ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เหล่านักรบคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง เมื่อบ้านเกิดถูกศัตรูอันยิ่งใหญ่รุกราน ครึ่งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 64


              ณ.ทัณฑสถานอวกาศบนดาวดัลทาริฟ-5 เรือนจำพิเศษของกองกำลังพิทักษ์อวกาศของกลุ่มชนเผ่าดาวฤกษ์แอตทาเวี่ยน
              "ปี้บๆๆๆๆ" เสียงสัญญาณดังขึ้นตรงห้องขังห้องหนึ่ง ซึ่งมีบุรุษผมรกรุงรังนั่งอยู่กับโต๊ะเก่าๆ โดยที่เขานั่งเขียนหนังสือด้วยดินสอนาโนกันอยู่ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ผู้คุมชาวดาวฤกษ์ในชุดเกราะสีทองสองตนก้าวเดินเข้ามา "นักโทษหมายเลข 369 ลุกขึ้น แล้วก็หันมา" นักรบแอตทาเวี่ยนตนหนึ่งกล่าว ให้บุรุษผมรกรุงรังสีม่วงในชุดนักโทษสีเทาที่เปรอะฝุ่นไปทั่ว เขาลุกขึ้นและหันหน้ามาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแก้มที่มีแถบสีดำประทับอยู่ทั้งสองด้านด้วยกัน ซึ่งเขาถือหนังสือปกสีเงินพร้อมดินสอกดนาโนด้วย "ครืดดดด ตรึงงง" รั้วลูกกรงเลื่อนออกมาอย่างช้าๆ
              นักรบแอตทาเวี่ยนตนที่สองบอก "อย่าคิดว่าลูกกรงที่ทำด้วยอัลคาเนี่ยมเปิด แล้วเจ้าจะเป็นอิสระไปได้น่ะ เพราะพวกเราแค่ย้ายเจ้าออกไปอยู่ในความดูแลของคนอื่นแทนกันน่ะ"
              "ส่วนหนึ่ง เพราะว่าผมยอมเสียสละมาอยู่ที่นี้ด้วยใจจริงของตนเองแล้ว ผมไม่มีทางหนีไปได้อยู่แล้วละครับ" นักโทษหนุ่มนั้นกล่าว
              นักรบแอตทาเวี่ยนชายได้ฟังก็พยักหน้า "รู้แบบนี้ก็ดีแล้วละ นักโทษหมายเลข 369 เพราะเรารู้ดี ว่าการให้เจ้าอยู่กับนักโทษขาโหดที่เราควบคุมตัวมาไว้เพื่อรอการลงโทษนั้น ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ๆ ยิ่งเจ้า เป็นสหายกับยอดนักรบที่เก่งกาจมากที่สุดในมหาสงครามกันด้วยแล้ว ถ้าเจ้าอยู่ต่อ เกรงว่าเจ้าจะอายุสั้นแน่นอน"
              "นั้นก็ดีแล้วละครับ เพราะการอยู่ที่นี้ ทำให้ผมรู้ว่าผมควรจะโต้ตอบกับพวกนักโทษกันยังไง แม้ว่าผมจะรู้วิธีป้องกันตัวกันไว้ก็ตาม...." นักโทษหมายเลข 369 ตอบ
              นักรบแอตทาเวี่ยนตนที่สองบอก "นั้นไม่เข้าท่าเลยน่ะ นักโทษหมายเลข 369 พวกเราเตือนเจ้าแล้วไง ว่านักโทษส่วนมาก ล้วนอันตรายทั้งนั้น เจ้าควรจะกดปุ่มเรียกพวกเรา มากกว่าที่เจ้าใช้หัวคิดพูดท้าทายพวกนักโทษเหล่านั้นไว้ เพราะเราต่างรู้ดีว่า นักโทษเหล่านั้นไม่ค่อยชอบฟังคนอื่นกันได้หรอกน่ะ"
              "โดยเฉพาะกับการที่เจ้าใช้องค์ความรู้จากดาวบ้านเกิดของเจ้ามาเทศนากันด้วยแล้ว อาวุธทางปัญญาของเจ้าแทบไม่มีผลกับเหล่านักโทษที่ใช้ความรุนแรง เข่นฆ่าเหยื่อไปไม่น้อย ปล้นใครมาหลายต่อหลายครั้ง และหนักสุดคือ เป็นนักฆ่า เป็นโจรสลัด เป็นโจรปล้นสะดม มาเฟีย โจรกบฎ และผู้ก่อการร้ายตัวฉกาจกันไปได้หรอกน่ะ" นักรบแอตทาเวี่ยนตนแรกบอก
              นักโทษหมายเลข 369 ตอบ "ผมคิดว่าพวกคุณก็น่าจะรู้นะครับ ว่าชัยชนะทุกครั้ง พวกคุณไม่ได้ใช้แค่ท่วงท่า พลังและอาวุธเอาชนะ แต่ใช้สมองและปัญญาประกอบกันไปด้วย เพราะบางปัญหา เราไม่ได้ใช้ความรุนแรงแก้กันเสมอไปนะครับ"
              "เจ้ายังห่างไกลมากกับการมาสอนพวกเรากันน่ะ นักโทษหมายเลข 369 โดยเฉพาะเจ้า เป็นเหมือนพวกพ้องของเจ้าที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์ และที่แรซัลก้ากันน่ะ" นักรบแอตทาเวี่ยนตนแรกตัดบท แล้วก็นำพานักโทษหนุ่มเดินไปตามแสงสว่าง โดยที่เขาถูกใส่กุญแจมือที่เป็นวงแหวนพลังทั้งสองข้างไว้ ทั้งสามจึงก้าวไปตามทางที่มีแสงสว่างอยู่เบื้องหน้า จนกระทั่ง "อือ เออ" นักโทษหนุ่มยกมือขึ้นป้องแสงที่ส่องเข้าตาของเขาไว้ ซึ่งก็แสบตาในชั่วขณะหนึ่งเนื่องจากนักโทษผู้นี้อยู่ในเรือนจำอันมืดมิดนี้มานาน พอสายตาของเขาปรับกับสภาพแวดล้อมด้านนอกได้ เขาก็ลดมือลง พร้อมกับ....
              "นักโทษหมายเลข 369 เบย์แทนด์ ครอสฟอร์ด แมนิเกเตอร์ไทป์ริดีวิเนี่ยน ที่ปรึกษาของมหาประธานาธิบดีโคเคส แอคเมนโด้ ผู้นำฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ และสหายของกองรบเวเซอร์ เตรียมตัวเปลี่ยนเรือนจำจากดัลทาริฟ มาอยู่ในนาวาเรือนจำเคลื่อนที่หมายเลข 15 ของกองกำลังพิทักษ์จักรวาล ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางมาถึงกันแล้ว" เสียงประกาศดังขึ้นให้นักโทษหนุ่มรับทราบกันไว้

              "งึงๆๆๆๆๆๆๆ แว้งงงงงงงง ครืดดดดดด" ฉับพลันฟากฟ้าก็มีเสียงดังเกิดขึ้น พร้อมกับนาวาขนาดใหญ่อันมีวงแหวนหมุนวนได้ปรากฎขึ้นมา โดยเริ่มจากส่วนหัวยานไปยังท้ายยานอย่างรวดเร็ว โดยที่นักโทษหนุ่มเงยหน้ามองอย่างอึ้งๆ ต่อยานอวกาศอันเป็นเรือนจำของเขา ซึ่งได้ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขาไว้ "ฟ้าววว แว้งงงงง" จากนั้นก็มีแสงพุ่งจากส่วนหัวยานลงมายังตรงหน้านักโทษหนุ่มกับนักรบแอตทาเวี่ยนทั้งสองไว้ โดยแสงนั้นก่อตัวเป็นหญิงสาวผิวสีเทาเงิน ผมสีขาวขุ่นมีปอยผมเปียแหลมสามเปียในชุดรบสีขาวสลับแดง สวมปลอกแขนสีทองข้างขวา สีเงินข้างซ้าย หน้าอกข้างซ้ายติดตราดาวหกแฉกที่มีพลอยสีฟ้าประดับอยู่ตรงกลาง เธอยืนขึ้นอย่างช้าๆ และก้าวเดินมา นักรบแอตทาเวี่ยนผู้คุมทั้งสองกล่าว "กานาฟ่าซารีทิส(ด้วยเกียรติของซารีทิส) ซีคเทมพลาร์แอสเทลน่า หัวหน้าพัศดีคนใหม่ ท่านมาเพื่อนำตัวนักโทษหมายเลข 369 กันเลยสิน่ะ"
              นักรบหญิงนามแอสเทลน่าพยักหน้าและกล่าวทักทายไปว่า "กานาฟ่าซารีทิส ท่านนักรบผู้คุมทั้งสอง ฉันรับคำสั่งจากท่านประมุขคัลทานิสให้มารับตัวนักโทษหมายเลข 369 เบย์แทนด์ ครอสฟอร์ด ให้อยู่ในความดูแลของพวกเราเป็นการถาวรกันนี้แหละ" แล้วเธอก็มองหน้าเบย์แทนด์ "ว่าแต่ นักโทษผู้นี้ ก่อเรื่องอะไรบ้างมั้ยละ"
              "แม้มิได้ก่อเรื่อง แต่เขาก็เกือบตายเพราะนักโทษโหดๆในที่แห่งนี้มาตั้ง 10 ครั้ง และรอดตัวมาจนถึงบัดนี้แล้วละ หัวหน้าพัศดี" นักรบแอตทาเวี่ยนกล่าว
              แอสเทลน่าพยักหน้า "งั้น พวกท่านกลับไปทำงานตามเดิมได้แล้วละ อิรีซิสฮารีกัล(ขอให้อิรีซิสคุ้มครองท่าน)" ผู้คุมทั้งสองจึงพยักหน้าและเดินกลับไปยังประตูเรือนจำ ทิ้งให้หัวหน้าพัศดีหญิงกับนักโทษหนุ่มอยู่ต่อหน้ากัน....
              "ดูเหมือนว่าคุณไม่ค่อยชอบตำแหน่งที่คุณได้รับมาจากท่านประมุขสูงสุดกันเลยนะครับ" เบย์แทนด์บอก
              แอสเทลน่ากล่าว "ถึงฉันไม่ชอบที่ต้องมาคุมและจับตาดูนักโทษทางการเมืองและนักโทษคนสำคัญๆ ซึ่งมีนายรวมอยู่ด้วยกันก็ตาม แต่....นั้นก็ดีแล้วละ ที่นายอยู่ในความดูแลของฉันไว้ อย่างน้อย เวลาที่พวกพ้องของนายมาเยี่ยมก็จะรู้สึกดีใจได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนคมาดูซัมกับพองเพื่อนกองรบเวเซอร์กันน่ะ"
              "พวกเขายังสบายดีเหมือนเดิม เช่นเดียวกับ ท่านมหาประธานาธิบดีและพวกเลยสิครับ" เบย์แทนด์กล่าว แล้วเขาก็เดินตามแอสเทลน่าไป ซึ่งนักรบหญิงผู้เป็นหัวหน้าพัศดีพยักหน้า และเล่าให้นักโทษหนุ่มฟัง
              "ตลอด 3-4 เดือนหลังจากที่พวกนายกำชัยชนะเหนือพวกจักรวรรดิ์แรซัลก้ากันนั้น สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ของนายก็อยู่อย่างเป็นสุขมาตลอด ซึ่งคิดว่าพวกเขาคงจะไม่ก่อเรื่องออกนอกระบบดาวกันอย่างแน่นอน"
              "3-4 เดือนนะหรือครับ ผมคิดว่า ผมอยู่เป็นปีเสียอีกน่ะ" เบย์แทนด์กล่าว
              แอสเทลน่าพยักหน้า "ส่วนหนึ่งเพราะนายไม่สามารถหาอะไรมาขูดกำแพงเพื่อช่วยเตือนว่านายอยู่มากี่วันเลยสิน่ะ นั้นก็ดีแล้ว ที่นายอยู่ได้เป็นเดือนโดยไม่ถูกฆ่าตายเสียก่อนน่ะ" แล้วก็หันหน้ามาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลไม่น้อย "แต่...ฉันมีข่าวร้ายมาบอก อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราและสมาพันธ์อวกาศหวั่นเกรง นอกเหนือจากเป้าหมายอื่นที่แฝงมาในการรุกรานของฝ่ายแรซัลก้านั้น ได้มาเยือนบ้านของพวกพ้องของนายกันแล้วละ"
              "คุณกำลังจะบอกว่า....ระบบดาวของพวกเรา ถูกรุกรานจาก....พวกเดลอาเนี่ยนที่อยู่ในเขตอวกาศฝั่งตะวันออกอย่างงั้นนะหรือครับ" เบย์แทนด์ได้ฟังก็ถามด้วยความตกใจปนความเป็นห่วงขึ้นมา
              แอสเทลน่าพยักหน้า "ตอนนี้ ฉันอยากให้นาย เชื่อใจพวกพ้องของนายทุกๆคนกันไว้ โดยเฉพาะพวกเวเซอร์กันด้วยนั้น ถ้าพวกเขาไม่รอดจากการรุกรานของพวกเดลอาเนี่ยนขึ้นมา เกรงว่าความพยายามของนายและพวกที่ดั้นด้นจากโลกมาถึงอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์จะต้องจบลงแค่นั้นแน่นอนน่ะ"
              "ผมหวังว่า คุณเนคมาดูซัมและพวก รวมถึงท่านมหาประธานาธิบดีคงจะแก้ไขสถานการณ์กันบ้างนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว
              แอสเทลน่าพยักหน้าอีก แต่เธอสั่งไปว่า "แต่ตอนนี้ ฉันขอสั่งให้นายไปอยู่ในห้องขังในยานของเรากันก่อนน่ะ นักโทษหมายเลข 369 ไว้มีความคืบหน้าจากระบบดาวของนายเข้ามาเมื่อไหร่ ฉันถึงจะเรียกนายมาแจ้งให้รับทราบไว้กันนี้แหละ" แล้วเธอก็ "เป๊าะ" ดีดนิ้วดังๆ เพื่อ "แว้งงงงงง" ให้ยานดึงเบย์แทนด์หายไปจากตรงหน้าเธอ โดยไปโผล่มาอยู่ในห้องขังในยาน แล้วก็ "แว้งงงง" ตัวเธอก็กลับไปอยู่ในยาน แล้วยานลำนั้นก็ทะยานออกจากดาวดัลทาริฟโดยทันที

              ในช่วงปลายของยุคทองของมวลมนุษยชาติ มนุษย์โลกได้สร้างความผิดพลาดอันร้ายแรงด้วยการให้อัลติเมทคอมพิวเตอร์ฟาเธอร์ เป็นผู้ควบคุมเหล่าแมนิเกเตอร์ เหล่ามนุษย์พิเศษสายพันธุ์ใหม่ที่สร้างขึ้นจากวิทยาการอันล้ำยุคอันทันสมัยให้อยู่ในคำสั่งของฝ่ายสหพันธ์โลก จนนำพาไปสู่สงครามหายนะ 1 ปี อันเป็นสงครามอันร้ายแรงที่สุดจนทำให้ยุคทองจบสิ้นลง ความสงบสุขของมวลมนุษยชาติพังทลายไปพร้อมกับระบบการปกครองอันยิ่งใหญ่ แม้ฟาเธอร์ หรือโอเวอร์เดส กับเหล่าลูกสมุนจะถูกปราบจนหายไปจากโลก พร้อมกับนำพาความสงบสุขในช่วงที่ไม่มีแมนิเกเตอร์มาตลอด 20 ปีเต็มๆ จนกระทั่ง โอเวอร์เดสได้นำกองกำลังที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่กลับมาสู่โลก และได้ทำลายสหพันธ์โลกทิ้งลง ความเลวร้ายแบบสงคราม 1 ปีเมื่อ 20 ปีก่อนกลับมาครอบคลุมโลกอีกครั้ง นำพาไปสู่การต่อสู้ของเหล่าทหารชายหญิงทั้งหลายในการต้านทานการรุกคืบของกองรบจักรวรรดิ์ของโอเวอร์เดสกันขึ้นมา ทว่า การต่อสู้เพื่อปกป้องมวลมนุษย์ของพวกเขาต้องจบสิ้นลง และถูกจับฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังของโอเวอร์เดส แม้กระทั่งการชักชวนหรือรวบรวมเหล่านักรบที่ถูกกลั้นแกล้งให้มาเป็นกำลังสำคัญด้วย ความหวังของมวลมนุษยชาติแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังกันไปทุกๆปีด้วยกัน
              จนกระทั่ง....โคเคส แอคเมนโด้ แมนิเกเตอร์ซุปเปอร์โซลเยอร์ ได้ลุกฮือขึ้นมารวบรวมเหล่าแมนิเกเตอร์ที่ไม่พอใจในอำนาจของโอเวอร์เดสและจักรวรรดิ์ สร้างกองกำลังต่อต้านการรุกรานของกองรบจตุเทพของโอเวอร์เดส กำชัยชนะไปพร้อมกับช่วยเหลือเหล่าแมนิเกเตอร์ที่หลบซ่อนอยู่ในโลกให้รอดพ้นจากการคุกคามของฝ่ายโอเวอร์เดส และเหล่ามนุษย์ผู้เกลียดชังแมนิเกเตอร์กันมาตลอด จนกระทั่งเขาได้ร่วมมือกับกองรบฝ่ายมนุษย์โลก ปราบโอเวอร์เดสลงได้เป็นผลสำเร็จ และหาทางหลบหนีออกจากโลก เพื่อมุ่งสู่อวกาศอันไกลโพ้น ซึ่งพวกเขาได้เข้าช่วยเหลือกองรบมนุษย์ในอวกาศกับสมาพันธ์อวกาศ หยุดยั้งการรุกรานสมาพันธ์อวกาศของจักรวรรดิ์แรซัลก้าที่นำโดยโอเวอร์เรส พร้อมกับช่วยเหลือชาวอาณานิคมทั้งจากฝ่ายมนุษย์และจากฝ่ายแรซัลก้าที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์ เช่นเดียวกับรวบรวมเหล่าแมนิเกเตอร์มาเป็นแนวร่วมในการสู้รบในสงครามอวกาศครั้งนี้ จนพวกเขา กำชัยชนะเหนือโอเวอร์เรสและจักรวรรดิ์แรซัลก้าได้เป็นผลสำเร็จ แม้ว่าพวกเขาจะต้องเสียสละพวกพ้องไปถึง 2 คน เพื่อให้ได้มาซึ่งดาวบ้านเกิดอันสงบสุขแห่งใหม่ของพวกเขากันก็ตาม
              ทว่า....จุดจบของมหาสงครามจากโลกสู่อวกาศนั้น ไม่เพียงนำไปสู่จุดเริ่มต้นของความสงบสุขของพวกแมนิเกเตอร์ในระบบดาวใหม่กับสมาพันธ์อวกาศ แต่มันยังเป็นจุดเริ่มต้นสงครามครั้งใหม่ ระหว่างเหล่าแมนิเกเตอร์กับมหาอำนาจต่างดาวอันน่าเกรงขามกันขึ้นมา

    โดยเหล่านักรบที่เก่งกาจและทรงพลังมากที่สุดของฝ่ายสหพันธมิตร ได้หวนกลับสู่สังเวียนกันอีกครั้งหนึ่ง.... ซึ่งพวกเขาคือ....

    TriVESER Manigator Saga:The Del-Arnian War
    ตอนที่ 1 เหล่านักรบคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง เมื่อบ้านเกิดถูกศัตรูอันยิ่งใหญ่รุกราน

              ณ.ดาวแคสเซเดี่ยน-3 ระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ พรมแดนฝั่งตะวันออกของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ บ้านหลังใหม่ของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์
              4 เดือนหลังมหาสงครามแมนิเกเตอร์จบลงนั้น เหล่าแมนิเกเตอร์ที่อาศัยในดาวดวงนี้และดาวแคสเซรอน-4 ก็อยู่ในความสงบสุขกันมาตลอด ตั้งแต่พวกมนุษย์เทียม มนุษย์สังเคราะห์ มนุษย์ดัดแปลง มนุษย์โคลนนิ่ง แอนดรอย ไซบอร์ค มิวแทนอยด์ ไม่ว่าจะมาจากโลก ซึ่งพวกเขาเรียกตนเองว่า เทรอน และมาจากอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นพวกชาวอาณานิคมมนุษย์ที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์และพวกที่มาจากแรซัลก้า ก็ถูกเรียกว่าสเปซอน โดยในระหว่างนั้น พวกแมนิเกเตอร์บนดาวได้ออกเดินทางและบุกเบิกบนทวีปที่พวกเขาตั้งรกรากกันไว้ บางกลุ่มก็ตั้งถิ่นฐานสร้างเมืองอยู่อาศัย ขยับขยายพื้นที่และขอบเขตของพวกเขาไปอย่างรวดเร็วและค่อยเป็นค่อยไป บางกลุ่มเลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับสร้างถิ่นฐานอยู่อาศัย บางกลุ่มได้ทำการสำรวจพื้นที่เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองบนดาวดวงนี้ ทั้งพืชและสัตว์ต่างๆ บางกลุ่มพยายามค้นหาโบราณสถานที่อยู่ในดาวดวงนี้ บางกลุ่มออกสำรวจแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุ โลหะ อัญมณี ไปจนถึงแหล่งพลังงานต่างๆกันด้วย ตลอด 4 เดือนแห่งความสงบสุขนั้น ก็คือช่วงเวลาที่พวกเขาได้ทำความรู้จักกับดาวอันเป็นบ้านใหม่หลังที่สองของพวกเขากันไว้
              ที่ทำเนียบเงิน ซึ่งก็คือฐานทัพเอาท์คอมด์ของโคเคสเดิมที่เป็นส่วนบัญชาการหลักของแกรนเอ็กโซดัสอาร์ค โดยเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางการปกครองและที่พักของมหาประธานาธิบดี ผู้นำของเหล่าแมนิเกเตอร์ของกลุ่มสหพันธมิตร โคเคส แอคเมนโด้
              "ตอนนี้ นิคมอุตสาหกรรมโพริคอนดาเลย์และโฟควากอนนาเลย์ที่อยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับเขื่อนยักษ์ทรัฟแดม ซึ่งแล้วเสร็จในสามเดือนตามที่กำหนดไว้กันแล้วละ" ด็อดเจอร์กล่าวต่อโคเคสที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา
              "นั้นช่วยให้เขตรัฐของเรดเมลแกนทางตอนบนส่วนหนึ่งกับเขตรัฐของบลูโรเซียท รวมถึงเมืองหลวงของเรามีพลังงานจากเขื่อนยักษ์กันด้วยน่ะ" โคเคสกล่าว และหันมาถาม "แล้วโรงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่เรย์วัลเลย์กันละ รัฐมนตรีด็อดเจอร์"
              "ด้วยการประสานงานของกลุ่มซัลคาเลี่ยนและทีมตรวจสอบพื้นที่ริดีวิเนี่ยน ทำให้เราสามารถสร้างโรงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ไปได้ 70 เปอร์เซนต์ แล้วเสร็จได้ในอีก 1 สัปดาห์หรือเร็วกว่านั้นน่ะ" ด็อดเจอร์บอก
              โคเคสกล่าว "แม้พื้นที่แถบทะเลทรายนั้นจะเป็นพื้นที่ที่ร้อนระอุพอๆกันกับทะเลทรายเวลแซนดร้า อย่างน้อย แสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาจะช่วยให้เขตชุมชนที่อยู่ห่างออกไปอีก 5 แห่ง มีพลังงานใช้อย่างทั่วถึงกันบ้างน่ะ แล้วปัญหาอาชญากรรมในตอนนี้ละ ผบ.บัลโต้"  
              "เฮ้ออออ กรมตำรวจในเขตนครบาลและตามท้องที่ต่างๆนั้น คลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาไปได้แล้วละ แม้ว่าอาชญากรรมในช่วงแรกๆที่พวกเราสถาปนาเมืองนี้ขึ้นมาจะเป็นเรื่องลักเล็กขโมยของ ฉกชิงวิ่งราว ปล้นทรัพย์ต่อหน้าและลับหลังกันก็ตาม ตอนนี้ นอกจากคดีวัยรุ่นตีกันในเขตสาธารณชน คดีลักพาตัว คดีฉ้อโกงยักยอกเงิน เริ่มจะมีการค้าประเวณีหญิงและเด็ก ค้ามนุษย์ บ่อนพนันลับ ไปจนถึงการนำเข้าของผิดกฎหมายกันบ้างแล้วละ" บัลโต้ บาโธโรมิวรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
              โคเคสบอก "แล้วกรมตำรวจประสานงานกับทหารของนายในเรื่องอาชญากรรมเหล่านี้กันแล้วหรือยังละ"
              "ฉันได้สั่งให้ทหารแต่งนอกเครื่องแบบพร้อมกับตำรวจเพื่อมิให้พวกคนร้ายไหวตัวกันบ้าง จนสามารถคลี่คลายคดีและจับตัวผู้กระทำความผิดมาได้ก็จริง แต่....พวกเรายังไม่ทันจะส่งตัวคนร้ายไปเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ก็ดันมีพวกนักฆ่าโผล่มาปิดปากคนร้ายที่เราจับมาจนเสียชีวิตไปเลยนะสิ ถึงมีพวกทหารอยู่ด้วย เพราะเราได้ข่าวมาว่า พวกแก็งค์โจรในระยะเวลานี้ ใช้อาวุธสงครามก่อคดีกันแล้วน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสได้ฟังก็พยักหน้าด้วยความกังวลใจ "แล้วนายกับพวกช่วยตรวจสอบสรรพวุธของกองทัพว่ามันมีหายไปบ้างหรือเปล่าละ"
              "นับแต่ปืนสั้นริมฟ็อกซ์ เพคชู้ตเตอร์ไปจนถึงแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ ฉันได้ให้เดลิคและโซเฟียทช่วยเช็คไปแล้วละ อาวุธในคลังแสงของพวกเราอยู่ครบ แต่ที่พวกโจรมันใช้นั้น มันเป็นอาวุธปืนแบบเดียวกับที่เคอเรซทรูปเปอร์ใช้กันนี้แหละ" บัลโต้บอก
              โคเคสได้ฟังก็พิจารณาอย่างละเอียด "แล้วมีวี่แววของพวกโจรแก็งค์กริเดี้ยนโร็คกันบ้างหรือเปล่าละ"
              "ซาดูร่าบอกกับฉันไปแล้วละ ว่าหลังจากที่แรซัลก้าถูกปิดตายด้วยสนามพลังครอบดวงดาวระดับสุดยอดนั้น คามาลตัสกับพวกแก็งค์โจรแสบมันหนีไปอยู่ฝั่งของพวกเฮซเทิร์ซ และไม่ได้ยินข่าวของพวกมันมาในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาเลย ซึ่งฉันคิดว่า พวกมันคงสะสมกำลังรบอยู่ในเขตอวกาศดังกล่าวกันแน่ๆ เพราะฉันเช็คข่าวที่เกิดขึ้นในสมาพันธ์อวกาศมาตลอด แทบไม่มีข่าวที่มีพวกมันก่อเรื่องกันเลยน่ะ" บัลโต้กล่าว
              โคเคสตอบ "แต่เรื่องที่พวกโจรมีอาวุธปืนแบบเดียวกับที่เคอแรซทรูปเปอร์ใช้ยิงเจ้าหน้าที่ของกรมตำรวจอวกาศจนเกือบตายไป มาโผล่ที่เขตเมืองของพวกเรา คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆเลยน่ะ ผบ.บัลโต้ ดังนั้นฉันจึงอยากให้นายระมัดระวังในเรื่องการสืบสวน พอๆกันกับรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยจากภายนอกด้วยละ"
              "แอร์ไพล์มมิสกับพวกครีซีแทนจัดสร้างสถานีแพลตฟอร์มอวกาศขึ้นป้องกันเอาไว้เมื่อ 2 เดือนคงจะรับมือกับพวกศัตรูกันบ้างละน่ะ ท่านประธานาธิบดีโคเคส" บัลโต้บอก และหันมาถาม "แล้วผู้ว่าการเซริซ่าละ"
              โคเคสตอบ "เธอยังสบายดีอยู่นี้แหละ แม้ว่าพักนี้ จะมีเรื่องวิวาทกันระหว่างพวกเพโทรน็อกซ์กับพวกอีเนอไมนด์กันบ้าง พวกสโทรเพธกับพวกโซลูนาสตี้กันบ้าง พวกเวโนมีไนซ์กับพวกแอตแลนไทซ์กันบ้าง เธอกับนายแม่รัคชูมี่ แล้วก็คาราล่าได้ร่วมมือกันคลี่คลายแก้ปัญหาเหล่านั้นไปแล้วละ"
              "นั้นไม่แปลกแล้วละ ที่เรย์แม็กซ์ ลูกน้องของแคร์เรี่ยนแจ้งมาจากแคสเซรอนไว้ ว่าลูกน้องของไฮลอร์ดอากาเมมนอสกลุ่มหนึ่งท้าทายเรย์แม็กซ์และลูกทีมในหน่วยที่ 15 กันด้วย จนฉันต้องส่งซิลเวเทรทไปช่วยเรย์แม็กซ์ปกป้องเขตชุมชนกันไว้น่ะ" บัลโต้กล่าว "ว่าแต่ นายจะอนุมัติกองทัพให้ฉันส่งไปช่วยเซริซ่ากันบ้างมั้ยละ"
              โคเคสตอบ "คงยากนะ เพราะว่ากองรบในกองยานซัลคาลาสส่วนหนึ่งได้ออกเดินทางไปยังเขตอวกาศภาคกลาง เพื่อค้นหากองยานบุกเบิกของแรซัลก้าที่ยังไม่ได้ข่าวคราวกันมาตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา โดยเล็งไปที่ยานอวกาศที่อยู่รั้งท้ายและบีบให้ต้องตั้งรกรากบนดาวที่อยู่ใกล้ กับยานอวกาศที่ยังอยู่ในระบบดาวกันน่ะ"
              "นั้นก็ดีแล้วละ แม้ว่ากองยานบุกเบิกดังกล่าวอาจจะรู้เรื่องมหาสงครามของพวกเราจนเกิดการต่อต้านขึ้นมา เราหวังว่าทหารที่ทางเราไปช่วยนั้นคงจะอธิบายกับพวกเขาถึงเหตุและผลที่เกิดขึ้นในสงครามกันไว้น่ะ" จอมทัพแฮซกริฟติดต่อเข้ามา
              บัลโต้พยักหน้า "เพราะลุงเคยบอกกับผมและพวกมาแล้วนิ ว่าปัญหาบางอย่าง เราใช้กำลังแก้ไม่ได้ไปซะทุกเรื่องเลยสิน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย การส่งทหารไปช่วยกองยานที่อยู่รั้งท้ายนั้น จะเป็นใบเบิกทางไปสู่โครงการส่งกองยานบุกเบิกเขตอวกาศภาคกลางกันบ้างน่ะ" โคเคสกล่าวและติดต่อไปยัง "รัฐมนตรีวูลลิเซีย งานที่สถาบันของพวกคุณไปถึงไหนกันแล้วละ"
              วูลลิเซียรับสายเข้ามา "ท่านประธานาธิบดีคะ แล้วก็ทุกๆคนที่อยู่ในเครือข่ายการประชุมในครั้งนี้ด้วย ฉันมีข่าวดีจะมาบอกกันนะคะ"

              "คงหมายถึง เธอกับพวกขุดค้นพบสินแร่มีค่าที่อยู่ในหลุมทรายขนาดใหญ่ ในช่วงที่พวกเธอสำรวจพื้นที่ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่เพื่อสร้างโอเอซิสโซนขนาดใหญ่กันแล้วละสิ" ด็อดเจอร์กล่าว
              วูลลิเซียบอก "งานขุดค้นของพวกเราที่ดำเนินการอยู่นั้น เราเจอสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าทอง ยิ่งกว่าเพชร ยิ่งกว่าแร่พลังงานใต้พิภพกันเสียอีกนะคะ แต่เป็น.......บังเกอร์ขนาดยักษ์ใหญ่ที่ถูกฝังอยู่ใต้ผืนทะเลทรายแห่งนี้กันนะคะ"
              "บังเกอร์ขนาดยักษ์ใหญ่อย่างงั้นนะหรือ.... โว้ว แล้วนี้คงไม่ได้มีใครไปปลดล็อกอะไรที่อันตรายออกมากันเลยละสิ" บัลโต้ถามอย่างกังวล ทันทีที่ได้ยินรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์พูดถึงบังเกอร์ดังกล่าว
              วูลลิเซียบอก "ถ้าบังเกอร์นั้นมีอันตรายจริง ฉันคงต้องสั่งให้พวกเขาถอยออกมาและเรียกกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวของคุณไปนานแล้วละ" แล้วก็นำภาพการขุดค้นพบมา "แต่....บังเกอร์ที่ทางเราขุดค้นพบในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ไม่ปรากฎปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในแต่อย่างใด เช่นเดียวกับปฏิกิริยาของอานุภาคเคมี และอนุภาคที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของพวกเราด้วย แม้ว่าจะมีปฏิกิริยาพลังงานไหลเวียนเข้ามาในบังเกอร์ ซึ่งทีมวิจัยของเราตรวจสอบดู พบว่าบังเกอร์นี้ดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนพื้นทรายสะสมอยู่ภายใน พร้อมกับดึงพลังงานจากแมกม่าขึ้นมาเสริมด้วย แถมเราตรวจสอบอายุคาร์บอนของบังเกอร์แล้ว บังเกอร์นี้ถูกสร้างมาหลายศตวรรษด้วยกันนะคะ"
              "บังเกอร์ที่ถูกสร้างมาตั้งหลายร้อยปีน่ะหรือ คงไม่ใช่ผลงานของพวกต่างดาวที่เคยมาที่ระบบดาวนี้ก่อนหน้าพวกเรากันละสิน่ะ" ด็อดเจอร์บอก วูลลิเซียพยักหน้า
              แฮซกริฟถาม "แล้วทีมวิจัยของเธอมีการเปิดบังเกอร์เข้าไปดูแล้วหรือยังละ"
              "ทีมวิจัยของพวกเราได้ทำการเปิดประตูบังเกอร์ด้วยการถอดรหัสกันไว้ ซึ่งเราต้องใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะถอดรหัสที่มนุษย์ต่างดาวใส่เอาไว้ได้ครบถ้วนด้วยกัน จนพวกเราเข้าไปตรวจสอบภายในบังเกอร์ดังกล่าว....และนี้คือสิ่งที่เราค้นพบได้จากในนั้นนะคะ" วูลลิเซียนำภาพของวัตถุโบราณแบบต่างๆ ทั้งที่ทำด้วยหิน ทำด้วยเหล็ก และเครื่องไม้เครื่องมือแบบต่างๆ ไปจนถึง....
              "เออ เดียวก่อนน่ะ วูลลิเซีย ถอยกลับไปอีก 2 ภาพได้มั้ยละ" บัลโต้ขัดจังหวะไว้ เพราะเห็นภาพบางอย่างได้ แต่วูลลิเซียเปิดภาพเร็วไปหน่อย ซึ่งเธอก็ถอยภาพกลับมา เป็นภาพของ.... "ว้าว นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่พวกต่างดาวเก่าแก่นั้น สร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่เอาไว้น่ะ"
              "ว่าแต่ พวกต่างดาวที่มาบนดาวดวงนี้ สร้างบังเกอร์แบบนี้อีกแห่งหรือเปล่าละ" ด็อดเจอร์บอก
              วูลลิเซียกล่าว "ทีมวิจัยได้ตรวจสอบวัตถุโบราณและตัวอย่างในบังเกอร์ที่เก็บรวบรวมกลับมาที่สถาบันแล้ว พบว่า ยังมีบังเกอร์แบบที่เราเจออยู่ เพียงแต่มันอยู่ที่ไหนสักแห่งบนดาวดวงนี้แน่นอน ดังนั้น ฉันต้องการเวลาในการสำรวจกันสักหน่อยน่ะ"
              "การค้นพบสมบัติอันยิ่งใหญ่ของชนเผ่าต่างดาวนี้ ทุกวินาทีมีค่า พยายามใช้เวลาและแรงกายที่มีให้คุ้มค่ากันด้วยละ" โคเคสกล่าว วูลลิเซียพยักหน้า
              บัลโต้กล่าว "บอกตรงๆน่ะ ว่าพวกเราโชคดีมากที่ได้อยู่บนดาวที่มีของดีอันเก่าแก่เหลือไว้เลยวะ ต้องขอบใจพวกเวเซอร์กันจริงๆที่ช่วยนำพามาที่ดาวดวงนี้ และระบบดาวแห่งนี้ด้วยน่ะ"
              "ที่ถูกควรเป็นไซมาเทนซะมากกว่าน่ะ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำพาความวุ่นวายด้วยการรุกรานเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ฯ จนพวกเราต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กันก็ตาม นี้เป็นเรื่องดีเพียงเรื่องเดียวที่เขาได้ทำเอาไว้กันน่ะ" โคเคสบอก "เออ จริงสิ บัลโต้ เซริซ่านำสินค้าที่พวกเพโทรน็อกซ์ส่งมา โดยทางนั้นแจ้งให้พวกเราเอาไปส่งที่สถาบันริดีวิแนนท์เท่านั้น ฉันอยากจะให้นายจัดการเรื่องนี้กันหน่อยน่ะ" โดยนำภาพคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่สองอันที่อยู่ในยานแรคแทซไว้
              บัลโต้พยักหน้า "ฉันอยากจะรู้นัก ว่าแม่ทัพดีสโทนอฟนึกยังไงถึงส่งมอบบรรณาการมาให้วูลลิเซียกันไว้น่ะ"
              "นั้นไม่แปลกใจหรอกน่ะ เพราะเมื่อเช้า มาดามเจมมิสแจ้งมา ว่าเธอจะส่งของขวัญมาให้กันน่ะ" วูลลิเซียบอก
              ด็อดเจอร์กล่าว "หวังว่าคงไม่ใช่ระเบิดผลึกโชนโครคิฟกันหรอกน่า แม้ว่าจะใช้คอนเทนเนอร์บรรทุกมาก็ตามน่ะ"
              "ตอนนี้ เราหวังแค่ว่าพวกที่อยู่บนดาวแคสเซรอนนั้นคงไม่ก่อเรื่องกันบ้างน่ะ" แฮซกริฟบอก
              โคเคสพยักหน้า "งั้นการประชุมในช่วงสัปดาห์นี้ขอยุติเพียงเท่านี้เลยน่ะ" แล้วผู้ที่มาประชุมก็ตัดการติดต่อไป พร้อมกับติดต่อไปยัง....ชายหนุ่มผมสีทองในชุดสีน้ำเงินสลับสีขาว "ผู้ว่าการโพโบโวโล ความเป็นอยู่ในเฟิร์สฮิลล์เป็นไงบ้างละ"
              "ท่านประธานาธิบดี ตอนนี้ เมืองเฟิร์สฮิลล์ แม้มีปัญหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง เช่นเดียวกับเรื่องสาธารณูปโภคมีปัญหากันก็ตาม ดูเหมือนว่าสภาพการณ์ดังกล่าวเรียบร้อยไปด้วยดีนะครับ" โพโบโวโลกล่าว โคเคสพยักหน้า แต่ผู้ว่าการหนุ่มกล่าวไปว่า "แต่....มันติดตรงที่ กลุ่มเวเซอร์ที่อยู่ในเขตเมืองนั้น พวกเขายังมีปัญหากันบ้างน่ะครับ"
              โคเคสได้ฟังเลยหันมาถาม "ว่าแต่ พวกเขาก่อปัญหาอะไรขึ้นมากันน่ะ"
              "เออ พวกเขาเบี้ยวจ่ายเงินภาษีประจำเดือนกันนะครับ วันที่ผมแวะไปจ่าย พวกเขาก็ไม่อยู่ที่บ้านไม่ว่า บางครั้งที่ผมเจอพวกเขามา พวกเขากลับไม่มีเงินจ่ายกันแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับพวกเขาดีนะครับ" โพโบโวโลบ่น และถามไปว่า "ว่าแต่ พวกเวเซอร์มีดีตรงไหนกันน่ะ เพราะเห็นแล้วบางคนปากไม่ดี บางคนตัวโต บางคนดุร้ายเอามากๆ แถมบางคนเถียงคำไม่ตกฟากกันด้วยน่ะ"
              โคเคสกล่าว "เธอต้องอดทนกันสักหน่อยน่ะ เพราะว่าพวกเวเซอร์สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าพักนี้พวกเขามีก่อเรื่องในเขตเมือง แต่ฉันก็พอให้อภัยได้บ้าง เพราะพวกเขาล้วนปฏิบัติตามกฎหมายของพวกเรากันไว้น่ะ"
              "นี้แปลว่า พวกเขาคงเป็นคนดังมากเลยละสิ นั้นไม่แปลกใจเลยที่คนในชุมชนที่ผมดูแลรับผิดชอบ ต่างให้ความเคารพต่อพวกเขา โดยเฉพาะกับ....น้องชายของผบ.บาโธโรมิวกับพวกพ้องกันนะครับ" โพโบโวโลกล่าว
              โคเคสบอก "ถึงฉันเล่าไป เรื่องมันก็ยาว แต่เอาเป็นว่า พวกเขามีความสำคัญต่อพวกเราอย่างมากเลยละ อ้อ ถ้าอยากจะเจอพวกเขาละก็ ทำไมไม่แวะไปหาพวกเขาทุกๆวันไปเลยละ"
              "นั้นเป็นความคิดที่ เข้าท่ามากๆเลยละครับ งั้นผมจะลองดูเลยแล้วกัน ขอบคุณมากนะครับ ท่านประธานาธิบดี" โพโบโวโลกล่าว และตัดการติดต่อไป โคเคสยิ้มและหยิบเอารูปถ่ายของเขาที่มีพวกเวเซอร์อยู่ในนั้น
              "4 เดือนที่ผ่านมานี้ พวกนายคงไม่นิ่งดูดายอยู่เฉยๆอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลยสิน่า นั้นก็ดีแล้วละ เพราะฉัน ไม่สิ พวกเราส่วนมากเองก็รู้ว่า การมาที่ระบบดาวของพวกเรานี้ เราต้องเจอกับอะไรบ้างน่ะ" โดยที่เขาเดินออกมาข้างนอก เห็นตึกรามบ้านช่องในแมนิเกรโปลิสอยู่เบื้องหน้า และเงยหน้ามองฟากฟ้าเบื้องบนกันอยู่ "แม้ฟากฟ้าบนดาวของเราจะสงบก็จริง แต่ฉันรู้ดี ว่ามันแค่ลมแผ่วเบาก่อนพายุใหญ่จะโหมเข้ามากันน่ะ"

              แน่นอน ว่าสังหรณ์ใจไม่ดีของมหาประธานาธิบดีโคเคสนั้น กำลังจะเป็นจริงในไม่ช้า เพราะระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ที่พวกเขาตั้งรกรากกันในเวลานี้ มันเป็นพรมแดนฝั่งตะวันออกของทางสมาพันธ์อวกาศกันก็จริง แต่พรมแดนนั้นได้ติดกับเขตอวกาศฝั่งตะวันออกของแกแลคซี่ทางช้างเผือก อันเป็นอาณาเขตของกลุ่มอิทธิพลต่างดาวอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามไม่เป็นสองรองจากพวกเฮซเทิร์ซ กลุ่มผู้รุกรานจากเขตอวกาศดาวเหนือที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฝ่ายต่างดาวที่น่าสะพรึงกลัวและร้ายกาจมากที่สุด ซึ่งกลุ่มอิทธิพลต่างดาวที่พวกสหพันธมิตรต้องพบเจอกันนั้น ปกครองดาวเอาไว้พันดวง มีสถานะเป็นจักรวรรดิ์เหนือจักรวรรดิ์ทั้งปวง และเป็นผู้สร้างความวายปวง ต่อชนเผ่าผู้น้อยในเขตอวกาศดังกล่าว รวมถึงฝ่ายสมาพันธ์อวกาศและกลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์กันในไม่ช้าด้วย นามของกลุ่มอิทธิพลต่างดาวในเขตอวกาศฝั่งตะวันออกนั้นคือ มหาจักรพรรดิ์สหัสดารา เดลอาเนี่ยน
              "วี้งๆๆๆๆๆๆ" ยานสำรวจทรงกลมสีทองลอยอยู่เหนือดาวแคสเซเดี่ยน-3 พร้อมกับส่งสัญญาณบางอย่างซึ่งได้ส่งไปยังเขตอวกาศอันไกลโพ้น ไปยังดาวแม่อันเป็นดาวศูนย์กลางของมหาจักรพรรดิ์เดลอาเนี่ยน ดาวเดลาน่อน นครหลวงเดลอารอน ท้องพระโรง ซึ่งมีมนุษย์ต่างดาว 12 ตนยืนเรียงแถวทั้งสองข้าง ข้างละ 6 ตน ฝั่งซ้ายมีมนุษย์ต่างดาวแบบนก หมี แมลง เงือก มนุษย์ต่างดาวหญิงผิวสีฟ้า และมนุษย์ต่างดาวในชุดรัดรูปสีดำเข้ม ฝั่งขวามีมนุษย์ต่างดาวแบบแมว กิ่งก่า มนุษย์หินติดผลึก มนุษย์ต่างดาวแบบหุ่นยนต์ มนุษย์หัวโตสีเทาแบบมาตราฐานแต่ตัวสูงเท่ามนุษย์ และมนุษย์ต่างดาวหูกางตัวเล็กที่นั่งบนแท่นลอยอยู่ตลอดเวลา  โดยที่มีบุรุษผิวสีทอง ตาสีม่วงในชุดผู้สูงศักดิ์สีขาวสลับทองนั่งอยู่บนบัลลังก์ พร้อมกับแม่ทัพผิวสีทองแต่มีหนวดเคราที่ยาวและดำเข้ม สวมเกราะหนาสีทองพร้อมกับดาบขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับชายผิวสีทองมีผมยาวสีทองคำขาวในชุดผู้สูงศักดิ์ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง โดยตอนนี้นักรบผิวสีทองตาสีม่วงเดินเข้ามา พร้อมกับคุกเข่าเพื่อรายงาน "ทูลฝ่าบาท ยานสอดแนมของพวกเราที่ถูกส่งไปตรวจสอบระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์กันแล้ว พบว่าตอนนี้พวกแมนิเกเตอร์ได้เข้าจับจองพื้นที่ทวีปบนดาวนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปกันแล้วละครับ" นักรบผู้นั้นรายงาน โดยนำภาพของพวกแมนิเกเตอร์บนดาวแคสเซเดี่ยน-3 เคลื่อนไหวขยับขยายไปบนทวีปในดาวกันไว้ นักรบในเกราะสีทองถาม "แล้วกองกำลังของพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์กันนั้นละ"
              "กำลังรบส่วนหนึ่งเหมือนจะถูกแบ่งจำนวนกันไว้ เพราะไม่ใช่แค่ดาวแคสเซเดี่ยนเพียงดวงเดียว แต่ดาวแคสเซรอน-4 เอง ยานสอดแนมตรวจจับสัญญาณพลังงานอันหลายหลากอยู่บนดาวเป็นจำนวนมากด้วยนะครับ ท่านแม่ทัพบูเรนนอฟ" นักรบรายงานต่อนักรบเกราะสีทองผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของมหาจักรวรรดิ์นาม บูเรนนอฟ ซึ่งได้ดูภาพแสนยานุภาพของพวกสหพันธมิตร ที่มียานรบอยู่เป็นจำนวนมาก
              "นั้นตรงกับที่เขาเล่าลือกันจริงๆด้วย ว่าพวกสหพันธมิตรรวบรวมเหล่ากองรบที่ไม่เห็นด้วยกับแรซัลก้ามาจนมีขุมกำลังที่น่าเกรงขามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั้นไม่แปลกเลยที่จักรวรรดิ์แรซัลก้าจะพ่ายแพ้ไปได้น่ะ" แม่ทัพใหญ่กล่าว
              "เหอะ ไอ้พวกแมนิเกเตอร์เหล่านั้นมันเก่งกาจและทรงพลังมากกันเลยหรือ อย่างมาก พวกสมาพันธ์อวกาศส่งพวกนักรบกากๆเหล่านั้นมาให้เราทำลายทิ้งกันซะเปล่าๆละว้า" มนุษย์ต่างดาวหมีขนสีดำเข้มในชุดเกราะสีแดงเลือดกล่าว
              มนุษย์ต่างดาวกิ่งก่าสีเขียวในชุดเกราะสีเขียวแก่กล่าว "เท่าที่ทราบมา พวกมาจากแรซัลก้านั้นก็เจอกับไอ้พวกเฮซเทิร์ซรุกรานเข้ามากันแบบนี้ พวกมันโง่จริงๆที่หนีจากพวกสถุลจากเขตดาวเหนือมาเจอพวกเรา ช่างไม่เจียมบอดี้เสียจริงๆ"
              "ท่านจักรวรรดิ์อุลซาร์ฟแห่งบรูซาแรม ท่านจักรวรรดิ์ไทโรนอฟแห่งซอร์แรค ข้าเกรงว่า พวกท่านประมาทต่อพวกแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ากันเกินไปหน่อยน่ะ โดยเฉพาะ พวกนักรบระดับพระกาฬที่อยู่ในกลุ่มสหพันธมิตรกันด้วยน่ะ" ชายสูงศักดิ์กล่าว และหันมาถาม มนุษย์ต่างดาวผิวสีเทาหัวกลมที่ยืนอยู่ "ท่านจักรวรรดิ์วิทยะเกรเทคซ์ ท่านมีความเห็นเกี่ยวกับพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์และเหล่าแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ากันยังไงละครับ"
              มนุษย์ต่างดาวผิวสีเทาหัวกลมตัวสูงเดินเข้ามา "เรียนท่านเดลวูล ราชทายาทอันดับหนึ่ง ตามข้อมูลที่พวกเรา เผ่าไซเอทนอยด์รวบรวมและวิเคราะห์มาในช่วงที่ โอเวอร์เรส ผู้นำของฝ่ายแรซัลก้าทำสงครามกับโคเคส ผู้นำของฝ่ายสหพันธมิตรกันนั้น พบว่า แมนิเกเตอร์ของฝ่ายโอเวอร์เรสแม้จะทรงพลังมากกว่ากันก็จริง เพราะ 4 กองรบแรกนั้นล้วนเป็นอันตรายต่อจักรวาลกันอย่างมาก ในขณะที่อีก 4 กองหลังมานั้น ก็มีพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ กลับพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายของโคเคสกันเสียเอง ยิ่งไปกว่านั้น จักรกลสงครามที่ทั้งสองฝ่ายนำออกมารบนั้น ฝ่ายสหพันธมิตรใช้ยุทโธปกรณ์ที่แม้เก่าแก่แต่ยังทันสมัยกันอยู่ และมีการปรับปรุงพัฒนาได้ทุกเมื่อ แม้จะไม่เร็วเท่ากับที่พวกเราทำอยู่ก็ตาม กลับเอาชนะฝ่ายแรซัลก้าที่มีความได้เปรียบทางด้านนวัตกรรม ที่ใหญ่กว่า แข็งแกร่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่า และมีโอกาสถึง 199 เปอร์เซนต์ ที่พวกเราจะถูกจักรวรรดิ์แรซัลก้าโค่นได้ง่ายๆ หากฝ่ายสหพันธมิตรและสมาพันธ์อวกาศเป็นฝ่ายปราชัย" โดยนำภาพยานดราคาเทนาร์คของไซมาเทน และยานเมซโซโพเรเทียร์ของโอเวอร์เรสมาด้วย
              "ตะกี้ท่านบอกว่า ยานรบสองลำนี้ พังพินาศเพราะสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์กันอย่างงั้นนะหรือ" มนุษย์ต่างดาวนกสีแดงส้มถาม
              เกรเทคซ์ตอบ "ลำหนึ่ง เกิดการระเบิดจากภายใน และแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้ทำลายยานลำใหญ่นี้ทิ้งเพื่อมิให้ยานถูกยึดไปได้ ส่วนอีกลำของผู้นำแห่งแรซัลก้านั้น รบพุ่งกับกองรบของฝ่ายสหพันธมิตรที่มีพวกมนุษย์ในอวกาศและพวกชาวดาวฤกษ์จนพังเสียหายทั้งภายนอกและภายใน จนถูกพวกสมาพันธ์อวกาศถล่มด้วยอาวุธปฏิสสารไปแล้วละ ท่านจักรวรรดิ์อาร์ควีทแห่งอัลแทเรี่ยน"
              "แล้ว นักรบดาวฤกษ์ที่เข้าร่วมด้วย อย่างซารีทิสแห่งดานาสก้าล่ะ" มนุษย์ต่างดาวหญิงผิวสีฟ้าในชุดเกราะเต็มยศถาม
              เกรเทคซ์กล่าว "ข้าต้องบอกกับท่านก่อนน่ะ ท่านจักรพรรดินีสงครามออมนิม่าแห่งเฟลาเรี่ยม ว่ายอดนักรบดาวฤกษ์นามซารีทิสนั้น พลีชีพเพื่อหยุดพวกรุกรานของพวกเฮซเทิร์ซที่รุกคืบเข้ามา ดังนั้น ฝ่ายดาวฤกษ์จึงเหลือน้องสาวของซารีทิสนาม ซาดีริลแล้วละ"
              "ข้านึกแล้วว่า การต่อสู้ครั้งที่ 5 เมื่อ 14 ปีก่อนนั้น จะเป็นครั้งสุดท้ายกันจริงๆน่ะ" ออมนิม่าได้ฟังก็ถอดถอนใจขึ้นมา
              มนุษย์ต่างดาวแมวเพศหญิงเดินเข้ามา "องค์มหาจักรพรรดิ์คะ ข้า จักรพรรดินีมิวนัสแห่งแมทเทริม ขออาสาไปจัดการกับพวกแมนิเกเตอร์เหล่านี้ด้วยกงเล็บของข้า และนำพาระบบอีสทาล่ามาถวายให้ท่านนะคะ"
              "ข้าเกรงว่ากงเล็บของเจ้าคงข่วนพวกแมนิเกเตอร์เหล่านั้นไม่ไหวหรอก" อาร์ควีทแย้งและขันอาสาให้เอง "องค์มหาจักรพรรดิ์ ด้วยกองยานรบอันว่องไวและรวดเร็วของพวกเราอัลแทร์เรี่ยนนั้น จะกวาดล้างพวกกองรบของพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์เองครับ"
              มนุษย์ต่างดาวเงือกสีเทาเขียวเดินเข้ามา "ให้ข้า จักรพรรดิฮาชูลัมแห่งเทรโอเซี่ยม นำกองยานอันแข็งแกร่ง มั่นคงและไปถึงระบบดาวก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวได้ทัน นำระบบพรมแดนสู่สมาพันธ์อวกาศมาให้ท่านดีกว่านะครับ"
              "องค์มหาจักรพรรดิ์ไม่ยอมให้พวกปลาซิวปลาสร้อยอย่างพวกแกไปถล่มพวกนั้นหรอก เพราะข้ามีแสนยานุภาพที่ทรงพลังกว่า ต่อให้พวกแมนิเกเตอร์มันแน่ถึงขั้นถล่มเทพีจักรกลลงได้ พวกมันก็แหลกคาปืนผาหน้าไม้ของพวกเรากันอยู่แล้วละ" อุลซาร์ฟกล่าว
              แต่ไทโรนอฟตัดหน้าแย่งกันเสนอตัว "ถึงอาวุธดี แต่พวกแมนิเกเตอร์นั้นมีหลากหลายและเยอะแยะเช่นนี้ ให้ข้านำกองรบที่มีมากถึงร้อยล้านไปถล่มพวกมันจะดีกว่านะครับ"
              "องค์จักรพรรดิ์คะ ข้า จักรพรรดินีคลาแค็กซ์ มหานางพญาแห่งเผ่าอินเซคเที่ยม มีกำลังพลมากกว่าเผ่าซอร์แรคถึงระดับพันล้าน ขออาสาไปจัดการกับพวกแมนิเกเตอร์กันนะคะ" นางพญาแมลงในชุดผ้าสีเขียวที่หม่นหม่อง แต่มีแขนยาวและลำตัวปล่องมีขาอีก 4 ขาเดินเข้ามาเสนอตัว
              มิวนัสแย้ง "แมงเม่าอย่างพวกหล่อนไป ก็มีแต่จะโดนเลเซอร์และพลาสม่าแผดเผากันนี้แหละ ให้ข้าไปจะดีกว่านะคะ"

              "เงียบ!!!!!" มหาจักรพรรดิ์ตะโกนลั่นขึ้นมา จนทำให้จักรพรรดิ์ที่ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ สงบลงอย่างทันควัน และรีบคุกเข่าโดยเร็ว "มหาจักรพรรดิ์เดลมูดัล ท่านอย่าได้ทรงกริ้วเลยนะขอรับ" บูเรนนอฟทัดทานต่อมหาจักรพรรดิ์อย่างทันควัน มหาจักรพรรดิ์เลยลุกขึ้น
              "พวกเจ้ารู้บ้างมั้ย ว่าเจตนารมณ์ของมหาจักรพรรดิ์เดลอาเนี่ยนองค์ก่อนหน้าข้า ที่ต้องการรวมจักรวาลอันยิ่งใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยขุมกำลังอำนาจอันเกรียงไกรของพวกเรา ซึ่งรวมถึงสมาพันธ์อวกาศที่เป็นกลุ่มชนอวกาศที่อ่อนแอที่สุด และสมควรจะเป็นเมืองขึ้นบริวารของพวกเรากันมากที่สุด นับตั้งแต่สมาพันธ์ฝั่งดาวเหนือถูกพวกเฮซเทิร์ซยึดครองมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เพราะความอ่อนแอและไร้ความสามารถของพวกนั้นในการปกป้องถิ่นฐานเดิมและปล่อยให้อรนัยชนต่างดาวเฮซเทิร์ซเข้าครอบครองเสียเอง ไม่สำเร็จและไม่บรรลุกันเลยสักครั้งนั้น ถ้าไม่เพราะพวกเฮซเทิร์ซที่นำกองกำลังของพวกมันบุกรุกเขตอวกาศของพวกเราด้วยการวาร์ปเข้ามา นั้นก็คือการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของพวกเจ้าส่วนมาก ที่กัดกร่อนเจตนารมณ์ของข้า และจักรพรรดิ์องค์ก่อนๆเองแหละ"
              "พวกเราผิดไปแล้วละครับ คะ องค์มหาจักรพรรดิ์เดลมูดัล" เหล่าจักรพรรดิ์ทั้ง 12 กล่าว
              เดลวูลบอก "ท่านพ่อขอรับ ในเมื่อพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์มาอยู่ในระบบดาวอีสทาล่ากันนั้น ก็เท่ากับว่าพวกนี้มาเป็นกำแพงขวางทางเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษของพวกเรากันด้วยแล้ว พวกเราจำต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกันแล้วนะครับ"
              "นับแต่ชาวออร์เลียน ผู้ซึ่งให้ความช่วยเหลือพวกเรามาหลายชั่วอายุนั้น ถูกพวกเรากวาดล้างเพราะขัดขวางมิให้พวกเรานำกองรบไปยึดสมาพันธ์อวกาศที่อ่อนแอกันขึ้นมา ซึ่งนั้นเป็นวาระสุดท้ายของชนเผ่าที่เก่าแก่มากที่สุดของพวกเรา ที่กล้ามาห้ามมิให้พวกเราเบียดเบียนชนเผ่าทั้ง 24 เผ่าที่อ่อนแอมากที่สุดไว้ ต่อให้พวกนั้นมีชนเผ่าดาวฤกษ์อันทรงภูมิปกป้องเอาไว้ก็ตาม มาบัดนี้ พวกนั้นส่งพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ที่ช่วยเหลือพวกนั้นเอาชนะพวกแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ากันได้ มาประจำที่พรมแดนฝั่งตะวันออกกันเช่นนี้ ถ้าพวกนั้นสามารถเอาชนะแสนยานุภาพของพวกแรซัลก้าที่อยู่ฝั่งตะวันตกได้ ก็เท่ากับว่าพวกนั้นเป็นกำแพงขวางเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษและของข้าด้วยเช่นกัน" เดลมูดัลกล่าว และสั่งการให้ "บูเรนนอฟ และเหล่าจักรพรรดิ์ทั้งหลาย นำกองรบของพวกเจ้าส่วนหนึ่ง ประกาศศักดาต่อพวกสหพันธมิตรหน้าโง่เหล่านั้นให้เห็นถึงความโอหังของพวกมันที่มีต่อพวกเรากันเดียวนี้เลย"
              บูเรนนอฟและเหล่าจักรพรรดิ์กล่าว "บัญชาของท่าน พวกเราจะรับและลงมือทำแล้วละครับ คะ"

              ตัดกลับมาที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 เฟิร์สฮิลล์ เขตป่าเขาฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
              "ซ่า" ณ.น้ำตกสูงในเขตหุบเขา เอชมาสวาร์ทาร์ ยอดนักดาบผู้เก่งกาจมากที่สุดในกองรบเวเซอร์ยืนนิ่ง ถือดาบมาสวาร์ทาร์เบลดด้วยมือทั้งสองไว้แน่นๆ โดยยืนนิ่งหลับตาเอาไว้ ซึ่งบนน้ำตกที่อยู่สูงเหนือหัวของยอดนักดาบมือหนึ่งผู้นี้ มีท่อนซุงที่ถูกตาข่ายขึงกักเอาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งไอรอนพลัสเชอริท แมนิเกเตอร์หุ่นยนต์มือสังหารยืนอยู่ "แกร็ก ฟิ้ววววว" ซึ่งก็ลงมือด้วยการยิงดาวกระจายจากแขนท่อนในข้างขวาเข้า "ปั้กกก ฉึบบบบ" ตัดเชือกที่ผูกกับต้นไม้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งติดกับตาข่ายใช้ตรึงท่อนซุงทั้งหลายเอาไว้จนขาดลง ส่งผลให้ตาข่ายหลุดออก จนปล่อยท่อนซุงออกมาเป็นจำนวนมาก "ฟ้าวๆๆๆๆๆ" ร่วงลงมายังมาสวาร์ทาร์ "ฮืมมมมม หึ!!!!" ซึ่งลืมตาขึ้นหลังจากยืนนิ่งมานานแล้ว "ฟึ่บบบ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ" มือทั้งสองจับดาบตวัดฟาดฟันใส่ท่อนซุงที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เขาไม่กระโดด ไม่ถอยหลบออก หรือเคลื่อนไหวจากจุดที่เขายืนอยู่แต่อย่างใดเลย ซึ่งท่อนซุงเหล่านั้นก็ "ฉึบๆๆๆๆๆๆ เป๊าะๆๆๆๆๆๆ ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" ถูกสับขาดเป็นท่อนเล็กๆจำนวนมากร่วงลงลำธารห่างจากตัวมาสวาร์ทาร์กันอย่างพร้อมเพียง บ่งบอกถึงทักษะเพลงดาบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ ซ่า" ไม่ทันไร ก็มีคู่ต่อสู้ตีลังกาเข้ามาตรงหน้ามาสวาร์ทาร์ไว้ "แอบไบออสคงจะทำสมาธิคุมสัญชาตญาณของตนเองได้แล้วสิน่ะ" พลัสเชอริทกล่าวกับคู่ต่อสู้ที่เข้ามาสู้กับมาสวาร์ทาร์ ซึ่งก็คือเดธเทน แอบไบออส ยอดนักบินกิซซีรีย์ที่กลายเป็นพวกเวโนมีไนซ์ และสมาชิกในกองรบเวเซอร์ โดยในตอนนี้ "แกร็ก ซวบบบบบบบ ครี้งงงง" ดึงดาบโบนเซเบอร์ออกจากฝ่ามือซ้ายอย่างช้าๆ และ "ฟึ่บบบบ ซ่า" สบัดดาบเพื่อไล่เลือดที่เกาะคมดาบลงลำธารไป ซึ่งก็จับดาบหันเอาคมดาบไปข้างหลังไว้ "ว้ากกกกกก" แล้วก็กระโดดเข้า "แกร้งงง เกร้งงง เกร้งง แกร้งงง" ฟาดฟันดาบใส่มาสวาร์ทาร์ที่ใช้ดาบปัดรับการฟาดฟันอย่างรวดเร็ว "เกร้งงงง ฟึ่บบบบ" มาสวาร์ทาร์ใช้ดาบต้านคมดาบกระดูกของแอบไบออสด้วยการโถมแรงผลักเดธเทนให้ถอยไป แล้วก็ "หวับ หวับ หวับ หวับ หวับ เกร้งๆๆๆ เกร้ง เกร้ง" บุกเข้ากวาดแกว่งดาบด้วยสองมืออย่างต่อเนื่อง จนแอบไบออสต้องใช้ดาบปัดป้องกลับไป แม้จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาสวาร์ทาร์เลยก็ตาม "หวับบบบ เกร้งงงงง" มาสวาร์ทาร์เลยหวดดาบฟาดลงมาใส่แอบไบออส ซึ่งรีบจับดาบพร้อมใช้มือซ้ายดันคมดาบด้านในต้านดาบเอาไว้ "กรี้กกกกกก ฟึ่บบบบ ป้ากกกก" จากนั้นก็ยกโบนเซเบอร์กรีดดาบของมาสวาร์ทาร์ขึ้น จากนั้นก็โดดถีบมาสวาร์ทาร์จนเสียหลักไปเต็มๆ แม้จะไม่งอกเล็บเท้าให้คมและยาวเลยก็ตาม แล้วทั้งคู่ก็ฟาดฟันดาบกันต่อ
              อีกด้านหนึ่งนั้น "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิล เบรซซิ่งแฮนด์แห่งอีเนอไมนด์ บุรุษหมัดเพลิงสีน้ำเงินวิ่งออกจากป่าฝ่าพุ่มไม้ที่ขวางทางอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันไรก็ "ฟ้าวววว" เจเนล เดอะคิกบัสเตอร์ แมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้แบบผสม หัวหน้าหน่วยเจเนไซด์ทีม ผู้มีแขนของครีซีแทนและบอดี้จากการเพิ่มพลังแบบสโทรเพธพุ่งแดชเข้ามาขวางพีวิลไว้ พร้อมกับ "ฟึ่บๆๆๆๆ" พุ่งถีบใส่พีวิลไปห้าทีแบบไม่ให้โต้ตอบได้ แต่ก็... "ฟึ่บๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" พีวิลชกหมัดฮาร์ดนัคเคิ้ลโต้ตอบการถีบของเจเนลห้าทีเช่นกัน จนหมัดของพีวิลยันกับฝ่าเท้าของเจเนลเข้า "เปรี้ยงงง" ซึ่งทั้งคู่กดแรงที่หมัดและเท้าจนผลักออกจากกัน "ฮึย ว้ากกก" พีวิลเลยวิ่งเข้าใส่เจเนล "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" โดยวิ่งไปอย่างเร็วจนหายตัวไปได้ ซึ่งพีวิลก็ปรากฎมาให้เจเนลเห็นแบบผลุบๆโผล่ๆขึ้นมา ด้วยความเร็วของตัวพีวิลที่มากขึ้น "เครเซนท์คิก" เจเนลเห็นเช่นนั้นเลยชิงลงมือด้วยการกระโดดเตะซัมเมอซอลท์เข้าใส่ในจังหวะที่พีวิลโผล่มาตรงหน้า "หือออ" พีวิลรีบไขว้แขนเพื่อบล็อกแต่ปลายเท้าของเจเนลไปเร็วกว่าจน "เปรี้ยงงงง" ถูกเตะเสยปลิวขึ้นไปจนตัวห้อยหัวลงมา แต่.... "หวับบบบ ฟึ่บบบบ" พีวิลเสยชกลงพื้นเพื่อให้เกิดแรงผลักให้ตัวเขาลอยขึ้นจากพื้น เปิดช่องให้เขาตีลังกาพลิกตัวกลับมาอยู่ที่ท่านั่งคุกเข่าไว้ "เฮ้ยยยย ชาร์จคิกกกกก" เจเนลเห็นดังนั้นเลยพุ่งเข้าถีบใส่ โดยที่พีวิลซึ่งยังนั่งคุกเข่าอยู่นั้น "พรึบบบบ" จุดไฟสีน้ำเงินขึ้นที่หมัดซ้ายเอาไว้ และสวนกลับด้วย "ทอร์เนโดวสไปค์" การหวดหลังแหวนซ้ายที่ลุกโชนพร้อมกับกระโดดหมุนตัวขึ้นในท่าเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วจน "เปรี้ยงงงง" เสยอัดเจเนลบิดเกรียวกระเด็นไปยังต้นไม้ "หวับๆๆๆ ตึกกก ฟ้าววว" แต่เจเนลตีลังกาให้เท้าไปอยู่ข้างหลังเพื่อใช้เท้าถีบต้นไม้กระโดดลงมายืนตรงหน้าพีวิลต่อ แล้วก็... "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ" เจเนลกระโดดเข้าชกใส่พีวิลอย่างรวดเร็ว ซึ่งพีวิลรีบใช้มือโตปัดป้องการชกไว้ได้ทุกดอก จากนั้นก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำถีบและเตะใส่เจเนลกลับ ซึ่งเจเนลก็ใช้ขาเตะโต้ตอบเพลงเตะและถีบของพีวิลได้เช่นกัน

              แล้วก็อีกด้านหนึ่งนั้น.... "กร้อง โครมมมมมม" กราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟแห่งแอตแลนไทซ์ถูกเป่ากระเด็นในท่าไขว้แขนบล็อกไว้ ซึ่งในตอนนี้เขาได้สู้กับ "ซวบบบบ หวับบบ กร้องงงง" เนคมาดูซัม แกตไทซ์เฮฟวี่คอมมานโด้ ซึ่งกระโดดออกมาจากป่าพร้อมกับชกหมัดโตๆเข้าใส่ แต่คลอเวฟเอาหัวไหล่ซ้ายกระทุ้งป้องกันหมัดเอาไว้ได้ จนทำให้เกราะหัวไหล่กลมข้างซ้ายบุบตามหมัดไปด้วย "ย้ากกกกก" คลอเวฟเห็นเช่นนั้นเลยบุกเข้าชกใส่เนคมาดูซัมกลับ "กร้องๆๆๆๆ" ซึ่งเนคมาดูซัมก็ใช้ท่อนแขนมาปัดป้องการต่อยของคลอเวฟกันทุกดอกด้วยกัน "ว้ากกกก" คลอเวฟเลยชกทีเดียวสองหมัดพร้อมกัน "กร้องงงง" แต่เนคมาดูซัมยกแขนตั้งฉากบล็อกหมัดของคลอเวฟไว้ แล้วก็ "เปรี้ยงงงง" ถีบคลอเวฟจนถอยออกไปถึง 8 เมตรด้วยกัน "แรงมากใช่มั้ย เจอสาดน้ำนี้หน่อยเป็นไง วอเตอร์เวฟ" คลอเวฟชูนิ้วลงพื้นพร้อมกับ "ฟ้าววววว ซ่า" สบัดมือตวัดขึ้นเสยจนซัดคลื่นทะเลจากพลังไฮโดรฟอสขนาดย่อมพุ่งเข้าใส่เนคมาดูซัมอย่างรวดเร็ว "ยังไม่เข็ดเลยนะ คลอเวฟ เอาของนายกลับไปเลย" เนคมาดูซัมกล่าวพร้อมกับหยิบแพลทกลมจากกลางหลังออกมา "โบลท์รีเฟรคเตอร์" สร้างกำแพงพลังสีทองทรงกลมออกมา "เปร้งงงง ฟ้าววว ซ่า"  ซึ่งเมื่อคลื่นทะเลกระทบกับกำแพงพลังเข้า มันก็ถูกปัดสะท้อนกลับมายังคลอเวฟ "ชิ" ซึ่งรีบซัดอีกคลื่นออกไปปะทะใส่คลื่นที่ถูกสะท้อนกลับมาโดยเร็ว "เฮ้ย ย้า" แล้วรีบกระโดดขึ้นสูงด้วยไฮโดรฟอสแทงค์ด้านหลัง แล้วพุ่งทิ้งดิ่งลงมาในแนวเฉียงอย่างรวดเร็วในท่า "เดฟชาร์จดรอป" และเหยียดขาคู่เข้า... "กร้องงงงงง ครืดดดดดด" ถีบใส่เนคมาดูซัมจนถอยไปตั้งสิบเมตรเต็มๆ แม้เจ้าตัวจะเบรคด้วยส้นเท้าทั้งสองข้างเลยก็ตาม "ไทดัลแทคเกิ้ล เฮดแอทแทค" คลอเวฟเลยบุกเข้าซ้ำด้วยการพุ่งเอาหัวโขกใส่เนคมาดูซัมไปเต็มๆ จนถอยไปอีก 4 ก้าวด้วยกัน "คราวนี้นายโดนแน่ วอร์ชิฟดรอป" คลอเวฟพุ่งพร้อมกับเยียดขาคู่เพื่อถีบใส่เนคมาดูซัมให้ล้มแบบเด็ดขาด "กร้องงง" ทว่า เนคมาดูซัมไม่เพียงใช้ท่อนแขนสองข้างบล็อกเอาไว้อย่างทันควันอย่างเดียว "หมับบบบบ" แต่ยังโต้ตอบกลับด้วยการจับตรงข้อเท้าเอาไว้ พร้อมกับ "เฮ้ยยยย เทอเรทสวิงค์" จับเหวี่ยงหมุนแบบเต็มแรง "หวับๆๆๆๆ" ถึง 5 รอบด้วยกัน แล้วก็ "ย้า" ทุ่มเขวี้ยงคลอเวฟให้ปลิวไป "ฮึย ชะเอ้ๆๆๆๆๆ" แม้คลอเวฟจะรีบพลิกตัวเพื่อไม่ให้ล้มกระแทกพื้นได้ทัน แต่เท้าซ้ายกลับเหยียบไม่มั่นคงจนเกือบทำให้ตนเสียหลักไปชั่วขณะหนึ่ง "เฮฟวี่โคลสไลน์" เนคมาดูซัมพุ่งเข้ามา "กร้องงงงง" หวดท่อนแขนซ้ายอัดเข้าหน้าคลอเวฟจนตัวปลิวตีลังกาขึ้นไป 4 ตลบอย่างจังๆ และร่วงกระแทกพื้นหญ้าไป "รัชชิ่งพันเชอร์" เนคมาดูซัมวกกลับมา "กร้องงง กร้องงงง ป้ากกก" ชกหมัดขวาตรง และอัปเปอร์คัตซ้ายขวาใส่คลอเวฟครบสามดอกด้วยกัน "กร้องงงงง" คลอเวฟเลยชกเข้าหน้าเนคมาดูซัมไปเต็มๆหมัด "ป้ากกกกก" เนคมาดูซัมเลยกระทุ้งหัวไหล่กลมอัดใส่คลอเวฟจนเกือบล้ม "หมับบ แกร็กๆๆๆ" คลอเวฟเลยจับแขนขวาของเนคมาดูซัมเหยียดพร้อมกับถีบเข้ากลางหลังไปด้วย "แกร็กๆๆๆๆๆ" เนคมาดูซัมเอาคืนด้วยนั่งหันหลังและดัดขาทั้งสองข้างไว้ "ฮึยยย" คลอเวฟเลยดิ้นหลุดด้วยการใช้ส้นเท้ากระแทกคางเนคมาดูซัมจนต้องปล่อยมือไว้ "แฮกๆๆๆๆ" ทั้งคู่หอบเหนือยจากการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง "เฮ้ย ว้ากกกกก" คลอเวฟร้องลั่นพร้อมกับวิ่งเข้าใส่ ในจังหวะที่ "ย้ากกกก" เนคมาดูซัมตะโกนและวิ่งออกตัวไปพร้อมกับเงื้อหมัดเข้าเพื่อชก แต่.... "ว้ากกกก" แมนิเกเตอร์ตัวโตสวมเกราะสีขาว โดยที่ส่วนสะโพกและต้นขาเป็นสีดำเข้มกระโจนเข้ามา "กร้องงงง กร้องงงงง" เหยียดขาถีบใส่คลอเวฟและเนคมาดูซัมที่หันมาเพราะได้ยินเสียงตะโกน พร้อมกับบล็อกฝ่าเท้าที่พุ่งถีบเข้ามาในทันที แม้จะทำให้ทั้งคู่ถอยไปตามแรงถีบของแมนิเกเตอร์ร่างใหญ่กว่าทั้งสอง แต่ก็ทำให้เขาล้มหลังฟาดพื้นไปเช่นกัน
              "มึงจะเข้ามาสอดหา....อะไรของมึงวะ จายด์" คลอเวฟสบถอย่างหงุดหงิดไปไม่น้อย

              "ทำไงได้ละ ฉันกายบริหารด้วยการยกหิน ยกไม้และแท่งโครมเมทาเลี่ยมมานานแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะยืดเส้นยืดสายกันสักหน่อยแล้วละ" จายด์บอก
              เนคมาดูซัมชกหมัดทั้งสองข้างไปเต็มๆ "ย่อมได้น่ะ สหาย งั้นก็เข้ามาเลย" คลอเวฟไม่ค่อยชอบเลย แต่ก็ต้องมาสู้กับจายด์ แมนิเกเตอร์ร่างใหญ่และแข็งแกร่งมากสมกับฉายา มนุษย์กำแพงเดินได้ ของพวกเวเซอร์กัน ซึ่งตอนนี้ "ฟึ่บๆๆๆๆ" จายด์เสยหมัดเข้าชกใส่เนคมาดูซัมและคลอเวฟแบบไม่ยั้ง ซึ่งทั้งคู่รีบใช้แขนปัดป้องชกกลับใส่อย่างทันควัน
              "วาโช้ววววว" ด้านพีวิลและเจเนลที่กำลังสู้อยู่ ก็มีมือที่สามกระโดดเข้ามา เป็นไอ้หนุ่มยอดกังฟูผมยาวสีดำเข้มและมีแถบเหล็กบนหัวถึงสองอันด้วยกัน "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดยเริ่มจากซัดฝ่ามือเข้าใส่พีวิลที่รีบโยกท่อนบนหลบฝ่ามือและใช้ท่อนแขนปัดป้องไป จน... "หมับบบ" พีวิลใช้มืออันใหญ่จับข้อมือของไอ้หนุ่มกังฟูไว้ แต่... "ป้ากกก" บุรุษยอดกังฟูเตะเข้าต้นขาซ้ายของพีวิลจนทรุดล้มแล้วก็ "ป้ากๆ" เตะเสยสองจังหวะเข้าปลายคางพีวิลไปเต็มๆ "ย้า ย้า ย้า ย้า ย้า" เจเนลเห็นเช่นนั้นเลยหมุนตัวเตะใส่บุรุษหนุ่มผู้นี้ไปห้าที ซึ่งก็ "ฟึ่บๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" สบัดขาเตะโต้ตอบเจเนลไปห้าทีเช่นกัน แล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ" สบัดฝ่ามือเข้ากระหน่ำใส่เจเนลไปอย่างรวดเร็ว แม้จะรีบบล็อกด้วยท่อนแขนไว้ แต่ก็ไม่ไหวพอจน "เปรี้ยงงง" โดนไอ้หนุ่มกังฟูกระทุ้งด้วยหัวไหล่ซ้ายอัดเจเนลจนถอยไป พร้อมกับตั้งท่าผ่อนลมหายใจหลังจากที่ออกแรงไปแล้ว "เฮ้อ นายนิ เหลือเกินจริงๆเลยน่ะ บรอนเซอรูท ฉันยังตัดสินกับพีวิลไม่จบ นายก็คว้าชัยชนะไปซะได้น่ะ" เจเนลกล่าวกับไอ้หนุ่มกังฟูผู้นี้ไว้ ซึ่งเขาคือบรอนเซอรูท พี่ใหญ่ของแปดพี่น้องยอดฝีมือมิวแทนอยด์ ซึ่งเป็นสมาชิกของพวกเวเซอร์เช่นเดียวกับเจเนลและพีวิลด้วย
              "ฝีมือของนายสองคนนั้น ไม่ควรจะมีใครเหนือกว่าใครไปได้เลยน่ะ ถ้าฉันไม่เข้ามาสอด พวกนายก็ต้องมีคนหนึ่งชนะ คนหนึ่งแพ้กันพอดีนะสิ"
              "ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า นายได้แชมป์การประลองราชันย์แห่งนักสู้อันดับหนึ่งในจักรวาลมา ทั้งๆที่พวกเราเข้าร่วม แต่ยังไม่ไปถึงรอบชิงกันเสียเลยน่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลบอก "ขนาดการประลองนี้จัดทีมแข่ง 3-4 คน ซึ่งฉัน จายด์และจิลเข้าร่วมเป็นทีมเดียวกัน กลับแพ้ทีมเผ่าเลโอเซนไปเสียได้น่ะ" แล้วก็พูดต่อไปว่า "ทีมนายเองก็พอกันเลยน่ะ พีท เกือบจะผ่านรอบแปดทีมสุดท้ายกันแล้ว ก็ยังแพ้ทีมสามประสานเคมแรนที่มีฮอลไคน์ ไซท์มอธ แล้วก็วิคเซียโร่ไปเสียได้เลยน่ะ"
              "ฉันไม่อยากจะพูดให้คลอเวฟหัวเสียกันหรอกน่ะ ว่าเขาประมาทคุณไซท์มอธมากไปหน่อย เลยแพ้ไปตอนครึ่งยกกันน่ะ" พีวิลบอก "ซึ่งนั้นก็ทำให้ฉันต้องออกมาสู้กับเขาจนชนะ แต่ก็แพ้ให้กับคุณฮอลไคน์ไปซะได้นี้แหละ" บรอนเซอรูทกล่าว "ส่วนมาสวาร์ทาร์ที่มาสู้แทนนายนั้น แม้ชนะคุณฮอลไคน์ไปได้ แต่ก็แพ้คุณวิคเซียโร่ที่สมดุลย์ระหว่างท่วงท่าการใช้อาวุธและพละกำลังกันอยู่ดีนี้แหละ นั้นไม่แปลกเลยที่ชาวเคมแรนจะเหนือกว่ากันน่ะ"
              "พวกนั้นคงจะฝึกหนักกว่าพวกเราและฝึกฝนกันทุกวันและทุกเวลา นอกเหนือจากการปรับแต่งร่างกายของพวกเขาให้ทนทานกว่าเลยสิน่า" เจเนลบ่น
              พีวิลแย้ง "แต่เราก็ทำได้ดีที่สุดแล้วละ เพราะขนาดสเปียริทที่ฟอร์มทีมกับทินเหมาลีและโมคุโตะ แล้วก็ลิเนียร์ตี้ จิล แล้วก็กริมเบอรี่ ก็ยังแพ้ให้กับทีมของคุณรีซเพลด้าที่ส่งมาสามทีม และไปถึงรอบสี่ทีมได้แค่ทีมเดียวเอง โดยแพ้ให้กับทีมชาวฮอสไซน์ไปซะได้น่ะ"
              "เฮ้ยยยย ถ้าลูกพี่สตีฟและอาเจ้โฟรน่ายังอยู่ละก็ รับรองว่าคราวนี้พวกฉันและพวกนายคงหลุดไปถึงรอบสี่ทีมแน่นอนเลยละ" เจเนลถอดถอนใจเอ่ยถึงสมาชิกรุ่นพี่ทั้งสองคนกันไว้
              "ทำไงได้ละ ทั้งสเตฟอร์ดและโฟรซ่า ออกเดินทางไปสำรวจดูลาดเลาในเขตอวกาศที่อยู่ห่างจากระบบดาวของเราไป ซึ่งเรารู้เพียงแค่นั้นเองน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยตอนนี้เขามาพร้อมกับพลัสเชอริทและแอบไบออสแล้ว เช่นเดียวกับเนคมาดูซัม เดินมาพร้อมกับจายด์และคลอเวฟกันแล้ว
              "ทั้งสองพาไซโคลเนียไปด้วย เพราะเธอเป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในกองรบของเรา ที่บินได้ตั้งแต่ต้นกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "นี้ผ่านไปตั้ง 4 เดือนแล้ว ฟิเกซก็ไม่เห็นส่งข่าวกลับมาเสียเลยน่า"
              คลอเวฟบอก "เพื่อนสี่แขนของนายคงจะออกตามหาไอ้บื้อไซเมี่ยน ที่หาเรื่องให้เราปวดหัวในดิสก์เวิร์ดกันไม่ว่า พักนี้แทบไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับไอ้ยอดมือป่วนตัวดีที่ล่วงหน้าไปจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยนกันเสียเลยวะ"
              "หวังว่า ทั้งฟิเกซและพวกสเตฟอร์ดคงจะปลอดภัยกันบ้าง เพราะพวกเขาล้วนมีฝีมือและความสามารถ เรื่องเอาตัวรอดจึงเป็นไปได้แน่นอน" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              คลอเวฟบอก "หวังว่าที่นายพูดมามันคงจะเป็นจริงบ้างนะ มาส ยิ่งเรามาอยู่อาศัยในระบบดาวที่ติดกับเขตอวกาศของพวกที่ยิ่งใหญ่กว่าแรซัลก้าอย่างไอ้พวกเดลๆอะไรนั้นด้วยแล้ว บอกตรงๆนะ ว่าฉันฝึกมาเพื่อบดขยี้ไอ้พวกเวรนี้กันแล้วละ"

              "นั้นคือจุดมุ่งหมายของพวกเรายังไงละ เพราะเราต่างรู้ว่า เดลอาเนี่ยนอาจจะมาได้ทุกเมื่อ การที่เรามาฝึกในเขตป่าเขาก็ดี และการเข้าร่วมการประลองเมื่อ 2-3 เดือนก่อนก็ดี ไม่ว่าเราจะชนะหรือไม่ เป้าหมายของเราก็คือ ฝึกฝนผ่านการต่อสู้กับพวกต่างดาวของฝ่ายสมาพันธ์ที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ ว่าฝีมือการต่อสู้ของพวกเรายังคงคมกริบเหมือนเช่นที่พวกเราสู้ในมหาสงครามอันยิ่งใหญ่กันหรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              แอบไบออสกล่าว "แม้ว่าเราจะมีพันธมิตรที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนอยู่อีกดาวหนึ่งก็ตาม แต่สุดท้าย มีแต่ตัวพวกเราเท่านั้นแหละที่ต้องพึ่งพากันไว้น่ะ เพราะพวกเดลอาเนี่ยนแย่เป็นอันดับรองจากพวกเฮซเทิร์ซกันนี้แหละ"
              "งั้นเรายุติการฝึกเพียงเท่านี้ดีกว่าน่ะ พวก เพราะเราอ่วมและอ่อนแรงมากแล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              เจเนลบอก "เออนิ บรอนเซอรูท เซเทธ เลอแชน ทอฟคานิค ฟันดิวเรคล่ะ..."
              "พวกเขาฝึกเสร็จและเดินทางกลับไปพักที่บ้านกันแล้วละ เพราะพรุ่งนี้พวกเขามีสอนพวกเด็กๆที่ชุมชนแมนิเกเตอร์ชาวไทยและเกาหลีกันอยู่น่ะ" บรอนเซอรูทบอก
              พีวิลกล่าว "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะในชุมชนชาวไทยและเกาหลีนั้น ก็มีแมนิเกเตอร์ที่เก่งด้านมวยไทยและเทควันโด้แบบเก่งหาตัวจับยากกันอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ช่วยให้พวกเขารู้จักป้องกันตัวกันบ้างน่ะ"
              "และช่วยเหลือพวกเราในการสู้กับพวกไม่หวังดีทั้งหลายด้วย แม้พวกศัตรูที่บุกมามันจะมีปืนเลเซอร์และปืนพลาสม่าก็ตามน่ะ" เจเนลบอก
              คลอเวฟกล่าว "อย่างน้อย บริคซ์และแก็งค์ลูกเรือที่ติดตามมาด้วยนั้นก็ช่วยได้บ้างน่ะ เพราะพวกนี้เป็นนาวิกโยธินฝีมือดีและไว้ใจได้ยิ่งกว่านาวิกโยธินชุดล่าสุด โดยเฉพาะไอ้นาวิกปากดีตัวนั้นแหละ"
              "หมายถึงนาวิกโยธินปากดีที่นายไปหาเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่บาร์ในตัวเมือง แล้วต้องลำบากผบ.บัลโต้มาประกันตัวนายออกจากคุกไปเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนนั้นนะหรือ ทั้งๆที่นายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนมิใช่หรือ" เนคมาดูซัมกล่าวอย่างไม่พอใจอย่างมาก
              คลอเวฟกล่าว "ไอ้นาวิกปากดีนั้นมันหาเรื่องฉันก่อนทำไมละ มันหาว่าฉันตัวหนาบึกสมองกลวงแบบนี้ คงไม่มีใครหน้าไหนอยากเป็นแฟน แม้กระทั่งไทป์เดียวกันกับฉันเอง คิดดูน่ะ ถ้าไอ้เวรนั้นมันด่านายแบบเดียวกัน นายก็อารมณ์เสียเหมือนฉันเองนี้แหละ"
              "ต่อให้คู่กรณีของนายปากดีถึงขั้นด่าพ่อล้อแม่กันก็ตาม คนที่ถูกด่าแต่ไม่สนใจปล่อยให้คนด่ามันพล่ามไปแบบนั้น แม้จะหาว่าหูตึง แต่นั้นก็คือวิธีเอาชนะคนปากดีที่ถูกต้อง เพราะคู่กรณีของนายต้องการให้นายโมโหและหาเรื่องเล่นงานเขา ซึ่งนายก็ตกหลุมพลางนาวิกคนนั้นไปเรียบร้อยแล้วน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              คลอเวฟได้ฟังก็ของขึ้น "ไอ้ไฮโลแมน....เจอเมื่อไหร่กูจะต่อยให้ฟันร่วงหมดปากเลย คอยดูสิ"
              "เนคพูดมาก็ถูกน่ะ คลอเวฟ แม้นาวิกคนนั้นจะยั่วโมโห แต่นายก็ไม่ควรไปต่อยเขาแต่แรก จนร้อนให้ผบ.บัลโต้ต้องทำเรื่องประกันตัว แถมคาดโทษกักบริเวณให้นายอยู่ในเขตรอบนอกเฟิร์สฮิลล์ 1 เดือนเต็มๆ เพราะเห็นว่านายแค่ถูกคู่กรณียั่วยุให้โมโหเองน่ะ" มาสวาร์ทาร์ตำหนิ
              พีวิลบอก "และอีกเหตุผลที่นายอยู่ฝึกฝนกับพวกเราในเขตป่าเขานี้ ก็เพื่อลดโทสะและโมหะจากใจของนายออกไปให้หมดกันน่ะ เพราะเราเป็นห่วงนายกันบ้างเลยน่ะ"
              "ฉันรู้อยู่แล้วละน่า พีวิล แต่มันอดไม่ได้จริงๆที่ไอ้เวรนั้นมันโดนลงโทษแค่ถูกผบ.บัลโต้สวดยับกันสักหน่อยน่ะ" คลอเวฟโวย
              จายด์บอก "ฉันว่านายกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บาร์ของนายจะดีกว่าน่ะ เดียวฉันจะช่วยงานในร้านให้เองแล้วกัน" แล้วพวกเขาก็เดินออกจากป่าไปยังเขตชุมชนในเมืองเฟิร์สฮิลล์
              "พีวิล ว่าแต่ ไกซ์กับมิลด์ติดต่อมาเรากันบ้างหรือเปล่าละ" เจเนลถามถึงลูกน้องนักบินโมบิลลอยด์สองคนกับพีวิล ซึ่งให้คำตอบไปว่า
              "นับจากที่ทั้งสองออกจากเมืองไปในฐานะนักบินทดสอบการต่อสู้ด้วยโมบิลลอยด์ให้กับหน่วยรบในกองทัพเมื่อ 3 เดือนก่อนนั้น ช่วงแรกๆก็มีการติดต่อเข้ามาเป็นพักๆ แต่หลังจากนั้นก็แทบไม่มีติดต่อมาเลยน่ะ"
              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะทั้งคู่ร่วมรบกับเราในฐานะนักบินโมบิลลอยด์ของกองรบเวเซอร์ พอพวกเราไม่ได้อยู่ในกองทัพ ทั้งคู่ก็ต้องไปให้ความร่วมมือกับกองทัพกันเอง เพราะทั้งคู่อายุไม่ถึงเกณฑ์เข้ากองทัพกันจริงๆเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "นั้นก็พอๆกันกับเนคกี้และเนคกัสด้วย ฉันขอให้พวกเขาเข้าร่วมกองทัพ แต่พวกเขาอยากให้ฉันออกเดินทางไปหาพี่น้องแกตไทซ์กันซะมากกว่าน่ะ"
              "สงสัยว่าเพื่อนร่วมเผ่ามึงคงกระจัดกระจายไปไกลจากกาแลคซี่นี้แล้วละมั่ง" คลอเวฟย้อน
              เนคมาดูซัมกล่าว "นายคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าไม่ใช่แค่เผ่าควอเดี่ยมที่มีเทคโนโลยี่อันเก่าแก่ที่มนุษย์ต่างดาวเหลือไว้ แต่ยังรวมถึงเผ่าแกตไทซ์กันด้วย ซึ่งพวกเขาพัฒนาด้านวิทยาการไปไกลกว่า และแซงหน้าเผ่าควอเดี่ยมในเรื่องการโยกย้ายเขตเมืองและพื้นที่สำคัญๆออกไปจากดาวบ้านเกิดกันแล้วนะสิ"
              "จริงดิ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าเผ่าแกตไทซ์สร้างคอสมิคโกล์บได้ก่อนเผ่าควอเดี่ยมกันน่ะ" จายด์กล่าวอย่างทึ่งๆ
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "และพวกเราเผ่าแกตไทซ์เอง ก็ไม่ได้เป็นพวกหวงของมากนักหรอก เพราะทันทีที่คิดค้นเทคโนโลยี่นี้ขึ้นมา เผ่าเราก็เอาข้อมูลดังกล่าวนั้นไปให้พวกควอเดี่ยมต่อยอดกันเอง เพราะในช่วงที่พวกแกตไทซ์ทำสำเร็จนั้น มันแค่ช่วงต้นๆเท่านั้นเองนะสิ" แล้วก็เล่าไปว่า "นั้นไม่แปลกใจเลย ที่พวกแกตไทซ์สร้างสถานีอวกาศสำหรับพวกที่อยากออกมาอยู่ในห้วงเวลามาตราฐานขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จนแม่พาเนคกี้และเนคกัสไปอยู่ที่นั้นด้วยน่ะ"
              "หวังว่า พวกแกตไทซ์คงจะปลอดภัยกันบ้างน่ะ เพราะพวกเขาแข็งแกร่งและทรงพลังเหมือนที่นายเป็นกันน่ะ" พีวิลกล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้าและคาดหวังไว้ว่า "ภาวนาว่าพวกเขาคงจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันและพ่อได้ทำเอาไว้แล้วกันน่ะ" แล้วพวกเขาก็เดินมาถึงหน้าบ้านของพวกเขา เวเซอร์เฮาส์

              "กลับมาแล้วหรือคะ ทุกๆคน การออกไปยืดเส้นยืดสายของพวกคุณคงจะหนักหนามากๆเลยนะคะ" ทันทีที่พวกเนคมาดูซัมเข้ามาในบ้าน ก็มีเสียงดังก้องขึ้นมา
              พีวิลบอก "เราไม่เป็นอะไรมากกันหรอกน่ะ แอมเบอร์ ว่าแต่ สเปียริทกับพวกไม่อยู่บ้านกันหรือ"
              "แว้งงงง" ไม่ทันไร ก็มีภาพโฮโลแกรมรูปร่างคล้ายหุ่นผู้หญิงสีชมพูฉายออกมาจากพื้นไม้เอาไว้ "คุณแอนเดรียพาสเปียริทไปซื้อของในตลาด คาดว่าจะมาทำกับข้าวกัน ส่วนลิเนียร์ตี้กับจิล ออกไปช่วยแอนดรอยเด็กตามหาแฮมสเตอร์บินได้ที่หายไปกันอยู่ ส่วนคุณทินเหมาลี คุณกริมเบอรี่และคุณโมคุโตะ คาดว่าน่าจะกลับมาจากการฝึกสอนพวกมิวแทนอยด์ที่ชุมชนคนอินเดียกันนะคะ" โฮโลแกรมหญิงนามแอมเบอร์รายงาน
              บรอนเซอรูทถาม "แล้วพวกเซเทธที่กลับมาก่อนกันละ ทำไมไม่เห็นอยู่กันเลยน่ะ"
              "พวกเขากลับมาที่บ้านกันแล้วนะคะ หากแต่.....10 นาทีต่อมา คุณลุงในร้านขายปลาขาดคนมาช่วยขนปลาที่จับมาจากท่าเรือด้านล่าง เลยขอร้องให้พวกคุณเซเทธออกไปช่วยกันสักหน่อยนะคะ" แอมเบอร์รายงาน
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา เขตเมืองนี้ก็ขยายลงไปถึงเขตอ่าวทะเลจนมีท่าเรือกันแล้ว นั้นคงเป็นสถานที่สำหรับงานรองของบริคซ์และพวกกันบ้างน่ะ"
              "แม้ว่าตอนที่บริคซ์เข้ามาในร้านพร้อมกับกลิ่นปลาและซีพู๊ดสดๆกันเลยก็ตาม เพราะมันเข้ามาไม่ได้ล้างมือกันตลอดแบบนั้น หวังว่าคราวต่อไป กูต้องเพิ่มอ่างล้างมือตรงด้านหน้าบาร์ไปด้วยวะ" คลอเวฟบ่น โดยตอนนี้เจเนลและบรอนเซอรูทนั่งบนโซฟา เช่นเดียวกับจายด์ที่นั่งตรงกลาง พร้อมกับหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์ขึ้นมา "แต่นั้นก็ดีแล้วละ นับแต่เรามีเอไอตัวนี้เข้ามา พวกเราแทบไม่ต้องกังวลเรื่องของหายภายในบ้านกันน่ะ" คลอเวฟกล่าว แล้วก็เดินไปดูตู้เย็นเพื่อหยิบขวดเบียร์ออกมา ในขณะที่พีวิลกดกระติกน้ำร้อนเพื่อชกกาแฟ โดยที่มาสวาร์ทาร์เอาชาเขียวมาชงต่อ
              "ใช่ และต้องขอบใจลิเนียร์ตี้ด้วย ที่ไปได้แอมเบอร์มาเมื่อ 3 เดือนก่อนน่ะ" แล้วก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ในช่วง 3 เดือนก่อน
              "ลั้ลล่าๆๆๆๆๆ" ลิเนียร์ตี้ แมนิเกเตอร์เมดลิคซ์แอนดรอย นักรบไทป์เพรแคทเดี่ยน สมาชิกของกองรบเวเซอร์ อดีตลูกน้องและเพื่อนคนปัจจุบันของเนคมาดูซัม เดินฮั่มเพลงอย่างร่าเริงไปยังตลาดนัดที่ตั้งอยู่ในลานกว้างของเมืองนี้ "อรุณสวัสดิ์คะ ทุกๆคน" ลิเนียร์ตี้กล่าวทักทายกับทุกคนในเมือง ซึ่งก็ยิ้มตอบและทักทายกลับไปด้วย
              "ว่าแต่ พี่สาวแวะมาซื้ออะไรกันละครับ" แมนิเกเตอร์เด็กชายที่มีแขนเป็นหุ่นยนต์กล่าว
              "เห็นว่าตลาดนัดในคราวนี้มีสินค้าอีเลคทรอนิคและคอมพิวเตอร์ขายด้วยน่ะ พี่กะจะมาซื้อ....แผงระบบเอไอแบบพูดคุยสื่อสารกันได้นะจ๊ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              เด็กชายบอก "ถ้าเป็นซุ้มฝั่งพาลทิฟละก็ ตรงไปอีก 4 ซุ้มได้เลยนะครับ"
              "ขอบใจมากนะจ๊ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวแล้วก็เดินไปดูในซุ้มฝั่งพาลทิฟ ซึ่งเป็นพื้นที่ขายสินค้าอีเลคทรอนิค เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยที่สินค้าเหล่านี้เป็นของมือสองกันทั้งนั้น แต่ละร้านนั้นไม่เพียงขายมอนิเตอร์ ลำโพง ไอแพด ไอพ็อด สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือตั้งแต่รุ่นกล่องใหญ่ๆไปจนถึงรุ่นเล็กๆ แต่ยังขาย....
              "เร่เข้ามาเลยนะครับ เอไอดรอยรุ่น 1.0 ผลิตสดๆจากโรงงาน สำหรับคนที่มีเอไออยู่และต้องการให้เอไอสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับที่พวกเราทำกันอยู่ มีตั้งแต่บอดี้ของเพศชายและเพศหญิง แม้ว่าจะปรับเปลี่ยนทรงรูปร่างของบอดี้ไม่ได้เหมือนกับรุ่นล่าสุดเลยก็ตาม แต่รุ่นนี้กับรุ่นล่าสุด มีระบบซ่อมแซมตัวเองภายในกันด้วย เร่เข้ามาเลยนะครับ" พ่อค้าที่เป็นครีซีแทนกล่าว โดยที่ในซุ้มร้านมีบอดี้หุ่นสีขาว ซึ่งสวมวิกผมคลุมหัวกลมๆเอาไว้ แน่นอนว่า ผู้คนในเมืองต่างก็มาออดูกันยกใหญ่ แม้กระทั่งลิเนียร์ตี้ที่เดินผ่านมาพอดีกันด้วย
              "เออ ว่าแต่ บอดี้สำหรับเอไอนิ ขายเท่าไหร่ละคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              พ่อค้าตอบ "หุ่นแบบวัยรุ่นเพศชาย ราคา 5,000 แกลดอล วัยรุ่นเพศหญิงราคา 4,000 แกลดอล หุ่นแบบผู้ใหญ่อายุ 20-30 นั้น เพศชายและหญิงราคา 8,000 แกลดอล ถ้าซื้อทั้งชายและหญิง เราแถมหุ่นแบบเด็กปรับเปลี่ยนเพศและรูปลักษณ์ภายนอกราคา 2,000 แกลดอลฟรีทันทีเลยละครับ" และหันมาถาม "ว่าแต่ คุณมีเอไอติดมือมาหรือเปล่าละ"
              "ไม่มีคะ คือฉันมานี้เพื่อมาซื้อแผงระบบเอไอเท่านั้นเองนะคะ" ลิเนียร์ตี้ตอบ
              พ่อค้ากล่าว "งั้นหรือ...นั้นก็ดีแล้วละ หวังว่าคุณจะหาซื้อแผงระบบเอไอมาบ้างน่ะ" ลิเนียร์ตี้พยักหน้าและเดินไปดูตามร้านที่ขายพวกระบบเอไอ ชิปความจำ แผงวงจรข้อมูล ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ โดยที่ร้านขายพวกระบบเอไอแบบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้นั้น ล้วนมีตลับแบนที่ฉายภาพโฮโลแกรมรูปร่างแบบต่างๆ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของระบบเอไอพิเศษ ที่ในเวลานี้ เริ่มเป็นที่นิยมกันมากในแมนิเกรโปลิสและเขตเมืองต่างๆที่อยู่บนทวีปฝั่งตรงข้ามกันแล้ว แม้กระทั่งในเฟิร์สฮิลล์เองด้วย
              "เยอะจังเลยนะเนี้ย แต่ไม่มีแบบที่เป็นหัวหุ่นมนุษย์เลยหรือ อย่างน้อยขอให้สามารถคุยและสื่อสารกับพวกเราได้อย่างรู้เรื่องกันบ้างน่า" ลิเนียร์ตี้กล่าว แล้วก็เดินมายังร้านๆหนึ่ง ซึ่งขายของอีเลคทรอนิคควบกับสินค้าของเก่า โดยเจ้าของร้านนี้เป็นชายร่างอ้วนสวมผ้าโพกหัวแบบแขกนั่งอยู่กลางร้าน และในร้านนั้นก็มี.... "เออ ขอโทษนะคะ โฮโลแกรมหัวหุ่นนั้นเป็นเอไอหรือเปล่าละคะ" ลิเนียร์ตี้ถามเจ้าของร้าน ถึงโฮโลแกรมหัวหุ่นหญิงสาวที่วางบนโต๊ะไว้
              เจ้าของร้านกล่าว "โอ้ว คุณหนู คุณหนูสนใจแอมเบอร์มากเลยสิน่ะ"
              "แอมเบอร์นะหรือคะ นั้นเป็นชื่อเอไอตัวนั้นเลยหรือคะ" ลิเนียร์ตี้ถามด้วยความสนใจ
              เจ้าของร้านกล่าว "ใช่ ฉันเจอแผงระบบเอไอตัวนี้ในระหว่างที่ไปค้นกองขยะที่ไม่มีใครเอามาแล้ว ซึ่งเธอช่วยงานฉันในการดูบัญชี ไปจนถึงช่วยดูแลร้านกันด้วย แต่ตอนนี้ เหมือนเธอชำรุดหรือระบบรวนหรือไงนี้แหละ เธอถึงไม่ค่อยทำงานได้เลยน่ะ"
              "เออ คุณมีเอาเธอไปให้ช่างดูและซ่อมบ้างหรือเปล่าละคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              เจ้าของร้านตอบ "เอาไปดูแล้ว แต่ช่างบอกไปว่าแอมเบอร์ไม่มีตรงไหนเออเรอร์เลยน่ะ เนี้ย ฉันกะจะโยนเธอทิ้งแล้วหาเอไออันใหม่มาแทนกันนี้แหละ"
              "ว่าแต่ แอมเบอร์นิ ให้ฉันซ่อมได้มั้ยละคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เจ้าของร้านได้ฟังก็ถามกลับ "คุณหนูบอกว่า คุณหนูซ่อมแอมเบอร์ได้นะหรือ หน้าตาน่ารักแบบหนูจะซ่อมได้จริงๆเลยหรือ"
              "คือฉันสามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ แก้ไขปัญหาในระบบปฏิบัติการณ์ รวมถึงอัพเดตข้อมูลให้เองได้นะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว ซึ่งเธอเอากระเป๋าเครื่องมือช่างมาด้วย เจ้าของร้านเลยเอาแอมเบอร์มาให้ลิเนียร์ตี้เช็คดู "อ่า....นอกจากสายเชื่อมต่อระบบเข้ากับแผงวงจรเอไอส่วนมากขาดและเชื่อมมาผิดจุดจนระบบเอไอไม่รู้ว่าจะตอบสนองกันยังไงแล้ว คุณยังใช้แบตเตอรี่รุ่นเก่าแบบนี้ ไม่แปลกเลยคะ ที่แอมเบอร์มีอาการเหมือนคนป่วยเลย แต่ฉันจะจัดการให้เองนะคะ" แล้วลิเนียร์ตี้ก็ "ชี้บๆๆๆๆๆ" ใช้ปากกาปัดกรีขนาดเล็กเชื่อมแผงวงจรเอไอของแอมเบอร์เข้ากับตัวตลับให้เข้าที่ จากนั้นก็... "แกร็กๆๆๆๆๆ" จัดการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เก่าเอามากๆ และใช้การเชื่อมต่อแบตเตอรี่มือถือของเธอขึ้นมาจนโฮโลแกรมภาพแอมเบอร์ที่ซีดเซียว สว่างจ้าขึ้นมา
              "อา....รู้สึกสดชื่นจังเลย หลังจากที่หม่นหมองกับพลังงานจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพกันแล้วน่ะ" แอมเบอร์กล่าวอย่างดีใจขึ้นมา
              "โอ้ว คุณหนู ซ่อมแอมเบอร์ได้จริงๆด้วยน่ะ แทบนึกไม่ถึงเลยนะเนี้ย" เจ้าของร้านกล่าวโดยรับแอมเบอร์จากลิเนียร์ตี้มา
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ใช่คะ แต่ฉันซ่อมให้ฟรีๆนะคะ เพราะฉันกะจะเหลือเงินไว้ซื้อเอไอกันนี้แหละคะ"
              "อืมมมมม งันคุณหนูไม่ต้องไปไหนกันแล้วละ เพราะ...ในเมื่อคุณหนูซ่อมแอมเบอร์ได้แบบนี้ งั้น ฉันจะขายแอมเบอร์ให้หนูเลยแล้วกันน่ะ" เจ้าของร้านบอก
              ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็ดีใจมากๆ "จริงหรือคะ แต่....มันจะดีหรือคะ เพราะว่าแอมเบอร์อยู่กับคุณมาตลอดเลยน่ะ"
              "ฉันรู้ดีน่ะ ว่าแอมเบอร์เป็นแบบนี้เพราะฉันดูแลเธอไม่ดีเอง และฉันก็ไม่อยากจะบังคับให้แอมเบอร์ทำงานต่อกันด้วย อีกอย่าง หนูซ่อมแอมเบอร์ให้กลับมาดีขึ้น แอมเบอร์เองก็รู้สึกขอบคุณหนูไปด้วยแล้ว ฉันจะทำให้แอมเบอร์เสียใจกันไปทำไมละ มันไม่ดีต่อแอมเบอร์และต่อตัวหนูเอาเสียเลยน่า" เจ้าของร้านกล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "แปลว่าคุณเองก็เป็นห่วงแอมเบอร์มากเลยสินะคะ งั้นฉันจะดูแลแอมเบอร์แทนคุณเองนะคะ"
              "ได้อยู่แล้วละ อ้อ จริงสิ คุณหนู ฉันไม่ได้ให้แอมเบอร์กับหนูแบบฟรีๆกันเลยน่ะ เพราะฉันบอกไปแล้วว่าฉันขายแอมเบอร์ให้หนู ก็หมายถึง แอมเบอร์กลายเป็นสินค้าในร้านฉันไปแล้ว ดังนั้น หนูต้องจ่ายเงินมาเพื่อซื้อแอมเบอร์กลับไปกันนี้แหละ" เจ้าของร้านกล่าวและเปลี่ยนท่าทีจากชายใจดีมาเป็นพ่อค้ากันขึ้นมาอย่างฉับพลัน
              ลิเนียร์ตี้ถามกลับไปว่า "แล้ว คุณคิดราคาของแอมเบอร์ไว้เท่าไหร่ละคะ"

              "นี้เธอจะบ้าหรือ ลิเนียร์ตี้ เธอจ่ายสามหมื่นแกลดอลให้กับเอไออันนี้นะหรือ" สเปียริท อดีตแมนิเกเตอร์แอนดรอยซัลคาเลี่ยนไทป์ สมาชิกหญิงคนแรกในกองกำลังกบฎและหนึ่งในสมาชิกกองกำลังเวเซอร์โวยลั่นในทันที ที่ลิเนียร์ตี้กลับมาในบ้านพร้อมกับตลับเอไอแอมเบอร์กันแล้ว
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "ใช่ และฉันก็ซ่อมแซมแอมเบอร์แบบไม่คิดตังค์ด้วยนะ อย่างน้อย นั้นก็ช่วยให้เจ้าของร้านยินดีขายแอมเบอร์ให้น่ะ"
              "ลิเนียร์ตี้ เธอไม่รู้เลยหรือ ว่าแผงวงจรเอไอปกตินั้น ราคาตั้งแต่พันไปหมื่น ยิ่งรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมากันนั้น ราคาอยู่ในระดับหมื่นขึ้นไปเลยน่ะ" แอนเดรีย แมนิเกเตอร์ริดีวิเนี่ยน มิวแทนอยด์คลาสเอ สมาชิกหญิงในกองรบเวเซอร์กล่าว และหันมาถาม "แล้วที่เธอซื้อเอไอแอมเบอร์มานิ มันเป็นรุ่นใหม่ใช่มั้ยละ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "คือว่า พ่อค้าคนนั้นเขาเจอแอมเบอร์อยู่ในกองขยะเศษเหล็กและของเก่าที่ไม่ใช้แล้ว นำมาซ่อมแซมให้เธอทำงานได้นี้แหละ และคงจะลืมดูแลไปหน่อย เลยทำให้แอมเบอร์เหมือนชำรุดกันนั้นแหละ"
              "เอไอของเก่านะหรือ....เออ ลิเนียร์ตี้ เธอโดนพ่อค้าคนนั้นโก่งราคาให้แล้วน่ะ เพราะวงจรเอไอที่เป็นของมือสองนั้น ราคาจริงมันเป็น 1 ใน 10 ของราคาที่เธอซื้อมา เผลอๆอาจจะแค่ 4-5 ร้อยเองน่ะ" จิล สมาชิกเจเนไซด์ทีม แมนิเกเตอร์ไซคิกเกอร์หญิงที่เป็นสมาชิกตัวเล็กที่สุดในกองรบเวเซอร์กล่าว
              ลิเนียร์ตี้อุทานและตัดพ้อขึ้นมา "เอ้.... อะไรเนี้ย...คุณลุงคนนั้นใจดีจะตายแบบนั้น ไม่น่าทำแบบนี้กันเลยน่า"
              "มาโวยหรือมาบ่นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรกันได้หรอกน่า" สเปียริทบ่น แล้วก็เดินเข้ามา "ว่าแต่ ไอ้เอไอของเธอที่ซ่อมโดยไม่คิดค่าซ่อมให้นั้น มันดีตรงไหนละยะ" แต่ไม่ทันไรก็ "แว้งงงงง" แอมเบอร์รีบโผล่พรวดออกจากตลับ จนทำให้สเปียริทล้มก้นกระแทกไปเต็มๆ
              "นี้เธอกดสวิตซ์แก้สเปียริทหรือเปล่าละ" จิลถาม
              "เปล่านิ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เหมือนแอมเบอร์จะโผล่ออกมาเองน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              แอมเบอร์ที่ยื่นหัวมา ก็.... "สแกนนิ่งสภาพแวดล้อม และตัวบุคคลที่อยู่ในพื้นที่นี้ แมนิเกเตอร์หญิง 2 ตน แมนิเกเตอร์ไทป์เด็กหญิง 1 ตน วิเคราะห์พื้นที่อยู่อาศัยแห่งนี้ มีแมนิเกเตอร์อาศัยอยู่ราว 10-16 ตน พื้นที่มีสามชั้น สองชั้นด้านบน หนึ่งชั้นใต้ดิน มีปฏิกิริยาพลังงานที่แตกต่างกันจากตัวบุคคลที่สแกนเอาไว้ เช่นเดียวกับปฏิกิริยาที่อยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ ตามพื้น ผนัง กำแพง และอุปกรณ์ในที่อยู่อาศัยแตกต่างกัน เช่นเดียวกับ มีวัตถุอาวุธอยู่ตามจุดต่างๆกันด้วย"
              "เหลือเชื่อคะ นี้เอไอตัวนี้สามารถสแกนและวิเคราะห์ได้เหมือนกับคุณพลัสเชอริทเลยนะคะ" แอนเดรียกล่าวอย่างอึ้งๆ
              จิลบอก "แต่ เอไอนั้นมันบอกว่าฉันเป็นเด็กหญิงนิ มันเกินไปเลยน่ะ ฉันแค่ตัวหดเล็กเท่านั้นเองน่ะ"
              "วิเคราะห์ข้อมูลใหม่ แมนิเกเตอร์เด็กหญิงอยู่ในสภาพย่อส่วนขนาดเดียวกับมนุษย์เทียมและแมนิเกเตอร์ไทป์สโทรเพธเป็นอยู่ อายุคร่าวๆของตัวแมนิเกเตอร์นี้ อยู่ราวๆ 20-30 ปี อีกคนหนึ่งนั้น มีปฏิกิริยาทางร่างกายที่เปลี่ยนแปลงแบบผิดปกติ วิเคราะห์จากชุดที่สวมกันอยู่" แอมเบอร์กล่าว
              สเปียริทบอก "ว้าว เธอรู้ดีเลยนะเนี้ย แล้ว รู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้างมั้ยละ หือ..."
              "แมนิเกเตอร์แอนดรอยหญิง โครงสร้างภายนอก หุ้มด้วยวัตถุสารแข็งสองชั้นไว้ ชั้นนอกแข็งเพราะอนุภาคแร่อัญมณีเชื่อมกับชั้นที่อยู่ใต้ลงมา ที่มีองค์ประกอบของเซรามิคูเลี่ยม ซึ่งแตกหักเสียหายจากการต่อสู้ บ่งบอกได้ว่า แมนิเกเตอร์แอนดรอยหญิงผู้นี้ ผ่านการปะทะกันอย่างรุนแรง และมีท่าทีป่าเถื่อนอย่างมาก เพราะเซรามิคูเลี่ยมที่เป็นวัตถุสารแข็งนั้น เป็นไปไม่ได้แน่ๆที่จะได้รับความเสียหายถึง 60 เปอร์เซนต์ด้วยกัน" แอมเบอร์วิเคราะห์ข้อมูลของสเปียริทเอาไว้ จนสเปียริทได้ฟังก็หงุดหงิดมากๆ
              "เธอรู้เรื่องฉันมาก็พอทำเนา แต่นี้เธอหาว่าฉันป่าเถื่อนอย่างมากแบบนี้ มันไม่เข้าท่าเลยน่ะ"
              "ระวัง แมนิเกเตอร์หญิงมีท่าทีไม่พอใจกับผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นอยู่ โอกาสที่เธอจะก่อความรุนแรงมีถึง 88 เปอร์เซนต์ด้วยกัน" แอมเบอร์กล่าว สเปียริทได้ฟังก็โมโหหนักกว่าเดิม
              ลิเนียร์ตี้เลยต้องเบรคไว้ "พอเถอะน่า สเปียริท แอมเบอร์แค่พูดไปตามที่วิเคราะห์กันมา ซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยตรงกับความจริงกันสักหน่อยน่ะ" แล้วก็เตือนแอมเบอร์กันด้วย "แอมเบอร์ ตอนนี้เธอพึ่งมาที่นี้เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยรู้จักกับทุกๆคนมากนัก ไว้วันหลัง ฉันจะแนะนำทุกๆคนให้เธอรู้จักกันเลยดีกว่าน่ะ"
              "ถ้าคุณว่ามาเช่นนั้น ฉันก็ยอมรับได้นะคะ ในฐานะที่คุณเป็นผู้มีพระคุณกันแล้วน่ะ" แอมเบอร์กล่าว
              จิลกล่าว "ในเมื่อลิเนียร์ตี้ช่วยแอมเบอร์มา เธอก็อย่าไปถือสากันเลยดีกว่าน่ะ สเปียริท"
              "นั้นไม่แปลกเลยที่ยัยบื้อจะเก็กซิมแบบนั้น เพราะตอนที่แอมเบอร์เจอหน้าฉันมา เธอก็บอกไปว่า ฉัน เป็นแมนิเกเตอร์ที่เป็นอันตรายยิ่งกว่ายัยบื้อ หากแต่อัตราความอดทนต่ำกว่า 10 เปอร์เซนต์ และพร้อมจะระเบิดทุกอย่างให้กระจุยได้ทุกเมื่อกันนั้น ถ้ายัยนี้มีร่างดรอยใช้กันจริงๆ ฉันตบให้หัวหลุดไปนานแล้ววะ" คลอเวฟบ่น
              พีวิลกล่าว "ทำไงได้ละ ก็ตอนแรกแอมเบอร์ไม่รู้เลยนิ ว่านาย พวกเราและลิเนียร์ตี้เป็นแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้กันน่ะ"
              "ใช่คะ แต่หลังจากที่ฉันได้ฟังลิเนียร์ตี้เล่ามา เลยทำให้ฉันรู้ว่าพวกคุณก็มีความพิเศษอยู่ในตัว และมีบทบาทในการช่วยมหาประธานาธิบดี ซึ่งในตอนนั้นเป็นผู้นำกลุ่มกองกำลังแมนิเกเตอร์ต่อสู้กับฝ่ายจักรวรรดิ์บนโลกและแรซัลก้ากันมาแล้ว ฉันก็รู้สึกดีใจมากๆที่ได้รับใช้พวกคุณภายในบ้านหลังนี้ แม้ว่าฉันจะได้อยู่กับคนประเภทเดียวกันก็ตามนะคะ" แอมเบอร์บอก
              พลัสเชอริทกล่าว "แล้วพอรู้บ้างมั้ย ว่าก่อนที่คุณมาอยู่ในความดูแลของพ่อค้าที่เจอคุณนั้น คุณเคยเป็นเอไอให้กับอะไรมาก่อนหรือเปล่าละ"
              "ขอโทษด้วยคะ ข้อมูลก่อนหน้านั้นของฉัน ได้ถูกลบไปก่อนแล้ว แม้ไม่รู้เลยว่า ฉันถูกลบข้อมูลในช่วงก่อนที่ฉันอยู่ในสภาพนี้กันได้ไงนะคะ" แอมเบอร์บอก
              เจเนลบอก "แต่การที่เธอสแกนจนรู้ว่าเราเอาอาวุธไปซ่อนตรงไหนได้นิ เกรงว่าแอมเบอร์ไม่ใช่แค่เอไอธรรมดาสามัญกันอย่างเดียวแล้วน่ะ"
              "เนค นายพอรู้จักแมนิเกเตอร์ต่อสู้แบบหุ่นยนต์ที่นอกเหนือจากพวกครีซีแทนกันบ้างหรือเปล่าละ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              เนคมาดูซัมบอก "แย่หน่อยนะที่ทั้งฉันและพ่อเองไม่รู้ว่าที่แรซัลก้ามีแมนิเกเตอร์แบบหุ่นที่นอกเหนือจากพวกครีซีแทนกันนะสิ เลยไม่รู้ว่าแอมเบอร์เป็นส่วนหนึ่งในกองรบของแรซัลก้ากันหรือเปล่าน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย แอมเบอร์ก็เป็นเหมือนเพื่อนของพวกเราคนหนึ่งอยู่แล้วละ ดังนั้น ต่อให้เธอมีอดีตเป็นมายังไง ก็ไม่สำคัญไปกว่าเวลาปัจจุบันกันหรอกน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว โดยเธอกับจิลกลับมาที่บ้านแล้ว ต่อด้วยสเปียริทและแอนเดรียที่กลับมาพร้อมกับถุงอาหารด้วย
              แอนเดรียบอก "นั้นสิคะ ตอนนี้ พวกคุณก็เหนือยจากการฝึกฝนมาแล้ว ถ้ายังไงก็พักสักหน่อยนะคะ"
              "นั้นก็ดีเหมือนกันนะ เพราะ วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เราอยู่อย่างสงบกันนี้แหละ" บรอนเซอรูทกล่าว
              คลอเวฟบอก "และเราก็ไม่ต้องพบหน้าผู้ว่าการของพวกเรากันด้วย บริคซ์บอกกับฉันว่า ผู้ว่าการคนแรกที่มาดูแลเมืองแห่งแรกของพวกเรานั้น ดุไม่เบาเลยน่ะ"
              "หมายถึง ผู้ว่าการโพโบโวโลอย่างงั้นสิน่ะ คลอเวฟ" พีวิลบอก "แต่เท่าที่รู้มานั้น เขาเป็นชายหนุ่มแมนิแฟคเตอร์ มาจากดาวซีนิคซ์-14 ของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ฯ ข้าราชการจบใหม่ที่ได้ปริญญารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มาด้วย ซึ่งไม่เห็นจะดุตรงไหนเลยนิ"
              เจเนลบอก "นายไม่เคยเห็นเขาตะโกนหรือโวยใส่พวกเราก็ไม่แปลกหรอกน่ะ พีวิล ผู้ว่าการคนนี้ ถ้าดุขนาดนั้นก็เท่ากับว่าเขาก็หาเรื่องกับพวกเราได้อยู่แล้วน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย ขอแค่ผู้ว่าการเขาเป็นคนดีและซือสัตย์ต่อหน้าที่การงานกันละก็ นั้นก็เกินพอแล้วละคะ" แอนเดรียกล่าว
              สเปียริทบอก "และแค่เขาไม่รบกวนเวลาอยู่เป็นสุขของพวกเราก็ถือว่าเกินพอ...."

              "กิ้งก้องๆๆ" ออดหน้าบ้านดังขัดจังหวะสเปียริทพูดเข้าพอดี ลิเนียร์ตี้เลยเดินออกไปดู "ยั้ย ผู้ว่าการมาแล้วคะ" ลิเนียร์ตี้อุทานเมื่อเห็นโพโบโวโล มายืนอยู่ตรงรั้วหน้าบ้าน
              คลอเวฟได้เห็นก็บ่น "อะไรวะ นี้มันมาตอนเวลาพักของพวกเรากันเลยหรือวะ"
              "งั้นเราออกไปหากันเลยดีกว่าน่ะ ถ้าเราอยู่ข้างในแล้วผู้ว่าการเข้ามาเอง เราซวยแน่นอน" เจเนลกล่าว
              พีวิลบอก "ภาวนาว่า เขาคงไม่อารมณ์เสียมากถึงขั้นนั้นหรอกน่ะ เจมส์" แล้วก็เดินออกมาพร้อมกับพวกเนคมาดูซัมด้วย "สวัสดีครับ ผู้ว่าการโพโบโวโล ที่อุตสาห์แวะมาหาพวกเรากันนะครับ" พีวิลกล่าวทักทายพร้อมกับเปิดประตูไม้
              "แวะมาหาพวกนายนะหรือ รู้มั้ย ว่าทุกครั้งที่ฉันแวะมาหาพวกนายนั้นน่ะ ประตูบ้านและหน้าต่างปิดกันหมดทั้งนั้นเลยน่ะ" โพโบโวโลกล่าว แล้วก็เดินเข้ามา "ฉันรู้น่ะ ว่าผู้คนในเมืองต่างเคารพชมชอบพวกนายเหมือนกับเป็นซุป'ตาร์กันมากแค่ไหน พวกนายที่ยืนอยู่บนเมืองแห่งแรกที่ฉันเป็นผู้ว่าการในตอนนี้ พวกนายก็ควรจะทำตามกฎเกณฑ์กันบ้างสิ"
              คลอเวฟกล่าว "หรือ แต่ ผู้ว่าการแบบนายไม่ควรใช้ปากตะคอกใส่ชาวบ้านกันเสียเลยน่ะ"
              "ก็ใครใช้ให้พวกนั้นไม่ฟังที่ฉันพูดก่อนทำไมละ" โพโบโวโลตอบ จนทำเอาคลอเวฟหงุดหงิด แอบไบออสและเนคมาดูซัมส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไว้
              แอนเดรียถาม "ว่าแต่ คุณผู้ว่าการมาที่นี้ มาเพื่อเยี่ยมพวกเราและถามว่าเราสบายดีกันหรือเปล่าคะ"
              "แค่เห็นพวกนายอยู่กันครบหน้า ฉันก็ดีใจแล้วละ เพราะ....พวกนายไม่ได้จ่ายเงินภาษีมาสองเดือนแล้ว ฉันจะได้รับมากันเสียที" โพโบโวโลเอาแพดมาดู ซึ่งพวกเวเซอร์เห็นก็...อ้าปากค้าง
              "นี้ เกินไปหน่อยหรือเปล่าละยะ คุณผู้ว่าการ กับภาษีที่ต้องจ่ายตั้ง 95,000 แกลดอลกันน่ะ ทั้งๆที่ชาวบ้านจ่ายภาษีให้นายแค่ระดับพันแกลดอลเองน่ะ" สเปียริทบ่น
              "ทำไงได้ละ ก็บ้านของพวกนายมีคนอยู่เป็นสิบๆ และพวกนายก็อยู่ไม่ติดบ้านกันด้วย โดยเฉพาะ 2-3 เดือนที่พวกนายไม่อยู่บ้านกันทุกวันนั้น ตอนนี้ภาษีที่พวกนายค้างไว้จากเดิมคนละ 2,000 มาเป็นแบบนี้แล้วละ" โพโบโวโลกล่าว "อีกอย่าง ถึงพวกนายจะเป็นคนดังที่ชาวบ้านชาวเมืองเคารพยกย่องกันยังไงก็ตาม พวกนายต้องจ่ายภาษีตามกฎหมายกันด้วยน่ะ"
              คลอเวฟกล่าว "หรือ แต่....ถ้าเราไม่จ่ายกันขึ้นมาละ จะทำไงละ ไอ้คุณผู้ว่าการ"
              "เอ้ย คลอเวฟ นายพูดแค่นั้นก็เกินพอแล้ว อย่าให้ถึงขั้นที่นายงัดไอ้นั้นมาเลยจะดีกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมเตือน
              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าขนาดชาวบ้านในเมืองนี้ยังหวั่นเกรงต่อผู้ว่าการโพโบโวโลจนเรารับรู้กันขึ้นมา ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่กันเป็นอันขาดเลยน่ะ"
              "คงยากวะ เพราะกูต้องการให้มันรู้ว่า มันไม่มีสิทธิ์มาหยามพวกเรากัน แม้กระทั่งกูด้วย ดังนั้น ไอ้ผู้ว่าการ กูให้ไอ้นี้แทนแล้วกัน" คลอเวฟกล่าวแล้วก็ "ชาวี้งงงง" ชูนิ้วกลางข้างขวาขึ้นมา แอนเดรีย พลัสเชอริทและบรอนเซอรูทถึงกับส่ายหน้าเช่นเดียวกับมาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัมถึงกับกัดฟันโมโห พอๆกันกับสเปียริทที่ทำได้แค่ชี้นิ้วและโวยไม่ออก ลิเนียร์ตี้และจิลก็ทำหน้าตกใจขึ้นมา พีวิลและแอบไบออสถึงกับเอามือปิดหน้าไว้
              "กะแล้ว ว่านายต้องทำจนได้ละว้า..." เจเนลกล่าวอย่างหวาดกลัว เช่นเดียวกับจายด์ด้วย เพราะผู้ว่าการโกรธและโมโหกับการกระทำของคลอเวฟแล้ว
              "พวกนายคิดว่าฉันเป็นใครกันละ ถึงได้มาดูถูกกันแบบนี้เลยน่ะ" โพโบโวโลโมโหจนตะโกนลั่นใส่ ซึ่งไม่เพียงเสียงดังอย่างเดียว แต่... "เหวออออ ว้ากกก อ้า" พลังเสียงนั้นรุนแรงจนเป่าพวกเวเซอร์ปลิวถอยหลังไปอย่างจังๆ "ปริๆๆๆๆๆๆๆ" แต่ยังทำให้กระจกบนบ้านแตกเสียด้วย ขนาดจายด์ที่ตัวใหญ่เองก็... "เหวอๆๆๆๆๆ" โดนพลังเสียงผลักจนเสียสมดุลย์และ "โครมมมมม" ล้มหลังฟาดพื้นไปเต็มๆ จนโพโบโวโลหยุดตะโกนขึ้น และสูดหายใจเบาๆ หลังจากที่พวกเวเซอร์กองระเนระนาดไปแล้ว
              "โอ้ย นี้มึงกินลำโพงไซส์ทริปเปิ้ลแอลเข้าไปหรือไงกันวะ ไอ้..." คลอเวฟสบถ
              "โอ้ว แก้วหู อูยยย พลังเสียงรุนแรงมากเลยนะเนี้ย" แอบไบออสกล่าวโดยที่ขยับหัวไปมาเพื่อให้แก้วหูที่เสียหายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
              พลัสเชอริทกล่าว "พลังเสียงระดับ 45 เดซิเบล แม้จะดังก้องกังวาน แต่ก็มีแรงผลักอันมหาศาลแฝงมาด้วย นั้นไม่แปลกเลย ที่แกตไทซ์อย่างเนคมาดูซัม และจายด์ที่มีมวลน้ำหนักตัวเยอะมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งจะล้มได้น่ะ"
              "นั้นคงเป็น อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าหือกับคุณเลยสินะครับ" พีวิลใช้มือตบหูเพื่อให้การได้ยินที่ตึงภายใน 2 นาทีกลับเข้ามาเป็นปกติ
              โพโบโวโลกล่าว "ตะกี้นี้คงจะได้ยินและรู้กันแล้วสิน่ะ ว่าการมาหาเรื่องฉันนั้น เป็นเช่นไร ดังนั้น จ่ายภาษีมาเดียวนี้เลย"
              "อา เอาไปแสนหนึ่งแล้วกัน และไม่ต้องทอนด้วยละ" สเปียริทเลยต้องเป็นคนจ่ายเงินสดให้โพโบโวโลเสียแต่โดยดี ซึ่งผู้ว่าการได้เห็นและนับอย่างละเอียดจนครบจำนวนที่ให้ไว้
              "นั้นก็ดีแล้วละ คราวหน้าคราวหลัง ก็อย่าทำแบบนี้อีกแล้วกันน่ะ" แล้วก็เดินหันหลังไป
              "เฮ้ย เดียวก่อน กระจกบ้านพวกเราละ นายทำแตกแบบนี้ ไม่คิดจะซ่อมเลยหรือวะ" คลอเวฟโวย
              โพโบโวโล่กล่าว "บ้านของพวกนาย ไม่ใช่ของฉันนิ เชิญซ่อมเองแล้วกันน่ะ" แล้วก็ออกจากบ้านลงไปยังเขตชุมชนที่อยู่ด้านล่างลงมา
              "ความผิดของนายเต็มๆเลยนะ นายบื้อ เวลาพักของพวกเราในตอนนี้ กลายเป็นเวลาที่เราต้องใช้แรงเปลี่ยนกระจกใหม่ไปเสียแล้วนะยะ" สเปียริทตำหนิขึ้นมา
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้านายไม่ไปหาเรื่องยั่วโมโหผู้ว่าการ พวกเราคงได้พักไปนานแล้วละ คลอเวฟ" แล้วก็บอกไปว่า "เรารีบลงไปที่ร้านขายกระจกที่อยู่ในเขตเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ซอย 5 ด้านล่าง ซื้อกระจกสีฟ้าอ่อนขึ้นมาเปลี่ยนแทนอันที่แตกกันโดยเร็วดีกว่า"

              แล้วเวลาของช่วงบ่าย ผ่านไปจนถึงช่วงค่ำคืนขึ้นมา ตอนสองทุ่มครึ่งนั้น พวกแมนิเกเตอร์มิได้รู้เลยว่า ช่วงที่พวกเขากำลังพักผ่อนนอนหลับกันนั้น คือช่วงเวลาที่ภัยคุกคามอันร้ายแรงนั้นมาเยือน
              "เฮ้อออ ตรวจตราฟากฟ้าในยามกลางคืนแบบนี้ ไม่เห็นมีอันตรายตรงไหนกันเลยน่า" ทหารชาวซัลคาเลี่ยนบ่น ในขณะที่ตนควบคุมสกรีแทนมาร์คทูผลิตจำนวนมาก มาพร้อมกับพวกทหารในทีมลาดตระเวนน่านฟ้าฝั่งตะวันออกกันอยู่
              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะว่าพวกเราอยู่ในระบบดาวที่ติดพรมแดนกับเขตของพวกเดลอาเนี่ยน ซึ่งเราต่างก็รู้ดีแล้วนิ ว่ามหาจักรวรรดิ์สหัสดารานั้นร้ายกาจแค่ไหนกันน่ะ" หัวหน้าหน่วยกล่าว
              "นั้นไม่ดีเลยนะคะ ร้อยเอก ตอนที่พวกเราอยู่แรซัลก้า พวกเฮซเทิร์ซก็เข้ามารุกรานดวงดาวกัน พอเรามาอยู่ที่นี้ ก็ยังมาเจอเดลอาเนี่ยนกันอีก หนีจระเข้ปะเสือกันชัดๆ" ทหารหญิงที่ควบคุมสกรีแทนมาร์คทูบ่น
              หัวหน้าหน่วยบอก "หนีเสือปะจระเข้ต่างหากละ พลทหารหญิง แต่นั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะว่าดาวดวงนี้ ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้นที่อยู่ แต่กองรบเดิมที่ช่วยเหลือมหาประธานาธิบดีในมหาสงครามนั้นก็อยู่ด้วยน่ะ"
              "หมายถึง พวกเวเซอร์ แล้วก็....มังกรร้อนเย็นร็อดดิเกรสและเหยี่ยวสาวเฟรมิเดรก้ากันละสิครับ" ทหารคนแรกบอก หัวหน้าหน่วยพยักหน้า
              ทหารหญิงกล่าว "แต่ตอนนี้เหยี่ยวสาว กลายเป็นเหยี่ยวแม่ลูกสองแล้วนะคะ แถมผมก็ขาวเหมือนคุณยายที่บ้านด้วยน่ะ"
              "ถึงนาวาอากาศโทหญิงเฟรมิเดรก้าจะมีผมขาวเหมือนคนแก่ แต่เราก็ไม่ควรไปว่าอดีตทหารมากประสบการณ์ผู้นี้กันด้วยน่ะ เพราะว่า....พี่ชายของฉัน เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าเฟรมิเดรก้าเมื่อ 18 ปีก่อนนี้แหละ" หัวหน้าเล่า
              ทหารชายบอก "จริงหรือครับ แล้วตอนนี้ พี่ของหัวหน้ายังทำงานอยู่หรือเปล่าละครับ"
              "น่าเสียดายจริงๆ ที่พี่ชาย ตายเพราะคำสั่งของผู้การเกรนิฟซ์ไปเสียได้น่ะ จนทำให้หัวหน้าเฟรมิเดรก้ากับหัวหน้าร็อดดิเกรสไม่พอใจและรวบรวมหลักฐานมาเอาผิด ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมมือจนไล่เกรนิฟซ์ให้ไปอยู่กับบาร์ซอล แล้วก็ถูกฆ่าตายในศึกยานมังกรสิบหัวกันนี้แหละ" หัวหน้าหน่วยกล่าว
              ทหารหญิงบอก "นั้นก็สมควรแล้วละคะ หัวหน้าที่ชื่อเกรนิฟซ์นั้น แย่กว่ากบฎเควโทรดิมัสเสียอีกกัน...." ไม่ทันไรก็... "ตื้ดๆๆๆๆๆๆ" เรดาห์ตรวจจับสัญญาณบางอย่าง "ระยะ 140 กิโลเมตร มียานพุ่งตรงมาทางพวกเรากันนะคะ"

              "ฟิ้วๆๆๆๆ ตรูมมม" ไม่ทันไรก็มีกระสุนแสงพุ่งเข้ามาทะลุใส่สกรีแทนมาร์คทูของทหารหญิงจนระเบิดไป แล้วก็ "ฟ้าวววว ฟ้าววว" ยานรูปหัวนกพุ่งออกมาจากกลุ่มเมฆจำนวน 10 กว่าลำ ผ่านสกรีแทนมาร์คทูที่เหลืออีกสองเครื่อง ซึ่งก็ "แชดๆๆๆๆๆๆ" "ทิ้วๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงพลาสม่าไรเฟิ่ลและพลาสม่าแมชชีนกันโต้ตอบ แต่ก็ยิงไม่โดนยานรูปนกแต่อย่างใด "แกมม่า-6 เรียกฐานหลัก เราพบยานบินความเร็วสูงปรากฎขึ้นในเขตน่านฟ้าฝั่งตะวันออกหมายเลข 15 เราเสียแกมม่า-แพนเค้กไปแล้ว รีบแจ้งไปที่นครหลักโดยด่วน" หัวหน้าหน่วยกล่าว แต่ไม่ทันไรก็ "ฟ้าววววว" ปรากฎหุ่นหัวนกที่มีไอพ่นขนาดใหญ่สองอันพุ่งตรงเข้ามา และ "ครี้งงงง" ดึงเอาดาบอันแหลมคมออกมาจากหลังแขนที่มีนิ้วเพียง 4 นิ้วเข้า "ฉึกกกกก" แทงเข้าตรงคอกพิตกลางหน้าอก แล้วก็ดึงออกมาพร้อมกับคราบเลือดที่ติดไว้ จากนั้นก็ "แชดดดด เปรี้ยงงงง ตรูมมมม" ยิงลำแสงจากโคนปีกทะลุหน้าอกทั้งสองข้างจนสกรีแทนตัวนั้นระเบิดไป
              "แกมม่า-เจมส์มาร์คตายแล้ว ย้ำ เจมส์มาร์คตายแล้ว แจ้งให้กองรบที่อยู่ใกล้ให้รับมือกับศัตรูที่...." แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะ... "ฟิ้วๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆ บรึมมม" มีมิไซล์พุ่งเข้ามาเป่าระเบิดสกรีแทนของหัวหน้าหน่วยจนพังพินาศไป "หน่วยลาดตระเวนแกมม่า-4 ขาดการติดต่อไปพร้อมกับแกมม่า-2 5 และ 8 แล้วละคะ" โอเปเรเตอร์ที่ฐานทัพในเขตหมู่เกาะทางทิศตะวันออกรายงาน
              "นั้นแย่กว่าที่คิดไว้เสียอีก พวกเดลอาเนี่ยนมันลงมือเร็วกว่าจนเราโต้ตอบไม่ทันเลยสิน่ะ" นายพลวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องสั่งการด้วยความหงุดหงิด โดยตอนนี้.... จอมพลแฮซกริฟได้ติดต่อเข้ามา "ท่านจอมพลแฮซกริฟ ท่านกับท่านประธานาธิบดีทราบเรื่องนี้แล้วหรือยังละครับ" นายพลถาม
              แฮซกริฟตอบ "นายพลเพอซิอัส หน่วยเหนือของทางเราและของผบ.บาโทรโรมิวได้รับรายงานมาแล้ว ว่ามีการจู่โจมกองทหารตามจุดต่างๆของดาวดวงนี้กันไว้ ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ จนตอนนี้ ฉันได้สั่งให้กองทหารที่ยังไม่ถูกโจมตีนั้น รับมือกับการบุกรุกกันไว้แล้ว หากแต่....เราไม่สามารถติดต่อกับประธานาธิบดีไปได้เลยน่ะ"
              "นั้นก็ยิ่งแย่กว่าเดิมสิครับ แล้วนครหลวงยังมีกองกำลังอยู่ด้วยหรือเปล่าละครับ" เพอซิอัลท์กล่าวอย่างเป็นกังวลและถามถึงเขตเมืองที่โคเคสอยู่
              แฮซกริฟบอก "อย่าห่วงไป เพราะผบ.บาโทโรมิวเตรียมพร้อมรับมือไว้ พอๆกันกับประธานาธิบดีของเราเองด้วยน่ะ ดังนั้น เธอรีบแจ้งให้กองรบอื่น รวมถึงกองรบของเรดเมลแกน บลูโรเซียท กรีนยูรอนเปี้ยน และเยลโลว์เอเซี่ยน ให้เตรียมการรับมือกับภัยคุกคามนี้โดยเร็วเลย"

              "รับทราบครับ ท่านจอมพล ท่านเองก็ระวังตัวไว้ด้วยละครับ" เพอซิอัลท์รับคำสั่ง และรีบลงมือทำโดยเร็ว ซึ่งในตัวเมืองนั้น "หวออออออ หวอออออ หวออออออ หวออออออ หวออออออ" ชาวเมืองที่อยู่ในตัวเมืองได้ยินสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น เช่นเดียวกับป้ายโฆษณาสินค้าที่เปลี่ยนเป็นหน้าจอสีแดงเข้มพร้อมกับคำว่า Warning ขึ้นมาทุกป้ายด้วยกัน "เรียนทุกๆท่านที่อยู่ในเมือง ตอนนี้ดาวของเราอยู่ในสภาวะภัยคุกคามระดับเอส เข้าจู่โจมเมื่อ 20:42 นาทีขึ้นมา จึงขอเรียนให้ทุกๆท่าน เข้าที่หลบภัยอย่างมีระเบียบ ความแตกตื่นที่ก่อขึ้นย่อมนำมาถึงความสูญเสียไว้ จึงขอประกาศให้ทุกท่านรับทราบ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง...." เสียงของผู้หญิงกล่าวเตือนขึ้นผ่านยานทรงเรือเหาะที่บินเข้ามา เช่นเดียวกับ... "ครืนๆๆๆๆๆๆๆ" โมบิลลอยด์การ์เซนท์มาร์คทูแบบหกล้อ 4 ล้อ และตีนตะขาบเคลื่อนตัวเข้ามาตามถนนพอดี
              "พวกท่านรีบหาที่หลบภัยกันได้แล้วละครับ ไปอย่างมีระเบียบอย่าแตกตื่นกันด้วยนะครับ" ทหารชุดเขียวกล่าวโดยที่พวกตำรวจท้องที่รีบให้ความร่วมมือกันโดยเร็ว
              "ผบ.บัลโต้....ผมได้ให้คนของเราเข้าคุ้มกันผู้คนให้แล้วนะครับ" แอร์ไพล์มมิส หัวหน้าหน่วยทหารครีซีแทนเข้ามาในศูนย์บัญชาการทางทหารเฮคซากอน อันเป็นกองบัญชาการหลักของกองทัพของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์
              บัลโต้พยักหน้า "ดีแล้วละ เพราะตอนนี้ ทางเรายังติดต่อกับประธานาธิบดีไม่ได้กันเลยน่ะ"
              "นั้นมันแย่กว่าที่เราคิดไว้เสียอีกน่ะ ไม่คิดเลยว่าพวกเดลอาเนี่ยน จะเล็งมาที่ท่านประธานาธิบดีกันก่อนน่ะ" แอร์ไพล์มมิสได้ฟังก็สบถขึ้นมา
              บัลโต้กล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะว่า ตอนที่พวกเฮซเทิร์ซบุกแรซัลก้า พวกมันไม่เคยบุกมาถึงตัวบิดรเทพและมารดรเทพเหมือนในคราวนี้เลยสิน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ยิ่งภายในทำเนียบเงินไม่มีใครนอกเหนือจากมหาประธานาธิบดีอยู่ด้วยแล้ว นั้นเป็นข่าวร้ายที่แย่เอามากๆเลยน่ะ"
              "แล้วผบ.ติดต่อไปหาพวกเวเซอร์ที่เฟิร์สฮิลล์กันแล้วหรือยังละครับ" แอร์ไพล์มมิสถาม
              บัลโต้ตอบ "ฉันแจ้งให้พวกเขาและพวกบริคซ์รับทราบกันแล้วละ พร้อมกับอนุมัติระบบป้องกันภัยคุกคามระดับ 3 ให้เปิดใช้ได้เลยน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น ผมกับแคร์เรี่ยนจะไปช่วยท่านประธานาธิบดีกันก่อนนะครับ ถึงแม้ว่าท่านรู้เอาตัวรอดไปได้ แต่คนเดียวคงรับมือกับพวกต่างดาวฝั่งตะวันออกที่เราไม่รู้ว่า พวกมันนำกำลังมาเยอะแค่ไหนกันนะครับ" แอร์ไพล์มมิสกล่าว
              บัลโต้พยักหน้า "ขอให้พวกนายโชคดีแล้วกันน่ะ" แล้วแอร์ไพล์มมิสก็เดินออกจากห้องไป โดยที่บัลโต้นั้น.... "โคเคส นายห้ามตายเด็ดขาดน่ะ พวกเราเสียเฮลิค เสียเบย์แทนด์ไปกันแล้ว ถ้านายไป พวกเราก็จบเห่กันแน่นอนเลยวะ" ได้แต่ภาวนาแม้จะมีความกังวลใจอย่างมากขึ้นมาก็ตาม

              ด้านโคเคสนั้น ตอนนี้ เขาถูกพวกเดลอาเนี่ยนล้อมอยู่ในห้องทำงานของเขาเอง โดยที่มีชาวเดลอาเนี่ยนในชุดผ้าคลุมขาว มาพร้อมกับทหารชาวอัลแทเรี่ยนจำนวน 15 ตน มาในชุดเกราะสีเงินที่หุ้มเกราะตรงโคนปีกกันด้วย ทหารชาวเทรโอเซี่ยมที่สวมเกราะคล้ายชุดประดาน้ำอยู่ 12 ตน และทหารชาวเดลอาเนี่ยนที่สวมชุดเกราะทหารสีทองถึง 20 ตนมายืนอยู่ตรงหน้าด้วย "พวกคุณคงจะมาจากเดลอาเนี่ยนกันอย่างงั้นสิน่ะ" โคเคสกล่าว
              เดลอาเนี่ยนในชุดผ้าคลุมสีขาวบอก "สมาพันธ์อวกาศคงจะบอกกับคุณมาก่อนแล้วสิน่ะ โคเคส แอคเมนโด้ ว่าพวกเรามานี้เพื่ออะไรกันน่ะ"
              "พวกคุณมาที่นี้คงมิใช่แค่การเจรจาการฑูตกันเลยสิน่ะ เพราะนับตั้งแต่ได้รับแจ้งจากกองทัพมาแล้ว ว่าหน่วยรบถูกจู่โจมโดยฝีมือของพวกคุณนั้น จักรพรรดิ์ต้องการให้ผมยอมจำนนเลยสิน่ะ" โคเคสกล่าว
              ตัวแทนเดลอาเนี่ยนกล่าว "มหาจักรพรรดิ์ต่างหากละ โคเคส แอคเมนโด้ ท่านมีโองการให้เรายึดครองระบบดาวนี้ เพื่อการรวมจักรวาลให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งสมาพันธ์อวกาศปฏิเสธไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรามานานแล้ว ถึงเวลาที่พวกชนเผ่าเหล่านั้นต้องยอมรับในอำนาจของพวกเราเสียแต่โดยดีแล้วละ"
              "ผมไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไม สมาพันธ์อวกาศถึงไม่เรียกพวกคุณให้มาช่วยในช่วงที่แรซัลก้าก่อการรุกรานขึ้นมา เพราะพวกเขารู้ว่า พวกคุณทั้งหลายก็ไม่ต่างไปจากพวกเฮซเทิร์ซกันดีๆนี้เองน่ะ และพวกคุณ ก็คงเป็นขั้วอำนาจอีกกลุ่ม ที่พวกแรซัลก้าต้องชิงตัดหน้าพวกคุณด้วยการบุกยึดครองอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ฯ เพื่อรวบรวมกำลังรบต่างดาวที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์มาโต้ตอบกับศึกใหญ่สองด้านด้วยกันน่ะ" โคเคสกล่าว
              ตัวแทนเดลอาเนี่ยนตบมือและกล่าวชมเชย "คุณฉลาดมากกว่าที่คิดไว้เลยน่ะ นั้นไม่แปลกใจแล้ว ที่คุณสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับพวกสมาพันธ์อวกาศที่อ่อนแอในสายตาของพวกเราผ่านการสู้รบกับฝ่ายแรซัลก้าไว้ แต่กับพวกเรา ที่พร้อมจะบดขยี้พวกคุณได้ทุกเมื่อนั้น มันคนละเรื่อง และต่อให้คุณยอมจำนนกันตอนนี้ คุณกับพวกก็ต้องถูกกวาดล้างกันอยู่ดี แม้กระทั่งลุกขึ้นมาต่อสู้กันด้วย คุณคนเดียวเอาชนะพวกเราไม่ได้อยู่แล้ว"
              "คุณคงมั่นใจมากสิน่ะ ว่าการรุกฆาตของพวกคุณนั้นจะชนะกระดานนี้ไปได้ก็จริง แต่....ถ้าคิดว่าผมกับพวกเราไม่มีการเตรียมพร้อมมาดีแล้วละก็ พวกคุณคาดผิดไปถนัดแล้วละ" โคเคสกล่าว
              ไม่ทันไรก็.... "แวบบบบบบบบ" ไฟในห้องก็สว่างจ้าขึ้นมาในทันที จนทำให้ตัวแทนเดลอาเนี่ยน ทหารอัลแทเรี่ยนและเทรโอเซี่ยมตาพร่าขึ้นมา แล้วก็... "โครม ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงกระสุนปืนดังขึ้นถี่ๆ พร้อมกับ "อั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ทหารต่างดาวหัวนกและมนุษย์เงือกที่พยายามยกปืนมายิงก็เกิดกระตุกขึ้นทีละตนสองตน จนเหลือเพียงตัวแทนเดลอาเนี่ยนที่ยืนอยู่ "มะ มันมีอาวุธและกับดักซ่อนไว้ รีบ หนี ไป ท่านฑูต...." ทหารอัลแทเรี่ยนที่ถูกยิงจนเกราะทะลุเป็นรูและมีเลือดสีม่วงไหลซึมออกมา ส่วนพวกเทรโอเซี่ยนถูกยิงจนของเหลวไหลออกจากแผงแก้วที่ผสมกับเลือดสีฟ้ากันไว้ ตัวแทนเดลอาเนี่ยนถึงกับตกใจไม่น้อย เมื่อได้เห็นโคเคส ถือปืนกลพวงแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ออกมา โดยที่โต๊ะทำงานล้มกองกับพื้นไปข้างหน้าไว้
              "ปะๆๆๆๆ ป่าเถื่อนกันเกินไปแล้ว ถ้าคิดว่าฆ่าพวกทหารที่อยู่นี้แล้วพวกแกจะรอดไปได้นั้น คิดผิดแล้ว เพราะถึงคราวที่อารยธรรมของพวกแกจะต้องอวสานกันนี้แหละ" ตัวแทนเดลอาเนี่ยนกล่าวแล้วก็ "แว้งงงงง" เทเลพอร์ตหายไปโดยทันที เช่นเดียวกับ "ตรวจพบสัญญาณต่างดาวที่ไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ บุกเข้ามาอยู่ในทำเนียบเงินเป็นจำนวนมาก ระบบป้องกันภัยระดับ 1 ถึง 3 ไม่สามารถใช้งานได้ แม้กระทั่งการสื่อสารไปสู่ภายนอกกันด้วย" คอมพิวเตอร์กล่าวเตือนผ่านสปีคเกอร์ โคเคสเลยเดินมา "ปึก" ทุบตรงปุ่มสีแดงที่สว่างขึ้นตรงเสา จน "ครืดๆๆๆๆๆๆ" รูปถ่ายกับตู้หนังสือในห้องทำงานพลิกเอาอาวุธปืนที่ซ่อนอยู่ออกมา "พึ่บ พึ่บ พึ่บ พึ่บ พึ่บ" โคเคสหยิบเอาปืนสั้นริมฟ็อกซ์ออกมา ตามด้วยปืนกลเล็กสปีดเพคเกอร์ ปืนลูกซองพลังคลื่นช็อคแคนน่อน และอาก้า-49C แบบติดเครื่องยิงระเบิดติดตัวไป โดยเอาเข็มขัดกระสุนและระเบิดเตรียมไว้ด้วย

              "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกทหารชาวเดลอาเนี่ยนในชุดเกราะสีทองบุกเข้ามาในทำเนียบเงิน ด้วยปืนยาวพลังพลาสม่าในมือ โดยบุกค้นไปทีละห้อง "ระวังแสงไฟด้วยละ เพราะท่านฑูตแจ้งมา ว่าพวกเขาเสียท่าจนถูกผู้นำของที่นี้กวาดสังหารพวกทหารไปแล้วละ" นายกองกล่าว
              ทหารชั้นผู้น้อยบอก "แต่โคเคส มันเป็นประธานาธิบดี ไม่น่าจะใช้อาวุธกันได้เลยนิครับ"
              "เปล่าเลย ตามประวัติแล้ว โคเคส แอคเมนโด้ก่อนจะมาเป็นผู้นำของพวกแมนิเกเตอร์ มันเคยเป็นยอดทหารที่เก่งกาจคนหนึ่งกันน่ะ ซึ่งอาวุธที่เป็นแบบยิงวัตถุนั้น ไม่มีทางเล่นงานพวกเรากันได้หรอก" ทหารชาวไซเอทนอยด์ที่สวมชุดเกราะหนาและมีเกราะโฮโลแกรมสีเทาหุ้มอีกชั้นกล่าว โดยที่บนเพดานเอากล้องติดปืนกลออกมา "แว้งงง เปรี้ยะๆๆๆๆ ตรูมมม" ทหารไซเอทนอยด์ยิงลูกบอลขึ้นไปช็อตกล้องติดปืนกลจนลัดวงจรและระเบิดไปในทันที แล้วก็นำทหารชนเผ่าเดียวกันเดินเข้าไปในห้องประชุมก่อน "ปุ๊" ทหารไซเอทนอยด์ที่เข้าไปในห้องก่อนนั้น โดนยิงเข้าที่กลางหัวจนล้มลง พร้อมกับ "ฟึ่บ ปังๆๆๆๆๆๆ" โคเคสกระโดดออกมาจากผนังด้านซ้ายกราดยิงสปีดเพคเกอร์ใส่พวกไซเอทนอยด์ ซึ่งก็ยิงโดนเกราะโฮโลแกรมเอาไว้ จนพวกนั้นไม่เป็นอะไร "ปุ๊ ปุ๊ ปุ๊ ปุ๊ ปุ๊" แต่สุดท้ายก็แพ้ปืนริมฟ็อกซ์ซึ่งติดปลอกเก็บเสียงส่องกบาลไปโดยเร็ว พวกทหารเดลอาเนี่ยนที่อยู่ข้างนอกเลยรีบกรูกันเข้ามา "เปรี้ยงๆๆๆๆ" กลับโดนลูกระเบิดไฟฟ้าที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเป่าระเบิดช็อตร่างของพวกทหารเดลอาเนี่ยนอย่างจังๆ "แกร็กๆ ตรุ้งงงง" โคเคสเลยใช้ช็อคแคนน่อนยิงใส่จน "ป้ากกกกก โครมมมม" เป่าทหารเดลอาเนี่ยน 10 พุ่งออกจากห้องกระแทกผนังจนทะลุไปอีกห้องหนึ่ง โดยอัดพวกทหารที่กรูกันเข้ามาให้ล้มไปด้วย "ตรุ้งงง ตรุ้งงง" แล้วก็ออกมายิงใส่ไซเอทนอยด์ที่รีบป้องกันจน "ฟ้าวววววว โครมมมมม" เป่ามนุษย์ต่างดาวหัวกลมผิวเทาให้อัดก็อปปี้กับผนังจนตัวอัดเข้าไปข้างใน บ่งบอกถึงสภาพร่างกายของพวกไซเอทนอยด์ได้เป็นอย่างดี "แชดๆๆๆๆๆ" พวกทหารเดลอาเนี่ยนเลยบุกเข้ามากราดยิงลำแสงสีม่วงออกจากปืนยาวพลาสม่า ซึ่งโคเคสรีบกระโดดหลบไปทางซ้ายโดยเร็ว "ตุ้ง" โดยยืนมือถืออาก้า-49C ยิงกระสุนระเบิดเข้าใส่
              "เหอะ ไอ้หน้าโง่ คิดว่าระเบิดที่แกใช้นั้นจะฆ่าเราได้หรือ ไม่มีทางหรอก เพราะมันจะฆ่าแก...." ทหารเดลอาเนี่ยนรีบวิ่งเข้ามาหยิบกระสุนระเบิดที่ตกพื้นและยังไม่ระเบิดอยู่ แต่ก็.... "ตรูมมมม พรึ่บบบบ" กระสุนระเบิดก็ระเบิดเป่ามือของทหารเดลอาเนี่ยนผู้นั้น จนแผดเผาร่างด้วยไฟจากระเบิดฟอสฟอรัส ที่ถูกปรับให้ระเบิดในชั่วระยะเวลาหนึ่งขึ้นมา "ฟึ่บบบ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เปิดช่องให้โคเคสกระโดดมายิงอาก้า-49C และสปีดเพคเกอร์จัดการกับพวกทหารเดลอาเนี่ยนที่ตกตะลึงจนล้มลงไปกันหมด "ทหารหน่วย 8 ตอบด้วย ตอนนี้ พวกเราหน่วยที่ 7 กับอีก 5 หน่วยได้เข้ามากันแล้ว พวกเราจะรีบไปช่วยกันเดียวนี้แหละ" ทหารเดลอาเนี่ยนกล่าวจากเครื่องสื่อสารที่หลุดจากพวกทหารที่ล้มตายกันไว้
              "ถึงทหารหน่วยที่ 7 โคเคสหนีไปที่บันไดใหญ่เพื่อหนีออกประตูหลัก ให้รีบมุ่งหน้าไปที่นั้นได้เลย" โคเคสดัดเสียงติดต่อกลับไป     
              ทหารเดลอาเนี่ยนตอบรับ "รับทราบแล้ว คราวนี้พวกเราชนะแน่นอน" แล้วโคเคสก็โยนเครื่องสื่อสาร เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องคอมพิวเตอร์ "เอาละ ถึงเวลาต้อนรับการมาของพวกนายกันแล้วละ" โคเคสบอก พร้อมกับเซตระบบดังกล่าวไว้เมื่อพวกเดลอาเนี่ยนได้มุ่งหน้าเข้ามายังห้องโถงใหญ่ตรงบันไดหลัก
              "หัวหน้าครับ คิดว่าโคเคสมันจะมาเลยหรือครับ" ทหารชั้นผู้น้อยกล่าวกับหัวหน้าหน่วยที่ 7 ซึ่งตอบกลับไปว่า
              "ตอนนี้ทหารส่วนมากของเรา ของเทรโอเซี่ยมและของอัลแทเรี่ยนได้เข้ามากันแล้ว ไอ้ผู้นำโคเคสนั้นมันไม่มีทางรับมือกับพวกเราไปได้หรอก" ทันทีที่ทหารเดลอาเนี่ยนกลุ่มสุดท้ายเข้ามาข้างในนั้น "ครืดดดด ตรึงง ตรึง ตรึง" ประตูชัตเตอร์ตรงทางเข้าด้านหน้าเลื่อนปิดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ "แกร็ก อี้ดดดดด อี้ดดดด อี้ดดดดด" พื้นด้านหลังพวกเดลอาเนี่ยนนำแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ออกมาถึง 6 กระบอก แล้วก็ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงทหารเดลอาเนี่ยนจากข้างหลัง แม้พวกที่อยู่ถัดมาจะรีบหันก็ต้องถูกกระหน่ำยิงจนล้มกันอยู่ดี "ครืดดดด แกร็กๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทั้งสองฝั่งเองก็นำแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ออกมากราดยิงใส่ตามไปด้วย
              "บัดซบ ไอ้โคเคสมันวางกับดักไว้เองหรือ" หัวหน้าหน่วยที่ 7 บอก โดยตอนนี้ทหารที่ถามเขาโดนยิงจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ฝั่งซ้ายเข้าตรงหัวและสีข้างล้มไปแล้ว
              "ใช่ และคุณคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าผมติดต่อพวกคุณให้มานี้เองน่ะ" โคเคสกล่าว และโผล่มา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงแรปิดเดเตอร์ใส่พวกทหารเดลอาเนี่ยนที่ขึ้นบันไดมาจนล้มลงไป เช่นเดียวกับเหล่าทหารที่บุกมากันด้วย "ฟ้าวววว ฟ้าววว" ทหารอัลแทเรี่ยนทะยานขึ้นมาด้วยปีกติดเครื่องเจ็ท เพื่อใช้กงเล็บคลื่นความถี่สูง "แกร็กๆ ตรุ้งงงง ตรุ้งงงง ตรุ้งงงง" โคเคสสลับมือขวามาใช้มือซ้ายจับแรปิดเดเตอร์และใช้ช็อคแคนน่อนเป่าทหารอัลแทเรี่ยนจนปลิวไปอัดกับเสาและผนังเต็มแรง จากนั้นก็ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงแรปิดเดเตอร์ใส่ทหารเดลอาเนี่ยนที่อยู่เบื้องล่าง แม้กระทั่ง "อั้กๆๆๆๆๆๆ" หัวหน้าหน่วยที่ 7 เองด้วย
              "แว้งๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไรก็มีพวกมนุษย์หุ่นยนต์เมคครอฟิค ซึ่งมีตากลมข้างซ้ายและตาแถบยาวด้านขวา หลังค่อม โดยที่มีปืนประดับบนด้านหลังสองกระบอกโผล่มาถึง 15 ตัว "ฟ้าวๆ ตรูมๆ" ยิงกระสุนพลาสม่าเข้าใส่โคเคส จนบีบให้ประธานาธิบดีโดดลงมา "แชดๆๆๆๆๆ" ทหารหุ่นยนต์โผล่มาพร้อมกับใช้แขนปืนทั้งสองข้างยิงกระสุนอนุภาคเข้าใส่ จนโคเคสต้องรีบวิ่งหนีไป "ง้าววววว ตายซะเถอะ" ไม่ทันไร ทหารชาวแมทเฟลิมในชุดเกราะสีส้มโผล่มาพร้อมกับกงเล็บยาวสองซี่ที่แขนทั้งสองข้าง กระโจนเข้าหมายจะสังหารโคเคสโดยเร็ว
              "ไฮย้า" ไม่ทันไรก็มีแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ครีซีแทนหญิงในชุดเกราะแถมกระโปรงสีแดงสลับเทากระโจนเข้าปะทะกับทหารแมทเฟลิมจนกลิ้งกระดอนไปหลายตลบ และตัวนักรบหุ่นยนต์หญิงที่มีสวมหมวกที่มีส่วนกลมด้านหน้าก็นั่งค่อมตัวนักรบแมวต่างดาวแล้วก็ "ฉึกๆ" จ้วงแทงมีดทะลุคอและกลางหน้าอกดับชีพนักรบแมวอวกาศผู้นี้ลง โดยลุกขึ้นยืนมา "แง้วววววว" นักรบแมทเฟลิมที่เหลือบุกเข้ามาด้วยกงเล็บยาวบุกเข้าใส่แมนิเกเตอร์หุ่นยนต์หญิงอย่างรวดเร็ว "หึ" เธอยิ้มพร้อมกับหันส่วนมีดที่ติดแขนทั้งสองข้างจนเกิดพลังคลื่นขึ้น "โซนิคสไลเซอร์" แล้วก็ซัดออกเป็นคลื่นใบมีดบูมเมอแรงความเร็วสูง "ฉึบๆ" โดยตัดท้องและคอของแมทเฟลิมตัวแรกขาด แต่ตัวที่สองกระโจนเข้าใส่ "กร้อง กร้อง" แต่คลื่นใบมีดบูมเมอแรงที่สับมนุษย์แมวต่างดาวตัวแรกขาดกระทบกับเสาหินอ่อนสะท้อนวกกลับมา "ฉึบ ฉึบ" พุ่งกรีดตัดหัวแยกขากรรไกรบนล่างออกพร้อมกับสับหน้าอกขาดออกจากลำตัวดับอนาจกลางอากาศไปในทันที จากนั้นก็... "เครเซนท์ชิลด์" เธอวิ่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบมีดบูมเมอแรงสีทองที่หมุนวนรอบตัวเธอ ซึ่งพวกทหารหุ่นยนต์ระดมยิงปืนแสงเข้าใส่ก็ "เปร้งๆๆๆๆๆๆ" ลำแสงถูกใบมีดที่หมุนรอบตัวแมนิเกเตอร์ครีซีแทนหญิงปัดสะท้อนออกไป "ไฮย้า เครเซนท์สแมช" จากนั้นก็พุ่งโดดถีบใส่ "เปรี้ยงงงง" จนใบมีดพุ่งกรีดร่างทหารหุ่นยนต์ขาดเป็นสี่ซีกและ "ตรูมมมม" ระเบิดแหลกเหลวไป แล้วก็ "ท่าไม้ตาย ทวินสแลชเชอร์ เซเวนท์สเปรดพลัช" สบัดแขนซัดคลื่นคมมีดสีม่วงเจ็ดคลื่นเข้าใส่ทหารหุ่นยนต์จนขาดครึ่งและ "ตรูมๆๆๆๆๆ" ระเบิดไปพร้อมกัน แล้วก็รีบมาสมทบกับโคเคส "ปลอดภัยดีนะคะ ท่านประธานาธิบดี" ครีซีแทนหญิงกล่าว
              โคเคสพยักหน้า "ขอบใจมากน่ะ ที่มาช่วยน่ะ แคร์เรี่ยน ตอนนี้ เธอกับแอร์ไพล์มมิส มาถึงแล้วสิน่ะ"
              "คะ ผบ.บัลโต้ส่งพวกเรามาช่วยท่านออกไป พร้อมกับช่วยชาวเมืองนี้จากภัยคุกคามกันน่ะคะ" แคร์เรี่ยนรายงาน โดยเปลี่ยนมีดทั้งสองข้างให้กลายเป็นมือ พร้อมกับรับแรปิดเดเตอร์จากโคเคสมาใช้ต่อ ซึ่งด้านนอกนั้น
              "พวกเมคครอฟิคทีมที่ 22 ที่ไปกับเดลอาเนี่ยนหน่วย 7 สัญญาณขาดหายไปพร้อมกัน เริ่มต้นปฏิบัติการณ์โจมตีต่อ" ทหารหุ่นยนต์เกราะสีเขียวแก่กล่าวโดยนำทีมวาร์ปเข้ามา แต่ก็.... "แชดดด แชดดดด แชดดดด" มีลำแสงพุ่งเข้ามาถล่มพวกเมคครอฟิคจนเป่าทหารหุ่นยนต์ต่างดาวพังไปเป็นสิบด้วยกัน
              "หัวหน้า มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตแบบจักรกลโผล่มากันน่ะ" ทหารเมคครอฟิคระดับรองลงมารายงาน โดยตอนนี้ แอร์ไพล์มมิสนำทีมครีซีแทนหน่วยบินของตนเอง และเหล่าครีซีแทนยอดนักสู้ออกมากันแล้ว
              "แจ่ม เดลอาเนี่ยนมีหุ่นต่างดาวด้วยหรือ นั้นก็ดีแล้วละ ที่พวกเรา เหล่าครีซีแทนได้แสดงฝีมือกันน่ะ" แอร์ไพล์มมิสกล่าว และสั่งการให้ "แอร์ยูนิต ระดมโจมตีสนับสนุนจากภาคอากาศสนับสนุนคอมแบทฟอสกันเดียวนี้เลย"

              "รับทราบครับ คะ" เหล่าครีซีแทนภายใต้บัญชาของแอร์ไพล์มมิสตอบรับ แล้วก็ "ฟ้าวๆๆๆๆๆ" พวกครีซีแทนบินได้ก็บินขึ้นพร้อมกับ "แชดดดด แชดดดด แชดดดด" ยิงปืนยาวกราฟพลาสม่าไรเฟิ่ลเข้าใส่พวกเมคครอฟิค ซึ่งรีบกางบาเรียป้องกันลำแสงไว้ โดยที่ส่วนหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยไอพ่นกลางหลัง พร้อมกับอ้าแขนปืนสร้างดาบแสงสีน้ำเงินเข้มออกมา "สตอร์มทอร์เนโดว" ครีซีแทนเกราะสีม่วงสลับเหลืองยิงแขนปืนพลังพายุลมพุ่งเข้า "ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆ" เป่าอัดใส่เมคครอฟิคที่บุกเข้ามาจนแตกกองไป "ฟ้าวววว หวับบบ" เมคครอฟิคพุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้ดาบพลังงานฟาดใส่ "ครี้งงงงงงง ป้ากกกก" ครีซีแทนหญิงเกราะสีฟ้า ซึ่งไว้ผมดัดแบบกระบอกกลมด้านหน้าสร้างโลห์หนามน้ำแข็งเข้ามาป้องกันไว้ แต่เมคครอฟิคตนนั้นเตรียมจะยิงลำแสงจากปืนบนหลังทั้งสองข้าง "เปรี้ยงงงงง" แต่เมคครอฟิคตนนั้นกลับถูกครีซีแทนเกราะขาวแต่มีแผ่นเกราะหนาสีดำใช้สว่านเจาะขึ้นมาเสยด้านหลังของหุ่นต่างดาวจนแหว่งไป พร้อมกับถีบส่งมา "ฉึกกกกก ป้ากกกก" ให้ครีซีแทนหญิงทิ้มด้วยโลห์น้ำแข็งเข้ากลางลำตัวหุ่นต่างดาวจนแดดิ้นไป พวกเมคครอฟิคเลยระดมยิงปืนเข้าใส่ "โรลลิ่งชิลด์" ครีซีแทนหญิงเกราะสีชมพูสลับเทากระโดดเข้ามากางบาเรียพลังงานทรงกลมสีฟ้าต้านทานลำแสงเอาไว้ ครีซีแทนเกราะสีเทาซึ่งมีแถบตารางหมากรุกบนแขนและตามตัวก้าวเข้ามา "สปินนิ่งวิลคัตเตอร์" ยิงกงจักรล้อรถพุ่งเข้า "ฟ้าววว กรี้กกกกก ฉั้วะๆๆๆๆ" สับตัดขาพวกเมคครอฟิคจนขาดแหว่งไป และตกเป็นเป้าให้แอร์ยูนิตยิงด้วยปืนกราฟพลาสม่าซ้ำ "โลตัสเกรเนด" ครีซีแทนหญิงที่มีดอกกุหลาบบนหัวยิงลูกระเบิดดอกบัวบานพุ่งเข้า "ตรูมมมม" เป่าพวกเมคครอฟิคที่บุกเข้ามาจนล้มระเนระนาด "เชอรี่บลอสซั่มแกตลิ่ง" แล้วก็ยิงกระสุนเป็นกลีบดอกซากุระเข้าใส่พวกเมคครอฟิคที่บุกมาจากฝั่งซ้ายไป "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" ไม่ทันไรพวกอัลแทเรี่ยนบินมาพร้อมกับถือกระบี่พลังไฟฟ้าออกมา โดยบินโฉบลงมาเพื่อจัดการกับพวกคอมแบทฟอส "คาเนลอนเซเบอร์ ไทรเอดธันเดอร์" แอร์ไพล์มมิสตวัดกระบี่แสงที่เปลี่ยนเป็นคมดาบพลังไฟฟ้าให้เป็นรูปสามเหลี่ยมและซัดออก "ฟ้าววว เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" ไปช็อตพวกอัลแทเรี่ยนที่บินเข้ามาจนดำตอตะโกร่วงลงพื้นไปสามตน แล้วตนก็บินทะยานขึ้น เพื่อเข้าสู้กับพวกอัลแทเรี่ยนที่หันมาทางตนแล้ว "ฟ้าวววว เคร้งๆๆๆๆๆ" ซึ่งแอร์ไพล์มมิสและเหล่านักรบอัลแทเรี่ยนปะดาบกันกลางอากาศ จนพวกมันถอยกลับมาเพื่อเตรียมแทงใส่
              "โดนช็อตยังไม่พอใช่มั้ย งั้นกลายเป็นนกย่างไปเลย แมกม่าเบลด" แอร์ไพล์มมิสเปลี่ยนคมดาบจากพลังไฟฟ้ามาเป็นพลังเพลิง "หวับบบบ ฉั้วะ" โดยเริ่มจากการตวัดดาบฟันใส่อัลแทเรี่ยนสองตัวที่บุกมาจนไฟครอกร่างและร่วงลงมา จากนั้นก็ "หวับบบ ฟ้าว" ฟาดดาบลงจนเกิดคลื่นคมดาบความร้อนสูงเทียบเท่ากับความร้อนของแมกม่า "เปรี้ยงงงงง พรึ่บบบบ" เข้าแผดเผานักรบนกหงษ์หยกต่างดาวจนร่วงเป็นนกย่างตามลูกน้องไป "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ" ทหารอัลแทเรี่ยนเลยยิงกระสุนมีดจากปืนยาว ซึ่งแอร์ไพล์มมิสเห็นเช่นนั้นเลยโต้ตอบด้วย "สตอร์มมิราจ" การซัดร่างเงาของตนไป 5 ร่างพุ่งเข้า "ฟ้าว ฉั้วะๆๆๆๆ" ฟาดฟันด้วยคมดาบสายลมทำลายห่ากระสุนมีดจนแตกกระจุยไปกันหมด "ฟิ้วๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆ" แล้วพวกแอร์ยูนิตก็ยิงโฮมิงค์มิไซล์เข้าเล่นงานทหารอัลแทเรี่ยนร่วงไป 3 หน่วยด้วยกัน "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แคร์เรี่ยนเลยโผล่มาพร้อมกับโคเคสกราดยิงแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์เข้า "ปุ๊ๆๆๆๆๆ ปุ๊ๆๆๆๆๆ ปุ๊ๆๆๆๆๆๆ ปิ้วๆๆๆ โป้งเป้งๆๆๆ" สอยพวกเมคครอฟิคที่ดาหน้าเข้ามาจนร่วง เช่นเดียวกับ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตุ้ง แกร็ก ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตุ้ง" โคเคสใช้อาก้า-49C กระหน่ำยิงทั้งกระสุนเหล็กและกระสุนระเบิดเป่าใส่พวกเมคครอฟิคจนร่วงไปกันหมด "นึกแล้วว่าท่านต้องเอาตัวรอดไปได้น่ะ" แอร์ไพล์มมิสบอก
              "ฉันต้องขอบใจพวกเธอ รวมถึงผบ.กันด้วยน่ะ ที่มาช่วยฉันไว้ แม้ว่าในตอนนี้...." โคเคสกล่าว เพราะตอนนี้เริ่มมียานอวกาศบินมากันแล้ว
              แคร์เรี่ยนกล่าว ".....สงสัยว่าพวกเดลอาเนี่ยนคงต้อนรับพวกเราแบบเอิกเกริกอย่างมากแน่ๆเลยละคะ"
              "แต่ถึงกระนั้น ฉันจะยอมให้ประชาชนส่วนมากที่อยู่ในเมือง รวมถึงในดาวดวงนี้ ถูกพวกมันย้ำยี่ไปไม่ได้เด็ดขาด" โคเคสบอก "หัวหน้าแอร์ไพล์มมิส หัวหน้าแคร์เรี่ยน นี้คือคำสั่ง ร่วมมือกับกองทหารที่อยู่ในตัวเมือง รวมถึงที่ยังเหลือรอดอยู่ ปกป้องประชาชน หยุดยั้งพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้ให้ได้"
              แคร์เรี่ยนและแอร์ไพล์มมิสกับพวกครีซีแทนตอบ "รับทราบครับ/คะ"
    ต่อช่วงที่ 2 กันได้เลยครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×