยลำออกไปนอกดาวเมลลอท-4 จากนั้นก็... "หึมๆๆๆๆ ฟ้าววววว" ทะยานด้วยความเร็วเหนือแสงตรงดิ่งไปยังดิสก์เวิร์ดในทันที

              "ตอนนี้พวกเราแนะนำให้พวกเธออยู่ในยานกันไว้จะดีกว่าน่ะ" แอนเดรียกล่าว

              บราไทน่าถาม "เออ พวกเราแค่ลงไปอยู่รอบนอกยานไม่ได้เลยหรือคะ"

              "เกรงว่าไม่ได้นะสิ เพราะตอนนี้พวกเธออยู่ในความดูแลของพวกเรากันไว้ จากการที่พวกเธอออกมาจากดาวเมลลอทผ่านประตูมิติมายังดาวของเรา ดังนั้นพวกเธอจึงมีโทษลักลอบเข้าดวงดาวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายสมาพันธ์ด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              พีวิลกล่าว "และทางเราจะอธิบายเรื่องนี้กับทางสภาสูงเองกันน่ะ ซึ่งพวกเราขอความร่วมมือจากพวกเธอกันสักหน่อยน่ะ"

              "แปลว่า พวกเราไม่สามารถหลุดเข้าไปในส่วนที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเขตเมืองด้านนอกหรือด้านในด้วยสิน่ะ" ไลเอิร์ทกล่าว

              คลอเวฟบอก "ถูกแล้ว และพวกเธอเองก็มีโมบิลลอยด์ของพวกเธออยู่มิใช่หรือ อย่างน้อยก็ใช้เวลาในการปรับจูนกันอยู่ในยานจะดีกว่าน่ะ"

              "ถึงแม้ว่ากองยานที่คุ้มครองนั้นสแกนยานของพวกเราเหมือนที่คุณแอสเทลน่าสแกนไว้เลยสิครับ" ฟลาแน็กซ์กล่าว เนคมาดูซัมพยักหน้า

              ไม่ทันไรก็.... "ไทรแองเกิ้ลกำลังถึงที่หมาย ระบบเมฆอวกาศริชเวิร์ทภายใน 2 นาทีกันแล้วละคะ" แอมเบอร์รายงาน

              "โว้ว เร็วจังนะเนี้ย นึกว่าจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงกันเสียอีกน่ะ" วิลด้าบอก

              แอนเดรียกล่าว "นี้คงเป็นอนิสงห์ของเทคโนโลยี่ของชาวออร์เลี่ยนกันสิคะ"

              แล้วหลังจากนั้นก็.... "แฟ้ววววว แว้งงงง" ยานไทรแองเกิ้ลก็มาถึงระบบเมฆอวกาศริชเวิร์ท อันเป็นที่ตั้งของดิสก์เวิร์ด สถานีทรงเต่าขนาดใหญ่ยักษ์ อันมีช้างยืนบนกระดองและมีโดมแก้วอยู่เบื้องบนกันไว้ หากแต่มีกองยานบินรายล้อมไปทั่วทุกจุด ซึ่งก็.... "อื้ดๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา "ฟ้าวๆๆๆ" ยานรบวอร์ครุยเซอร์ยิงตอปิโดเข้าใส่ยานไทรแองเกิ้ลที่พุ่งเข้ามา "กองยานคุ้มกันยิงตอปิโดมาทางเราอย่างรวดเร็วแล้วคะ" แอมเบอร์กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "แจ้งทุกคนให้หาที่ยึดเอาไว้ เตรียมใช้สนามพลังป้องกันขีปนาวุธเดียวนี้เลย แอมเบอร์"

              "รับทราบคะ" แอมเบอร์กล่าว "เจ้าหน้าที่ทุกคนในยาน หาที่ยึดเอาไว้ ยานของเราจะรับแรงปะทะจากขีปนาวุธด้วยสนามพลังกันเดียวนี้แล้วละ" โดยพวกบริคซ์รีบหาที่ยึดเอาไว้โดยเร็ว "ฟ้าววววว ฟ้าววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" ตอปิโดพุ่งเข้าใส่ "แว้งงงงง" ซึ่งไทรแองเกิ้ลเปิดสนามพลังออกมา "ตรูมมมม ตูมมมมม ตูมมมมม ตูมมมมม" เข้าป้องกันตอปิโดเอาไว้

              "สภาพของสนามพลังเป็นไงบ้างละ" มาสวาร์ทาร์ถาม

              "ตอปิโดที่ยิงออกมานั้น ทำให้สนามพลังลดลงไป 24 เปอร์เซนต์นะคะ" แอนเดรียบอก แล้วก็.... "ตี้ดๆๆๆๆๆ" สัญญาณดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง "สงสัยว่ากัปตันยานคงจะรู้ว่าเราป้องกันการโจมตีเอาไว้ เลยติดต่อมาทางพวกเรากันนะคะ" แอนเดรียกล่าว

              เนคมาดูซัมสั่ง "งั้นก็ต่อสัญญาณเข้ามาได้เลย" แล้วภาพบนจอมอนิเตอร์ก็ปรากฎภาพของนายทหารหนุ่มผมสั้นในชุดทหารระดับสูงสีขาว

              "ถึงยานไม่ระบุสัญชาติ นี้คือยานสตาร์โคลัมบัสของกองกำลังพันธมิตรมนุษย์...." นายทหารคนนั้นกล่าว ซึ่งพอเห็นหน้าพวกไทรเวเซอร์แล้ว "....กองรบไทรเวเซอร์ พวกนายเองนะหรือ"

              พีวิลกล่าว "นายพลฮาซาเดน พวกเราต้องขอโทษที่ทำให้คุณตกใจกันนะครับ"

              ".....ก่อนหน้าที่เรามาถึงที่นี้ แอสเทลน่าก็บอกแบบนั้นเหมือนกันด้วยนะคะ" สเปียริทกล่าว

              โทมาส ฮาซาเดน ทิลเทอแรน ผู้บังคับบัญชากองยานและกองทหารของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์กล่าว "งั้นหรือ ดีแล้วละที่เป็นพวกนายไว้ แม้ว่าพวกนายจะเอายานอวกาศที่ไม่มีในฐานข้อมูลกันมาก็ตามน่ะ" แล้วก็สั่งการให้ "ยานรบที่เหลือ หยุดยิงก่อน ยานลำนี้เป็นยานรบของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ซึ่งมาที่นี้ตามคำสั่งของผู้นำเฮนรี่กันน่ะ"

              "จริงหรือครับ พี่รอง นี้แปลว่าพวกเขาคงจะขับไล่พวกเดลอาเนี่ยนออกไปได้แล้วสิ" เสียงของนายทหารหนุ่มผมยาวสีเขียวติดต่อเข้ามา

              โทมาสบอก "ก็จริงนะสิ เกรเบค เฮนรี่ ไนท์สั่งการให้กองกำลังไทรเวเซอร์เข้ามาที่ดิสก์เวิร์ดกันน่ะ"

              "โอ้ว ผู้การเกรเบค คุณอยู่เฝ้าดิสก์เวิร์ดกันนะหรือคะ" แอนเดรียบอก

            เกรเบค ทิลเทอแรน บุตรคนที่เก้าของตระกูลกล่าว "ใช่แล้วละ แม้ว่าผมกับกองรบที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่นั้นจะอยู่เฝ้าที่ดิสก์เวิร์ด แต่พวกผมก็ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการณ์นอกขอบเขตกันอยู่แล้วนะครับ" แล้วหันมาถาม "แต่ การที่พวกคุณยังอยู่ด้วยนิ คงจะรับมือกับพวกเดลอาเนี่ยนกันเลยสิน่ะ"

              "พวกเรานึกว่าพวกคุณจะไม่ทราบความเคลื่อนไหวของพวกเรากันเสียอีกน่ะ" สเปียริทบอก "โดยเฉพาะข่าวที่ผู้การมิลเดียให้สัมภาษณ์นั้น ดูเหมือนว่าต้นเหตุที่ทำให้กองยานรบที่ 7 รอดกลับมาเพียงน้อยนิด ได้เข้ามาที่ดาวของเราด้วยนะคะ"

              โทมาสบอก "พวกสเตรดาร์ธอย่างงั้นนะหรือ....เป็นความจริงอย่างงั้นละสิน่ะ"

              "ใช่ครับ ที่พวกเราเดินทางมานี้ก็เพื่อจะแจ้งเรื่องศัตรูอีกกลุ่มที่นอกเหนือจากพวกเดลอาเนี่ยนกันนะครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              โทมาสบอก "อืมมมม ถ้าเช่นนั้นก็ตามพวกเรามาเลยดีกว่าน่ะ อ้อ....โจเซฟยังอยู่ด้วยใช่มั้ย"

              "สิบเอกยังรอดอยู่นะครับ" พีวิลบอก

              โทมาสกล่าว "แจ้งให้เขาใส่สกินสูทและเซตระบบกันเชื้อโรคเอาไว้ด้วยน่ะ" แล้วยานสตาร์โคลัมบัสก็นำยานไทรแองเกิ้ลไปยังท่าจอดยานหมายเลข 18 กัน โดยที่.... "หวือๆๆๆๆ" รถบรรทุกลอยเหนือพื้นเคลื่อนตัวมารับเหมือนเช่นเคย ซึ่งโทมาสและเกรเบคพาพวกเมนซิกส์ทีนตรงดิ่งมายังเซนเตอร์บาเบลท์ หอศูนย์กลางหลักและที่ตั้งของสภาสูงของสมาพันธ์อวกาศ
     

              "โว้ว พวกนายยังรอดมาได้เลยหรือเนี้ย นึกแล้วเชียวว่า พวกเดลอาเนี่ยนเอาพวกนายไม่อยู่จริงๆด้วยน่ะ" ฮัลไทร์ ทิลเทอแรน บุตรคนที่หกผู้ที่ไว้ผมเกรียนพร้อมกับรอยแผลเป็นบนหน้าของเขากล่าวอย่างแปลกใจขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าเมนซิกส์ทีนมาอยู่ในห้อง มิลเดีย บุตรีคนสุดท้องของตระกูลกล่าว

              "ทีแรกเราก็ทราบข่าวเรื่องการรุกรานของพวกเดลอาเนี่ยนกันนั้น พวกเรารู้สึกหนาวๆร้อนๆ ว่าพวกนายรับมือกับพวกนี้ได้หรือเปล่า" และก็ถอดหายใจกันไว้ "สุดท้าย กองรบมหาจักรวรรดิ์ก็สู้พวกนายไม่ได้อย่างที่คิดไว้น่ะ"

              "หรือ....อุตสาห์เชื่อใจกันแล้วน่า ว่าจะเป็นคุณแม่ที่ดีและนายทหารที่ทำเพื่อคนอื่นกันแท้ๆเลยน่า" โฟรซ่าบอก

              ทิคแซท ท็อปเปอร์ ทิลเทอแรน บุตรคนที่สามกล่าว "แต่การที่นายรอดมาพร้อมกับพวกพ้องด้วยนั้น อย่างน้อยฉันกับคุณลาเลียก็โล่งใจได้บ้างน่ะ"

              "ดีแล้วละครับ ผู้ฝูง เพราะอย่างน้อย ผมกับพวกก็ต้องขัดขวางพวกเดลอาเนี่ยนไม่ให้รุกเข้ามาใกล้สมาพันธ์อวกาศกันได้นะครับ" แอบไบออสในชุดสกินสูทกล่าว

              เฮนรี่ ไนท์ ผู้นำของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์กล่าว "แล้ว ประธานาธิบดีโคเคสเป็นยังไงบ้างละ"

              "ประธานาธิบดีปลอดภัยดี เช่นเดียวกับทุกๆคนที่ร่วมรบกันมานะครับ ท่านผู้นำเฮนรี่" มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่ท่านกับพวกคงจะได้ทราบเรื่องของกองยานรบที่ 7 กันแล้วสินะครับ"

              เฮนรี่พยักหน้า "ทราบสิ พวกสเตรดาร์ธได้ท้าทายพวกเราด้วยการโต้ตอบกองยานรบที่เราส่งไปตรวจสอบกันไว้ นั้นบ่งบอกว่าพวกเขาคิดจะทำสงครามกับพวกเรากันด้วยน่ะ"

              "เกรงว่า พวกนั้นไม่ได้แค่ท้าทายพวกเรากันแล้วละ เฮนรี่ พวกสเตรดาร์ธได้หาเรื่องบุกจู่โจมแคสเซเดี่ยนกันด้วยน่ะ" โทมาสบอก พวกทิลเทอแรนที่เหลือต่างตกใจไม่น้อย

              ฮัลไทร์บอก "เป็นเรื่องจริงนะหรือ พี่รอง นี้พวกแมนิแฟคเตอร์จากสเตรดัสท์เซคเตอร์ กล้าถึงขนาดนี้กันเลยหรือ แล้วพวกนั้นคงไม่ถล่มชุมชนของพวกนายพังเละไปเลยละสิ"

              "ชุมชนของพวกเรานั้นไม่ได้พังเละหรอก พวกสเตรดาร์ธอะไรนั้นต่างหากละ ที่เละตุ้มเป๊ะกันนี้แหละ" คลอเวฟกล่าว

              เฮนรี่ถอนใจขึ้นมา "ซึ่งรวมถึงพันธมิตรของพวกแรซัลก้าที่ออกมาเคลื่อนไหวกันด้วยสิน่ะ..." แล้วก็บอก "ดีเลย เพราะท่านประธานสภาเรียกพวกนายมาเพื่อรับฟังรายงานความเคลื่อนไหวของพวกนายและพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วยน่ะ"

              "งั้นเชิญเลยครับ ท่านผู้นำ" เนคมาดูซัมกล่าว

              เฮนรี่เลย "ปี้บๆๆๆ" กดปุ่มเพื่อนำพื้นห้องประชุมลอยขึ้นไปพร้อมกับพวกไทรเวเซอร์และพี่น้องทิลเทอแรน ซึ่งก็ลอยขึ้นมายังโถงห้องประชุมสภาสูง โดยมีประธานสภาบาแลมโซ่ยืนอยู่บนแท่นสูงสุด พร้อมกับผู้นำทางทหารอย่างแม่ทัพไซบัลจ์ด้วย "พวกเจ้ามากันแล้วสิน่ะ สมาชิกกองกำลังไทรเวเซอร์ อดีตกองรบเวเซอร์เดิม ตัวแทนของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์" บาแลมโซ่บอก

              "แม้ว่าจะมีส่วนหนึ่งไม่ได้มาด้วย ในช่วงการประลองราชันย์ยอดนักสู้แห่งจักรวาลเมื่อ 3 เดือนก่อนก็ตาม แต่การที่พวกเจ้ายืนอยู่นี้ เท่ากับว่าระบบดาวของพวกเจ้านั้นต่อต้านการบุกของฝ่ายมหาจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยนกันได้เลยสิน่ะ" ไซบัลจ์กล่าว "และการที่พวกเจ้ามานี้ คงมาเพื่อรายงานความคืบหน้าของพวกเจ้า รวมถึงมีข่าวสารอะไรใหม่เกิดขึ้นมาละสิน่ะ"

              เนคมาดูซัมกล่าว "ขอรับท่านแม่ทัพไซบัลจ์ แต่ในระหว่างที่เรารับมือกับพวกเดลอาเนี่ยนกันนั้น มหาราชอาณาจักรทองคำสเตรดาร์ธจากระบบสเตรดัสท์เซคเตอร์ กับฝ่ายราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ทรอยอาร์ พันธมิตรของฝ่ายแรซัลก้า ได้ส่งกองกำลังมาแทรกซึมและจู่โจมพวกเรากันอยู่ ซึ่งตอนนี้พวกเรารับมือการบุกของพวกนั้นเช่นเดียวกับพวกเดลอาเนี่ยนนะครับ"

              "อืมมมมม เรามีเรื่องจะถามเจ้ากันสักหน่อยน่ะ" บาแลมโซ่บอก "ยานอวกาศที่เจ้าใช้งานกันนั้น เป็นยานอวกาศที่มาจากดาวที่พวกเจ้าอยู่หรือเปล่า"

              พีวิลกล่าว "ครับ ไทรแองเกิ้ลเดิมเป็นยานอวกาศที่พวกออร์เลี่ยนสร้างขึ้นมาและปิดผนึกเอาไว้ รอคอยให้มีคนนำมาใช้งาน ซึ่งพวกเราได้รับรู้เรื่องของพวกเขาและได้สืบทอดยานของพวกเขากันนะครับ"
    "ออร์เลี่ยนนะหรือ....อืมมมมม นึกแล้วเชียวว่าชนเผ่าที่ให้ระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์กันนั้น ได้หลงเหลือสมบัติของพวกเขาเอาไว้จริงๆด้วยน่ะ" บาแลมโซ่กล่าว เจเนลบอก "สมบัติของพวกออร์เลี่ยนอย่างงั้นนะหรือครับ"

              "เท่าที่ทราบมาน่ะ บรรพบุรุษของพวกเราได้พบปะกับชาวออร์เลี่ยนชุดสุดท้ายมา พวกเขาไม่เพียงมอบแผนที่ที่ตั้งระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ให้กับบรรพบุรุษของพวกเราไว้ แต่...ยังบอกถึงสมบัติที่พวกเขาหลงเหลือไว้ด้วยน่ะ" ไซบัลจ์กล่าว

              โฟรซ่ากล่าว "สมบัติที่ว่านิ คงไม่ใช่แค่ทรัพย์สินที่หาค่ามิได้เลยหรือคะ"

              "ออร์เลี่ยนเห็นเงินทองและเพชรนิลจินดาเป็นแค่ของนอกกายกันน่ะ เพราะพวกเขาเห็นองค์ความรู้ของพวกเขาเปรียบเหมือนสมบัติอันล้ำค่าที่หาค่ามิได้กันนี้แหละ" บาแลมโซ่บอก "แน่นอนว่า ความรู้ของพวกเขาไม่ว่าจะดีหรือเลว ล้วนมีความสำคัญต่อชนเผ่าในอวกาศทั้งปวง แม้กระทั่งพวกเจ้าเองก็ด้วยน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "และการสูญหายหรือถูกทำลายไปนั้น ก็คือความสูญเสียที่ไม่มีทางกู้กลับคืนมาได้เลยสิครับ"

              "ใช่ แม้ตลอดช่วงเวลาที่บรรพบุรุษของพวกเราได้นำสมาพันธ์อวกาศกันนั้น ยังไม่เข้าใจเลยว่าระบบดาวทางฝั่งตะวันออกอันเป็นพรมแดนเชื่อมต่อกับมหาจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยนกันนั้นมีอะไรที่สำคัญไม่น้อย จนถึงขั้นที่แพลตตินั่มอามาด้าต้องส่งกองยานไปประจำการที่โน่น โดยหนึ่งในนั้นก็คือท่านเอสเซคาร่าซารีทิสที่จากไปแล้วด้วยน่ะ" ไซบัลจ์กล่าว

              เฮนรี่บอก "นั้นคงเป็นเหตุผลที่พวกเดลอาเนี่ยนต้องบุกรุกหนักข้อมากขึ้น เพราะรู้ว่าสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์มีความรู้ของออร์เลี่ยนกันไว้นี้เองน่ะ" และหันมาถาม "ตอนนี้มีการค้นพบสมบัติลับของพวกออร์เลี่ยนกันแล้วหรือยังละ"

              "ท่านมหาประธานาธิบดีเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้พอๆกันกับเรื่องปกป้องดาวของพวกเรานะครับ" ฟิเกซบอก

              ไซบัลจ์กล่าว "แม้ว่านั้นเป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อย ที่พวกเจ้ามียานรบที่พวกเราแทบไม่เคยเห็นมานานหลายรุ่นกันแล้ว แต่การที่พวกเจ้านำยานลำนั้นออกมาโต้ตอบพวกเดลอาเนี่ยนลงไปได้นั้น เท่ากับว่าเจ้าได้นำสมบัติอันล้ำค่าชิ้นแรกของชาวออร์เลี่ยนที่สูญหายไปนานแสนนานกลับมากันอีกครั้งแล้วละ" แล้วก็หยิบแฟ้มมา "หากแต่....ทางเรามีคำถามที่พวกเจ้าเองก็ทราบดีกันอยู่แล้ว เกี่ยวกับกลุ่มลูกเรือที่เจ้านำมาจากเมลลอท-4 กันนั้น พวกเจ้าคงจะตอบตามความจริงสิน่ะ"

              "สมแล้วที่ท่านแม่ทัพไซบัลจ์รู้เรื่องกันมา พวกเราเองก็ไม่อาจปิดบังกันได้นะครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "ความจริงแล้ว พวกเราค้นพบประตูมิติที่เชื่อมต่อจากดาวที่พวกเราอยู่ ตรงดิ่งไปยังเมลลอท-4 กันนะครับ"

              "ว่ายังไงน่ะ....เป็นความจริงนะหรือ...." ไซบัลจ์กล่าวอย่างตกใจไม่น้อย

              พีวิลพยักหน้า "พวกเราไม่กล้าโกหกกันอยู่แล้วละครับ ยิ่งอยู่ต่อหน้าประธานสภาด้วยแล้ว ถึงโกหกไป ท่านก็มีคำตอบที่เราปิดบังเอาไว้อยู่ดีนั้นแหละครับ"

              "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่กลุ่มนักรบชาวฮอสไซน์และสเนคไคท์มาแจ้งข่าว ว่าไม่เห็นเงาหัวลูกชายคนหนึ่งของหัวหน้าเผ่าบีสทอยด์งูกันเลย รวมถึงพวกลูกๆของหัวหน้าเผ่าบางคนด้วยน่ะ" ไซบัลจ์บอก "และพวกเจ้าคงจะแวะไปที่ดาวดวงนั้นมาก่อนหน้าเลยสิน่ะ"

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ครับ พวกเรารับส่งของที่นายแม่รัคชูมี่แห่งควอเดี่ยม เอาไปส่งที่ดาวดวงนั้นเพื่อช่วยเหลือคนของนายแม่ที่อยู่บนดาว ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือพวกบีสทอยด์กันด้วยนะครับ"

              "รวมถึงแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของพวกเราให้ทราบ พร้อมเตือนให้พวกเขาระวังตัวกันไว้นะครับ" เจเนลบอก

              ไซบัลจ์กล่าว "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะพวกเรายังหวั่นเกรงว่าพวกเขาคิดจะสะสมกองกำลังไว้จู่โจมพวกเรากันหรือเปล่าน่ะ แม้ว่าฉันได้ส่งเหล่านักรบลงไปที่ดาวนั้นมาหลายครั้งในช่วง 4 เดือนก่อน จนรู้ว่า พวกนี้ทำให้ยานรบที่โดยสารมาอัปปางจนนำขึ้นมาไม่ได้น่ะ"

              "แล้วตอนนี้ พวกลูกๆของเหล่าหัวหน้าเผ่าก็อยู่กับพวกเจ้าแล้วสิน่ะ" บาแลมโซ่บอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า ประธานสภากล่าว "ข้าหวังว่าความสามารถในการรับผิดชอบผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเจ้าคงจะดีเยี่ยมพอๆกันกับความสามารถในการต่อสู้ของพวกเจ้าด้วยน่ะ"

              ไซบัลจ์บอก "แต่ถ้าจะขอความช่วยเหลือจากทางเราในการปกป้องระบบดาวของพวกเจ้าละก็ ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้กันนี้แหละ"

              "ว่าแต่ มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นละครับ" พีวิลถาม

              บาแลมโซ่กล่าว "ผู้นำเฮนรี่ ช่วยอธิบายให้กับพวกไทรเวเซอร์ถึงสถานการณ์ในเวลานี้กันหน่อยนะ"

              "ครับ ท่านประธานสภา" เฮนรี่กล่าว และเล่าไปว่า "พวกนายคงจะทราบแล้วสิน่ะ ว่าความเสียหายจากการรุกรานของฝ่ายแรซัลก้านั้น หนักหนาแค่ไหนน่ะ"

              เนคมาดูซัมกล่าว "เราทราบดีอยู่แล้วละครับ ผู้นำเฮนรี่ และถ้าให้เดา ในช่วงที่สมาพันธ์อวกาศกำลังฟื้นฟูความเสียหายอยู่นี้ ก็มีพวกไม่หวังดีมาซ้ำเติมจนขัดขวางการฟื้นฟูดังกล่าวเลยสิครับ"

              "ใช่ จากการที่ฝ่ายแรซัลก้าใช้เนมีซิสโปรเจคจู่โจมทุกชนเผ่าในเขตอวกาศของทางสมาพันธ์ ซึ่งรวมถึงฝ่ายมนุษย์กันนั้น แม้ว่าพวกนายสามารถคลี่คลายสถานการณ์จนทำให้การแปรสภาพทุกชนเผ่าในอวกาศให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์กลับคืนสู่สภาพเดิมไปได้ก็จริง" โทมาสบอก "แต่....ส่วนหนึ่งไม่ได้คืนสภาพกลับเป็นเหมือนเดิมกันไว้ โดยเฉพาะกับพวกที่ถูกแปรสภาพในช่วงก่อนหน้าครั้งที่สองและสามกันน่ะ" แล้วก็นำภาพของชนเผ่าต่างดาวที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์ออกก่อความเดือดร้อนกันขึ้นในเมือง

              "ไม่นึกเลยว่า ผลลัพธ์มันจะแย่ถึงเพียงนี้กันนะคะ" แอนเดรียกล่าว

              "และนั้นต้องลำบากกรมตำรวจอวกาศและกองกำลังลาดตระเวนอวกาศ ในการปราบปรามพวกที่ถูกแปรสภาพซึ่งก่อความเดือดร้อนกันขึ้นมา แม้กระทั่งพวกที่ชักจูงและสั่งการกันด้วย แม้ว่าผู้นำเฮนรี่ เสนอแนวทางลดทอนความรุนแรงและการสูญเสียบุคคลที่มีความสามารถ แต่ถูกแปรสภาพกันไว้เลยก็ตามน่ะ" ไซบัลจ์กล่าว

              แอบไบออสบอก "ว่าแต่แนวทางนั้น คงไม่ได้หมายถึง....."

              "ใช่ เราคิดจะให้ แพททรีเซียช่วยคืนสภาพเหล่าเหยื่อที่ถูกแปรสภาพให้กลับสู่สภาพเดิมกันไว้นะ แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลกันเลยก็ตาม" เฮนรี่บอก "อย่างน้อย นั้นเป็นการไถ่โทษในสิ่งที่เธอ แล้วก็คุณเมซ่าก่อขึ้นมาไว้กันน่ะ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แล้วมีวิธีแก้ไขกันแล้วหรือคะ"

              "ตอนนี้สถาบันการแพทย์ทางทหารที่ 14 บนดาวเดียเนลนั้น ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการแปรสภาพพวกที่กลายเป็นแมนิเกเตอร์กันมาตลอด 4 เดือน โดยการวิจัยนี้เป็นการวิจัยลับสุดยอดกันนี้แหละ" เฮนรี่กล่าว

              โทมาสบอก "เมื่อ 2 เดือนก่อน แพททรีเซียฟื้นตัวหลังจากทำกายภาพบำบัดแล้ว หากแต่...เรารู้ดี ว่าความจำของเธอยังลางเลือนกันอยู่น่ะ"

              "โปรเจคลับนะหรือ หมายความว่ายังไงกันน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              ทิคแซทกล่าว "จำส่วนผลึกและวัตถุดิบที่พวกแรซัลก้ารวบรวมมา โดยอาศัยการรุกรานของพวกนั้นปิดบังความเคลื่อนไหวลับๆกันขึ้นมาได้มั้ยละ คือ....ทางสถาบันที่เดียเนล กำลังค้นคว้ากันอยู่นะสิ"

              "หมายถึง ผลึกโชนโครคิฟที่อาบพลังงานจากผลึกไครฟาริน พลังงานไลฟ์ฟอสจากไลฟาน่าและเครือข่ายพลังชีวิตทุกชนเผ่าในนาวามังกรอสูรอย่างงั้นละสิน่ะ แต่ มันน่าจะสูญสลายไปพร้อมกับคุณเมซ่ามิใช่หรือ" พีวิลบอก

              โทมาสส่ายหน้า "เปล่า ถึงคุณแม่จะรวมร่างกับพี่ใหญ่จนเป็นแพทรีเซียกันแล้ว กองผลึกที่อยู่รอบๆนั้น นอกจากจะไม่สูญสลาย แต่แปรสภาพจนเปลี่ยนเป็นผลึกพลังงานบริสุทธิ์กันอยู่ โดยทางเราส่งทีมวิจัยทุกแขนงไปที่เดียเนล เพื่อทำการวิจัยเพิ่มเติมกันไว้ ซึ่งโปรเจคลับนี้มีแต่พวกเรา ท่านประธานสภาและแม่ทัพไซบัลจ์รู้เท่านั้นเองน่ะ"

              "ดีแล้วคะ เพราะถ้าให้คนอื่น รวมถึงคนที่ไม่หวังดีต่อสมาพันธ์อวกาศรู้ว่ามีโปรเจคลับที่เดียเนลกันแล้ว รับรองว่า เรื่องเดือดร้อนต้องตามมาแน่นอน" โฟรซ่าคาดการณ์

              มิลเดียกล่าว "แม้ว่าตอนนี้พวกพี่ๆทั้งสี่ตายไปในการรบกันแล้ว แต่....เหล่าผู้คนที่เดือดร้อนและมีความแค้นต่อพวกพี่ใหญ่นั้น ยังคงอยู่กันเลยน่ะ"

              "ถ้าแพททริคและพวกยอมให้กระบวนการกฎหมายลงโทษและไม่หาทางหนีการตามล่า เรื่องมันคงไม่ลงเอยแบบนั้นหรอกน่ะ" ฟิเกซบอก

              บาแลมโซ่กล่าว "นอกจากกลุ่มต่างดาวที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์ก่อความเดือดร้อนกันไปทั่วเขตอวกาศของฝ่ายเราแล้ว พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเองก็เคลื่อนไหวคุกคามเขตอวกาศของพวกเรา รวมถึงระบบดาวของพวกเจ้ากันด้วยนั้น คือเรื่องที่ทำให้การฟื้นฟูความเสียหายชะงักลงไป ซึ่งรวมไปถึง...การส่งกองยานมาช่วยคุ้มกันระบบดาวของพวกเจ้ากันด้วยน่ะ"

              "แต่ด้วยการมาของพวกเจ้านั้น คงจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวเอาไว้กันได้น่ะ แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่มีกองทหารมาช่วยเหมือนคราวที่แล้วก็ตามน่ะ" ไซบัลจ์บอก

              เนคมาดูซัมบอก "พวกเราทราบดีนะครับ ท่านแม่ทัพไซบัลจ์ เพราะตอนนี้ปัญหาที่พวกเราและพวกท่านเผชิญมา ได้กลายเป็นปัญหาเดียวกันแล้วนะครับ"

              "ถ้าเช่นนั้นการประชุมในครั้งนี้ ขอจบเพียงเท่านี้แล้วกันน่ะ เลิกประชุมได้" บาแลมโซ่บอก แล้วพวกไทรเวเซอร์และพวกเฮนรี่ กลับมาที่ห้องประชุมตามเดิม

               "สภาพการณ์ในเขตอวกาศตอนนี้ วุ่นวายไม่น้อย พวกนายคงเข้าใจน่ะ ว่าพวกเราไม่มีทางส่งกองยานไปช่วยคุ้มกันระบบดาวของพวกนายได้จริงๆน่ะ" โทมาสบอก

              "งั้นก็คงมีแค่ต้องช่วยกองกำลังสมาพันธ์คลี่คลายความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกันเลยสิครับ" พีวิลบอก

              ทิคแซทพยักหน้า "แม้ว่านั้นจะทำให้พวกเดลอาเนี่ยนบุกรุกเข้ามายึดดาวในระบบของพวกนายกันก็ตาม อย่างน้อย นั้นเป็นสิ่งเดียวที่พวกนายควรทำ พอๆกันกับเข้าขัดขวางแผนการของพวกเดลอาเนี่ยน และหยุดยั้งพวกทรอยอาร์กับสเตรดาร์ธกันด้วย เพราะทั้งสองฝ่ายเอง ต่างก็รู้ชื่อเสียงของพวกนายกันมาแล้วน่ะ"

              "แต่....เกรงว่าพวกเราไม่ได้เจอกับทั้งสองฝ่ายกันเป็นครั้งแรกเลยนะคะ" ไซโคลเนียบอก

              จิลกล่าว "เพราะในระหว่างที่พวกเราร่วมรบกับพวกคุณในการหยุดยั้งพวกกองรบของแรซัลก้า ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธส่งหน่วยรบเข้ามารังควานกองยานของเราไว้นะคะ"

              "จริงหรือ แล้วพวกนายไม่เคยรู้เรื่องกันเลยหรือไงกันน่ะ" มิลเดียถาม

              โฟรซ่าบอก "ก็เราพึ่งจะมารู้เอาหลังจากที่รู้ว่าหน่วยรบหลังฉากตกอยู่ในวงล้อมของกองรบทั้งสองฝ่ายกันนี้แหละ แน่นอน ว่าคราวที่แล้ว ทั้งทรอยอาร์และสเตรดาร์ธส่งกองรบมารับซื้ออาวุธเถื่อนจากกลุ่มอาชญากรรมอันน่ากลัวที่ปรากฎตัวในดาวของเรากันแล้วน่ะ"

              "โว้ว นั้นบ่งบอกได้ว่าทั้งสองฝ่ายกำลังทำอะไรกันแล้ว บ่งบอกได้เลยว่า พวกนี้ถ้าไม่คิดรุกรานระบบดาว ก็คิดจะก่อการร้ายขึ้นอย่างลับๆด้วยอาวุธของพวกนายกันน่ะ" เกรเบคกล่าวอย่างหวั่นเกรงไม่น้อย "ยิ่งในตอนนี้ เราทราบข่าวมาว่า มีกลุ่มอาชญากรรมที่หลบหนีไปเขตอวกาศทางตอนเหนือได้กลับมาถึงสองกลุ่มด้วยกันน่ะ"

              ฟิเกซบอก "ถ้าให้เดา  แก็งค์กริเดี้ยนโร็คกลับมากันแล้วสิครับ"

              "ใช่ กรมตำรวจอวกาศได้เข้าปะทะกับแก็งค์เดิมของมือป่วนไซเมี่ยนกันมาหลายครั้ง ซึ่งนั้นไม่ดีเอาเสียเลย เพราะพวกนั้นขนเอาอาวุธของพวกเฮซเทิร์ซกลับมากันด้วยน่ะ" ฮัลไทร์บอก

              ทิคแซทกล่าว "แต่ถ้าพวกนั้นขนเอาพวกเฮซเทิร์ซมาด้วยละก็ รับรองว่านั้นเป็นเรื่องเลวร้ายมากๆ และนั้นหมายถึงกองยานของพวกเราต้องสกัดกั้นการบุกของพวกเฮซเทิร์ซขึ้นมา ซึ่งพวกนั้นคงไม่ได้บุกมาจากระบบดาวเจเนซิลกันอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงเขตอวกาศทางตอนกลางด้วยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกสเตรดาร์ธที่ออกนอกระบบดาวนั้น ก็คือพวกผกก. หน่วยก่อวินาศกรรม พวกกบฎ ไปจนถึงอาชญากรสงคราม โดยเฉพาะอย่างหลังนั้น เราเจอบ่อยที่สุดกันน่ะ" โทมาสบอก

              ทิคแซทบอก "และส่วนหนึ่งนั้น ล้วนเป็นมิตรกับคิฟทรอนกันด้วย ซึ่งคงไม่ต้องบอกหรอกน่ะ ว่าคิฟทรอนติดต่อกับพวกสเตรดาร์ธไปเพื่ออะไรน่ะ"

              "แต่อย่างน้อย ไอ้เวรนั้นมันก็ตายไปแล้ว ใช่ ต้องขอบใจไซมาเทนด้วยที่ช่วยส่งไอ้เวรระยำนั้นไปให้พวกเฮซเทิร์ซเชือดกันน่ะ" คลอเวฟกล่าว

              เฮนรี่บอก "ดังนั้น ทางเราจึงอยากจะแจ้งให้พวกนายรับทราบกันหน่อยนะ ว่าถ้าทางเราเจอกับกลุ่มศัตรูที่เกินกำลังของพวกเรากันละก็ ทางเราจะแจ้งให้ทางต้นสังกัดของพวกนายรับทราบและส่งพวกนายให้มาช่วยงานของพวกเรา และทางสมาพันธ์อวกาศกันไว้น่ะ"

              "แม้ว่าพวกเรามีเรื่องที่ต้องหยุดยั้งพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วยนะหรือครับ" มาสวาร์ทาร์บอก

              โทมาสกล่าว "ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น พวกนายก็ต้องแจ้งทางเราให้ทราบไว้กันน่ะ เพราะพวกศัตรูฉวยโอกาสที่พวกเราฟื้นตัวมาซ้ำเติมกันไว้" แล้วก็พูดต่อ "ซึ่งนั้นรวมถึง รายการแข่งขันที่ทางสมาพันธ์อวกาศจัดขึ้นมาด้วย แน่นอนว่า แม่ทัพไซบัลจ์เองก็ต้องการให้พวกนายเข้าร่วมการแข่งขันเหล่านี้ ในฐานะสมาชิกกลุ่มหนึ่งของทางสมาพันธ์กันแล้วน่ะ"

              "อย่าง การประลองศึกราชันย์ยอดนักสู้แห่งจักรวาลละสิน่ะ" ฟิเกซบอก

              เฮนรี่พยักหน้า "....ตอนนี้พวกนายรู้สถานการณ์กันแล้ว ดังนั้น เวลาว่างจึงมี ฉันจึงอนุญาตให้พวกนายแวะไปที่คฤหาสน์ตระกูลทิลเทอแรนกันน่ะ"

              "ดีเลยครับ เพราะว่าพวกเราจะแวะไปเยี่ยมท่านนายพลเกรย์สันอยู่พอดี" พีวิลกล่าว

              โทมาสตอบ "....คุณพ่อคงอยากจะเห็นหน้าพวกนายกันแล้วน่ะ"


              ที่คฤหาสน์ตระกูลทิลเทอแรน

              "ฉัน เฮนรี่ และประธานสภาบาแลมโซ่ คิดไม่ผิดแล้วละ ที่ส่งพวกเธอไปอาศัยอยู่ที่พรมแดนตะวันออกกันน่ะ แค่กๆๆๆๆ" เกรย์สัน ทิลเทอแรน อดีตจอมพลของตระกูลทิลเทอแรนกล่าว โดยนั่งบนรถเข็นเอาไว้ สีหน้าของเขาซีดเซียวแต่กล่าวอย่างดีใจขึ้นมา เมื่อได้เห็นพวกไทรเวเซอร์อยู่ตรงหน้า

              "ไม่นึกเลยนะครับ ท่านนายพลเกรย์สัน ว่าตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานี้ สุขภาพของท่านไม่ดีเลยนะครับ" พีวิลบอก

              "เธอคิดว่าฉันอายุใกล้เคียงกับเฮนรี่ ไนท์ละสิน่ะ แต่....เปล่าเลย เพราะอายุของฉันนั้น ควรจะใช้ชีวิตเกษียณอายุในบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตกันแล้วน่ะ" เกรย์สันพูดและไอขึ้นมา

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นี้ท่านยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อผู้การแพททริคและคุณเมซ่าเลยสิครับ"

              "ถึงแม้ฉันจะปล่อยวางเรื่องนี้กันไปได้ เพราะว่าแพททริคกับเมซ่ารอดกลับมาได้ในสภาพใหม่กัน เช่นเดียวกับ โทมาสที่ตอนนี้ มีคู่ชีวิตกันแล้ว ฉันก็รู้สึกหายห่วงกันแล้วละ" เกรย์สันบอก "แต่อาการของคนชรา ที่ทรุดโทรมจากการที่โอลดาธเล่นงานฉันเมื่อคราวก่อนนั้น แม้จะมีเครื่องช่วยกู้ชีพติดตั้งเอาไว้ ฉันยังเจ็บๆหายๆมาตลอด 4 เดือนด้วยกัน ซึ่งหนูดาริมมาช่วยดูแลฉันอยู่ตลอดนี้แหละ"

              ดาริม ภรรยาของโทมาสกล่าว "ท่านนายพลเกรย์สันกับคุณพ่อของฉันเป็นเพื่อนกันมาก่อน เขาจึงเป็นเหมือนคุณพ่อของฉันด้วย แม้ว่าตอนนี้คุณพ่อของฉันนั้น....ได้จากไปแล้วนะคะ"

              "ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ว่าการสดัลลินด้วยนะคะ" แอนเดรียกล่าว

              ดาริมพยักหน้า "เช่นเดียวกันกับผู้การเฮลิคกันด้วย แม้ว่าผู้การเดลิคจะมาแทนกันก็ตาม การจากไปของเขานั้นพวกคุณคงไม่ลืมเลือนเลยสิคะ"

              "ถ้าไม่เพราะการเสียสละของผู้การเฮลิค พวกเราคงไม่ได้มาถึงจุดนี้กันด้วยนะคะ ไซโคลเนียกล่าว

              เกรย์สันบอก "แม้ว่างานแต่งของโทมาสกับหนูดาริมจะจัดขึ้นหลังจากที่พวกเราและพวกเธอได้ชัยชนะจากมหาสงครามแรซัลก้ากันมา เราต่างสูญเสียคนที่เรารักไปไม่น้อย แม้ว่าพวกเขาล้วนก่อเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกันเลยก็ตาม....แต่พวกเธอก็ยังก้าวเดินต่อไปนั้น ฉันรู้สึกอิจฉากันไม่น้อยเลยละ"

              "ถ้าเช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนท่านนายพลกันแล้วนะครับ" เนคมาดูซัมบอก

              ดาริมกล่าว "งั้นขอให้พวกคุณโชคดีแล้วกันนะคะ เพราะตอนนี้ สภาพการณ์ในเขตอวกาศนั้นยังวุ่นวายกันอยู่นะคะ"

              "ฉันนึกว่าคุณกับพวกจะถูกพวกเดลอาเนี่ยนจับกุมไปเสียอีกนะคะ" ลาเลียกล่าวกับแอบไบออส โดยที่เธออยู่ในสวนหน้าบ้านไว้

              แอบไบออสบอก "แต่อย่างน้อย ผมก็รอดกลับมาพร้อมกับทุกๆคนกันแล้ว และผมไม่ยอมให้พวกเดลอาเนี่ยนรุกคืบไปมากกว่ากันด้วย"

              "จนแล้วจนรอด คุณทำเพื่อพวกเรากันเลยสิคะ" ลาเลียตอบ "แม้ว่าคุณจะสู้เพื่อพวกเรามามากก็จริง แต่ก็อย่าหักโหมเกินตัวไปนะคะ เพราะไม่ใช่แค่ฉันกับลูกๆเป็นห่วง แต่มันหมายถึงทุกๆคนและผู้การทิคแซทด้วย"

              แอบไบออสพยักหน้า "ผมทราบดีแล้วละ ที่รัก แล้ว โจเซฟินกับเกร็กล่ะ"

              "ลูกๆยังสบายดีกันอยู่นะคะ ตอนนี้ก็ให้โจเซฟินกลับไปเรียนกันแล้ว เช่นเดียวกับเกร็กด้วย แม้ว่าคุณอาจจะทำให้พวกเขา..." ลาเลียกล่าวอย่างไม่สบายใจ

               แอบไบออสถอนใจขึ้นมา "ลูกคงจะไม่พอใจที่พ่อมีสารรูปแบบนี้เลยสิน่ะ หวังว่าคุณคงจะปลอบใจเกร็กได้น่ะ...."

              "คุณเองก็ระมัดระวังกันให้มากนะคะ" ลาเลียบอก

              ทิคแซทกล่าว "ฉันรู้สาแก่ใจดีน่ะ ว่าเรื่องต่อจากนี้จะต้องเกิดกันบ้าง ซึ่งฉันอยากจะให้นายเข้าใจสักหน่อยน่ะ โจเซฟ รวมถึงเรื่องที่คุณลาเลียเตือนมาด้วย"

              "ผมรู้ดีแล้วละครับ ผู้ฝูง พวกเดลอาเนี่ยนร้ายกาจมาก และต้องการจะยึดทุกส่วนของดาว ไม่สิ ทุกดาวในระบบที่พวกเราอยู่ ถ้าผมกับพวกไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ แล้วจะเป็นใครได้ละครับ" แอบไบออสบอก

              ทิคแซทพยักหน้า "นั้นก็ดีแล้วละ และขอให้นายมีสติสัมปะชัญญะครบถ้วนไว้แล้วกันน่ะ อย่างน้อยก็เห็นแก่ลูกๆของนายกันบ้างน่ะ" แล้วทิคแซทก็พาลาเลียออกไป

              "คุยกับคุณลาเลียเสร็จแล้วละสิครับ สิบเอก" พีวิลกล่าว

              แอบไบออสพยักหน้า "ตอนนี้ ลูกๆก็เดือดร้อนเพราะอัตลักษณ์เดิมของฉันที่เป็นอยู่ ซึ่ง....แม้ว่านั้นไม่อาจจะแก้คืนได้เลยก็ตาม หวังว่าผู้ฝูงคงจะช่วยดูแลทั้งโจเซฟินและเกร็กกันได้น่ะ"

              "นั้นเป็นสิ่งที่ผู้การทิคแซททำพร้อมกับงานภายในกองทัพกันนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าว "เสร็จจากเรื่องนี้ คงถึงเวลาไปเยี่ยมเพื่อนแมนิแฟคเตอร์ของเรากันดีกว่าน่ะ" โดยมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งก็เจอกับ....

              "โอ้ว พวกนายอยู่ครบกันดีเลยสิน่ะเนี้ย" ชายหนุ่มผมสั้นใส่แว่นกล่าวทักทายเมื่อพวกไทรเวเซอร์แวะเข้ามาในร้านอาหาร

              "ไม่ได้เจอซะนานเลยน่ะ คุณเรมมิส 4 เดือนผ่านมานิ คงจะสอนลูกศิษย์ไปพร้อมกับหาเรื่องป่วนคนเลวๆกันอยู่ละสิ" ฟิเกซบอก

              เรมมิสกล่าว "แม้ฉันเป็นครูของไซเมี่ยน แต่ก็อย่าลืมน่ะ ว่าฉันแค่สั่งการ แนะนำ และให้คำปรึกษากันเท่านั้นแหละ" แล้วก็เชิญพวกไทรเวเซอร์มานั่งโต๊ะที่จองเอาไว้ "ว่าแต่ ตลอด 4 เดือนของพวกนายนิ เจอตัวไซเมี่ยนแล้วหรือยังละ"

              "เกรงว่าตอนนี้ ไซเมี่ยน....ก่อเรื่องจนมีค่าหัวกันแล้วนะสิ" สเตฟอร์ดเอาใบประกาศจับที่แปะไว้ในบาร์ที่อยู่ในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนมาให้ เรมมิสเห็นก็อุทาน หลังจากที่เด็กเสิร์ฟเอาอาหารมาวางบนโต๊ะ

              "กะแล้วเชียว ว่าไซเมี่ยนอยู่ที่โน่นแล้วจะไม่ก่อเรื่องนิ มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนกันน่ะ หึๆๆๆ" แล้วก็หันมาถาม "แล้วแฟนสาวของไซเมี่ยนละ"

              "ยังสบายดีกันอยู่น่ะ หากแต่อยู่ในความควบคุมของผบ.บัลโต้ก็เท่านั้นเองแหละ" สเปียริทถาม

              เรมมิสกล่าว "ดีแล้วละ ที่พวกเธอแวะมาหาฉันกันน่ะ เพราะ....เครือข่ายของทางเราได้แจ้งมา.... ว่าตอนนี้ คามาลตัสและแก็งกริเดี้ยนโร็คกลับมากันแล้ว"

              "ถ้าเป็นเรื่องนั้น เราทราบจากพวกผู้การฮาซาเดนแล้วละ" เนคมาดูซัมบอก

              เรมมิสบอก "นั้นแค่ส่วนหนึ่งเองน่ะ ข้อมูลที่ทางเราได้รับมานั้น คามาลตัสไม่เพียงนำเข้าอาวุธของพวกเฮซเทิร์ซเข้ามากันอย่างเดียว แต่....หมอนั้น....แอบติดต่อกับพันธมิตรของแรซัลก้าและกลุ่มผกก.จากเขตสเตรดัสท์เซคเตอร์กันด้วยน่ะ"

              "จริงดิ นี้แปลว่า ไอ้คามาลตัสคิดจะค้าขายอาวุธกับพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธกันอย่างงั้นนะหรือ" คลอเวฟกล่าว

              เรมมิสพยักหน้า "ใช่ นอกจากจะประกาศศักดาต่อสมาพันธ์อวกาศและพวกนาย ว่ากริเดี้ยนโร็คพร้อมจะผงาดขึ้นแท่นเป็นองค์กรอาชญากรรมอันแข็งแกร่งที่สุด โดยไม่กลัวเกรงต่อพวกสมาพันธ์ หรือแม้กระทั่งพวกนายกันด้วยแน่นอน" แล้วก็หั่นสเต็กไก่มากิน และพูดต่อหลังกินจบ "แต่....ดูเหมือนว่าคามาลตัสยังไม่เชื่อสนิทกันด้วยน่ะ ว่าไซเมี่ยนยังไม่ตายกันนะสิ"

              "โอ้ว นี้อย่าบอกน่ะ ว่าไอ้หัวหน้าแก็งค์มันยังไม่เลิกราต่อไซเมี่ยนและซาดูร่ากันน่ะ" เจเนลบอก

              เรมมิสตอบ "ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา คามาลตัสพยายามรีดไถ่ผู้คนบนดาวที่เหล่าสมุนย่างกร่ายเข้ามา รวมถึงพวกเราเองด้วยนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อบีบให้ไซเมี่ยนที่อยู่ที่ดาวดวงใดดวงหนึ่งในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนให้รีบกลับมาโดยเร็ว แต่...ฉันรู้ดี ว่าคามาลตัสคงไม่ทำแค่นั้นแน่ๆ ซึ่งพวกนายเองก็รู้ดีอยู่แล้วใช่มั้ยละ"

              "ทั้งๆที่ซาดูร่าอยู่ในความดูแลของพวกผบ.บัลโต้กันนะหรือคะ นี้แสดงว่า คามาลตัสคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ หากทั้งซาดูร่าแล้วก็ไซเมี่ยนยังมีชีวิตอยู่กันน่ะ" สเปียริทกล่าว

              เรมมิสตอบ "เผลอๆอาจจะหมายรวมถึงคุณพี่ชายของไซเมี่ยนกันด้วย ยิ่งฉันรู้มาว่าพวกนายเจอกับกลุ่มอาชญากรที่น่ากลัวที่สุดในแรซัลก้าซึ่งควรจะถูกกวาดล้างไปนานแล้วนั้น เรื่องนี้ยิ่งหนักหนามากขึ้นหากคามาลตัสไปร่วมมือกับแก็งค์เหล่านั้นนะ"

              "ไม่มีทางหรอกน่า คุณเรมมิส คามาลตัสรู้ดี ว่าแก็งค์ริดโอนั้นน่ากลัวและเห็นพวกแก็งค์ที่เป็นแนวร่วมช่วยเหลือเป็นแค่เครื่องมือ ถ้าคามาลตัสยื่นมือเข้ามาช่วย ก็เท่ากับว่ายื่นแก็งค์ที่ยึดจากไซเมี่ยนมาให้ถูกพวกนั้นเชือดทิ้งกันซะมากกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              เรมมิสพยักหน้า "แต่ก็ต้องคิดเผื่อกรณีที่คามาลตัสนึกแผนการอะไรไม่ออกกันไปด้วย เพราะคามาลตัสมองพวกนายเป็นศัตรูเหมือนกับแก็งค์มาเฟียสุดโหดนั้นด้วย ส่วนหนึ่งเพราะพวกนายจัดการกับลูกแก็งค์ส่วนหนึ่งในช่วงตามจับไซเมี่ยนกันไว้น่ะ"

              "ขอบคุณสำหรับข้อมูลของพวกแก็งกริเดี้ยนโร็คกันนะครับ" พีวิลบอก

              เรมมิสบอก "ไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างน้อย ฉันและพวกๆเชื่อว่าพวกนายสามารถแก้ไขปัญหาที่พวกคามาลตัสก่อขึ้นอย่างแน่นอน" แล้วก็พูดต่อ "จริงสิ มีนักการเมืองคนหนึ่งเขาอยากจะสนับสนุนกลุ่มสหพันธมิตรของพวกนายกันน่ะ"

              "นักการเมืองนะหรือ....พอจะทราบมั้ยว่าเป็นใครกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              เรมมิสบอก "เดรมิงเกล คาดาสลี่ แมนิแฟคเตอร์จากดาวเทรเซียน-2 ยอดนักการเมืองผู้ชาญฉลาด ผู้ใช้ความพยายามในการไต่เต้าจากนักการเมืองมาเป็นวุฒิสมาชิกสภาสูงของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ แม้ว่าจะได้ตำแหน่งมาจากการสังขายนาล้างบางพวกคอรัปชั่นของเฮนรี่ ไนท์กันก็ตาม" แล้วก็แนะนำต่อไปว่า "แต่ทางที่ดี พวกนายไม่จำเป็นต้องรับข้อเสนอจากเขาก็ได้น่ะ"

              "คุณเดรมิงเกลมีปัญหาอะไรกันหรือครับ" พีวิลถาม

              เรมมิสบอก "เดรมิงเกล แค่อยากจะใช้พวกนายเป็นเครื่องมือในการหาเสียงและช่วยให้เขาขึ้นสู่จุดสูงสุดกันยังไงละ แม้ว่าฉันพยายามแนะนำให้เขาเดินตามแนวทางของเฮนรี่ ไนท์ แต่หมอนั้นบอกอะไรรู้มั้ย ว่าถ้าทำแบบนั้น เขาก็ไม่ต่างอะไรไปกว่าหมาหัวเน่าที่โดนเมินเฉยกันพอดี หากไม่สนับสนุนกองรบแมนิเกเตอร์จากแคสเซเดียนกันไว้ ซึ่งฉันขอร้องก็แล้ว พูดข่มขู่ก็แล้ว เดรมิงเกลก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจกันเลยน่ะ"

              "นั้นไม่แปลกเลยที่เขาจะคิดเช่นนั้น และถึงเขาจะขอร้องมา เราก็ทำเช่นนั้นไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าเรามีกฎอยู่ ว่าห้ามให้การสนับสนุนฝ่ายการเมืองกันนะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยเอ่ยถึงกฎข้อที่ 15 กัน

              เรมมิสบอก "ดีแล้วละ ที่มีข้ออ้างกันไว้เลยน่ะ แม้ว่าเขาจะขอให้ฉันช่วยพาพวกนายมากันก็ตามน่ะ"


    ต่อช่วงที่ 2 กัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×