The Children Day Is People Wolf
ผู้เข้าชมรวม
357
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
The Children Day Is People Wolf
วันเด็กของชาวหมาป่า
“แม่ฮะแม่ วันนี้พวกเราไปที่หมู่บ้านหมาป่าใจกลางป่าฟาเรนเซียใช่ไหมฮะ” หมาป่าน้อยยืนถามผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังทำกับข้าวอยู่ “ใช่จ๊ะลูก วันนี้เป็นวันพิเศษ ที่พวกผู้ใหญ่เขาจัดขึ้นเพื่อเด็กนะจ๊ะ” หมาป่าน้อยงง “เพื่อพวกผม พวกผมมีวีรกรรมอะไรเหรอฮะ ที่ต้องจัดงานฉลองเสียยิ่งใหญ่อย่างนี้” แม่ขำในท่าทีของลูกชายหมาป่า “ไม่ได้มีวีรกรรมอะไรหรอกจ๊ะ” โรล(แม่)นั่งลงลูบหัวหมาป่าน้อย ซึ่งหมาป่าน้อยชอบที่แม่ทำแบบนี้เสมอ “แต่เพราะลูกเป็นลูกของแม่ไงละ ที่จัดงานวันเด็กนี้ก็เพื่อลูกที่แม่รักจะได้สนุกสนานกัน และก็เพื่อพ่อแม่อย่างเราจะได้นัดเจอพบปะกันไงละจ๊ะ” หมาป่าน้อยที่ตอนนี้นอนให้โรลลูบหัวอยู่นั้นเอ่ยพูดขึ้นว่า “อย่างนั้นเองเหรอฮะ”
“ไปอยู่กับพ่อซะไป แม่จะทำกับข้าวเอาไปกินกับเพื่อนวันนี้นะจ๊ะ” โรลหยุดลูบหัวของหมาป่าน้อยและหันไปวุ่นกับของที่อยู่บนเตา หมาป่าน้อยยืนทำหน้าเซ็งๆและออกจากห้องไป หมาป่าน้อยเดินออกจากบ้าน ยืนนิ่งดมกลิ่นหาผู้เป็นพ่อ เมื่อจับกระแสกลิ่นได้แล้วจึงเดินตามกลิ่นนั้นไปจนไปถึงต้นไม้สูงที่แนวชายป่า “พ่อมาแอบหลับอยู่นี้เอง” หมาป่าน้อยรำพึงออกมา จากนั้นก็เริ่มไต่ต้นไม้ขึ้นไป ด้วยความที่ว่าหมาป่าน้อยมีเล็บยาวและคมกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน(เพราะเป็นเลือดผสมระหว่างมนุษย์หมาป่ากับนางฟ้านะ แต่ตอนนี้หมาป่าน้อยไม่สามารถแปลงร่างเป็นแวร์วูฟจนกว่าอายุจะครบ 12 ปี เนื่องจากสายเลือดผสมนั้นแหละ)
ฟึบๆๆ หมาป่าน้อยกระโดนจากกิ่งไม้กิ่งหนึ่งไปสู่กิ่งหนึ่ง จนถึงต้นไม้ที่หมาย หมาป่าน้อยมองดูพ่อของตัวเองที่อยู่ในร่างมนุษย์ผมสีดำ มีรอยสักจากแก้มถึงขอบคางสีม่วง ใส่ชุดเกราะสีดำปนม่วง นอนหลับอยู่กลางแสงแดดบนกิ่งไม้ท่อนใหญ่ ยามหลับช่างดูเท่ยิ่งนักจนหมาป่าน้อยรู้ว่าทำไมแม่ของตนจึงเลือกพ่อมาเป็นคู่ชีวิต หมาป่าน้อยเดินเข้าไปใกล้ๆพ่อจากนั้นก็ลงเพื่อหลับบ้าง เพราะไม่อยากปลุกพ่อขึ้นมา ในที่สุดหมาป่าน้อยก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป
1 ชั่วโมงต่อมา
“ครอก.....ฟี้.....” หมาป่าน้อยนอนหลับอุตุอยู่บนท่อนไม้ใหญ่ แต่ร่างข้างนั้นตื่นขึ้นมาแล้วและพึ่งรู้ว่าเจ้าลูกชายมานอนอยู่ข้างๆเสียตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไม่รู้ “เฮ้! ตื่นเว้ยเจ้าลูกชาย ข้าต้องรีบกลับบ้านนะ” ฟอร์เต้(พ่อ)เขกหัวลูกชายที่นอนหลับอยู่เบาๆ แต่ก็ทำให้หมาป่าน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมา ฟอร์เต้กระโดดกลับบ้านไปแล้ว หมาป้าน้อยยืนสะบัดตัวคลายความง่วง “อ็ะ! วันนี้เราต้องไปหมู่บ้านนี้หน่า ต้องรีบกลับบ้านแล้วเรา” หมาป่าน้อยนึกเรื่องหนึ่งออกมาได้ จึงถีบตัวไปตามกิ่งไม้เรื่อยๆด้วยความเร็วสูง จนในที่สุดก็ถึงแนวเขตชายป่า
“ท่าเหวี่ยงพายุหมุน!!!!!” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากในบ้าน พร้อมกับร่างของชายเกราะดำซึ่งกระเด็นมาตกข้างๆหมาป่าน้อย ชายคนนั้นคือฟอร์เต้นั้นเอง “พ่อฮะ.....ทะเลาะอะไรกับแม่อีกละฮะ” หมาป่าน้อยเหงื่อตกพลางคิดว่าพ่อของเขาแพ้แม่อีกแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่ไปขอแม่แกทำ... แอ๊ก!!!!” ฟอร์เต้กำลังจะพูดถึงเรื่องที่เด็กไม่สมควรรู้ออกมา แต่ก็มีรองเท้าบูทสีน้ำตาลเข้มลอยออกมาจากหน้าประตูบ้านเข้าที่กะลาหัวของฟอร์เต้ทันที ซึ่งทำให้ฟอร์เต้หัวหมุนไปหมด “ไอ้คุณพี่ฟอร์เต้ อย่าพูดเรื่องไม่ดีแบบนั้นให้ลูกรู้ได้ไหม!!!!” โรลเดินออกมาพร้อมกับถือตะกร้าใส่ของในมือซ้าย เส้นเลือดปูนขึ้นมาเต็มหัว “ลูกก็เป็นผู้ชายนะ แถมเรื่องแบบนั้นอีกไม่นานลูกก็ต้องรู้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ!!!!” ฟอร์เต้ลุกขึ้นมาเถียง
“เอ้อ!!! แต่รอให้ถึงเวลาก่อนเถอะ อีกอย่างวันนี้เราต้องไปงานที่หมู่บ้านหมาป่าไม่ใช่เหรอ จะมาทำแบบนั้นได้ไงกัน” โรลตะโกนใส่หูฟอร์เต้ใกล้ๆ ทำให้ฟอร์เต้นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร “เออ....ข้าผิด ข้าลืมเองแหละ” ฟอร์เต้เอามือเกาหัวและพูดขอโทษ “ไม่เป็นไรหรอก.....งั้นเราก็....” โรลกำลังจะพูดจบแล้ว แต่ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนขัดมาว่า “เฮ้! รอพวกเราด้วยสิพี่ชาย!” โรล ฟอร์เต้ และหมาป่าน้อยหันไปมองเจ้าของเสียง ก็พบกับชายในชุดเกราะสีแดง สวมหมวกที่ติดแว่นตา มีผ้าพันคอสีเหลือง ยืนอยู่ข้างๆกับหญิงสาวผมทองที่ถูกมัดรวบไว้ อยู่ในชุดเสื้อผ้าสีน้ำตาลอมส้ม แบบกระโปรงติดกับเสื้อ และเด็กผู้หญิงผมสีม่วง เสื้อกระโปรงสีขาว มีรูปวงกลมสีม่วงที่กลางหน้าอก
“คุณบลูสเองรึค่ะ สวัสดีค่ะ ไงสวัสดีคารินก้า” โรลทักทายคนทั้งสอง แต่ดูเหมือนเธอจะลืมเด็กผู้หญิงผมม่วงไปซะสนิทเลย “สวัสดีค่ะ คุณน้าโรล” เด็กผู้หญิงผมสีม่วงเอ่ยพูดขึ้น ทำให้โรลพึ่งสังเกตเห็น “อ้าว? ลืมเจ้าตัวน้อยไปซะสนิทเลย สวัสดีจ๊ะหนูลูมิเน่” หลังจากที่ทักทายกันเสร็จหมดแล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านหมาป่ากัน โดยเดินทางกันเป็นคู่ๆ คือโรลกับคารินก้า(คุยกัน) ฟอร์เต้กับบลูส(คุยกัน) สุดท้ายก็คือหมาป่าน้อยกับลูมิเน่(จำใจ)
“คุณน้าค่ะ หมาป่าน้อยตัวนี้คือ......” ลูมิเน่ถามโรล โรลกำลังจะตอบแต่ก็ได้รับกระแสจิตจากหมาป่าน้อยว่าอย่าบอกเรื่องจริงของเขาให้ลูมิเน่รู้ ให้บอกไปว่าเป็นสัตว์เลี้ยง โรลจึงตอบโกหกไปว่า “เป็นสัตว์เลี้ยงของน้าเองจ๊ะ พอดีเจ้านี้หลงทางมาที่บ้านน้า น้าเลยรับเลี้ยงไว้เพราะน้าไม่มีลูก” ฟอร์เต้ฟังดังนั้นแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร ลูมิเน่เดินเข้าไปชิดหมาป่าน้อยมากขึ้นมากขึ้น จากนั้นก็จับหมาป่าน้อยอุ้มไปวางไว้บนหัว
“เดินมันเหนื่อยนะ ฉันแบกให้ละกัน แหม....ขนนิ่มจริงๆเลยนะ” ลูมิเน่พูด หมาป่าน้อยรู้สึกมีความสุขเพราะไม่ต้องเดินเอง ทั้งหมดเดินจนไปถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งทำด้วยไม้ที่ตั้งเป็นซุ้มประตู มีกำแพงไม้แหลมล้อมรอบหมู่บ้าน
“กรุณาคืนร่างก่อนจะเข้ามาด้วยครับ” แวร์วูฟที่ทำหน้าที่เป็นยามบอก ทั้งหมดจึงคืนร่าง(ยกเว้นหมาป่าน้อยกับโรล) ฟอร์เต้กลายเป็นแวร์วูฟขนสีดำตาสีแดง บลูสกลายเป็นแวร์วูฟขนสีเงินตาสีเทา คารินก้ากลายเป็นแวร์วูฟสาวขนสีเงินตาสีเทา ส่วนลูมิเน่นั้นก็กลายเป็นแวร์วูฟสาวน้อยขนสีม่วงแกมเทา(กลายพันธุ์...)
“เออ.....แล้วหมาป่าตัวนั้น.....” ยามเอ่ยปากถามโรลและชี้ไปที่หมาป่าน้อยซึ่งอยู่บนหัวของลูมิเน่ “อ้อ! นั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของเราเอง ไม่ใช่เผ่าแวร์วูฟหรอกค่ะ “เหรอครับ แล้วคุณละ?” ยามถามต่ออีก โรลก็ตอบกลับไปต่อว่า “ฉันเป็นเผ่ากึ่งนางฟ้ากึ่งมารค่ะ เป็นภรรยาของหมาป่าขนสีดำนั้นแหละ” ยามก็เข้าใจดี เพราะข่าวการแต่งงานของทั้งคู่นั้นโด่งดังพอสมควร
“งั้นก็เชิญเข้าหมู่บ้านได้เลยครับ” ยามเปิดทางให้คณะของโรลเดินเข้าไป ทั้งหมดเดินไปในหมู่บ้าน ข้างในมีผู้คนอยู่มากมายพอสมควร แต่ทุกคนนั้นเป็นแวร์วูฟซึ่งมีอยู่ด้วยกันสี่สีสี่เผ่าคือ เผ่าแบล็ก(สีดำ) เผ่าซินเวอ(สีเงิน) เผ่าไวท์(สีขาว) และเผ่าบราว(สีน้ำตาล) กำลังคุยกันดังพอสมควร
“แม่ค่ะ เราจะไปไหนกันเหรอค่ะ” ลูมิเน่กระตุกกระโปรงคารินก้าเพื่อถามคำถาม “เราจะไปที่สวนสาธารณะกันจ๊ะ ที่นั้นเขามีงานแสดงโชว์หลายอย่างเลยนะจ๊ะ แถมมีเปิดท้ายขายของอีก” คารินก้าตอบ ลูมิเน่หายสงสัยแล้วจึงเดินไปต่อ ระหว่างทางนั้นพวกเพื่อนๆของฟอร์เต้และบลูส(เช่น เกท ไฮแมค ไอซอก แมค แฟนธ่อม(?) เป็นต้น) ไปดื่มน้ำชาและพูดคุยถึงเรื่องพวกตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นปัญหาของป่านี้อยู่ในขณะนี้ จึงเหลือเพียงดรล คารินก้า ลูมิเน่ และหมาป่าน้อยเท่านั้นที่กำลังเดินไปสวนสาธารณะ
“ถึงแล้วจ๊ะ! เป็นไงละ สวยมากไหม” คารินก้าพูด ลูมิเน่และหมาป่าน้อยมองอย่างทึ่ง สวนสาธารณะซึ่งเป็นป่าเขียวชอุ่ม มีแม่น้ำลำธารไหลผ่าน เส้นทางร้านขายของยาวเป็นทาง อีกด้านก็มีการโชว์การละเล่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการโยนขวด13ใบเลี้ยงไปมา การเล่นเกมส์ยิงปืนผาหน้าไม้ การแสดงละคร การโชว์แม่ไม้มวยหมาป่า(มีด้วยรึ?) แต่ดูเหมือนสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจก็คือ ดาบแห่งผู้เสียสละ ซึ่งถูกเอามาตั้งโชว์ไว้กลางสวนสาธารณะเพื่อให้ผู้คนได้ชื่นชมกัน
(ขอบรรยายถึงดาบแห่งผู้เสียสละสักนิด มันเป็นดาบของผู้กล้าในตำนานของเหล่าหมาป่า ชื่อของเผ่ามารสายเลือดหมาป่าในตำนานตัวนั้นคือ WarRock (เป็นญาติห่างๆของเอ็กซ์ วีรบุรุษในปัจจุบัน) เขาเป็นเผ่ามาร(ผสมหมาป่า)ซึ่งเป็นผู้ที่จัดตั้งหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อตั้งค่ายต่อสู้กับเหล่าไลแคนซึ่งเป็นมนุษย์หมาป่าที่ดุร้าย จนพวกมันนั้นล่าถอยกลับอาณาจักรของมันไป แต่แล้วในการสงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างแวร์วูฟกับไลแคน(ซึ่งเอ็กซ์และซีโร่มาร่วมสู้ด้วย) สามตำนานได้ร่วมกันต่อสู้จนในที่สุดก็ปราบเหล่าไลแคนได้หมดรวมทั้งหัวหน้าไลแคนด้วย แต่วอร์ร็อกนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากได้ใช้ตัวปกป้องเอ็กซ์ไว้จากคมดาบของพวกไลแคน ในที่สุดก็เสียชีวิตลง และนี้คือเรื่องเล่าของตำนานดาบแห่งผู้เสียสละนั้นเอง)
“แม่ค่ะ....เออ.....แล้วเกราะหมาป่าในตำนานละค่ะ ทำไมไม่มีจัดแสดงด้วยละค่ะ” ลูมิเน่ถามแม่ของตนเพราะเคยได้ฟังตำนานนี้มาจากครูมาบ้างแล้ว ว่ากันว่าอาวุธแห่งตำนานของวอร์ร็อกนั้นนอกจากจะมีดาบแห่งผู้เสียสละแล้ว ยังมีเกราะหมาป่าสะท้านโลกา หน้าไม้เวทมนตร์ และคทาแห่งผู้บริสุทธิ์อีกด้วย แต่คารินก้านั้นไม่รู้ บังเอิญวิทยากรของงานจัดแสดงนั้นได้ยินเข้า จึงเดินมาอธิบายให้ลูมิเน่ฟังว่า
“หนูจ๊ะ......คือว่าเกราะหมาป่าสะท้านโลกานั้นนะ ถูกหนึ่งในองค์รักษ์ของวอร์ร็อกเอาไปแล้วละจ๊ะ เนื่องจากมันเป็นเกราะที่มีพลังพิเศษ หากนำไปใช้ในด้านร้ายโลกนี้คงไม่สงบสุขแน่ ว่ากันว่ามันถูกเอาไปเก็บไว้ที่เชิงเขานภาราช ซึ่งการเดินทางไปที่นั้นลำบากมากยิ่งนัก อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับผู้ปกป้องเกราะอีกจึงจะได้มันมานะจ๊ะ ส่วนอาวุธอีกสามชิ้นที่ไม่ได้ถูกซ่อนเพราะว่า ดาบผู้เสียสละนั้นหักครึ่งไปแล้ว หน้าไม้เวทมนตร์ก็พังในการสู้รบ ส่วนคทาแห่งผู้บริสุทธิ์ก็ยังไม่มีผู้ที่เหมาะสมพอจะยกมันได้ เนื่องจากมีแต่คนที่คิดจะนำไปทำในเรื่องร้ายๆทั้งนั้น ตอนนี้มันตั้งอยู่ที่ใจกลางเอเรียซีโร่ซึ่งเป็นสนามรบครั้งยิ่งใหญ่ของแวร์วุฟกับไลแคนนะจ๊ะ” วิทยากรบรรยายทุกอย่างให้ทุกคนฟังโดยละเอียด ลูมิเน่พยักหน้าเนิบๆอย่างเข้าใจ ส่วนโรลและคารินก้าก็สนใจอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าตำนานนั้นจะเป็นเรื่องจริง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีแต่หมาป่าน้อยเท่านั้นที่ดูสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“นั้นคารินก้ากับโรลนี้หน่า ทางนี้ๆเลยจะ!!!!” มีคนเรียกพวกโรลดังมาจากข้างหลัง เมื่อหันไปดูก็พบกับหญิงชาวบ้านสองสามคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างริมธาร ทั้งหมดเดินไปนั่งที่นั้น แล้วการคุยเมาท์กันก็เกิดขึ้น ลูมิเน่ถอดหายใจด้วยความเซ็ง หมาป่าน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆก็เช่นกัน “เซ็งเหมือนกันเรอะ หมาป่าน้อย” ลูมิเน่ถาม หมาป่าน้อยสะดุ้งเฮือก แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นเราไปหาอะไรกินกันไหมละ” หมาป่าน้อยลุกขึ้นยืนอย่างดีอกดีใจ เพราะตอนนี้มันหิวจะตายอยู่แล้ว ลูมิเน่ขอเงินคารินก้าไปซื้อขนม ซึ่งคารินก้าให้มาเป็นจำนวนมากเพราะไม่อยากให้ลูกมาขัดการพูดคุยกันของผู้หญิง(ถึงผู้หญิง)อีกทั้งครอบครัวของคารินก้ายังมีฐานะร่ำรวยเสียอีกด้วย
“ไปกันเถอะจ๊ะ เจ้าหมาป่า” ลูมิเน่พูด พลางอุ้มหมาป่าน้อยขึ้นมาเทิดหัวไว้ หมาป่าน้อยรู้สึกว่าขนบนหัวของลูมิเน่ช่างนุ่มน่านอนเสียจริงๆ ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆผ่านที่จัดแสดงดาบในตำนานไป จนถึงเขตพื้นที่ขายของ ทั้งคู่แวะไปซื้อไอติมโคนข้างทาง โดยทั้งคู่นั้นกินไอติมจากโคนเดียวกัน เนื่องจากหมาป่าน้อยไม่มีมือที่จะใช้ถือ หลังจากที่กินไอติมกันหมดแล้ว ทั้งคู่ก็ไปหาเนื้อปิ้งจากร้านข้างเคียงมากิน แต่หมาป่าน้อยไม่กิน ลูมิเน่ยืนงงเพราะเนื้อนี้เป็นของโปรดของแวร์วูฟเลยละ
“ทำไม.....ไม่กินเหรอ อร่อยนะ” ลูมิเน่ถามคนที่อยู่บนหัว หมาป่าน้อยสายหน้าชี้เท้าไปยังร้านขายแอปเปิ้ล “เธออยากกินแอปเปิ้ลอย่างนั้นเหรอ?” ลูมิเน่ถาม หมาป่าน้อยพยักหน้างึกๆ ลูมิเน่จึงซื้อแอปเปิ้ลมาจากนั้นก็ไปนั่งกินกันที่ข้างลำธาร จนในที่สุดทั้งเนื้อและแอปเปิ้ลก็หมดลง ทั้งคู่จึงเริ่มเดินเข้าเที่ยวในพื้นที่ขายของอีก แต่แล้วหมาป่าน้อยก็เหลือบไปเห็นของซึ่งอยู่ในร้านขายสรรพอาวุธ จนเผลออุทานออกมาว่า
“ว้าว~ ดาบมายาหมาป่าคลั่งนี้น่า!!!” นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลูมิเน่ตกใจพลางหันซ้ายมองขวาว่าใครเป็นคนพูด มองไปที่คนบนหัวซึ่งปิดปากอยู่อย่างมีพิรุธ ลูมิเน่ยิ้มและยกร่างหมาป่าน้อยมานั่งลงที่ตรงหน้า หมาป่าน้อยทำหน้างงแบบเจียมเจี๋ยมต่อหน้าลูมิเน่ “เธอใช่ไหมที่พูด หึ เจ้าหมาป่า” ลูมิเน่ถาม หมาป่าน้อยส่ายหน้างึกๆเผยพิรุธออกมา “อย่างนี้ต้องทำโทษ......” ลูมิเน่หยิบเนื้อกระต่ายออกมาเตรียมจะยัดใส่ปากหมาป่าน้อย ซึ่งหมาป่าน้อยนั้นไม่ชอบกินเนื้อมาก โดยเฉพาะเนื้อกระต่ายเนื่องจากเพื่อนรักของเขาเป็นกระต่าย จึงยอมพูดไปว่า
“ยอมแล้วฮับ ผมยอมแล้ว อย่าทำผมเลย T.T” ลูมิเน่ยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะพูดว่า “ยืนสองขาซะ แล้วไปร้านขายอาวุธกับฉัน” หมาป่าน้อยทำหน้างงแต่ก็ยืนสองขาขึ้นมา เหมือนกับแวร์วูฟทั่วไปมากเลย แต่ตัวเล็กกว่า “ทำไมเหรอฮะ?” ลูมิเน่ไม่ตอบ จูงมือของหมาป่าน้อยเข้าร้านสรรพอาวุธ ลูมิเน่ปล่อยให้หมาป่ายืนมองอาวุธแต่ละอย่างไป หมาป่าน้อยไปสะดุดตากับดาบและโล่ขนาดเล็กอันนึงเข้า หมาป่าน้อยลองไปยกมันดู มันช่างเบามากจริงๆ ทำจากเหล็กชั้นดีเบาแต่แข็งแรงและคมกริบมาก ปลอกดาบสลักลวยลายอย่างสวยงาม โล่ก็มีการวาดรูปของเกราะหมาป่าสะท้านโลกาเอาไว้
“ชอบเหรอ งั้นฉันซื้อให้ละกัน” ลูมิเน่คว้าดาบและโล่เอาไปจ่ายตั้งกับเจ้าของร้าน หมาป่าน้อยยืนงงในการกระทำของลูมิเน่ ลูมิเน่เดินมาหาหมาป่าน้อยและมัดสายสะพายโล่กับดาบให้กับหมาป่าน้อย ตอนนี้ที่หลังหมาป่าน้อยมีโล่และดาบอยู่ “ถือว่าเป็นการขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนฉันนะ” ลูมิเน่ยิ้ม หมาป่าน้อยก้มลงขอบคุณ
แล้วทั้งคู่ก็เดินไปยิงหน้าไม้เล่นกัน ซึ่งหมาป่าน้อยก็สามารถยิงได้เข้าเป้าหมดทุกนัด เจ้าของร้านจึงให้รางวัลเป็นตุ๊กตาหมีสีเทา หมาป่าน้อยมอบมันให้กับลูมิเน่เป็นของขวัญแทนกับดาบและโล่ ลูมิเน่ดีใจมากสวมกอดและหอมแก้มหมาป่าน้อยอย่างลืมตัว หมาป่าน้อยรู้สึกอึดอัดแต่ไม่มีความรู้สึกอย่างที่ลูมิเน่เป็น (เพราะไร้เดียงสาแบสุดๆมหาสุดๆนั้นเอง) ลูมิเน่หน้าแดงด้วยความอาย
“เรากลับไปหาพวกแม่ๆกันเถอะ” ลูมิเน่พูดและเดินตรงไปยังสถานที่ๆแม่ของเธอนั่งกัน โดยไม่รีรอหมาป่าน้อย เพราะเธออายมาก หมาป่าน้อยเดินสี่ขาสะพายโล่ไว่ที่หลังเดินตามลูมิเน่ไป หมาป่าน้อยถูกแวร์วูฟหลายๆตัวจ้องมองตาเป็นมัน เพราะเขาเป็นคนเดียวในหมู่บ้านนี้ที่เป็นหมาป่า แถมยังมีโล่และดาบที่มีราคาสูงลิบสะพายอยู่ที่หลังด้วย แล้วทั้งคู่ก็ไปสบทบกับแม่ซึ่งกำลังจะกลับบ้านกันแล้ว แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนจะกลับลูมิเน่ก็หอมแก้มของหมาป่าน้อยนึงที จากนั้นก็วิ่งตามพ่อและแม่ของเธอไป หมาป่าน้อยนั่งงงอยู่ว่าลูมิเน่ทำอะไรเขา
“แม่ฮะ.....ผู้หญิงคนนั้นเขาทำอะไรหนูเหรอฮะ?” หมาป่าน้อยถามผู้เป็นแม่ โรลยิ้มและพูดว่า “เอาเป็นว่า......เมื่อถึงเวลาลูกจะรู้เองละ ว่านั้นคืออะไร” แล้วทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็กลับบ้านไป
----------------- The End ---------------
ผลงานอื่นๆ ของ Loveless Nova ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Loveless Nova
ความคิดเห็น