ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #52 : ตอนที่ 24 ปฏิบัติการณ์สะท้านฟ้า การปะทะกับมิตรสหายเก่าบนสมรภูมิสูงสี่หมื่นฟุต บทแอร์ไพล์มมิส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20
      0
      15 ก.ย. 64

              ที่เวเซอร์เฮาส์ สองวันต่อมา หลังจากยุทธการที่ฟาทาเร่
              "แกร็กๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์เช็คครอสเซียมไรเฟิ่ลของตนเอง เช่นเดียวกับโฟรซ่าที่ถอดฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลของเธอออกมาซ่อมแซมกันด้วย "เปรี้ยะๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆ" พีวิลใช้โต๊ะช่างในส่วนห้องพักของเจเนไซด์ทีมมาซ่อมอาร์มชู้ตเตอร์ของตน โดยซ่อมข้างซ้ายไว้จน "แกร็กๆๆๆ ครืดด ครืดด" กระบอกปืนทั้งหกกระบอกยืดออกอย่างทันควัน และหดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเอาปลอกแขนกระบอกสี่เหลี่ยมมาปิดทับไว้ จากนั้นก็ "พึ่บ ปี้บๆๆ" กดตรงแพดแขนขวาเพื่อถอดปลอกแขนขวาออกมาทำการซ่อมแซมไว้ "ของนายเป็นไงบ้างละ เจเนล" พีวิลถาม พร้อมกับใช้เครื่องปัดกรีมาซ่อมอาร์มชู้ตเตอร์ไว้ โดยตอนนี้เจเนลเปิดแขนซ้ายมาเพื่อซ่อมแซมระบบภายในกันอยู่
              "ตัวปรับอานุภาคพลังงานฝืดจนทำให้ชาร์จพลังยิงกระสุนใหญ่ช้ากว่าที่คิดไว้นะสิ พีวิล ตอนนี้ฉันเคลียร์ให้มันไหลลื่นแล้วละ"
              "พวกครีซีแทนร้ายกาจกันเช่นนี้ ทำให้พวกเราพลอยลำบากไปด้วยน่ะ" จิลกล่าวพร้อมกับซ่อมไซโคบิทของเธอให้ใช้งานได้ตามเดิม
              จายด์ก็ซ่อมแซมส่วนแขน เพื่อทำให้ระบบอาวุธใช้งานได้ตามปกติ "แม้อาวุธของพวกเราที่มีอยู่ก็เล่นงานพวกมันได้ไม่ค่อยดีมากก็ตาม แสดงว่าพวกมันก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ใช่เล่นๆแล้วละ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกนั้นถูกดัดแปลงมาเพื่อหวังจะยึดพลังงานจากผลึกไครฟารินของพวกดาวฤกษ์กันด้วยนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าวโดยจัดการถอดชิ้นส่วนปืนซีคเก้ไรเฟิ่ลออกมาเช็คทำความสะอาดไว้ ซึ่งตนนั่งซ่อมอยู่ในห้องของมาสวาร์ทาร์ "ซึ่งนั้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะองค์ชายไซมาเทนหนุนหลังพวกครีซีแทนกันแบบนี้ พวกมันถึงมีโอกาสซ้ำเติมพวกซัลคาเลี่ยนไปด้วยนะสิ" และหันมาเห็นชาวซัลคาเลี่ยนที่พูดคุยกับชาวบ้านที่เป็นแมนิเกเตอร์มาจากโลกกันด้วย ซึ่งแม้จะต่างที่มา แต่ก็สามารถคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจความรู้สึกของแต่ละฝ่ายไว้
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นั้นก็ทำให้เรารู้ว่าแรซัลก้าอยู่ในสภาพเช่นไรกันบ้างน่ะ แม้ว่าจะมีคนหนึ่งที่รู้สึกไม่พอใจอย่างมากก็ตามน่ะ"
              "หมายถึงคุณสเปียริทละสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวโดยที่เธอตรวจซ่อมปืนอิมแพคชู้ตเตอร์ของเธอไปด้วย ซึ่งตอนนี้สเปียริทฝึกใช้อาวุธสู้กับทินเหมาลีและโมคุโตะกันอยู่
              โฟรซ่าบอก "แม้ไม่รู้หรอกน่ะ ว่าสเปียริทรู้สึกโกรธมากมายแค่ไหน แต่ที่รู้แน่ๆก็คือ เธอคงคิดที่จะจัดการกับกองรบจักรพรรดิ์แรซัลก้ากันอย่างแน่นอนเลยละ เพราะที่ดาวนั้น การปกครองผู้คนล้มเหลว กฎหมายที่บัญญัติก็ถูกใช้แบบผิดๆ จนความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง บุคคลที่พึ่งพาได้ก็เปลี่ยนเป็นผู้มาซ้ำเติมให้ทุกข์หนักหนากว่าเดิมด้วยแล้ว ถ้าไม่หวาดกลัวจนไม่กล้าทำอะไร ก็ต้องรีบหนีไปให้พ้นๆจากที่นี้เพื่อหาที่พึ่งที่ดีกว่า ซึ่งก็คือที่แห่งนี้เองแหละ"
              "ถ้าแรซัลก้าปรับปรุงการปกครองได้จริง ก็คงไม่มีผู้ลี้ภัยหลบหนีออกจากดาวไปได้หรอกน่ะ" สเตฟอร์ดซ่อมโพริด็อดซ์ของตนอยู่
              ไซโคลเนียก็ตรวจซ่อมเจ็ทแพ็คของเธออยู่โดยเอามาวางไว้บนโต๊ะม้าหิน "แถมพวกครีซีแทนเองก็เป็นเครื่องมือของพวกซัลคาเลี่ยนชั้นสูงและพวกขุนนางถ่อย บุกรุกดวงดาวคนอื่นแล้วขายให้พวกเศรษฐีจอมละโมบเหล่านั้นไปทำปู้ยี้ปู้ยำกันแบบนี้ แม้กระทั่งคนที่พอจะหยุดยั้งได้นั้นก็ไม่เหลืออยู่แล้ว เราจะชนะพวกมันได้เลยหรือ"
              "ยังไงก็ต้องชนะพวกมันให้ได้กันน่ะ" สเปียริทบอก โดยที่เธอฝึกฝนเสร็จและเดินมาได้ยินพอดี "แรซัลก้าเป็นต้นเหตุแห่งความไม่สงบสุขของทั้งจักรวาลกันแบบนี้ แม้พวกเราไม่สามารถทำลายดาวนั้นให้ราบคาบไปได้จริง แต่...ถึงไม่มีใครหยุดยั้งคนเหล่านั้นไว้ พวกเราเองก็ต้องเป็นฝ่ายมาจัดการกับพวกนั้นกันบ้างไปเลยสิ"
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "นั้นสิน่ะ เพราะเราพึ่งจะเริ่มต้นต่อสู้กันอยู่ด้วย ซึ่งฉันรู้ดี ว่าการต่อสู้กับพวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เรสนั้น คงไม่ได้สตาร์ทหรือเริ่มอย่างสวยหรูเลยก็ตาม"
              "แต่...เราจะชนะพวกมันได้หรือ ในเมื่อพวกเราเองก็ไม่พร้อมอะไรสักอย่างกันน่ะ" ไซโคลเนียบอก "ยานเฮฟไดซ์ของพวกเราก็ใช้ได้ไม่ถึงครึ่งส่วน แรคแทซก็ใช้ได้เพียงลำสองลำ โมบิลลอยด์ของพวกเราก็ยังไม่พร้อม แม้กระทั่งอาวุธของพวกครีซีแทนเองก็เหมือนใช้ไม่ได้แบบนี้ แล้วเราจะ..."
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ถึงพวกคุณจะสิ้นหวังหรือถูกกดดันแค่ไหน พวกคุณก็ยังเชื่อมั่นในความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดกันมิใช่หรือคะ พวกคุณมาถึงจุดนี้ได้นั้น ไม่ใช่ทุกๆคนที่ยอมรับความช่วยเหลือจากพวกคุณ แต่เป็นพวกคุณที่ไม่ยอมแพ้กันมิใช่หรือคะ พวกคุณลืมสิ่งสำคัญนั้นไปแล้วคะ"
              "ลิเนียร์ตี้ นี้เธอ...." โฟรซ่าบอก
              ลิเนียร์ตี้บอก "ที่จริง ฉันรู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นจักรกลสังหาร แต่ก็รู้ว่าฉันไม่ต้องการที่จะสังหารมนุษย์กันแต่แรก ต่อให้เป็นคำสั่งหรือการบังคับเลยก็ตาม แต่ฉันไม่ต้องการให้มีใครต้องเจ็บปวดหรือล้มตายเพราะการกระทำอันเลวร้ายของพวกครีซีแทน ของทุกกองรบของไซมาเทนและโอเวอร์เรส แม้จะรู้ว่าการต่อสู้ของพวกคุณจะเป็นไปได้ยาก ฉันก็อยากจะ...ช่วยเหลือพวกคุณหยุดการคุกคามจักรวาลนี้ไว้ ต่อให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะก็ตาม ฉันก็เชื่อว่า วันพรุ่งนี้ของพวกเราก็ยังมีอยู่ ไม่สิ ต้องมีแน่ๆเลยละคะ"
              "......." ทั้งหมดได้ฟังก็อึ้งไปยกใหญ่ ลิเนียร์ตี้ได้เห็นก็ถามไปว่า "เออ ฉันพูดเกินเลยไปหรือเปล่าคะ"
              โฟรซ่ายิ้มพร้อมกับบอกว่า "คำพูดของเธอแม้จะออกแนวโลกสวยกันเกินไปหน่อย แต่ ก็เตือนสติให้พวกเรารู้ตัวว่า ต่อให้ปัญหาตรงหน้าพวกเรามันเลวระยำจนทำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม...."
              "แต่ตราบใดที่พวกเราไม่ยอมแพ้ซะอย่าง ต่อให้พวกครีซีแทนก็ดี กองกำลังไหนก็ช่าง ก็ไม่ใช่ศัตรูของพวกเรากันแล้วนิ" สเตฟอร์ดบอก
              โมคุโตะกล่าว "ถ้าขนาดพวกเราร่วมแรงร่วมใจกันพิชิตโอเวอร์เดสและพวกลงไปได้ แล้วพวกโอเวอร์เรสนั้นละ เราจะมาสิ้นหวังกันแค่ยังไม่ถึงครึ่งทางกันเลยหรือ"
              "นั้นสิน่า ฉันไม่น่าคิดไปเองเลยแท้ๆ ทั้งๆที่เรารู้ดีว่าโอกาสชนะเราก็ยังมี หากแต่มันเล็กน้อยจนมองไม่เห็นก็เท่านั้นเองน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              พีวิลกล่าว "ถ้าเรายอมแพ้เสียแต่ตอนนี้ ก็เท่ากับว่าทรยศหักหลังต่อผู้ที่เสียสละชีพเพื่อให้พวกเราออกจากโลกใบนี้กันพอดี ซึ่ง...พวกเราจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้อยู่แล้วน่ะ"
              "ลิเนียร์ตี้ ขอบใจมากนะที่ช่วยเตือนสติพวกเราไว้น่ะ ซึ่งเราเกือบหลงลืมสิ่งสำคัญไปแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "แม้จะแปลกใจไม่น้อยที่แสดงออกถึงความรู้สึกจากใจจริงแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วละที่พูดออกมาจากใจกันนะ"
              "ฉันก็แค่อยากให้ทุกๆคนมีความสุข ฉันก็ รู้สึกดีใจแล้วละคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวพร้อมกับยิ้มขึ้น จนทำให้สเปียริทชะงักลง
              โฟรซ่าสังเกตุเห็นเลยถามไปว่า "เออ นี้เธอเห็นลิเนียร์ตี้ยิ้มขึ้นมาคงจะนึกอะไรออกแล้วละสิน่ะ"
              "อืมมม รอยยิ้มจากลิเนียร์ตี้กับคำพูดที่แฝงความรู้สึกจากการมองโลกในแง่ดีว่า เรื่องทุกอย่างที่มันหนักหนาและเลวร้ายย่อมมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นและมีทางแก้อยู่เสมอ เหมือนกับฉันในอดีตที่รู้สึกเช่นนั้น แม้ฉันจะละทิ้งรอยยิ้มและการมองโลกในแง่ดีไปเลยก็ตามน่ะ" สเปียริทกล่าว
              ทินเหมาลีบอก "นั้นก็จริงตามที่ลิเนียร์ตี้ว่าไว้เองสิน่ะ นั้นก็คงเป็นเรื่องดีที่ต้องเกิดขึ้นได้อยู่แล้วละ"
              "เออ ว่าแต่ ยัยกริมเบอรี่ไม่เห็นมาด้วยนิ คงแอบนอนตื่นสายอีกละสิ" สเปียริทกล่าว
              ไซโคลเนียบอก "กริมเบอรี่มาแย่งแพดของฉันไปดูคอสมิคเน็ตอยู่นะสิ ทั้งๆที่ฉันอยากจะดูข้อมูลบันเทิงในอวกาศกันน่ะ"

              "เฮ้ พวกเรา มาดูนี้สิ" กริมเบอรี่ออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นกันไม่น้อย โดยหันแพดออกมาโชว์ให้ทุกๆคนดู
              "เอ้ ก็สิบพี่น้องตระกูลทิลเทอแรนกันนิน่า มันก็ไม่เห็นแปลกอะไรกันเลยนิ" สเตฟอร์ดบอก
              "รุ่นพี่ครับ พวกเขาเหมือนจะใส่เกราะกันด้วยน่ะ" พีวิลกล่าวเพราะแพททริคและน้องๆสวมชุดเกราะเอาไว้ทุกคน
              ไซโคลเนียกล่าว "ชุดเกราะพวกนี้ คงไม่ใช่ชุดคอมแบทสูทอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและทรงพลังกันเลยสิน่ะ"
              "มันคือ พาวเวอร์คอมแบทอาร์มเมอร์กันนะสิ เป็นชุดเกราะเสริมเพิ่มพลังพิเศษให้กับผู้ใส่จนทำให้มีพลังประดุจเหมือนเป็นซุปเปอร์ฮีโร่กันด้วยน่ะ" กริมเบอรี่กล่าว โดยที่มาสวาร์ทาร์ขอแพดมาดู
              "ไหนดูสิ รูปถ่ายนี้...มันถ่ายมาเมื่อ 25 ปีก่อนนิน่า" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วก็เปิดข้อมูลเพื่ออ่านให้ฟัง "เหล่าบุตรของเกรย์สัน วีรชนผู้พิชิตกลุ่มกบฎชาวอากรีเดี่ยม ผู้นำพาความน่ากลัวมาสู่จักรวาลจนทำให้ระบบดาวทาทีเอาท์ พาดาทู เจไซฟ์ เฮลซิธซิฟ โอซีวีน เมฟซินกู อามิฟกาก้า ทานาทีน ลุซเลซ่า ฮัฟโซโด้ เคากูฟู ดาฟมอญ ดาฟซีเดียฟ คาราคาซัม และสกาวาคเกอร์พังพินาศลง และนำพาความสูญเสียมาสู่กองทัพสมาพันธ์อวกาศเป็นอันมาก ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาผ่านพาวเวอร์คอมแบทอาร์มเมอร์รุ่นพิเศษ ซึ่งสร้างขึ้นตามอัตลักษณ์ของซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งสองฝั่งที่ปรากฎตัวในอเมริกาเหนือเมื่อศตวรรษที่ 21 โดยพวกเขาทั้งสิบนั้น ได้สู้กับชาวอากรีเดี่ยม ที่ใช้อาวุธต่างๆ ตั้งแต่สัตว์พื้นเมืองตัดต่อพันธุกรรม พืชที่ถูกตัดต่อให้กลายเป็นอาวุธชีวภาพทำลายดวงดาว สัตว์ประหลาดต่างดาวอันน่ากลัวที่กลายพันธุ์โดยฝีมือของพวกอาทาเชียน ไปจนถึงสุดยอดนักรบต่างดาวที่อากรีเดี่ยมดัดแปลงสร้างขึ้นมา ตลอดการต่อสู้ 1 ปีกับ 3 เดือนที่ผ่านมา บุตรทั้งสิบแห่งทิลเทอแรนกำชัยชนะด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญและความสามารถของพวกเขา กำชัยชนะจนพิชิตพวกอากรีเดี่ยมลงไปได้ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงศ์ตระกูลทิลเทอแรน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับทางพันธมิตรมนุษยชาติ จนทางสมาพันธ์อวกาศยอมรับในความสามารถของเฮนรี่ ไนท์ ผู้ที่ช่วยสนับสนุนช่วยเหลือเหล่าบุตรของทิลเทอแรนกันจนถึงบัดนี้แหละ"
              "เออ ขอถามอะไรหน่อยน่ะ มาสวาร์ทาร์ ระบบดาวที่อ้างในข่าวนั้น มีจริงๆหรือว่าคนเขียนคลั่งไคล้ตำนานพลังจงอยู่กับท่านกันหรือเปล่าละ" เจเนลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ฉันลองเช็คดูแล้ว พบว่านอกจากระบบดาวเหล่านั้นมันมีจริงๆ และล่มสลายไปจริงๆ ตามเหตุการณ์ที่ว่าไว้ ซึ่งจนปานนี้ ยังไม่มีโครงการฟื้นฟูดวงดาวเหล่านั้นมาจนถึงบัดนี้เลยนะสิ"
              "ตะกี้นี้ในข่าวระบุว่าพาวเวอร์คอมแบทอาร์มเมอร์นั้น สร้างขึ้นโดยอิงจากซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งสองฝั่งนิ คงไม่ได้หมายถึง ชุดที่ใส่นั้น ผลิตโดยคนสร้างมนุษย์เตารีด โดยสร้างให้ชุดมีพลังเหมือนชาวคลิปตันสองคนสุดท้ายอย่างงั้นนะหรือ" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ชุดที่พวกผู้การฮาซาเดนใส่นั้น ตามข้อมูลมันเป็นเช่นนั้นจริงๆเลยน่ะ หากแต่ชุดของผู้การแพททริคนั้น เขาใช้โปรโตไทป์แบบนี้นะสิ" แล้วก็เปิดข้อมูลภาพแปลนของชุดอาร์มเมอร์สูททั้งสองแบบที่เป็นต้นแบบชุดของแพททริค ทิลเทอแรน โดยชุดแรกนั้น เป็นชุดเกราะสีขาวดำที่มีแก้วใสสีเขียวอ่อน อีกชุดเป็นสีแดงสลับชมพู ชุดแรกมีโค้ดเนมว่า "Wild Tiger" ชุดที่สองนั้นใช้โค้ดเนมว่า "Big Bunny"
              "สองชุดนี้...อืมมมม เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาจากไหนกันหรือเปล่าน่า" เจเนลบอก
              พีวิลบอก "ลองไปถามนายช่างด็อดเจอร์ดูดีกว่า แม้ว่าเขาจะมีความรู้เรื่องยุคทองที่น้อยกว่าหัวหน้าเฮลิคกันก็ตาม"

              "พาวเวอร์สูทเสือแกลบกับกระต่ายหล่อกลายเป็นโปรโตไทป์ให้ชุดของแพททริคเลยหรือ....นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่ชุดเสริมพลังพิเศษซึ่งสร้างขึ้นในเมืองนิวยอร์คใหม่ ตอนยุคทองช่วงกลาง ซึ่งสร้างให้กับผู้ที่มีพลังพิเศษใส่ใช้ปราบเหล่าร้ายนั้น ยังคงเหลืออยู่กันด้วยน่ะ" ด็อดเจอร์กล่าว โดยเอาแพดข้อมูลชุดที่พวกสิบพี่น้องใส่มาให้ดู
              คลอเวฟถาม "แล้วว่าแต่ ไอ้สองชุดนี้มันใช้ปราบเหล่าร้ายกันจริงๆนะหรือ เพราะดูจากหน้าตาและตรายี่ห้อของอะไรสักอย่างที่ติดตามตัวอยู่นิ มันไม่น่าจะเป็นกลุ่มปราบเหล่าร้ายพิทักษ์ความสงบสุขกันจริงๆเลยนิหว่า"
              "ความจริงแล้ว สองชุดนี้กับอีก 6 ชุดที่ไม่เอ่ยถึงนั้น เป็นกลุ่มฮีโร่ที่ปราบเหล่าร้ายแบบเรียลลิตี้โชว์นะสิ ซึ่งเดิมที พวกมีพลังเหนือมนุษย์ในช่วงยุคทองนั้นมันไม่ได้รับการยอมรับกันจริงๆจังๆ แถมยังเป็นที่หวาดกลัวและเกลียดชังของใครบางคนกันด้วย แต่ก็มีคนออกมาช่วยส่งเสริมเหล่าผู้มีพลังพิเศษเหล่านั้น ด้วยการให้พวกเขาทำตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ออกรายการทีวี โดยที่มีบริษัทดังๆเป็นสปอนเซอร์หนุนเสริมอีกที ซึ่งนั้นไม่แปลกหรอก ที่ทั้งชุดมันจะมีตราสินค้าแปะเหมือนกับป้ายสปอนเซอร์ในเกมส์โชว์กันน่ะ" ด็อดเจอร์บอก
              พีวิลถาม "ประมาณว่าพวกเขาปราบอธรรมและช่วยผู้คนเพื่อเก็บแต้มบ้าง หรือไม่ก็ให้ความร่วมมือกับกรมตำรวจหรือกองกำลังป้องกันตัวเองออกมาแก้ไขสถานการณ์กันอย่างงั้นเองหรือ"
              "เกรงว่าจะใช่น่ะ หากแต่ พวกเขาได้เป็นฮีโร่กันจริงๆ นับแต่พวกเขาเปิดโปงเมืองที่พวกเขาปกป้องอยู่นั้น ถูกชักใยโดยองค์กรงูกินหางกันนะสิ  เพราะเนื่องจากว่าองค์กรนี้สนับสนุนให้เหล่าร้ายเคลื่อนไหวกันในเมือง แม้กระทั่งสนับสนุนผู้ตั้งรายการแข่งปราบเหล่าร้ายให้สังหารพ่อแม่ของคนที่สวมชุดบิ้กบันนี่ และใช้พลังพิเศษปั่นหัวเขาให้หลงทิศไปด้วย แน่นอน ว่าองค์กรงูกินหางนั้นถูกเหล่าฮีโร่ปราบลงไปได้ แต่นิวยอร์กแห่งใหม่นั้น ก็ถูกรุกรานโดยองค์กรชั่วร้ายจากทั่วสารทิศ จนเหล่าผู้มีพลังพิเศษรวมตัวกันสู้ จนเสียชีวิตไปทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมกัน แม้กระทั่งเสือแกลบกับกระต่ายหล่อนั้นด้วย" ด็อดเจอร์กล่าว
              เจเนลบอก "นั้นก็พอได้ยินมาบ้างน่ะ ว่านิวยอร์คเคยมีไฮเวย์สามชั้น แต่ตอนนี้ถูกถล่มยับและบูรณะจนมีสภาพเหมือนช่วงศตวรรษที่ 20 กันด้วยน่ะ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้กันน่ะ"
              "แล้วว่าแต่ ชุดเกราะแบบนี้ ยังมีให้เห็นบนโลกกันเลยหรือเปล่าละคะ นายช่างด็อดเจอร์" โฟรซ่าถาม
              ด็อดเจอร์ส่ายหน้า "....แบบแปลนสร้างชุดเหล่านั้นได้ถูกทำลายไปในการต่อสู้ครั้งนั้น เช่นเดียวกับเหล่าผู้มีพลังพิเศษเองก็เหลือน้อยจนถูกรัฐบาลควบคุมตัวเอาไว้กันนี้แหละ" แล้วก็มองดูชุดของพวกแพททริคที่ใส่อยู่ "แต่การที่พวกผู้การฮาซาเดนใส่ชุดนี้ ก็เท่ากับว่า แบบแปลนชุดยอดฮีโร่นั้น ยังคงอยู่และมีใช้งานกันจนถึงบัดนี้เองแหละ"
              "นายช่างคิดว่าจะสามารถสร้างชุดสูทแบบนี้กันได้มั้ยละครับ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              ด็อดเจอร์ส่งแพดคืนไปว่า "....เฮ้อออ ชุดแบบนั้นเกินความสามารถนายช่างที่คลุกคลีกับจักรกลขนาดใหญ่และอาวุธอย่างฉันอยู่แล้ว" และถามไปว่า "แล้วไม่ลองถามเบย์แทนด์บ้างเลยหรือ เพราะบางที ความรู้ด้านวิทยาการในช่วงยุคทองจากดร.รีไลฟ์เวอรี่ น่าจะรู้ถึงเรื่องนี้กันบ้างน่ะ"
              "ชุด PCA นะหรือครับ อืมมมม ดร.รีไลฟ์เวอรี่เคยเล่าให้พวกผมฟังกันมาก่อนด้วยนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว
              คลอเวฟตบมือด้วยความดีใจ "อ่า แล้วว่าแต่ นายรู้วิธีสร้างมันได้หรือเปล่าละ"
              "ถ้าดร.รีไลฟ์เวอรี่รู้วิธีสร้างมันได้ละก็ ปานนี้พวกผมคงมาช่วยพวกคุณสู้กับโอเวอร์เดสอย่างตรงไปตรงมาไปตั้งนานแล้วละครับ" เบย์แทนด์พูดออกมา
              เนคมาดูซัมกล่าว "แปลว่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่ไม่มีแบบแปลนหรือข้อมูลการสร้างชุดเหล่านี้เลยหรือ"
              "คือว่า ข้อมูลของชุดดังกล่าว มันสูญหายเพราะถูกโอเวอร์เดสกับพวกแมนิเกเตอร์บนโลกในช่วงสงครามครั้งแรกทำลายทิ้งไปนานแล้วละครับ แม้จะเหลือบางส่วน แต่ก็อยู่ในความควบคุมของทางรัฐบาลของโลก ซึ่งดร.รีไลฟ์เวอรี่ไม่เสี่ยงไปเอาข้อมูลดังกล่าวมาเพราะนั้นจะเป็นกับดักในการจับกุมดร.และพวกเราไปด้วยนะครับ" เบย์แทนด์บอก "อีกอย่าง ถ้าชุดนี้สามารถให้พลังต่อผู้ใส่นำไปใช้กอบกู้ความสงบสุขได้ ก็เท่ากับว่าสามารถใช้ชุดนั้นไปก่อความเดือดร้อนกันได้เช่นกันนะครับ ซึ่งดร.รีไลฟ์เวอรี่เห็นว่า ชุดเหล่านั้นอาจจะเปลี่ยนพวกเราให้เลวลง และยึดติดกับพลังจากชุดดังกล่าว ไม่ได้พึ่งพาความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง เลยตัดใจไม่เอาเทคโนโลยี่ดังกล่าวมาไว้ในฐานข้อมูลเลยละครับ"
              พลัสเชอริทกล่าว "พูดง่ายๆ ว่าชุด PCA เองก็อาจจะเป็นส่วนเพิ่มพลังให้พวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสเลยสิน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย เราจำต้องมีชุดนี้สำหรับทหารทุกๆคนกันบ้างนะครับ เพราะ เราไม่แน่ใจว่าอันตรายจากอวกาศที่โอเวอร์เรสจะนำเข้ามาให้เรานั้น เลวร้ายมากมายแค่ไหน ซึ่งลำพังชุดอวกาศของพวกเราหรือชุดโปรเทคสูทเองคงจะเอาไม่อยู่แน่นอน" เบย์แทนด์กล่าว "ถ้าเป็นไปได้จริง เราอยากจะได้สักชุดมาเป็นต้นแบบอ้างอิงเก็บข้อมูลให้พวกเราผลิตชุดสูทขึ้นมาได้เองกันบ้างนะครับ"
              เนคมาดูซัมบอก "แต่ถ้าผลิตจำนวนมากนิ คงไม่ได้ไปตัดทอนพลังของชุดที่ควรจะใช้พลังได้เต็มที่กันเลยสิน่ะ"
              "ขีดจำกัดของแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์ของพวกเราล้วนแตกต่างกันไป เหมือนกับพวกคุณที่มีความแตกต่างกันด้วยนะครับ ดังนั้น บางคนใช้ชุดรบนี้ย่อมแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้แตกต่างกัน ต่อให้มีพลังแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถแสดงขีดความสามารถของตนเองให้ชุดแสดงพลังได้เต็มที่กันเลยนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว
              พีวิลบอก "ซึ่งก็ขึ้นกับพรสวรรค์ ความตั้งใจและความพยายามกันด้วยน่ะ ว่าทุกๆคนเก่งกาจได้ด้วยตนเองกันแค่ไหนน่ะ"
              "เอาเป็นว่าตอนนี้เรื่องชุดเสริมพลังนั้น เราคงต้องคิดกันทีหลังดีกว่าน่ะ เพราะดูเหมือนว่า....เรายังมีเรื่องของพวกครีซีแทนกันอยู่น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เบย์แทนด์พยักหน้า พร้อมกับส่งแพดมาให้ "แม้ว่าเรื่องของผู้การฮาซาเดนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ผมภาวนาว่าคงไม่น่ามีใครรู้เรื่องนี้และนำไปใช้สร้างปัญหากันเลยนะครับ"
              "ยิ่งในสถานการณ์ที่พวกครีซีแทนสร้างความเดือดร้อนทั้งจักรวาลเช่นนี้ด้วยแล้ว ภาวนาว่าเรื่องระหว่างผู้การฮาซาเดนกับนักล่าแอสเทลน่าคงไม่ถูกแฉกันหรอกน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมบอก "ไม่งั้น พวกเรานั้นแหละจะโดนพวกแอตทาเวียนเล่นงานเสียเองน่ะ" แล้วก็เอ่ยอย่างเป็นห่วงไปว่า "และหวังว่าแอร์ไพล์มมิสคงไม่ทำอะไรโง่ๆด้วยการก้มหัวให้แลมซีนีไนซ์กันบ้างน่ะ"

    MANIGATOR SAGA The Rebellion Soldiers ภาคอวกาศ
    ตอนที่ 24 ปฏิบัติการณ์สะท้านฟ้า การปะทะกับมิตรสหายเก่าบนสมรภูมิสูงสี่หมื่นฟุต

              ดาวแรซัลก้า นครหลวงไทแทนาส ปราสาทจังกรานอสต้า ห้องวางแผนการในปราสาท
              "แคนเนท อาวุธของพวกเราหายก็ไม่เป็นไรอยู่ก็จริง แต่....แรงงานทาสของพวกเราหายไปนั้น จะรับผิดชอบได้เลยหรือ" แลมซีนีไนซ์กล่าวต่อโฮโลแกรมของแคนเนทที่มารายงานสถานการณ์ในฟาทาเร่ไว้
              "ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะแก้ตัวแล้วละครับ ท่านหัวหน้าเผ่า" แคนเนทกล่าว
              "ช่างเถอะ เพราะยังไงเสีย เราขุดแร่จากดาวดวงนั้นมามากพอสมควรและส่งมาที่ดาวบราดิลกันหมดแล้ว ถึงพวกนั้นจะยึดดาวคืนก็ไม่ทันการณ์แล้วละ" ไซมาเทนบอก
              แลมซีนีไนซ์กล่าว "ตอนนี้เราคงต้องให้เจ้าไปประจำการที่บราดิล เพื่อทำการสร้างสุดยอดอาวุธนั้นขึ้นมากันเดียวนี้เลย แม้มันจะสร้างไปได้ครึ่งทางแล้วก็ตาม เจ้าต้องนำกำลังรบไปจับกุมชนต่างดาวบนดาวนั้นที่ยังหลงเหลืออยู่มาเป็นแรงงานทาสมาเดียวนั้นเลย"
              "รับทราบครับ" แคนเนทกล่าวและตัดการติดต่อไป
              แลมซีนีไนซ์บอก "ไอ้พวกเวเซอร์ กับเนคมาดูซัม พวกแกทำให้ฉันเสียกำลังรบไปไม่น้อย แถมยังทำลายแผนการบดขยี้พวกเสืออวกาศและสิงห์ต่างดาวลงไปเช่นนี้ ยกโทษให้ไม่ได้แล้วละ"
              "แลมซีนีไนซ์ ใจเย็นๆไว้ก่อนเถอะ เพราะถึงพวกนั้นจะกำชัยชนะมาได้ แต่พวกนั้นก็สู้ได้อย่างลำบากและอ่อนแรงมาก จนต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเพื่อเตรียมรบกันใหม่นั้น ทำให้กองทัพเรือและทัพอากาศของท่านดำเนินการไปได้โดยสะดวกกันด้วยน่ะ" ไซมาเทนกล่าว "เพราะต่อให้พวกมันฟื้นฟูกองรบไปได้ พวกมันก็ต้องกลับไปพร้อมกับความบอบช้ำที่หนักหนาตาม ต่อให้มีความช่วยเหลือจากพวกมนุษย์และต่างดาวไว้ ยังไงเสีย พวกเราก็ต้องเป็นฝ่ายชนะกันอยู่ดีนี้แหละ"
              แลมซีนีไนซ์บอก "ฟังองค์ชายว่ามานั้น ข้าพเจ้ารู้สึกคลายความกริ้วลงไปได้แล้ว แต่....ตราบใดที่เนคมาดูซัมยังอยู่ พวกกบฎสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ของโคเคสคงรุกคืบมาจัดการกับพวกเราอย่างแน่นอน"
              "ท่านแลมซีนีไนซ์ เนคมาดูซัมมีสหายชาวครีซีแทนอยู่ด้วยมิใช่หรือ ทำไมท่านไม่คิดใช้เขาให้เป็นประโยชน์เสียเลยละ" ไซมาเทนออกความเห็น
              แลมซีนีไนซ์ได้ฟังก็นึกออก "องค์ชายทรงปรีชาสามารถ ข้าพเจ้านั้นโง่เขลาเบาปัญญาเสียจริงๆที่น่าจะใช้คนๆนี้ให้เป็นประโยชน์กันนะครับ" แล้วก็ติดต่อไปยังครีซีแทนนายพลอีกคนหนึ่งไว้ "นายพลทัพอากาศ ดอฟเกท งานของท่านที่คาชาน่าไปถึงไหนแล้วละ"
              "กองยานรบของพวกเราผลิตได้ตรงตามเป้าแล้วละครับ ท่านแลมซีนีไนซ์ ฝูงยานคอนเซท ฝูงยานบินฟาสท์วิงค์ และกองยานรบเรฟรีนอสที่เราสร้างมานั้น พร้อมออกบินไปสมทบกับทัพหลักแล้วละครับ" ดอฟเกทรายงาน
              แลมซีนีไนซ์บอก "ดีแล้วละ แล้วกำหนดการมาถึงกันละ นายพลทัพอากาศ"
              "คงจะประมาณ 4 ชั่วโมงหรือเร็วกว่านั้นนะครับ ว่าแต่ ท่านคงไม่ได้มาถามถึงความคืบหน้าและสั่งให้เราออกมาเลยสิครับ" ดอฟเกทบอก
              แลมซีนีไนซ์กล่าว "แอร์ไพล์มมิสอยู่กับเจ้าใช่มั้ยละ"
              "ยังอยู่นะครับ เพราะผมให้มันกับหน่วยของมันมาคุ้มกันกองยานบิน เพื่อมิให้กองรบที่ประจำบนดาวต่อต้านกันไว้นะครับ" ดอฟเกทกล่าว
              แลมซีนีไนซ์สั่งการให้ "ฟังให้ดีนะ ดอฟเกท นี้คือคำสั่งที่ฉันจะให้เจ้าสั่งแอร์ไพล์มมิสกันไว้ด้วยน่ะ" แล้วก็สั่งการให้ดอฟเกทเอาไว้ จนนายพลกองทัพอากาศรับคำสั่งไว้
              "หึๆๆๆๆ ท่านแลมซีนีไนซ์คิดเหมือนข้าพเจ้าเลยสิน่ะ กับการที่เราต้องจัดการกับเนคมาดูซัมกันน่ะ" ดอฟเกทพูดอย่างลำพองใจไม่น้อย
              "งั้นก็รีบลงมือกันได้เลย เพราะไม่แน่ เนคมาดูซัมกับพวกเวเซอร์มันต้องแห่มากันอย่างแน่นอน" แลมซีนีไนซ์สั่งการไว้
              ดอฟเกทพยักหน้า "เพื่อชัยชนะของพวกเรา เหล่าครีซีแทน เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังกันนะครับ" แล้วก็ตัดการติดต่อไป
              "ท่านไว้ใจนายพลดอฟเกทได้มากเพียงไหนกันละ" ไซมาเทนถามความมั่นใจจากแลมซีนีไนซ์ ซึ่งให้คำตอบไปว่า
              "แม้ดอฟเกทจะชอบประจบประแจง ตั้งแต่ก่อนและหลังรับตำแหน่งนายพลมา แต่...ด้วยความฉลาดหลักแหลมแม้จะมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะนั้น น่าจะช่วยให้แผนการนี้เป็นไปได้ดียิ่งขึ้นกันน่ะ" แล้วก็กล่าว "แต่ที่หวั่นเกรงจริงๆก็คือ ฮาซาเดนและกองรบของเขานี้แหละ ซึ่งการปฏิบัติการณ์ของฮาซาเดนบนฟาทาเร่นั้น เห็นได้ชัดว่า บุตรคนที่สองของเกรย์สันเองก็เป็นตัวปัญหาไปด้วยน่ะ"
              "วางใจได้น่า ฮาซาเดนไม่มีทางมาเป็นอุปสรรค์กันได้หรอก แม้กระทั่ง นักรบของซารีทิสด้วย" ไซมาเทนกล่าว
              แลมซีนีไนซ์บอก "ข้าหวังว่า ข้อมูลที่ท่านได้มาคงจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรากันบ้างน่ะ"

              ด้านดอฟเกทนั้นก็รีบสั่งการให้... "เรียกตัวแอร์ไพล์มมิสมาเดียวนี้เลย" แอร์ฟอสหญิงรับคำสั่งและรีบออกไปโดยเร็ว ภายใน 2 นาทีต่อมา แมนิเกเตอร์แบบแอร์ฟอสสวมหมวกสีแดงแต่มีขนนกสีเงินติดตรงหมวกกับบอดี้สีขาวสลับแดงก็เดินเข้ามาทำความเคารพ
              "หัวหน้าหน่วยคุ้มกันทางอากาศ แอร์ไพล์มมิส มาแล้วละ นายพลดอฟเกท"
              "เฮ้ หางเสียงหายไปไหนกันละ ฉันไม่ได้ยินคำต่อท้ายว่า ครับ จากปากของนายเลย และ กรุณาเรียกฉันว่า ท่านดอฟเกท จะดีกว่าน่ะ" ดอฟเกทกล่าวแบบยโสโอหัง แม้จะเป็นผู้บังคับบัญชาการก็ตาม
              แอร์ไพล์มมิสบอก "ต่อให้นายได้รับแต่งตั้งจากองค์ชายไซมาเทนให้เป็นนายพล หรืออัพเกรดให้เป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ ฉันยังมองนายเป็นแค่ นายช่างซ่อมยานบิน ที่ตอนนี้เป็นคางคกขึ้นวอกันอยู่ดีน่ะ"
              "นายมันก็ยังเป็นพวกหัวสูงเหมือนเดิมเลยน่ะ ต่อให้นายยังมีตำแหน่งเป็นนายทหารตามเดิม ในขณะที่ฉันก้าวหน้าไปมากเลยน่า อีกอย่าง ลูกน้องไม่ควรจะมาตำหนิหรือดูถูกผู้เป็นนายด้วย กาละเทศะของนายไปไหนกันละ" ดอฟเกทยังพูดแบบหูทวนลมตามเดิม
              แอร์ไพล์มมิสบอก "หัวหน้าที่ดี จะต้องดูแลลูกน้องให้อยู่ภายใต้คำสั่ง แม้กระทั่งตักเตือนหรือลงโทษลูกน้องที่ทำผิดกฎหรือออกนอกลู่นอกทาง แต่ลูกน้องที่ดีนั้น ต้องคอยเตือนผู้เป็นนายไม่ให้อะไรเกินเลยขอบเขตหรือทำตามใจตัวเอง แม้กระทั่งตำหนิถึงการวางตัวไม่เหมาะสมกันด้วย แม้นายจะมีตำแหน่งเป็นผู้คุมกองรบที่ฉันสังกัดอยู่ นายก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกน้องเชื่อฟังนายกันบ้างสิ"
              "พอทีๆ ฉันขี้เกียจฟังนายเทศนากันแล้ว เพราะถึงไงเสีย นายทำให้ฉันลืมประเด็นหลักที่เรียกนายมาแล้วละ" ดอฟเกทตัดบทเพราะรำคาญที่แอร์ไพล์มมิสตำหนิ และเข้าเรื่องทันที "นายรู้เรื่องเนคมาดูซัมแล้วหรือยังละ"
              แอร์ไพล์มมิสบอก "ฉันรู้มานานแล้วละ เกี่ยวกับเรื่องที่เนคมาดูซัมทรยศจักรวรรดิ์ไปเข้ากับพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ของโคเคส ที่เดินทางมาจากโลกหลังจากที่พิชิตบิดรเทพมาแล้ว แต่ทั้งหมดมันเป็นความผิดของแลมเซนกัน...."
              "....ท่านแลมเซนตาย เพราะเพื่อนแกตไทซ์ของนายกันน่ะ เพื่อนแกตไทซ์ของนายหักหลังท่านแลมเซน ไม่ยอมฆ่านักโทษ 2 ตัวที่จับมาแถมยังไปฆ่าท่านแลมเซนและพวก แถมยังทำให้เราต้องเสียพี่น้องไปกับการโจมตีเขตเมืองดอลเฟรันบนดาวเอสเปรโด้-4 กันไม่น้อย ซึ่งพี่น้องของนายเองก็ล้มตายไปในครั้งนั้น เพราะเนคมาดูซัมกับพวกเลยน่ะ" ดอฟเกทกล่าว "แล้วนายไม่คิดที่จะหยุดยั้งเพื่อนแกตไทซ์ที่ตอนนี้มีสถานะเป็นคนทรยศกันเลยหรือ แล้วนายไม่กลัวว่าเขาจะตามล่าพวกพ้องที่นายปกป้องจนพวกเขาตายไปเลยใช่มั้ย นั้นคงไม่ดีใจแน่ๆเลย ถ้าไม่มีการปกป้องจากพวกเราแล้ว..."
              แอร์ไพล์มมิสได้ฟังก็อดรนทนไม่ไหว เลยต้องถามไปว่า "พอเลย นายพลดอฟเกท ว่าแต่ นายจะเอายังไงก็ว่ามาเลย"  
              "ฉันดูออกน่ะ ว่านายคงจะร้อนรนไปไม่น้อย ว่าน้องสาวของนายและพวกพ้องที่นายพยายามปกป้องอยู่นั้นจะเป็นอันตรายเลยสิน่ะ แต่นายก็ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าควรแก้ปัญหาเช่นไรกันน่ะ" ดอฟเกทได้ฟังก็ยิ้มเพราะทำให้แอร์ไพล์มมิสรับคำสั่งไว้ "ฉันต้องการให้นายจัดการกับเนคมาดูซัมและพองเพื่อนเวเซอร์ลงไปซะ"
              แอร์ไพล์มมิสบอก "นายคิดจะส่งกองรบบุกโจมตีถึงฐานที่มั่นของพวกมันนะหรือ"
              "ไม่เลย ท่านแลมซีนีไนซ์รู้ว่า โคเคสต้องส่งพวกเวเซอร์บุกมาที่ดาวคาชาน่า ซึ่งไม่ใช่แค่มาเพื่อหยุดยั้งการเดินทางออกจากดาวของกองยานรบที่ฉันสร้างขึ้นไว้ แต่มาเพื่อจับกุมฉันไปอย่างแน่นอน เพราะว่าอาวุธปืนที่พวกมันยึดมาจากมือของแคนเนทนั้น มันใช้ไม่ได้แน่ๆ หากปราศจากคำสั่งจากผู้เป็นนายอย่างฉันไว้ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นเช่นนั้นหรอก เพราะปืนมันถูกผลิตโดยคำสั่งของแคนเนท ไม่ใช่ของฉันเสียหน่อยน่ะ" ดอฟเกทกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "แล้วนายก็เตรียมนำกองยานของนายออกไปจากดาวนี้เพื่อล่อให้พวกเนคมาดูซัมมาที่นี้ แล้วให้ฉันกับพวกไปจัดการอย่างงั้นนะหรือ"
              "นายก็รู้งานที่ฉันมอบหมายให้แล้วสิน่ะ แต่...ถ้านายทำสำเร็จ ฉันจะปล่อยพวกพ้องของนายที่อยู่ที่ไหนสักแห่งเอาไว้ แต่....ถ้านายพลาด ฉันไม่รับรองชีวิตพวกพ้องของนายเอาไว้ด้วย..." ดอฟเกทกล่าว ".....ซึ่ง ฉันยังเห็นแก่นายที่เป็นนายทหารที่ดีคนหนึ่ง ฉันจะให้โอกาสนาย 3 ครั้ง ให้นายไปจัดการกับพวกเวเซอร์ไว้ ซึ่งหวังว่านายคงไม่ทำอะไรบ้าๆหรือโง่ๆกับฉันได้หรอกน่ะ"
              แอร์ไพล์มมิสพยักหน้า "เข้าใจแล้วละครับ ท่านดอฟเกท เรื่องของเนคมาดูซัมให้เป็นหน้าที่ของฉันเองแล้วกัน"
              "และจำเอาไว้ด้วยละ หัวของเนคมาดูซัมคือข้อแลกเปลี่ยนชีวิตของพรรคพวกของนายกันละ" ดอฟเกทพูดไล่หลังแอร์ไพล์มมิสที่เดินหันหลังและออกจากห้องไป ซึ่งพอลับสายตาแอร์ไพล์มมิสแล้ว ดอฟเกทจึงสั่งการให้....
              "ส่งหน่วยติดตามคนของแอร์ไพล์มมิสที่สั่งให้ไปแจ้งน้องสาวของมันไว้ ถ้าเจอลูกน้องออกไปจากฐานเมื่อไหร่ ไม่ต้องลงมือ ให้ตามไปเฉยๆก็พอ ถ้าเจอที่ตั้งของพวกไอรีสขึ้นมาเมื่อไหร่ รายงานฉันได้ทันที แล้วฉันจะส่งยานรบติดหัวรบพิฆาตไปที่นั้นโดยเร็วด้วย" โดยที่ดอฟเกทไม่รู้เลยว่า...
              "หึๆๆๆ นกติดปีกเสริมอย่างแกควรจะปีกหักกันซะบ้างน่ะ" เงาของคนลึกลับที่แอบอยู่ใต้ฝ้าเพดานกล่าวและคลานหายไปตามช่องอากาศทันที

              "หัวหน้าจะเอาอย่างงั้นจริงๆหรือครับ" ครีซีแทนแอร์ฟอสภายใต้คำสั่งของแอร์ไพล์มมิสกล่าว โดยบอดี้ของพวกเขานั้นมีสีแดงเข้มแต่สวมหมวกเบเร่ต์ดำไว้
              แอร์ฟอสหญิงกล่าว "ทั้งๆที่เรื่องของแลมเซนนั้น ทั้งหมดมันเพราะคำสั่งของแลมซีนีไนซ์ที่ได้รับการหนุนหลังจากเทพแห่งสงครามกันเช่นนี้ แล้วหัวหน้าจะไปฟังคำสั่งของนกลืมปีกอย่างดอฟเกทไปได้ไงละคะ" แอร์ฟอสหญิงพยายามจะใช้ภาษิตว่า วัวลืมตีน แต่เนื่องจากว่าดอฟเกทเป็นพวกแอร์ฟอสที่ชำนาญเรื่องการบิน จึงเปลี่ยนจากวัว มาเป็น นก แทน
              "ดอฟเกทพยายามจะบีบให้ฉันเผยที่ตั้งของไอรีสและพวกพ้องที่ฉันพาไปหลบซ่อนกันไว้นะสิ" แอร์ไพล์มมิสบอก "ซึ่งฉันรู้อยู่แล้ว ว่าถึงจะทำตามคำสั่งของมัน มันก็ยังหาเรื่องส่งคนไปหาเจอและใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นเครื่องมือต่อรองกันนี้แหละ"
              แอร์ฟอสชายที่สวมตาแว่นกลมถาม "แล้วเราจะไปฟังคำสั่งหมอนี้ จนพวกเราต้องเป็นศัตรูกับเนคมาดูซัมและพวกเวเซอร์ที่โผล่มาเพื่อสั่งสอนพวกพี่น้องที่คล้อยตามแลมซีนีไนซ์จนกลายเป็นอีวิลกูลาร์ไปแล้วหรือ"
              "ที่จริง ลึกๆแล้ว ฉันไม่พอใจกับการกระทำของเนคมาดูซัมกันด้วย ซึ่งแม้แลมเซนจะเป็นฝ่ายผิดและเริ่มก่อน แต่ในฐานะของเพื่อนเก่า ฉันจำต้องหยุดยั้งเนคมาดูซัมไว้ ไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับให้จำยอม แต่ทั้งหมดมันเป็นหน้าที่ของทหารที่ต้องรับคำสั่งของผู้เป็นนายไว้ ต่อให้ดอฟเกทจะเลวแค่ไหนก็ตาม" แอร์ไพล์มมิสบอก และสั่งการให้แอร์ฟอสสามตนออกมา "แรปต้า บิสเกอร์ ฟลาเกล พวกเธอสามคนไปแจ้งให้แคร์เรียนทราบเดียวนี้ ว่าให้ระวังพวกดอฟเกทที่ส่งมาเล่นงานเอาไว้กัน"
              แล้วมีเสียงหนึ่งดังขึ้น "อย่าดีกว่าน่า เดียวดอฟเกทตัดหน้านายกันซะเปล่าๆ มันไม่เป็นผลดีต่อนายและพวกเนคมาดูซัมเลยน่ะ"
              "นั้นใครน่ะ ออกมาเดียวนี้เลยน่ะ" แอร์ฟอสหญิงกล่าว แล้วเจ้าของเสียงก็โผล่หน้ามา แอร์ไพล์มมิสที่เห็นเจ้าของเสียงเลยกล่าวขึ้น
              "ตกลงนิ นายพเนจรไปแบบเรื่อยเปื่อยกันจริงๆ หรือว่านายโผล่มาโดยบังเอิญเลยใช่มั้ยละ ฟิเกซ"
              "ก็ทั้งสองอย่างนี้แหละ ไพล์มมิส แม้ว่าฉันจะเจอกับสหายจอมก่อกวนที่น่ากวนส้นเท้าที่สุด ซึ่งอยู่ในที่เดียวกันแล้วก็ตามน่ะ อย่างน้อย น่าจะทำให้งานของนายและพวกไม่มีปัญหากันบ้างน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              แอร์ฟอสหญิงบอก "สหายจอมก่อกวน อย่าบอกน่ะ ว่าไซเมี่ยน ยอดนักก่อกวนที่เป็นสมาชิกกองโจรกริเดี่ยนโร็ค มาที่นี้เพื่อก่อกวนกองทัพอากาศกันน่ะ"
              "ตอนนี้ พวกนายควรอัพเดตกันสักหน่อยแล้วละ ว่าไซเมี่ยนเป็นอดีตสมาชิกของกองโจรนั้นไปแล้ว เขาถอนตัวออกจากกลุ่มเพราะความเห็นไม่ลงรอยกัน แม้จะไม่รู้ว่ามันเพราะอะไรเลยก็ตาม แต่อย่างน้อย นายก็ไม่ควรทำตามคำสั่งของดอฟเกทกันบ้างน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "แล้วนายจะปล่อยให้น้องสาวของฉัน ฟูแรมและคุณปู่ แล้วก็ทุกๆคนที่ไม่ต้องการจะมีส่วนร่วมกับแลมซีนีไนซ์ต้องตาย หรือกลายเป็นพวกอีวิลกูลาร์กันนะหรือ ฟิเกซ มันไม่เข้าท่ากันเลยน่ะ"
              "แล้วนายคิดที่จะเป็นศัตรูกับเนคมาดูซัมนะหรือ" ฟิเกซกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "ถึงแลมเซนจะผิดจริง แต่ในฐานะที่เป็นทหาร ฉันจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา แม้เนคมาดูซัมจะมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เขาก็กลายเป็นศัตรูกับพวกเราไปแล้ว" แล้วก็ชักปืนกราฟคาไบน์มาจ่อตรงหน้าฟิเกซไว้ "แม้กระทั่งนายเองก็ด้วย ถ้านายขัดขวางพวกเรา ฉันจำต้องส่งนายไปให้แม่ทัพซ้าย ในสภาพใส่โลงกลับไปแล้วน่ะ"
              "แย่หน่อยน่ะ ไพล์มมิส ฉันยังไม่ถึงคราวจะเจอหน้าพ่อกันตอนนี้หรอก" ฟิเกซกล่าว แล้วก็กระโดดขึ้นบนเพดานไป "....แต่ในฐานะที่นายเป็นทหารที่ชือตรงต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ ฉันอยากจะให้นาย ซือตรงกับตัวนายเองกันบ้าง ว่านาย ต้องการจะทำอะไรกันแน่ อย่างน้อย นั้นเป็นคำขอของเพื่อนเก่าของเนคมาดูซัมคนหนึ่งด้วยน่ะ" จากนั้นก็ไต่ช่องอากาศหายไปทันที
              แอร์ไพล์มมิสได้ฟังก็กล่าว "ถึงนายไม่มาเตือน ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าควรจะทำเช่นไรกันน่ะ...."
              "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" แอร์ฟอสสามตนนำยานออกไปจากฐานทัพอากาศกัน ซึ่งคนของดอฟเกทที่ได้รับคำสั่งก็บินไล่ตามไป "อีกไม่ช้า พวกเราจะได้เจอกับพวกดื้อด้านที่หนีหลบซ่อนกันจริงๆแล้วละ" แอร์ฟอสกล่าว
              โวล์ทเลคทริคเกอร์บอก "แอร์ไพล์มมิสจะได้หายหยิ่งยโสกันเสียที ว่าต่อให้ดื้อด้านไม่ปริปากบอกกับท่านดอฟเกทนั้น ผลออกมาจะเป็นเช่นไรกันน่ะ" โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีเงาของคนได้ลอบเข้าไปในโกดังกันแล้ว

              วกกลับมายังพวกโคเคสกันบ้าง ซึ่งในตอนนี้...
              "ยังซ่อมไม่เสร็จเลยหรือ นายช่าง" คลอเวฟบ่นต่อด็อดเจอร์ ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเรือนอร์ติลุสไว้
              "ยัง แม้เราจะซ่อมตัวเกราะที่เสียหายจนเสร็จสิ้นแล้วก็จริง แต่เราจำต้องปรับแต่งเครื่องยนต์ให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่าแสง หรือแม้กระทั่งวาร์ปจัมป์กันด้วย ซึ่งมันต้องใช้เวลากันไม่น้อยเลยน่ะ"
              "แล้วถ้าไม่ติดตั้งเครื่องยนต์ความเร็วแสงนั้น จะสามารถไปถึงดาวได้หรือเปล่าละ" คลอเวฟถาม
              ด็อดเจอร์บอก "เกรงว่ากว่าจะไปถึง พวกครีซีแทนก็คงทำลายดาวเละเป็นเศษหินไปนานแล้วละ เพราะการใช้เครื่องยนต์ปกติโดยไม่ติดระบบขับเคลื่อนด้วยความเร็วกว่าแสง หรือเตาพลังงานมีพลังไม่พอ กว่าจะไปถึงระบบดาวที่อยู่โคตรก็คงใช้เวลาเป็นสิบๆปี ซึ่งสภาพของนายในตอนนั้นก็คงจะเป็นหุ่นกระป๋องสนิมเขลอะไปนานแล้วละ"
              "มันนานถึงเพียงนั้นเลยหรือ...ถ้าอย่างงั้น ก็ช่วยติดตั้งให้ดีๆแล้วกันน่ะ เพราะ ฉันไม่อยากจะให้นอร์ติลุสเป็นเต่าว่ายทะเลดวงดาวกันน่ะ" คลอเวฟได้ฟังก็ยอมให้ด็อดเจอร์สั่งทีมช่างช่วยอัพเกรดเครื่องยนต์ แม้จะเสียเวลาไปบ้างก็ตาม
              ด็อดเจอร์บอก "และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือมีกำลังคนที่มากพอ โมบิลลอยด์ก็จะเสร็จพร้อมกับเรือรบทั้งหลายกันนี้แหละ"
              "คลอเวฟ เรือของพวกเราต้องดีเลย์กันอีกละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟพยักหน้า "ก่อนที่นอร์ติลุสจะพร้อมสำหรับออกเดินทางไปดาวต่างๆนั้น เราคงต้องใช้บริการยานเฮฟไดซ์และแรคแทซกันไปสักระยะหนึ่งก่อนแล้วกันน่ะ"
              "นี้นะหรือ เรือรบของพวกแอตแลนไทซ์รุ่นล่าสุดที่พวกนายได้มันมากันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              จายด์กล่าว "ถูกแล้วละ นอร์ติลุสเป็นเรือรบประจำของกองรบเวเซอร์ของพวกเรา เรือลำนี้ช่วยเราได้มากในการต่อสู้กับพวกโอเวอร์เดสในช่วงหลังๆกันนี้แหละ"
              "และเรือลำนี้แหละ ถือเป็นรางวัลชิ้นโตของคลอเวฟที่ได้มาอย่างยากลำบากไม่น้อยเลยน่ะ" บรอนเซอรูทบอก
              สเปียริทกล่าว "แม้ว่านั้นจะเกือบทำให้พวกเราลำบากแทบแย่ แต่อย่างน้อย เราก็ได้เรือแบบเดียวกันมาหลายสิบลำกลับมากันด้วยน่ะ"
              "หมายถึงเรือพวกนี้้ด้วยสิน่ะ แต่คงไม่ได้จอดอยู่กลางทะเลอย่างเดียวละสิ" เนคมาดูซัมกล่าวโดยหันมายังเรือชั้นแคร์แลนด์ อันเป็นเรือพี่น้องกับนอร์ติลุสที่เป็นต้นแบบเรือรบรุ่นล่าสุดของพวกแอตแลนไทซ์ที่คลอเวฟพาพวกไปยึดมา
              ไซโคลเนียบอก "เรือชั้นแคร์แลนด์นั้นติดระบบแอร์เรียลไดร์ฟที่ทำให้เรือบินกลางอากาศกันได้น่ะ พอๆกันกับความสามารถในการขับเคลื่อนบนภาคพื้นดิน เพราะติดตั้งฐานตีนตะขาบอันใหญ่โต และไม่ใช่แค่นั้นน่ะ มันยังดำน้ำลึกได้อีกด้วยน่ะ"
              "แสดงว่าเรือลำนี้มีขีดความสามารถที่เหนือกว่าเรือลำอื่นๆของแอตแลนไทซ์สร้างมากันเลยสิน่ะ แม้ว่าจะใหญ่กว่าปลาวาฬกันเลยก็ตามนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              คลอเวฟบอก "ใช่ นอร์ติลุสใหญ่กว่าปลาวาฬกันอยู่แล้ว แต่....รู้มั้ย ว่าสัตว์อะไรใหญ่กว่าปลาวาฬกันละ" แล้วก็หันมาบอกกับคนอื่นๆไปว่า "ที่เหลือไม่ต้องแย่งตอบ ให้ลิเนียร์ตี้ตอบเองแล้วกัน"
              "เออ อา เออ เอ้ เออ อา....ปลาวาฬหรือวาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในน้ำ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากันแล้ว คงไม่น่ามีอะไรที่ใหญ่กว่ากันแล้วนิคะ" ลิเนียร์ตี้ตอบ
              คลอเวฟยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า "มีสิ ก็ ปลาวาฬชุบแป้งทอดยังไงละ ใหญ่มากมั้ยเอ่ย"
              "เออ ปลา ปลาวาฬชุบแป้งทอดนะหรือ แต่ วาฬมันใหญ่ขนาดนั้น แล้วจะเอากระทะที่ไหนที่ใหญ่กว่ามาทอด แล้วไหนจะต้องใช้น้ำมันซึ่งน่าจะเยอะเท่าปริมาณทะเลสาปอันหนึ่งด้วย คำตอบนี้มันใช้ได้เลยหรือคะ โอ้ว เออ อ่า...โอ้ย" เท่านั้นแหละ ลิเนียร์ตี้ก็คิดหนักจนปวดหัวกับคำตอบของคลอเวฟกันเสียแล้ว เห็นได้จากมีดบนหัวสามอันตั้งขึ้นและปล่อยไอร้อนเพราะสมองคิดหนักอย่างมากไว้
              เนคมาดูซัมมาเห็นเลยโวยไปว่า "โฮ่ย ไอ้บ้า นายแกล้งลิเนียร์ตี้ให้ปวดหัวแบบนี้ มันแย่มากเลยน่ะ"
              "แย่ยังไงละ ก็ฉันอยากจะรู้ว่าสมองที่คิดได้เร็วกว่าเมดลิคซ์ตั้งสามเท่านั้น จะคิดยังไงกับคำตอบปัญหาเชาว์ง่ายๆอย่างงั้นเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมได้ฟังก็โมโหขึ้นมา "นายนิมัน..." มาสวาร์ทาร์และพีวิลเลยต้องเข้าไปห้ามโดยเร็ว
              "ทำใจดีๆไว้น่ะ ลิเนียร์ตี้ หยุดคิดให้หัวรวนได้มั้ยละ" โฟรซ่ากล่าว
              ลิเนียร์ตี้เลยพยักหน้า และหยุดคิดตาม จนหัวโล่งและเย็นลง "แต่ คำตอบของคลอเวฟที่ให้มา ล้วนทำให้ฉันคิดหนักไม่น้อย เพราะสิ่งที่เขาอ้างมานั้น มันไม่มีทางเป็นจริงได้เลยนิคะ"
              "และจะคิดให้ปวดหัวไปทำไมกันละ ในเมื่อคำตอบที่คลอเวฟให้มา เป็นคำตอบปัญหาเชาว์ที่มีไว้เอาขำๆกัน ไม่ใช่คำตอบที่ต้องใช้หลักเหตุและผลกันด้วยน่ะ" จิลบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เอ้ แล้วปลาวาฬชุบแป้งทอดนั้นก็เป็นแค่คำตอบที่พูดกันเล่นๆเองนะหรือคะ"
              "นายบื้อนั้นคิดแกล้งเธอให้เวียนเฮดกันเล่นๆนะสิ ขนาดฉันเองยังโดนนายบื้อถามด้วยคำถามแบบเดียวกันหลังจากที่ได้นอร์ติลุสมา ซึ่งนั้นทำให้ฉันฉุนกึกไม่น้อยเลยน่ะ ว่านายนี้บ้าไปแล้วหรือ ที่เอาปลาวาฬมาชุบแป้งทอดกันได้น่ะ" สเปียริทบอก
              ลิเนียร์ตี้ถาม "แล้วตกลงนิ คำถามที่ว่ามานั้น บางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้หัวคิดกันเลยหรือคะ"
              "ลิเนียร์ตี้ บางสิ่งบางอย่าง เราไม่อาจจะใช้หลักเหตุและผลมาคิดให้มันตรงตัวกันได้หรอกน่ะ อีกอย่าง คำถามปัญหาเชาว์ส่วนมาก ก็ล้วนแล้วถามโดยที่มีหลักเหตุและผลกันทั้งนั้น แต่บางคำถามนั้นมีไว้เพื่อความสนุกสนาน ซึ่งตามแต่คนตั้งคำถามว่าเขาคิดมาได้ยังไงกันน่ะ" โฟรซ่าบอก "ที่สำคัญ ถ้าคิดแล้วปวดหัวมากขนาดนี้ ก็ไม่ต้องไปคิดให้เมื่อยหัวดีกว่าน่ะ อย่างน้อยให้ไปถามฉันหรือไม่ก็มาสวาร์ทาร์ก็ยังได้เลยน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เข้าใจแล้วละคะ แม้ว่า คำถามเมื่อกี้มันแกล้งกันชัดๆก็ตามน่ะ"
              "ทีหลัง อย่าทำแบบนี้จะได้มั้ยละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              คลอเวฟบอก "น่าจะได้อยู่หรอก แต่อย่างน้อย ลิเนียร์ตี้ก็น่าจะรู้ว่าเธอควรทำตัวยังไงกันบ้างละน่ะ"
              "หรือ....นายอาจจะทำเช่นนั้นเพื่อหวังให้ลิเนียร์ตี้เชื่อฟังนาย แต่นายเองจะโดนไม่ใช่น้อยๆเลยน่า" สเปียริทกล่าวพร้อมกับชกมือซ้ายไปเต็มๆ
              เนคมาดูซัมกล่าว "เดียวจะเจอคำถามที่ว่า อะไรเอ่ย หนักกว่าโครมเมทาเลี่ยม กันหรอกน่ะ"
              "แล้วอะไรหนักกว่าโครมเมทาเลี่ยมกันมิทราบละ กบาลของนายนะหรือ" คลอเวฟตอบแบบกวนๆกลับ ซึ่งผลออกมานั้น...
              "คำตอบที่ถูกก็คือ ส้นเท้าเนคมาดูซัมนี้แหละ" สเปียริทกล่าว โดยที่คลอเวฟโดนถีบลงไปกองกับพื้นอย่างจังๆ
              "พวกนายอยู่นี้แล้วสิน่ะ พอดีเลย โคเคสสั่งให้พวกนายมุ่งหน้าไปที่คาชาน่ากันแล้วละ" เฮลิคมาถึงก็แจ้งให้พวกเวเซอร์รับทราบ คลอเวฟที่โดนถีบล้มก็รีบลุกขึ้นมา
              "พวกครีซีแทนเคลื่อนไหวแล้วหรือครับ หัวหน้าเฮลิค" พีวิลกล่าว
              "ใช่ และเราอยากจะให้พวกนายไปขึ้นยานแรคแทซกันเดียวนี้ ซึ่ง...ฉันได้ให้ฟาลเคน่อนพาพวกบีสทอยด์นกและแมลงมาขึ้นยานกันแล้วละ รายละเอียดแผนการจะแจ้งให้ทราบกันตอนไปถึงดวงดาวกันน่ะ" เฮลิคบอก "ส่วนอาวุธของพวกนายนั้น ฉันได้ให้เบย์แทนด์นำขึ้นไปไว้ในห้องล็อกเกอร์ในแรคแทซกันด้วยแล้ว เพราะเราต้องออกยานกันในอีก 5 นาทีแล้วละ"
              คลอเวฟบอก "ดีเลย เพราะอย่างน้อยจะได้มีเวลาให้หัวหายมึนฝ่าเท้าแกตไทซ์กันบ้างละน่า" เนคมาดูซัมกระแอ่มขึ้นมา จนคลอเวฟถึงกับหน้าจ๋อยลง

              "หึมๆๆๆๆ ฟ้าววววววว" ยานแรคแทซบินทะยานออกจากแกรนเอ็กโซดัสอาร์คด้วยโหมดความเร็วกว่าแสงใน 5 นาทีต่อมา
              "นี้คงเป็นพวกบีสทอยด์นกและแมลงเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้บอก โดยที่เห็นอิคแซคทรอยตั้กแตนคุยกับมนุษย์ผีเสื้อหญิง ส่วนพวกครุฑนกพิราบสนทนาด้วยกันกับบีสท์เมนหงส์สามตัวกันอยู่
              ไซโคลเนียบอก "พวกเขาเป็นพวกบีสทอยด์ที่มีบทบาทในการต่อสู้กลางอากาศกันไม่น้อย รวมถึงช่วยสนับสนุนพวกสัตว์บกกันด้วย"
              "แล้วว่าแต่ ในอวกาศนั้นมีต่างดาวแบบนกหรือแมลงอยู่หรือเปล่าละ" สเตฟอร์ดบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ที่ว่ามานั้นอยู่ที่เดลอาเนี่ยนกันหมดแล้วนะสิ แม้จะมีบางส่วนโผล่มาให้เห็น ก็แค่ส่วนน้อยที่ออกเดินทางจากดาวแม่มาอาศัยอยู่นี้กันน่ะ"
              "แปลว่าเดลอาเนี่ยนเองก็แทบไม่ต่างจากแรซัลก้าเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              เนคมาดูซัมตอบ "ทำนองนั้น ภาวนาว่าเดลอาเนี่ยนไม่มายุ่งกับพวกเราก็ถือว่าเกินพอแล้วละ เพราะเรื่องของพวกครีซีแทนนั้นสำคัญที่สุดน่ะ"
              "นายคิดจะช่วยเพื่อนนักรบครีซีแทนกันยังไงละ เนคมาดูซัม" พีวิลถาม
              เนคมาดูซัมกล่าว "ฉันยังคิดอะไรไม่ออกกันเลยน่ะ แต่ถ้าแอร์ไพล์มมิสถืออาวุธมาสู้ ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำให้แอร์ไพล์มมิสยอมเชื่อในคำพูดของฉันและของพวกเรา แม้ว่าจะต้องสอยลูกน้องของเขาร่วงไปสามสี่คนก็ตามน่ะ"
              "เอาเป็นว่าเราไปถึงที่ดาวนั้นแล้วค่อยมาคิดตัดสินใจกันอีกทีแล้วกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยตอนนี้มาที่ห้องประชุมในยานแรคแทซ ซึ่งตอนนี้ ฟาลเคน่อน หัวหน้าเผ่าวิหคมากับหัวหน้าเผ่าแมลงอย่างปาปิยองและเดโวลันเข้ามาอยู่ในห้องประชุมกันแล้ว
              "โอ้ว ลอร์ดมาสวาร์ทาร์ พวกเราได้ฟังเรื่องราวการต่อสู้จากเกรทไทเกอร์แล้ว พวกเราเลยขันอาสาพาลูกเผ่าลงมาช่วยด้วยกันนะคะ" ปาปิยองกล่าว
              "แต่ พวกครีซีแทนที่เราจะต้องสู้นั้นชำนาญเรื่องการต่อสู้ภาคอากาศ แถมยังมีแรงสนับสนุนจากกองยานรบด้วยแล้ว เกรงว่าพวกคุณจะเสียกำลังรบไปด้วยนะ" เนคมาดูซัมบอก
              ฟาลเคน่อนบอก "แม้สายลมบนดาวที่เราไปเยือนจะไม่ช่วยเหลือพวกเรากันก็ตาม แต่เราก็ไม่ยอมให้พายุแห่งความเลวร้ายของแรซัลก้าเข้ามาพัดพาความสงบสุขไปได้กันหรอกน่ะ" และแบมือมา "แม้ท่านจะเป็นแมนิเกเตอร์ที่รับใช้มารดรเทพ แต่การที่ท่านมาร่วมมือกับท่านลอร์ดมาสวาร์ทาร์ ก็เท่ากับว่า แรซัลก้ามีตัวแทนฝ่ายดีที่มีแนวทางเดียวกับพวกเราทั้งหมดกันด้วยน่ะ"
              "เช่นกันนะครับ หัวหน้าเผ่าฟาลเคน่อน ผมหวังว่าความร่วมมือของพวกคุณจะช่วยกำชัยชนะมาให้นะครับ" เนคมาดูซัมบอก แล้วจับมือกับฟาลเคน่อนไปด้วย
              เดโวลันกล่าว "หวังว่านักรบที่เก่งกาจและทรงพลังอย่างท่านนั้นจะช่วยเหลือพวกเรากันได้เต็มที่เลยนะคะ"
              "ครูมาสวาร์ทาร์ นึกว่าพวกครูไม่ได้มาแล้วเสียอีกน่ะ" มัลแด็กซ์ บีสต์เมนด้วงคีมที่มีพลังของตั้กแตนตำข้าวและตั้กแตนป่ากล่าวโดยพาพรรคพวกมาด้วย
              "มัลแด็กซ์ บีทเทม บัลตาฟรี่ ฟลาแน็กซ์ อิคกรีด แล้วก็สวอนน่า พวกเธอคงจะมาตามคำบอกเล่าของเฮเรเค้นกับดิเรนท์แล้วสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "คะ นับแต่พวกเฮเรเค้นหนีออกไปจากคาบวิชาเรียน พวกเราก็รู้ว่าพวกเขาออกไปทำอะไรกันนะคะ" สวอนน่า บีสท์เมนหงส์ขาวที่มีพลังของฟลามิงโก้และนกกระสารวมกันกล่าว
              บีทเทม บีสท์เมนด้วงกว่างที่มีพลังของแมลงปอและผึ้งกล่าว "เพราะอย่างงั้น พวกเราเลยขอหัวหน้าเผ่าติดตามมาด้วยกันนะครับ อย่างน้อย พวกคุณต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราสักหน่อยนะครับ"
              "ทั้งๆที่รู้ว่าพวกครีซีแทนมันร้ายกาจมากมายแล้ว พวกเธอไม่กลัวเลยหรือ" สเปียริทกล่าว
              บัลตาฟรี่ฮาฟบีสท์มนุษย์ผีเสื้อที่มีพลังของจั้กจั่นและหิ้งห้อยกล่าว "แม้ว่าพวกครีซีแทนจะร้ายกาจและน่ากลัวกันก็ตาม แต่พวกเราก็ไม่ยอมแพ้พวกมันได้เลยนะคะ"
              "ไลเอิร์ทเคยปะมือกับพวกศัตรูมาก่อนแล้ว แม้เราจะเจอกับศัตรูที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนแล้ว พวกเราก็ไม่กลัวนะครับ" อิคกรีท บีสท์เมนอินทรีที่มีพลังของนกนางแอ่นและอีกาพูดจากใจจริง เช่นเดียวกับพี่ใหญ่อย่าง
              ฟลาแน็กซ์ มนุษย์นกเหยี่ยวที่มีพลังของนกยูงและแร้งกล่าว "โดยเฉพาะพวกที่บินได้ด้วยแล้ว พวกเราจะสกัดกั้นพวกมันให้เองนะครับ"
              "ได้ยินพวกเธอว่ามาเช่นนี้ ฉันคงเชื่อมั่นในตัวพวกเธอกันแล้วละน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              สวอนน่าบอก "ไม่เป็นไรหรอกคะ แม้ว่าเราจะร่วมมือกับเมดลิคซ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของพวกอีเนอไมนด์ แต่ถ้าเธอตามคุณมาด้วยก็เท่ากับว่าเธอไม่ได้เลวร้ายมากมายกันนะคะ"
              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะว่าตอนนี้พวกบรอนเซอรูทกำลังฝึกพวกเฮเรเค้น ไรแกทและไลเอิร์ทกันอยู่ด้วย กำลังคนเลยไม่พอเพียงเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "หวังว่ากองรบของผู้การฮาซาเดนจะช่วยอะไรได้บ้างน่ะ"
              "อีก 2 นาทีจะถึงดาวคาชาน่า ในระบบเวอจีเนลเซต้ากันแล้วนะ" เฮลิคกล่าวโดยมากับโคเคสไว้
              "ดังนั้น ฉันอยากจะขอร้องให้ทุกคนสำรวมกันไว้หน่อยน่ะ เพราะเราไม่แน่ใจว่าคนบนดาวนั้นจะให้ความร่วมมือกับพวกเรามากน้อยแค่ไหนกันน่ะ"

              "ฟ้าวววว แว้งงงงง" ยานแรคแทซของโคเคสมาถึงดาวคาชาน่ากันแล้ว หากแต่... "เออ ผบสส.คะ ไม่เห็นมีกองยานรบของผู้การฮาซาเดนอยู่ใกล้ๆเลยละคะ" เอเรียเน่กล่าว โดยไม่เห็นกองยานรบของฮาซาเดนโผล่มาเลย
              โคเคสบอก "แล้วที่ดาวคาชาน่าล่ะ เพราะผู้การฮาซาเดนน่าจะส่งยานรบวาร์ปลงมาที่ดาวเหมือนที่ฟาทาเร่-4 บ้างน่ะ"
              "นอกเหนือจากสัญญาณกองยานบินของพวกครีซีแทนแล้ว ไม่มีสัญญาณที่ว่ามาเลยนะคะ" เอเรียเน่บอก ไม่ทันไรก็... "มีสัญญาณติดต่อมาจากเทร่าโซเลนของผู้นำเฮนรี่ ไนท์นะคะ"
              เฮลิคบอก "แสดงว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้การฮาซาเดนแน่ๆ เฮนรี่ ไนท์ถึงต้องมาด้วยตัวเองกันเลยน่ะ"
              "เชื่อมต่อสัญญาณมาที่ห้องประชุมได้เลย เอเรียเน่" โคเคสสั่ง เอเรียเน่เลยนำภาพของเฮนรี่ ไนท์ออกมา
              "โอ้ว ดูเหมือนว่าพวกคุณคงจะเตรียมกองรบไว้รับมือกับพวกครีซีแทนที่ชำนาญการต่อสู้ภาคอากาศเลยสิน่ะ" เฮนรี่ ไนท์กล่าวทักทายขึ้นมา
              "แจ่ม ไม่คิดเลยนะคะ ว่าเราจะได้เจอคุณอองรี เออ คุณเฮนรี่ ไนท์อีกรอบกันน่ะ" บัลตาฟรี่กล่าว เพราะเธอพึ่งได้ยินเรื่องของอองรีกันมาก่อนแล้ว
              เฮลิคบอก "เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เจอกันอีกครั้งหนึ่งน่ะ แม้ว่าครั้งแรก เราไม่รู้ว่าคุณเป็นบุรุษคนแรกที่ไปสู่อวกาศกันมาก่อนเลยน่ะ"
              "เช่นกันนะครับ คุณเฮลิค แม้ว่าคุณจะดู โทรมหนักกว่าที่เห็นเมื่อคราวก่อนก็ตามนะครับ" เฮนรี่บอก
              โคเคสกระแอ่มพร้อมกับบอกว่า "คุณเฮนรี่ ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นกับผู้การฮาซาเดนและกองกำลังของเขาละครับ พวกเขาควรจะมาที่ดาวดวงนี้ก่อนมิใช่หรือ"
              "เกรงว่า ผู้การฮาซาเดนมีธุระเกี่ยวกับครอบครัวกันด้วยน่ะ ซึ่งฉันคงต้องให้ตัวแทนของผู้การมาอธิบายแทนแล้วละ" เฮนรี่กล่าว โดยเปิดสายของ...
              "นี้คือ ผู้บังคับการแพททริค ทิลเทอแรน พี่ใหญ่ของผู้การฮาซาเดน มาพูดแทนผู้การฮาซาเดนที่กำลังติดธุระสำคัญกันอยู่น่ะ" แพททริคติดต่อเข้ามา หากแต่เขาใส่ชุดทหารทางการเอาไว้ "แล้วก็เจอกันอีกแล้วละ ผู้นำโคเคส แอคเมนโด้ ภารกิจบนฟาทาเร่นั้นช่วยได้มากเลยน่ะ ซึ่งฉันก็ต้องขอบคุณพวกนายไว้ด้วย"
              "พวกเรารับคำขอบคุณไว้นะครับ ผู้การแพททริค ว่าแต่ คุณใส่ชุดทางการกันนิ คงไม่ได้มีธุระสำคัญในครอบครัวตามที่คุณเฮนรี่ว่ามาสิน่ะ" โคเคสบอก
              แพททริคบอก "นั้นเป็นข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกันน่ะ เริ่มจากข่าวดีก่อน คือว่า..." หลังจากที่กระแอ่มไปทีหนึ่ง ก็พูดต่อไปว่า "โทมาสกำลังเข้าพิธีหมั้นกับบุตรสาวคนโตของตระกูลลอชแซน โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูล ซึ่งก็คือพ่อของฉันกับผู้การฮาซาเดน นายพลเกรย์สัน กับผู้ว่าการสดัลลิน พ่อของฝ่ายบุตรสาวคนโต ได้หมั้นหมายมาเมื่อ 30 ปีก่อน โดยทางสองครอบครัวได้ตัดสินใจที่จะจัดพิธีแต่งงานกันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้ากันแล้วละ"
              "โอ้ว นั้นเป็นข่าวดีมากๆเลยนะครับ ซึ่งทางเราก็ขอแสดงความยินดีกันด้วยนะครับ" เฮลิคบอก
              พีวิลถาม "แล้วข่าวร้ายนั้นคงไม่ได้หมายความว่า พอไม่มีผู้การฮาซาเดน กองยานรบก็ไม่มาเลยสิครับ"
              "โทมาสมีคำสั่งตรงมายังกองยานรบกันไว้แล้ว ว่าให้ไปสนับสนุนกองรบของทิคแซท คัลแดนซ์ ดัสท์แพท ฮัลไทร์ มิทด็อก คิฟทรอน และเกรเบค ซึ่งได้กระจายไปอยู่ตามดาวดวงอื่นๆที่พวกครีซีแทนยึดเอาไว้ เพื่อเตรียมโจมตีในคราวเดียว ซึ่งฉันคิดว่า เขาคงจะมีกองยานเหลือพอมาช่วยพวกคุณกันบ้าง" แพททริคกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่ หัวหน้ากองรบของพวกคุณอยู่ในงานแบบนี้ แล้วจะเคลื่อนไหวพร้อมกันได้ไงละครับ" เพราะสังเกตุเห็นทิคแซทถูกเกรเบคพามาถ่ายรูปร่วมกับโทมาสอยู่ข้างหลัง
              "อย่าห่วงไปเลยน่ะ เพราะเมื่อเสร็จงานหมั้นนี้แล้ว พวกที่เหลือนั้นจะรีบไปสมทบกับกองรบทั้งหมดเองนั้นแหละ" แพททริคบอก "ดังนั้น ฉันอยากจะให้พวกคุณรอสักสิบนาทีได้มั้ยละ เพราะยานรบส่วนที่มาหนุนช่วยพวกคุณกำลังวาร์ปมากันด้วยน่ะ"
              โคเคสบอก "ทางเราจะรอกันนะครับ ผู้การแพททริค" แพททริคพยักหน้าและตัดการติดต่อไป
              "แม้ว่าโทมาสจะมาไม่ได้ หรือกองรบไม่มาตามที่กำหนดไว้ก็ตาม ฉันขอแนะนำให้พวกคุณเตรียมพร้อมไว้สำหรับการรบด้วย เผื่อว่าการรบนี้พวกคุณต้องทำเพียงลำพังเลยน่ะ" เฮนรี่บอก
              โคเคสพยักหน้า "ผมก็คิดเช่นนั้นนะครับ เพราะผมคาดการณ์ไว้ว่า ความช่วยเหลือคงมาช้าหรือไม่มา ภาษิตที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น ก็ยังมีประโยชน์กันบ้างนะครับ"
              "อืมมมม งั้นก็ใช้เวลา 10 นาทีหรือน้อยกว่านั้นเตรียมตัวกันสักหน่อยน่ะ" เฮนรี่กล่าว
              โคเคสตอบ "ถ้าเช่นนั้น พวกเราขอตัดการติดต่อเลยแล้วกันนะครับ"

              "พี่ใหญ่ คิดว่าพวกแมนิเกเตอร์เหล่านั้นจะรอกองยานของพี่รองกันจริงๆหรือครับ" คิฟทรอนกล่าวโดยมาพร้อมกับดัสท์แพทด้วย
              แพททริคยิ้มก่อนจะบอกว่า "กองยานที่เหลือนั้นมันไม่มาจริงๆหรอก เพราะฉันสั่งให้พวกเขาเฝ้าระวังไว้ที่ดิสก์เวิร์ดแล้ว ไม่มีคำสั่งตรงจากฉัน พวกนั้นจะเคลื่อนยานออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะฉันอ้างคำสั่งอนุมัติตรงจากโทมาสเองด้วยน่ะ"
              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะยังไงเสีย พวกมันก็คงรอเก้อจนกองรบของพวกครีซีแทนมันโกยแน๊บไปแล้วละ" ดัสท์แพทบอก
              คิฟทรอนเสริม "นั้นสิน่ะ กว่าพวกนั้นจะรู้ว่ากองรบของพี่รองไม่มา ก็ต้องพาลโกรธพี่รองจนเสียความเชื่อถือกันด้วยน่ะ"
              "แต่ถ้าพี่รองมารู้เข้าก็คงไม่ดีเลยน่ะ ว่าพี่ใหญ่ขัดขวางพี่รองเพื่อแกล้งพวกแมนิเกเตอร์ เลยรีบสั่งการให้กองยานไปหนุนเสริมไว้น่ะ" มิทด็อกเข้ามาถาม
              คิฟทรอนยิ้มแล้วก็บอกไปว่า "วางใจได้น่า พี่รองไม่มีทางมาขัดขวางกันได้หรอกน่ะ" แล้วก็ย้อนความไปช่วงก่อนหน้างานหมั้น "ตอนนี้ผมรู้เรื่องแย่ๆที่พี่รองก่อขึ้นไว้แล้วน่ะ" คิฟทรอนพูดต่อโทมาสที่กำลังจะออกไปทำงานอยู่พอดี
              "คิฟทรอน ถ้าคิดจะมาพูดข่มขู่พี่ละก็ อย่าได้แม้แต่คิดเลยดีกว่าน่า เพราะพี่มีเรื่องที่ต้องไปทำกันนี้แหละ" โทมาสกล่าว
              คิฟทรอนกล่าว "พี่คิดจะไปช่วยพวกโคเคสสู้กับพวกครีซีแทน หรือว่า จะไปหาลูกสาวของพี่กันมิทราบละครับ"
              "คิฟทรอน นายเอาอะไรมาพูดกันละ" โทมาสได้ฟังก็ถามอย่างไม่พอใจ แม้ในใจจะหวั่นเกรงว่าคิฟทรอนต้องรู้เรื่องตนกับแอสเทลน่ากันอย่างแน่นอน
              คิฟทรอนเลยเปิดคลิปเสียงของแอสเทลน่าออกมา "ท่านไม่รู้เรื่องแม่ของข้ากันเลยใช่มั้ย และท่านก็คงจะลืมแม่ของข้าไปแล้วใช่มั้ยละ"
              โทมาสได้ยินก็ถึงกับโกรธจัดขึ้นมา "คิฟทรอน นี้นาย..."
              "ผมแค่อยากจะช่วยรักษาความลับของพี่รองกันไว้น่ะ ซึ่งท่านพ่อคงไม่พอใจแน่ๆที่รู้ว่าพี่รองไปมีอะไรกับลูกน้องของเอสเซคาร่าซารีทิส จนมีลูกสาวเป็นนักล่าลูกครึ่งกันด้วยน่ะ" คิฟทรอนบอก "แน่นอนละว่า ถ้าพวกดาวฤกษ์รู้ว่าพี่เป็นพ่อของนักล่าคนนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจัดการกับพี่รองกันยังไงน่า ซึ่งผมก็น่าจะรู้แล้ว ว่าที่พี่รองหายสาปสูญไปตลอด 4 เดือนเมื่อ 20 ปีก่อนนั้น พี่ไปทำอะไรกันมิทราบ แน่นอนว่า ลูกน้องแต่ละคนคงเสียศรัทธาที่มีต่อพี่รองกันอย่างแน่นอน"
              โทมาสบอก "แล้วนายต้องการอะไรมิทราบกันละ คิฟทรอน ถึงกล้าเอาคลิปเสียงมาต่อรองกับพี่น่ะ"
              "ผมต้องการให้พี่ หมั้นกับบุตรสาวคนโตของผู้ว่าการสดัลลิน ตามที่คุณพ่อและผู้ว่าการหมั้นหมายมาเมื่อ 30 ปีกันไว้นะสิ แน่นอนว่าถ้าพี่ทำอย่างงั้นได้ ผมก็จะทำลายคลิปเสียงนี้ลงเองแหละ" คิฟทรอนยืนข้อเสนอ
              โทมาสบอก "นั้นเป็นการหมั้นหมายโดยที่พี่ไม่ยินยอมเลยน่ะ คิฟทรอน อีกอย่าง บุตรสาวคนนั้นแต่งกับพี่เพื่อหนีพวกแฟนเก่าที่ตามมารังควานเอาไว้ พี่ไม่ต้องการจะมีเรื่องกับพวกเขากันด้วย"
              "งั้นผมจะเอาคลิปเสียงนี้ไปแฉให้ทุกๆคนในกองยานของพี่เลยแล้วกัน" คิฟทรอนบอก "แต่ ถ้าพี่คิดว่ามีคนของผมซ่อนในกองยานของพี่ละก็ ผมคิดว่าผมพอมีทางแก้กันบ้างน่ะ"
              โทมาสกล่าว "นายคงไม่คิดที่จะส่งกองยานไปช่วยกองรบของนายและพวกน้องๆที่กระจายไปทั่วดาวที่พวกครีซีแทนบุกไว้เลยละสิ"
              "ถูกเผงแล้วละ แต่ผมพอรู้น่ะ ว่ากองยานที่ 1-3 นั้นมีคนของผมอยู่แน่นอน ทำไมพี่ไม่ลองให้กองยานเหล่านั้นเฝ้าระวังดิสก์เวิร์ดกันไปเลยละ อย่างน้อย ถ้าพวกนั้นหนีไปก็เท่ากับว่ามีคนของผมซ่อนอยู่จริงๆด้วยน่ะ" คิฟทรอนออกความเห็น
              โทมาสบอก "งั้นพี่จะคิดดูแล้วกันน่ะ เพราะยังไงซะ พี่ต้องการจะตรวจสอบว่ามีคนของนายซ่อนอยู่จริงหรือเปล่าละ"
              "แล้วนายก็แนะนำให้ฉันใช้คำอนุมัติของโทมาสมาหลอกกองยานที่ 1-3 ให้ระวังภัยอยู่นี้สิน่ะ ว่าแต่ คนของนายที่นายส่งไปแอบฟังตอนอยู่ฟาทาเร่ล่ะ อยู่ในกองยานเหล่านั้นจริงหรือ" แพททริคถาม
              คิฟทรอนหัวเราะพร้อมกับบอกไปว่า "คนของผมก็อยู่กับกองรบของผมอยู่แล้วละ กองยานที่ 1-3 ซึ่งควรจะไปช่วยพวกโคเคสนั้น คงจะหลงโง่เชื่อคำสั่งของพี่ใหญ่และพี่รองไปอีกนาน และคงไม่กล้าขัดคำสั่งนำยานออกไปได้แน่ๆเลยละ ฮะๆๆๆ"
              "ถ้าพวกนั้นนำยานออกไป ก็เท่ากับว่าขัดคำสั่งพี่รองและพี่ใหญ่ และต้องได้รับโทษ แม้พวกนั้นทำตามคำสั่งก็ย่อมทำให้โคเคสและพวกไม่มีกำลังช่วยเหลืออยู่แล้ว นั้นก็ทำให้พวกโคเคสแพ้กลับมาอย่างแน่นอนเลยละ" มิทด็อกกล่าว
              ดัสท์แพทกล่าว "ไม่มีอะไรแจ่มไปกว่าได้เห็นพวกโคเคสพ่ายแพ้กันแล้วละ ฮะๆๆๆๆๆ"
              "พี่ใหญ่กับพี่แปดไม่น่าแกล้งพี่รองกันแบบนี้เลยน่ะ" เกรเบคกล่าวโดยที่เขามาได้ยินพอดี "แม้เรื่องที่พี่รองประสบมานั้นจะเป็นเรื่องอื้อฉาวที่กระทบกระเทือนต่อทุกฝ่ายกันไม่น้อย แต่พี่ไม่ควรที่จะไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับชาวดาวฤกษ์กันเสียเลยน่ะ"
              ดัสท์แพทบอก "น้องรักเอ๋ย แต่พี่รองได้สร้างความเสื่อมเสียของวงศ์ตระกูลของเรา โดยที่เราพึ่งจะมารู้เอาตอนนี้แล้ว ซึ่งถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา รับรองว่า พวกเราไม่เพียงจะสูญเสียความเชื่อถือระหว่างมนุษย์กับชาวดาวฤกษ์ แต่นั้นหมายถึง พี่รองจะถูกประหาร ฐานที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ซารีทิสต้องเสียลูกน้องมือดีไปเลยน่ะ"
              "เรื่องนั้นมันก็จริง แต่ พวกพี่ไม่ควรจะไปทำให้พี่รองเจ็บปวดกับสิ่งที่เขาพึ่งจะมารู้เมื่อ 2-3 วันก่อนแล้ว จนทำให้เขาเสียภรรยาคนแรก และบุตรสาวของเขาก็สูญเสียความเชื่อถือต่อพี่รองไปแล้ว อย่าทำให้พี่รองเสียความเชื่อถือจากคนที่พี่รองคิดไปช่วย ด้วยการจับคลุมถุงชนพี่รองกับบุตรสาวที่มีปัญหากับพวกแฟนหนุ่มที่เธอสลัดรักไว้ เพื่อหวังผลประโยชน์จากผู้ว่าการนั้นจะดี...." เกรเบคกล่าว
              คัลแดนซ์เดินเข้ามาบอก "เกรเบค หรือว่านายคิดจะทำลายชื่อเสียงพี่รองและตระกูลของพวกเรากันละ" เกรเบคได้ฟังก็เกิดความหวั่นเกรงขึ้นมา คัลแดนซ์เลยข่มขู่ไปว่า "ในฐานะที่นายเป็นน้องชายของพวกเรา สิ่งที่พวกเราทำไปนั้นก็เพื่อวงศ์ตระกูลของพวกเรากันอยู่แล้ว ซึ่งการหมั้นหมายของพี่รองนั้น พ่อของเราก็ร่วมตกลงกันแล้ว จะมาฉีกสัญญาทิ้งกันไม่ได้เด็ดขาดเลยน่ะ"
              "ถ้านายทำเช่นนั้นจริง พวกเราไม่เอานายไว้แน่นอน" ดัสท์แพทกล่าว
              มิทด็อกเสริม "ถ้านายยังเห็นเราเป็นพี่ของนายกันแล้ว นายก็น่าจะรู้น่ะ ว่าหนึ่งคำพูดของนายนั้นจะทำให้นายชาตะขาดเหมือนกับคนที่พวกเราจัดการไปแล้วน่ะ"
              "แต่ พวกพี่เองก็..." เกรเบคกล่าว
              แพททริคบอก "พอได้แล้ว เกรเบค ตอนนี้ นายควรจะไปอยู่ในงานคอยต้อนรับแขกหรือไม่ก็ไปช่วยพวกรปภ. กันพวกแฟนหนุ่มของฝ่ายหญิงกันเลยไม่ดีกว่าเลยหรือ... ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆ ที่มีใครหลุดเข้าไปทำลายงานหมั้นของพี่รองจนทำให้ชื่อเสียงของพวกเราป่นปี้กันไปเลยน่ะ"

              ในขณะเดียวกัน ฝั่งของพวกโคเคสนั้น... "เออ มีสัญญาณติดต่อมาจาก... เอสเซคาร่าซารีทิสเข้ามากันนะคะ" เอเรียเน่บอก
              คลอเวฟกล่าว "ดีแล้วละ เพราะเราคิดว่าไม่มีกำลังรบมาช่วยกันเสียแล้วน่ะ"
              "5 นาทีที่พวกเรารอกำลังรบจากผู้การฮาซาเดนนั้น เราได้ทำการสแกนดวงดาวเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวกันนั้น แม้ว่าพวกครีซีแทนจะไม่เคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้ง แต่...อย่างน้อยเราก็ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ากันบ้างละน่ะ" เฮลิคบอก
              โคเคสบอก "เอเรียเน่ เชื่อมต่อการสื่อสารเข้ามาได้เลย" แล้วซารีทิสก็ติดต่อเข้ามา
              "กานาฟ่า อีรีซิส โคเคส แอคเมนโด้ แล้วก็ เฮลิค นอร์มังดี พวกท่านถูกสั่งให้เฝ้ารอนอกดาวเลยสิน่ะ" ซารีทิสบอก
              โคเคสกล่าว "กานาฟ่า อีรีซิส เอสเซคาร่าซารีทิส ผู้การแพททริคสั่งให้เรารออยู่นี้ เพราะกองยานของผู้การฮาซาเดนที่สั่งไว้ มาสมทบช้ากันสักหน่อยนะครับ เราจึงไม่รีบเคลื่อนไหวอะไรกันเลยนะครับ"
              "ข้าเกรงว่า กองยานของฮาซาเดนคงไม่มาแล้วละ" ซารีทิสบอก
              เฮลิคถาม "ไม่มานะหรือ เออ อย่าบอกนะครับ ว่าผู้การฮาซาเดนสั่งให้กองยานนั้นเฝ้าระวังที่ดิสก์เวิร์ดเพื่อป้องกันศัตรูบุกรุกกันไว้นะครับ"
              "ความคาดเดาของเจ้ามาถูกทางแล้วละ แม้ว่านั้นจะเข้าทางของแพททริคไปเลยก็ตาม" ซารีทิสกล่าว
              คลอเวฟกล่าว "เดียวก่อนน่ะ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าพี่ใหญ่ของผู้การฮาซาเดน หลอกเราอย่างงั้นนะหรือ"
              "เป็นเช่นนั้น ข้าคิดว่า น้องของแพททริคคงจะรู้เรื่องของผู้การฮาซาเดนและแอสเทลน่าจากหูที่ส่งไปแอบฟัง และใช้บทสนทนาเหล่านี้เป็นเครื่องมือข่มขู่กันไว้ ซึ่งถ้าความจริงนั้นหลุดออกมาไม่ว่าจะมาจากการแฉโดยน้องของแพททริค หรือจากตัวผู้การฮาซาเดนเองก็ตาม ทุกอย่างจะเสียหายไปกันหมด และนั้นหมายถึง สภาอาวุโสของแอตทาเวี่ยนจะต้องสั่งลงโทษผู้การฮาซาเดนอย่างแน่นอน โดยที่ฉัน มิอาจช่วยอะไรได้แน่นอน" ซารีทิสบอก
              พีวิลกล่าว "แม้กระทั่งพวกเราด้วยสิครับ ผู้การแพททริคไม่น่าหลอกพวกเรากันได้นิ"
              "นั้นแหละคือด้านแย่ๆของผู้การแพททริคกับพวกบางคนที่พวกเจ้าควรจะระวังเอาไว้ให้มากกันน่ะ ซึ่งแม้ข้าหวั่นเกรงว่าผู้การฮาซาเดนจะพลอยเป็นไปกับเขาด้วยก็ตาม แต่....ข้าเชื่อว่า ผู้การฮาซาเดนย่อมไม่นึกถึงผลประโยชน์แย่ๆจนทำให้ความดีของตนเองเสียหายลงไปอย่างแน่นอน ซึ่งนั้นเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่พวกเจ้าต้องผ่านไปให้ได้กันน่ะ" ซารีทิสบอก "อ้อ เกือบลืมไปน่ะ เฮนรี่ ไนท์อนุมัติให้พวกเจ้าลงไปปฏิบัติการณ์โดยไม่รอกำลังรบจากผู้การฮาซาเดนไว้ ซึ่งเฮนรี่ ไนท์และตัวผู้การฮาซาเด้นคงรู้แล้วละ ว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน เลยให้ข้ามาบอกกับพวกเจ้ารับทราบกันไว้น่ะ แน่นอนว่า แพททริคกับพวกเองก็คงไม่ทราบแน่นอน"
              โคเคสบอก "แล้วพวกท่านคงไม่ได้มาช่วยเลยสิครับ"
              "ข้ายังมีกองรบดาวฤกษ์อีกหลายสิบกองที่ต้องไปช่วยขัดขวางพวกครีซีแทนที่กระจายกองกำลังไปสร้างความเดือดร้อนกันไปทั่วอยู่ ข้าหวังว่าพวกท่านคงจะแก้ปัญหาระหว่างเนคมาดูซัมกับสหายชาวครีซีแทนที่พวกท่านต้องการตัวลงได้เองบ้างน่ะ" ซารีทิสกล่าวเพราะรู้เจตนาของพวกโคเคสในคราวนี้ไว้
              เนคมาดูซัมบอก "หวังว่าท่านคงจะคุมแอสเทลน่าไม่ให้มายุ่งกับเรื่องนี้กันบ้างนะครับ"
              "อืมมม ข้าหวังว่าแสงแห่งดาวฤกษ์ทั้ง 18 จะส่องแสงชี้ทางสว่างให้พวกท่านทำการสำเร็จได้น่ะ คาดีสซานารัล (ขอให้พวกเจ้าจงมีชัย)" ซารีทิสกล่าวโดยอวยชัยเป็นภาษาอาทาเวี่ยน
              โคเคสเลยตอบไปว่า "คาดีสซานารัล เอสเซคาร่าซารีทิส" แล้วซารีทิสตัดการติดต่อไป "แพททริคกลั้นแกล้งพวกเราไว้ เพื่อหวังทำให้พวกเราแสดงความไม่พอใจต่อผู้การฮาซาเดนขึ้นมา แต่...นั้นก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งของพวกเรากันนี้แหละ"
              "มันดีตรงไหนวะ ในเมื่อพวกเราไม่มีกองรบโมบิลลอยด์และเรามีกองยานรบแค่ 10 ลำเองวะ" คลอเวฟบ่น
              เฮลิคกล่าว "....ครีซีแทนแอร์ฟอสอาจจะมีกองรบภาคอากาศอยู่ทั่วทุกมุมของดวงดาว เพื่อสอยพวกเราที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศให้ร่วงลงไปก็จริง แต่...ทุกยุทธการย่อมมีช่องโหว่และจุดอ่อนกันอยู่แล้วน่ะ" แล้วก็เปิดแผนที่ออกมา "จากการสแกนดวงดาวทั้งหมด พบว่าพวกครีซีแทนใช้เรดาห์แจมมิ่งเพื่อปิดบังไม่ให้พวกเราเห็นกองยานที่พวกมันวางกำลังเอาไว้ ซึ่งตามการคาดเดาของฉัน พวกครีซีแทนต้องนำกำลังรบไปรวมพลตรงจุดที่เราจะเข้าสู่ดวงดาวกันอย่างแน่นอน"
              "แล้วทำไมเราไม่เทเลพอร์ตเข้าไปที่ดาวเสียเลยละครับ" อิคกรีทกล่าว
              เฮลิคบอก "คือว่า เราพึ่งมาที่ดาวดวงนี้เป็นครั้งแรก แม้เราสแกนดาวดวงนี้จนทำแผนที่ไว้ได้จริง แต่...ถึงยังไงเราต้องวางเสาระบุตำแหน่งเพื่อให้เราสามารถเทเลพอร์ตยานแรคแทซให้เข้ามาได้อยู่ดี ซึ่งจากยุทธการบนดาวฟาทาเร่ ฉันคิดว่าระบบเทเลพอร์ตนั้นล้ำหน้าไปถึงขั้นนั้นแล้วน่ะ"
              "ว่าแต่ เราจะบุกลงไปที่ดาวกันยังไงละ ในเมื่อพวกครีซีแทนมันมีกองยานลาดตระเวนที่พร้อมจะบุกโจมตียานของพวกเราในทันทีที่แล่นลงจอดกันเลยน่ะ" สเปียริทถาม
              ฟลาแน็กซ์กล่าว "แล้วทำไมเราไม่นำยานบุกไปแบบอุกกาบาตเลยหรือครับ"
              "หมายถึง จะเสี่ยงส่งเฮฟไดซ์ลงไปลำหนึ่ง โดยให้ยานพุ่งไปด้วยความเร็วสูงเลยสิน่ะ" เฮลิคกล่าว
              โคเคสบอก "คงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นแหละ แม้มันจะเสี่ยงไม่น้อยกับการที่เราต้องเสียยานไปหนึ่งลำและกำลังคนส่วนหนึ่งด้วยน่ะ"
              "แล้วถ้าเป็นพวกเรากันละ อย่างน้อย พวกครีซีแทนก็ต้องมีตกใจกันบ้างละน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              โคเคสได้ฟังเช่นนั้นก็... "โอเค คงต้องวัดดวงกันสักตั้งแล้วละ แม้โอกาสพลาดจะมีสูงมากก็ตามน่ะ"
              "งั้นพวกคุณก็ระวังตัวไว้ด้วยละครับ" ฟลาแน็กซ์บอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
              สเตฟอร์ดบอก "อย่าห่วงไปเลยน่า เพราะว่าเราต้องพาพวกเธอไปด้วยอยู่แล้ว"

              ณ.ฟากฟ้าบนดวงดาวคาชาน่า เหนือพื้นดินสูง 5 พันฟุตขึ้นไป แอร์ไพล์มมิสกับหน่วยรบสไตร์ฟวิงค์คุ้มกันยานบินสโตม่ากรีฟเอาไว้
              "หัวหน้าคิดว่าเนคมาดูซัมและพวกจะมาจริงๆตามที่ดอฟเกตว่าไว้เลยหรือ" บิสเกอร์กล่าว
              ฟลาเกลบอก "หัวหน้าแอร์ไพล์มมิส เราต้องสู้กับอดีตเพื่อนเก่าที่เคยร่วมรบในสงครามเฮซเทิร์ซกันเลยหรือคะ"
              "หน้าที่ของพวกเราคือต้องทำตามคำสั่งไว้กันน่ะ แม้ฉันไม่อยากจะทำ แต่มันก็เป็นหน้าที่และคำสั่งที่เราขัดไม่ได้เลยน่ะ" แอร์ไพล์มมิสบอก และสั่งการไปว่า "ทุกคน ตรวจตราอาณาบริเวณในรัศมี 50 กิโลเมตร รวมถึงเบื้องบนเอาไว้ด้วย ถ้าพบอะไรพุ่งลงมา ให้รีบจัดการได้ทันทีเลย"
              ไม่ทันไรก็ "อี้ดๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณเตือนดังขึ้น แรปต้ารายงาน "เรดาห์ตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่พุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศมาด้วยความเร็วสูงแล้วละคะ"
              "เป็นอุกกาบาตหรือว่ายานของพวกศัตรูหรือเปล่า" แอร์ไพล์มมิสถาม
              แรปต้าส่ายหน้า "มันมาอย่างเร็วมากเลยคะ และคงไม่ดีแน่ๆ หากมันร่วงลงมาใกล้กับเขตชุมชนด้วยคะ"
              "ไม่มีทางเลือก มุ่งหน้าไปดักทางไว้ เราจำต้องใช้ปืนใหญ่เลเซอร์กำลังสูงยิงทำลายมันซะ" แอร์ไพล์มมิสกล่าว
              แอร์ฟอสภายใต้คำสั่งทั้งหมดตอบ "รับทราบ" แล้วยานสโตม่ากรีฟก็มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งวัตถุขนาดใหญ่พุ่งลงมา
              "ตรูมมมมม" ฉับพลัน ยานบินก็ระเบิดจากข้างหลังไว้ "แย่แล้วละคะ มีการโจมตีจากระยะไกล 45 กิโลเมตรเข้าใส่บูสเตอร์หมายเลข 3 จนเสียหายไปแล้วคะ" แรปต้ากล่าวโดยเปิดภาพตัวการไว้ แอร์ไพล์มมิสได้เห็นก็ตกใจไม่น้อย
              "แมนิเกเตอร์บินได้เป็นแท่นให้อีกตัวยิงใส่จากระยะไกลกันอย่างงั้นนะหรือ" เพราะเห็นโฟรซ่ามากับฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลติดลำกล้องยาวสำหรับยิงยาว นั่งคุกเข่าบนไซโคลเนียที่ติดบูสเตอร์ปีกขนาดใหญ่เอาไว้
              "โดนไปดอกหนึ่งแล้วละ ตาเธอยิงได้แล้ว ไซโคลเนีย" โฟรซ่ากล่าวโดยที่มองเห็นยานที่ไฟไหม้ตรงด้านหลังไว้
              ไซโคลเนียบอก "เข้าใจแล้วละ เทมเพสต้าลันเชอร์ ยิง" แล้วยิงปืนยาวติดบูสเตอร์เข้าใส่ "ป้ากกก ตรูมมม" จนทะลุแพนหางไประเบิดตรงเครื่องยนต์ไว้ ทำให้ยานเริ่มร่วงลงอย่างรวดเร็ว
              "เราถูกยิงจนเสียการทรงตัวแล้วละครับ หัวหน้า" บิสเกอร์บอก
              แอร์ไพล์มมิสได้ฟังก็รีบรุดออกไปโดยนำปืนยาวออกไปด้วย และ "ฟ้าวววว" เจ็ทแพ็คติดหลังพร้อมกับเท้าเจ็ทฟีทจุดปะทุและทะยานตรงมายังโฟรซ่าและไซโคลเนียโดยเร็ว "ป้างง ป้างงง" "ชิลด์ลันเชอร์ ยิง" โฟรซ่าส่องยิงเข้าใส่แอร์ไพล์มมิสโดยที่ไซโคลเนียยิงมิไซล์ออกจากโลห์ที่เธอถือมา แต่... "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" แอร์ไพล์มมิสหลบหลีกกระสุนที่ยิงเข้าใส่จากระยะไกล เช่นเดียวกับห่ามิไซล์ที่ยิงออกมาด้วย "ว้ากกกกกก" แอร์ไพล์มมิสเลยนำปืนยาวติดมีดยาวออกมา "แคร้งงงงงงงง" ไซโคลเนียยืนขึ้นหลังจากตัวอยู่แนวนอนเข้าใช้แอร์ฟอสคัตเตอร์ต้านมีดยาวปลายปืนไว้ได้ โดยที่โฟรซ่าเกาะตรงพื้นบูสเตอร์ด้านบนเอาไว้ "เคร้งๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็ปะมีดดวลกันกลางอากาศไว้ ซึ่งโฟรซ่าพยายามเกาะหลังไซโครเนียเอาไว้เพราะเธอไม่ได้ใส่ร่มชูชีพไว้ด้วย ซึ่งไซโคลเนียหวดฟาดมีดปัดการทิ้มแทงของแอร์ไพล์มมิสไว้ "นายคงเป็นแอร์ไพล์มมิสละสิน่ะ ไม่นึกเลยว่านายจะไวกว่าที่คิดเสียอีก" ไซโคลเนียบอก
              "เธอรู้ชื่อฉันแบบนี้ คงจะเป็นสหายใหม่ของเนคมาดูซัมกันละสิ แม้ว่าจะเป็นอดีตมนุษย์หญิงที่ใช้แขนขาหุ่นยนต์และถูกดัดแปลงให้ต่อสู้กลางอากาศได้น่ะ" แอร์ไพล์มมิสกล่าวโดยถอยออกมาไว้ก่อน "แต่ก่อนจะดวลกับฉัน ไม่ห่วงเพื่อนที่เกาะหลังเธอเลยหรือ"
              โฟรซ่ากล่าว "แล้วนายออกมาโดยไม่สนใจลูกน้องบ้างเลยหรือ ไม่กลัวเสียพวกเขาไปเลยหรือไงกันน่ะ"
              "หัวหน้าครับ เราจำต้องแลนดิ้งฉุกเฉินกันแล้วละครับ" แอร์ไพล์มมิสได้ยินเสียงลูกน้องติดต่อเข้ามาอย่างเร่งด่วนไว้ จึงกล่าวไปว่า
              "ฝากไปบอกเนคมาดูซัมด้วย ว่าฉันจะรอคอยที่ๆฉันกับพวกลงจอดเพื่อซ่อมแซมยานเอาไว้กันน่ะ" แล้วก็บินกลับไปที่สโตม่ากริฟโดยเร็ว
              "โฟรซ่า ไซโคลเนีย ตะกี้นี้เธอปะมือกับครีซีแทนไทป์แอร์ฟอสอยู่สิน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว โดยที่สัญญาณติดต่อเข้ามาแล้ว
              โฟรซ่าตอบ "ใช่ แถมคนที่ไซโคลเนียดวลด้วยก็คือเป้าหมายของเรานี้แหละ"
              "แจ่ม แอร์ไพล์มมิสก็แบบนี้แหละ พอเห็นใครโจมตีใส่พวกพ้องก็อดรนทนไม่ไหว เลยบินออกมาหาเรื่องกันซะทุกครั้งนี้แหละ" เนคมาดูซัมติดต่อเข้ามา
              คลอเวฟกล่าว "นายน่าจะบรรยายนิสัยเพื่อนเก่าของนายให้มากหน่อยน่ะ เพราะโฟรซ่าหวิดร่วงตกจากไซโคลเนียกันแล้ววะ" ซึ่งวัตถุความเร็วสูงที่พุ่งเข้ามาที่ดาวตามที่แอร์ไพล์มมิสเห็นมานั้น ก็คือเฮฟไดซ์ของพวกเนคมาดูซัมนี้เอง "ไซโคลเนีย โฟรซ่า กลับมาที่ยานได้เลย เพราะยานของเราจะมุ่งหน้าตามยานของแอร์ไพล์มมิสกันแล้วละ" คลอเวฟบอก
              "เข้าใจแล้วละ เกาะแน่นๆหน่อยนะ โฟรซ่า" ไซโคลเนียบอก แล้วก็ "ฟึ่บบบบ ฟ้าวววว" ทะยานพาโฟรซ่ากลับไปที่เฮฟไดซ์โดยเร็ว ซึ่งโฟรซ่าเกาะเอาไว้แน่นๆเพื่อไม่ให้เธอพลัดร่วงตกลงไป โดยยานเฮฟไดซ์นั้นเปิดส่วนครอบด้านบนข้อที่สามออกมา "หวือออออ ครืนนนน" ไซโครเนียในสภาพติดบูสเตอร์บินเลี้ยวเข้ามาในยานไว้ ซึ่งโฟรซ่ารีบโดดลงจากหลังโดยเร็ว
              "สกายบัสเตอร์พาร์ทที่สร้างขึ้นไว้นั้น ใช้ได้ผลดีซะจริงๆเลยนะ" สเตฟอร์ดบอก
              "ว่าแต่ บูสเตอร์นี้ใช้มานานแล้วหรือคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              โฟรซ่ากล่าว "ว่ากันตามจริงแล้ว สกายบัสเตอร์พาร์ทนั้น เราพึ่งใช้เป็นครั้งแรก แม้ว่าเราจะสร้างมันขึ้นบนโลกแล้วก็ตามน่ะ"
              "แล้วทำไมถึงไม่นำมาใช้เสียเลยละ" เนคมาดูซัมบอก
              สเตฟอร์ดบอก "คือพาร์ทนี้มันเร็วและแรงมากกว่าเจ็ทแพ็คเดิมของไซโคลเนียถึง 10 เท่ายังไงละ แม้จะสร้างขึ้นจากแปลนในหัวสกายล็อตไว้จนเสร็จสมบูรณ์ แต่พอทำการทดสอบจริง ก็พบว่าพาร์ทนี้มีการออกตัวที่เกินการควบคุมของไซโคลเนียอย่างมาก เราเลยเก็บพาร์ทนี้มาปรับแต่งเพื่อลดทอนให้ไซโคลเนียใช้ได้อย่างเมื่อกี้นี้เองแหละ"
              "แต่อย่างน้อย เราก็ได้เห็นแอร์ไพล์มมิสสู้กันบ้างแล้วละ ซึ่งแม้ว่าเขายังไม่ได้ติดต่อไปยังกองยานรบใหญ่เลยก็ตาม" พีวิลกล่าว แล้วทั้งหมดก็มาที่สะพานเดินเรือ โดยที่พลัสเชอริทเปิดแผนที่ระบุเส้นทางของยานสโตม่ากริฟมุ่งหน้าไป พีวิลอธิบายไปว่า "และโชคดีมาก ที่พวกเราสแกนพื้นที่บนดาวได้ทั้งหมด จนรู้ว่า พวกครีซีแทนแอร์ฟอส วางกำลังยึดท่าเทียบยานบินและสนามบินเอาไว้ ซึ่งตำแหน่งที่แอร์ไพล์มมิสไปถึงนั้นก็คือทางทิศตะวันออกของพวกเรานี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่ แอร์ไพล์มมิสคงไม่ปล่อยให้พวกเราเข้าไปในนั้นสิน่ะ เพราะถ้าพวกครีซีแทนยึดดาวนี้เอาไว้ทั้งดวง ทุกที่ย่อมมีกำลังรบหนาแน่นเอาไว้กันด้วยน่ะ"
              "เนคมาดูซัม ว่าแต่เพื่อนนายมีจุดอ่อนอะไรที่นอกเหนือจากวู่ว่ามกันบ้างละ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าจะมีก็คือ ห่วงลูกน้องมากกว่าตัวเองกันนี้แหละ ซึ่ง พวกเราคงหลีกเลี่ยงการถล่มพวกครีซีแทนในตำแหน่งเดียวกันกับที่แอร์ไพล์มมิสอยู่อย่างแน่นอน และการที่หมอนั้นรีบกลับไปที่ยาน ทั้งๆที่น่าจะอยู่สู้กับไซโครเนียแล้วแท้ๆ ก็เพราะเหตุนี้เองแหละ"
              "และเราก็มาถึงตรงนี้คงไม่มีทางย้อนกลับไปได้แล้วละ ทางเดียวที่เราจะเปิดทางให้โคเคสเข้ามาได้ก็คือ ต้องยึดสนามบินนี้ ปักเสาระบุตำแหน่งเพื่อเปิดข่ายสัญญาณเทเลพอร์ตลงมา ซึ่งนั้นเป็นวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการดักสกัดโจมตีจากชั้นบรรยากาศหรือนอกดวงดาว หากนายพลของแอร์ฟอสคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆกันน่ะ" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "เวลาไม่คอยท่าแล้ว ต่อให้เราอยู่กลางวงล้อมของพวกครีซีแทนจากฟากฟ้าแล้วก็ตาม เบย์แทนด์ นายพอจะนำยานไปจอดห่างๆสนามบินได้มั้ยละ"
              "แม้ว่านั้นจะต้องลำบากเดินไปก็ตาม แต่ผมจะลองเสี่ยงดูแล้วกันนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว แล้วก็นำยานไปจอดไว้ในเขตป่าใกล้ๆกับสนามบิน ซึ่งยานสโตม่ากริฟของแอร์ไพล์มมิสลงจอดกันบนท่าเทียบยานด้านบนไว้แล้ว พวกเวเซอร์กับเหล่านักรบไทรเมร่าแมลงและนกก็รุกคืบตัดผ่านเขตป่าไปอย่างรวดเร็ว
              "นั้นคงเป็นพวกครีซีแทนทหารอากาศอย่างงั้นสิน่ะครับ" อิคกรีทบอก
              "แต่อีกสองสามตัวนั้นไม่เคยเห็นกันมาก่อนเลยน่ะ พวกนี้ก็เป็นทหารด้วยหรือ" บีทเทมบอก
              พีวิลบอก "นั้นเวิร์คเกอร์มาสเตอร์น่ะ เป็นพวกครีซีแทนคนงานและช่างฝีมือ ซึ่งมาเพื่อช่วยพวกทหารโดยเฉพาะกันนี้แหละ ตัวสีออกฟ้าๆและสวมหมวกเหมือนหมวกถักตอนหน้าหนาวนั้นคือ โคลด์ฟรีซเซอร์ ครีซีแทนที่ใช้อาวุธความเย็น ตัวต่อมาที่มีสีเหลืองนั้นก็คือ โวลท์เลคทริคเกอร์ ครีซีแทนพลังไฟฟ้านะสิ"
              "แล้วอีกตัวที่มันมีหัวไหล่โตๆคล้ายกับพัดลมขนาดยักษ์นั้นละคะ" สวอนน่าบอกโดยที่ส่องกล้องมาดู
              เนคมาดูซัมเลยเช็คจากระยะไกลด้วยกล้องสโคปไปจนเห็นตัวที่สวอนน่าพูดถึง "อา แอร์โรวโบลว์เวอร์ ครีซีแทนพลังลมกำลังสูง เป็นพวกที่ทำงานเกี่ยวกับการทำความสะอาดด้วยการใช้แรงลมเป่าหรือดูดเข้าไป ตามแต่สถานการณ์ โดยมากแล้ว พวกนี้จะทำหน้าที่เฝ้าดูสภาพอากาศ โดยเฉพาะตอนฝนตกลมแรงอยู่เสมอๆ แม้กระทั่งทำงานให้กับสายการบินและยานบินที่ต้องบินผ่านเขตอากาศไม่ดีกันด้วย ดูเหมือนว่าเราเจอกำแพงพายุเข้าเสียแล้วละ"
              "แล้วนายเคยเห็นพวกนี้รบกันบ้างหรือเปล่าละ" สเตฟอร์ดถาม
              เนคมาดูซัมตอบ "สงครามเมื่อ 3 ปีก่อนนั้น พวกแอร์โรวโบลว์เวอร์ทำหน้าที่เป็นตัวซัพพอร์ตพวกแอร์ฟอสกันมาก่อน และถ้ายิ่งร่วมมือกับโคลด์ฟรีซเซอร์กับโวลท์เลคทริคเกอร์เข้าไปแล้วละก็ มันก็ถึงเวลาคอมบิเนชั่น แมดเวเธอร์สตอร์ม ซึ่งเป็นคอมบิเนชั่นประสานกันระหว่างพายุที่มีฟ้าผ่าและลูกเห็บที่รุนแรง ถึงขั้นที่ทำให้พวกเฮซเทิร์ซเจ็บและตายกันระนาวกันแล้วนะสิ"
              "โอ้ว นั้นคงเป็นงานยากกว่าที่คิดเลยสิน่า" จายด์กล่าว
              เจเนลบอก "ไม่หรอก เพราะว่าพวกเราเองก็มีพรรคพวกที่ใช้อาวุธทำนองนี้อยู่เหมือนกันนั้นแหละ ซึ่งแม้จะมีอานุภาพด้อยกว่ากันก็ตามน่ะ"
              "งานนี้คงต้องเซอร์ไพรส์พวกครีซีแทนที่อยู่ในสนามบินกันสักหน่อยแล้วละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยความนัยของมาสวาร์ทาร์นั้นก็คือ... สเปียริทกล่าว
              "หวังว่าพวกมันคงไม่สอยแมลงและนกของพวกเราลงก่อนกันน่ะ"

              "ตอนนี้พวกเวเซอร์มันมาแล้วสิน่ะ ถ้าเช่นนั้น ฉันจะให้พวกนายจัดการกับพวกมันกลางสนามบินที่พวกเรายึดเอาไว้กันเดียวนี้แหละ" ดอฟเกทบอกต่อแอร์ไพล์มมิสที่มารายงาน "....ฉันหวังว่า คอมบิเนชั่นแมดเวเธอร์สตอร์มน่าจะสั่งสอนพวกเวเซอร์กันบ้างละน่ะ"
              แอร์ไพล์มมิสบอก "แล้วนายคิดจะทำเช่นไรกันต่อละ นายพลดอฟเกท"
              "พวกเวเซอร์คงจะมายึดที่นี้เพื่อหาทางเรียกพวกโคเคสให้มา ซึ่งต่อให้ทำสำเร็จหรือไม่ กองยานที่มียานเพียงแค่ไม่กี่สิบลำจะทำอะไรกับสกายอามาด้าของฉันที่มีมากเป็นสิบกว่าเท่ากันได้หรอก" ดอฟเกทกล่าว "ดังนั้น อีกสามชั่วโมงหรือเร็วกว่านั้น ฉันจะเริ่มต้นนำกองยานบินออกไปโดยทันทีนี้แหละ"
              แอร์ไพล์มมิสบอก "ทั้งๆที่ กองรบของพวกพันธมิตรมนุษย์อาจจะมาเมื่อไหร่เลยก็ได้นะหรือ"
              "พวกมนุษย์หน้าโง่มันไม่มาหรอก ฮาซาเดนติดธุระทางครอบครัวไว้ นั้นเป็นโอกาสดีที่พวกเราจะได้ลงมือ ซึ่งพวกทิลเทอแรนหน้าโง่กว่าจะรู้ก็สายเกินแก้แล้วละ ฮะๆๆๆ" ดอฟเกทกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "นั้นไม่แปลกใจแล้วละที่นายหน้ายิ้มตลอดเวลา เพราะรู้จากแลมซีนีไนซ์เองสิน่ะ แต่...ถึงนายมีกองยานรบอันมากมาย ยังไงนายก็ควรระวังพวกเวเซอร์กันไว้หน่อยน่ะ"
              "ฉันไม่จำเป็นจะต้องระวังสักหน่อย เพราะพวกนั้นก็เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟกันอยู่ดี ตอนนี้ นายต้องจัดการกับเนคมาดูซัมก็เกินพอแล้ว" ดอฟเกทสั่งไว้
              แอร์ไพล์มมิสพยักหน้าและปิดการติดต่อไว้ "ต่อให้นายเอาพรรคพวกของฉันมาข่มขู่ไว้ ฉันไม่ยอมให้แกทำตามอำเภอใจไปได้หรอกน่ะ ดอฟเกท" แล้วก็สั่งการให้ "ทุกหน่วย เตรียมการรับมือปกป้องสนามบินเอาไว้ อย่าให้พวกศัตรูที่ลอบเข้ามาที่ดาวบุกเข้ามาได้เป็นอันขาด"
              "รับทราบ" พวกครีซีแทนที่เฝ้าสนามบินรับคำสั่งไว้ ซึ่งพวกนั้นก็เฝ้าตรวจตราโดยรอบไว้ จนกระทั่ง... "ฟ้าววว ตึกๆๆๆๆๆ" พวกฟลาแน็กซ์และมัลแด็กซ์โดดลงมาตรงหน้าพวกครีซีแทนที่เดินลาดตระเวนอยู่พอดี
              "ไอ้พวกนี้ พวกแกเป็นใครกันวะ หน้าตาพวกแกมันไม่คุ้นกันเลยน่ะ" โคลด์ฟรีซเซอร์กล่าว  
              "หน้าไม่คุ้นใช่มั้ย แล้วถ้าเป็นนี้ล่ะ" บีทเทมกล่าวแล้วก็ "ตรุ้งงงง ป้ากกกก" ใช้กระสุนอากาศยิงจากส่วนแขนพลังแมลงปอจนเป่าแขนซ้ายของโคลด์ฟรีซเซอร์กระจุยไป "หนอยยย พวกแก กล้าดีนักหรือวะ เจอนี้ไปเลย ไลท์นิ่งแดนเซอร์" โวล์ทเลคทริคเกอร์ปล่อยพลังไฟฟ้าจากส่วนเข็มขั้วไฟฟ้าหมายจะช็อตพวกฟลาแน็กซ์ แต่ทั้งหมดก็รีบกระโดดออกมาได้ก่อน "นี้แน่" บัลตาฟรี่กระพือปืกผีเสื้อให้เกิด "งี้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" คลื่นเสียงความถี่สูงเล่นงานโวล์ทเลคทริคเกอร์จนปวดประสาทหูอย่างจังๆ แล้วก็ "หวับบบ ป้ากๆๆๆๆ" สวอนน่าหมุนตัวหวดท่อนขานกกระสาขนาดยาวฟาดใส่โวล์ทเลคทริคเกอร์จนตัวปลิวไปสามตัว แล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆๆ" สบัดแขนสร้างขนนกหลากสีมาป้องกันการโจมตีของโคลด์ฟรีซเซอร์ด้วย "ไอซิเคิ้ลเบิร์ซ" กระสุนหนามน้ำแข็งที่ยิงออกมา "สวอลโลว์เบรซซิ่งเบรค" อิคกรีทบินโฉบเข้าใส่โคลด์ฟรีซเซอร์ด้วยปีกนกนางแอ่นที่ลุกโชนเข้า "ป้ากๆๆ" จนทำให้โคลด์ฟรีซเซอร์ถูกไฟเผาไปอย่างจังๆ "อีเล็คทริคบีมมมม" โวลท์เลคทริคเกอร์ปล่อยไฟฟ้าจากปลายนิ้วหมายจะช็อตอิคกรีท แต่มัลแด็กซ์เข้ามา "เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆ" ปล่อยพลังไฟฟ้าจากส่วนเขาคีมบนหัวออกไป แล้วก็... "ฟ้าววว" ใช้ท่อนขาตั้กแตนกระโจนเข้าใส่พร้อมกับ "แมนติสซอร์ด" ฟันด้วยดาบตั้กแตนตำข้าวอันคมกริบผ่าใส่โวลท์เลคทริคเกอร์จนได้แผลไปทั้งสามตน แล้วก็ปิดท้ายด้วย "ฟิ้ว ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" ฟลาแน็กซ์ซัดขนหางนกยูงเข้าปักใส่โวลท์เลคทริคเกอร์ไปตัวละสามอัน แล้วก็ "เป๊าะ พรึ่บบบบบบบ" ฟลาแน็กซ์ดีดนิ้วดังๆเพื่อทำให้ขนนกไฟลุกจน "ตรูมมมม" ระเบิดกระจุยไปทั้งหมด ซึ่งทำให้แอร์ฟอสที่ได้ยินเสียงรีบรุดมา "โอ้ว มันเห็นพวกเราแล้วละ" บีทเทมบอก
              "มีศัตรูแปลกหน้าหกตัวเล่นงานทีม 4 แล้วละครับ" แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยมารายงาน พร้อมกับเรียกพรรคพวกให้แห่แหนกันมา
              แอร์ไพล์มมิสบอก "อย่าพลีพล่ามเป็นอันขาด พวกที่มาเพียง 6 ตน อาจจะเป็นตัวล่อเอาไว้ ให้ทีม 1-3 ออกไปรับมือแทนแล้วกัน"
              "รับทราบ" แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยกล่าว แต่จริงๆแล้ว "ไอ้โง่ พวกเรารับคำสั่งจากท่านดอฟเกทให้จัดการกับพวกมันได้ในทันทีแล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของแกก็ได้น่ะ ส่งทีม 1-5 ออกไปจัดการกับพวกมันเดียวนี้เลย" โดยส่งเป็นแอร์ฟอสและแอร์โรวโบลว์เวอร์บุกเข้ามา ซึ่งแอร์โรวโบลเวอร์บุกโจมตีด้วยพัดลมขนาดใหญ่ "กินนี้ไปสิ ดับเบิ้ลไซโคลน" เป่าพลังพายุเข้าใส่พวกฟลาแน็กซ์และมัลแด็กซ์ที่อยู่ใกล้ๆให้ต้องรีบหลบออกมาอย่างรวดเร็ว "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" แอร์ฟอสยิงโฮมิงค์มิไซล์เข้าใส่ "ย้า" "ฮึยยย" บัลตาฟรีซัดกระสุนหิ้งห้อยเข้าต้านมิไซล์ไว้ ส่วนฟลาแน็กซ์ก็สบัดไฟให้ระเบิดมิไซล์ไปเสียเอง
              "เตรียมตัวตายได้แล้ว ไอ้พวกนกโง่" แอร์ฟอสสามตนบินเข้ามาพร้อมกับสว่านติดปลายปืนไว้
              "ฟ้าววววววว ป้ากกก" แอร์ฟอสตนหนึ่งที่เตรียมจะแทงใส่ฟลาแน็กซ์นั้น โดนฟักดาบพุ่งมาแต่ไกลอัดใส่จนเสียหลัก และโดนอิคกรีทถีบด้วยอุ้งเท้าอีกาอันแหลมคมจนทะลุไป อีกสองตัวนั้นก็... "หวับๆๆๆๆๆ โครมมมมม" "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงง" ตัวหนึ่งโดนค้อนที่ถูกเขวี้ยงมาแต่ไกลจนหัวค้อนฟาดเข้าศรีษะของแอร์ฟอสตนนั้นอย่างจังๆ ตัวที่สามนั้นโดนลูกตุ้มซัดเข้าจนตัวปลิวไปกระเด็นอัดใส่รถขนคอนเทนเนอร์จนพังไปด้วยกัน โดยที่ลูกตุ้มพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้พวกเวเซอร์มาสมทบกันแล้ว
              "พวกแกโผล่มากันแล้วหรือ ดีเลย เพราะถึงเวลาตายของพวกแกกันบ้างแล้ว จัดการกับพวกมันเลย" แอร์ฟอสตัวหัวหน้าหน่วยกล่าว โดยส่งแอร์โรวโบลเวอร์ออกไปพร้อมกับโวลท์เลคทริคเกอร์และโคลด์ฟรีซเซอร์จำนวนละ 10 ตัวแห่แหนกันมา
              "เอานี้ไปเลย อีเลคทริคสปาร์คช็อค" โวลท์เลคทริคเกอร์ยิงกระสุนไฟฟ้าสีม่วงเข้าใส่เจเนล พีวิล และพลัสเชอริท "ตรูมมม บรึมมมม เปรี้ยงงง" จนทั้งสามปลิวกระเด็นไปอย่างจังๆ โฟรซ่า สเปียริทและลิเนียร์ตี้วิ่งเข้ามาพร้อมกับกราดยิงด้วยปืนสั้นใส่พวกโวลท์เลคทริคเกอร์ แต่แอร์โรวโบลเวอร์เข้ามาโจมตีด้วยแขนอาวุธพลังลม "ทอร์เนโดวโบลว์" ด้วยการชูแขนที่มีใบพัดแนบกับแขนซึ่งหมุนสร้างเสาพายุเข้า โดยที่โฟรซ่า สเปียริทและลิเนียร์ตี้พยายามถอยออกมาเพื่อไม่ให้ถูกพายุดูดเข้าไป "คิดจะหนีนะหรือ ฟรอสดาร์ท" โคลด์ฟรีซเซอร์ยิงกระสุนหนามน้ำแข็งพุ่งออกมา "แชดดดด" "แชดดด แชดดด" "แชดดดดด" มาสวาร์ทาร์ ไซโคลเนียและจิลยิงปืนแสงเข้าทำลายกระสุนน้ำแข็งจนแตกกระจุย แต่ตัวกระสุนเหล็กที่อยู่ข้างในกระสุนน้ำแข็งปลิวเข้ามา "ครี้งงงง ครี้งงงง ครี้งงงง ครี้งงงง" ปักกับพื้นจนกลายเป็นหนามน้ำแข็ง ซึ่งมาอยู่ข้างหน้าพวกสเปียริทไปอีก คลอเวฟ เนคมาดูซัม สเตฟอร์ดและจายด์รีบตามมาสมทบ
              "ยิงมันเลย" แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยสั่งพวกลูกน้องให้ระดมยิงด้วยเลเซอร์และไมโครมิไซล์จากข้างกระบอกปืนเข้าใส่ จนพวกเนคมาดูซัมทำอะไรไม่ได้เลย "ตรุ้งงงงง" "งึงๆๆๆๆๆๆ" "เปรี้ยะๆๆๆๆ" บีทเทม บัลตาฟรีและมัลแด็กซ์โจมตีด้วยกระสุนอากาศ กระสุนหิ้งห้อย และประกายไฟฟ้าเข้าทำลายมิไซล์ไว้ ในขณะที่พวกฟลาแน็กซ์นั้น "ย้าๆๆๆๆ" สวอนน่าซัดขนนกใบมีดหลากสีเข้าใส่พวกแอร์ฟอส แต่พวกนั้นหลบหลีกได้ทัน และบินโฉบลงมาด้วยสว่านติดปลายปืนไว้ "ฟึ่บๆๆ จึก จึก" แต่ฟลาแน็กซ์และอิคกรีทบินหลบออกมาได้ก่อนแล้วก็ "ป้ากกก เปรี้ยงงงง" พุ่งโดดถีบใส่แอร์ฟอสจนหัวถูกข่วนด้วยอุ้งเล็บไปอย่างจังๆ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง" "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกเนคมาดูซัมช่วยกันถล่มใส่หนามน้ำแข็งให้กระจุยไป ส่วนพลังเสาพายุนั้นก็... "ไซโคลนเรซเซอร์" ถูกไซโครเนียซัดคลื่นพายุเข้าทำลายทิ้งไปจนหมด และพุ่งอัดใส่แอร์โรวโบลเวอร์สามตัวไปด้วย "ฉั้วะๆๆๆๆ โครมมมม" จนถูกพายุคมมีดกรีดและเป่าให้ร่วงกระแทกพื้นอย่างจังๆ "มันจะมากไปแล้วน่ะ ไลท์นิ่ง..." พวกโวลท์เลคทริคเกอร์เตรียมใช้ดรรชนีสายฟ้า แต่ "โอเชี่ยนเกย์เซอร์" คลอเวฟชกลงพื้นทำให้เกิดน้ำพุขนาดใหญ่พุ่งเสยใส่โวลท์เลคทริคเกอร์ไปเต็มๆ "อั้กๆๆๆ อ้า มันระเบิดน้ำประปาใต้พื้นมาเล่นงานเราเลยหรือ อึกกก โว้ววว" ซึ่งด้วยน้ำเป็นจุดอ่อนของครีซีแทนพลังไฟฟ้า ทำให้พวกมันลัดวงจรและแดดิ้นลงในเวลาอันสั้น โคลด์ฟรีซเซอร์เห็นเช่นนั้นเลยรีบบุกเข้าโจมตีด้วย "ไอซิเคิ้ลเวฟ" คลื่นน้ำแข็งวิ่งตรงมา แต่ก็... "เอานี้ไปกินซะสิ เฟรมบลัสต์" เจเนลยิงกระสุนเพลิงลงพื้นเข้าสกัดคลื่นน้ำแข็งไปได้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือนั้นก็... "ซูมมมมมม ซูมมมมมมมมมม" พีวิลและพลัสเชอริทใช้อาฟเตอร์เบิร์นเนอร์อีคนีเตอร์เผาคลื่นน้ำแข็งทะลุไปถึงตัวโคลด์ฟรีซเซอร์จนไฟครอกทั้งตัวอย่างจังๆ "แกร้งๆๆๆๆๆๆๆ" พวกฟลาแน็กซ์และมัลแด็กซ์ใช้อาวุธดาบเข้าฟาดฟันใส่แอร์ฟอสที่บุกเข้ามาด้วยสว่านปลายปืนไว้ โดยที่ส่วนหนึ่งนั้น "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โฟรซ่า สเปียริท และลิเนียร์ตี้ระดมยิงใส่อยู่ด้วยอาวุธปืน ซึ่งพวกแอร์ฟอสก็หลบหลีกได้หมดและยิงไมโครมิไซล์ออกไป "ตรูมๆๆๆๆๆ" แต่มาสวาร์ทาร์ใช้โลห์หัวไหล่ป้องกัน พร้อมกับจิลที่ป้องกันด้วยแนชเชอรัลบาเรียเอาไว้ แล้วก็สวนกลับด้วย "เอาไปเลย" จิลซัดบาเรียใบไม้ร่วงและกลีบดอกไม้พุ่งเข้าอัดใส่แอร์ฟอสทั้งสองตน ส่วนอีกตัวนั้น "เรซเซอร์เอดจ์" โดนมาสวาร์ทาร์ซัดคลื่นคมดาบพุ่งเข้าสับแอร์ฟอสจนแยกท่อนบนและล่างอย่างจังๆ "หึ โต้ตอบเป็นเหมือนกันเลยหรือ แต่แค่นั้นก็เกินพอแล้ว...." แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยเตรียมจะเรียกกองหนุนมา

              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆ" ฉับพลันเสียงหวอก็ดังขึ้นมา "เกิดอะไรขึ้นกันแน่ละ แอร์ไพล์มมิส" แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "เรดาห์ระยะไกลตรวจจับสัญญาณกองรบที่บุกเข้ามาจากอีกด้านแล้วนะสิ" โดยตอนนี้พวกแอร์ฟอสส่วนที่เหลือและเวิร์คเกอร์มาสเตอร์สามแบบที่เฝ้าอยู่ แต่มีจำนวนน้อยนิดก็รีบหันมาเห็น... กราแทงค์ 4 คัน พร้อมกับทหารชุดเกราะหุ่นยนต์จำนวน 40 ตนซึ่งติดโรลเลอร์แดชไว้เพื่อเพิ่มความเร็ว ทหารแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์อีก 80 คน มากับโคเคสที่ยืนอยู่บนรถจี้บเปิดประทุน ซึ่งขับนำหน้าไว้ โดยแรปต้าจับภาพของโคเคสมาให้แอร์ไพล์มมิสดู พร้อมกับแจ้งประกาศไปว่า "นายคงจะเป็นโคเคส แอคเมนโด้ ผู้นำของพวกแมนิเกเตอร์กบฎต่อต้านบิดรเทพและพวกเวเซอร์กันอย่างงั้นละสิ"
              "แล้วนายก็คงจะเป็น แอร์ไพล์มมิส ครีซีแทนหัวหน้าหน่วยรบภาคอากาศ ที่รับผิดชอบหน่วยรบที่เฝ้าอยู่นี้เลยสิน่ะ" โคเคสกล่าวผ่านโทรโข่งไว้ "เท่าที่ฉันรู้มา นายเป็นครีซีแทนที่มีความสามารถและเป็นนายทหารที่ดีคนหนึ่ง แต่ฉันไม่อยากให้นายกับพวกต้องมัวหมองเพราะคำสั่งบ้าๆของแลมซีนีไนซ์ หรือหัวหน้าใหญ่ที่สั่งการพวกนายกันอยู่น่ะ"
              แอร์ไพลม์มิสบอก "ถึงนายจะรู้เรื่องฉันจากเนคมาดูซัมกันก็ตาม ฉันจำต้องทำตามหน้าที่ที่ให้ไว้ ด้วยการหยุดยั้งนายมิให้ขัดขวางกองยานบินของนายพลดอฟเกทลงไปได้ ซึ่งรวมถึงเนคมาดูซัมและพวกเวเซอร์เองด้วยน่ะ"
              "แสดงว่านายเลือกที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะมันเป็นหน้าที่ หรือว่า นายพลของนายบีบบังคับอะไรนายกันไว้ละสิ ถึงต้องทำเช่นนั้นเลยน่ะ" โคเคสบอก แอร์ไพล์มมิสได้ฟังก็ชะงักกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่ยังฝืนทนพูดต่อไปว่า
              "ถึงนายรู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้กันหรอก เพราะฉันจะหยุดนายและพวกที่อยู่บนดาวนี้ลงด้วยมือของฉันเองแหละ กองรบทั้งหมด สกัดกั้นอย่าให้โคเคสและพวกเข้าไปช่วยพวกเวเซอร์ได้เป็นอันขาด" แล้วกองรบที่เฝ้าอยู่ก็บุกเข้าใส่โดยเร็ว โคลด์ฟรีซเซอร์บุกเข้ามาถึง 25 ตน พร้อมกับโวลท์เลคทริคเกอร์ 20 ตน  แอร์โรวโบลเวอร์จำนวน 20 ตน และแอร์ฟอสของดอฟเกทจำนวน 30 ตน เพื่อมาจัดการกับพวกโคเคสที่โต้ตอบด้วยปืนกลและปืนกลหนัก แต่ก็ไม่เป็นผล "ตายซะ ฟรีซแครกเกอร์" โคลด์ฟรีซเซอร์ยิงกระสุนน้ำแข็งขนาดใหญ่เข้าใส่ไปด้วยกันกับ "อีเลคทริคสปาร์คช็อค" และ "แอร์ชู้ตเตอร์" โดยหมายจะโจมตีใส่โคเคสไว้ แต่ก็...
               "หน่วยรบชุดหุ่นยนต์ ยิงระเบิดไฟฟ้าต้านนำไปก่อนเลย" โคเคสสั่ง ให้พวกหน่วยรบชุดหุ่นยนต์ยิงระเบิดไฟฟ้าให้เกิดลูกบอลไฟฟ้าขนาดใหญ่ต้านการโจมตีของพวกเวิร์คเกอร์มาสเตอร์ทั้งสามไว้ แต่พวกแอร์ฟอสทะยานขึ้นสูงหลบการโจมตีด้วยลูกบอลระเบิดไฟฟ้า หมายจะโจมตีด้วยปืนเลเซอร์จากกราฟคาไบน์เข้าใส่พวกทหารชุดหุ่นยนต์ "พลสไนเปอร์ แนวหลัง ยิง" โคเคสสั่ง ให้ทหารแมนิเกเตอร์ปกติจำนวน 10 นายใช้พลาสม่าสไนเปอร์ไรเฟิ่ล "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆ" ยิงกระสุนพลังพลาสม่าเข้าใส่พวกแอร์ฟอสที่เตรียมยิงอยู่จน "โว้ววว ว้ากกก อ้ากกก จ้ากกกก" ถูกยิงจนแขนขาขาด ตามตัวทะลุร่วงลงไปถึง 4 ตนด้วยกัน "หนอย แก...ดับเบิ้ลไซโคลน" แอร์โรวโบลเวอร์ 4 ตนยั้วะเลยปล่อยพลังพายุเข้าใส่ พวกทหารหุ่นยนต์เลยนำพัดลมขนาดใหญ่ออกมา "ซูมมมมมมมมมมม ฟ้าวววววววววววววววววววว" เปิดสวิตซ์เพื่อให้พัดลมขนาดใหญ่เป่าแรงลมดุจพายุโหมกระหน่ำต้านพายุไซโคลนสองลูกให้สลายไปและเป่าพวกแอร์โรวโบลเวอร์กับพวกให้ถอยไปไกลๆด้วย "กล้าดีนักน่ะ เอามิไซล์นี้ไป..." แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยแค้นเลยรีบโจมตี แต่...
              "กราแทงค์ ดีคอยเครย์มอร์ ยิง" โคเคสสั่งให้กราแทงค์ทั้งสี่ยิงกระสุนลูกกลมออกไป 10 ลูกซึ่งก็... "งึงๆๆๆๆๆๆๆๆ" ปล่อยคลื่นใส่พวกมิไซล์ที่พวกแอร์ฟอสยิงออกไปจนมิไซล์ดังกล่าวพุ่งตามลูกกลมเหล่านั้นและ "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" นำเข้ามิไซล์ย้อนคืนทำร้ายพวกครีซีแทนไปเสียเอง แม้เวิร์คเกอร์มาสเตอร์ที่เหลืออยู่รีบตั้งตัวเพื่อโต้ตอบสวนกลับไว้ "ฟ้าวววว จึกกก ป้ากกก" พลทหารชุดหุ่นยนต์ก็บุกชาร์จมาทิ้มด้วยไพล์ไดรเวอร์เข้าใส่โวลท์เลคทริคเกอร์และเป่าให้ปลิวขึ้นไประเบิดบนฟ้า โคลด์ฟรีซเซอร์โดนพวกทหารแมนิเกเตอร์ใช้อาฟเตอร์เบิร์นเนอร์อิคนีเตอร์พ่นจนไฟครอกไป 8 ตน โวลท์เลคทริคเกอร์ใช้ฝ่ามือพลังไฟฟ้า แต่... พวกทหารเอาโลห์ยางมาป้องกันไว้เพราะไฟฟ้าทำอะไรยางมิได้ แล้วก็... "ซู่" ยิงปืนยาวยิงกระสุนน้ำเข้าทำให้พวกโวลท์เลคทริคเกอร์ถูกช็อตแดดิ้นไป ส่วนพวกแอร์โรวโบลเวอร์นั้น... "แชดดด แชดดด แชดดด" โดนพวกทหารชุดหุ่นยนต์ยิงด้วยปืนเลเซอร์ขนาดหนักเป่าทะลุหัวไหล่พัดลมจนทะลุไปโดยเร็ว
              "โคเคสเปิดนำได้แจ่มมากเลยวะ" คลอเวฟกล่าว โดยใช้แองเกอร์แอ็กซ์ฟันใส่แอร์ฟอสที่บุกลงมาจนร่วงไปสองตน ในขณะที่โวลท์เลคทริคเกอร์ที่ใช้ฝ่ามือไฟฟ้าและเข็มขั้วไฟฟ้าแทง ก็โดนลิเนียร์ตี้จับทุ่มด้วย "ทวิสเตอร์โบลว์" ท่าทุ่มหมุนวงล้อที่ทำให้โวลท์เลคทริคเกอร์โดนทุ่มจนตัวหมุนลงไปกระแทกพื้น แล้วก็ซ้ำด้วย "ตรุ้งงงง" อิมแพคชู้ตเตอร์โดรมอนเป่าส่งไปอัดกับโคลด์ฟรีซเซอร์ที่กำลังเล่นงานจิลอยู่ จนทำให้มันล้มเสียหลักไป และถูก... "โครมมม" จายด์โดดเหยียบทับจนพวกมันเดี้ยงไปอย่างจังๆ "ก้องงง เกร้งงงง ก้องงงง" สเตฟอร์ดหวดค้อนเข้าใส่แอร์โรวโบลเวอร์ตรงพัดลมจนพัง แต่มันก็ใช้ใบพัดติดแขนหมุนต่างกงจักรเข้าชกใส่สเตฟอร์ดให้ต้องถอยไป "ย้า" บัลตาฟรีบุกโฉบเข้าใช้เรเฟียร์ฟันเข้ากลางหลังแอร์โรวโบลเวอร์ตนนั้นไปเต็มๆ ฟลาแน็กซ์พุ่งเข้าเตะกวาดใส่แอร์โรวโบลเวอร์ไม่ให้โต้ตอบด้วยอาวุธพลังลมไว้ มัลแด็กซ์และบีทเทมพุ่งเข้าโจมตีใส่แอร์ฟอสที่บินอยู่ สวอนน่าบินโฉบเข้าใช้ท่อนขานกกระสารั่วถีบแทงใส่แอร์ฟอสไม่ให้ยิงปืนลงไป "ฟ้าววว เปรี้ยงงง" โคลด์ฟรีซเซอร์โดนพลัสเชอริทพุ่งโจมตีด้วยคิลเลอร์เบลดอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ "ฉั้วะ ฉับ เชร้งงงง" โวลท์เลคทริคเกอร์โดนมาสวาร์ทาร์ฟาดฟันใส่ด้วยดาบ ในขณะที่โฟรซ่าบุกเข้าจัดการกับแอร์ฟอสที่บินลงมาด้วยเรซเซอร์อาร์มจนขาสองข้างขาดลง แต่ก็ยังใช้เจ็ทแพคบินขึ้นและเตรียมยิงใส่โฟรซ่ากลับ "โป้งงงง" พีวิลกระโจนเข้าเตะก้านคอใส่จนลงไปกองกับพื้นอย่างจังๆ
              "หนอยยยย ด้านนี้ก็อ่วม ด้านนั้นก็หนักเข้าไปอีก ฮึยยยย ถอยไปตั้งหลักในสนามบินโดยเร็วเลย รับรอง พวกมันไม่มีทาง...." แอร์ฟอสหัวหน้าหน่วยที่คุมหน่วยรีบสั่ง แต่... "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดนเนคมาดูซัมกราดยิงด้วยซีคเก้ไรเฟิ่ลสองกระบอกจน "...โว้ววววว ตรูมมมม" แอร์ฟอสตนนั้นระเบิดเป็นจุลหลังจากโดนยิงไปหลายนัดด้วยกัน
              "จังหวะนี้แหละ บุกเข้าไปข้างในเดียวนี้เลย" เนคมาดูซัมกล่าว โดยที่เจเนลแทงใส่โคลด์ฟรีซเซอร์ที่หน้าอกและถีบให้ล้มลงไป ก็รีบวิ่งตามพรรคพวกไปในสนามบิน ซึ่งตอนนี้ฝั่งโคเคสก็บุกประจัญบานเข้ามากันแล้ว

              "หัวหน้าครับ พวกเวเซอร์บุกเข้ามาในตัวสนามบินได้แล้วละครับ" บิสเกอร์บอก โดยในตอนนี้ แอร์ฟอสที่ประจำอยู่ในนั้นระดมยิงปืนเลเซอร์เข้าใส่พวกเวเซอร์กันก่อน โดยส่วนที่เหลือนั้นระดมยิงใส่พวกโคเคสที่บุกมาจากข้างนอกไว้ แต่... "แว้งงงง" จิลเทเลพอร์ตพาสเปียริทและพีวิลบุกเข้ามา "โว้วววว" "เพล้งงงง" แอร์ฟอสถูกสเปียริทถีบจนกระเด็นทะลุกระจกออกมา และ... "ฟ้าวววว ตรูมมม" โดนบรูโน่ที่มากับโคเคสยิงด้วยลิปซอยบาซูก้าจนกระจุยไป "ฟึ่บ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ปุ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิลเลยโพออกด้านข้างและกราดยิงอาร์มชู้ตเตอร์สองข้างใส่พวกแอร์ฟอสที่หันมาจนลงไปกองกับพื้นถึง 3 ตนด้วยกัน "ไซโคบิท แอทแทค" จิลควบคุมบิทให้พุ่งใส่แอร์ฟอสสามตน "ป้ากกก โป้งงง อุ๊กกก" สองตัวแรกโดนปะทะเข้าที่หน้าและที่ท้อง ตัวที่สามหนักสุดเพราะโดนบิทเสยขึ้นมากระแทกตรงหว่างขาไปเต็มๆ แล้วก็ "แว้ง ปึ้ก แว้ง ปึ้ก แว้ง ปึ้ก" เทเลพอร์ตไปเล่นงานแอร์ฟอสทั้งสามตัวด้วยจีนีดเดิ้ลสไปค์จนล้มไปอย่างจังๆ "แชดๆๆๆๆๆๆ" แอร์ฟอสอีกสามตนระดมยิงเลเซอร์ใส่สเปียริท แต่เธอควงหอกป้องกันไว้ แล้วก็... "ฉั้วะ ฉับบบ ฉึกก หวับบ  ฟ้าววววว โครมมม" ฟาดฟันใส่แอร์ฟอสสองตัวจนแดดิ้น แล้วแทงตัวที่สามที่บินโฉบลงมาเพื่อใช้สว่านติดปลายปืนพร้อมกับทุ่มข้ามหัวไปอัดกับเคาน์เตอร์ตรวจผู้โดยสารจนเสียหายไป "แชดๆๆๆๆๆๆ" พวกแอร์ฟอสที่บินลงจากชั้นลอยชั้นที่สามเข้ากระหน่ำยิงเลเซอร์ใส่พวกเนคมาดูซัมที่บุกเข้ามา "ฮึยยยย" จายด์เลยซัดไซโคลเนียให้บินขึ้นไป "ฉั้วะๆๆ" ฟาดฟันด้วยแอร์ฟอสคัตเตอร์จนพวกมันบาดเจ็บไปสามตัว ก่อนจะบินหลบหลีกการโจมตีของพวกแอร์ฟอสที่ยิงมิไซล์นำวิถีออกมา "โป้งงงง ตรูมมม" โฟรซ่าส่องยิงใส่แอร์ฟอสจนเจ็ทแพ็คระเบิดและร่วงลงมา "วอร์ชีฟดรอป" ถูกคลอเวฟพุ่งถีบขาคู่อัดใส่จน "โครมมมม โครมมมม เปรี้ยงงง" ทะลุเคาน์เตอร์ตรวจผู้โดยสารพังไปสามแถวรวดด้วยกัน "แชดดด แชดดด แชดดดด" พวกแอร์ฟอสส่วนหนึ่งยิงเลเซอร์ลงมา "ปร้างงง ตรูมมม" มาสวาร์ทาร์ป้องกันด้วยโชลเดอร์ชิลด์ แล้วยิงสวนด้วยครอสเซียมไรเฟิ่ลจน "เปรี้ยงงงง อ้า....โครมมมม" ทะลุตัวแอร์ฟอสจนร่วงลงมากระแทกพื้นไปเต็มๆ ส่วนเนคมาดูซัมที่อยู่ใกล้กันนั้นก็ป้องกันด้วย "โบลท์รีเฟรคเตอร์" สะท้อนเลเซอร์กลับไป "ตรูมมม" ระเบิดใส่แอร์ฟอสจนลงไปกองกับพื้นอีกราย
              "น้ำหน้าอย่างแกไม่มีทางเล่นงานพวกเราที่อยู่สูงกว่าแกกันหรอก...." แอร์ฟอสกลุ่มหนึ่งบุกมาจากชั้นสี่บินเข้ามาเพื่อระดมยิงใส่สเตฟอร์ดและพลัสเชอริท แต่... "เชร้งงงง แคว้กก ฉับบบ ป้ากกก ฉึกกก ฉั้วะ" โดนมัลแด็กซ์กระโดดเข้าใช้ดาบตั้กแตนตำข้าวฟันตัวแรกไปก่อน ต่อด้วยอุ้งเล็บอีแร้งของฟลาแน็กซ์ ปีกนางแอ่นใบมีดของอิคกรีท โดนขานกกระสาของสวอนน่าหมุนตัวสวอนเลคเตะเข้าตรงหน้าตัวที่สี่ ตัวที่ห้าโดนบีทเทมถีบด้วยเหล็กไนผึ้ง และตัวสุดท้ายโดนบัลตาฟรีใช้ดาบปีกผีเสื้อฟันใส่จนได้แผลเป็นกากบาท เปิดช่องให้... "โท้ว โท้วววววว" พลัสเชอริทและสเตฟอร์ดกระโดดขึ้นมาตรงหน้า "จะบอกอะไรให้ก็ได้น่ะ ว่ายิ่งสูงมากแค่ไหน เวลาร่วงก็ตกเจ็บมากเท่านั้นแหละ" สเตฟอร์ดตะบบหน้าแอร์ฟอสทั้งสองด้วยอุ้งมือแล้วก็ "หวับๆๆๆๆ" จับหมุนควงไปสามรอบแล้วก็ "ว้ากกกกก โมเมนตั่มสวิงเบรค ทวินแคมแอทแทค" ทิ้งตัวจับหัวของแอร์ฟอสฟาดกระแทกกับพื้นดัง "โครมมมมม" พื้นที่ทำด้วยหินอ่อนร้าวไปอย่างจังๆ ส่วนแอร์ฟอสทั้งสองก็แดดิ้นลง ในขณะที่พลัสเชอริทนั้น "ไวเปอร์เชน" พลัสเชอริทยิงโซ่ปักเข้าตรงหน้าผากแอร์ฟอสพร้อมกับ "หวับบบบ เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ช็อตไฟฟ้าอัดใส่ทั้งสองตัวพร้อมกับกระชากดึงเข้ามา "ฮึบบบ" พลัสเชอริทเก็บโซ่เข้าบ่าโดยเร็วพร้อมกับหมุนตัวตีลังกา "ปึกก" ถีบหลังแอร์ฟอสที่ถูกดึงเข้ามาเป็นแท่นและตรงมา "ฉั้วะ" ฟันใส่อีกสองตัวด้วยคิลเลอร์เบลดฉาบพลังไฟฟ้าไปเต็มๆจนระเบิดพร้อมกัน และลงสู่พื้นอย่างนิ้มนวล โดยแอร์ฟอสสองตัวนั้นก็... "โป้งงงงง" ตัวหนึ่งโดนลิเนียร์ตี้เป่าด้วยอิมแพคชู้ตเตอร์โดรมอนจนหน้าอกทะลุเป็นรู ส่วนอีกตัวก็โดนเจเนล "เครเซนต์คิก" เตะซัมเมอซอลท์เสยปลายคางแอร์ฟอสก่อนจะหมุนตัวขึ้นและฟาดส้นเข้ากลางหัวส่งลงไปกระแทกพื้นเต็มๆ
              "โคเคสและพวกเข้ามาในอาคารได้แล้วละ" จายด์บอก โดยตอนนี้พีวิล สเปียริทและจิลเคลียร์พวกที่ป้องกันด้านนอกไว้ได้หมด จนเปิดช่องให้โคเคสพาพวกเข้ามาได้เป็นผลสำเร็จ
              "กองรบของพวกดอฟเกทล้มไปเกือบหมดแล้วละครับ หัวหน้า" บิสเกอร์กล่าว
              "ช่วยไม่ได้ ถึงตาพวกเราแล้วละ" แอร์ไพล์มมิสบอก

              โดยตอนนี้ โคเคสพาพวกเข้ามาสมทบกับพวกเวเซอร์ ซึ่งในระหว่างนั้น... "ป้ากกก โครมมม" ทหารหุ่นยนต์กระชากล็อกที่ตรึงประตูเอาไว้ออกไป เพื่อปล่อยชาวเวอเกรีย ที่เป็นต่างดาวเพศหญิง ซึ่งมีตากลมรีเรืองแสงสีเหลืองและรูปร่างค่อนข้างสะโอดสะองค์ โดยที่ผิวกายเป็นสีขาวนวลดุจไข่มุกถูกจับขังเอาไว้กันทั้งหมด แม้กระทั่งผู้โดยสารที่เป็นต่างดาวหลากหลายกันไปด้วย
              "พวกคุณคงเป็นพวกแมนิเกเตอร์ที่ทางสภาสูงอนุมัติให้มาช่วยพันธมิตรมนุษยชาติของเฮนรี่ ไนท์ ปลดปล่อยพวกเราไว้สินะคะ" ชาวเวอเกรียกล่าว
              "ถูกต้องแล้ว พวกเราถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือพวกคุณกันไว้นะครับ" โคเคสพูดไปตามความจริงไว้ ชาวเวอเกรียที่แต่งกายด้วยผ้าแถบรัดหน้าอกและสะโพกพร้อมกับเกราะแขนและเท้า ซึ่งเป็นชนชั้นนักรบกล่าว
              "งั้นหรือ แล้วมีอะไรมายืนยันได้ละ ว่าพวกคุณมานี้ เพื่อมาช่วยเรา มิได้มาซ้ำเติมพวกเรากันน่ะ"
              "เอสเซคาร่าซารีทิสอนุญาตให้พวกเราลงมาที่นี้เองนะครับ" โคเคสตอบ
              เวอเกรียชั้นนักรบได้ฟังก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบไปว่า "พวกคุณโชคดีมากแล้วละ ที่ได้รับความไว้วางใจจากเอสเซคาร่าซารีทิสให้มาช่วยพวกเราไว้ ดังนั้น ฉันจะลองเชื่อพวกคุณสักหน่อยแล้วกัน" แล้วก็กล่าวต่อไปอีกว่า "เพราะอย่างน้อยพวกเราจะได้รีบไปแจ้งให้กองรบของพวกเราที่อยู่ในเขตอวกาศอันโดรเมด้าให้รีบมาช่วยกันไว้นะคะ"
              "กองรบของพวกคุณนะหรือ คงเป็นกองยานรบอย่างงั้นละสิ" สเปียริทบอก
              ชาวเวอเกรียชั้นนักรบบอก "ถูกต้องแล้วละ เอสเซคาร่าซารีทิสแจ้งกับฉันผ่านโทรจิตมาว่า พวกคุณนำยานใหญ่หนึ่งลำกับยานรบย่อยอีกสิบลำ ซึ่งไม่พอสำหรับการหยุดกองยานของพวกครีซีแทนไปได้ ดังนั้น ฉันเลยจะมาช่วยพวกคุณนะคะ"
              "แต่เราจะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อ หอสื่อสารที่อยู่ด้านบนนั้น ปราศจากพวกครีซีแทนที่มายึดไว้เสียก่อนนะคะ" ชาวเวอเกรียตนแรกบอก
              โคเคสกล่าว "นำทางพวกเราไปให้ได้มั้ยละครับ" นักรบเวอเกรียพยักหน้ากับชาวเวอเกรียที่เป็นผู้ดำเนินการสนามบิน ให้... "ปี้บๆๆๆ" "แว้งงงง" เปิดลิพท์แก้วพาพวกโคเคสขึ้นมาด้านบนของสนามบินไว้ พร้อมกับบอกว่า "พยายามอย่าให้หอสื่อสารเสียหายกันมากนะคะ"
              "แว้งงง กรึ้งงงง" พวกโคเคสถูกพาขึ้นมายังด้านบนสนามบินกันแล้ว แต่ไม่ทันไร แอร์ไพล์มมิสก็บุกเข้ามา พร้อมกับหน่วยคุ้มกันกองรบของตนด้วย
              "พวกนายกล้ามากเลยน่ะ ที่คิดจะขัดขวางพวกเรากันน่ะ แต่เราไม่ยอมให้พวกนายทำตามอำเภอใจได้อีกแล้ว" แอร์ไพล์มมิสกล่าวแล้วก็กราดยิงปืนแสงเข้าใส่โคเคส ซึ่งเนคมาดูซัมเข้ามาป้องกันด้วยโบลท์รีเฟรคเตอร์ไว้ ซึ่งก็สะท้อนให้ออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ตรงหอสื่อสารไว้
              "แอร์ไพล์มมิส อย่าพยายามหาเรื่องให้นายกับลูกน้องเจ็บตัวกันเปล่าๆดีกว่า" เนคมาดูซัมบอกโดยกราดยิงซีคเก้ไรเฟิ่ลเข้าใส่แอร์ไพล์มมิส แต่ยอดนักรบครีซีแทนจ้าวเวหาหลบหลีกออกไปได้ เช่นเดียวกับพวกลูกน้องที่ระดมยิงมิไซล์จากส่วนบ่าออกมาเป็นจำนวนมาก "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "แชดดด แชดดด แชดดดด แชดดดด" "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ" พวกพีวิลระดมยิงใส่ห่ามิไซล์ที่ยิงเข้ามาจนระเบิดไปกันหมด บีสเกอร์ ฟลาเกล แรปต้าบุกเข้ามาโจมตีด้วย "ฟ้าววว แกร็กกก โครมมม" บีสเกอร์ยิงคีมขนาดใหญ่จากส่วนแขนเข้าใส่พลัสเชอริท ซึ่งก็หลบได้จนคีมกระแทกพื้นไปเสียเอง หากแต่ แรปต้าบุกลงมาโจมตีด้วยหัตถ์สามง่ามเข้าใส่พลัสเชอริทตามหลังมา "เปร้งๆๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทเลยใช้การขยับแขนด้วยความเร็วสูงโต้ตอบสามง่ามของแรปต้าได้หมดทุกดอกด้วยกัน แอร์ไพล์มมิสเลยรีบบุกเข้าไปพร้อมกับฟลาเกลและบิสเกอร์ โดยระดมยิงปืนแสงเข้าใส่พลัสเชอริท "เอนเนอจี้การ์ด" "โฮลด์เซอเคิ้ล" พีวิลและสเปียริทสร้างบาเรียป้องกันเลเซอร์เอาไว้ แล้วก็สวนกลับด้วย "ซุพรีมบลัสต์" "เลเซอร์สเปียร์บีม" กระสุนพลังและลำแสงเข้าใส่ แต่แอร์ไพล์มมิสรีบถอยออกมาโดยเร็ว พร้อมกับ...
              "แรฟต้า สลับที่ให้แฟรูล อัลแทน เวแกม และซีคคาลออกมารับมือแทนเดียวนี้เลย" แล้วก็ยิงไมโครมิไซล์ไล่พลัสเชอริทเพื่อให้แรฟต้าบินออกมาก่อน แอร์ฟอสอีกสี่ตนก็บุกเข้ามาแทนที่โดยเร็ว ซึ่งแฟรูลเป็นครีซีแทนกระโปรงยาวแต่ติดเจ็ทแพ็คและหุบแขนสองข้างให้เป็นคาทาร์เบลดเข้า "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" กระหน่ำแทงใส่พลัสเชอริท ซึ่งรีบถอยออกมาอย่างสายฟ้าแลบ อัลแทนและเวแกมยิงมิไซล์จากป้อมด้านข้างหัวไหล่และที่กราฟคาไบน์เข้าใส่พวกคลอเวฟที่อยู่ใกล้ๆ "แครกเกอร์บอม" จายด์ยิงระเบิดเข้าทำลายห่ามิไซล์ทิ้งทั้งหมด คลอเวฟรีบใช้อิมแพคบัคส์กระหน่ำยิงใส่ แต่ก็ไม่โดนอัลแทนและเวแกมไว้เลย "นี้แน่ๆๆๆๆ" ซีคคาลระดมยิงปืนสั้นติดมีดสองกระบอกเข้าใส่คลอเวฟ แต่... "แชดๆๆๆๆๆ" โคเคสและพวกทหารกระหน่ำยิงใส่ด้วยพลาสม่าไรเฟิ่ล จนทำให้ซีคคาลหวิดโดนยิงไปอย่างจังๆ แถมพวกมาสวาร์ทาร์ก็ช่วยระดมยิงไปด้วย จนแอร์ไพล์มมิสเห็นว่าตนเองกับพวกเสียเปรียบกันอยู่
              "พอเถอะน่า แอร์ไพล์มมิส นายกับลูกน้องอีก 7 คนเอาพวกเราไม่อยู่หรอก พวกนายยอมแพ้ตอนนี้จะดีกว่าน่า" เนคมาดูซัมกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "ชิ ยานสโตม่ากริฟเองก็ยังซ่อมไม่ทันแบบนี้ ช่วยไม่ได้เลยน่ะ เนคมาดูซัม ที่นายทำให้ฉันล้มเหลวในการปล่อยให้พวกนายยึดสนามบินไปได้ แต่....ฉันหวังว่านายคงไม่ทำลายโอกาสอีกสองครั้งกันแน่นอน ซึ่งนั้นหมายถึง ความผิดของนายกับพวกเองน่ะ"
              "เดียวสิ แอร์ไพล์มมิส นายคงไม่ได้หมายความว่านายพลของนายเอาพรรคพวกของนายมาต่อรองงั้นนะหรือ นายไม่ควรทำแบบนี้กันสักหน่อยน่ะ" พีวิลกล่าว
              เจเนลบอก "นั้นสิ นายมันโง่มากที่ไปเชื่อฟังไอ้งั้งนั้น ทั้งๆที่พวกเราเองก็ช่วยนายได้แล้วนิ"
              "พวกนายช่วยอะไรไม่ได้หรอก แม้ฉันจะรู้ว่าโคเคสและพวกนายมาเพื่ออะไร แต่เคสนี้ พวกนายกำลังให้ฉันกับพวกตกที่นั่งลำบากเองน่ะ" แอร์ไพล์มมิสบอก โดยเรียกยานบินฉุกเฉินออกมาจากสโตม่ากริฟไว้ ซึ่งลูกน้องของเขารีบโดดขึ้นไปโดยเร็ว "เนคมาดูซัม ถ้านายยังตามฉันกับพวกไปถึงฟากฟ้าแล้วละก็ ทางที่ดี อย่าตามมาจะดีกว่า" แล้วแอร์ไพล์มมิสก็กระโดดขึ้นยานบินฉุกเฉิน ซึ่งก็... "ฟ้าววววววว" บินออกไปจากสนามบินโดยเร็ว
              คลอเวฟบอก "เพื่อนนายหัวดื้อแบบนี้ ยังจะเกลี้ยกล่อมให้มันมาร่วมมือกับพวกเราหรือวะ"
              "ต้อง เพราะในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว แม้จะเป็นการบีบให้แอร์ไพล์มมิสจนมุม แต่ถ้าเขาคิดจะจัดการกับพวกเราจริง ก็คงน่าจะส่งลูกทีมไปจัดการกับพวกทหารของโคเคสที่มาไปพร้อมๆกัน ไม่น่าจะเล็งมาที่พวกนายกันด้วยนะ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "และถ้าให้เดา นายพลที่สั่งการแอร์ไพล์มมิสต้องใช้พรรคพวกของเขาเป็นเครื่องมือข่มขู่อย่างแน่นอนเลยละ"
              "ไอ้ครีซีแทนขี้โกงนั้น มันสมควรโดนถีบแล้วละ" เจเนลบอก
              โคเคสถาม "ว่าแต่ แลมซีนีไนซ์แต่งตั้งใครเป็นนายพลทัพอากาศกันละ เนคมาดูซัม"
              "ฉันคิดว่าต้องเป็นนายพลดอฟเกทอย่างแน่นอน เดิมมันเป็นช่างซ่อมประจำสนามบินในแรซัลก้า ซึ่งมันถูกส่งไปทำงานในกองทัพอากาศโดยไปทำแทนช่างซ่อมที่หมดอายุงานพอดี เลยทำให้มันรู้ข้อมูลการสั่งการและดำเนินการกองทัพอากาศ แม้กระทั่งสั่งฝูงบินและกองรบภาคอากาศเอาไว้ด้วย นั้นจึงเป็นเหตุผลที่มันได้รับการแต่งตั้งเป็นนายพล แม้ว่ามันมีนิสัยเจ้าเล่ห์และอวดฉลาดกันก็ตามน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              คลอเวฟบอก "ภาวนาว่ามันคงไม่คางแหลมเหมือนใครบางคนที่เราจัดการแบบเจ็บแสบกันบ้างน่ะ"
              "สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ เรียกยานของพวกเราลงมาที่นี้กันก่อนดีกว่านะ" โคเคสบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "งั้นฉันจะจัดการติดตั้งเสาส่งสัญญาณนำทางให้แรคแทซเทเลพอร์ตมาน่ะคะ" โดยตอนนี้ลิเนียร์ตี้กับพวกฟลาแน็กซ์จัดการวางเสาส่งสัญญาณที่เบย์แทนด์นำมาให้ แล้วก็... "แว้งงงงงงงงงง" ยานแรคแทซที่เฮลิคประจำการอยู่ได้โผล่มาตรงหน้าสนามบินไว้ ซึ่งเบย์แทนด์รีบนำช่างซ่อมมาจัดการกับยานสโตม่ากริฟโดยเร็ว
              "ดีแล้วละครับ ที่คุณสองคนทำให้ยานเสียหายมากพอที่พวกครีซีแทนซ่อมแซมได้ในระดับหนึ่ง เราจึงสามารถซ่อมแซมให้ใช้งานได้ต่อเลยนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว ซึ่งทีมช่างที่พามานั้นเป็นพวกมนุษย์หุ่นยนต์และไซบอร์ค รวมถึงรีดีวิเนี่ยนที่ลงมาช่วยวิจัยเรื่องยานของพวกครีซีแทนไปด้วย
              "ว่าแต่ ยานลำนี้พอใส่พวกเราได้เกือบทั้งหมดเลยหรือเปล่าวะ" คลอเวฟบอก
              "สโตม่ากริฟลำนี้ แอร์ไพร์มมิสขนไดร์ฟอาร์มเมอร์ไว้ 4 เครื่อง กับลูกทีมจำนวน 20 คนด้วยกัน ยานลำนี้อาจจะไม่ใหญ่มาก และอาวุธก็ไม่ค่อยรุนแรงมากมายนัก แต่ความแข็งแกร่งและทนทานนั้นเอาไปห้าดาวเลยละ" เนคมาดูซัมบอก
              จิลถาม "แปลว่านายเคยโดยสารมาก่อนเลยละสิ"
              "เปล่า แอร์ไพล์มมิสบรรยายสรรพคุณของยานลำนี้ให้เองต่างหากละ และได้เห็นยานลำนี้ออกรบกันมาถึง 4 ครั้งด้วย เลยเชื่อตามที่มันบรรยายไว้กันนั้นแหละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "แต่การที่เขาให้ยานกับพวกเรา ก็เท่ากับว่า เขาต้องการให้พวกเรามาช่วยพวกเขาเลยสิคะ" เนคมาดูซัมพยักหน้าและรู้เจตนาของอดีตสหายครีซีแทนแอร์ฟอสตนนี้ได้เป็นอย่างดี
              "โอเค ตอนนี้พวกนายมียานบินเอาไว้แล้ว ส่วนทางเราพึ่งจะมาถึงดวงดาวนี้ จึงต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในดาวกันไว้ แม้ว่าตลอด 10 นาทีนั้นจะใช้เวลาในการปรับแต่งอาวุธในยานเลยก็ตามน่ะ" โคเคสบอก "และแอร์ไพล์มมิสและพวกก็ถอนตัวไปแล้วก็เท่ากับว่า นายพลของเขาต้องสั่งพวกเขานำกองรบมาบุกโจมตีพวกเรากันอย่างแน่นอนนะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "เรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้นแน่นอนนะ โคเคส เพราะแอร์ไพล์มมิสมีโอกาสแก้ตัวเหลือเพียง 2 ครั้งแล้ว"
              "แม้ว่าเราจะทำลายโอกาสครั้งที่สอง และบีบให้พวกเขาจนมุมเลยก็ตาม แต่เราก็ต้องช่วยพวกเขากันให้ได้นี้แหละ" พีวิลบอก
              โคเคสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ถ้าเช่นนั้น พวกนายเองก็ต้องระวังตัวไว้ด้วยละ เพราะพวกนายมียานบินเพียงลำเดียว แต่พวกนั้นมีกองยานบินตั้งหลายสิบลำด้วยน่ะ"

              "ล้มเหลวจนได้สิน่ะ แอร์ไพล์มมิส" ดอฟเกทติดต่อเข้ามายังพวกแอร์ไพล์มมิส ซึ่งทำหน้ายิ้มใส่เหมือนรู้ว่าแอร์ไพล์มมิสกับพวกพลาดท่ากลับมา
              "ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวทั้งนั้นน่ะ ดอฟเกท แม้ว่าลูกน้องของนายจะทำนอกคำสั่งเลยก็ตาม"
              "แต่นั้นก็เป็นความผิดของนายเองแหละที่ไม่เตือนพวกนั้นไว้ดีๆเลยน่ะ" ดอฟเกทโบ้ยความรับผิดชอบไปให้แอร์ไพล์มมิสเสียเอง "เอาเถอะ ตอนนี้นายก็เสียยานประจำของนายไปแล้ว และพวกโคเคสก็นำยานรบโผล่มาที่ดาวนี้ด้วย นั้นเป็นโอกาสหนที่สองที่นายกับพวกต้องไปจัดการกันนี้แหละ"
              แอร์ไพล์มมิสบอก "แปลว่า นายจะส่งกองยานบินมาอย่างงั้นละสิ"
              "ฉันจะส่งฝูงยานบินเฮลโคลว์และเดธโอลว์ออกไปช่วยพวกนาย บุกโจมตีพวกโคเคสที่กำลังมุ่งหน้ามาทางกองยานบินของพวกเราไว้ แน่นอน ว่านั้นหมายถึงต้องสอยยานรบของพวกนายที่โดนเนคมาดูซัมกับพวกยึดไว้กันด้วยน่ะ" ดอฟเกทกล่าว
              แอร์ไพล์มมิสบอก "นายพูดเหมือนว่า จะให้ฉันทำลายยานของฉันทิ้งเพื่อไม่ให้เนคมาดูซัมกับพวกใช้จัดการกับพวกนายละสิ"
              "ทำนองนั้น และไม่ต้องห่วงหรอก เพราะฉันจะหายานลำใหม่ที่แจ่มกว่าของนายเป็นไหนๆมาชดเชยเลยแล้วกันน่ะ แอร์ไพล์มมิส อย่าทำให้ฉันผิดหวังอีกละ" ดอฟเกทย้ำเตือน และตัดการติดต่อไป
              อัลแทนบอก "หัวหน้าคะ นายพลดอฟเกทไม่มีทางรักษาสัญญากันจริงๆนะคะ เพราะยานลำนั้นมันเป็นยานรบที่หัวหน้ากับพวกเราร่วมมือกันสร้างขึ้นมาเลยนะคะ"
              "แม้พวกเวเซอร์จะยึดไปใช้กันก็จริง แต่อยู่ๆเราจะจมยานที่พวกเราสร้างมานั้นก็...ยังไงก็ไม่ได้นะคะ หัวหน้า" เวแกมบอก
              แฟรูลกล่าว "หัวหน้าคะ ให้พวกเราลากพวกเวเซอร์ออกมาจากยานเลยมั้ยละคะ"
              "ถ้าเป็นวิธีนี้พอว่าไปอย่างน่ะ แต่ตอนนี้ เราต้องใช้ยานลำอื่นไปก่อน" แอร์ไพล์มมิสบอก โดยที่ฝูงยานฟาสท์วิงค์จำนวน 120 ลำมุ่งหน้ามา พร้อมกับยานลำใหญ่สีฟ้าที่อยู่หลังสุดบินมารับพวกแอร์ไพล์มมิสไว้ ในจังหวะเดียวกันกับที่...
              "ตอนนี้ผมปรับระบบควบคุมของยานไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าพวกคุณแอร์ไพล์มมิสรอดกันหมด พวกเขาก็จะปรับกลับมาให้พวกเขาใช้งานต่อเลยนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว โดยตอนนี้พวกเวเซอร์มาอยู่ในยานสโตม่ากริฟ ซึ่งพวกฟลาแน็กซ์และมัลแด็กซ์ก็เข้ามากันด้วย
              "ยานลำนี้ดูกว้างดี แม้ว่ามันจะลำเล็กกว่าเฮฟไดซ์เป็นไหนๆเลยน่ะ"  มัลแด็กซ์บอก
              สวอนน่าถาม "เออ คอนโซลเหล่านี้ใช้ทำอะไรได้ละคะ พอจะลองกดได้มั้ยละ"
              "ถ้าไม่รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนก็อย่าไปยุ่งเลยจะดีกว่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์เตือน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งๆก่อนจะนำยานขึ้นไว้ ลิเนียร์ตี้เลยเข้ามาเช็คระบบดูจน "ปี้บๆๆๆๆ" หน้าจอมอนิเตอร์ด้านบนเผยแผนที่ ซึ่งระบุการมาของฝูงยานบินที่ดอฟเกทส่งมาหนุนแอร์ไพล์มมิสไว้
              "เยี่ยม นั้นก็รู้แล้วละว่าตอนนี้พวกครีซีแทนสั่งแอร์ไพล์มมิสให้มาทำอะไรกันน่ะ" โฟรซ่าบอก
              "ลิเนียร์ตี้ พอจะเช็คตำแหน่งของยานแม่ของดอฟเกทได้หรือเปล่าละ" พีวิลถาม
              ลิเนียร์ตี้ลองตรวจสอบดู แต่หน้าจอกับขึ้นวินโดว์เตือนมาว่า "เออ กองยานหลักอยู่นอกรัศมีเรดาห์ของยานลำนี้นะคะ"
              "สงสัยว่างานนี้นายต้องทำให้เพื่อนเก่านายผิดหวังกันอีกแล้ววะ" คลอเวฟบอก ซึ่งความหมายของเขาก็คือ ต้องจมฝูงยานบินเพื่อบีบให้แอร์ไพล์มมิสล่าถอยกลับไปเท่านั้น
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "มันก็น่าอยู่หรอกน่ะ ที่แอร์ไพล์มมิสถูกกดดันมาก่อน แต่.. ฉันหวังว่าหมอนั้นคงไม่ทำอะไรโง่ๆกันบ้างละน่า"
              "งั้นพวกเรานำยานออกไปกันก่อนดีกว่า เพราะเราจำต้องชิงลงมือก่อน แม้จะเสี่ยงกับการนำยานบินลำเดียวไปสู้กับยานเหล่าสิบลำก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เบย์แทนด์พยักหน้า "ได้เลยครับ สโตม่ากริฟ ออกบิน" แล้วยานบินของแอร์ไพลม์มิสแต่พวกเวเซอร์ควบคุมได้ออกจากสนามบินไปโดยเร็ว

              ตัดกลับมายังตระกูลทิลเทอแรนกันบ้าง ซึ่งตอนนี้ ทอมฮาซาเดนนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านตระกูลลอชแซนเพียงลำพัง
              "รู้สึกลำบากใจบ้างมั้ยละคะ ผู้การฮาซาเดน ที่ต้องแต่งกับพี่สาว ทั้งๆที่คุณรู้ว่าพี่ก่อเรื่องไว้เยอะเลยน่ะ" หญิงสาวท่าทางสุภาพเดินมาเห็นทอมฮาซาเดนนั่งถอดถอนใจอยู่
              ชายหนุ่มจึงกล่าว "คุณหนูดาริม ผมรู้ดีนะครับ ว่าการหมั้นหมายครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ผมไม่ได้ยินยอมกันแต่แรก บวกกับคุณหนูคอร์ล่าเองก็มีแฟนเก่าอยู่มากมาย ซึ่งเธอไม่ใช่คนที่รักใครได้นานๆและจริงจังกันมากนัก นั้นหมายถึง เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่ของลูกผม หรือหลานของคุณพ่อไปได้แน่ๆละครับ" แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดต่อ "แน่นอนว่า ผมเองก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นสามีของคุณหนูได้เลย เพราะถ้าขนาดผมไม่สามารถช่วยคนที่ผมเคยรักหรือนับถือเอาไว้ได้เช่นนี้ แล้วผม จะทำหน้าที่กู้ชื่อเสียงของคุณหนูคอร์ล่าไปได้ไงกันละครับ"
              "ลึกๆแล้ว ผู้การเองก็เป็นคนที่น่าสงสารไม่น้อยนะคะ แม้พี่สาวของหนูไม่ชอบหน้าหนู ถึงกับถีบหนูตกสระจนเกือบจะจมน้ำตาย แม้ว่าจะรีบพาขึ้นมาจากสระในช่วงที่พ่อแม่มาถึงแล้วก็ตาม แต่หนูก็ไม่โกรธพี่เลย เพราะ หนูคิดว่าพี่สาวคงจะสำนึกตัวได้กันนะคะ" ดาริมบอก
              ทอมฮาซาเดนบอก "ถ้าคุณหนูคอร์ล่าสำนึกได้อย่างที่คุณหนูว่ามาจริง พวกแฟนเก่าก็คงไม่แห่มาอยู่ข้างนอกกันบ้างนะครับ" โดยที่เห็นพวกผู้ชายใส่สูทหลากสีอยู่นอกรั้วบ้านมากัน 10 กว่าคน ซึ่งผู้การหนุ่มรู้ว่าพวกนี้คือพวกแฟนเก่าของว่าที่คู่หมั้นนี้เอง และที่แย่ที่สุดก็คือ มีผู้หญิงแต่งทอมอยู่ในกลุ่มตั้ง 2 คนด้วย บ่งบอกถึงรสนิยมของคู่หมั้นของผู้การหนุ่มได้เป็นอย่างดี
              "หนูเองก็โล่งใจไม่น้อยนะคะ เพราะก่อนหน้านั้น ผู้การถูกพวกเขาพาตัวไป และคิดว่าพวกเขาคงทำร้ายผู้การไว้แน่นอน แต่ภาวนาว่า พวกเขาคงไม่ก่อเรื่องแย่ๆกันอีกนะคะ" คุณหนูดาริมบอก
              ไม่ทันไร คู่หมั้นของผู้การก็เดินมาพอดี "ดาริม พี่บอกให้ไปตามผู้การมา แล้วมานั่งคุยกันอะไรกันน่ะ"
              "คือว่า ผู้การฮาซาเดนมานั่งพักหายใจกันสักหน่อยนะคะ" ดาริมบอก
              คอร์ล่ากล่าว "งั้นก็ไปได้แล้วละ" ดาริมพยักหน้าแล้วเดินออกไป คู่หมั้นสาวจึงบอกไปว่า "ผู้การคะ หวังว่าคุณคงจะไม่ทำให้ฉันกับคุณพ่อขายหน้าในพิธีสำคัญๆกันบ้างนะคะ แม้คุณจะรอดกลับมาจากการถูกพวกแฟนเก่าของฉันอุ้มไปเลยก็ตาม"
              "ถ้าพวกเขาราวีผมถึงขั้นที่ต้องลักพาตัวไปกันจะๆแล้วละก็ ผมก็น่าจะรู้สาเหตุได้อยู่แล้วว่า มันเกิดอะไรกันขึ้นบ้างน่ะ" ผู้การฮาซาเดนบอก "แต่ที่ผมไม่บอกทุกๆคนว่าใครเป็นตัวการ ก็เพื่อรักษาเกียรติของตระกูลของผม ชื่อเสียงของคุณและคุณพ่อ ซึ่งผมทราบมาว่า ตระกูลของคุณนั้นประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนักหนา จากการบริหารที่ผิดพลาดของคุณพ่อของคุณกับคณะกรรมการในเครือ โดยการแต่งงานในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรากันดีๆนี้เองน่ะ "
              คอร์ล่าบอก "พ่อและทุกๆคนไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่สภาพเศรษฐกิจในอวกาศมันพลิกแพลงกันอยู่แล้วนิน่า"
              "อ้าว ไม่ใช่เพราะว่าคุณถอนเงินจากบัญชีในเครือบริษัทของพ่อคุณไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายงั้นนะหรือ แม้กระทั่งใช้เงินจำนวนมากไปกับการเดทกับแฟนเก่าๆหลายสิบคนกันด้วยนิ ผู้หญิงที่ทำตัวเป็นเห็บดูดเลือดคนอื่นจนเรื่องมันเดือดร้อนแบบนี้ หัดละอายใจและหยุดฟุ่มเฟือยกันเสียจะดีกว่า" ผู้การฮาซาเดนกล่าว จนว่าที่คู่หมั้นหน้าบึ้ง เพราะเรื่องนี้มีแต่เธอกับแฟนเก่าเท่านั้นที่รู้ แต่ว่าที่คู่หมั้นบอกไปว่า
              "แล้วทีคุณละ คุณไปมีอะไรกับนักล่าชาวแอตทาเวียนจนมีลูกครึ่งโผล่มาเป็นตัวเป็นตนเช่นนี้ แม้จะน่าตกใจไม่น้อยที่ฉันพึ่งมารู้เรื่องนี้ แต่...คุณเองต่างหากละที่ควรละอายใจเสียบ้าง และยอมรับในการหมั้นหมายของพวกเราดีกว่า อย่างน้อย ก็เพื่อปิดบังความลับของคุณกันเสียบ้างละน่ะ"
              "กะแล้วเชียว คิฟทรอนปากสว่างกันเกินไปแล้ว แต่เอาเถอะ เพราะ ฉันก็รับมือกับเรื่องนี้กันแล้วละ" ผู้การฮาซาเดนเดาออกว่าคู่หมั้นของเขารู้ความลับนี้จากไหนกัน แต่ก็กล่าวไปว่า "เอาเป็นว่าตอนนี้ เราไม่ควรเถียงให้คนข้างนอกมาได้ยินจะดีกว่าน่ะ เพราะในอีกครึ่งชั่วโมงงานหมั้นก็จะเริ่มขึ้นแล้ว และผมหวังว่า คุณควรจะทำตัวดีๆกันในงานบ้างนะครับ"
              คอร์ล่าบอก "อืมมม เอางั้นก็ได้นะคะ และหวังว่าคุณคงจะไม่หักหน้าฉันไปเสียก่อนนะคะ คุณว่าที่สามีของฉัน" แล้วก็เดินจากไป ผู้การฮาซาเดนก็เดินตามไปบ้าง

              ในขณะเดียวกัน ยานทัลดามิส อยู่นอกดาวคาชาน่า
              "กลับมากันแล้วสิน่ะ แอสเทลน่า" ซารีทิสกล่าวโดยที่แอสเทลน่าเดินมา ซึ่งตอนนี้เธอออกจากสเตซิสฟิลด์กันแล้ว
              "ท่านเอสเซคาร่า ท่านปล่อยให้พวกโคเคสปฏิบัติการณ์โดยไม่รอ...กองกำลังของทิลเทอแรนกันแบบนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะทำลายเมืองทั้งเมืองกันเลยหรือคะ ทั้งๆที่ท่านก็น่าจะรู้ดีว่า พวกเขาเองนั้น..."
              "ข้าทราบอยู่แล้วละ แอสเทลน่า ว่าข้ารู้ว่าการส่งพวกเขาไปโดยไม่มีความช่วยเหลือของผู้การฮาซาเดนนั้น อาจจะทำให้พวกเขาทำอะไรที่เกินเลยไปอย่างแน่นอน...." ซารีทิสบอก "ข้ายอมรับว่าความเสียหายนั้นย่อมเกิดขึ้นได้แน่นอน เพราะนี้เป็นสงคราม การบาดเจ็บล้มตายย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ต่อให้ควบคุมให้ความเสียหายมันลดทอนได้หรือฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเช่นเดิมก็ตาม แต่นั้นก็แค่บ้านเมืองและสถานที่ หาใช่ชีวิตของผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามไม่หรอกน่ะ"
              แอสเทลน่าบอก "ท่านยอมรับถึงผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของท่านก็จริง แต่ถ้าคิดที่จะให้ข้ายอมรับผู้การฮาซาเดนเป็นพ่อของข้าแล้ว ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกคะ"
              "ข้ายังไม่ได้พูดถึงสักหน่อยน่ะ นักล่าแอสเทลน่า" ซารีทิสกล่าว "แม้ข้าไม่อยากจะใช้สำนวนของพวกมนุษย์เวลาพูดถึงคนที่คิดเอาเองอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังมโนกันอยู่น่ะ"
              แอสเทลน่าบอก "ท่านก็เป็นแบบนี้ ไม่แปลกเลยละคะ ที่ทางสภาสูงไม่พอใจในการกระทำของท่าน จนท่านไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นมาเลยนะคะ"
              "ถ้าก้าวหน้าแล้วข้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ได้ตรงตามที่เจ้าคิดขึ้นมาละก็ สู้ข้าอยู่ในตำแหน่งนี้กันไปเลยมิดีกว่าเลยหรือ แอสเทลน่า" ซารีทิสบอก
              แอสเทลน่าส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า "ไม่เลยคะ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แม้ว่าการกระทำของท่านบางครั้ง ทำให้ข้าไม่พอใจเลยก็ตาม แต่ ข้าไม่อาจจะยอมรับในการตัดสินใจของท่านได้จริงๆเลยนะคะ"
              "แม้ว่าเจ้าจะเคารพข้าประดุจเหมือนเป็นแม่คนที่สองแล้วก็ตาม แต่อย่างน้อย นั้นเป็นความรู้สึกที่ซื่อตรงของเจ้า ซึ่งนั้นก็เหมือนกับที่แม่ของเจ้า กังขาในการกระทำและการตัดสินใจของข้ากันไว้ แน่นอน ว่าข้ารู้ว่า แม่ของเจ้ามีเจตนาที่ดีและต้องการจะเตือนสติข้าเอาไว้ ในฐานะของลูกน้อง และรู้ว่า ลึกๆแล้ว แม่ของเจ้าก็เคารพและยอมรับในการตัดสินใจของข้าอยู่ หากแต่การแสดงออกทางสีหน้าและคำพูดปิดบังเอาไว้ก็เท่านั้นเองนี้แหละ ซึ่งเจ้าก็เป็นเหมือนกับแม่ของเจ้าไม่มีผิดเลยละ" ซารีทิสบอก
              แอสเทลน่ากระแอ่มก่อนจะบอกไปว่า "เอสเซคาร่าค่ะ ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะยอมรับในการกระทำของเนคมาดูซัม และยอมรับในตัวผู้การฮาซาเดนว่าเป็นพ่อของข้าพเจ้านะหรือคะ นั้นเป็นไปไม่ได้หรอกคะ เพราะว่าเขาทอดทิ้งแม่ของข้าไป"
              "ถึงเจ้าจะคิดในแง่ร้ายและมีอคติ แต่ลึกๆแล้ว เจ้ารู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้เห็นหน้าพ่อบังเกิดเกล้าเป็นครั้งแรก แม้เขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อ 20 ปีก่อนก็ตาม แต่ข้ากับเจ้าต่างก็รู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างเรากับมนุษย์อย่างผู้การฮาซาเดนและคนในตระกูลทิลเทอแรน แม้กระทั่งเฮนรี่ ไนท์เองก็ด้วยน่ะ" ซารีทิสกล่าว "แม้เวลาที่ผ่านพ้นไปนานนั้นจะไม่ทำให้ภายนอกของพวกเราเปลี่ยนแปลงไป แต่กับมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อ และอายุขัยที่น้อยกว่าพวกเราหลายเท่าตัว บวกกับชีวิตที่อาจจะจบสิ้นลงไม่ช้าก็เร็วด้วยแล้วนั้น เหล่านี้คือสิ่งที่กระตุ้นให้มนุษย์คิดกระทำในสิ่งที่พวกเขาหวังไว้ แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะทำมันจะเลวร้ายไปเลยก็ตาม แต่มนุษย์ที่ดีๆก็ยังมีอยู่บ้างน่ะ"
              แอสเทลน่าบอก "แม้กระทั่งแมนิเกเตอร์ก็ย่อมมีพวกคนดีที่ต้องการแก้ไขหรือหยุดยั้งสถานการณ์เลวร้ายนี้ ซึ่งรวมถึงผู้ใช้พลังควอตไซเซอร์อย่างงั้นละสิคะ"
              "ข้าเล็งเห็นแล้วว่า พลังควอตไซเซอร์นั้น ถ้าถูกใช้เพื่อการทำลายล้างจริง มันก็ต้องใช้เพื่อปกป้องทุกชีวิตกันเอาไว้บ้างนี้แหละ ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวของมัน แม้กระทั่งเหรียญเองก็ย่อมมีสองด้าน ซึ่งรวมถึงพวกเราเองด้วย แม้ลึกๆแล้วเราจำต้องฝืนทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับที่คิดไปบ้าง ถ้าสิ่งนั้นเป็นการกระทำที่เลวร้าย ก็ต้องข่มใจและต้านทานความคิดด้านลบไม่ให้เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าเป็นการกระทำที่ดีนั้น แม้ว่าไม่อยากจะทำเพราะเห็นผลได้ช้าและไม่ได้ในทันทีทันใด รวมถึงรอบข้างที่กดดันให้รู้สึกขุ่นหมองจนทำบาปขึ้นมา ก็ต้องยอมฝืนทำ แม้จะต้องทำหลายสิบเที่ยวและยังไม่เห็นผลที่แน่ชัดกันก็ตาม" ซารีทิสบอก "แต่....หนึ่งการกระทำย่อมเกิดผลที่ตามมาได้เสมอ ต่อให้ไม่มีใครพูดถึงเลยก็ตาม เวลาคือเครื่องพิสูจน์ผลของการกระทำทั้งหลายนี้ไว้ ไม่ว่าจะดีหรือเลวก็ตาม แม้พวกเราจะมีพลังกล้าแกร่งถึงขั้นล่วงรู้อนาคตได้ แต่ ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อนาคตที่เราเห็นอาจจะไม่เป็นไปตามที่มันเกิดก็ได้น่ะ"
              แอสเทลน่าบอก "ท่านกำลังจะพูดว่า พวกโคเคสในตอนนี้ เหมือนกำลังจะชดใช้กรรมที่พวกแมนิเกเตอร์ก่อเอาไว้กันนะหรือ"
              "กรรมที่พวกแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้าก่อก็คือการคุกคามจักรวาลทั้งปวง เช่นเดียวกันกับพวกโอเวอร์เดสที่คุกคามโลกทั้งใบ แม้พวกโคเคสบางคนจะเคยสร้างความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขาก่อมานั้นจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อความอยู่รอดของพวกเขา แต่ทำเพื่อพวกเราทุกๆคน แม้จะรู้ว่าทำไปแล้วพวกเขาไม่ได้อะไรตอบแทน และอาจจะต้องเสียอะไรไปบ้างก็ตาม พวกเขาก็ต้องก้าวเดินต่อไป โดยแบกรับและเปลี่ยนความเจ็บปวดดังกล่าวให้เป็นแรงผลักดันพวกเขาก้าวเดินต่อ แม้ว่าการก้าวเดินของพวกเขานั้น จะเป็นการต่อสู้กับกลุ่มอำนาจไม่ว่าจะมาจากภายนอกหรือจากภายในก็ตาม ซึ่งพวกเขา ได้เดินตามเส้นทางเดียวกันกับเฮนรี่ ไนท์และพวกมนุษย์กันด้วยนี้แหละ" ซารีทิสบอก
              แอสเทลน่าบอก "แล้วท่านไม่กลัวว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนคนในตระกูลทิลเทอแรนบางคน หรือเป็นเหมือนพวกแรซัลก้ากันเลยหรือคะ"
              "ที่เจ้าว่ามาทั้งหมด คือตัวอย่างแย่ๆที่จะสอนพวกเขาให้รู้ว่า พวกเขาไม่ควรทำตามหรือซ้ำรอยเดิมขึ้นมากันนี้แหละ แม้ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า แรซัลก้ามีสภาพเป็นเช่นไรแล้วก็ตาม นั้นเป็นบรรทัดฐานของพวกโคเคสแล้ว ว่าพวกเขาควรจะปกครองพวกแมนิเกเตอร์กันยังไงบ้างน่ะ" ซารีทิสบอก
              แอสเทลน่ากล่าว "ข้าพอจะเข้าใจความคิดของท่านแล้วละคะ ท่านเอสเซคาร่า แม้ความคิดของท่านจะไปไกลถึงขั้นนั้นแล้วก็ตาม แต่หวังว่า การรบบนฟากฟ้าสูงของพวกเวเซอร์และพวกโคเคสนั้นคงจะลงเอยกันเช่นไรนะคะ"
    ต่อช่วงที่ 2
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×