ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 นาวาแห่งความหวังจากอดีตอันยาวไกล ทะยานขึ้นทะลวงเมฆหมอกแห่งความสิ้นหวัง ครึ่งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 64


              ที่ยานแม่เดลทรอสตัล ยานแม่ของแม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟ
              "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเราประมาทไอ้พวกแมนิเกเตอร์เหล่านั้นมากจนเกินไปแล้วน่ะ" อุลซาร์ฟสบถ
               ไทโรนอฟกล่าวอย่างเจ็บแค้นขึ้นมา "และไม่นึกเลยว่า ข้าต้องเสียกำลังพลไปไม่น้อย กับการที่พวกเรามาเพื่อบดขยี้พวกมันให้ราบคาบ แต่กลายเป็นพวกเรากลับเป็นฝ่ายถูกบดขยี้เสียเองเช่นนี้ มันไม่ดีแล้วละ ท่านแม่ทัพใหญ่"
              "ยานบินของพวกเราที่ใช้จู่โจมกองทัพของฝ่ายแมนิเกเตอร์นั้น แม้ว่าเราจะสร้างความเสียหายให้ฝ่ายนั้นไปได้ค่อนข้างมาก แต่ที่เราเสียเยอะสุดก็คือ....เขตเมืองบนหุบเขาฝั่งตะวันออกจากนครหลวงกันนี้แหละ" อาร์ควิทพูดอย่างวิตกกังวลไม่น้อย
              ฮาชูลัมบอก "ไม่ใช่แค่ท่านเองที่เป็นฝ่ายเสีย กำลังพลของเผ่าเราจมลงสู่ก้นทะเลไปไม่น้อยเลยน่ะ"
              "ท่านแม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟ ลูกๆของข้าล้มตายไปมากเช่นนี้ ถ้าเราไม่บดขยี้พวกมันให้ราบคาบไปซะ ต่อไป พวกแมนิเกเตอร์เหล่านั้นก็จะเป็นเสี้ยนนามของพวกเราไปตลอดกาลเลยนะคะ" คลาแค็กซ์ร้องขอ
              จักรวรรดิ์หุ่นยนต์ชาวเมคครอฟิคนามซิสเนสท์กล่าว "ท่านแม่ทัพใหญ่ กรุณาอนุมัติการใช้ลำแสงสลายดวงดาวกันเดียวนี้เลยครับ"
              "ช้าก่อนครับ องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีทุกท่าน พวกเราต่างรู้ดีว่า พวกเราเสียกำลังพลไปไม่น้อยกับการโจมตีครั้งแรกนี้ เพราะว่าฝ่ายนั้น คงรู้จากฝ่ายสมาพันธ์อวกาศว่าพวกเราจะมารุกรานระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ เลยมีการเตรียมพร้อมกันไว้แล้วแน่นอน" เกรเทคซ์บอก
              ไทโรนอฟบอก "งั้นหรือ แล้วจะอธิบายเรื่องลูกน้องของที่ปรึกษาโดซอนที่เสียชีวิตไปแล้วกันละ"
              "เราทราบมาว่า จานบินของพวกท่านจับพวกเวเซอร์ที่อยู่ในเขตเมืองบนหุบเขาฝั่งตะวันออกของนครหลวงกันไว้ได้ แต่ยังไม่ทันจะบินออกจากชั้นบรรยากาศเพื่อตรงมายังยานแม่ พวกเวเซอร์หลุดออกมาและพังยานจนร่วงลงสู่ดาวกันแล้วน่ะ" อาร์ควิทกล่าว
              คลาแค็กซ์บอก "ในจานบินเหล่านั้นมีพวกโกรเดี่ยมประจำอยู่เพื่อเป็นผู้ปกป้องยานลำนี้ แต่การที่จานบินมันระเบิดในระหว่างที่มันร่วงฝ่าชั้นบรรยากาศกลับสู่ดวงดาวขึ้นมา มันบ่งบอกแล้วว่า คนของท่านทำพลาดกันแล้ว ท่านไม่รู้สึกแค้นกันบ้างเลยหรือ"
              "การทำสงครามนั้นย่อมนำพาไปสู่ความสูญเสียนั้นใช่ แต่....อย่างน้อย ทีมนักวิจัยที่ประจำบนยานเหล่านั้นก็หาทางหนีออกมาได้กันนะครับ อีกอย่าง การเสียจานบินของผม ก็คือใบเบิกทางไปสู่การค้นพบบางอย่างขึ้นมากันนะครับ" เกรเทคซ์กล่าว
              อุลซาร์ฟบอก "ว่าแต่ พวกแกค้นพบอะไรบางอย่างกันนะหรือ"
              "จานบินที่ร่วงและระเบิดไปนั้นยังคงเหลือซากเอาไว้ ซึ่งจานบินทุกลำที่ผมสร้างขึ้นมานั้น มีกล่องดำที่แข็งแกร่งและทนทานมากพอที่เราจะเก็บกู้เพื่อรวบรวมข้อมูลว่า พวกเวเซอร์ที่ถูกจับกุมไปนั้น หลุดรอดมาได้ไงกันนะครับ" เกรเทคซ์บอก "ที่สำคัญ พวกเราส่งกำลังบุกรุกแค่ส่วนนครหลวงและเขตเมืองสำคัญแค่เมืองเดียว เช่นเดียวกับฐานทัพทางทหารสำคัญๆแบบนี้ โดยที่เรายังไม่ได้ทำการสำรวจพื้นที่ส่วนที่เหลือบนดาวไม่จบ แล้วดาวดวงนั้นมีสมบัติล้ำค่าที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเราซ่อนอยู่ เกิดเราใช้ลำแสงสลายดวงดาวขึ้นมา มิเท่ากับว่าเราทำลายสมบัติล้ำค่าที่มีเพียงแค่ชิ้นเดียวไปด้วยมือของเราเลยหรือครับ"
               เหล่าจักรพรรดิ์ได้ฟังก็คิดหนัก "แล้วถ้าเกิดว่าพวกมันค้นพบอาวุธซ่อนขึ้นมาใช้เล่นงานพวกเราละก็ นั้นก็ยิ่งสมควรจะใช้ลำแสงสลายดวงดาวกันอยู่ดีนี้แหละ" อุลซาร์ฟแย้ง
              "ถูกตามที่เกรเทคซ์ว่าไว้ เราแค่มาที่ดาวดวงนี้และเล็งโจมตีแค่ฐานทัพทางทหารกับเมืองสำคัญๆ โดยที่ยังหลงเหลือเขตเมืองและชุมชนกันไว้ แถมเรายังไม่ได้ตรวจสอบดวงดาวนี้ให้สมบูรณ์เพื่อรู้ว่าพวกศัตรูเจออะไรที่ซ่อนไว้ในดาวดวงนี้กันด้วยแล้ว นั้นยิ่งมิเป็นการขัดต่อคำสั่งมหาจักรพรรดิ์ที่ให้เรายึดระบบดาวมาเป็นฐานที่มั่้นมิใช่หรือ" บูเรนนอฟกล่าว
              ฮาชูลัมถาม "ท่านคงไม่คิดว่าชาวออร์เลี่ยนคงเดินทางมาที่ดาวนี้แล้วเหลืออะไรไว้กันนะหรือครับ"
              "ชาวออร์เลี่ยนคงรู้สาแก่ใจดี ว่าการหวังพึ่งความช่วยเหลือจากสมาพันธ์อวกาศนั้น เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าอย่างมาก กับกลุ่มชนเผ่าทั้ง 25 เผ่าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของชาวดาวฤกษ์กันไว้ พวกเขาจึงไม่คิดออกเดินทางมาที่ระบบดาวนี้ไปได้หรอก แม้ว่าระบบดาวนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์อวกาศเลยก็ตาม" บูเรนนอฟกล่าว "แต่ตอนนี้ เราจำต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดาวในระบบนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วนกันเสียก่อน เช่นเดียวกับ....รู้ความเคลื่อนไหวกันในเวลานี้ รู้ตื้นลึกหนาบางของฝ่ายตรงข้ามไปด้วยกัน เพื่อให้แน่ใจว่าการรุกรานครั้งต่อๆไป จะต้องไม่สูญเสียเหมือนในครั้งนี้ได้น่ะ"
              อาร์ควิทกล่าว "แล้วหลังจากนี้เราจะรุกรานดาวดวงนี้กันยังไงละครับ"
              "ถึงคราวที่เราจะต้องใช้....แม่ทัพใหญ่เพียงตนเดียว นำกองทัพกันแล้วละ" บูเรนนอฟกล่าว โดยเปิดภาพนอกยาน ที่มียานอวกาศขนาดใหญ่นำเอาบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ลุกขึ้นมา
              อุลซาร์ฟกล่าว "ต่อให้พวกนี้มันมีวอร์บอทที่ทรงพลัง แต่คงไม่มีทางสู้กับยักษ์ใหญ่แห่งสงครามตนนี้ไปได้หรอกน่ะ"

              วกกลับมาที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 เมืองเฟิร์สฮิลล์
              "โอ้ย ไอ้พวกตะกวดยักษ์นั้นเล่นแรงเป็นบ้าเลยวะ" พีคมาสร้องลั่นเมื่อหมอเดเมี่ยนทำแผลกลางหลังไว้ โดยเหล่านักรบควอเดี่ยมต่างบาดเจ็บจากการสู้รบกันไว้ หมอเดเมี่ยนเลยต้องพาพยาบาลและหมอที่อยู่ในบังเกอร์ออกมาช่วยปฐมพยาบาลกันอย่างยกใหญ่
              ทินเหมาลีบอก "ไม่คิดเลยว่า พวกเดลอาเนี่ยนจะมีเผ่าต่างดาวที่แข็งแกร่งกว่าที่คิดเลยนะเนี้ย" โดยตอนนี้ จายด์รวบรวมศพของพวกบรูซาแรมและซอร์แรคที่ล้มตายมากองไว้
              "และไม่ใช่แค่พวกเราที่อยู่ในเมืองหรอกที่เจอศึกหนักกันน่ะ" เจเนลกล่าว โดยตอนนี้ บริคซ์และพวกลูกเรือนอร์ติลุสเก่าที่นำโมบิลลอยด์ออกรบนั้น ถ่อสังขารกลับมาด้วยการ์เซนท์มาร์คทูที่เสียหายไปไม่น้อย "นึกว่าพวกนายจะต้องร่วงไปพร้อมกับหุ่น หลังจากที่ยานรบพื้นทะเลและดำน้ำเล่นแรงหลังจากที่พวกพีวิลโดนจับตัวไปเสียอีกน่ะ"
               บริคซ์สบถ "ไอ้พวกต่างดาวนั้น มันได้ทีก็ซ้ำเติมพวกเรากันเลยน่ะ ดีที่เรารีบดีดตัวออกมาได้ก่อน โดยที่พวกเธอซึ่งคุมป้อมปืนและมิไซล์ช่วยเอาไว้ได้ รับรอง ว่าเขตเมืองส่วนล่างเสียหายเยอะกว่าและมีควอเดี่ยมตายไปมากแน่นอนน่ะ"
              "ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกพีวิลจะเป็นตายร้ายดีหรือเปล่าน่ะ เพราะจานบินนั้นมันบินออกนอกดาวไป แล้วปล่อยให้พวกเราโดนยำเพียงฝ่ายเดียวน่ะ" เลอแชนบอก
              บรอนเซอรูทกล่าว "อย่าลืมสิ ว่าทั้งพีวิล มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม คลอเวฟ พลัสเชอริทและแอบไบออสเองก็มีพลังกล้าแกร่งเท่ากับพวกเราหรือมากกว่า แถมสเปียริทเองก็อยู่ด้วยแล้ว พวกเขาก็หาทางหนีออกมาได้เช่นกันน่ะ"
              "มีข่าวด่วนเข้ามากันนะครับ" เนคกัสรีบวิ่งเข้ามา พร้อมกับเนคกี้อย่างร้อนรนไปด้วย
              จิลถาม "ว่าแต่ ได้ข่าวพวกพีวิลหนีออกจากจานบินนั้นแล้วหรือยังละ"
              "คือ นักรบควอเดี่ยมของนากูสและสฮัลไชน์ น้องชายฝาแฝดของคุณยูทิลทร้าแจ้งมานะคะ ว่าเห็นจานบินลำเดียวกันที่จับตัวพี่ใหญ่และพวกไป ร่วงลงไปยังเขตทะเลทรายเวลแซนดร้ากันนะคะ" เนคกี้บอก
              บริคซ์กล่าว "แล้วไอ้คลอฟ มันเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าวะ"
              "ใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณบริคซ์ คือว่า ตามที่ลูกน้องของคุณนากูสรายงานมา เขาเห็นจานบินร่วงลงและมีบางอย่างหลุดออกไป ในจังหวะก่อนที่จานบินระเบิดเป็นจุลขึ้นมา แม้จะมองไม่ชัดเลยก็ตาม แต่พวกเราคิดว่าพวกพี่ใหญ่หนีออกมาจากจานบินได้ทั้งหมดเลยนะครับ" เนคกัสกล่าว
              เจเนลบอก "ฉันคิดว่าพีวิลกับพวกหนีออกมาได้แน่นอนวะ"
              "นายแน่ใจหรือว่าพวกพีวิลรอดมาได้ทั้งหมดกันน่ะ" เซเทธถาม
              เจเนลบอก "แน่ใจสิ คิดว่าพวกเราลืมเรื่องที่ไกซ์เอาอัลติเมทเอทบินฝ่าชั้นบรรยากาศเข้าไปในดาวที่ลุงเบติสและป้าวิลด้าอยู่ แล้วปลอดภัยมาได้เลยหรือไงกันวะ"
              "จริงสิ พวกเราเองก็ทราบเรื่องมาจากไกซ์เช่นกัน ย่อมหมายความว่าพวกเราเองก็รู้วิธีการฝ่าชั้นบรรยากาศแบบสุดโต่งแบบนั้นไปด้วยน่ะ ช่างเป็นเรื่องเข็มขัดสั้นมวกๆเลยน่ะ" ฟันดิวเรคบอก
              จายด์บอก "อีกอย่าง จานบินที่พวกเดลอาเนี่ยนใช้ ก็คงแข็งแกร่งและทนทานด้วยวิทยาการอันล้ำยุคที่เหนือชั้นกว่าเราเช่นนี้ โอกาสที่พวกพีวิลรอดไปทั้งหมดย่อมมีสูงมากด้วยน่ะ"
              "และการที่พวกเขาร่วงมาในเขตของคุณป้าวูลลิเซียด้วยแล้ว นั้นหมายถึงความช่วยเหลือก็ต้องมีอย่างแน่นอนน่ะ" เนคกัสกล่าว
              บริคซ์บอก "นั้นก็ดีแล้วละ และคงไม่ต้องห่วงเรื่องเดินทะเลทรายกันด้วยน่ะ"
              "แล้วลุงมั่นใจมากเลยหรือคะ ว่าพวกพี่ใหญ่จะรอดจากการเดินทางบนทะเลทรายเพื่อตรงไปหาพวกคุณวูลลิเซียกันได้นะคะ" เนคกี้ถาม
              บริคซ์กล่าว "พวกเธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าพีวิล และมาสวาร์ทาร์ก็ฝ่าทะเลทรายในทวีปแอฟริกากันครึ่งวัน จนเจอกับสเปียริทที่สลบในกองซากยานเพื่อตรงไปหาพวกบีสทอยด์งูที่อยู่ในระแวกนั้น ซึ่งพวกเราเองก็ได้ยินมากันแล้ว เรื่องผ่านทะเลทรายที่อยู่ฝั่งตะวันออกไกลนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายแล้วละ"
              "เออ เรามีปัญหาแล้วละ พวกเรามีคนเจ็บเยอะกว่าที่คิดไว้เสียแล้วน่ะ" เดเมี่ยนกล่าว
              บริคซ์บอก "แถมเราก็อ่วมมากพอ จนไม่สามารถนำการ์เซนท์ของเราขึ้นฝั่งไปได้น่ะ โดยเฉพาะส่วนที่จมทะเลไปแล้ว เราต้องการคนมาช่วยซ่อมการ์เซนท์ที่ยังใช้ให้ช่วยเก็บกู้กันไว้ ซึ่งเราต้องการคนช่วยเยอะด้วยน่ะ"
              "เรื่องนั้นไม่ต้องเลยครับ พวกเราจัดการให้แล้วคะ" เนคกี้บอก โดยตอนนี้มีพวกวัยรุ่นหนุ่มสาว ทั้งแมนิเกเตอร์มนุษย์ แอนดรอย ไปจนถึงมิวแทนอยด์แห่มากันหมด
              โมคุโตะกล่าว "พวกนี้ เป็นพวกที่อยู่ในหลุมหลบภัยไปแล้วนิ แล้วทำไม...."
              "คือพวกเราขันอาสามาช่วยพวกคุณกันนะครับ อย่างน้อย ให้พวกเราช่วยแบ่งเบาภาระกันบ้างนะครับ" เด็กหนุ่มผมยาวสีดำในเสื้อแจ็คเก็ตแขนสั้นสีขาวปลายสีเขียว มีตราคาราบาวตรงเสื้อด้านซ้าย สวมเสื้อยืดเขียวและกางเกงสีน้ำเงินกล่าว
              เจเนลได้ฟังก็.... "หวังว่าพวกเธอคงไม่ขัดแข้งขัดขาพวกเรากันบ้างน่ะ" แล้วก็ตะโกนบอกไปว่า "ใครต้องการช่วยดูแลคนเจ็บให้ไปหาหมอเดเมี่ยน ใครมีความรู้เรื่องช่างกลหรือซ่อมแซมเครื่องยนต์กลไก ให้ไปกับบริคซ์และพวก แล้วก็ ใครก็ได้ที่กล้าและมีแรงมากพอ มาช่วยพวกเราเก็บซากศพพวกตะกวดและพวกหมีเหล่านี้มากองรวมๆกัน แล้วก็ช่วยกันแยกอาวุธเป็นกลุ่มๆกันได้เลย" ว่าแล้ว วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมากับพวกบริคซ์ให้มาช่วยซ่อมการ์เซนท์กันไว้ หนึ่งในนั้นมีเด็กสาวผมสั้นสีชมพูอ่อนติดกิ๊ปดอกไม้ขนาดเล็ก สวมเสื้อสีชมพูเสื้อกั๊กขาวและกางเกงขาสั้น โดดขึ้นไปซ่อมบนมารีนครุยเซอร์ไปด้วย ส่วนกลุ่มที่ช่วยพวกเจเนไซด์ทีมเก็บศพนั้น มีเด็กหนุ่มผมสั้นในชุดเสื้อและกางเกงสีดำเข้ม ตาข้างขวามีแววตาที่ใหญ่กว่าตาข้างซ้ายถีบร่างตะกวดที่นอนแอ้งแม้งจนล้ม แล้วตามไปเตะซ้ำ ซึ่งก็ทำให้วัยรุ่นตัวใหญ่ต้องมาส่ายหน้า จนเด็กหนุ่มต้องแบกส่วนขา ส่วนวัยรุ่นตัวใหญ่ก็หิ้วปีกอุ้มไปด้วยกัน
              "เสร็จแล้วละครับ" เด็กหนุ่มผมยาวสีดำกล่าว หลังจากที่พันผ้าพันแผลให้กับออร์ช็อทตรงท้องไว้
              "เธอรู้วิธีทำแผลได้เร็วและไวแบบนี้ พ่อหรือแม่เป็นคนสอนเลยหรือ" ออร์ช็อทถาม
              "นั้นสิ เพราะเด็กหนุ่มอย่างเธอไม่น่าจะรู้วิธีทำแผลและปิดแผลได้ไวแบบนั้น แถมคนที่เธอรักษาก็เป็นพวกควอเดี่ยมกันด้วยน่ะ" เดเมี่ยนถาม
              เด็กหนุ่มตอบ "คือ ผมช่วยแม่ดูแลเหล่าทหารที่ออกไปรบร่วมกันกับประธานาธิบดีกันมาก่อน เลยรู้วิธีและทำตามไว้นะครับ"
              "เอ้ แต่เธอหน้าตาเหมือนเคยเห็นจากไหนหรือเปล่าน่า ว่าแต่....เธอชื่ออะไรกันหรือ" เดเมี่ยนถาม
              เด็กหนุ่มแนะนำตัวไปว่า "เฟรเดอริค เฟรเดอริค มาร์ติน แม่ของผมชื่อ เมย์ เป็นพยาบาลเก่าในกองรบเยลโลว์สตาร์ ตอนนี้แม่ป่วยกันอยู่...เออ ผมขอตัวไปดูแม่กันก่อนนะครับ"
              "อย่าห่วงไปเลย เฟรเดอริค เดียวฉันให้พยาบาลไปตามแม่เธอมานี้แล้วกันน่ะ" เดเมี่ยนบอก แล้วใช้มือถือติดต่อพยาบาลให้รีบพาตัวแม่ของเด็กหนุ่มมาโดยเร็ว ซึ่งภายใน 2 นาที พยาบาลของเดเมี่ยนพาหญิงผมดำยาวยักศกเดินมาหา
              "ฉันต้องขอโทษแทนเฟรดด้วยนะคะ ที่รบกวนคุณหมอเดเมี่ยนไว้น่ะ"
              "ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ผมอยากช่วยให้เฟรเดอริควางใจได้บ้างนะครับ คุณเมย์" เดเมี่ยนกล่าว เมย์พยักหน้า โดยที่ลูกชายคอยช่วยเพื่อนๆดูแลพวกควอเดี่ยมกันต่อ โมคุโตะที่แบกควอเดี่ยมที่เจ็บเข้ามาเห็นเข้า
              "เออ เมื่อกี้นี้ หมอคุยกับคุณเมย์อยู่หรือคะ"
              "ใช่ บังเอิญว่าเฟรดมาช่วยงานฉันไว้ และเขาก็ปฐมพยาบาลได้เร็วและไวมาก เลยถามไถ่จนรู้ว่า แม่ของเฟรดเป็นพยาบาลที่อยู่ในกองรบเยลโลว์สตาร์ ซึ่งช่วยงานในแนวหลังที่ยานฟรอนเทียร์อาร์คกันมาตลอด รวมถึงช่วงที่สี่กองรบถูกเควโทรดิมัสครอบงำ จนฉันพบเจอแม่ของเฟรดตอนอยู่ที่ควอดาน่ากันน่ะ" เดเมี่ยนอธิบาย "แต่ทำไมคุณเมย์ถึงป่วยได้ ทั้งๆที่เธอสุขภาพดีมิใช่หรือ"
              โมคุโตะถาม "คือว่า คุณเมย์ป่วยเป็นไข้หวัดกันนะคะ เฟรดเลยต้องอยู่ดูแลเธอกันไว้ จนไม่ได้มาเข้าเรียนวิชาต่อสู้กันเลยคะ"
              "วิชาต่อสู้กันนะหรือ ว่าแต่ เธอกับพวกบรอนเซอรูทฝึกวิชาอะไรให้เฟรดกันละ" เดเมี่ยนถาม
              โมคุโตะบอก "แม่ไม้มวยไทยกันนะคะ แต่....หมอดูคุ้นเคยกับคุณเมย์มาอย่างดีแบบนี้ คงจะไม่...."
              "เปล่าหรอก โมคุโตะ....ฉันคุ้นเคยกับเฟรเดอริคต่างหากละ และที่คุ้น เพราะว่าฉันเจอกับคนๆหนึ่งที่เป็นทหารในกองกำลังเดียวกันกับคุณเมย์ แต่อยู่ในหน่วยพิเศษเฉพาะ ซึ่งฉันอาสาไปช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาและคนในกองกำลังไว้นะสิ" เดเมี่ยนกล่าว "แต่ที่ไม่เข้าใจจริงๆก็คือ เฟรดอายุเท่าไกซ์และมิลด์ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ขั้นต่ำในการเข้าเป็นทหารกันแล้ว แต่ทำไมถึงไม่เห็นเขาโผล่มาในกองรบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆกันเลยน่ะ"
              โมคุโตะบอก "นั้นไม่แปลกหรอกคะ หมอ เพราะพวกเด็กๆที่มากับเฟรเดอริคเองก็แทบไม่ปรากฎตัวในกองรบทั้งสี่ด้วยน่ะ พวกเขาก็มีเหตุผลที่ไม่อยากจะอยู่แนวหน้ากันน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย พวกเธอกับพวกพีวิลเองก็มีส่วนช่วยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ตรงนี้กันได้น่ะ" เดเมี่ยนกล่าว
              โมคุโตะพยักหน้า "พวกเราหวังว่าพวกเขาคงจะปลอดภัยกันบ้างน่ะ"

    TriVeser Manigator Saga:The Del-Arnian War
    ตอนที่ 2 นาวาแห่งความหวังจากอดีตอันยาวไกล ทะยานขึ้นทะลวงเมฆหมอกแห่งความสิ้นหวัง

              ณ.ทะเลทรายเวลแซนดร้า ตำแหน่งหมายเลข 56 แคมป์วิจัยเคลื่อนที่ เวลา 6 โมงเช้า
              "ครืดดด" ประตูแคมป์เลื่อนเปิดออก พร้อมกับเด็กหนุ่มผมยุ่งสีแสดสวมแว่นหนาเตอะในเสื้อโค้ทขาวเดินออกมาพร้อมกับแก้วน้ำและแปรงสีฟันซึ่งทายาสีฟันเอาไว้แล้ว "แกร็กๆๆๆๆๆ ครืดๆๆๆๆๆๆๆ กรุ๊กๆๆๆๆๆๆๆ พรวดดดด" จากนั้นก็บรรจงแปรงฟันอย่างลวกๆ แล้วก็ดื่มน้ำเพื่อกรวกคอและบ้วนปากออกไป ซึ่งก็ใช้เวลา 2 นาทีในการแปรงฟันให้สะอาด "เช้าแล้วหรือ เฮ้อ ดีแล้วละ ที่เราตื่นก่อน ไม่งั้นคงแย่เลยน่า" เด็กหนุ่มกล่าว แล้วก็เหยียดแขนบิดขี้เกียจอย่างเต็มที่
              แต่ไม่ทันไรก็.... "พี่ชาย ตื่นแต่เช้ากันเลยหรือคะ!!!!!" มีเสียงดังมาจากข้างหลัง จนทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เพราะรู้สึกตัวได้และหันมาเห็น เด็กหญิงตัวน้อยผมสั้นสีชมพูผูกเปียสองข้างถือตุ๊กตาหมียืนอยู่ข้างหลัง ทำหน้ายิ้มแย้มขึ้นมา
              เด็กหนุ่มถึงกับบ่นไปว่า "แมบิลีน หยุดทำให้พี่ตกใจได้มั้ยละ"
              "ก็หนูเห็นพี่ฟูลออเรสทำหน้าไม่สดชื่นตั้งแต่เช้า เลยทำให้พี่ตื่นตัวขึ้นมากันนะคะ" เด็กหญิงนามแมบิลีนเอ่ยชื่อเด็กหนุ่มผู้นี้ จนเขาเดินเข้ามาหยิกแก้มเด็กหญิงแทน
              "ทีหลังอย่าทำแบบนี้กับคนอื่นได้มั้ยละ" แล้วก็ตบหัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถามไปว่า "แล้ว ว่าแต่ พี่สาวยังไม่ตื่นกันเลยหรือ"
              "ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้ว มีแต่นายนี้แหละที่หลับยาวกันน่ะ ฟูลออเรส" เสียงเด็กสาวกล่าวขึ้น จนฟูลออเรสหันหลังมาเห็นเด็กสาวผมสั้นลายหินอ่อนสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองอันยืนอยู่
              "ทำไงได้ละ ฉันพึ่งจะติดต่อไปหารุ่นพี่อีธานและรุ่นพี่เอโอลีนเอาตอนสองทุ่ม ซึ่งแจ้งให้รุ่นพี่ทั้งสองทราบแล้ว พวกเขาเลยให้เราพาแมบิลีนกลับบ้านโดยด่วน และไม่ได้บอกเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ เมดีน่า"
              "2 ทุ่มน่ะหรือ ถ้าเป็นตอนนั้น ฉันหลับไปพร้อมกับแมบิลีนแล้วละ" เด็กสาวนามเมดิน่าบอก "แต่ รุ่นพี่อีธานและรุ่นพี่เอโอลีนไม่ได้บอกเหตุผลที่ให้พวกเรารีบกลับไปกันเลยใช่มั้ยละ"
              ฟูลออเรสบอก "ไม่ได้บอกนะสิ แต่น้ำเสียงเหมือนมีบางอย่างแย่ๆเกิดขึ้นกันน่ะ แล้วเธอ ออกไปตอนตีห้านิ ออกไปทำอะไรกันละ"
              "ในระหว่างที่ฉันออกมาสูดอากาศตอนตีสองกว่านั้น ฉันเห็นวัตถุบางอย่างร่วงลงมาจากฟ้า พร้อมกับเสียงดังหลายทีด้วยกัน ทีแรกฉันไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่พอตื่นมาตอนตีห้า เพื่อมาเซตเครื่องตรวจจับสัญญาณบางอย่าง ปรากฎว่า มีปฏิกิริยาพลังงานถึง 8-9 จุดเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลทรายกันด้วยน่ะ" เมดิน่าบอก
              ฟูลออเรสกล่าว "จริงนะหรือ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเลยสิน่า..." แล้วก็หันมายังแมบิลีน "....งั้นเรารีบไปเช็คก่อน แล้วค่อยพาแมบิลีนกลับบ้านกันดีกว่าน่ะ" เมดิน่าพยักหน้า
              "พี่ฟูล พี่เมดี้ พวกพี่คุยกันเรื่องผจญภัยกันอยู่หรือคะ" แมบิลีนถาม
              ฟูลออเรสได้ฟังก็พูดด้วยท่าทางตื่นเต้นไปว่า "ใช่แล้วจ้า หนูแมบิลีน พี่สองคนจะพาหนูไปท่องเที่ยวหาเรื่องตื่นเต้นกลับไปบอกพ่อบอกแม่ของหนูกันนี้แหละ รีบไปขึ้นรถกันได้แล้วละ"
              "คะ" แมบิลีนตอบอย่างรู้เรื่อง แล้วรีบเข้าไปในแคมป์ ฟูลออเรสกับเมดิน่าเลยวิ่งไปยังประตูด้านหน้า "ปึกๆ" ฟูลออเรสนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เมดิน่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเปิดหน้าจอมอนิเตอร์กันไว้แล้วก็ "ปี้บๆๆๆๆ" กดปุ่มบนแผงโฮโลแกรมเพื่อ... "ครืดดด แกร็กๆๆๆๆ" หลังคากันสาดเลื่อนเก็บเข้าไปข้างใน บันไดติดกับประตูหน้าเลื่อนเก็บเข้า พร้อมกับโผล่ล้อรถวิบากล้อโตๆสี่ล้อโผล่มา จากแคมป์ที่พักได้กลับกลายเป็นรถสำรวจขึ้นมา แล้วก็ "บรืนนนนนนนน ซวบบบ ซวบบบ ซวบบบบบ" เคลื่อนตัวไปบนพื้นทรายกันโดยเร็ว
              "เมดิน่า ตำแหน่งสัญญาณที่เธอตรวจจับมานั้น เป็นยังไงบ้างละ" ฟูลออเรสถาม
              "เกรงว่ากำลังเคลื่อนไหวกันอยู่นะสิ เพียงแต่ เครื่องสแกนที่เรานำมานั้น ไม่สามารถวิเคราะห์ทิศทางว่าตำแหน่งสัญญาณนั้นกำลังมุ่งตรงไปทางไหน และเคลื่อนตัวจากตรงไหนกันเลยนะสิ" เมดิน่าบอก
              ฟูลออเรสกล่าว "แล้วไอ้วัตถุบางอย่างที่ร่วงมาจากฟ้านั้น คงไม่ใช่ยานอวกาศของพวกต่างดาวกันหรอกน่ะ"
              "ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง แปลว่าสัญญาณที่ฉันตรวจจับมาได้นั้น คงเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือของผู้โดยสารแน่นอนเลยละ" เมดิน่าคาดเดา
              ฟูลออเรสบอก "รู้งี้เราน่าจะเบิกเครื่องสแกนและคอมพิวเตอร์ที่เข้าถึงฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้ครบถ้วนกันบ้างนะ แม้ว่าฉันอยากจะ วิจัยสิ่งที่ อยู่ในคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่ป้าวูลลี่รับมาเมื่อเช้าวานนี้กันน่ะ"
              "หมายถึง สินค้ารหัส X สองอันนั้นนะหรือ ฟูลออเรส บอกตรงๆน่ะ ว่าฉันก็อยากจะร่วมทำวิจัยกับสิ่งนั้นด้วย ถ้าไม่ติดว่านายกับฉัน เผลอเซ็นชื่อลงในภารกิจสำรวจทะเลทรายโดยรอบนี้กันไว้นะ" เมดิน่าบอก
              ฟูลออเรสกล่าว "เอาเป็นว่าตอนนี้เรารีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นดีกว่า เมดิน่า อย่างน้อย การช่วยเหลือต่างดาวที่รอดตายจากอุบัติเหตุมาได้นั้น อาจจะทำให้เราได้เกียรติบัตรคุณงามความดีกันบ้างละน่ะ" แล้วก็เหยียบคันเร่งนำรถคันโตแล่นบนเนินทรายที่อยู่สูงมากไปโดยเร็ว

              "ขณะนี้เป็นเวลา 6 โมง 15 นาที 44 วินาที ตำแหน่งของพวกเราในตอนนี้ อีก 650 กิโลเมตรจะถึงถนนหลัก" แอมเบอร์กล่าว โดยตอนนี้พวกพีวิลเดินทางจากซากจานบินข้ามทะเลทรายมาตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม
              คลอเวฟบ่น "บ้าชะมัด รู้งี้เราน่าจะแล่นลงมาให้ใกล้ถนนใหญ่กว่านี้ก็ดีแล้ววะ" เพราะเวลาเข้าสู่กลางวันในทะเลทราย ก็คือช่วงเวลาอันร้อนระอุเริ่มขึ้นมาแล้ว
              "คิดซะว่าเราข้ามทะเลทรายเพื่อออกตามหาไซโคลเนียเหมือนบนโลก โดยไม่ได้เอารถเกราะมาด้วยจะดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แต่ไม่นึกเลยน่ะ ว่าเราใช้เวลาตั้ง 3 ชั่วโมงเดินจากจุดตกของพวกเรามา แล้วยังไปไม่ถึงครึ่งทางเลยน่ะ"
              "เธอไหวหรือเปล่าละ แอนเดรีย" สเปียริทถาม
              แอนเดรียบอก "แฮกๆๆๆๆๆ ฉันไหวอยู่นะคะ เพราะฉันไม่อยากจะอยู่รั้งท้ายไว้เพียงคนเดียว อีกอย่าง ฉันแน่ใจว่าเราต้องรอดไปถึงที่หมายกันได้นะคะ"
              "แค่คิดแบบนี้ก็ดีอยู่น่ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              แอบไบออสบอก "แต่สภาพเวลาตอนนี้ เราพักนานไม่ได้หรอก ยิ่งพวกเราไม่มีอะไรที่เป็นส่วนบังร่มแดด แถมมาตัวเปล่าๆกันแล้ว เกรงว่าเราจะแห้งกรอบกลางทะเลทรายแห่งนี้เองแหละ"
              "แถมตอนนี้พวกเดลอาเนี่ยนอาจส่งกองรบออกมาตรวจสอบค้นหายานด้วยแล้ว ถ้าพวกนั้นลงมา ก็เท่ากับว่าพวกนั้นรู้ตำแหน่งของสถาบันริดีวิแนนท์ แล้วก็เขตเมืองเวลเซเนี่ยนที่อยู่ใกล้ๆกันด้วยน่ะ" พลัสเชอริทบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ภาวนาว่าคุณวูลลิเซียคงจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในเฟิร์สฮิลล์และเมืองหลวงกันบ้างนะคะ"
              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไร แอมเบอร์ก็ส่งเสียงขึ้น "มีพาหนะมุ่งตรงมาทางเราด้วยความเร็วสูงนะคะ"
              คลอเวฟได้ฟังก็กล่าว "เดลอาเนี่ยนโผล่มาเลยหรือวะ"
              "ไม่ใช่คะ เพราะปฏิกิริยาของพาหนะดังกล่าวนั้น ใช้พลังงานเพเรเนี่ยมเป็นตัวขับเคลื่อนมาน่ะคะ" แอมเบอร์บอก
              ไม่ทันไรก็.... "ฟ้าวววววว" ตรงเนินทรายสูงที่อยู่เหนือหัวพวกพีวิลนั้นมีรถสำรวจแล่นผ่านเข้ามา "หวืออออออ ตรึงงง ตรึงๆ" ซึ่งก็แล่นผ่านพวกพีวิลลงสู่พื้นทรายไปสามทีเต็มๆ โดยที่รถคันนั้น "นี้นายบ้าไปหรือเปล่า อย่าลืมสิ ว่าแมบิลีนนั่งมาด้วยกันเลยน่ะ" เมดิน่าบ่นอย่างหงุดหงิดต่อฟูลออเรสที่เป็นสารถี ซึ่งขับซิ่งแล่นบนเนินทรายสูงแรงจนเกือบทำรถคว่ำด้วยกัน
              "หนูไม่เป็นไรหรอกคะ พี่เมดิน่า และรู้สึกสนุกมากเลยคะ" แมบิลีนกล่าว
              เมดิน่าถอดถอนใจขึ้นแล้วก็มองดูกระจก "แล้วเป็นไงละ ฟูลออเรส นายทำให้กระจกหน้าเปรอะทรายกันแบบนี้ แถมตัวสัญญาณเก้าจุดเองก็อยู่ข้างหลังเรากันด้วยน่ะ"
              "อย่างน้อย ตัวสัญญาณนั้นก็ไม่เคลื่อนไหวกันละน่า" ฟูลออเรสบอก แล้วก็เลี้ยวรถให้หันกลับมา ในเวลาเดียวกันที่....
              "นี้รถสำรวจของสถาบันวิจัยริดีวิแนนท์มาทำอะไรกันในทะเลทรายกันละ ทั้งๆที่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมาะอย่างมากเลยน่า" สเปียริทบ่น
              "แถมมันก็ขับลอยเหนือหัวพวกเรากันแบบนี้ มันน่าถีบให้ร่วงจริงๆกันวะ" คลอเวฟบ่น
              มาสวาร์ทาร์ห้าม "เย็นไว้เถอะน่า คลอเวฟ อย่างน้อยเราก็มีคนช่วยกันละน่า" ไม่ทันไร ฟูลออเรสก็เปิดระบบที่ปัดน้ำฝนให้ฉีดน้ำล้างกระจกรถเพื่อล้างทรายออกจากกระจกไป จน...ได้เห็นพวกเวเซอร์ที่อยู่ข้างนอก
              "เออ เมดิน่า มั่นใจน่ะว่าเรดาห์สแกนจับตัวสัญญาณได้กันน่ะ" ฟูลออเรสถามอย่างอึ้งๆ เช่นเดียวกับเมดิน่าที่เงยหน้ามาเห็น
              "แน่ใจสิ เพราะสัญญาณมันบ่งบอกอย่างงั้นจริงๆน่ะ" เมดิน่ากล่าว
              ฟูลออเรสบอก "เกรงว่าเราเจอปัญหาแล้วละ เพราะเห็นหน้าตาจากระยะไกลแล้ว น่ากลัวและดุร้ายเอามากๆเลยละ คงต้องรีบหนีกัน...."
              "คุณลุง คุณป้า นี้พวกคุณลุงคุณป้ามาเล่นแถวนี้เองหรือคะ" แมบิลีนตะโกนลั่น จนฟูลออเรสและเมดิน่าได้ยิน เมดิน่าเลยเงยหน้าไปดูข้างหลังก็ต้องตกใจ เพราะแมบิลีนเปิดหน้าต่างยื่นหน้าไปข้างนอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เดียวก่อนนะ ฉันได้ยินเสียง หนูแมบิลีนด้วยน่ะ"
              "จริงหรือ...." พีวิลกล่าวแล้วก็เปิดส่วนแว่นโฮโลแกรมขึ้นมาซูมภาพจนเห็นแมบิลีนยื่นตัวออกจากรถ แล้วก็โดดลงมา พร้อมกับวิ่งเข้าใส่
              "หนูแมบิลีน มันอันตรายน่ะ เราไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นคนดุร้ายกันหรือเปล่าน่ะ" เมดิน่าบอก แล้วรีบลงจากรถไปโดยที่ฟูลออเรสจะรีบลงตามไปด้วย แต่แมบิลีนวิ่งมาอย่างรีบร้อนจนสะดุดล้มลง "อันตราย" พีวิลกล่าวแล้วก็... "ฟ้าวววว หมับบบ ซวบๆๆๆ" พุ่งเข้าใส่และคว้าตัวแมบิลีนเอาไว้ได้ก่อนที่เธอจะหกล้มเข้า
              "ตะกี้นี้ เธอเห็นทันหรือเปล่าละ" ฟูลออเรสถามอย่างอึ้งๆ
              เมดิน่าตอบแบบทึ่งไปไม่น้อย "เหลือเชื่อ คนๆนี้รับตัวแมบิลีนที่กำลังสะดุดล้ม พุ่งมาจากระยะไกลตั้ง 3 กิโลเมตรภายในเวลา 0.01 วินาทีเลยน่ะ"
              "เกือบไปแล้วมั้ยละ หนูแมบิลีน นึกว่าหนูจะหกล้มจนหัวแตกแล้วน่ะ" พีวิลบอก
              แมบิลีนกล่าว "ขอบคุณมากคะ คุณน้าพีวิล ที่มาช่วยหนูไว้กันน่ะ"
              "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วพวกเนคมาดูซัมก็กระโดดเข้ามาสมทบโดยเร็ว "ปลอดภัยดีน่ะ พีวิล โอ้ว หนูแมบิลีน นี้หนู....แอบออกมาเที่ยวโดยไม่บอกคุณอีธานและคุณเอโอลีนละสิน่ะ" แอนเดรียกล่าวและตำหนิแมบิลีนในทันทีที่เห็น
              เด็กหญิงตอบ "หนูขอโทษคะ คุณน้าแอนเดรีย แล้วก็คุณลุงคุณป้าทุกๆคนด้วย ว่าแต่ พวกคุณลุงคุณป้ามาที่ทะเลทรายเพื่อผจญภัยเหมือนกับหนูละคะ"
              "เออ หนูแมบิลีน หนูรู้จักกับคนพวกนี้นะหรือ พี่ดูแล้ว บางตนหน้าตาดูไม่น่าเป็นมิตรอย่างแรงน่ะ" เมดิน่ากล่าว
              ฟูลออเรสบอก "นั้นสิ โดยเฉพาะคนที่มีหนวดปล้องดำบนหัว แถมเท้ามีกงเล็บแบบนี้ แล้วบางตนก็ตัวโตมีอาวุธปืนติดอยู่ด้วย ดูแล้ว คงบดขยี้ตึกรามบ้านช่องให้พังได้หลายตึกเลยละ"
              "ไอ้เด็กเวรนิ ปากดีแบบนี้ มันน่ากระทืบกันเสียจริงๆน่ะ" คลอเวฟได้ฟังฟูลออเรสพูดเลยรีบไปหาเรื่อง เนคมาดูซัมและมาสวาร์ทาร์เลยรีบเบรคไว้
              แมบิลีนบอก "พี่ฟูลคะ ไม่ต้องกลัวหรอกคะ เพราะคุณลุงคุณป้า รวมถึงคุณน้าแอนเดรีย เป็นเพื่อนคุณน้าเบย์แทนด์ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ"
              "เอ้...หนูบอกว่า พวกเขาเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่เบย์แทนด์อย่างงั้นนะหรือ" เมดิน่าได้ฟังก็อุทานขึ้นมา แมบิลีนพยักหน้า โดยพีวิลให้เธอลงจากตักของเขาไว้ ซึ่งเธอก็มองดูลิเนียร์ตี้ สเปียริท พลัสเชอริท มาสวาร์ทาร์ แอบไบออส รวมถึงคลอเวฟและเนคมาดูซัมที่ฮึมๆกันอยู่ เธอเลยเดินเข้าไปตบหลังหัวฟูลออเรสไปเต็มๆ
              "มาตีฉันทำไมกันละ เมดิน่า" ฟูลออเรสโวยก่อน แต่ก็สู้เมดิน่าที่เสียงดังกว่าไม่ได้
              "นายจะบ้าหรือ รู้เปล่า พวกเขาเป็นพวกเวเซอร์ ทีมแมนิเกเตอร์ที่รุ่นพี่เบย์แทนด์ช่วยเหลือกันอยู่น่ะ"
              "อ้า....ที่รุ่นพี่เล่าให้ฟังในช่วงที่อยู่ในยานอวกาศนั้น ว่าเป็นแมนิเกเตอร์ที่เก่งกาจมากที่สุด เป็นหัวหอกนำชัยชนะให้กับฝ่ายเรา รวมถึงเอาชนะทั้งโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรส แม้กระทั่งเทพแห่งสงครามสุดแกร่งนั้นได้นะหรือ" ฟูลออเรสกล่าว เมดิน่าพยักหน้า แล้วเด็กหนุ่มก็มองหน้าสมาชิกแต่ละคน "แต่....ตัวจริงกลับดูไม่เท่ห์กว่าที่คิดเสีย แถมดูเถื่อนมากกว่าอีกน่ะ"
              คลอเวฟเลยของขึ้นหนักกว่าอีก "กูไม่เท่ห์ยังพอทำเนา แต่ว่ากูเถื่อนนิ ขอดรอปคิกซะดอกมั้ยละ ไอ้...." จนเนคมาดูซัมและสเปียริทต้องรีบมาเบรคโดยเร็ว

              "อืมมมม เธอสองคนคงจะเป็นนักเรียนรุ่นน้องของเบย์แทนด์ ตั้งแต่ตอนที่เธออยู่ในสถาบันที่เอเวอเรส และติดตามมาจากโลกสู่ดาวดวงนี้กันอย่างงั้นสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยในตอนนี้ พีวิลเป็นสารถีขับรถแคมป์สำรวจกลับถนนใหญ่ โดยมีพลัสเชอริททำหน้าที่เป็นคนดูแผนที่
              เมดิน่ากล่าว "คะ อ้อ ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะคะ ฉัน เมดิน่า แดลิล นักเรียนวิจัยสาขาฟิสิกส์พลังงานและระบบคอมพิวเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
              "เออ ผม ฟูลออเรส แรมบาร์ท นักเรียนวิจัยสาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบกลไกทั่วไป ขอฝากเนื้อฝากตัวกันด้วยนะครับ" ฟูลออเรสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก
              คลอเวฟบอก "ตะกี้นี้ชื่อฟูลออเรสใช่มั้ยละ ชื่อเหมือนหลอดไฟบ่งบอกว่าโคตรฉลาดและหัวไบร์ทมากก็จริง แต่ที่ฉันเห็น กลับสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัดเลยวะ"
              "พี่ฟูลคะ ลุงคลอเวฟหงุดหงิดแล้ว กับการที่พี่ไปพูดจาให้ลุงอารมณ์เสียกันน่ะ" แมบิลีนกล่าว
              ฟูลออเรสบอก "ก็....พี่ไม่คิดเลยว่า ยอดแมนิเกเตอร์ที่เรียกสมญาว่ากราดิเอเตอร์มารีน จะเก่งกาจถึงขั้นที่สามารถปล้นเรือบรรทุกโมบิลลอยด์ขนาดใหญ่กว่าเรือบรรทุกเครื่องบินตั้ง 3 เท่า แล้วขนมาส่งที่เวลเซน่าตั้งหลายสิบลำด้วยกันน่ะ"
              "เออ เดียวก่อนน่ะ ฟูลออเรส เธอคิดว่านายบื้อ ทำอย่างที่เธอคิดจริงๆเลยหรือ" สเปียริทชี้หน้ามายังคลอเวฟแล้วถามกลับ ฟูลออเรสพยักหน้า สเปียริทได้ฟังก็ตอบแบบหงุดหงิดไปว่า "ขอโทษทีเถอะน่ะ เธอมโนไปเองหรือว่าไปฟังเขาลือกันผิดๆหรือเปล่าละยะ ว่านายบื้อยกเรือลำเป้งๆมาส่งให้กันน่ะ อย่างมากก็แค่ช่วยพาเราไปยึดเรือต้นแบบแล้วบุกไปขโมยถึงเบอมิวด้ากันก็เท่านั้นเองแหละ"
               เมดิน่าอุทาน "จริงหรือคะ งั้นเป็นพวกคุณที่ขนเรือเหล่านั้นมาให้เองละสิ"
              "เรื่องที่แม่หนูคนนี้ได้ยินมา มันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว" แอบไบออสกล่าว เพราะเขาเองก็อ่านแฟ้มข้อมูลการปฏิบัติการณ์ของพวกเวเซอร์มาก่อนแล้ว
              มาสวาร์ทาร์บอก "เออ เมดิน่า ฟูลออเรส ไอ้เรื่องที่เราแบกเรือลำโตๆหลายๆลำมาที่เวลเซน่านั้น ความจริงแล้ว เป็นความชอบของเบย์แทนด์ที่ให้เครื่องเทเลพอร์ตแบบโยกย้ายเรือได้หลายลำในเวลาเดียวกันให้กับพวกเรา เอาเรือชั้นแคร์แลนด์ทุกลำมาส่งที่ฐานทัพที่เวลเซน่ากันนี้แหละ"
              "จริงดิ แต่ ทำไมรุ่นพี่เบย์แทนด์ไม่บอกกับพวกเรากันเลยละ ว่าเขาเป็นคนลงมือด้วยน่ะ" ฟูลออเรสกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "เบย์แทนด์เป็นริดีวิเนี่ยนที่เจียมเนื้อเจียมตัวมากที่สุดกันนะสิ เขาไม่ใช่ประเภทโอ้อวดในผลงานของตนเอง แต่เขาช่วยเหลือเราได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็นับถือเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ช่วยเหลือเราได้เช่นกันน่ะ"
              "แปลว่า พวกคุณก็เคารพนับถือรุ่นพี่เบย์แทนด์กันด้วยสิคะ" เมดิน่าบอก
              ฟูลออเรสบอก "งั้น เรื่องที่พวกคุณขยายร่างยักษ์แล้วออกไปสู้กับพวกกองรบหุ่นโมบิลลอยด์กันบนโลกและในอวกาศนั้นก็ไม่จริงอย่างงั้นละสิ"
              "พวกเธอหมายถึง พวกเราที่ขึ้นขับโมบิลลอยด์ของพวกเราอย่างงั้นละสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              ฟูลออเรสพยักหน้า "พอผมได้เห็นโมบิลลอยด์ที่ป้าวูลลิเซียช่วยดัดแปลงและพัฒนาขึ้นให้กับพวกคุณกันแล้ว ผมเลยคิดว่า พวกคุณคงต้องเท่ห์เหมือนหุ่นเหล่านี้แน่ๆ และเวลาสู้กับศัตรูร่างยักษ์ พวกคุณต้องแปลงร่างและขยายร่างใหญ่ออกไปสู้กันอย่างแน่นอนเลยละ"
              "แล้วมโนว่า พวกเราต้องเท่ห์ตามหุ่นโมบิลลอยด์ของพวกเราที่ใช้ควบคุม เผลอๆอาจจะเท่ห์และสวยมากกว่าอย่างงั้นละสิ" สเปียริทบอก
              แอบไบออสกล่าว "แต่เธอก็น่าจะรู้ดีพอๆกันกับพวกเพื่อนๆเธอที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันแล้วนิ ว่าพวกเราไม่แข็งแกร่งและทรงพลังมากพอที่จะขยายร่างยักษ์เท่าโมบิลลอยด์แล้วออกไปสู้แบบนั้นหรอก เพราะพวกเราที่แม้จะทรงพลัง แต่เรายังมีข้อจำกัดในการสู้รบ โดยเฉพาะกับพวกที่ใช้โมบิลลอยด์หรือของใหญ่เท่าๆกันหรือยิ่งใหญ่กว่า เธอคงไม่คิดว่าพวกเราคงใช้ดาบเล่มแบบนี้มาฟันยานรบให้ขาดเป็นสองท่อนได้หรอกน่ะ"
              "เมดิน่า ทำไมเธอถึงบิดเบือนเรื่องที่เธอรู้เห็นมาให้ฉันคิดไปอีกทางกันเสียเลยละ" ฟูลออเรสถามอย่างหงุดหงิด
              เมดิน่าได้ฟังก็ตอบกลับไปว่า "ถ้าฉันว่าไปตามที่คุณแอบไบออสพูดมานั้นจริง นายก็คงจะแสดงความบ้าหุ่นยนต์ขึ้นมา เผลอๆ อาจจะแอบหนีไปขึ้นโมบิลลอยด์แล้วขึ้นขับออกไปรบกันจริงๆ ทั้งๆที่ไอ้เรื่องที่นายชื่นชอบกับความเป็นจริงมันสวนทางกันอย่างแรงเลยน่ะ"
              "เดียวก่อนน่ะ นี้เพื่อนเธอ เป็นพวกชื่นชอบอะไรที่เป็นหุ่นยนต์อย่างมากเลยหรือ" สเปียริทถาม
              เมดิน่าพยักหน้า "คะ ฟูลออเรสเป็นพวกบ้าหุ่นยนต์ ชื่นชอบการ์ตูนหุ่นยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ่นยนต์ที่ปล่อยแสงได้ ยิงหมัดจรวดได้ เสกดาบใหญ่ขึ้นผ่าเรือรบได้ ติดปืนใหญ่ที่มีพลังการทำลายสูงกวาดล้างได้ทั้งกองทัพ รวมถึงควบคุมป้อมปืนอัตโนมัติหลายสิบอันให้บินว่อนเหมือนผึ้งไล่ต่อย ซึ่งพวกคุณกับทีมปฏิบัติการณ์โมบิลลอยด์พิเศษที่ช่วยงานคุณ มีทุกอย่างที่ฟูลออเรสคลั้งไคล้กันทั้งนั้นนะคะ"
              "เจริญ แล้วเธอก็ไปโพทะนากันผิดๆถูกๆให้เพื่อนเธอไขว้เขว่จนมองพวกเราที่เป็นตัวจริงว่าเถื่อนอย่างงั้นนะหรือ" คลอเวฟกล่าว
              ฟูลออเรสบอก "ก็นั้นแหละ ผมคิดว่าพวกคุณเป็นยอดฮีโร่ฝ่ายธรรมะที่ต่อสู้กับเหล่าร้าย และต้องมีหน้าค่าตาที่แจ่มและดีเหมือนฝ่ายธรรมะแน่ๆ แต่พอมาเห็นเข้าจริงๆแล้ว...."

              "ฟูลออเรส บางครั้งสิ่งที่เธอได้ยินหรือได้เห็นมามันอาจจะดีก็จริง แต่ มันก็เป็นจริงแค่ครึ่งเดียวบ้าง หรือไม่เป็นจริง ซึ่งอย่างหลังนี้แหละที่เราเจอกันบ่อยมากเลยละ" แอนเดรียกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "และเธอยังไม่รู้หรอกน่ะ ว่าก่อนที่เราจะเป็นยอดฮีโร่ที่พวกเธอได้ยินกันมานั้น เราเคยเป็นเหล่าสมุนที่เคยรุกรานก่อความไม่สงบกันมาก่อนนี้แหละ"
              "จริงหรือคะ แล้วทำไมพวกคุณบางคนที่เคยเป็นพวกโอเวอร์เรสกับโอเวอร์เดสนั้นถึงมาร่วมมือกับประธานาธิบดีโคเคสกันละคะ" เมดิน่าบอก
              พีวิลกล่าว "เพราะว่า พวกเราบางคนนั้น ต่างมีอดีตที่เจ็บปวดอยู่กับตัว ต่างถูกคนทรยศหักหลังกันมาก่อน ต่างถูกบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ต่างได้เห็นถึงความไม่ถูกต้องและพยายามหยุดยั้งและขัดขวางกันไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เหล่านี้คือเหตุผลที่พวกเรา ต้องลุกขึ้นมาหยุดยั้งความเลวร้ายจากโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรส ด้วยการร่วมมือกับโคเคสต่อสู้กับกองทัพแมนิเกเตอร์ขึ้นมา แน่นอน ว่าพวกเราทั้งหมด ล้วนผ่านเรื่องสูญเสีย เจ็บปวด ผิดหวัง ความยากลำบาก การถูกขัดขวาง ถูกกล่าวหาปรักปรำใส่ความ และกลั้นแกล้งสารพัดต่างๆนาๆกันมาแล้วทั้งนั้น"
              "แล้วพวกคุณยังลุกขึ้นต่อสู้กันต่อไปได้นิ คงเพราะ อยากจะไถ่บาปที่พวกคุณทั้งก่อหรือไม่ได้ก่อขึ้นมาเลยสิ" ฟูลออเรสบอก
              คลอเวฟกล่าว "แม้กระทั่งหยุดเหตุร้ายที่เราเคยสูญเสียกันมาแล้ว ไม่ให้เกิดขึ้นเป็นหนที่สองกันด้วย ด้วยแรงผลักดันดังกล่าวนี้แหละ คือหนึ่งพลังที่ทำให้พวกเรา กองรบเวเซอร์ ไล่ตะบันหน้าศัตรูที่ร้ายกาจและโคตรเจ้าเล่ห์ลงไปกองกับพื้น นำพาชัยชนะและความสงบสุขมาให้กับพวกเรา และกับทั้งจักรวาลกันด้วยน่ะ"
              "ว้าว ไม่น่าเชื่อเลยว่า พวกคุณก็มีเหตุผลที่ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กันแบบนี้ บอกตรงๆเลยนะ ว่าพวกคุณ มันสุดยอดจริงๆเลยน่ะ" ฟูลออเรสบอก
              เมดิน่ากล่าว "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่รุ่นพี่เบย์แทนด์มีพวกคุณเป็นเพื่อนกันแบบนี้น่ะ ได้ฟังแล้ว ฉันถึงรู้ว่าพวกคุณลำบากมาไม่น้อยกว่าจะช่วยรุ่นพี่เบย์แทนด์ ช่วยพวกคุณประธานาธิบดี ผลักดันจนพาพวกเรามาถึงนี้ได้นะคะ"
              "เออ ว่าแต่ คุณลุงคุณป้าโผล่มาที่ทะเลทรายนี้กันยังไงละคะ" แมบิลีนกล่าว
              ฟูลออเรสบอก "จริงสิ แล้วว่าแต่ พวกคุณทั้งหมดนี้ อยู่ที่เฟิร์สฮิลล์ใช่มั้ยละครับ แล้วพวกคุณมาโผล่นี้ได้ไงกันน่ะ"
              "เดียวก่อนนะ นี้พวกเธอสองคนยังไม่รู้เรื่องเลยหรือ ว่าตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นน่ะ" สเปียริทถาม
              เมดิน่าส่ายหน้า "ยังเลยคะ คือหนูกะจะติดต่อไปหารุ่นพี่อีธานและรุ่นพี่เอโอลีนให้พาหนูแมบิลีนเดินทางกลับมาด้วยกัน แต่ก็ไม่มีสัญญาณติดต่อเข้ามาเลยคะ"
              "เออ ว่าแต่ พวกคุณพอจะบอกได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ" ฟูลออเรสถาม
              แอนเดรียบอก "ฟูลออเรส เมดิน่า ฟังสิ่งที่พวกเราเล่ามากันดีๆ แล้วอย่าตื่นตกใจกันเป็นอันขาดเลยน่ะ" ทั้งฟูลออเรสและเมดิน่าพยักหน้า...

              "ว่ายังไงนะคะ!!!!! นี้ดาวของพวกเราถูกต่างดาวจากฝั่งตะวันออกรุกรานกันแล้วหรือคะ!!!!!!" เมดิน่าตะโกนลั่นขึ้นมาจนเกือบทำให้พีวิลขับรถเสียหลักไปด้วย
              คลอเวฟสบถ "หน้าตาท่าทางดูเรียบร้อย แต่เสียงนิ ติดลำโพงกำลังสูงเอาไว้ในหลอดคอหรือเปล่าละ"
              "เมดิน่าเวลาตกใจหรืออุทาน เสียงเธอดังเหมือนเปิดวอลลุมสูงๆไว้นะครับ" ฟูลออเรสกล่าวแกมแซวเพื่อนสาวไปด้วย แล้วหันมาถาม "แล้วที่พวกคุณปลิวลงมาที่ทะเลทรายนั้น คงไม่ได้หมายความว่า...."
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "พวกเราถูกจานบินของฝ่ายเดลอาเนี่ยนจับตัวไปกันนะ แต่โชคดี ที่เราหลุดออกมาได้ และตั้งใจว่าจะใช้แอมเบอร์ ช่วยในการคุมยานเพื่อพาเรากลับเข้าดาวกันดีๆ แต่....ฝ่ายตรงข้ามกลับบีบให้เราต้องหาทางอื่นหนีมาแทนน่ะ"
              "พวกคุณลุงกับคุณป้าหาทางหนีออกมากันยังไงละคะ" แมบิลีนกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "เรา...ใช้หลังคายอดจานบินเป็นกระดานโต้อากาศ ร่อนลงมาจากฟ้าแล้วแลนดิ้งบนพื้นทรายกันนี้แหละ"
              "เดียวก่อนน่ะ งั้นเสียงระเบิดที่ฉันได้ยินถี่ๆกันกลางอากาศและมีบางอย่างหลุดออกมาจากวัตถุที่ร่วงลงมานั้น เป็นฝีมือของพวกคุณเลยหรือคะ" เมดิน่าถาม
              สเปียริทพยักหน้า "และเราแลนดิ้งห่างไกลจากสถาบันอย่างมาก เราเลยต้องเดินจากจุดตกมาตลอด 3 ชั่วโมงเต็มๆ จนกระทั่งมาเจอกับพวกเธอ 2 คนและหนูแมบิลีนกันนี้แหละ"
              "สุดยอด นั้นไม่แปลกใจเลยที่พวกคุณเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ตามที่รุ่นพี่เบย์แทนด์และหนูแมบิลีนเล่าไว้กันน่ะ" ฟูลออเรสกล่าวอย่างทึ่งๆ
              เมดิน่าเลยตัดบทโดยเร็ว "แล้วตอนนี้ จานบินของฝ่ายรุกรานนั้น มันระเบิดกันกลางอากาศและแหลกเป็นชิ้นๆหรือเปล่าละคะ"
              "ความเป็นไปได้ 65 เปอร์เซนต์ จานบินของฝ่ายศัตรูยังคงเหลือซากเอาไว้กันอยู่ ซึ่งนั้นหมายถึงพวกเดลอาเนี่ยนต้องแล่นลงมาเก็บแน่นอนนะคะ" แอมเบอร์กล่าว
              เมดิน่าได้เห็นก็ทึ่งไปด้วย "ว้าว นี้คุณมีโฮโลแกรมเอไอด้วยหรือคะเนี้ย แจ่มเลยคะ ว่าแต่ พวกคุณสร้างมันเองหรือคะ"
              "ลิเนียร์ตี้ซื้อมาจากโชว์ห่วยมือสองในราคา 3 หมื่นแกลดอลกันนะสิ" สเปียริทกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "แต่ความสามารถที่แอมเบอร์มีอยู่นั้น บอกตรงๆน่ะ ว่าราคา 3 หมื่นมันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ นั้นเป็นเรื่องที่ฉันเองยังแปลกใจอยู่ด้วยน่ะ"
              "ว่าแต่ คุณน้าเจเนล คุณลุงจายด์และพี่จิล รวมถึงพวกคุณน้าบรอน ไม่ได้มาด้วยหรือคะ" แมบิลีนถาม
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ตอนนี้พวกเขายังอยู่ที่เฟิร์สฮิลล์กันนี้แหละ เพราะมีแต่พวกเราเท่านั้นที่ถูกลักพาตัวมาน่ะ"
              "และตอนนี้เราต้องรีบไปแจ้งให้คุณวูลลิเซียรับทราบ เพราะเราไม่สามารถใช้ระบบสื่อสารติดต่อไปได้ เนื่องจากเราอยู่ในสภาวะถูกศัตรูรุกรานกันอยู่น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              แอบไบออสบอก "และการที่พวกเธอไม่ได้รับการแจ้งติดต่อเข้ามาในช่วงหลังสองทุ่มนั้น คงเพราะคุณวูลลิเซียและพวกริดีวิเนี่ยนไม่ยอมให้ถูกฝ่ายตรงข้ามเจอข่ายสัญญาณสื่อสารและรู้ถึงตำแหน่งนี้ ซึ่งตอนนี้พวกเราเผลอทำให้พวกศัตรูรู้ตำแหน่งผ่านจานบินที่ร่วงตกลงมาแน่นอนน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น เราต้องรีบกลับไปโดยด่วนเลยนะครับ แม้ไม่รู้ว่าที่สถาบันจะเป็นเช่นไรบ้างน่ะ" ฟูลออเรสบอก
              พีวิลบอก "คงต้องซิ่งกันสักหน่อยแล้วละ เพราะพวกมันคงจะส่งหุ่นสำรวจลงมาตรวจเช็คหาซากยานกันก็เป็นได้น่ะ"
              "เผลอๆ มันอาจจะสแกนพื้นที่จนรู้ถึงตำแหน่งของสถาบันก็เป็นได้ แม้ว่าพวกมันจะลงมาก่อนหรือไม่ก็ตาม เราต้องรีบไปกันดีกว่า" พลัสเชอริทบอก แล้วพวกพีวิลก็ควบรถตรงมาจนถึงถนนใหญ่ และเหยียบคันเร่งอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่ทันไรก็... "ตื้ดๆๆๆๆ" มีสัญญาณแจ้งเตือนที่มอนิเตอร์จนพลัสเชอริทอ่านดู "เออ พวกนายหาที่เกาะไว้แน่นๆหน่อยน่ะ เพราะมีมาตราการฉุกเฉินอย่างด่วนที่สุดกันน่ะ" พีวิลได้ฟังก็รัดเข็มขัดกันไว้ สเปียริทเอามือจับราวติดผนังรถ เช่นเดียวกับลิเนียร์ตี้และแอนเดรียที่นั่งใกล้ๆกันก็จับตรงราวที่อยู่บนเบาะพิงหลัง เนคมาดูซัมและมาสวาร์ทาร์รีบคล้องแขนไว้ตรงหลังเก้าอี้ แอบไบออสและคลอเวฟรีบจับราวตรงผนังไว้
              "มาตราการฉุกเฉินอย่างด่วนที่สุดนะหรือ" เมดิน่ากล่าว แมบิลีนเลยหยิบเข็มขัดนิรภัยมาใส่ไว้
              ฟูลออเรสบอก "เดียวสิ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าคุณป้าวูลลิเซีย...." และยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจบนั้น รถสำรวจที่แล่นบนถนนใหญ่ก็ "ครืดดดดดดด" เจอกับถนนที่เลื่อนเอียงลงไปข้างใต้พื้นถนนอย่างรวดเร็ว พีวิลควบรถแล่นลงไปโดยทันที ส่วนพื้นถนนที่เลื่อนลงไปนั้น "ครืดดดดดดด" ก็เลื่อนกลับขึ้นไปตามเดิม โดยที่รถสำรวจนั้น "แอ็ดดด แกร็กกก" ล้อทั้งสี่ล้อโตๆก็ถูกตัวล็อกยึดติดกับเครื่องยนต์ที่อยู่ข้างใต้ ซึ่งก็... "งึงๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟ้าววววววว" เคลื่อนตัวผ่านอุโมงค์ไปอย่างรวดเร็ว "เหวอออออ อ้า!!!!!!!!" ฟูลออเรสและเมดิน่าเลยร้องลั่นตลอดทางไปด้วย "ฟ้าววววววววววว" จนกระทั่งรถสำรวจที่ถูกพามาด้วยความเร็วสูงนั้น "ครืดดดดด วือๆๆๆๆๆๆๆ" ผ่านเข้าประตูที่เปิดออกและหยุดลงตรงปลายทาง ซึ่งเป็นโถงใต้ดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง โดยที่มีรถสำรวจแบบเดียวกันถูกพามาแบบเดียวกับพวกพีวิลกันแล้ว
              "พวกเธอน่าจะรู้กันได้แล้วน่ะ แม้จะมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ คุณวูลลิเซียก็คิดค้นกลไกแปลกๆออกมากันอยู่เป็นเนื่องๆ รวมถึงไอเดียอุโมงค์ขนส่งด้วยความเร็วสูงอันนี้ด้วยน่ะ" แอนเดรียบอก
              เมดิน่าบอก "แต่ไม่คิดเลยว่าอุโมงค์นี้จะเอามาติดอยู่ใต้ถนนสายหลักไปเสียได้กันน่ะ ทั้งๆที่ มันน่าจะสร้างแล้วเสร็จในอีก 2 เดือนกันน่ะ"
              "แต่บอกตรงๆน่ะ ว่าพวกเธอสองคนทำเราหูหนวกตลอดทางเลยน่ะ" คลอเวฟบ่น พร้อมกับเดินลงจากรถสำรวจไป หลังจากที่พีวิลและพลัสเชอริทลงมาจากรถกันแล้ว
              แมบิลีนบอก "ว่าแต่ เราเล่นแบบนี้อีกรอบได้มั้ยละคะ"
              "พอได้แล้วละจ๊ะ แมบิลีน นี้ไม่ใช่เครื่องเล่นในสวนสนุกกันนะจ๊ะ" แอนเดรียบอก
              สเปียริทกล่าว "และทริปนี้คงเป็นทริปไปแล้วไม่กลับมากันนี้แหละ ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเรากลุ่มเดียวแล้วที่โดนกันน่ะ"

              "โอ้ว ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะโดนพาตัวออกนอกดาวของเราไปเสียอีกกันน่า" วูลลิเซีย เกรซโวลด์ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์กล่าว พร้อมกับเดินมาหา แมบิลีนวิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจมากๆ
              "ป้าวูลลี่ เครื่องเล่นของป้าดูสนุกมากเลยนะคะ"
              "ดูเหมือนว่าหนูจะทำให้ทุกๆคนเป็นห่วงกันมากเลยนะ แมบิลีน" วูลลิเซียลูบหัวแมบิลีนอย่างเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นและพูดกับฟูลออเรสและเมดิน่าไปว่า "ฉันนึกแล้วว่า แมบิลีนคงจะแอบมาอยู่ในรถสำรวจของพวกเธอกันสิน่ะ"
              เมดิน่าบอก "ก็เราไม่รู้นิคะ ว่าหนูแมบิลีนแอบขึ้นมาและไปหลบอยู่ใต้โต๊ะกันนะคะ แต่อย่างน้อย หนูกับฟูลออเรสก็ช่วยดูไม่ให้หนูแมบิลีนออกไปไหนไกลนะคะ"
              "นั้นก็ดีแล้วล่ะ แม้ว่าพวกเธอสองคนจะเป็นลูกมือของฉันในโปรเจคสุดยอดกันก็ตาม และคงจะได้รู้จักกับสมาชิกกองรบเวเซอร์ที่เบย์แทนด์ช่วยเหลือกันมาก่อนแล้วสิน่ะ" วูลลิเซียกล่าว
              ฟูลออเรสบอก "ครับ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณคลอเวฟจะหงุดหงิดและอารมณ์เสียง่ายกว่าที่คิดเสียอีกนะครับ"
              "ที่ฉันอารมณ์เสีย เพราะเธอปากดีก่อนทำไมละ" คลอเวฟบ่น
              เนคมาดูซัมเลยตัดบทด้วยการถามไปว่า "คุณวูลลิเซีย คุณทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกันแล้วสินะครับ"
              "ฉันทราบมานานแล้ว และเป็นกังวลกันอย่างมาก เพราะหน่วยรบที่ผบ.บัลโต้ส่งมาอยู่ที่นี้นั้น แจ้งกับทางเราให้รีบมารวมพลกันที่นี้ ใครที่ออกนอกรัศมีให้รีบเรียกตัวกลับมาโดยเร็ว ซึ่งฉันได้เรียกทุกๆคนด้วยอุโมงค์ความเร็วสูงกันไว้ได้เป็นส่วนมากกันแล้ว เพื่อมิให้ฝ่ายต่างดาวที่ส่งกองรบมาเล่นงานพวกเธอกับพวกประธานาธิบดี รู้ว่าพวกเราเคลื่อนไหวอะไรกันอยู่ ส่วนพวกที่ไม่สามารถกลับมาได้ ก็ถูกสั่งให้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว รอให้ความช่วยเหลือจากกองทัพที่เหลือรอดจากการจู่โจมในช่วงคืนวานนี้มาถึงเสียก่อนน่ะ" วูลลิเซียกล่าว     
               แอบไบออสบอก "แต่นั้นก็ทำให้พวกเขาตกเป็นเป้านิ่งได้ง่ายเลยนะ รัฐมนตรีวูลลิเซีย ยิ่งในตอนนี้พวกเดลอาเนี่ยนอาจจะส่งหน่วยสอดแนมลงมาตรวจสอบพื้นที่ที่พวกมันยังไม่ได้เข้าถึงกันเลยน่ะ"
              "ฉันก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีนี้แหละ เพราะ การจู่โจมของฝ่ายศัตรูนั้น มีไว้เพื่อตัดช่องทางหนีและการส่งกำลังมาช่วยเหลือพวกเราที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากกันอยู่ ยิ่งในเวลานี้ ทางสถาบันเองก็มีของดีอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่เรื่องดีเข้าไปใหญ่กันน่ะ" วูลลิเซียบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "งั้น คุณอนุญาตให้พวกเรานำโมบิลลอยด์ออกมาใช้กันได้มั้ยละครับ"
              "ไม่ได้น่ะ ถ้าพวกเดลอาเนี่ยนรู้ว่า เรามีโมบิลลอยด์สู้รบของพวกเธออยู่ ไม่ว่าจะส่งด้วยวิธีใดก็ตาม พวกนั้นต้องรู้และหาทางบุกจู่โจมกันได้แน่นอน ฉันยอมเสี่ยงให้พวกนั้นรู้ว่าพวกเรามีของดีอยู่ในสถาบัน และพวกเรากำลังสำรวจหาอะไรบางอย่างที่มีค่าอยู่ใต้ทะเลทรายกันไม่ได้เป็นอันขาด" วูลลิเซียแย้ง
              พีวิลถาม "ของดีในสถาบัน และบางอย่างที่มีค่าในทะเลทรายแถบนี้กันนะหรือครับ"
              "สงสัยว่า ฉันคงต้องอธิบายกับพวกเธอกันที่อื่นแล้วละ และเธอสองคนก็ต้องพาแมบิลีนมาด้วย" วูลลิเซียกล่าว
              เมดิน่าถาม "ว่าแต่ รุ่นพี่อีธานและรุ่นพี่เอโอลีนละคะ"
              "คุณป้าคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ยังไม่กลับมากันหรือคะ" แมบิลีนบอก
              วูลลิเซียส่ายหน้า "ขอโทษด้วยนะ แมบิลีน ที่คุณพ่อคุณแม่ของหนูยังออกจากโซนนั้นไม่ได้นะจ๊ะ" แล้วก็เงยหน้าพร้อมกับบอกว่า "เรารีบเข้าประเด็นหลักก่อนเลยดีกว่า ทุกวินาทีมีค่าต้องรีบใช้กันเสียก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสกันเลยน่ะ"
              "งั้นเชิญเลยครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วทั้งหมดมาอยู่ที่ห้องประชุมในสถาบัน

              วูลลิเซียกล่าว "ก่อนอื่นเลยน่ะ เมื่อวานตอนช่วงเช้านั้น มาดามเจมมิส ที่ปรึกษาของแม่ทัพดีสโทนอฟของพวกเพโทรน็อกซ์ ได้ส่งคอนเทนเนอร์รหัส X 2 กล่องใหญ่ๆเข้ามาที่สถาบัน โดยมาดามเจมมิสได้ขอร้องให้ทางเราเป็นผู้รับสินค้าเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อให้ทางเรารับมาวิจัยและเก็บข้อมูลสำคัญๆเอาไว้กันนี้แหละ"
              "มาดามเจมมิสคงไม่ได้แฝงอะไรที่เป็นอันตรายต่อสถาบันนี้เลยละสิ" สเปียริทถาม
              วูลลิเซียบอก "ทางนั้นบอกว่า มันไม่มีอันตรายกันอยู่แล้ว แต่ฉัน และทางกองทัพเองก็ยังวางใจไม่ได้ ประธานาธิบดีเลยสั่งให้ผบ.บัลโต้ส่งหน่วยคุ้มกันหน่วยหนึ่งให้มานำกระสวยอวกาศบรรทุกคอนเทนเนอร์รหัส X สองอันมาไว้ที่สถาบันตั้งแต่ตอนบ่ายสามโมง แล้วเอาไปเก็บไว้ในเซคเตอร์แซด เพื่อเตรียมการเปิดดูสินค้าที่อยู่ข้างในกันไว้ แม้ฉันจะรู้ว่าคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่ขนสินค้าที่มาดามเจมมิสส่งมา มันใช้ขนอะไรมาก่อนก็ตามน่ะ"
              "แล้วป้าคิดว่า มาดามเจมมิสขนอะไรมากันละ" คลอเวฟถาม
              วูลลิเซียกล่าว "พวกเธอก็น่าจะเดากันได้อยู่แล้วนิ ว่าถ้าไม่ใช่ระเบิดผลึกมฤตยู ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามไม่ให้ขนส่งเข้ามาหรือออกนอกดาวกัน คอนเทนเนอร์ที่ใหญ่แบบนั้น 2 อัน คงจะทำให้ฟูลออเรสไม่เป็นอันทำอะไรกันได้พอดีนะสิ"
              "ต่อให้ไม่เดา หนูก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรอยู่ในสินค้ารหัส X นั้นนะคะ" เมดิน่าบอก
              แอนเดรียถาม "ว่าแต่ บางอย่างที่มีค่าในทะเลทรายนั้น มันคืออะไรกันละคะ"
              "นี้แหละคือปัญหาหัวแตกที่เรากำลังประสบกันในเวลานี้ และเป็นอีกเหตุผลที่ผบ.บัลโต้ส่งหน่วยพิเศษมาทั้งหน่วยประจำการอยู่ที่นี้กันน่ะ" วูลลิเซียกล่าว และเปิดภาพไซต์งานกลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง "ในระหว่างที่ทีมพัฒนาพื้นที่สร้างเขตโอเอซีสโซนขนาดใหญ่ในพื้นที่รหัส 67 กันนั้น ทีมขุดเจาะได้ค้นพบบังเกอร์ขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ใต้ผืนทรายเข้า ซึ่งจากเดิมที่ต้องพัฒนาพื้นที่โอเอซิส ฉันต้องส่งทีมนักโบราณคดีมาตรวจสอบแทน โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนขึ้นมา จนทีมวิจัยค้นพบบางอย่างที่น่าตกใจกันไม่น้อยเลยละ"
              พีวิลกล่าว "แล้วทีมวิจัยค้นพบอะไรกันละครับ"

              "มันเป็นบังเกอร์ขนาดใหญ่ยักษ์ใต้ดิน ซึ่งทางเราพบว่ามันเป็นบังเกอร์ที่ชนเผ่าต่างดาวโบราณที่เดินทางมาที่ดาวดวงนี้หลายร้อยปีก่อน ได้สร้างขึ้นไว้หลายแห่งตามจุดต่างๆของดาวดวงนี้ บังเกอร์ที่ทีมวิจัยตรวจสอบมานั้น พบว่า มันเป็นบังเกอร์สำหรับ เก็บยานอวกาศลำใหญ่อยู่ข้างในนั้นหนึ่งลำด้วยกัน" วูลลิเซียกล่าว
              คลอเวฟบอก "ยะ ยานอวกาศนะหรือ ป้า นี้แปลว่า ป้ากับพวกค้นพบยานรบของพวกต่างดาวอย่างงั้นนะหรือ"
              "เออ คือ ทางทีมวิจัยพึ่งจะสำรวจภายในตัวยานกันอยู่ และได้ขนเอาวัตถุโบราณต่างๆที่อยู่ในยานเอาไว้เพื่อเตรียมขนกลับมาที่สถาบันวิจัยในเช้าวันนี้ แต่เหตุร้ายเกิดขึ้นเสียก่อน ทางเราเลยต้องแจ้งให้ทีมวิจัยที่อยู่ในไซท์งานใหญ่สแตนด์บายเอาไว้เพื่อรอความช่วยเหลือ ซึ่ง กองรบที่ผบ.บัลโต้ส่งมานั้น ไม่พอที่จะคุ้มกันได้สองที่ในเวลาเดียวกันเลยน่ะ" วูลลิเซียบอก
              พีวิลกล่าว "ว่าแต่ ช่วยติดต่อหัวหน้าหน่วยที่อยู่ที่นี้ให้ได้มั้ยละครับ"
              "อืมมม" วูลลิเซียเลยต่อสายเข้าไปยังทหารแมนิเกเตอร์ของบัลโต้.... "โว้ว กองรบเวเซอร์ นึกว่าพวกคุณจะถูกต่างดาวจับไปเสียอีกน่ะ" หัวหน้ากองกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่อย่างน้อยพวกเราก็เอาตัวรอดกันได้แล้วละ ว่าแต่ สถานะหน่วยรบของคุณในตอนนี้ล่ะ"
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าพวกเราอยากได้กำลังเสริมเยอะๆกันแล้วละ พันโทมาสวาร์ทาร์ เพราะกองรบของเรานั้น มีการ์เซนท์มาร์คทูติดเทอโบเจ็ท 10 เครื่อง ติดฐานออฟโรด 4 ล้อ 12 เครื่อง ฟาลครีด้า 20 เครื่อง เซนครีท 15 เครื่อง อาร์ซโทรนเอลเวนท์ไดน์ 12 เครื่อง และแอชเกรย์ไดน์ 12 เครื่อง คงไม่พอสำหรับการแบ่งกำลังออกไปช่วยคุ้มกันไซท์งานแน่นอนนะครับ" หัวหน้ากองบอก โดยนำภาพโมบิลลอยด์ของทีมคุ้มกันสินค้าและสถาบันริดีวิแนนท์กันแล้ว
              คลอเวฟบอก "จำนวนเท่ากับที่พวกบริคซ์ใช้กันอยู่นั้น รับมือพวกเดลอาเนี่ยนไม่อยู่หรอก"
              "แล้วพวกคุณมีเครื่องกระสุนแบ่งให้พวกเราได้หรือเปล่าละครับ" พีวิลถาม
              หัวหน้ากองกล่าว "เรายังพอมีเสบียงกระสุนปืนกันบ้างนะครับ ร้อยเอกพีวิล ถ้ากองทัพไม่ปลดประจำการเมทัลแล็คซ์ละก็ เราคงได้ถล่มกองรบของพวกเดลอาเนี่ยนกันไปนานแล้วละครับ"
              "แต่อย่างน้อย ข้อมูลระบบอาวุธของเมทัลแล็กซ์ก็ใช้ติดตั้งให้กับการ์เซนท์มาร์คทูแบบสองขากันบ้างละน่ะ" วูลลิเซียบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "งั้นทางพวกคุณเตรียมอาวุธสำหรับภาคพื้นและภาคอากาศ รวมถึงเซตกับดักรับมือกับศัตรูที่ดำดินมาด้วย ถ้ายานภาคพื้นของพวกมันดำลงใต้ทรายได้น่ะ"
              "พวกเราใช้เวลาทั้งคืนในการเซตกับดักกันไว้แล้วละ พันเอกเนคเกอร์ มาสซั่ม แม้พวกเราจะโชคดีที่พวกเดลอาเนี่ยนยังไม่ส่งกองรบมาโจมตีเขตชุมชนหรือเขตเมืองรองลงมากันก็ตามน่ะ" หัวหน้ากองบอก ตอนนี้เนคมาดูซัมเลื่อนขั้นแล้ว
              แอบไบออสบอก "แต่คราวนี้และคราวต่อไป พวกมันทำอย่างงั้นจริงๆแล้วละ หัวหน้ากอง ถ้าพวกมันกล้าแม้กระทั่งบุกโจมตีเมืองหลวงและเฟิร์สฮิลล์ได้ เมืองและหมู่บ้านที่เหลือต้องเป็นเป้าหมายต่อไปแน่นอน"
              "แล้วพวกคุณจะมาช่วยพวกเราคุ้มกันสถาบันนี้หรือเปล่าละครับ" หัวหน้ากองถาม
              พีวิลบอก "คือว่า พวกเราจะรีบไปที่ไซท์งานวิจัยใต้ดินกันน่ะ เพราะเรากลัวว่าพวกศัตรูอาจจะบุกมาถล่มบังเกอร์นั้นไว้นะครับ"
              "ใช่ เพราะที่นั้นไม่เพียงมีทีมนักโบราณคดีอยู่ในนั้นหลายคน แต่รวมถึงอีธานและเอโอลีนด้วยน่ะ" วูลลิเซียกล่าว
              หัวหน้ากองบอก "งั้นหรือ อืมมมม ผมหวังว่างานนี้พวกคุณคงจะ...." ไม่ทันไรก็ "ตรุ้งงงง" มีเสียงดังออกมาจากข้างนอก "ครืนๆๆๆๆๆ" ซึ่งมาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนเข้ามายังสถาบันด้วย ซึ่งแมบิลีนรีบกอดเมดิน่าเอาไว้แน่นๆ
              "ข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นกันวะ" คลอเวฟโวยลั่น โดยในตอนนี้หน้าจอเกิดสัญญาณขัดข้องในระดับหนึ่ง แล้วกลับสู่สภาพปกติ
              หัวหน้ากองกล่าว "พวกคุณปลอดภัยกันดีใช่มั้ยละ"
              "พวกเราปลอดภัยกันดีแล้วคะ ว่าแต่ ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นละคะ" วูลลิเซียถาม
              หัวหน้ากองบอก "พวกคุณคงไม่เชื่อกันหรอกนะครับ" โดยนำกล้องมาจับภาพของ.... หุ่นจักรกลทรงมนุษย์ขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฎตัวในระยะห่างจากสถาบันไปไกลอย่างมาก จนพวกเวเซอร์ได้เห็นก็ถึงกับตกใจไม่น้อย
              "แม่ม ไอ้พวกเดลอาเนี่ยน มันกะไม่ให้เรารอดไปได้เลยหรือวะ" คลอเวฟสบถ
              พีวิลบอก "สงสัยว่า เราต้องรีบไปที่ไซท์งานเพื่อพาทุกคนออกมากันโดยด่วนแล้วละ" แล้วก็แจ้งให้ "หัวหน้ากอง พอมีชุดกระสุนเหลือให้พวกเราใช้ต่อได้มั้ยละครับ"
              "พวกคุณคงไม่คิดเอาไปยิงไอ้ตัวบิ้กเบิ้มกันหรอกน่ะ" หัวหน้ากองกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "เราต้องการกระสุนปืนเอาไว้สอยพวกทหารที่ถูกส่งมาดูลาดเลาพื้นที่แถบนี้ พร้อมกับอาวุธหนักบางชิ้นกันไว้ด้วย ส่วนเรื่องหุ่นขนาดยักษ์นั้น พวกคุณหาทางป้องกันไปก่อน แล้วรอให้พวกเรากลับมากันดีกว่าน่ะ" หัวหน้ากองพยักหน้า

              "แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก" พวกพีวิลเซตกระสุนและเช็คอาวุธเอาไว้กันหมดแล้ว แมบิลีนกล่าว "พวกคุณลุงคุณป้าช่วยพาคุณพ่อกับคุณแม่กลับมาอย่างปลอดภัยกันนะคะ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "จ้า พวกพี่จะพาคุณพ่อและคุณแม่ของหนู รวมถึงทุกๆคนกลับมาด้วยนะจ๊ะ หนูแมบิลีน"
              "ว่าแต่ เราใช้รถสำรวจนี้ไปรับคนได้มั้ยละ" คลอเวฟบอก
              วูลลิเซียส่ายหน้า "ไม่ได้หรอก ทีมวิจัยจำนวน 50 ตนไม่มีทางยัดเข้าไปในรถสำรวจที่รับได้มากถึง 10 คนกันหรอกน่ะ" และแนะนำให้ "อีกอย่าง พวกเขายังไม่ได้ขนส่งวัตถุโบราณกลับมากันด้วยแล้ว ฉันแนะนำให้ใช้โฟร์ทโบ๊ทนี้ไปรับเองดีกว่า"
              "แล้วไม่มีการปรับจูนให้เร่งความเร็วได้เลยหรือ" แอบไบออสถาม
              วูลลิเซียบอก "สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ พวกเธอควรเลี่ยงการปะทะกันให้ได้มากที่สุดก่อน เพราะจากขนาดหุ่นที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมามีขนาดเท่าโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสกันนั้น พวกนั้นคงจะเห็นพวกเธอจากระยะไกลได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ฉันแนะนำให้พวกเธอมุ่งหน้าไปที่ไซท์งานนั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้กันน่ะ"
              "แต่ ถ้าเราจะมุ่งหน้าจากสถาบันไปยังไซท์งาน จำเป็นต้องพึ่งโฮปไบค์กันน่ะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              หัวหน้ากองบอก "ไม่ต้องห่วงครับ เพราะพวกเราก็มีด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่าเราลาดตระเวนบนทะเลทราย ซึ่งกว้างใหญ่แบบนี้ เราจำต้องใช้ความเร็วกันนะครับ" แล้วทหารก็นำโฮปไบค์มาสามคันด้วยกัน
              "เยี่ยม เวลามีค่า งั้นพวกเราไปก่อนแล้วกันน่ะ" พีวิลกล่าว แล้วก็ขึ้นขี่โฮฟ์ไบค์พร้อมกับสตาร์ทให้เครื่องลอยเหนือพื้นโดยเร็ว สเปียริทจึงโดดขึ้นซ้อนท้ายไปด้วย ต่อมามาสวาร์ทาร์กับแอนเดรีย และเนคมาดูซัมกับลิเนียร์ตี้ ส่วนโฟร์ทโบทนั้น พลัสเชอริทขับ ส่วนแอบไบออสและคลอเวฟคอยระวังภัยจากด้านบน
              ฟูลออเรสบอก "โว้ว นี้คุณพีวิลขี่ไบค์ลอยได้คล้องถึงขนาดนี้เลยหรือ"
              "เธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าพีวิลนอกจากจะขับรถเก่งแล้ว เวลาเขาขี่มอเตอร์ไซด์หรือโฮเวอร์ไบค์ ก็คือเวลาวาดลวดลายของยอดนักซิ่งมือเพลิงสีน้ำเงินที่เก่งกาจมากที่สุดในกองรบเวเซอร์กันน่ะ" วูลลิเซียบอก
              เมดิน่ากล่าว "จริงหรือคะ แต่ดูแล้ว คุณพีวิลไม่น่าเป็นพวกขาแว้นซ่ากันได้เลยนิคะ"  
              "คุณวูลลิเซีย พวกเราจะรีบไปรีบมากันนะครับ" พีวิลกล่าว
              วูลลิเซียบอก "งั้น ขอให้พวกเธอโชคดีแล้วกันน่ะ" แล้วพวกพีวิลก็เคลื่อนตัวออกจากสถาบันไปโดยเร็ว ส่วนวูลลิเซียรีบพาฟูลออเรส เมดิน่าและแมบิลีนเข้าไปในตัวสถาบันโดยเร็ว

              ตัดมาทางด้านพวกเดลอาเนี่ยนกันบ้าง ในตอนนี้....
              "ถึงที่ปรึกษาโดซอนและแม่ทัพบูเรนนอฟ ตอนนี้พวกเราได้เก็บกู้ซากจานบินกันไว้แล้ว แต่....เราต้องแสดงความเสียใจต่อ...." ทหารเดลอาเนี่ยนกล่าว
              เกรเทคซ์บอก "....การเสียชีวิตของพวกเขาย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่ออยู่ในสนามรบกันน่ะ ว่าแต่ กล่องดำล่ะ"
              "เราเก็บกู้มาแล้วละครับ หากแต่...มันได้รับความเสียหายจากภายใน แถมยังโดนแรงระเบิดจากเตาพลังงานที่ไม่เสถียรในระหว่างเข้าชั้นบรรยากาศกันด้วยแล้ว คงยากที่จะกู้ข้อมูลในนั้นได้นะครับ" ทหารเดลอาเนี่ยนบอก
              โดซอนกล่าว "งั้นก็รีบนำกลับมาเลยแล้วกัน ว่าแต่ มีอะไรที่บ่งชี้ได้ถึงซากของเชลยที่จับมาได้หรือยัง"
              "เกรงว่า พวกมันจะหนีไปได้แล้ว เพราะเราไม่เห็นร่องรอยชิ้นส่วนของพวกมันหลุดมาบนซากยานเลยนะครับ" ทหารกล่าว
              ไม่ทันไรก็ได้รับการติดต่อจาก "นี้คือหน่วยที่ 55 ตอนนี้ เราเจอชิ้นส่วนหลังคายานที่ปลิวตกอยู่ห่างจากจุดร่วงของยานบินกันแล้วละครับ เศษชิ้นส่วนนั้น มีร่องรอยการทิ้มทะลุจากภายใน และมีการเจาะช่องเพื่อทำให้หลังคายานหลุดออกมากันนะครับ"
              "นั้นเป็นยุทธวิธีเอาตัวรอดที่ อันตรายมากและสิ้นคิดกันด้วย มีแต่คนไม่ฉลาดเท่านั้นที่จะคิดออกกันได้น่ะ" โดซอนบอก
              เกรเทคซ์กล่าว "แต่การที่ยานลำนี้ร่วงลงมา และไม่มีร่องรอยของพวกเชลยเวเซอร์นั้น ก็มากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า พวกนี้หนีเอาตัวรอดไปได้แล้วละ"
              "พวกเจ้ารีบกลับมาที่ยานแม่พร้อมกับวัตถุเก็บกู้ที่พอเก็บรวบรวมมาได้แล้วกัน" บูเรนนอฟกล่าว แล้วก็ติดต่อไปยังทหารเดลอาเนี่ยนในห้องควบคุมบางอย่าง "ผู้การ การสร้างฐานด้วยคอมแมนด์ไทแทน เป็นยังไงบ้างละ" บูเรนนอฟถาม
              ทหารคนนั้นบอก "ตอนนี้ผมได้สร้างลานผลิตวอร์แมชชีน พร้อมกับฐานทัพขั้นต้นไปแล้ว และได้เรียกกำลังทหารจากระบบดาวในเขตของเราออกมาเพื่อสำรวจพื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้กันนะครับ"
              "ดีแล้วละ ฉันขอสั่งการให้เจ้า ส่งกำลังออกตามล่าพวกเวเซอร์ที่คาดว่าจะหลบหนีอยู่ในเขตทะเลทรายแห่งนี้ แล้วก็สำรวจหาที่ตั้งของพวกแมนิเกเตอร์ที่ยังไม่ได้ตรวจพบกันไว้ด้วย และอย่าพึ่งลงมือโจมตีกันเป็นอันขาด" บูเรนนอฟบอก
              ทหารกล่าว "ถ้าเป็นเรื่องตามล่าพวกเวเซอร์ ผมได้ส่งกองทหารไปสำรวจในพื้นที่กันแล้วละครับ แล้วก็...." ไม่ทันไรก็มีเสียงดัง "ตื้ดๆๆๆๆ" ทหารตนนั้นมองดูมอนิเตอร์ที่อยู่ข้างซ้าย "เรดาห์ตรวจจับปฏิกิริยาพลังงานใต้พิภพจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากฐานของพวกเราไปพอสมควรกันนะครับ"
              "ปฏิกิริยาพลังงานใต้พิภพนะหรือ เป็นผลงานของพวกแมนิเกเตอร์กันหรือเปล่าละ" โดซอนถาม
              ทหารบอก "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ ตอนนี้ ลานผลิตวอร์แมชชีนภาคอากาศก็สร้างเสร็จแล้ว ผมจะจัดการส่งมันไปเช็คดูกันเดียวนี้เลยนะครับ"
              "ขอให้เจ้าโชคดี นำชัยชนะมาให้มหาจักรวรรดิ์ของพวกเราแล้วกัน" บูเรนนอฟกล่าว
              ทหารกล่าว "เดลอาเนี่ยนจงเจริญ" โดยตอนนี้ ทหารผู้นั้น ได้อยู่ในส่วนหัวของหุ่นรบขนาดใหญ่ที่อยู่กลางฐานทัพ ซึ่งมีลานสร้างจักรกลสงครามเรียงรายกัน โดยที่ลานนั้น "แชดดดด แชดดดดด แชดดดด" ยิงลำแสงอนุภาคสร้างโครงร่าง ตัวเกราะ เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ และตัวอาวุธกันอย่างช้าๆ ซึ่งในตัวอาคารบางแห่งนั้น "แว้งงงง แว้งงงงง แว้งงงง" มีเหล่าทหารวิ่งออกมาจากตัวอาคารเหล่านั้น และมาจากโครงประตูเหล็กที่อยู่ข้างนอกกันด้วย ซึ่งในตอนนี้ พาหนะสงครามอย่างรถเกราะโฮเวอร์คราฟขนส่งกำลังพล และยานบินได้เรียงรายกันไว้แล้ว

              ตัดกลับมาที่แมนิเกรโปลิส ที่ทำเนียบเงิน
              "ท่านประธานาธิบดี นึกว่าจะไม่รอดเสียอีกนะ" บัลโต้กล่าวโดยนั่งรถจี้บแล่นเข้ามา ซึ่งในตอนนี้ แอร์ไพล์มมิส แคร์เรี่ยนรวมถึงเหล่านักรบครีซีแทน ได้ขนย้ายศพของทหารเดลอาเนี่ยน ทั้งพวกเมคครอฟิค แมทเฟลิม และเหล่าทหารเดลอาเนี่ยนที่ล้มตายกันไม่น้อย รวมถึงพวกอัลแทเรี่ยนและเทรโอเซี่ยมที่อยู่ในห้องทำงานด้วย โคเคสที่ได้พยาบาลมาดูแลบาดแผลเลยลุกขึ้น     
              "ขอบใจนายมากเลยน่ะ บัลโต้ ที่ส่งทีมครีซีแทนมาช่วยคุ้มกันและสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้น่ะ" แล้วก็ถาม "สถานะการณ์เป็นยังไงบ้าง"
              "ฐานทัพของพวกเรา 8 ใน 10 เกือบไม่รอดกันแล้วน่ะ ตอนนี้ จอมพลแฮซกริฟได้สั่งการให้เหล่าทหารที่สามารถปฏิบัติการณ์ต่อได้นั้น รีบเข้าสนับสนุนและคุ้มกันพลเมืองกันโดยเร็ว พร้อมกับเสริมฟื้นฟูกำลังรบที่เสียไปกันด้วยน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสถาม "แล้วฝั่งตรงข้ามเรา เสียหายมากแค่ไหนละ"
              "บริคซ์ติดต่อมาด้วยรหัสมอส บอกว่า ตอนนี้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากนักรบควอเดี่ยมที่อยู่ในเขตป่าเขาใกล้กับตัวชุมชน บริคซ์และลูกทีมเกือบเอาตัวไม่รอด พวกเวเซอร์เหลือเพียงเจเนไซด์ทีมและพวกบรอนเซอรูทกันน่ะ" บัลโต้กล่าว
              โคเคสบอก "แล้วพีวิล มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัมและพวกที่เหลือกันละ"
              "พวกนั้นถูกพวกเดลอาเนี่ยนทำให้ชะงักและถูกจานบินจับตัวไป ล่าสุด เห็นว่าตอนนี้ทำให้จานบินร่วงไปอยู่ที่เวลแซนดร้ากันแล้วละ" บัลโต้บอก
              โคเคสถอนใจอย่างโล่งอก "นั้นก็ดีแล้วละ พวกเขาเอาตัวรอดได้แบบนี้ เรายังพอมีหวังไปบ้าง" แล้วก็สั่งการให้ "นายรีบแจ้งให้กองรบของเดลิคและโซเฟียทมาช่วยคุ้มกันเมืองนี้และเฟิร์สฮิลล์กันได้เลย พร้อมกับข้าวปลาอาหารยารักษาโรคสำหรับชาวเมืองกันไว้น่ะ"
              "ฉันได้สั่งเอาไว้แล้วละ" บัลโต้ชี้ขึ้นฟ้า ซึ่งตอนนี้ ยานเฮอซีคของโซเฟียท มอร์แลน กับกองยานเฮฟไดซ์ของเธอเคลื่อนตัวเข้ามา และลงจอดด้านหน้าทำเนียบเงินกันไว้แล้ว
              โคเคสบอก "หวังว่าพวกพีวิลจะเป็นยังไงกันบ้างน่า"
              "ตี้ดๆๆๆๆ" ไม่ทันไร มือถือของบัลโต้ก็มีเสียงดังเป็นจังหวะ บัลโต้เลยเปิดดูก็ต้องตกใจ เลยเอาข้อความให้โคเคสดู ก็รู้สึกตกใจตาม แอร์ไพล์มมิสที่เดินมาก็เห็นเข้า เลยรีบไปถาม "เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ท่านประธานาธิบดี ท่านผบสส."
              บัลโต้กล่าว "บริคซ์ส่งเมซเซจเข้ามา ว่าอยู่ๆก็มีเสียงตรุ้งดังมาจากทิศตะวันออกไกล คนของรัคชูมี่เลยสังเกตุจากระยะห่างดู ปรากฎว่า ที่ทะเลทราย มีร่างจักรกลขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฎขึ้นมากันแล้วนะสิ"
              "จักรกลขนาดใหญ่นะหรือ แล้วใหญ่แค่ไหนละครับ" แอร์ไพล์มมิสบอก
              บัลโต้กล่าว "ระยะของมันอยู่ไกลเอามากๆ เลยคาดเดาไม่ได้ว่ามันสูงเท่าไหร่กันนะสิ แต่การที่มันโผล่มานี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆเลยละ"
              "พวกเธอรีบแจ้งให้กองรบที่เหลือรอดอยู่ ส่งกองยานที่ยังใช้ได้ไปเช็คดูที่เวลแซนดร้ากันเดียวนี้เลย" โคเคสสั่งการ แอร์ไพล์มมิสพยักหน้า และรีบไปแจ้งให้แคร์เรี่ยนสั่งการอีกต่อหนึ่ง
              โคเคสกล่าว "สงสัยว่า พวกเดลอาเนี่ยนคิดจะเผด็จศึกกันจริงๆแล้วละ" บัลโต้บอก "หวังว่า พวกเวเซอร์คงจะเจอกับวูลลิเซียแล้วรีบนำโมบิลลอยด์ไปช่วยทีมคุ้มกันเพื่อหยุดไอ้จักรกลนั้นโดยเร็วแล้วละ หรือไม่ก็ คงต้องหวังแค่สิ่งที่อยู่ใต้บังเกอร์นั้นแล้วละ"

              ทางด้านพวกพีวิลนั้น พวกเขาได้เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังไซท์งานที่อยู่ห่างออกไปโดยเร็ว
              "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว" โฮฟไบค์สามคันและโฟร์ทโบทหนึ่งคันได้แล่นไปบนพื้นทรายกันอย่างต่อเนื่อง โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ไม่ได้มีพวกเขาแค่พวกเดียวแล้วที่มุ่งหน้าไปยังบังเกอร์ "ฟ้าววววววว" ยานบินสอดแนมของพวกเดลอาเนี่ยนบินผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว "เจริญแล้วละ พวก ไอ้พวกเดลอาเนี่ยนมันกำลังตรงไปยังบังเกอร์แล้ววะ" คลอเวฟบอก
              สเปียริทกล่าว "งั้น ฉันจะสอยมันให้ร่วงเอง"
              "อย่า สเปียริท ถ้าเราสอยยานนี้ร่วงลง นอกจากพวกเดลอาเนี่ยนจะรู้ว่าพวกเรายังอยู่นี้ และรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เผลอๆ พวกมันอาจจะเช็คเส้นทางจากที่พวกเรามาย้อนกลับไปยังสถาบันวิจัยรีดีวิแนนท์ ซึ่งนั้นหมายถึงพวกคุณวูลลิเซียจะต้องเดือดร้อนแน่นอนน่ะ" พีวิลกล่าว
              แอบไบออสบอก "แต่ถึงพวกนั้นไม่สแกนโดยรอบจนเจอ กองรบที่พวกมันส่งมาเพื่อสอดแนมก็ต้องเจอเข้าจนได้ละน่า ร้อยเอก"
              "ภาวนาว่า บาเรียปกป้องสถาบันวิจัยกับกองรบที่ผบ.บัลโต้ส่งมาจะสามารถรับมือการบุกครั้งนี้กันได้บ้างนะคะ" แอนเดรียบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "และหวังว่าพวกเดลอาเนี่ยนคงไม่เจอเรากันเสียก่อนละน่ะ"
              "วือๆๆๆๆ ฟ้าววววววววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว" แต่ยานขนส่งกำลังพลแบบลอยเหนือพื้นของเดลอาเนี่ยนได้พุ่งแซงหน้าพวกพีวิลจากฝั่งซ้ายกันแล้ว คลอเวฟได้เห็นก็สบถ "มาส กูว่าการคาดเดาของมึงทื่อมากแล้ววะ"
              เนคมาดูซัมบอก "ฉันว่า ตอนนี้ พวกเรารีบรับมือกับการบุกดีกว่า เพราะการมาของพวกเราคงไม่ราบรื่นอย่างที่คิดแล้วละ"
              "หัวหน้าครับ เราเห็นพวกเวเซอร์อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วละครับ" ทหารเดลอาเนี่ยนกล่าวกับหัวหน้ากอง ซึ่งซูมภาพจากระยะไกลขึ้นมาให้เห็น
              "หึ ดูท่าว่าพวกนั้นคงจะหาพาหนะมาเพื่อหนีพวกเราแล้วสิน่ะ ลงไปไล่จัดการกับพวกมันเดียวนี้เลย" หัวหน้ากองสั่งการ เหล่าทหารที่อยู่ในยานลำเลียงกำลังพลเลยนำโฮเวอร์ไบค์คันสีขาวลงจากยานแล่นแซงหน้าพวกพีวิลไปอย่างเร็ว เช่นเดียวกับยานลำเลียงบางลำที่เคลื่อนตัวตรงมากันแล้ว
              "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว แชดๆๆๆๆๆ" พวกทหารเดลอาเนี่ยนบนโฮเวอร์ไบค์ระดมยิงปืนแสงจากท้ายรถเข้าใส่พวกพีวิลโดยเร็ว "แว้งงงงงงงง" สเปียริทใช้โฮลด์เซอเคิ้ลเข้าป้องกันลำแสงไว้ ในขณะที่แอนเดรียช่วยป้องกันมาสวาร์ทาร์ด้วยโปรเทคชั่นชิลด์ ส่วนลิเนียร์ตี้ ป้องกันด้วยฟอสการ์ดเอาไว้ แม้จะไม่ช่วยป้องกันลำแสงได้มากนักก็ตาม "ฟ้าวววว ฟ้าวววว" ทหารโฮเวอร์ไบค์กลุ่มหนึ่งเลยแล่นมายังโฟร์ทโบทของพวกคลอเวฟกันอยู่ แต่ "ครืดดดด" ประตูด้านข้างเปิดออก "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ตรูมมม ตูมมมม บรึมมม ตูมมมม" พร้อมกับมิไซล์พุ่งออกมาเป่าถล่มทหารโฮเวอร์ไบค์จนกระเจิงไป คลอเวฟกล่าว "แน่จริงก็เข้ามาใกล้ๆกันหน่อยสิวะ ไอ้พวกเดลอาเนี่ยน" โดยในตอนนี้ ตนใช้โฟร์ทบลัสต์ลันเชอร์ยิงใส่ พร้อมกับบรรจุกระสุนขึ้นโดยเร็ว ทำให้พวกที่เหลือรีบแห่มาระดมยิงใส่ "ฟึ่บบบบ กรืออ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แอบไบออสโผล่มาพร้อมกับแรปิดเดเตอร์พันนิชเชอร์ที่พวกทหารนำมา กราดยิงใส่พวกโฮเวอร์ไบค์ที่เข้ามาใกล้จน "ปุ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปิ้วๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆ หวับๆๆๆๆ โครมมมม ตรูมมมม ฟ้าววววว ตูมมม" คนขับและคนซ้อนถูกกระหน่ำยิงจนตกรถบ้าง พลิกคว้ำบ้าง และพุ่งชนเนินทรายจนระเบิดไป พวกเดลอาเนี่ยนเลยส่งหน่วยโฮเวอร์ไบค์ลงมาอีกสามชุด หากแต่คราวนี้พวกมันเอาทหารถือโลห์มาซ้อนท้ายกันแล้ว "ฟ้าวววววว หวืมมมม" แถมมันใช้โลห์เปิดส่วนหนามพลังงานออกมา เพื่อใช้กระแทกให้พวกพีวิลล้ม "ตรุ้งงงงงง" เนคมาดูซัมเลยรีบขับตรงมาเพื่อให้ลิเนียร์ตี้.... "แกร็ก ตรุ้งงงงงง" ใช้โดรมอนอิมแพคชู้ตเตอร์เป่าโฮเวอร์ไบค์ที่มีโลห์ให้ปลิวกระเด็นไป "เหวออออ" ทหารเดลอาเนี่ยนสองตนที่นำโฮเวอร์ไบค์มาสมทบร้องลั่นเพราะ "โครมมมมม ตรูมมมม" โดนโฮเวอร์ไบค์ที่ลิเนียร์ตี้เป่ากระเด็นอัดใส่จนระเบิดไปอย่างจังๆ "เฮ้ยยยย" พวกทหารจึงหันมาเล่นงานสเปียริทและพีวิลโดยเร็ว แต่.... "ย้า" สเปียริทจ้วงแทงด้วยคริสทรัลร็อดเข้าตรงตัวรถด้านใต้แล้วก็ "นี้แน่" ใช้แรงแขนทั้งสองงัดพลองเสยขึ้นไปจน "หวับบบบ" "เหวอออออ" ทหารเดลอาเนี่ยนสองตนร้องลั่นเพราะพวกตนถูกสเปียริทงัดให้ปลิวกระเด็นตีลังกาไป "หวับๆๆๆๆ โครมมมม" อัดกับอีกสองคนที่กำลังเล่นงานมาสวาร์ทาร์และแอนเดรียอยู่จนล้มกลิ้งกระเด็นกระดอนไปอย่างจังๆ
              "คราวนี้รับรองว่าแกเสร็จแน่" ทหารเดลอาเนี่ยนที่ซ้อนท้ายพลขี่ซึ่งมาสมทบต่อหวดดาบแสงเข้าใส่ "แชบบบบบ" มาสวาร์ทาร์โต้ตอบด้วยการใช้ดาบเข้าปัดรับ แล้วก็ "หวับๆๆๆๆ ฟึ่บบ ฉั้วะ" ใช้ดาบเหวี่ยงหมุนดาบแสงไป 5 รอบอย่างรวดเร็วเพื่อให้ดาบของฝ่ายตรงข้ามหลุด แล้วก็หวดฟาดใส่โฮเวอร์ไบค์เข้าตรงกลางจนขาดเป็นสองท่อนและล้มกลิ้งกระเด็นกระดอนไป "ฟ้าวววววว ฟ้าวววววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว" พวกโฮเวอร์ไบค์อีก 8 หน่วยรีบขับแซงและหันกลับมาเพื่อเตรียมยิงใส่ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" พีวิล เนคมาดูซัมกระหน่ำยิงเข้าใส่พวกเตรียมยิงด้วยอาร์มชู้ตเตอร์ทั้งสองกระบอกและซีคเก้ไรเฟิ่ลสองกระบอกพร้อมบ็อกซ์บัสเตอร์โดยที่ปรับเป็นโหมดขับอัตโนมัติไว้ก่อนแล้ว จน "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆ บรึมม" พวกทหารเดลอาเนี่ยนถูกกระหน่ำยิงจนกระเจิดกระเจิงไป แต่ชุดที่สองพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เพื่อเข้าชนใส่ "เครเซนท์เรซเซอร์" มาสวาร์ทาร์ซัดคลื่นคมดาบขนาดใหญ่พุ่งเข้า "ฟ้าววววว ฉั้วะ ตูมๆๆๆๆ" จนพวกที่พุ่งเข้าชาร์จนั้นรถขาดพร้อมกับพลขี่และคนซ้อนท้าย แล้วก็ระเบิดแหลกเป็นจุลไป "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว" โดยพวกพีวิลตีฝ่าออกไปโดยเร็ว
              "พวกมันแห่มาทางพวกนายแล้วละ ร้อยเอก" แอบไบออสกล่าว โดยเห็นพวกเดลอาเนี่ยนมากับยานลำเลียงกำลังพลที่เคลื่อนตัวมาขนาบข้างจากฝั่งขวาและด้านหลังแล้ว
              คลอเวฟบอก "นี้กะจะไม่ให้เรารอดได้เลยหรือวะ"

              "เราต้องเน้นไปที่การหยุดรถด้วยการโจมตีแบบอ้อมๆ มากกว่ายิงเข้าไปตรงๆกันแล้วละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              แอมเบอร์เลยทำการสแกนใส่ยานลำเลียงกำลังพลภาคพื้นไว้ "ยานลำเลียงกำลังพลนั้นมีเครื่องยนต์โฮเวอร์คราฟอยู่ตรงด้านข้างส่วนหน้า ส่วนกลางและส่วนท้าย ซึ่งไม่เพียงสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและถอยหลังได้อย่างรวดเร็ว แต่การเคลื่อนตัวไปยังด้านข้างนั้นทำได้ไวกว่าโฟร์ทโบทถึง 2 เท่าด้วยกัน ที่สำคัญ พวกนี้ยังมีระบบอาวุธเป็นปืนยิงอนุภาคพลาสม่าแบบต่อเนื่องกันด้วยนะคะ"
              "โว้ว นั้นไม่ดีแล้วละ หากไอ้พวกบ้านั้นมันยิงใส่เราก่อนน่ะ" คลอเวฟกล่าว แล้วก็เตรียมโฟร์ทบลัสต์ลันเชอร์ขึ้นบ่า
              พลัสเชอริทกล่าว "แอมเบอร์บอกว่า นายต้องเล็งยิงทำมุม 60 และยิงเบี่ยงออกขวากันไว้ ถ้านายยิงตรงๆไป จรวดจะไม่โดนเป้ากันเลยน่ะ"
              "เอางั้นเลยหรือ ภาวนาว่า เอไอดูแลบ้านคงช่วยเราได้บ้างน่ะ" คลอเวฟบอกอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่สถานการณ์กดดัน ตนจึงต้องทำตาม "ปี้บๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็ "ฟ้าววววว ฟ้าววววววว" เหนี่ยวไกยิงจรวดออกไปสองลูกอย่างรวดเร็ว "ฟ้าวววววววว ตรูมมมมมม" ลูกแรกพุ่งชนใส่เครื่องยนต์โฮเวอร์คราฟด้านหน้าไปเต็มๆ แล้วก็ "ฟ้าววววว ตรูมมมม" ในจังหวะที่ยานลำเลียงถูกยิงจากด้านหน้าไปนั้น ได้ทำให้พลขับที่เกือบโดนระเบิดไปนั้นรีบเร่งเครื่องเพื่อให้ไปให้พ้นจากจรวดลูกที่สอง แต่ "ฟ้าววววว บรึมมมมมมม หวือออออ โครมมมมม" จรวดลูกที่สองพุ่งเป่าระเบิดใส่เครื่องยนต์โฮเวอร์คราฟด้านท้ายอย่างจังๆ จนทำให้ยานลำเลียงที่สูญเสียตัวยกให้ลอยเหนือพื้นล้มเทกระจาดไปอย่างจังๆ
              "ว้าว สุดยอดไปเลยนะ แอมเบอร์" ลิเนียร์ตี้อุทานอย่างดีใจปกอึ้งไปด้วย
              "แจ่ม ไม่นึกเลยน่ะ ว่าเอไอที่ใช้ดูแลบ้านราคาสามหมื่นจะช่วยเราได้มากเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ใช่ และถึงเราไม่มีอาวุธแรงๆแถมมือต้องควบคุมรถไปด้วยนั้น เราก็ยังมีไม้ตายกันด้วยน่ะ" แล้วก็ "เครเซนท์เรซเซอร์" ฟาดคลื่นคมดาบใหญ่พุ่งเข้า "ฟ้าววววว ฉั้วะ" ผ่าด้านหน้าหัวยานจนขาดแหว่งไปแถบหนึ่ง ซึ่งได้ถากเอาขาของพลขับขาดไป ส่งผลให้ยานลำเลียงที่ไม่มีอะไรมาเบรคพุ่งเข้า "หวืออ โครมมมม โครมมมม โครมมมมม ตรูมมม" ร่วงกระแทกพื้นทรายกระเด็นกระดอนกลางอากาศไปสามตลบใหญ่ๆจนร่วงลงมาระเบิดแหลกเป็นจุลตาม "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆ" แอบไบออสกราดยิงแรปิดเดเตอร์เข้าใส่เครื่องยนต์โฮเวอร์คราฟของยานที่แล่นมาฝั่งขวาจนพังไปสามส่วน ซึ่งก็ทำให้ "หวือออออออ โครมมมมมมมม" ยานล้มเอาด้านข้างกระแทกพื้นทรายไปอย่างจังๆ "เอนเนอจี้โบลท์" พีวิลซัดกระสุนพลังเข้าอัดใส่พวกโฮเวอร์ไบค์ที่พุ่งแซงมาดักหน้าจนล้มลง "แชดๆๆๆๆๆ" แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่แล่นดักหน้ามายิงปืนแสงใส่ "โบลท์รีเฟรคเตอร์" เนคมาดูซัมเลยสะท้อนลำแสงกลับใส่พวกพลปืนจนร่วงลงไป "หวับบบ ป้ากกกก" สเปียริทหวดฟาดใส่หลังหัวทหารซ้อนท้ายจนหัวไปกระแทกกับหลังหัวคนขับจนล้มเสียหลักไป แล้วก็ "หวับบบบ ป้ากกก" พีวิลรีบก้มหัวหลบการหวดพลองของสเปียริทอัดใส่ทหารเดลอาเนี่ยนที่แล่นมาขนาบทั้งสองข้างจนล้มลง "วืมมมมม" ทหารซ้อนท้ายใช้ดาบแสงหมายจะฟันใส่แอนเดรีย "ฟึ่บบบบ แปร้งงงงงง" ซึ่งเธอรีบใช้อัมเบรแลนซ์กางต้านดาบแสงไว้ แต่ทหารที่มาจากฝั่งขวานั้นใช้โลห์ติดหนามพลังพุ่งจากด้านข้างตรงมาอย่างรวดเร็วหมายจะชนใส่แอนเดรีย "วึมๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทเลยเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องโฟร์ทโบทเต็มกำลังพุ่งเข้า "โครมมมมม" ชนท้ายโฮเวอร์ไบค์ของเดลอาเนี่ยนจนกระเด้งไปข้างหน้า "ฉั้วะ" มาสวาร์ทาร์หวดดาบฟันใส่กลางไบค์จนเล่นงานทหารสองตนล้มกลิ้งบนพื้นทรายอย่างจังๆ ส่วนแอนเดรียก็ "ย้า" กระทุ้งทวนหัวร่มอัดใส่ทหารอีกสองคนจนล้มกลิ้งไปเช่นกัน "ตรุ้งงงงง ตรุ้งงงงงง ตรุ้งงงงง" พวกที่เข้าขนาบข้างเนคมาดูซัมนั้นโดนลิเนียร์ตี้ยิงอิมแพคชู้ตเตอร์เป่ากระเด็นไปอย่างจังๆ "แฟลชแอร์โรว์" สเปียริทยิงธนูเข้าใส่เครื่องยนต์โฮเวอร์คราฟของยานลำเลียงกำลังพลตรงส่วนกลางจนระเบิดไป ส่งผลให้ยานล้มกระแทกหักกลางออกเป็นด้านหน้าและหลังอย่างจังๆ "ฟ้าวววววววววว" ไม่ทันไรก็มีมิไซล์พุ่งเข้ามาจากระยะไกล "ตรูมมมมม บรึมมมม ตูมมมมม" เป่าระเบิดใส่พวกพีวิลอย่างจังๆ โดยเป็นฝีมือของทหารหน่วยที่ 62 ที่นำกำลังมาดักหน้าไว้ โดยมีรถเกราะ 4 ล้อยิงมิไซล์ถึง 4 คันอยู่
              "รายงาน ตอนนี้พวกเรายิงมิไซล์เข้าใส่พวกมันไปแล้ว เตรียมตัวเก็บซากศพของพวกมัน...." หัวหน้าหน่วยที่ 62 กล่าว

              "หัวหน้าครับ บนโน่น!!!!" ทหารเดลอาเนี่ยนนายหนึ่งตะโกนพร้อมกับชี้ขึ้นไปข้างบน ซึ่งหัวหน้าหน่วยก็ต้องอ้าปากค้างเพราะเห็น พีวิลและสเปียริทบนโฮฟไบค์ลอยเคว้งกลางอากาศอยู่ แทนที่จะแหลกไปเพราะมิไซล์ที่ยิงออกไป ซึ่งทั้งคู่นั้น "แฟลชแอร์โรว" สเปียริทเปิดนำด้วยการยิงธนูแสงพุ่งลงมา "ปั้กๆๆๆๆๆ" ซึ่งก็ยิงปักพื้นทรายด้านหน้าพวกเดลอาเนี่ยนเข้า จนทำให้พวกทหารที่อยู่ใกล้รีบถอยออกมา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แต่ก็โดนพีวิลกราดยิงอาร์มชู้ตเตอร์กลางอากาศพร้อมกันกับ "ฟ้าวววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว" เนคมาดูซัมและมาสวาร์ทาร์พุ่งออกจากกลุ่มควัน เช่นเดียวกับพวกคลอเวฟด้วย "แชดดดดดดดด แชดดดดดดดดดดด แชดดดดดด" มาสวาร์ทาร์ใช้ครอสเซี่ยมไรเฟิ่ลยิงใส่ทหารจนทะลุโลห์ป้องกันเข้าถึงหัวร่วงไปสามตน "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" เนคมาดูซัม แอบไบออส และคลอเวฟกระหน่ำยิงอาวุธปืนและอาวุธหนักที่มีถล่มใส่กองรบสกัดกั้นแถวหน้าจนกระเจิดกระเจิงไปอย่างจังๆ
               "อย่าไปกลัวพวกมัน รีบสอยพวกมันให้ร่วงกันเดียว...." หัวหน้าหน่วยบอก แต่ไม่ทันไร "แว้งๆๆๆๆๆ ฟ้าวๆๆๆๆๆ ฉึกๆๆๆๆๆ" ก็มีหอกแห่งแสงพุ่งขึ้นจากพื้นเข้าทิ้มแทงใส่รถเกราะติดป้อมมิไซล์และพวกทหารที่อยู่ด้านหลังจน "เปรี้ยะๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆ" รถเกราะติดมิไซล์ที่ถูกหอกแห่งแสงแทงนั้น ส่วนเครื่องยนต์และเตาพลังงานก็ถูกแทงจนเกิดระเบิดไปทั้งหมด ส่งผลให้รถเกราะระเบิดปลิวขึ้นกลางอากาศไป "หวืออออออ หวับๆๆๆๆๆๆ" ส่วนพีวิลนั้นก็แล่นลงพื้นโดยหมุนวนหลายรอบเพื่อเบรคให้สนิท ก่อนที่จะขับมุ่งหน้าต่อไป โดยที่พวกเดลอาเนี่ยนแห่ตามมาอย่างต่อเนื่อง "ฟ้าววววววว" ทหารเดลอาเนี่ยนขี่โฮเวอร์ไบค์บุกเข้าใช้โลห์ติดหนามพลังกระแทกใส่เนคมาดูซัม แต่กลับเป็นฝ่ายถูกเนคมาดูซัมถีบให้ล้มไปอย่างจังๆ "ย้ากกกก" พีวิลชกทะลุโลห์จนเป่าทหารขี่โฮเวอร์ไบค์จนล้มกระเด็นกระดอนไป "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แอนเดรียกราดยิงสปีดครอสโบว์กันเข้าใส่พวกทหารเดลอาเนี่ยน ซึ่งก็กระสุนลูกดอกก็พุ่งเข้าเจาะตรงส่วนต้นขาและเท้าจนเจ็บ แต่ก็หาได้หยุดพวกเดลอาเนี่ยนไม่ "โปรเทคชั่นสเฟียร์ เอนเคจเมนต์" แอนเดรียเลยซัดสนามพลังเข้า "ฟ้าววววว ซวบบบบ หวือๆๆๆๆ โครมมมม" สนามพลังทรงกลมพุ่งเข้าครอบทหารทั้งพลขับและพลซ้อนท้ายกระเด็นออกจากตัวโฮเวอร์ไบค์ที่แล่นกระแทกกับพื้นทรายไปเสียเอง "ฟ้าววววว" ยานลำเลียงขนส่งแล่นมาขนาบข้างโฟร์ทโบทของพลัสเชอริทเพื่อให้ทหารกระโดดขึ้นไป "วอเตอร์เวฟ" คลอเวฟสาดคลื่นทะเลพุ่งอัดใส่ทหารเดลอาเนี่ยนให้ตกจากเรือลอยพื้นไปส่วนหนึ่ง ส่วนที่โดดลงมานั้นก็ชักดาบแสงออกมาหมายจะฟันใส่คลอเวฟ "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ" แต่ก็ถูกคลอเวฟใช้แองเกอร์แอ็กซ์ฟันใส่ พวกทหารที่มาจากฝั่งซ้ายรีบโดดเข้าไปในส่วนตู้ แต่.... "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดนแอบไบออสยิงถล่มด้วยแรปิดเดเตอร์เข้าจัดการกับพวกทหารจนล้มลงไปกันหมด ส่วนที่เหลือรอดนั้นรีบกระโดดเข้ามาข้างในเพื่อยิงใส่แอบไบออสจากข้างใน "อี้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แต่ทันทีที่พวกเดลอาเนี่ยนก้าวเหยียบเข้าไปในตัวรถ เท้าของพวกเขาก็เจ็บเพราะถูกหมุดหนามที่พลัสเชอริทปล่อยจากใต้เก้าอี้ทิ้มทะลุพื้นรองเท้ากันหมด แล้วก็ "ไวเปอร์เชน" ใช้มีดสั้นติดโซ่ทะลวงร่างพวกทหารเดลอาเนี่ยนพร้อมกับ "เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ช็อตไฟฟ้าอัดใส่จนพวกนั้นร่วงตกรถ เนื่องจากพลัสเชอริทใช้ฝ่าเท้าเตะคันโยกเปิดส่วนตู้ด้านซ้ายออกไป โดยที่โซ่ไหม้เพราะพลังไฟฟ้าแรงสูงเข้า "ฟึ่บบบบ ครืดดด ซวบๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ" แอบไบออสเลยเตะแรปิดเดเตอร์ไปไว้ใต้เก้าอี้แล้วก็ชักโบนเซเบอร์มาจัดการกับพวกทหารเดลอาเนี่ยนกันไว้ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทใช้อินเกรต้าเพคชู้ตเตอร์กราดยิงใส่พวกทหารเดลอาเนี่ยนที่ขี่โฮเวอร์ไบค์ขนาบข้างจนส่วนหน้าระเบิดเนื่องจากถูกยิงต่อเนื่องไป "ฟ้าววววว ฟ้าวววว ตรูมมม บรึมมมม" โฮเวอร์ไบค์ของเดลอาเนี่ยนที่มีพลปืนซ้อนท้ายกำลังเตรียมยิงปืนยาว ก็ถูกลิเนียร์ตี้และพีวิลซัดกระสุนพลังทำลายทิ้งไปกันทั้งสองหน่วย "บ้าเอ้ย พวกมันยังแห่มาได้อีกวะ" คลอเวฟบอก
              "ช่วยไม่ได้แล้ว คลอเวฟ ตานายจัดการกับพวกไล่ตามหลังโดยเร็วดีกว่า" เนคมาดูซัมกล่าว
              คลอเวฟพยักหน้าแล้วก็บอก "แอบไบออส พลัสเชอริท ปิดประตูให้แน่นๆเลยน่ะเฟ้ย" แอบไบออสและพลัสเชอริทพยักหน้า "ครืดดดด ตรึง ตรึง ตรึง" ประตูด้านข้างซ้ายเลื่อนปิดโดยเร็ว ส่วนแอบไบออสโดดข้ามมานั่งเก้าอี้พร้อมกับรัดเข็มขัดไว้ "ตรึงงงง ตรึงงงงง" คลอเวฟตอกพื้นด้วยหมุดข้างฝ่าเท้าทั้งสองไว้ พร้อมกับ "ครืดดดด ตรึงงงงง" แทงค์อ็อกซิเจนขนาดใหญ่กลางหลังอันหนึ่งเลื่อนมา "แกร็กๆๆๆๆๆ แคร้งงง" ส่วนหัวนั้นแยกออกพร้อมกับนำกลไกกระบอกปืนใหญ่ที่ซ่อนเอาไว้ออกมา เช่นเดียวกับไกปืนไว้ "ปี้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตี้ดๆๆๆ" คลอเวฟล็อกเป้าด้วยระดับสายตาไว้ในจังหวะเดียวกับ "หึมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แทงค์ได้สะสมพลังไฮโดรฟอสที่อยู่ในตัวมารวมกันที่ปากกระบอก โดยที่พวกเดลอาเนี่ยนซึ่งไล่ตามหลังมารีบใช้อาวุธปืนถล่มใส่ แต่ก็.... "เอาไปกินซะ ไอ้พวกเดลอาเนี่ยน ไฮโดริคแคนน่อน ยิง!!!!" คลอเวฟกล่าวและ "แกร็ก" เหนี่ยวไกยิงในทันที "หึมๆๆๆๆๆๆๆ ซูมมมมมมมมมมม ครืนนนนนนนนนนนนนนนนน" ปากลำกล้องที่สะสมพลังไฮโดรฟอสเอาไว้ก็ปล่อยคลื่นพลังมวลน้ำขนาดใหญ่ออกไป "เปรี้ยงงงงงงงงงงง" สาดใส่กองรบพวกเดลอาเนี่ยนที่ตามหลังมา จนพวกทหารที่ขี่โฮเวอร์ไบค์ "เหวอออ ว้ากกกกก" ปลิวกระเด็นออกจากไบค์ที่ถูกแรงดันน้ำอัดจนบุบไปอย่างช้าๆ "เปรี้ยงงงง โครมมมม" ยานขนส่งกำลังพลลอยพื้นถึงกับถูกอัดจนส่วนหัวบุบ บ้างก็ถูกอัดจนล้มกระแทกใส่รถยานเกราะที่อยู่รอบๆ เช่นเดียวกับรถยานเกราะติดอาวุธหนักเองก็ถูกสาดกลบหายไป "หวืบ บรึมมมมมมมม" ซึ่งกองรบเดลอาเนี่ยนที่ตามไล่หลังพวกพีวิลนั้น ได้ถูกแรงระเบิดพลังไฮโดรฟอสเป่ากระจุยไปกันหมด "ซ่าๆๆๆๆๆๆ" โดยเหลือไว้เพียงห่าฝนอนุภาคไฮโดรฟอสที่ตกลงมากลางทะเลทราย แล้วพวกพีวิลก็รีบรุดไปโดยเร็ว

              "ว่ายังไงน่ะ เป็นความจริงนะหรือ" ทหารผู้บัญชาการกล่าว เมื่อทหารสื่อสารแจ้งมา
              "ครับ เราเสียกองรบที่ไล่ตามพวกเวเซอร์ไปกันหมดแล้ว ทั้งกองรบโฮเวอร์ไบค์ ทั้งยานขนกำลังพล แม้กระทั่งยานเกราะติดปืนใหญ่และขีปนาวุธพิสัยไกลด้วยนะครับ"
              "ท่านแม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟ ได้โปรดเถอะครับ สั่งการให้ผมจัดการกับพวกเวเซอร์กันได้เลยครับ" ทหารผู้บัญชาการร้องขอต่อบูเรนนอฟ ซึ่งบอกไปว่า
              "ตอนนี้ พวกนั้นคงมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของบังเกอร์ใต้ดินกันอยู่ อีกทั้งเธอเสียกองรบไปกับการไล่ตามไปมากแล้ว ดังนั้น ฉันอนุมัติให้ยานบินทิ้งระเบิดที่สร้างมาโดยที่ยังไม่ได้ให้นักบินขึ้นขับนั้น เซตเป็นระบบออโต้ไพล็อตแล้วส่งออกไปก่อนเลย"
              "รับทราบครับ" ทหารผู้บัญชาการรับคำสั่ง
              โดซอนบอก "ท่านแม่ทัพใหญ่ นั้นก็ทำให้เราได้ข้อมูลของพวกนั้นได้เยอะมากแล้วน่ะ ว่าขีดความสามารถในการสู้รบบนพาหนะความเร็วสูงและการโต้ตอบกองรบบนยานขนส่งและยานเกราะของพวกเวเซอร์นั้น เหนือกว่าที่เราคาดไว้ โดยเฉพาะยูนิตที่เป็นหุ่นเกราะทรงกลมนั้น....มีพลังมากพอจนบดขยี้ได้ทั้งกองทัพเลยนะครับ"
              "นั้นก็บ่งบอกได้เลยว่า การสู้รบกับพวกแมนิเกเตอร์ที่กำชัยชนะเหนือพวกที่มาจากแรซัลก้ากันได้นั้น เราเสียกำลังพลไปไม่น้อย พอๆกันกับที่เราได้อะไรบางอย่างที่มีค่ากันบ้างก็ตาม" บูเรนนอฟบอก
              โดซอนกล่าว "งั้นผมขอสแกนโครงสร้างของบังเกอร์ที่พวกนั้นไปถึงกันก่อนนะครับ ว่ามันเป็นบังเกอร์ของพวกไหนน่ะ เพราะว่าบังเกอร์นั้นเหมือนมีบางอย่างมารบกวนการสแกนของพวกเรานะครับ"
              "เป็นไปไม่ได้น่า ระบบสแกนของพวกเราถือว่าชั้นเลิศมากพอที่จะตรวจจับได้แม้กระทั่งชาวแดคน็อกซ์ปลอมตัวเข้ามากันนะครับ" เกรเทคซ์บอก
              บูเรนนอฟกล่าว "อืมมมมม แสดงว่าบังเกอร์นั้นต้องมีบางอย่างที่มีค่ามากเลยสิน่ะ ถึงได้ใช้พลังงานจากใต้พิภพกันไว้ สั่งการให้ผู้บังคับการที่อยู่ในเขตทะเลทรายลงมือกันเดียวนี้เลย...."
              "ท่านแม่ทัพใหญ่ เกิดเรื่องแล้วละครับ" ทหารเดลอาเนี่ยนนายหนึ่งรีบมารายงาน
              บูเรนนอฟถาม "มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นนะหรือ รายงานมาสิ"
              "ขอรับ ตอนนี้ ท่านฑูตอาบิรอน แอบเอาคอมมานด์ไทแทนหมายเลข 44 แบบสู้รบลงไปที่ท้องทะเล เพื่อสร้างฐานทัพไว้จู่โจมเมืองหลวงและเมืองบนหุบเขากันแล้วละครับ" ทหารรายงาน
              บูเรนนอฟเลยกระทืบพื้นเพื่อติดต่อไปหา "อาบิรอน ฉันไม่ได้ให้คำสั่งอนุมัติต่อเจ้าให้นำคอมมานด์ไทแทนลงไปกันเลยน่ะ รีบกลับมากันเดียวนี้เลย"
              "ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านใจเย็นกันเกินไปแล้ว ที่ปล่อยให้ศัตรูไหวตัวกันได้ ในเมื่อท่าน ได้รับคำสั่งให้มาถล่มดาวดวงนี้ให้พังพินาศไปซะ ถ้าไม่สามารถใช้กำลังยึดไปได้กันน่ะ" อาบิรอนบอก "ในเมื่อท่านไม่คิดจะทำเช่นนั้น ได้ ข้าก็จะไปบดขยี้ท่านประธานาธิบดี แล้วก็พวกพ้องของพวกเวเซอร์ให้พังพินาศไปเองนี้แหละ ก่อนที่พวกมันจะหันมาไล่พวกเราไปได้น่ะ"
              บูเรนนอฟบอก "แต่เจ้าก็น่าจะรู้ดีแล้วนิ ถึงเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น หากคอมมานด์ไทแทนของเจ้าพังเสียหายไปน่ะ"
              "ถ้ามันพังไปแบบนั้น ข้าก็จะใช้มันบดขยี้นครหลวง เพื่อกำชัยชนะให้ท่านเองแหละ ในเมื่อท่านมีโอกาสแต่ดันไม่คว้าไว้ ช่วยไม่ได้ งั้นข้าขอรับไว้เองแล้วกัน ลาล่ะ" อาบิรอนกล่าว โดยได้ควบคุมคอมมานด์ไทแทนที่มีเขาสี่เขา "แชดดดดด แชดดดดด" ยิงลำแสงจากแขนซ้ายเพื่อสร้างแพลตฟอร์มบนท้องทะเล ไปพร้อมกับหุ่นรถก่อสร้างที่ยิงลำแสงก่อสร้างลานผลิตยานยนต์สงครามกันไว้
              บูเรนนอฟส่ายหน้า "ข้าน่าจะสั่งคุมขังท่านฑูตหัวดื้อนี้กันไว้แต่แรกน่ะ ว่าคนๆนี้ ถ้าแค้นอะไรก็แค้นแบบลืมหูลืมตากันไว้ ทั้งๆที่ ยังไม่รู้เลยว่าศัตรูจะเคลื่อนไหวโต้ตอบกันได้แค่ไหนนะสิ โดยเฉพาะพวกเวเซอร์ที่มุ่งหน้าไปยังบังเกอร์นั้นน่ะ"

              ที่ไซท์งานบังเกอร์ใต้ดิน
              "คุณอีธานครับ มีการระเบิดขึ้นจากระยะห่างจากจุดที่เราอยู่ถึง 250 กิโลเมตร ซึ่งเรดาห์ตรวจจับอนุภาคการระเบิด เป็นอนุภาคไฮโดรฟอสนะครับ" นักวิจัยหนุ่มรายงาน
              อีธาน เนบิวเลย์ หัวหน้าทีมขุดเจาะกล่าว "อนุภาคไฮโดรฟอส งั้นแปลว่า ตอนนี้พวกเวเซอร์มาช่วยพวกเรากันแล้วสิน่ะ"
              "แล้วตอนนี้พวกเขามากันเท่าไหร่ละ" เอโอลีน ภรรยาของอีธานถาม
              นักวิจัยหญิงกล่าว "จากการซูมภาพในระยะไกลนั้น พวกเขามาเพียงแค่....9 ตนเองนะคะ" โดยนำภาพของพวกพีวิลมาได้
              "คุณอีธาน คุณเอโอลีน พวกคุณปลอดภัยดีนะครับ" พีวิลติดต่อเข้ามา
              อีธานบอก "พวกเราปลอดภัยดีแล้วน่ะ พีวิล แต่ดูเหมือนว่าระหว่างทาง พวกคุณคงถูกสกัดกั้นมาก่อนเลยสิน่ะ"
              "คะ แต่อย่างน้อยพวกเราก็รีบมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ" แอนเดรียบอก
              เอโอลีนกล่าว "งั้นพวกเธอรีบเข้ามาโดยเร็วดีกว่าน่ะ" แล้วพวกพีวิลรีบเร่งเครื่องจนมาถึงไซท์งานได้ทันเวลาพอดี
              "พวกคุณปลอดภัยกันดีใช่มั้ยครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              นักวิจัยชายกล่าว "พวกเราไม่เป็นไรกันนะครับ เพราะนับตั้งแต่เราได้รับแจ้งจากคนของผบสส.บัลโต้มา พวกเราเลยต้องอยู่ที่ไซท์งานกันตลอด จนไม่ออกไปไหนเลย โดยที่เราติดต่อไปที่สถาบันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้กันนะครับ"
              "ว่าแต่ตอนนี้ เฟิร์สฮิลล์แล้วก็นครหลวงเป็นไงบ้างละครับ" อีธานถาม
              เนคมาดูซัมบอก "พวกเจเนลและพวกบรอนเซอรูทที่อยู่ที่นั้นคงจะคลี่คลายสถานการณ์กันได้นะครับ เพราะพวกเขามีนักรบควอเดี่ยมที่นายแม่รัคชูมี่ส่งมาช่วยเอาไว้ เลยทำให้เรารับมือกับการรุกรานกันได้นะครับ ส่วนนครหลวง มีแอร์ไพล์มมิสกับพวก จึงน่าจะปลอดภัยนะครับ"
              "แล้ว แมบิลีนละ ตะกี้นี้ฉันได้รับแจ้งมาจากฟูลออเรสและเมดิน่าว่าแมบิลีนแอบหนีมา เราเลยแจ้งให้พวกเขาพาแมบิลีนกลับไปที่สถาบันเมื่อ 3 ทุ่ม แต่ระยะห่างมากเลยทำให้สัญญาณส่งไปไม่ถึงที่กันน่ะ" เอโอลีนบอก
              ลิเนียร์ตี้ตอบ "ไม่ต้องห่วงหรอกคะ ทั้งแมบิลีน ฟูลออเรสและเมดิน่านั้น พวกเราไปส่งที่สถาบันวิจัยริดีวิแนนท์เรียบร้อยแล้วคะ"
              "ดีแล้วละ ที่รัก ลูกเราปลอดภัยก็วางใจได้แล้วน่ะ" อีธานพูดให้เอโอลีนหายกังวล แต่ตนรู้สึกกังวลอีกเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ "เมื่อกี้นี้พวกเราเห็นยานบินที่ไม่ปรากฎข้อมูลใดๆเลย บินผ่านพวกเราไปถึง 2-3 รอบด้วยกัน ซึ่งเราเกรงว่านั้นอาจจะเป็นยานบินของผู้รุกรานก็เป็นได้เลยน่ะ" อีธานบอก
              แอบไบออสกล่าว "เกรงว่า ยานบินนั้นเป็นของพวกเดลอาเนี่ยนส่งมาจนรู้ตำแหน่งของบังเกอร์กันแล้วน่ะ"
              "นั้นแย่กว่าที่เราคิดไว้เลยนะคะ เพราะเราไม่สามารถติดต่อไปยังกองทัพใดๆได้เลย อีกทั้งเราก็ไม่อยากจะให้สถาบันถูกโจมตีกันด้วยนะคะ" เอโอลีนบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เกรงว่าพวกเราต้องให้พวกคุณกลับไปอยู่ในบังเกอร์กันเดียวนี้แล้วละ เพราะ...เราแน่ใจว่ายานบินที่พวกเดลอาเนี่ยนส่งมาเป็นชุดต่อไปหรือที่กำลังสอดแนมกันอยู่นั้น เป็นยานบินทิ้งระเบิดกันน่ะ"
              "แบบนั้นไม่ดีเข้าไปใหญ่นะครับ เพราะพวกเราพึ่งเอาโบราณวัตถุออกมาจากบังเกอร์เพียงส่วนหนึ่งเองนะ" นักวิจัยชายบอก
              พลัสเชอริทบอก "คงต้องช่วยกันขนย้ายเข้าไปในบังเกอร์กันโดยเร็วแล้วละ" ซึ่งลิเนียร์ตี้รีบนำแอมเบอร์ออกจากรถโฟร์ทโบทโดยเร็ว แอนเดรียและมาสวาร์ทาร์ช่วยขนวัตถุโบราณที่แตกหักและเสียหายง่ายเอาไปใส่ไว้ในกระเป๋านิรภัย ในขณะที่เนคมาดูซัมและคลอเวฟขนชิ้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปในโฟร์ทโบทไว้ พีวิลและสเปียริทช่วยขนแฟ้มเอกสาร คอมพิวเตอร์ ตู้เซิร์ฟเวอร์ออกมาจากคอนเทนเนอร์วิจัยมาไว้ในโฟร์ทโบทอีกลำหนึ่ง โดยที่นักวิจัยช่วยกันขนวัตถุหลักฐานไปขึ้นโฟร์ทโบทกันไว้
              "อันตราย มีฝูงยานบินตรงมาทางทิศเหนือของบังเกอร์ในอีก 150 กิโลเมตร" แอมเบอร์กล่าว อีธานได้ฟังก็หันมายังลิเนียร์ตี้ ซึ่งเธอเอาตลับแอมเบอร์มา
              "นี้คุณมีเอไอโฮโลแกรมด้วยหรือครับ" อีธานถาม
              "คะ คุณอีธาน ฉันได้แอมเบอร์นี้มาเมื่อ 3 เดือนก่อนแล้วคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวและหันมาถาม "ว่าแต่ ที่ถามนิ มีอะไรอย่างงั้นหรือคะ"
              เอโอลีนกล่าว "พอดีเลยคะ คือว่า เรามีปัญหาเรื่องการตรวจสอบยานอวกาศกันสักหน่อย โดยเฉพาะการเข้าถึงระบบกันนะคะ"
              "เออ ช่วยอธิบายปัญหาของพวกคุณให้เราฟังหน่อยจะได้มั้ยละครับ" เนคมาดูซัมถาม โดยตอนนี้ให้พีวิลนำโฟร์ทโบทเคลื่อนเข้าไปในบังเกอร์กันอยู่ อีธานเลยรีบพาพวกเนคมาดูซัมเข้าไปด้วย
              "คุณวูลลิเซียคงจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับบังเกอร์แห่งนี้กันมาก่อนแล้ว ว่าที่แห่งนี้ ดึงเอาพลังงานใต้พิภพมาหล่อเลี้ยงระบบซ่อมบำรุงดูแลยานอวกาศที่อยู่ในตัวบังเกอร์กันมาตลอดหลายร้อยปีด้วยกันนั้น นั้นหมายถึงยานอวกาศที่อยู่ในบังเกอร์ ยังมีพลังงานไหลเวียนกันอยู่ เช่นเดียวกันกับตัวคอมพิวเตอร์ภายในบังเกอร์กันด้วย"
              "แล้วพวกคุณเคยมีคนตายเพราะระบบรักษาความปลอดภัยที่อยู่ในนั้นบ้างหรือเปล่าละ" แอบไบออสบอก
              เอโอลีนกล่าว "เราได้ทำการสแกนเอาไว้แล้ว พบว่าบังเกอร์แห่งนี้แม้จะไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยติดตั้งไว้เลยก็จริง แต่....ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความร้อนปกคลุมอยู่ไปทั่ว และมีอุณหภูมิต่ำเมื่อถึงตอนกลางคืน ด้วยสภาพอุณหภูมิของทะเลทรายนั้น ได้ช่วยให้ระบบอำพรางอุณหภูมิภายในบังเกอร์ทำงาน ส่งผลให้การสแกนพลังงานจากนอกดาวไม่สามารถตรวจจับไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้แต่อย่างใดเลยคะ"
              "แปลว่า มนุษย์ต่างดาวที่มาก่อนหน้าพวกเราไปหลายร้อยปีนั้น ฉลาดคิดมากพอที่จะปกปิดตำแหน่งของบังเกอร์นี้ด้วยการอาศัยธรรมชาติและสภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์เลยสิครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อีธานกล่าว "อันที่จริงแล้ว พวกมนุษย์ต่างดาวต้องการให้พวกเราเป็นผู้ค้นพบกันซะมากกว่า เพราะเราตรวจสอบภายในบังเกอร์นั้น พบว่ามันพยายามอย่างมากที่จะปกปิดตำแหน่งด้วยการขยายคลื่นรบกวน จนทำให้ระบบสื่อสารของพวกเรามีปัญหาในช่วงหลัง 2 ทุ่มเป็นต้นไปนะครับ"
              "นั้นก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเดลอาเนี่ยน นำกำลังบุกรุกกันมาเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว อีธานพยักหน้า
              แอบไบออสบอก "แต่ตอนนี้พวกเดลอาเนี่ยนมันส่งยานบินมาจนเห็นไซท์งานของพวกคุณกันแล้วนะ เท่ากับว่าพวกมันต้องส่งยานบินมาถล่มที่แห่งนี้แน่นอน"
              "แล้วตอนนี้ ยานอวกาศลำนั้นละคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              อีธานกล่าว "เพราะระบบการซ่อมบำรุงและดูแลรักษายานอวกาศนั้น รวมถึงในบังเกอร์แห่งนี้ยังทำงานอยู่ เราจึงสามารถรู้ข้อมูลของยานอวกาศที่ชนเผ่าต่างดาวที่สร้างมันขึ้นมา และถูกเก็บรักษาเอาไว้ในนี้ จนเราสามารถเปิดเข้าไปในตัวยานอวกาศลำดังกล่าวนี้แหละครับ" โดยพามายังห้องควบคุมแห่งหนึ่ง พร้อมกับกดปุ่มบนโฮโลแกรมแพดขึ้น "แว้ง แว้ง แว้ง แว้ง แว้ง" ไฟในบังเกอร์ที่มืดมิดได้เปิดออก ซึ่งก็ส่องแสงสว่างให้กับบังเกอร์ ซึ่งพีวิล คลอเวฟที่มากับทีมวิจัย รวมถึงพวกเนคมาดูซัมที่มากับพวกอีธานนั้นถึงกับตกตะลึงกันไม่น้อย กับยานอวกาศทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ตัวยานเป็นสีขาวแม้จะมีฝุ่นทรายเกาะติดอยู่ อันเนื่องมาจากถูกเก็บเอาไว้ในบังเกอร์มานานหลายร้อยปีด้วยกัน ด้านข้างตัวยานยังถูกแขนกลเชื่อมต่อกันไว้
              "สุดยอดเลยวะ ต่างดาวสร้างยานลำเป้งเอาไว้เลยหรือเนี้ย" คลอเวฟกล่าวอย่างอึ้งๆ
              พีวิลพยักหน้า "ดูจากรูปทรงที่แม้จะเป็นสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ แต่ตรงกลางของยานยังมีส่วนเอียงจากสะพานเดินเรือลงมา เช่นเดียวกับส่วนหัวยานที่เหมือนสามารถเปิดบางอย่างที่อยู่ข้างในออกมากันได้น่ะ"
              "นั้นเป็นนาวาอวกาศที่ต่างดาวเหลือไว้ให้เลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "และพวกคุณพอจะทราบมั้ยว่ายานลำนี้มันเป็นยานอวกาศแบบไหนกันน่ะ"
              "นั้นแหละคือปัญหานะคะ แม้พวกเราจะใช้คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและสามารถเปิดดูข้อมูลภายในบังเกอร์นี้ จนรู้แบบแปลนโครงสร้างของยานลำนี้ทั้งในและนอกกันก็จริง แต่....เรายังขาดระบบเอไอที่ช่วยเชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ภายในยาน เพื่อทำการแปรภาษาต่างดาวที่เราไม่มีข้อมูลตรงจากฝ่ายสมาพันธ์ไปได้เลยนะคะ" เอโอลีนกล่าว
              สเปียริทถาม "แล้วพวกคุณไม่มีระบบเอไอมาเลยหรือคะ"
              "คือ.....พวกเราได้ทำเอไอสำหรับงานวิจัยในสถาบันไว้ แต่....ทางเราลืมมันมาด้วย และตั้งใจจะเรียกกองทหารให้ช่วยขนส่งมันมาด้วยนะครับ" อีธานบอก
              พลัสเชอริทกล่าว "แต่จากสถานการณ์นี้ พวกเราไม่มีทางกลับไปได้แล้วละ เพราะเดลอาเนี่ยนคงจะรู้เส้นทางของพวกเราและกำลังมาที่นี้ก็เป็นได้น่ะ"
              "ว่าแต่ พวกคุณเปิดประตูสะพานเดินเรือเข้าไปได้มั้ยละครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              อีธานบอก "ครับ ตอนนี้ผมจะปรับเซตให้แขนกลยึดยานด้านข้างปลดออกก่อน....." แต่ยังไม่ทันที่นักวิจัยหนุ่มจะลงมือ "แกร็กๆๆๆๆ ครืดดดดดด" แขนกลเหล่านั้นก็ปลดล็อกอย่างรวดเร็ว
              "ระบบภายในเหมือนทำงานโดยอัตโนมัติเลยนะคะ สงสัยว่า คอมพิวเตอร์ในนี้คงจะรู้ถึงอันตรายจากด้านนอกแล้วคะ" เอโอลีนบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "งั้นพวกเราทั้งหมดรีบเข้าไปในยานลำนั้นดีกว่านะครับ"  อีธานพยักหน้า

              แล้วทั้งหมดก็เข้ามาในตัวยานอวกาศกันโดยเร็ว พีวิลและคลอเวฟที่นำโฟร์ทโบทเข้าไปในยานนั้น ก็หาทางขึ้นมาที่สะพานเดินเรือ ซึ่งตอนนี้ทุกๆคนมารวมพลกันที่สะพานเดินเรือแล้ว "โว้ว สะพานเดินเรือในนี้ดูกว้างมากเลยนะเนี้ย" คลอเวฟกล่าว โดยในสะพานเดินเรือนั้น มีเคาน์เตอร์ใหญ่ 4 ตัวอยู่ด้านข้าง มีเก้าอี้สั่งการอยู่หนึ่งตัว และเคาน์เตอร์อีกสองพร้อมเก้าอี้ด้วย ส่วนด้านหน้านั้นมีแท่นสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง เช่นเดียวกับแท่นกลมที่อยู่กลางห้อง ซึ่งพวกเนคมาดูซัมยืนอยู่ โดยที่ลิเนียร์ตี้ทำการเชื่อมต่อแอมเบอร์เข้ากับแท่นกลมกันอยู่
              "เออ พวกคุณมั่นใจเลยหรือคะ ที่ให้ฉันทำแบบนี้กันนะคะ" แอมเบอร์ถามอย่างไม่แน่ใจ
              "ตอนนี้ พวกเราต่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับยานลำนี้กันแล้วน่ะ และมีแต่เธอเท่านั้นที่สามารถสแกนภายในยานอวกาศของต่างดาวและสามารถจัดการกับระบบภายในลงได้ ทั้งๆที่เธอไม่เคยทำมาก่อนน่ะ ดังนั้น ขอร้องละ แอมเบอร์ ช่วยพวกเราสักครั้งเถอะน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว โดยที่เธอจัดการเชื่อมต่อกับสายไฟเข้ากับตลับของแอมเบอร์ไว้
              แอมเบอร์ได้ฟังอย่างงั้นเลยตอบไปว่า "อืมมมม งั้นฉันจะลองดูแล้วกันน่ะ" แล้วก็ "แว้งงง แว้งงงง แว้งงงง" เปล่งแสงสแกนภายในห้องสะพานเดินเรือกันทั้งหมด "วิเคราะห์สภาพภายในสะพานเดินเรือแล้ว ระบบควบคุมพื้นฐาน ระบบปฏิบัติการณ์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบนำร่อง ระบบนำทาง ระบบสื่อสารทั้งภายในยานและนอกยาน ระบบอาวุธ ระบบป้องกันภัย ระบบขับเคลื่อนตั้งแต่บนฟากฟ้า ในน้ำ เหนือพื้นดิน ไปจนถึงในอวกาศ ระบบขับเคลื่อนด้วยความเร็วเหนือแสง ระบบปรับสภาพแวดล้อมและเครื่องดำรงชีพ ระบบป้องกันภัยอันตรายทุกประเภท ทุกอย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกประการ"
              "สุดยอด นี้ยานทั้งลำมีทุกอย่างไว้หมดเลยหรือเนี้ย" สเปียริทกล่าว
              แอมเบอร์บอก "ตรวจพบข้อความสำคัญจากชนเผ่าต่าง...." ไม่ทันไร โฮโลแกรมสีเขียวของเธอก็กลายเป็นสีฟ้าและสีขาวขึ้นมา "....คอมพิวเตอร์หลักในสะพานเดินเรือได้ทำการดึงข้อมูลภาษาของพวกเรา เพื่อประมวลผลในการแปลภาษาของชนเผ่าต่างดาว ผู้ซึ่งเป็นผู้ฝากข้อความเหล่านั้นไว้ในยานลำนี้ และบังเกอร์แห่งนี้ด้วยคะ"
              "นั้นคงเป็นเหตุผลที่พวกคุณต้องการเอไอมาเลยสิครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อีธานพยักหน้า "แม้ว่าเราพยายามจะใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบดู แต่ดูเหมือนว่ายานลำนี้ต้องการข้อมูลจากระบบปัญญาประดิษฐ์ซึ่งมีลักษณะคำพูดและภาษาที่พวกเราใช้กันอยู่นะครับ"
              "แว้งงงง" ไม่ทันไร แท่นกลมนั้นก็เปิดภาพโฮโลแกรมของชนเผ่าต่างดาวผิวสีขาว ตากลมรีสีดำ ในชุดสีขาวถึง 2 คนด้วยกัน "ถึงชนเผ่าหรือตัวแทนของอารยธรรมกลุ่มใหม่ที่พบเจอยานลำนี้ในบังเกอร์แห่งนี้ เมื่อพวกท่านได้ค้นพบข้อความของพวกเราที่ฝากเอาไว้ นั้นหมายถึง พวกเราและอารยธรรมดั่งเดิมของพวกเรา ได้สิ้นสูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้เราจะรู้ดีว่า ข้อความดังกล่าวนี้กับสิ่งที่บรรจุข้อความดังกล่าวรวมถึงยานของเรานั้น อาจจะถูกพวกเดลอาเนี่ยนค้นพบได้ในภายภาคหน้า อาจจะเป็นทศวรรษ ศตวรรษ หรือไม่ก็เป็นสหัสวรรษเลยก็เป็นได้ก็ตาม เพราะเราเซตให้ข้อมูลนี้ ถูกค้นพบโดยชนเผ่าหรืออารยธรรมที่มาจากเขตอวกาศทางฝ่ายสมาพันธ์เท่านั้น ซึ่งเป็นกลุ่มชนในอวกาศเพียงกลุ่มเดียว ที่พวกเราสามารถไว้ใจได้มากที่สุดกันนี้แหละ" มนุษย์ต่างดาวกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ถึงว่าสิ ว่าทำไมบังเกอร์แห่งนี้ถึงถูกค้นพบได้ง่ายๆ และปล่อยให้พวกทีมวิจัยเข้ามาได้ ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขารู้ว่าพวกเรามาจากเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศกันน่ะ"
              "และจากข้อความนี้ สงสัยว่าพวกเขาคงจะถูกเดลอาเนี่ยนจู่โจมจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปเลยสิคะ" แอนเดรียบอกด้วยความกังวล
              พีวิลถาม "แม้พวกเขายังไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพวกแมนิเกเตอร์กันก็ตามสิน่ะ"
              "ก่อนที่พวกท่านจะได้ใช้ยานลำนี้ พวกเราขออธิบายถึงตัวตนของพวกเรา สาเหตุที่พวกเรานำยานอวกาศและสมบัติสำคัญมาไว้ที่ดาวดวงนี้ ก่อนจะออกไปขอความช่วยเหลือจากสมาพันธ์อวกาศ และปฏิบัติภารกิจอื่นๆที่เรามิอาจบอกได้" ชนเผ่าต่างดาวกล่าว โดยอีกคนเดินเข้ามาบอก ซึ่งเป็นเพศหญิง ได้เล่าว่า
              "พวกเรา คือชนเผ่าออร์เลี่ยน ชนเผ่าต่างดาวผู้รอบรู้และทรงภูมิปัญญามากที่สุดในเขตอวกาศฝั่งตะวันออก อันเป็นเขตอวกาศเดิมของพวกเราซึ่งได้ปกครองมาหลายชั่วอายุ พวกเราคือผู้ผลักดันให้ชนเผ่าต่างๆในเขตอวกาศ ให้ก้าวไกลถึงขั้นที่สามารถออกเดินทางจากดาวบ้านเกิดของพวกเขาไปพบปะกับชนเผ่าต่างๆ ก่อร่างจนกลายเป็นกลุ่มสังคมในอวกาศฝั่งตะวันออกขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในกลุ่มชนเผ่านั้น คือชาวดาวเดลอาเนี่ยน ชนเผ่าลูกพี่ลูกน้องของเราซึ่งได้แยกจากพวกเราไปตั้งรกรากในระบบดาวอันธุรกันดาร จนพวกเราช่วยให้พวกเขากลับมายืนหยัดกลายเป็นผู้นำร่วมกันกับพวกเรามาหลายทศวรรษด้วยกัน ในฐานะของชนเผ่านักรบและทหารที่เก่งกล้าสามารถ ซึ่งพวกเขาได้ช่วยรวบรวมชนเผ่าต่างดาวที่เป็นอริต่อกันและกัน ถึงขั้นทำสงครามอวกาศขึ้นมาทั้ง 12 เผ่าให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชนสังคมฝั่งตะวันออก โดยในตอนนั้น พวกเรามิได้ล่วงรู้ถึงเจตจำนงที่แท้จริงของเดลอาเนี่ยนกันเสียเลย"
              "ชนเผ่าออร์เลี่ยน ช่วยเหลือเดลอาเนี่ยนกันมาก่อนน่ะหรือ แทบไม่เชื่อเสียเลยน่ะ" สเปียริทกล่าว
              อีธานบอก "แต่สิ่งที่พวกเขาเกิร์นนำมานั้น พวกเขาคงจะขัดแย้งกับพวกเดลอาเนี่ยนกันแน่ๆเลยละครับ"

              "ด้วยเวลาที่ผ่านพ้นไป พวกเราได้ช่วยเหลือดูแลชนเผ่าต่างๆกันมาตลอด จนกระทั่ง....ผู้นำของเดลอาเนี่ยนเสนอบางอย่างที่พวกเราไม่ต้องการจะให้มันเกิดขึ้น นั้นคือ....พวกเขาอยากจะให้จักรวาลทั้งปวง อยู่ในความดูแลของพวกเขาและพวกเรากันทั้งหมด ซึ่งพวกเราก็เห็นด้วย ที่อยากจะให้จักรวาลทางช้างเผือกทั้งหลายนี้ อยู่อย่างผาสุขด้วยการปรองดองต่อชนเผ่าทั้ง 12 ราศีจากฝั่งเหนือ และ 12 นักษัตรจากฝั่งใต้ แต่ ผู้นำเดลอาเนี่ยน กลับเสนอให้พวกเรา ใช้กำลังกองรบของพวกเขาและของพวกเรา เป็นตัวรวมชนเผ่าเอาไว้ ซึ่งนั้นหมายถึง ถ้าชนเผ่าใดขัดขืน ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ หรือลุกขึ้นต่อสู้หรือต่อต้านขึ้นมา พวกเขาจะใช้กำลังรบทั้งหมด ลงโทษต่อชนเผ่านั้นๆ ซึ่ง....นั้นได้ทำให้พวกเราไม่พอใจอย่างมาก เพราะเมื่อก่อน ชาวเดลอาเนี่ยนเคยถูกบรรพบุรุษของเราขับไล่จากดาวบ้านเกิดของพวกเรา จากการเข่นฆ่าชนเผ่าต่างดาวด้วยการทำสงครามกันมาก่อนแล้ว พวกเราจึงปฏิเสธคำขอและขอร้องให้เดลอาเนี่ยนล้มเลิกความคิดที่่จะทำลายพวกเขาลงเป็นการถาวร เพราะ เรารู้ดีว่าชนเผ่าทั้ง 12 ราศีและ 12 นักษัตรนั้น เป็นมิตรกับชนเผ่าดาวฤกษ์อันเกรียงไกรมาแล้ว แต่ผู้นำเดลอาเนี่ยนกลับปฏิเสธและไม่คิดที่จะล้มเลิกกันด้วย การที่พวกเขาถูกบรรพบุรุษอัปเปหิออกไปอยู่สุดขอบจักรวาลมานานแสนนาน มิได้ช่วยทำให้พวกเขาสำนึกในความผิดที่ก่อกันไว้ แถมยังเพิ่มความเคียดแค้นให้กับทุกเผ่าที่มีส่วนร่วม แม้กระทั่งพวกเราเองด้วย...." ชาวออร์เลี่ยนหญิงเล่าด้วยน้ำเสียงหวั่นเกรงไปไม่น้อย ออร์เลี่ยนชายเลยเล่าต่อ
              "หลังจากนั้น เวลาผ่านไป 45 ปีต่อมา ชนเผ่า 12 ราศีที่อยู่ในสมาพันธ์อวกาศฝั่งดาวเหนือ ต้องถูกกลุ่มชนเผ่าอวกาศป่าเถื่อนเฮซเทิร์ซรุกรานจนยึดสมาพันธ์อวกาศเหนือไปเป็นของพวกมัน ส่งผลให้ชนเผ่าทั้ง 12 ราศีและชนเผ่าที่เกี่ยวข้องต้องลี้ภัยลงมาอยู่ร่วมกันที่เขตอวกาศทางใต้ เป็นโอกาสที่พวกเดลอาเนี่ยนรอคอยมานาน ที่จะได้ใช้กำลังรบที่พวกเขาสร้างสะสมกันมาตลอดเวลา โดยที่ชนเผ่าทั้ง 12 ที่อยู่ในการปกครองของพวกเขาสนับสนุนเดลอาเนี่ยนให้ฝั่งอวกาศตะวันออก รวบอำนาจสมาพันธ์อวกาศของชนเผ่า 24 ดาวให้อยู่ในการปกครองโดยเบ็ดเสร็จทั้งหมด เพราะพวกเดลอาเนี่ยนมองว่าทั้ง 24 ชนเผ่า อ่อนแออย่างมากจนทำให้สมาพันธ์อวกาศฝั่งดาวเหนือถูกเฮซเทิร์ซยึดครองไปได้ แน่นอนว่ากลุ่มผู้นำของพวกเราและชาวออร์เลี่ยนทั้งหมด คัดค้านและต่อต้านนโยบายของเดลอาเนี่ยนอย่างสุดกำลัง ซึ่งนั้นหมายถึง การที่พวกเราต้องทำสงครามกับเดลอาเนี่ยน ที่ได้สถาปนาตนกับเหล่าชนเผ่าทั้ง 12 กลายเป็นกลุ่มจักรวรรดิ์ขึ้นมา โดยที่พวกเรามีพันธมิตรเป็นชนเผ่าต่างดาวทรงภูมิปัญญาต่างๆกันไว้"
              "แปลว่าพวกออร์เลี่ยนคงไม่เห็นด้วยกับพวกเดลอาเนี่ยนมาตั้งแต่ต้น และพอเฮซเทิร์ซบุกเข้ายึดเขตอวกาศฝั่งดาวเหนือ จึงเห็นเป็นโอกาสทองที่พวกนั้นไม่ควรพลาดกันเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แน่ละ เพราะพวกเฮซเทิร์ซก็ร้ายกาจกันอย่างมากมาย ถึงขั้นที่พวกเราสู้รบกันเมื่อ 3 ปีก่อนยังแทบเอาตัวไม่รอดเลยน่ะ"

              "ทว่า.....สงครามอวกาศและสงครามตามดวงดาวต่างๆภายใต้การปกครองของพวกเราส่อเค้าถึงจุดจบของพวกเรา และเหล่าพันธมิตรของพวกเราไปอย่างรวดเร็ว บางชนเผ่าถูกกวาดล้างจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ บางชนเผ่าถูกจับและดาวอยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิ์ย่อยของเดลอาเนี่ยน ทั้งยอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตและอนุรักษ์ชาติพันธุ์ หรือถูกคุมขังเอาไว้เป็นนักโทษโดยที่พวกเขาเลือกไม่ได้เลย รวมถึงบางเผ่าสวามิภักดิ์และทรยศต่อพวกเราก็มี บางชนเผ่าถูกลบสติปัญญาออกจากตัวตนเดิม แล้วก็ถูกขับไล่ให้ไปอยู่ในเขตอวกาศทางภาคกลาง โดยรวมไปถึงบางชนเผ่าที่หลบหนีไปอยู่ส่วนกลางของจักรวาลกันด้วย พวกเราซึ่งเป็นกลุ่มชนที่เหลือรอดกลุ่มสุดท้าย ได้รับคำสั่งจากสภาเบื้องบนของเผ่าเรา ให้มุ่งหน้ามาที่ระบบดาวที่ติดกับพรมแดนฝั่งตะวันออกของพวกเดลอาเนี่ยน เพื่อปฏิบัติภารกิจสองอย่างไว้ด้วยกัน" ออร์เลี่ยนชายกล่าว ไม่ทันไรก็... "ครืนนนน ครืนนนนน" มีแรงสั่นสะเทือนเข้ามาจากข้างนอก
              ลิเนียร์ตี้บอก "สงสัยว่าพวกเดลอาเนี่ยนทิ้งระเบิดลงมาแล้วละ"
              "ภารกิจแรก คือการนำยานอวกาศรุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเรา รวมถึงเทคโนโลยี่ที่พวกเราคิดค้นมาได้ในช่วงเวลานั้น กับข้อมูลวิทยาการของพวกเราที่สรรสร้างมาโดยตลอด นำมาเก็บรักษาไว้ในบังเกอร์ที่พวกเราได้สร้างขึ้นตามจุดต่างๆของดาวดวงนี้ไว้ โดยในระหว่างนั้น เราได้ปรับสภาพแวดล้อมบนดาวที่รกร้างให้กลายเป็นดวงดาวที่เหมาะสมต่อชนเผ่ากลุ่มใหม่ที่เดินทางมาที่นี้ โดยเราอาศัยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอำพรางบังเกอร์ของพวกเราขึ้นมาด้วย" ออร์เลี่ยนชายกล่าว "ซึ่งยานอวกาศของพวกเราที่พวกท่านยืนอยู่นั้น คือยานอาร์คที่เป็นได้ทั้งยานอวกาศที่สามารถเดินทางไปยังระบบอวกาศได้ทุกหนแห่ง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายจากดาวแต่ละดวง รวมถึงเทคโนโลยี่ที่เหมาะสมในการสร้างและปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับตั้งรกรากกันไว้"
              ออร์เลี่ยนหญิงบอก "และเป็นยานรบรุ่นใหม่ล่าสุดที่พวกเราใช้วิทยาการเดียวกันกับที่เราพัฒนายานรบให้กับเดลอาเนี่ยนเพื่อใช้ต่อยอดในการสร้างขุมกำลังพิทักษ์ความสงบสุขและการต่อกรกับภัยคุกคามแบบต่างๆ ไม่เพียงยานลำนี้ติดตั้งอาวุธอันล้ำหน้าไปไกลกว่าวิทยาการของพวกท่านที่เข้าถึง แต่ยังมีอุปกรณ์ภายในยาน ที่สามารถสร้างยุทโธปกรณ์สงคราม พัฒนาขีดความสามารถต่างๆไปจนถึงการซ่อมบำรุงทั้งภายนอกและภายในกันด้วย ซึ่งเราหวังว่า ความสามารถอย่างหลังนี้ พวกเดลอาเนี่ยนไม่มีทางล่วงรู้และนำมันไปใช้ซ้ำเติมสมาพันธ์อวกาศฝั่งใต้กันได้แน่นอน"
              "แสดงว่า ชาวออร์เลี่ยนคงรู้ดี ว่าพวกเดลอาเนี่ยนอาจจะคุกคามระบบดาวที่เราอยู่แน่นอน และเสนอทางเลือกสองอย่างซึ่งก็คือ ใช้หลบหนี หรือใช้ต่อสู้กันละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
               สเปียริทบอก "แต่ตอนนี้ เราคงต้องเลือกอย่างหลังกันแล้วละ"
              "ภารกิจที่สองนั้น ในระหว่างที่พวกเราฝากยานอวกาศนี้กับทุกสิ่งที่เราเหลือไว้ในดาวดวงนี้เสร็จสิ้นแล้ว เราได้ส่งทีมของพวกเราทีมหนึ่งออกเดินทางไปยังดิสก์เวิร์ด ศูนย์รวมของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศฝั่งใต้ของชนเผ่าทั้ง 24 เผ่า ซึ่งในตอนนั้น ประมุขชาวดาวฤกษ์ก็อยู่ด้วย เราจึงอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเราทั้งหมดให้พวกเขารับฟัง และได้ส่งมอบแผนที่ระบบดาวอิสทาล่าฟรอนเทียร์ให้กับทางสมาพันธ์ฯ เพื่อให้ระบบดาวที่พวกเราเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้อยู่ในอำนาจการดูแลของฝ่ายสมาพันธ์ฯ ซึ่งประธานสภาชาวลิเบรมและประมุขดาวฤกษ์ได้ฟังก็ทราบดีถึงความเคลื่อนไหวของเดลอาเนี่ยน และรู้ถึงวาระสุดท้ายของพวกเราที่อยู่บนระบบดาวบ้านเกิดกันไว้ด้วยนั้น พวกเขาจึงตอบรับขอเสนอของพวกเรา ซึ่งเท่ากับว่าระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ พรมแดนด่านสุดท้ายที่พวกเดลอาเนี่ยนคิดรุกรานเพื่อใช้เป็นฐานหน้าในการทำสงครามรวมเขตอวกาศฝั่งใต้ อยู่ในความดูแลของฝ่ายสมาพันธ์และชาวดาวฤกษ์ โดยชาวดาวฤกษ์ได้ส่งกลุ่มนักรบของพวกเขาแฝงตัวอยู่ในดาวทั้ง 11 ดวง สลับสับเปลี่ยนกันทุก 4 เดือนกันอย่างลับๆ โดยพวกเขาทำหน้าที่เป็นแนวกำแพงปกป้องระบบดาว รอวันให้มีชนเผ่าที่เหมาะสม มีความแข็งแกร่ง มีการเตรียมพร้อมรับมือกับพวกเดลอาเนี่ยนมาตั้งรกรากขึ้น จนสามารถค้นพบบังเกอร์เก็บยานลำนี้ และพบเจอข้อความเหล่านี้ไว้ด้วย" ออร์เลี่ยนหญิงกล่าว
              ออร์เลี่ยนชายบอก "และเมื่อพวกเราปฏิบัติภารกิจทั้งสองอย่างนี้จบลงแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจออกจากระบบดาวนี้ไปสู่เขตอวกาศของสมาพันธ์ฯทางตอนใต้ ใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างสงบ เพื่อไปหาพวกพ้องที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเดลอาเนี่ยน ซึ่งได้รอพวกเราไว้ พวกเราจึงหวังว่า พวกท่านที่ค้นพบข้อความนี้....คงใช้ยานรบและเทคโนโลยี่ของพวกเรา หยุดยั้งการกระทำของพวกเดลอาเนี่ยนที่จ้องคุกคามระบบอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ฯทางตอนใต้ รวมถึงทำคุณประโยชน์ต่อจักรวาลโดยไม่ซ้ำรอยเดิมที่พวกเรา และเดลอาเนี่ยนก่อเอาไว้ด้วย"
              "แสดงว่า พวกออร์เลี่ยนคงไม่คิดที่จะคล้อยตามพวกเดลอาเนี่ยน และเล็งเห็นว่าการใช้กำลังคุกคามชาวดาวอื่นๆนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ช่วยให้จักรวาลเป็นปึกแผ่นอย่างแท้จริงเสมอไปเลย กลับยิ่งทำให้ความแตกแยกมีมากขึ้นกันน่ะ" อีธานบอก
              เอโอลีนบอก "และตอนนี้พวกเราก็ประสบเหตุร้ายแบบที่ออร์เลี่ยนหวั่นเกรงไว้ ซึ่งนั้นหมายถึงการเจรจาเกลี้ยกล่อมคงใช้กับเดลอาเนี่ยนไม่ได้แน่ๆเลยนะคะ"
              "อนึ่ง เราไม่แน่ใจว่า พวกท่านมีวัตถุประสงค์ดีหรือร้ายกันแน่ และเพื่อให้แน่ใจว่ายานลำนี้ไม่โผล่ออกมาจากบังเกอร์ก่อนเวลาอันควร ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้นกับบังเกอร์และยานลำนี้ก็ตาม เราจึงได้ถอดแผงวงจรเอไอของพวกเราออก และปรับเซตให้ยานลำนี้รองรับระบบเอไอที่พวกท่านสร้างเอาไว้ ถือเป็นการส่งมอบยานลำนี้จากพวกเราถึงพวกท่าน แน่นอน ว่าระบบอนุญาตให้พวกท่านถอดตัวเอไอออกไปได้ หากพวกท่านต้องการให้ยานเข้าสู่การซ่อมบำรุงหรือต้องการปรับปรุงโครงสร้างของยาน หรือตัวเอไอที่ใช้กับยานลำนี้เองด้วย...." ออร์เลี่ยนหญิงกล่าว
              ออร์เลี่ยนชายบอก "สุดท้ายนี้ ความอยู่รอดของพวกท่านจะเป็นไปในทิศทางใด เราหวังว่าพวกท่านจะโชคดีและนำพาอารยธรรมของพวกท่านไปสู่อนาคตที่ดีกว่า นั้นเป็นข้อความสุดท้ายจากพวกเรา ชาวออร์เลี่ยนกลุ่มสุดท้ายที่ออกจากระบบดาวของพวกเรา ที่ได้ล่มสลายลงด้วยน้ำมือของเดลอาเนี่ยนกันแล้วน่ะ" แล้วภาพข้อความนั้นก็จบลง

              "อย่าห่วงไปเลย ชาวออร์เลี่ยน พวกเรารู้ว่าพวกเราควรทำเช่นไรกันนะครับ" พีวิลบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว ".....แสดงว่าชาวออร์เลี่ยนคงจะรู้ว่า พวกเขาไม่มีทางที่จะหยุดยั้งพวกเดลอาเนี่ยนกันได้แน่ๆ แต่ก็ยังมีความหวังว่าชนเผ่าในเขตอวกาศฝ่ายสมาพันธ์ฯกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรวมถึงพวกเราด้วยนั้น จะต้องมาที่ระบบดาวนี้ และค้นพบสิ่งที่พวกเขาเหลือไว้ เพราะรู้ดีว่า พวกเดลอาเนี่ยนต้องบุกรุกมาที่ระบบดาวของเราอย่างแน่นอนน่ะ"
              "เป็นกุศโลบายที่เยี่ยมยอดมากๆ ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ละก็ ปานนี้พวกเราคงได้ขอบคุณพวกเขากันแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              แอบไบออสถาม "แล้วนายไม่สามารถรับรู้ถึงการมีตัวตนของออลเรี่ยนจากในยานลำนี้เลยหรือ"
              "พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอยให้ฉันรับรู้ได้นะสิ เพราะร่องรอยที่เป็นเลือดนั้นอาจจะแห้งหรือเสื่อมสภาพลงจนไม่เหลือดีเอ็นเอให้โคลนนิ่งพวกเขาได้ ไม่สิ พวกเขาไม่คิดที่จะกลับมากอบกู้อะไรได้กันแล้วต่างหากละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเปียริทกล่าว "หรือไม่ก็พวกเขาไม่อยากจะให้เดลอาเนี่ยนชุบชีวิตพวกเขาให้เป็นส่วนหนึ่งในการรุกรานกันนี้แหละ เลยให้ความหวังต่อใครก็ได้ที่กล้าสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนได้ ทั้งๆที่ชาวดาวฤกษ์ยังอยู่แล้วน่ะ"
              "ไม่หรอก ชาวดาวฤกษ์เองก็รู้ดีว่าสิ่งที่ชาวออร์เลี่ยนสร้างมาเป็นชุดสุดท้ายและหลงเหลือมาจนถึงบัดนี้ พวกเขาเลยเลือกที่จะให้ชนเผ่าที่เหมาะสมและสามารถรับมือกับพวกเดลอาเนี่ยนได้เป็นผู้รับช่วงต่อเอง ซึ่ง....ประมุขคัลทานิสแห่งชาวดาวฤกษ์ได้เลือกพวกเรา เป็นผู้สืบทอดมรดกของออร์เลี่ยนไว้น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              อีธานบอก "เพราะว่าพวกเราได้แสดงทั้งพลังและความสามารถทั้งด้านดีและด้านร้ายกันไว้แล้วสินะครับ"
              "งั้นฉันจะช่วยปลุกยานลำนี้ให้เองนะ" แอมเบอร์บอก
              แอนเดรียกล่าว "แต่มันจะดีหรือคะ เพราะเรายังไม่รู้ว่าคุณมีขีดความสามารถมากน้อยแค่ไหน เกรงว่าคุณคงจะควบคุมยานลำนี้ไม่ได้นานๆเลยนะคะ"
              "พวกคุณล้วนเสี่ยงกันมามากพอแล้ว ทั้งการต่อสู้ ทั้งการแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจในเรื่องนี้กันแล้ว แม้ฉันไม่มีร่างเหมือนที่พวกคุณมี แต่ ให้ฉันจัดการเรื่องนี้ให้เองเถอะคะ" แอมเบอร์กล่าว
              พลัสเชอริทบอก "อืมมมมม รูปการณ์ในตอนนี้ บีบให้เราไม่มีทางอื่นใด นอกเหนือจากต้องนำยานอวกาศลำนี้ออกบินกันแล้วละ"
              "มีแต่ต้องวัดดวงกันสักตั้งแล้ววะ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ลิเนียร์ตี้ รีบติดตั้งแอมเบอร์ลงไปกันเถอะ"
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า แล้วก็นำตลับของแอมเบอร์ลงตรงกลางแท่นกลมไว้ "ครืดดด แกร็ก" แขนกลที่อยู่ในแท่นล็อกตัวตลับของแอมเบอร์เอาไว้ ซึ่งรอบหัวของเธอนั้น ปรากฎวินโดว์ข้อมูลต่างๆขึ้นมามากมาย เช่นเดียวกับตัวโฮโลแกรมแอมเบอร์เริ่มมีข้อมูลไหลเวียนเข้ามาจากด้านล่างกันแล้ว "แอมเบอร์ ทำใจดีๆไว้น่ะ"
              "ไม่เป็นไรหรอก ข้อมูลของยานลำนี้มีมากมายนัก แต่ฉันได้ทำการจัดเรียงลำดับข้อมูลทั้งหลายเอาไว้ พร้อมกับ ทำการเชื่อมโยงระบบภายในยานไปด้วย" แอมเบอร์กล่าว พร้อมกับ "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆ" สร้างมือเพื่อจัดการกับข้อมูลดังกล่าวไว้ "เข้าสู่กระบวนการสตาร์ทยานอวกาศลำนี้ขึ้น ระบบแกนกลาง ทำการเชื่อมต่อกับระบบเครื่องยนต์หลัก" โดยในตอนนี้แกนกลางได้ยืดส่วนท่อเข้ากับตัวเครื่องยนต์หลังที่อยู่ข้างหลังไว้ "ตูมมมม ตูมมมม" พร้อมกับเสียงระเบิดดังมาจากข้างนอก
              "เออ แอมเบอร์ เวลาเราไม่มีแล้วน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              "อย่าห่วงไปเลยคะ หลังคาบังเกอร์ด้านบนมีความทนทานมากพอที่จะรับแรงระเบิดได้นาน 10 นาทีหรือมากกว่านั้นนะคะ..." แอมเบอร์บอก "เปิดระบบต้านแรงโน้มถ่วงจากใต้ท้องยาน ด้วยการเชื่อมต่อพลังงาน ตัวต้านแรงโน้มถ่วงหมายเลข 1-16 ทำงานได้" โดยในตอนนี้ยานอวกาศก็... "แว้งๆๆๆๆๆๆๆ ครืนนนนนน" มีแสงปรากฎจากใต้ท้องยานทั้ง 16 จุด ซึ่งก็ยกตัวยานให้ลอยขึ้นมากันแล้ว
              "หัวหน้ากองครับ เราเห็นฐานบังเกอร์กันแล้ว ให้เราทิ้งระเบิดต่อไปเลยมั้ยละครับ" ทหารเดลอาเนี่ยนภาคอากาศถาม
              หัวหน้าบัญชาการบอก "งั้นก็ทิ้งระเบิดลงไปได้เลย เพราะเราไม่ยอมให้พวกแมนิเกเตอร์นำสิ่งที่อยู่ในบังเกอร์ออกมากันได้หรอก"
              "แต่ บังเกอร์แบบนี้มันดูคุ้นๆกันน่ะครับ" โดซอนบอก
              เกรเทคซ์กล่าว "อืมมมมม ไม่น่าเป็นไปได้เลยนิ พวกออร์เลี่ยนไม่มีทางมาถึงดาวดวงนี้ไปได้หรอก เพราะพวกเราตัดทางหนีของพวกเขาเอาไว้แล้วน่ะ"
              "ถึงบังเกอร์นั้นจะเป็นออร์เลี่ยนหรือต่างดาวของฝ่ายสมาพันธ์สร้างขึ้นมาหรือไม่ มันไม่สำคัญหรอก นอกเสียจากเราต้องหยุดยั้งมิให้พวกแมนิเกเตอร์นำบางอย่างออกมาจากบังเกอร์กันไปได้น่ะ" บูเรนนอฟกล่าว และสั่งการให้ "อนุมัติให้ถล่มด้วยระเบิดกันเดียวนี้เลย"
              หัวหน้าบัญชาการกล่าว "รับทราบครับ เตรียมทิ้งระเบิดลงเดียวนี้เลย!!!"
    ต่อช่วงที่ 2 กันเดียวนี้เลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×